ความคิดเห็นที่ 1 แต่งงานกับแฟนที่ถือกรีนการ์ด คุณจะต้องรอกรีนการ์ดประมาณ 4-5 ปี กว่าคุณจะได้กรีนการ์ดค่ะ เพราะเค้ามีโควต้าในแต่ละปีและต้องตามคิว ในระหว่างที่รอกรีนการ์ด คุณจะไม่สามารถขอวีซ่าท่องเที่ยวได้ เพราะกฎข้อนึงของวีซ่าท่องเที่ยวคือ ไม่มีความประสงค์จะพำนักถาวรในอเมริกา ซึ่งคุณจะขาดคุณสมบัติ ในข้อนี้ค่ะ ยกเว้นแต่ว่ามีวีซ่าท่องเที่ยวก่อนที่แฟนจะยื่นขอกรีนการ์ดให้คุณ คุณก็สามารถเข้าออกอเมริกา ด้วยวีซ่าท่องเที่ยวตามปกติ วิธีที่เร็วที่สุดคือให้แฟนยื่นขอ Citizen ก่อนค่ะ รอประมาณ 3-6 เดือน ก็น่าจะเรียบร้อย หลังจากนั้นค่อยทำ วีซ่าแต่งงาน (K-3) ซึ่งต้องจดทะเบียนก่อนแล้วค่อยยื่นเรื่อง หรือทำวีซ่าคู่หมั้น (K-1) อันนี้ต้องจดทะเบียน ที่อเมริกาภายใน 90 วันนับจากวันที่ไปถึงค่ะ ถ้าไม่จดทะเบียนคุณจะต้องเดินทางออกนอกอเมริกา ไม่งั้น ถือว่าเป็นโรบินฮู๊ดค่ะ วีซ่าทั้งสองอย่างนี้ใช้เวลาประมาณ 4-6 เดือนค่ะ  บางคนก็เร็วกว่านี้บางคนก็ช้ากว่านี้ นิดหน่อยค่ะ วีซ่าคู่หมั้นและวีซ่าคู่สมรส จะต้องยื่น Adjust Status เพื่อขอกรีนการ์ดที่อเมริกาค่ะ กรีนการ์ดใบแรกเป็น กรีนการ์ดที่มีเงื่อนไข  (Condition Greencard) มีอายุ 2 ปี  หากภายใน 2 ปีเกิดหย่า จะต้องกลับเมืองไทย มีกฎนี้ขึ้นมาเพราะว่าเค้าป้องกันการแต่งงานปลอม ยกเว้นจะพิสูจน์ให้เห็นว่าการแต่งงานที่เกิดขึ้นจริง ไม่มีจุดประสงค์แบบแฝง หรือถูกสามีทำร้าย อันนี้ก็จะเป็นข้อยกเว้นค่ะ พอครบ 2 ปี ก็ยื่นเรื่องเพื่อขอ Remove Condition ก็จะได้กรีนการ์ดถาวร ที่มีอายุ 10 ปีค่ะ   ส่วนเรื่องกลับเมืองไทยในระหว่างที่รอกรีนการ์ด เนื่องจากวีซ่าคู่หมั้นเป็นวีซ่าแบบ Single Entry หมายถึง เข้าประเทศได้ได้แค่ครั้งเดียว  หากต้องการจะออกนอกอเมริกา จะต้องยื่นขอใบท่องเที่ยวที่เรียกว่า Advanced parole รอประมาณ 3-4 เดือน  แต่วีซ่าคู่สมรสจะเป็นแบบ Multiple Entry สามารถเข้าออก ได้หลายครั้ง มีอายุ 2 ปี ไม่ต้องขอ Advanced Payrole ค่ะ เมื่อคุณถือกรีนการ์ดครบ 3 ปี  (นับรวมกรีนการ์ดใบแรกด้วย) ก็สามารถยื่นเรื่องขอ สอบ Citizen ได้ แต่มีเงื่อนไขว่ายังคงสภาพแต่งงานกับสามีคนเดิมค่ะ แก้ไขเมื่อ 04 พ.ค. 50 15:45:24 แก้ไขเมื่อ 04 พ.ค. 50 15:27:01 จากคุณ : หมูหวาน - [ 4 พ.ค. 50 15:26:05 ]

ความคิดเห็นที่ 2  ขั้นตอนการเปลี่ยนสัญชาติเป็นพลเมืองอเมริกัน            N A T U R A L I Z A T I O N   **สืบเนื่องจากมีผู้สอบถามเรื่องการยื่นใบคำร้องขอเปลี่ยนสัญชาติเป็นพลเมืองอเมริกัน ว่าจะเริ่มหาข้อมูลได้อย่างไร เนื่องจากมีกฎกำหนดและขั้นตอนในการดำเนินการที่เคร่งครัด ส่วนใหญ่คนไทยมักติดต่อว่าจ้างทนายให้ทำเอกสาร เพราะการกรอกเอกสารมีทั้งหมด 14 ส่วน (สองส่วนหลัง เว้นไว้รอลงนามวันสัมภาษณ์) อย่างไรก็ตาม หากผู้สนใจต้องการรายละเอียดในเรื่อง Naturalization ท่านสามารถขอเอกสารคู่มือ M-476 มาศึกษา และทำความเข้าใจกับขั้นตอนต่างๆอย่างถี่ถ้วน และสามารถดำเนินการยื่นเรื่องได้เอง (ทุกกรณีที่ประวัติไม่ซับซ้อน) โดยหาข้อมูลเกี่ยวกับ Eligibility ก่อน ว่าคุณสมบัติของท่านสามารถดำเนินการขอเปลี่ยนสัญชาติได้หรือไม่ ในคู่มือ Guide M-476 จะระบุ Document Checklist ไว้ (สำหรับผู้ยื่นคำร้องกรณีเฉพาะเช่น Miitary Service จะมีข้อมูลพิเศษ เป็นต้น ) 1.)หากยื่นคำร้องในฐานะผู้ถือบัตรเขียว  Alien Registration Receipt CardHolder โดยไม่มี Special Circumstances ใดๆ ข้อกำหนดท่านต้องเป็น PR ผู้อยู่ถาวรถือบัตรมาครบ 5 ปี และต้องมี Physical Presence ในสหรัฐอเมริกาโดยต่อเนื่อง 30 เดือน ทั้งอยู่ใน District หรือ State ซึ่งระบุที่อยู่ปัจจุบันเป็นเวลา 3 เดือน 2.) หากท่านยื่นคำร้องในสถานภาพผู้ถือบัตรเขียวด้วยการสมรสกับพลเมืองอเมริกันมาครบเวลา 3 ปี ต้องอยู่ในสหรัฐฯต่อเนื่อง 18 เดือน และอยู่ในรัฐที่ยื่นคำร้อง เป็นเวลา 3 เดือน นอกจากนี้ต้องแสดงเอกสารเกี่ยวกับการจ่ายภาษี 3 ปีร่วมกับคู่สมรส สำเนาใบทะเบียนสมรส สำเนาพลเมืองอเมริกันของคู่สมรส และสำเนาหนังสือเดินทางของคู่สมรส(ในกรณีที่คู่สมรสของท่านและท่านเคยผ่านการสมรสมามากกว่าหนึ่งครั้ง ต้องแสดงหลักฐานการหย่าร้างครั้งก่อน และหากท่านหรือคู่สมรสมีบุตรจากคู่สมรสเดิม ต้องกรอกรายละเอียดอย่างชัดเจนในฟอร์ม N-400) *คุณสมบัติทั่วไป ผู้ยื่นคำร้อง  N-400 ต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไป มี Valid Green Card ไม่มีประวัติทำผิดกฎหมายอาญาและไม่เคยทำผิดกฎผู้เข้าเมืองสหรัฐฯประการใดๆ ผู้ที่ผ่านสัมภาษณ์ต้องมีทักษะการใช้ภาษาอังกฤษ  ผ่านแบบทดสอบความรู้เรื่องประวัติศาสตร์และการปกครองของสหรัฐอเมริกา และต้องผ่านขั้นตอนการสาบานตนในพิธี Oath of Allegiance จึงจะเรียกว่าเป็น "American Citizen" *ข้อกำหนดหลักที่ผู้ยื่นคำร้องทุกคนต้องปฏิบัติคือ กรอกเอกสาร N-400 โดยให้ข้อมูลตรงตามความเป็นจริงทุกเรื่องส่งพร้อมสำเนาบัตรเขียวทั้งสองด้าน รูปถ่ายสีหน้าตรงขนาดพาสพอร์ต และค่าธรรมเนียมรวมทั้งสิ้น สี่ร้อยดอลล่าร์(แยกเป็นค่าสมัครเปลี่ยนสัญชาติ $330 และค่าดำเนินการพิมพ์ลายนิ้วมือ $70) จ่ายเป็นเช็คหรือมันนี่ออร์เดอร์ระบุหมายเลข A Number สลักหลัง สั่งจ่ายตรงยังยูเอสซีไอเอส และรวบรวมสำเนาหลักฐานเอกสารทั้งหมดส่งไปที่หน่วยงานอิมมิเกรชั่นประจำท้องถิ่น สำหรับมลรัฐแคลิฟอร์เนีย ที่ทำการยูเอสซีไอเอสอยู่ที่ Laguna Niguel,CA. 92607 (หากอยู่ในมลรัฐอื่นๆ ค้นรายละเอียดที่ *USCIS Website) * Note: Forms & *Fees อาจมีการเปลี่ยนแปลง กรุณาตรวจสอบข้อมูล Update หลังจากส่งเอกสารคำร้องไปแล้ว รอจดหมายนัดวันไปพิมพ์ลายนิ้วมือ ปฏิบัติ และอาจต้องส่งหลักฐานเพิ่มถ้าจำเป็น ต่อมารอวันนัดสัมภาษณ์และทดสอบความรู้ประวัติศาสตร์การเมืองและทักษะภาษาอังกฤษ (คู่มือเกี่ยวกับตัวอย่างคำถามความรู้ทางประวัติศาสตร์และการปกครอง คือ M-481 ต.ย.แบบข้อสอบซิติเซ่น ภาคภาษาไทย มีทั่วไปเช่นสมุดหน้าเหลืองไทย แต่ขอแนะนำให้ศึกษาจากข้อมูล ภาษาอังกฤษ ) หากผ่าน Civics Test  และ English Test เจ้าหน้าที่จะแจ้งทันที หลังจากนั้น รอวันเข้าพิธีสาบานตน คืนบัตรเขียว  บางแห่ง หลังจากสัมภาษณ์ และสอบผ่าน อาจจะเข้าพิธีสาบานตนได้เลย ถ้าในวันนั้นเผอิญมีจัดพิธีในเขตนั้น สำหรับในซาน ฟรานซิสโก เจ้าหน้าที่ให้เลือกวันที่เร็วที่สุด ภายใน 1-2 สัปดาห์ก็มี (ระยะเวลาตั้งแต่ยื่นคำร้องผ่านการพิจารณาของยูเอสซีไอเอสถึงสัมภาษณ์ 6-9 เดือน แล้วแต่มลรัฐ และขึ้นกับความพร้อมของหลักฐานเอกสาร ตัวจริงทั้งหมด) เมื่อใดที่ผ่านการกระทำสัตยาบันเรียบร้อย เมื่อนั้นจึงเรียกว่า ได้รับสิทธิเป็น American Citizen โดยกระบวนการ Naturalization โดยบริบูรณ์  หลังจากนั้นแล้ว ท่านสามารถดำเนินการขอทำหนังสือเดินทางในสถานภาพพลเมืองอเมริกันได้เป็นลำดับต่อไป (เมื่อมีหนังสือเดินทางสหรัฐฯ สามารถเดินทางไปประเทศอื่น ได้ โดยไม่ต้องขอวีซ่า แต่ถ้าจะกลับเมืองไทย ต้องขอวีซ่าจากสถานทูต-สกญ. ทั้งนี้ บุคคลสามารถถือDual Citizenship ได้ และมีหนังสือเดินทางทั้งสองชาติ) *หมายเหตุ การเปลี่ยนแปลงที่ควรทราบอีกเรื่องหนึ่ง คือมาตรฐานรูปภาพสีที่ใช้ประกอบใบคำร้อง ยูเอสซีไอเอสหรือหน่วยบริการด้านอิมมิเกรชั่นได้เปลี่ยนระเบียบรูปภาพบุคคล ซึ่งแต่เดิมเอียงหน้าสามส่วนสี่ให้เห็นหูขวาข้างเดียว ปัจจุบันนี้ เปลี่ยนใหม่เป็นภาพหน้าตรง ไม่สวมหมวก ไม่สวมแว่นดำกันแดด และ ไม่ใส่เครื่องประดับต่างหู ระเบียบนี้มีผลใช้บังคับมาตั้งแต่เดือนสิงหาคมปี  2004  บางท่านที่ไม่ได้ติดตามรายงาน หากสนใจรายละเอียด สอบถามได้ที่ เบอร์ ติดต่อของ USCIS National Customer Service  Focus : Who is eligible for Naturalization ? นี่คือคำถามหลักแรกเลย ที่ทุกคนต้องหาคำตอบก่อนอื่น ใน Type of Applicant / Requirements ระบุไว้ชัดเจนว่า "If you have been a Permanent Resident for the past 5 years and have no special circumstances. (Note:Over 90% of applicants fall into this category)  /Time of Permanent Resident   = 5 years. /Continuous Residence = 5 years as a PR (without leaving the US for trips of 6 months or longer)/ Physical Presence in the US = 30 months / Time in District or State = 3 months/ Good Moral Character,English & Civics Knowledge, Attachment to the Constitution are all required." ทั้งนี้ ในกรณีที่ยื่นเรื่องจาก*การสมรส ระยะเวลาเป็น LPR ลดลงมาเป็นเพียง 3 ปี ซึ่งกำหนดการปรากฎหลักฐานว่าระยะเวลาดำรงชีวิตในสหรัฐฯ กึ่งหนึ่งของ 3 ปีนั้น             หมายความว่า ทางยูเอสซีไอเอส พิจารณาผู้ยื่นคำร้องที่ ระยะเวลาในการอยู่ถาวร ร่วมกับ ระยะเวลาถือบัตรเขียว ประกอบกับประวัติ การทำงานและเอกสารหลักฐานสมรส (ในกรณีขอทำเรื่องในกลุ่ม Spouse of US Citizen) รวมทั้งความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับบุคคลสำคัญ รัฐธรรมนูญของสหรัฐฯและ ความสามารถทักษะในการใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร ได้มาตรฐาน ถ้าถามว่าจำเป็นหรือไม่ที่ต้องมีระยะเวลาอยู่ใน US ให้ครบที่เขาระบุ คำนี้ก็ตอบอยู่แล้ว ว่าจำเป็นแน่ ใน Part ที่ 7 ของฟอร์ม N-400 ผู้สมัครต้องระบุวันเวลาที่เดินทางออกนอกประเทศ ในรอบห้าปี โดยละเอียดด้วย เขาถามทั้งจำนวนวัน และจำนวนทริป ทั้งหมดที่เกิน 1 วัน  นอกจากนี้ ยังต้องแจกแจง การเดินทางออกนอก USA นับตั้งแต่วันที่ได้รับบัตรเขียว ทุกทริปที่เกินยี่สิบสี่ชั่วโมงต้องเขียนโดยละเอียด ผู้กรอก N-400 ต้องซื่อสัตย์ที่จะบอกให้ตรงความจริงด้วย ทั้งวันเดือนปีที่ออกไป วันเดือนปีที่กลับเข้ามา รวมกี่วันเกินหกเดือนใช่หรือไม่ และระบุไปพำนักอยู่ในประเทศใด เหตุผลที่เขาต้องการรายละเอียดนี้ก็เพื่อคำนวณว่า ผู้ยื่นคำร้อง disrupt กฎของ Continuous Residence หรือเปล่า ถ้าใครออกไปเกินหกเดือน มีทางแก้ไขได้คือต้องส่งหลักฐานการเสียภาษีทำงานในช่วง 5 ปีไปยืนยัน (ส่วนคนที่มีคู่สมรส ถ้าออกไปเกินหกเดือน ก็ต้องส่งหลักฐานว่าครอบครัวจ่ายภาษีตลอด 3 ปี) และหรือส่งหลักฐานการจ่ายค่าเช่าตลอดจนค่าใช้จ่ายในเวลาที่กำหนด ข้อมูลในส่วนนี้ ยืนยันว่า การเดินทางกลับไปประเทศดั้งเดิมกระทำได้ แต่ต้องไม่มีเจตนาที่จะกลับไปอยู่ถาวรที่อื่น ในแต่ละทริปจึงต้องมีเหตุผลที่ดีด้วย หลายคนเคยถามว่ามีทางใดไหม ที่จะรักษา  Retaining Green Card Status ไว้โดยไม่อยู่ในประเทศ คำตอบ คือ มี แต่ต้องเป็นบุคคลกลุ่มสมาชิกกองทัพ ไม่ว่าจะไปรับราชการที่ใด เขาก็นับวันเวลาทั้งหมดว่าเป็น Continuous Presence หรือในอีกกรณีหนึ่งผู้ยื่นคำร้อง เป็นผู้ปฏิบัติกิจทางองค์กรศาสนาหรือราชการ แม้ว่าได้ทำลายกฎระยะเวลาอยู่โดยออกไปนานเกินหนึ่งปีกลุ่มนี้สามารถยื่น N-470 (Application for Preserve Residence for Naturalization Purposes) ก่อนออกไป สำหรับผู้ถือบัตรเขียว ที่รู้ล่วงหน้าว่าจะไปนานเกินปีขึ้นไปต้องยื่นเรื่องทำ Re-Entry Permit สามารถกลับเข้ามาใหม่ และรักษาสถานภาพผู้อยู่ถาวรPRเอาไว้ได้จริง แต่ว่ามีผลกระทบต่อระยะเวลา ช่วงที่อยู่ก่อนหน้าเดินทางออกไปนั้น จะไม่นับรวมใน Continuous Presence ต้องเริ่มนับใหม่ แต่โชคดีว่า ถ้ากลับมาในสองปี เขาจะนับรวมเวลาที่เหลือ (1 year minus 1 day) นอกประเทศนั้น ไว้ในระยะเวลาตามกำหนดอยู่อาศัยในสหรัฐฯด้วย (ผู้ยื่นคำร้อง N-400 ต้องศึกษาข้อมูลเหล่านี้ให้เข้าใจก่อนจะกรอกใบสมัคร)รายละเอียดเรื่อง Requirements ได้แยกลักษณะของ ผู้สมัครไว้ สิบสาม รายการ ซึ่งจำเป็นต้องเข้าใจทั้งหมด หวังว่าคำตอบนี้คงพอเป็นแนวทางได้บ้าง ว่า "ไม่ควร" ที่จะออกไปทำงานนอกประเทศเกินหกเดือน ในแต่ละทริป และไม่น่าที่จะออกไปทุกปี แม้ว่าปีละห้าเดือนกว่าๆก็ตามเพราะจุดที่เขาเพ่งเล็งคือ คุณทำงานเสียภาษีให้ US รึเปล่า เคยปรากฏตัวอย่างผู้ที่ถูกเพิกถอนสิทธิ์เป็น LPR ยกเลิกใบเขียว กรณีที่กลับออกไปทำงานในประเทศดั้งเดิมหลายปี เมื่อจะกลับเข้าสหรัฐฯ จะไม่ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง เรียกว่า Exclusion at the port of entry และในกรณีที่ ผู้ถือกรีนคาร์ด กระทำการใดที่มิชอบหรือละเมิดต่อกฎหมายสำคัญของทางการ ก็จะถูกดำเนินดคี และ Removal  ส่วนการถูกส่งกลับ เรียกว่า Deportation ถ้าต้องการเปลี่ยนสัญชาติเป็นพลเมืองของประเทศเขา จึงต้องแสดงให้เห็นว่า มีความจำนงจะทำงานในประเทศนี้ เขาเพิกถอนสิทธิ์คนจำนวนหนึ่งที่ถือบัตรเขียวเพื่อเข้ามาเพียงปีละสองสัปดาห์ ถ้าทำต่อกันจนเห็นชัดว่าไม่ทำงาน นอกจากกลุ่มไม่ได้รับอนุญาตให้ผ่านด่านที่สนามบิน บางคนก็มีชื่อขึ้นในกลุ่มพิเศษ ที่ต้องคอยรายงานตนทุกระยะ ยิ่งมีรายการกรอกว่าเดินทางออกนอกประเทศมากครั้งขึ้นและจำนวนวันที่ไปค่อนข้างสูง ใกล้ 180 วันต่อทุกๆครั้งนั้น ก็จะเพิ่มความเป็นไปได้ ที่เขาจะ ปฏิเสธใบคำร้องขอเป็นพลเมืองอเมริกันที่ยื่นไป (โดยไม่มีการคืนค่าธรรมเนียม) อย่างไรก็ดี เขาได้เปิดทางแก้ไขไว้ ให้ผู้ได้รับการปฏิเสธ สามารถขอให้ทางการพิจารณาใหม่ เพื่อความเป็นธรรม รายละเอียดในส่วนนี้ จะมีคำชี้แจงในแบบฟอร์ม N-476 ด้วย ----------------------------------------------     คำตอบของน้องหมูหวาน ชัดเจนในส่วนก่อนสมรส กฎในการสมรส และทางเลือกในการดำเนินเรื่องสมรส จนครบกระบวนการถือบัตรเขียว อย่างถูกต้อง ครบถ้วน ในส่วนคำตอบกระทู้นี้ จึงขอเพิ่มเติมในการเปลี่ยนสัญชาติ และขอย้ำว่า กฎเกณฑ์อาจมีการเปลี่ยนได้ในสามปีหน้าจ้ะ ตอนนี้เขาก็เริ่มทดลองข้อสอบซิติเซ่นที่เข้มกว่าเดิมแล้ว ผู้สนใจค้นต่อ กรุณาใช้ Key Words : USCITIZENSHIP                       แก้ไขเมื่อ 04 พ.ค. 50 21:43:25 แก้ไขเมื่อ 04 พ.ค. 50 21:13:03 จากคุณ : กริชนาคราช - [ 4 พ.ค. 50 20:54:06 ]

ความคิดเห็นที่ 3 แล้วถ้าเป็นในกรณีที่แต่งานกับทหารอเมริกันหล่ะค่ะ? ไม่แน่ใจว่าถูกหรือเปล่าแต่ได้ยินมาว่าถ้ากรณีที่เราแต่งงานกับ US Military จะได้ใบเขียวเร็วกว่า แล้วมีสิทธ์สอบเปลี่ยนสัญชาติโดยไม่ต้องรอถึง3ปี แถมยังสามารถติดตามคู่สมรสที่ต้องไปประจำการต่างประเทศโดยไม่ต้องห่วงเรื่องว่าจะออกนอกสหรัสเกิน6เดือนแล้วจะไม่มีสิทธ์สอบเป็นซิติเซ่น อยากรบกวนผู้รู้ช่วยตอบข้อข้องใจนี้ด้วยค่ะ จากคุณ : ขอประดับความรู้ค่ะ - [ วันฉัตรมงคล 01:55:29 A:203.151.206.73 X:58.8.58.41 TicketID:143615 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ถ้าแต่งงานกับทหารอเมริกัน คุณก็ยื่นเรื่องขอกรีนการ์ดได้ตามปกติ ไม่มีเร็วกว่าหรือช้ากว่าคนอื่นค่ะ แต่ที่ดีกว่าคนอื่นคือ ในระหว่างที่คุณถือกรีนการ์ดอยู่ (อาจจะเป็นแบบ 2 ปีหรือ 10 ปี) หากสามีได้รับคำสั่งให้ไปประจำการต่างประเทศอย่างน้อย 1 ปีขึ้นไป และอนุญาตให้นำครอบครัว ไปอยู่ด้วยได้ คุณสามารถขอสอบ Citizen ได้เลยค่ะ ไม่ต้องรอให้ถือกรีนการ์ดครบ 3 ปีค่ะ แก้ไขเมื่อ 05 พ.ค. 50 06:02:05 แก้ไขเมื่อ 05 พ.ค. 50 03:46:45 จากคุณ : หมูหวาน - [ วันฉัตรมงคล 03:39:19 ]

ความคิดเห็นที่ 5 FYI: *Spouses of U.S. Citizens Deployed Abroad *If you are married to a U.S. citizen who is a member of the U.S. Armed Forces and your citizen spouse is or will be deployed abroad by the Armed Forces for one year, you may be eligible for expedited naturalization under section 319(b) of the INA. For more information, please refer to the USCIS handbook, "A Guide to Naturalization" (page 22).   *Source : USCIS_Naturalization for Military Personnel                              ............... FYI: Expedited Naturalization under INA section 319(b) *You may be able to naturalize without having resided in the United States for three years if you are married to a US citizen who is stationed abroad for work with an American company, an international organization, or a religious organization with a presence in the United States. This is sometimes called "expedited" naturalization and is authorized under section 319(b) of the Immigration and Nationality Act. Your spouse must be "regularly stationed" abroad for you to qualify under this section. Citizenship and Immigration Services has interpreted that to mean that your spouse is contracted to work abroad for at least a year from the time of your interview. After your spouse's overseas employment ends, you must intend to take up residence in United States. Procedure Once you have become a permanent resident (for example, by entering the United States with an immigrant visa), you may apply for naturalization under 319(b) in any part of the country. You select a District Office where you would like to naturalize and file the application with the USCIS Service Center that has jurisdiction over that office. After filing the N-400 application, you will be able to do your fingerprints at a US Embassy or Consulate near you. You have to return to the United States for the interview and the oath ceremony. It may be possible to do the oath immediately following the interview.                     ........................... FYI: Special Classes of Naturalization Applicants 1.) Expedited Naturalization: Technical Requirements A. Spouses of citizens who are assigned abroad:- *Alien spouses of citizens who are assigned abroad by their U.S. employer can be exempt from continuous residence and physical presence requirement.   The requirements are that the alien must be a permanent resident, must be physically present in the U.S. at the time of naturalization, must affirm his intention to reside in the U.S. upon completion of the citizen spouse's overseas assignment, and in most cases, affirm his intention to reside with the citizen spouse abroad upon completion of the naturalization process. * If these conditions are met, the alien can apply for citizenship right after he obtains his green card and does not have to wait the regular waiting time of three or five years after the issuance of permanent resident status.  B. Children of U.S. citizens *A U.S. parent may apply for the expedited naturalization (i.e., without regard to residency requirements) of his non-citizen child if the following conditions are met: a. At least one parent is a U.S. citizen b. The child is physically present in the United States pursuant To a lawful admission (not necessarily permanent residence). c. The child is under eighteen years old and in legal custody of the citizen parent. d. The U.S. citizen parent(s) must have been physically present in the United States or its outlying possession for a period or periods totaling at least five years, at least two of which were after the U.S. citizen parent's fourteenth birthday. e. If the U.S. parent fails to meet the residency requirement in 4. above, then the alien child must be residing permanently in the United States with the citizen parent pursuant to a lawful admission for permanent residence, or the alien child must have a U.S. citizen grandparent who was physically present in the United States for a period or periods totaling not less than five years, at least two of which were after the U.S. citizen grandparent's fourteenth birthday.      ............................................ FYI: *Limited Exceptions: An absence of one year or more breaks continuous residence, with limited exceptions. *Qualifying religious missionaries are eligible to naturalize after five years of permanent residence if they resided in the U.S. for one uninterrupted year any time after acquiring their green cards. Also, INA §319(b) permits the naturalization of married persons whose citizen spouses are employed abroad by the U.S. government and other designated organizations despite no residence or physical presence in the United States. *An applicant is no longer required to prove intent to reside in the U.S. after becoming a citizen. But if the new citizen wants to sponsor another family member for immigration, he must maintain a U.S. domicile to complete the mandatory affidavit of support (Form I-864).                       แก้ไขเมื่อ 05 พ.ค. 50 06:15:54 จากคุณ : กริชนาคราช - [ วันฉัตรมงคล 05:07:04 ]

ความคิดเห็นที่ 6 มายืนยันคำตอบคุณหมูหวานสำหรับคห.3 ค่ะ เราแต่งงานกับทหารค่ะ ระยะเวลาดำเนินการปรกติเหมือนคนทั่วไปค่ะ จากคุณ : เสียงซึง - [ วันฉัตรมงคล 10:03:14 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ขอบคุณทั้งสามท่านมากค่ะที่ช่วยตอบ แล้วอย่างนี้ถ้าจะต้องตามคู่สมรสไปประจำการนอกสหรัส จะต้องยื่นเรื่องทำเอกสารอะไรตรงนี้เป็นพิเศษไหมค่ะหรือว่าออกไปประเทศนั้นๆได้เลย เพราะเห็นบอกว่าคนที่ถือใบเขียวแบบ Single entry ต้องขอ Advanced parole ก่อน แล้วถ้าเป็นกรณีนี้ที่ต้องย้ายเพราะงานต้องขอ Advanced parole หรืออย่างอื่นไหมค่ะ? จากคุณ : ขอประดับความรู้ค่ะ - [ วันฉัตรมงคล 23:24:19 A:203.151.206.73 X:58.8.64.135 TicketID:143615 ]