Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    เฮ่ิอ...กว่าจะหาทุนเรียนเอกได้ (1)

    (1) ก่อนมาเยอรมัน

    ย้อนกลับไปเมื่อปีสองพันห้า  ผมเรียนจบบริหารจากที่ญี่ปุ่นและกลับมาทำงานที่เมืองไทยได้หนึ่งปีเต็ม  ถึงแม้จะได้เงินเดือนรวมกับค่าโอทีเกินสี่หมื่นทุกเดือน ...แต่มันไม่ไหวแล้ว  รู้สึกชีวิตว่างเปล่า  ผมรู้ตัวแล้วว่านี่มันไม่ใช่เรา   คุยกับลูกค้า กลับมาก็รายงานเจ้านายคนญี่ปุ่น ผมทำงานเลยสามสี่ทุ่มแทบทุกวัน  ผมรู้เลยว่าเราเราเป็นมนุษย์เงินเดือนอย่างนี้ไม่ได้ ถึงแม้เจ้านายญี่ปุ่นจะให้กำลังใจตลอด เพราะผู้บริหารญี่ปุ่นต้องการให้ผมเป็นผู้บริหารระดับสูงในอนาคตเพราะถูกใจผมมาก ในที่สุดผมก็ตัดสินใจว่าจะต้องลาออกมาทำอะไรสักอย่าง  ช่วงนั้นแฟนเก่าผมจะมาเรียนต่อที่เยอรมัน แฟนคนนี้ผมคบมานานมาก  ห้าปีกว่าจะเลิก เราเจอกันที่ญี่ปุ่น ตอนนันผมตัดสินใจว่าจะไปเรียนต่อเยอรมันนี่แหละ ค่าเทอมก็ไม่ต้องเสีย ถึงแม้เป้าหมายว่าจะทำอะไรต่อสักพักยังไม่ชัดเจนนักก็ตาม แต่ท้ายที่สุดแฟนคนนี้ไม่ได้มาเยอรมัน  เธอไปเป็นแอร์ เราเลิกกันในภายหลัง

    ท้ายที่สุดผมก็ลาออกจากงาน ผมขออนุญาติพ่อแม่ให้ช่วยส่งผมเรียนต่อโทที่เยอรมัน  ท่านไม่ว่าอะไร  เพียงแต่รู้สึกเสียดายว่าถ้าทำงานไปนานๆลูกน่าจะได้เป็นผู้บริหารระดับสูง   จากนั้นผมก็เริ่มหาที่โปรแกรมเรียนโทที่เป็นภาษาอังกฤษในเยอรมัน  และเริ่มคิดว่าจะทำอะไรต่อไปในอนาคต  ผมนั่งนึกว่าเราสามารถทำอะไรได้ดีบ้าง เราชอบอะไรบ้าง ผมนึกถึงวันเก่าๆสมัยเรียนที่ญี่ปุ่น  อาจารย์ชาวญี่ปุ่นที่สนิทกับผมเคยพูดว่าทำไมไม่เป็นอาจารย์ ท่านชอบเวลาผมทำพรีเซนท์เทชั่นหน้าห้องมาก  มันเคลียร์  ชัดเจน เพื่อนหลายๆคนก็เคยพูดว่าผมน่าจะไปเป็นอาจารย์

    อย่างที่สอง ผมมีความเพ้อฝันมาแต่ไหนแต่ไรว่าอยากเป็นซุปเปอร์โมเดล ผมจินตนการอยู่เสมอว่ามันน่าจะดีแค่ไหนนะ  ถ้าเราได้เดินบนรันเวย์...  แล้วคนดูเรียกชื่อเราพร้อมด้วยสายตาชื่นชม... แล้วถ้าเราได้ขึ้นบิลบอร์ดใหญ่อีก  โอ...

    ผมถามตัวเองว่า  อาชีพสองอย่างมันเกี่ยวกันไหม   คำตอบคือ  ใช่เลย  มันเหมือนกันตรงที่  เราเป็นศูนย์กลางของการสื่อสาร เราอยู่ตรงกลาง  เราถ่ายทอดความรู้สึกให้คนดู  หรือนักเรียนของเรา  นี่แหละสิ่งที่ผมชอบ  ถึงแม้ผมจะได้เป็นอาจารย์ไม่ใช่นายแบบ ผมสามารถถ่ายทอดสิ่งที่ตัวเองเชื่อให้นักเรียนประทับใจได้ไม่ใช่หรือ ในห้องเรียน  ผมสามารถถ่ายทอดสิ่งสนใจได้เต็มร้อย  แล้วผมยังมีโอกาสได้ทำงานที่มีความเป็นอิสระสูงกว่ามนุษย์เงินเดือน ผมสามารถเลือกทำหัวข้อวิจัยที่เราสนใจ ผมตัดสินใจว่าจะเป็นอาจารย์นี่แหละ

    ตัดสินใจดังนี้ ผมเลือกสมัครเรียนโปรแกรมปริญญาโทภาคภาษาอังกฤษที่เน้นเนื้อหาเชิงลึก เพื่อที่จะได้เป็นพื้นฐานในการเรียนปริญญาเอกต่อไป  ในตอนนั้นผมตั้งใจว่าจะต้องเรียนให้ดีที่สุด  เพื่อหาทุนเรียนปริญญาเอกเมืองนอกสักแห่งให้ได้  ผมจะไม่ให้ที่บ้านส่งเรียนปริญญาเอกเป็นอันขาด  เพราะท่านส่งเราเรียนมามากแล้ว  ถ้าหาทุนเรียนเอกไม่ได้ ก็ต้องหางานอย่างอื่นทำ ในใจยังคิดฝันหวานว่าว่าถ้าเราหาทุนเรียนเอกที่ไหนในอิตาลีใกล้ๆมิลานก็ดีสิ...เผื่อจะได้มีแมวมามองมั่ง   ผมไม่เคยคิดเลยว่าจะหาที่เรียนเอกใกล้ๆมิลานได้จริงๆ ทั้งๆที่ไม่ได้จงใจเลือกเพราะสาเหตุนี้เลย

    ผมเริ่มบอกเพื่อนๆถึงความตั้งใจใหม่   เสียงตอบรับทำให้ผมประหลาดใจ

    "หา...เมิงเนี่ยนะจะไปเป็นอาจารย์   อย่าเป็นเลยว่ะ   เมิงมันไม่มีบุคลิกแบบอาจารย์ เป็นอาจารย์เนี่ยมันไม่ใช่แค่สอนหนังสือ  มันต้องมีบุคลิกที่น่านับถือ เป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่นักเรียน มันต้องอย่างไอ้สิทธิ์(นามสมมุติของเพื่อนที่ได้ทุนเรียนเอ็มบีเอไฟแน็นซ์ที่ชิคาโก้ยู) เนี่ย"

    ...โหย  เป็นอาจารย์มหาลัยที่เมืองไทยมันยากขนาดนี้เลยเรอะเนี่ย

    แต่ผมไม่คิดเปลี่ยนใจ ในที่สุดผมได้รับตอบเรียน master of arts in Finance at university of Freiburg เป็นโปรแกรมที่เน้นด้านfinance econ ถึงแม้ผมจะไม่ได้เรียนอีคอนมา  ผมตัดสินใจว่าจะตั้งใจเรียนให้ถึงที่สุด   ผมพกความตั้งใจนี้และบินมาเยอรมันเมื่อเดือนต้นตุลาคม ปี2005

    จากคุณ : B Oprysk - [ 10 เม.ย. 50 03:23:39 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom