Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    Episode เด็กบ้านนอก ตอน เหิรฟ้ากลับไทยด้วยการบินไทย รักคุณเท่าฟ้า (รึเปล่า?)

    สวัสดีครับ พ่อยกแม่ยก พี่ยกน้องยก อิอิ
    เด็กบ้านนอกล่ะคิดถึ๊งคิดถึงครับ
    ตอนนี้กลับมาสยามประเทศแล้วครับ
    มัวแต่นอนตีลังกา Jetlag จนไม่ได้มา Update เรื่องราวให้ชาวไกลบ้านฟังเลยครับ
    แต่ก็คิดถึง พี่ๆเพื่อนๆ ทุกท่านครับ เลยขอมาเขียนแก้คัน ซักกะนิด

    เผื่อบางท่านไม่รู้จักว่าผมเป็นใคร
    ผมก็เป็น เด็กบ้านนอก คนนึงที่เรียน ปริญญาเอกที่ไทยครับ
    แล้วได้มีโอกาสมาทำวิจัยกับ Professor ที่เก่งทางวิศวกรรม ที่อเมริกานี่ เป็นเวลาหนึ่งปี
    ได้ผ่านร้อนผ่านหนาว ทั้งวันมามาก และมาน้อย เจอมาหมดละ
    ได้เพื่อนจากห้องไกลบ้าน ได้รับไมตรีและน้ำใจจากชาวไกลบ้านจนสำเร็จเสร็จสิ้นโครงการเป็นที่เรียบร้อยครับ
    ต้องบอกว่า ถ้าไม่มีทุกท่านในไกลบ้าน คงไม่มีชายน้อย ในวันนี้
    ขอกราบขอบพระคุณงามๆอีกครั้งครับ จุ๊บๆ

    เอ่อ อย่าเพิ่งบ่นนะงับ ว่าผมเกริ่นย๊าววว ยาว
    แบบว่าตอนแรกก็กะว่าจะกลับไปกบดานที่เมืองไทยเงียบๆ
    แต่ดั๊น เจอเรื่องคันๆ ที่สนามบิน JFK ซะก่อน
    อดไม่ได้ขอมาเล่าสู่กันฟังครับ

    เรื่องของเรื่องก็มีอยู่ว่า
    ผมมาทำวัจัยตั้งปี ข้าวของก็เยอะแยะ
    ผมเลยต้องขนกลับให้เยอะที่สุดเท่าที่จะทำได้
    ตามปรกติ การบินไทย สายการบินแห่งญาติ เขาจะอนุญาต
    ให้เราขนกระเป๋าได้หนักใบละ 32Kg จำนวนสองใบ
    และติดตัวขึ้นเครื่องได้หนึ่งใบ
    (เงื่อนไขนี้เฉพาะสาย USA และ Canada เท่านั้น)

    ผมก็เลยอัดมาซะเต็มอัตราศึก
    วันก่อนกลับได้ไปพักที่บ้านคุณ Smartupid
    ท่านทราบดีครับว่ากระเป๋าผมใหญ่มากขนาดไหน
    (ขอบพระคุณคุณลุงมากๆครับ ที่เมตตาให้ผมไปพักด้วยก่อนกลับ)
    ส่วนเจ้าใบหิ้วขึ้นเครื่อง ผมก็ อัดซะบวมเป่ง
    ไหนจะเทพีเสรีภาพที่เพื่อนฝากซื้อ และอีกหลายรายการ
    คราวนี้ เรื่องก็เกิดตอนที่ผมไป Check in ที่สนามบิน JFK นี่ล่ะครับ

    ตามกำหนด เครื่องจะออกเที่ยง
    คุณลุง Smartupid มาส่งผมที่สนามบินตอน เก้าโมงกว่า
    เพื่อความปลอดภัยว่า เราไม่ตกเครื่องแน่ๆ
    ผมก็ จัดแจงขนกระเป๋าเข้าไป Check in ที่ Counter อย่างอารมณ์ดี
    เจอพนักงานสาวสวย หมวย กิ๊วๆ เลยเลือกช่องนี้ซะเลย
    เธอทักทายเป็นภาษาอังกฤษ ผมก็เลยตอบด้วยภาษาอังกฤษ
    แบบว่า นิดนึงน่ะนะ ขอหน่อย อิอิ
    พอน้องหมวยเห็น Passport ไทย ก็เลยถามว่า “อ้าวคนไทยเหรอคะ”
    ผมก็บอกว่า ใช่ครับ (เสียงหล่อสุดๆ)
    เรื่องราวเหมือนจะดำเนินไปด้วยดี
    ประมาณ พระเอกมาเจอนางเอกที่สนามบินนานาชาติ อิอิ

    มาถึงตอนที่ผมเครียด ก็คือ ตอนชั่งน้ำหนักกระเป๋าแต่ละใบ ผมแทบจะหัวใจวาย
    เพราะผมอัดมาใบละ 32 Kg เป๊ะๆ แบบว่าเข้าใจความรู้สึกนักมวย
    ตอนชั่งน้ำหนักก่อนชกเลยครับ ว่าทำไมเข้าต้องแก้ผ้าแก้ผ่อน
    เพราะของชิ้นสองชิ้น มันก็เพิ่มน้ำหนักได้จริงๆ
    แต่ผมไม่ได้แก้น๊าา บอกไว้ก่อน อิอิ

    สรุปว่า กระเป๋า ยักษ์โหลดสองใบเลยรอดสบายๆ
    ไอ้เราก็คิดว่ารอดแล้วตู
    พนักงานสาวหมวยคนสวยก็ ออกตั๋วให้
    ผมก็เลยถามว่า เอ่อ ไม่ทราบว่าผมอยากได้ที่นั่งติดทางเดิน
    ภาษาอังกฤษคือ  Aisle seat อ่านว่า ไอล ซีท (แบบว่าแอบท่องไว้เผื่อไม่เจอพนักงานคนไทย)
    สาวหมวยก็ตอบว่า ไม่ได้ค่ะ เพราะมีการกำหนดเอาไว้ก่อนแล้ว
    ผมก็เลยบอก โอเคครับไม่เป็นไร (เสียงยังคงหล่อ)

    แล้วจู่ๆ สาวหมวยก็ เหลือบไปเห็นกระเป๋าใบตุงที่ผมจะเอาขึ้นเครื่อง
    คราวซวยของผมครับ น้องหมวยสั่งว่า
    “เอาใบนั้นขึ้นมาชั่งด้วยค่ะ”  อะไรว๊าาาา ไม่เห็นคนอื่นโดนแบบผมเลยง่ะ
    ผมก็เลยยกไปชั่ง โอ๊วแม่เจ้า 16 Kg (ผมไม่ทราบมาก่อนว่าเขาจะชั่งใบนี้ด้วย)
    น้องหมวยบอกว่า กระเป๋าน้ำหนักเกินค่ะ เอาของออกด้วย
    เอาล่ะสิ จะเอาออกไปไหนล่ะตู

    ผมเลยอ้อนไปว่า ผมาเรื่องเรียน มาตั้งปี ย้ายกลับบ้านเลยของเยอะ
    น้องหมวยบอกว่า ไม่ได้ค่ะ เราไม่อนุญาตให้นำหนักเกิน 9 Kg
    เอาล่ะสิครับ ผมจะเอาไปยัดตรงไหนได้ ส่วนที่เกินตั้ง 7 Kg
    ผมถามอย่างใจเย็นต่อไปว่า จะมีทางออกไหนให้ผมได้บ้างครับ
    น้องหมวยยิ้มสวยๆแล้วตอบว่า คุณต้องจ่ายค่าปรับ 110USD ค่ะ
    แล้วคุณจะสามารถเอากระเป๋าใบนี้โหลดลงใต้เครื่องไปได้เลย
    อ้าว ของในกระเป๋านี้มีแต่ของมีค่า แตกหักได้ ถ้าโหลดใต้เครื่องก็เดี๊ยงสิครับ
    น้องหมวยก็ยังตอบคำเดิมว่า ไม่เอาของออกก็จ่ายมา 110USD

    โธ่! น้องหมวยครับ ท่องกฏยังกะสูตรคูณเลยนะครับ เป๊ะๆ
    ผมเลย เอาวะ เป็นไงเป็นกัน จัดการรื้อของออกจากกระเป๋าใบนี้ทั้งหมด
    เอาเสื้อผ้า กางเกงใน สารพัดออกมากอง
    แล้วลองจัดใหม่ แล้วชั่ง ก็ยังเกินอยู่ดี
    หน้าผมเริ่มจืดแล้วครับ คนก็มองกันเต็มเลยว่า ไอ้บ้านี่ มันทำอะไรของมัน
    น้องหมวยคงสมเพชผม จู่ๆ ก็ ออกตั๋วใบใหม่มาให้บอกว่า
    เป็นตั๋วติดทางเดิน (อ้าวตบหัวแล้วลูบหลังนี่หว่า)
    บอกตรงๆครับ ตอนนั้น ไม่สนแล้วจะนั่งตรงไหน
    เพราะปัญหาตอนนี้คือเรื่อง กระเป๋าน้ำหนักเกิน

    แบบว่าอารมณ์เสียดายเงินครับ เลือกเอาแต่ที่จำเป็นจริงๆ ยัดเข้ากระเป๋าคืน
    แล้วไปชั่งใหม่ ได้ 9 เกือบ 10 Kg
    น้องหมวยก็ งง ถามว่าแล้วของที่เหลือจะเอาไปไว้ไหน
    ผมบอกว่า ไม่เป็นไรครับ ผมขอทิ้งของพวกนี้ เพราะเป็นเสื้อผ้าที่เอามาจากไทย
    น้องหมวยเลยทำหน้าแบบเซ็งๆว่า โอเค เท่าก็ยอมให้ผ่าน

    แล้วคิดดูครับ กางเกงใน ถุงเท้า เสื้อยืดห่านคู่ กองอยู่กับพื้นกระจัดการะจาย
    คนแถวนั้นก็มอง คงแอบนินทาว่า ไอ้ตี๋นี่ ใส่กางแกงในมียี่ห้อซะด้วย
    ไม่ได้หรอกครับ ของสำคัญต้องปกป้องอย่างดี อิอิ

    แต่น้องหมวยก็ไม่ได้สนใจอะไร ผมเลยถามน้องหมวยว่า
    ถังขยะอยู่ไหน เธอก็ชี้ไปโน่น
    เอาล่ะวะ สู้ตาย ขนไปทิ้งก็ได้  ทำไงได้
    บอกตรงๆครับ ผมไม่ทราบว่าจะโดนชั่งกระเป๋า Carry ขึ้นเครื่อง
    เพราะแต่ไหนแต่ไร ก็ไม่เคยโดน สงสัยน้องหมวยอยากคุยด้วยเยอะๆ (ทุกข์ของคนหล่อ)

    ผมก็ กองโกยของที่จะทิ้งเดินหาถังขยะ
    ในใจก็ อึ้งๆนะครับ มองหาถังก็ไม่เจอ เสียดายเสื้อผ้าที่ใส่มานับปีด้วย
    แล้วจู่ๆ ก็มีป้าผิวดำ เป็นเจ้าหน้าที่การบินไทย มาถามว่า เกิดอะไรขึ้น
    ผมตอบไปว่า ผมต้องทิ้งของเหล่านี้เพราะน้ำหนักเกิน
    ป้าแกก็งง และถามซ้ำว่า ยูจะทิ้งมันจริงๆเหรอ
    ผมยืนยันว่าต้องทิ้งเพระาไม่งั้นโดนปรับ 110USD
    ป้าแกบอกเดี๋ยวๆ ให้รอก่อน แล้วแกเดินหายไปสักครู่ครับ
    เอาถุง Plastic ของร้าน Runway มาให้ แล้วบอกว่า
    ยูเอาของพวกนี้ใส่ถุง แล้วถือขึ้นเครื่องได้เลย
    ผมก็ถามย้ำนะครับว่า ทำได้แน่เหรอครับคุณป้า
    ป้าแกยืนยันครับ ว่า ไม่มีปัญหา ยูถือขึ้นไปเลย
    ทิ้งทำไม เสื้อผ้าของยูเองทั้งนั้น

    โหยผมจุกแบบพูดไม่ออกเลยครับ
    กับการที่ได้รับน้ำใจจากคนต่างชาติ (ตอนแรกผมไม่ชอบคนดำเท่าไรครับ
    เพราะ เพื่อนข้างห้องเป็นคนดำนิสัยไม่ดี)
    ป้าแกเป็นคนดำ ที่ใจดี และเข้าใจปัญหาของเราครับ
    ทางออกที่ป้าแนะนำผม ก็ไม่เหลือบ่ากว่าแรงที่เจ้าหน้าที่การบินไทยจะช่วยเหลือผู้โดยสาร
    ผมขอบคุณป้าเขาไปหลายครั้งเลยครับ ตื้นตันจริงๆ

    ใจก็คิดนะครับ น้องหมวยเองก็เป็นคนไทยด้วยกันแท้ๆ
    ผมเองก็ไม่ได้ทำตัวกร่าง หรือพูดอะไรไม่ดี
    ทำไมนะ เขาไม่แนะนำอะไรเราสักนิด

    สรุป ผมไม่ต้องทิ้งอะไรเลยแม้แต่ชิ้นเดียวครับ
    ขอบคุณคุณป้ามากๆครับ แม้คุณป้าจะไม่ได้เล่นไกลบ้าน(อ่านไทยไม่ได้ชัวร์ๆ)
    แต่ผมก็ดีใจครับ ที่การมาเมืองนอกครั้งนี้
    ได้บทเรียนจาก หลายๆเรื่อง แม้แต่เรื่องนี้ก็เป็นบทเรียนที่ดีสำหรับผม
    ว่า สวยแต่กินไม่ได้ครับ อิอิ

    ขอบคุณครับ ที่สละเวลามาอ่านเรื่องราวของผม
    แล้วว่างๆผมจะเอาเรื่องมาเล่าอีกนะครับ

    จากคุณ : Cozmen - [ 27 มิ.ย. 50 03:29:36 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom