ความคิดเห็นที่ 1 Yes หลาย ๆ คนเขาอยากจะเรียนปริญญาเอก แต่ถึงเวลาจริง ๆ พอได้แล้ว เขาก็ไม่ไป เพราะว่าแก่แล้ว ไปเมืองนอก เรียนอย่างเดียว แล้วลูกเมีย เมืองไทยล่ะ งานตำแหน่งสูง ๆ ล่ะ เขาก็ทำไม่ได้ คิดลังเลไปลังเลมา จึงไม่ไป หลาย ๆ คนเวลาเขาจะเขียนหนังสืออะไร เขาจะแทรกไปให้น่าเชื่อถือด้วย ว่าเขาได้เป็นแคนดิเดทมหาวิทยาลัยดัง เช่น ออกฟอร์ด มิชิแกน เช่นตำรา สอนภาษาอังกฤษของบางคน ไม่ต้องเขียนเยอะ เขียนที่ที่ดังที่เดียวพอแล้ว แต่นามบัตรไม่ต้องเขียน เป็นด้อกเตอร์กิติมศักดิ์ไม่ต้องเขียน จากคุณ : ฟ้าลั่น - [ 23 พ.ค. 50 21:11:08 A:203.88.224.177 X: TicketID:091427 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เข้าใจว่า น่าจะสามารถระบุได้ อย่างไม่เป็นทางการ สำหรับในกรณีที่บุคคลนั้นกำลังศึกษาอยู่  เป็นการบอกว่ากำลังอยู่ในสถานะใด โดยที่ผ่านการสอบ qualification exam และหรือการสอบวัดระดับอื่นๆแล้ว ตามกำหนดของมหาวิทยาลัยเพื่อจะเป็น PhD candidate แต่ยังอยู่ในระหว่างทำ dissertation/thesis ยังไม่ได้สอบ final dissertation defense เพื่อที่จะได้รับ PhD degree แต่ถ้าเลิกลงทะเบียนเรียนไปแล้ว (คือผ่านการสอบขั้นต้น แต่ไม่ได้ทำ dissertation/thesis  ไม่ได้สอบจบ หรือส่ง document)  ก็ไม่ควรระบุอย่างนั้น ควรบอกปริญญาสูงสุดที่ได้รับจริงๆแทน  หลายๆแห่ง ถ้าเลิกเรียน เรียนไม่จบแต่สอบ qualify ผ่านแล้ว ก็จะได้รับ M.S. หรือ M.Phil.  ซึ่งควรจะระบุอย่างนั้นไปแทนการบอกว่าเป็น Ph.D. Candidate จากคุณ : frappuccino - [ 23 พ.ค. 50 22:43:27 ]

ความคิดเห็นที่ 3 บางมหาวิทยาลัยจะมีออกเป็น certificate ABD ให้ครับ All But Dissertation จากคุณ : pokemon trainer - [ 23 พ.ค. 50 23:03:01 A:10.114.0.126 X:202.12.97.114 TicketID:000119 ]

ความคิดเห็นที่ 4 I totally agree with Khun frappucino ka. I think it's even look bad for yourself if you didn't finish Ph.D. program for whatever reason, and put "Ph.D. candidate" in your resume. จากคุณ : forbidden donut - [ 23 พ.ค. 50 23:04:53 ]

ความคิดเห็นที่ 5 สำหรับคนที่ไม่ได้ลงทะเบียนในตอนนี้ เข้าใจว่าเรียนน่าจะใช้ได้เฉพาะกรณีเรียนรายวิชาตามหลักสูตรไปครบแล้ว สอบผ่านเพื่อทำวิทยานิพนธ์ แต่ไม่ได้ทำวิทยานิพนธ์ หรือทำไม่เสร็จ จรึงไม่จบหลักสูตร (ดังนั้นกรณีนี้น่าจะเป็นเฉพาะอเมริกา เพราะในอังกฤษ หรือ ออสเตรเลีย หลักสูตรส่วนใหญ่ไม่ได้ระบุวิชาไว้ และไม่ได้ระบุว่าต้องสอบเพื่อทำวิจัย) กรณีได้ offer แต่ไม่ได้ไปเรียน ไม่น่าจะเอาไปเขียนได้นะครับ อย่างไรก็ตาม ตามที่ความเห็นที่4 ผมว่าแล้วมุมมองนะครับ บางคนเค้ามองว่าเป็นการยืนยันว่าเค้าได้เรียนและสอบผ่านเพื่อทำวิจัยระดับปริญญาเอกมาแล้วเค้าจึงใส่ไว้ในวุฒิ แต่ผมเห็นด้วยกับคุณ forbidden donut ไม่ว่าเหตุผลการไม่จบจะเป็นยังไงแต่การใส่ไปเท่ากับยืนยันว่าเรียนแต่ไม่จบ มันทำให้ดูแย่มากกว่าดูดีครับ จากคุณ : หนุ่ยนะครับ - [ 24 พ.ค. 50 00:10:14 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เห็นด้วยกับ #2, #4 ตามคุณวุฒิจริง ๆ เขาก็ไม่ได้นับ เงินเดือนก็ไม่ได้เพิ่มให้ครับ ทำให้คนสงสัยอีกว่า ทำไมถึงเลิกไป ไม่เรียนให้จบ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า ฯลฯ จากคุณ : กายทิพย์ - [ 24 พ.ค. 50 01:04:36 ]

ความคิดเห็นที่ 7 กรณีคนที่ได้ offer แต่ไม่ได้เรียน ไม่มีใครเขาใส่กันครับ คงประหลาดพิลึก จากคุณ : Tony Almeida - [ 24 พ.ค. 50 01:06:20 ]

ความคิดเห็นที่ 8 Just for your consideration, it depends on what sort of job you're appying for and also in what country as well na ka. Some industry and in some working culture ex. Australia, PhD or anything to do with it could give a negative impact on your resume sometimes. Nobody would say it bluntly but when you speak with HR informally sometimes it is recommend not to put it in if you are appying for a job in a private sector unless that job has something to do with research or has its business involved with education sector. จากคุณ : yuy - [ 24 พ.ค. 50 01:07:25 A:217.29.19.114 X: TicketID:124751 ]

ความคิดเห็นที่ 9 น่าจะใช้จีบสาวได้ บนนามบัตรให้เขียน Ph.D ตัวโตๆแล้วตามด้วย "*" ตัวเล็กๆ ด้านล่างหรือหลังนามบัตรค่อยอธิบาย foot note : * candidate ตัวจิ๋วๆน่าจะใช้ได จากคุณ : Tisco fan - [ 24 พ.ค. 50 01:40:54 ]

ความคิดเห็นที่ 10 แย้งคุณฟ้าลั่น ความเห็นที่หนึ่งนะครับ candidate ในที่นี้ไม่ได้แปลว่า "ได้เป็นผู้สมัคร" หรือ "ไเค้ารับไว้แล้วไม่ได้ไปเรียนนะครับ" พวกนั้นไม่มีสิทธิ์เรียกตัวเองเลยว่าเป็น candidate of the degree of doctor of philosophy เพราะว่ายังไม่ได้แม้แต่จะเริ่มเรียน candidate ในที่นี้ แปลว่า ผู้ที่ได้สอบผ่าน comprehensive exam แล้ว และได้ลงคอร์สทุกคอร์สครบหมด เหลือแต่การเขียนวิทยานิพนธ์และสอบผ่านวิทยานิพนธ์ครับ ตอนหลังผมสอบผ่าน สามเดือนทางมหาลัยเค้าก็ส่ง certificate of candidacy ให้ครับ ว่าตอนนี้นะเป็น candidate แล้วนะ และในใบทรานสคริป์ก็จะมีระบุไว้ด้วยครับ ส่วนที่จะระบุกันจะเห็นอีกอย่างคือ Ph.C. ครับ นั่นก็คือ Candidate of doctor of philosophy ครับ ในการสมัครงาน (เช่น การสมัครเป็นอาจารย์นั้นนะครับเค้าจะระบุไว้เลย) เช่น Ph.D. preferred, but ABD (All but dissertation) considered. ซึ่ง ABD นี่ก็คือ Ph.C. นั่นเองครับ สรุปว่า มหาลัยออกใบรับรอง และเขียนลงในทรานสคริปให้ครับว่าเป็น แคนดิดิท และเงินเดือน(บางที่)จะขึ้นให้ด้วยครับ หลังจากสอบผ่านเป็นแคนดิดิทแล้ว จากคุณ : krisdauw (krisdauw) - [ 24 พ.ค. 50 04:06:56 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ได้คับ บริษัทต่างชาติดีดี เค้าไม่ว่าไรหรอกคับ ต่อให้เรียนไม่จบ Ph.D. ออกมาหรือเลิกเรียนทั้งที่ยังเป็น PhD candidate ต่างคนต่างเหตุผลคับ เรียนแล้วมารู้ตัวว่าไม่ชอบ ดีกว่าดันทุรังเรียนต่อ เบื่อแล้ว มีบริษัทมาดึงตัวไปเลยก้อมีตอนเรียน และอีกร้อยแปด อย่าลืมว่า การที่ได้เป็น PhD candidate นี่ เป็นการบอกความสามารถแล้วว่า ไม่ต่ำกว่า หรือ เหนือกว่า ปโท จึงได้รับเข้าเป็น PhD candidate ถ้าบริษัทจะจ้าง ป โท ทำไมจะไม่จ้างคนที่เคยเป็น PhD candidate เพราะพิสูจน์แล้วว่ามีคุณภาพแค่ไหนแล้ว มีแต่คน หรือ บริษัท จากชาติที่ไม่ค่อยพัดทะนาคับ ที่คิดว่า พวกนี้แย่ เรียนไม่จบ แต่ลืมคิดไปว่า พวกนี้มีคุณภาพไม่ด้วยกว่าใครเลย เพราะจบ ป โท แล้วยังสามารถไปได้สูงกว่าถ้าจะไป จากคุณ : Dukhor - [ 24 พ.ค. 50 06:02:34 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ที่โรงเรียนผมถ้าได้เป็น Candidate ก็ได้เงินอัตราค่ัาชั่วโมงการทำงานเยอะขึ้น เบิกเงินค่าเดินทางได้มากกว่า คนที่ไม่ได้เป็น Candidate แต่ก็ยังไม่เห็นว่ามันจะเอาไปใช้ในชีวิตนอกมหาลัยได้ยังไง จากคุณ : . (กายทิพย์) - [ 24 พ.ค. 50 06:07:04 ]

ความคิดเห็นที่ 13 อีกประเด็นคือ คำว่า PhD Candidate นี่มันหมายถึงว่าบุคคลคน ๆ นี้ กำลังเข้าสู่กระบวนการเขียนวิทยานิพนธ์ เพื่อที่จะจบออกมาเป็น PhD ซึ่งก็คือเรียกว่าเป็น Candidate ของการได้รับปริญญา PhD ก็จะพอตรงเป้าหมาย อยู่ในช่วงเวลาเพื่อให้มุ่งไปในจุดนั้น แต่อย่างหลายคน ซึ่งออกจากโปรแกรมไปแ้ล้ว หรือไม่คิดจะกลับไปเรียนต่อให้จบอีกต่อไปแล้ว แบบนี้จะเรียกว่าเป็น PhD Candidate ในความหมายเช่นนั้นได้หรือไม่ ? ผมคิดว่ามันไม่ใช่ ดังนั้น ในทัศนะของผม  สำหรับคนที่ไม่คิดจะกลับไปทำ PhD อีก ก็ไม่ควรจะใช้คำว่า PhD Candidate นะครับเพราะไม่ได้อยู่ในสถานภาพนั้นอีกต่อไปแล้ว แต่ว่าถ้าจะระบุไว้ใน CV ผมว่าก็ fair enough ครับ เพราะเขามาถึงจุดนั้นจริง ๆ ผมเห็นบางคนที่เขาเป็นแบบนี้ ใน CV ก็เขียนประมาณว่า pass all qualifying exam หรือว่า ABD ก็โอเคนะครับ บางทีการใช้คำว่าเป็น Candidate อาจจะ misleading ให้คนเข้าใจว่ายังอยู่ในกระบวนการเรียนต่อได้ครับ (ยังมีแนวโน้มว่าจะกลับไปทำ phd ให้สำเร็จ) แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 50 06:39:13 จากคุณ : กายทิพย์ - [ 24 พ.ค. 50 06:19:38 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ผมเข้าใจเอาเองว่าถ้าได้เข้าเรียนจริงๆก็เป็น Candidate แล้ว เพิ่งรู้ณที่นี่ว่าต้องผ่านcomprehensive examก่อน จากคุณ : ผู้ไม่ได้เรียน - [ 24 พ.ค. 50 10:24:13 A:71.114.59.101 X: TicketID:146114 ]

ความคิดเห็นที่ 15 krisdauw (krisdauw) ขอบคุณครับ เคยเห็นคนที่เรียนโทแต่ในเมืองไทย (ไม่เคยเห็นเขาไปประเทศนั้น) แต่เขียนหนังสือสอนภาษาแล้วบอกว่าได้เป็นแคนดิเดท เลยงงว่า เขาจะ เขียนไปทำไมเหมือนกัน รู้สึกว่าเคยดูข่าวอะไรสักอย่าง เรื่องจักรภพ เพ็ญแข ตอนวิเคราะห์ข่าว การเมืองต่างประเทศ เห็นแกบอกว่า แกได้เป็นแคนดิเดทมหาวิทยาลัย อะไรสักอย่างในต่างประเทศ ขอบคุณครับ จากคุณ : ฟ้าลั่น - [ 24 พ.ค. 50 12:19:24 A:203.88.244.10 X: TicketID:091427 ]

ความคิดเห็นที่ 16 คุณ คห.10 กล่าวไว้ถูกต้องแล้วครับ จากคุณ : พอจะรู้ (petecyber) - [ 24 พ.ค. 50 16:31:14 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ต่างโรงเรียนก็ต่างนโยบาย เช่น บางทีสอบผ่านคอมพรีเฮนซีฟก็ได้เป็นแคนดิเดทแล้ว บางทีสอบผ่านต้องสอบควอลิฟายด้วยผ่านคอมพรีเฮนซีฟด้วยถึงจะได้เป็นแคนดิเดท บางทีต้องสอบผ่านหัวข้อวิทยานิพนธ์ด้วยผ่านควอลิฟายด้วยผ่านคอมพรีเฮนซีฟด้วยถึงจะได้เป็นแคนดิเดท เป็นต้น แต่ที่แน่ๆ ต้องสอบประมวลความรู้อย่างใดอย่างหนึ่ง (หรือหลายอย่าง) ก่อนจะเรียกว่าเป็นแคนดิเดท แคนดิเดทน่าจะเขียนได้เฉพาะในเรซูเม่หรือซีวี เอาไว้ให้รู้ว่าเรียนถึงระดับไหน แต่พวกใส่ในนามบัตรนี่ไม่ไหว (เท่าที่ทราบมา หากผิดพลาดช่วยแก้ไขให้ด้วยครับ) คุณจักรภพฯ นี่รู้สึกเรียนจบคอร์สเวิร์คเท่านั้น ไม่ได้สอบคอมพรีเฮนซีฟหรือสอบควอลิฟายหรือสอบหัวข้อวิทยานิพนธ์แต่อย่างใด จากคุณ : ..... - [ 26 พ.ค. 50 10:21:19 A:76.17.103.217 X: TicketID:012743 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ไม่น่าจะระบุนะครับ คำว่า candidate ก็ต้องดูว่าสถานะัปัจจุบันนั้นกำลังอยู่ในกระบวนการเพื่อจะคว้า Ph.D. นั้นหรือเปล่า ถ้าเรายังมีสภาพนักศึกษา กำลังทำวิทยานิพนธ์ เหลือเพียงการสอบป้องกันครั้งสุดท้าย ก็ระบุได้ว่าเป็น candidate แต่ถ้าเลิกเรียนไปแล้ว ไม่คิดจะสอบเพื่อเอาวุฒิแล้ว จะเขียนไปทำไม เพราะไม่ได้เป็น candidate แล้ว การเป็นแคนดิเดต คืออยู่ในสถานะที่เป็นไปได้ มีโอกาสเป็น ไม่เช่นนั้นคนเคยเป็นสส.สอบตก ก็อาจเขียนในนามบัตรว่า M.P. (Candidate) M.P. (ABV)   ABV - All but Votes  มีคุณสมบัติครบทุกอย่าง ขาดเพียงคะแนนโหวต ข้าพเจ้าเป็นแคนดิเดตอยู่หลายปี ไม่เห็นจะมีประโยชน์ที่จะเขียนคำว่า candidate นอกมหาวิทยาลัย ใน CV หรือ Resume ก็ใช้ Ph.D. (Expected to graduate XXXX) และจนป่านนี้ ไปไหนมาไหน ก็ไม่เคยบอกใครว่าจบอะไร เขียนชื่อที่ไหนก็ไม่เคยใส่ ดร. นำหน้าชื่อ ถ้าคนอื่นจะทราบเองก็ว่าไปอย่าง จากคุณ : vandyman - [ 27 พ.ค. 50 11:28:56 ]