PANTIP.COM : H5475035 TOEFL iBT เรียนหรืออ่านเองจะได้ผลกว่ากันคะ []

ความคิดเห็นที่ 7

ถ้าจะให้แนะนำสอบ iBT เราขอแนะนำให้ซื้อหนังสือของ Longman หรือ Cambridge มาอ่านดูนะคะ เพราะตอนเราสอบก็ซื้อของทั้งสองอย่างมาอ่าน แต่ถ้ามีโอกาสหาของ ETS โดยตรงได้ก็หาซื้อมานะคะ ตอนเราสอบมีเวลาเตรียมตัวยังไม่ถึง 5 วันเลย เพราะต้องรีบยื่นขอทุน แต่คะแนนก็ออกมาน่าพอใจ 97/120 งั้นก็จะขอให้คำแนะนำจากประสบการณ์การสอบ 2 ครั้งนะคะ (น่าเศร้าสอบครั้งที่สองห่างกันอาทิตย์เดียวได้น้อยกว่าครั้งแรกซะงั้น)

ใน iBT ก็จะมี 4 parts แต่ละ part ก็น่ากลัวทีเดียว
ก็ Reading ก็อ่านพวก Integrated Science อะไรเทือกนี้เยอะๆ เพราะเราสอบสองรอบ แล้วศัพท์ก็คล้ายๆ กัน ถ้าเรารู้ศัพท์ Academic มากหน่อยก็จะได้เปรียบค่ะ แล้วก็ต้องเป็น fast-reader พอสมควร เพราะตัวที่จะตัดคะแนนเราก็อยู่ที่เวลานั่นแหล่ะ บางทีเราลองทำแบบฝึกหัดจะมี 3 passages แต่เวลาทำจริงอาจมีถึง 5 passages เพราะเค้าเผื่อเป็น extra มา ก็ไม่ต้องตกใจ แต่เวลาให้คะแนนนั้นจะ random ไม่ได้สนว่าเราจะทำ part ไหนได้มากกว่า (น่าโมโหจริงๆ) แล้วส่วนมากที่จะเกร็งกันก็คือ ตรง summary เพราะไม่มีเวลาจะมาสรุปให้มัน เวลาก็ให้น้อย

ส่วน Listening ก็จะมีทั้งยากง่าย ถ้าเป็น conversation ก็คิดว่าไม่น่ายากเกินความสามารถทุกคน เพราะจะถามแบบสรุป แล้ววิเคราะห์ก็ไม่ยากมาก ศัพท์ก็จะพื้น พูดไม่เร็วมาก แต่มันยาววววว บางครั้งถ้าเราพยายาม lecture ทุกคำพูดก็อาจจะเสียสมาธิตรงที่ต้องทำความเข้าใจไป คือ ตรงนี้จะต้องพยายามแบ่งเวลาด้วยตัวเอง ซึ่งความจริงก็ยากอยู่เวลาเจอข้อสอบจริง แต่ก็เชื่อว่าถ้าสมาธิดี ทำได้ทุกคนค่ะ แล้วถ้า Listening เป็นแบบ Lecture ก็จะมีศัพท์คล้ายๆ กับ Reading แต่ไม่ยากกว่ามาก แต่ตอนที่เราเจอ เจอแบบ Bio เงี้ย ก็ตายไปเลย เพราะเรียนสายศิลป์มา ข้าพเจ้าก็มิทราบจะตอบอย่างไร ก็มั่วไปตามระเบียบ

Part III - Speaking ก็อาศัยการพูดให้หมดเวลากันไปเลยจะดีกว่า คิดอะไรพูดออกมาเลย เพราะจะดีกว่าการหยุดชะงักซึ่งจะทำให้เสียคะแนน แล้ว Speaking เท่าที่จำได้จะเป็น freestyle กับ opinion จาก conver ถ้าแบบ freestyle อาจารย์เราแนะนำว่า "use the entire time" พูดไม่ต้องหยุด มันจะทำให้เราดูดีกว่าหยุดชะงัก เพราะตรงนี้คะแนนมักจะมาจากความมั่นใจด้วยค่ะ สำเนียงก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่ก็ไม่ต้องกังวลมาก เพราะหลักๆ อยู่ที่เนื้อหาที่เราพูดค่ะ ส่วนถ้า opinion ก็จับจุดว่าเค้าจะถามอะไรเราดีๆ พยายามอย่าออกนอกเรื่องที่ถาม เพราะบางทีคำถามมันทำให้เรางง (เจอมาแล้ว!!!)

Part IV - Writing ตรงนี้ก็ต้องฝึกเขียนเยอะๆ เข้าไว้ แต่เราก็ไม่ทราบมาตรฐานแน่นอนของเค้าเพราะเราสอบสองครั้งติดกัน คะแนนห่างกัน แบบ ครั้งที่ 1 - 23 ครั้งที่ 2 - 28 ก็เลยงง ทั้งๆ ที่ก็เขียนเหมือนๆ กัน ตรงนี้ไม่เข้าใจเค้าจริงๆ ก็เลยไม่สามารถแนะนำได้มากเท่าไหร่ค่ะ

ตอนนี้ก็แนะนำเท่าที่นึกได้ก่อน เพราะสอบมาตั้งแต่มกรา แล้ว ถ้าคิดอะไรได้อีก จะมาบอกต่อนะคะ

จากคุณ : กิ๊ก (aliettes) - [ 7 มิ.ย. 50 00:22:43 ]