ความคิดเห็นที่ 1 ช่วยตามความรู้สึก ดีกว่า สามสี่ร้อย ก็น่าจะโอเค จากคุณ : Kimpu - [ 18 ก.ค. 50 15:28:43 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เป็นดิฉัน ไม่ช่วยค่ะ 555 เงินเดือนสามีเยอะกว่าคุณตั้งหลายเท่าแน่ะ คิดว่าเค้าก็คงไม่ได้คิดมากแบบคุณหรอก อิอิ แหม สามีภรรยากัน ไม่น่ามีคิดเล็กคิดน้อยเรื่องนี้นะคะ ถ้า *จำเป็น* ต้องช่วยกันทำมาหากินก็ว่าไปอย่าง จากคุณ : In UK - [ 18 ก.ค. 50 17:40:29 A:82.71.86.14 X: TicketID:148769 ]

ความคิดเห็นที่ 3 If you think what he earns is enough for household expenses and still have some for savings then you can save that money for holidays and yoursef(your child). Take your husband where you want to go. Just the gift after you and him have been working hard all year. จากคุณ : PoomPim..TMB - [ 18 ก.ค. 50 17:53:11 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ถ้าเป็นตัวเองก็คงจะช่วยจ่ายเล็กๆน้อยๆ อย่างเช่นค่ากับข้าว หรือว่าของใช้จุกจิก แต่ถ้าจะให้เอาตังค์ไปให้สามี คงจะไม่ทำค่ะ จากคุณ : BABY BU - [ 18 ก.ค. 50 19:40:02 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ไม่ทราบว่าเงินเดือนคุณนี่เอาเข้าบัญชีร่วมหรือเปล่าคะ สำหรับครอบครัวดิฉัน ไม่ได้คิดว่าใครมีเงินเดือนมากกว่าใคร เพราะทั้งสองคนเอาเงินเข้าบัญชีร่วม เพราะฉะนั้นค่าใช้จ่ายในบ้านทุกอย่างจะอยู่ในนั้น แล้วตกลงกันว่าแต่ละคนจะมีเงินจำนวนหนึ่งเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว (คนละเท่าๆกัน) เรียกว่าเป็น personal allowance ค่ะ  ลูกก็ได้ส่วนนี้ด้วย แต่น้อยกว่าพ่อแม่หน่อย ถ้าเดือนไหนไม่ได้ซื้อของอะไรให้ลูก ก็เก็บเข้าบัญชีออมทรัพย์ให้เขาไป personal allowance ที่ว่านี่ จะไปใช้อะไรก็ไม่มีใครว่าใคร ถือว่าเป็นสิทธิ์ส่วนตัว ไม่ก้าวก่ายกัน ก็เอาไว้สำหรับทำอะไรหรือซื้ออะไรที่ชอบหรืออยากได้อยากมี (want) แต่ไม่ใช่สิ่งจำเป็นต้องมี (need) อย่างถ้าเป็นการซื้อเสื้อผ้านี่ ถือว่าเป็นหนึ่งในปัจจัยห้า เพราะฉะนั้นจะรวมอยู่ใน household expenses แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะซื้อเสื้อผ้า ช้อปกระจายกันทุกเดือนนะคะ คือต้องดูความเหมาะสมตามความจำเป็นที่ต้องใช้จริงด้วย ถ้าซื้อเพียงเพราะแค่ชอบ แต่ไม่มีความจำเป็นต้องใช้ อันนี้ไม่นับค่ะ อย่างนี้ถือเป็นของฟุ่มเฟือยที่เราอยากได้เอง เช่นเดียวกับเครื่องสำอาง ก็จะเอาเงิน personal allowance ซื้อไป เรื่องส่งเงินให้ทางบ้าน ดิฉันไม่ได้ส่ง แต่ถ้าคิดจะส่งขึ้นมา ก็คงจะคุยกับสามี ขอแบ่งส่วนไปเลย ไม่เกี่ยวกับ personal allowance ด้วย แต่ตรงนี้เขารู้ตั้งแต่แต่งงานแล้วว่า แต่งแล้วก็ไม่มีครอบครัวเธอ ครอบครัวฉัน มีแต่ "ครอบครัวและพี่น้องของเรา" ค่ะ แก้ไขเมื่อ 18 ก.ค. 50 19:58:49 จากคุณ : Northernlife - [ 18 ก.ค. 50 19:57:46 ]

ความคิดเห็นที่ 6 สามีคุณคงไม่คิดเล็กคิดน้อยมั้งค่ะ ถ้าเป็นเราคงจะจ่ายส่วนเล็กๆน้อยๆ เช่น ค่ากับข้าว ค่าขนมลูก เก็บไว้ใช้ส่วนตัว บ้านนี้ไม่ได้แบ่งว่าเธอจ่ายเท่าไร ชั้นจ่ายเท่าไร บัญชีร่วมมีหนึ่งบัญชี แต่อันนี้เงินเข้าจากเงินเดือนพ่อบ้าน ค่าใช้จ่ายเกือบทุกอย่างจะจ่ายจากบัญชีนี้ ส่วนเงินเืดือนเราเข้าบัญชีส่วนตัว แต่ว่าเราจะเป็นคนดูแลค่าใช้จ่ายในบ้าน บางเดือนอาจจะ้ต้องจ่ายค่าบัตรเครติดจากบัญชีของเราบ้าง หรือมีอะไรที่ต้องซื้อพิเศษก็จะจ่ายจากบัญชีเรา ทราบมาว่าบางบ้าน(เพื่อนพ่อบ้าน) เค้าคิดกันเป็นเปอร์เซ็นต์อ่ะ ว่าใครเงินเดือนมากจ่ายสูงกว่าอีกคน 60/40 อะไรว่าไป แต่ไม่ค่อยชอบน่ะค่ะ จากคุณ : Monti Ta - [ 18 ก.ค. 50 22:51:10 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ไม่ให้ค่ะ เพราะสามีคุณได้เงินเดือนเยอะกว่ามาก แล้วที่ผ่านมาก็สามารถเลี้ยงดูลูกเมียได้ เงินที่คุณหามาก็เก็บไว้ หรือไว้ใช้ซื้อของสวยๆงามๆส่วนตัวดีกว่าค่ะ ไม่ต้องมาแบ่งให้สามีหรอกค่ะ จากคุณ : flymom - [ 19 ก.ค. 50 00:18:52 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เคยถามสามีเรื่องเงินค่าใช้จ่าย เมื่อคราวเขายังอยู่กับพ่อแม่ ประมาณของคห .3 คือเงินเดือนพ่อ ซึ่งไม่มากนัก เข้าบัญชีพ่อก็จริงแต่แม่บริหารหมด จะจ่ายบิลอะไรบ้าง ให้เงินติดกระเป๋าพ่อไปทำงานเท่าไร เหมือนครอบครัวไทยบางครอบครัว พอลูกเข้าเรียนแม่ทำพาสไทม์ แม่เก็บหมด เอาไว้เป็นเงิน ฮอลิเดย์ หรือซื้อรถคันใหม่ ของครอบครัว ในกรณีคุณ ก็ตกลงกับเขาไปเลยก็ได้ เราแฮ้ปปี้ที่จะจ่ายค่าอะไร เล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น ( ไม่อยากจ่ายมาก ) เหมือนกันเลย ไม่อยากจ่ายมาก เพราะรายได้เขาเยอะกว่าเรา มาก ประมาณสิบเอ็ดเท่าของรายได้เรา ดิฉันก็ถาม ๆ ไปงั้น อยากให้จ่ายค่าอะไรช่วย ผ่านมาสามสี่เดือนแล้ว ยังไม่ช่วยเขาเลย อยู่ในพันธุ์งก เหมือนกัน ด้วยเหตุผล อยากเก็บเป็นเงินเรา และส่งทางบ้านด้วย สักร้อยสองร้อยน่าจะพอดี ที่เหลือก็ของเรา จากคุณ : rattana.uk - [ 19 ก.ค. 50 00:29:16 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เรื่องแบบนี้ แต่ละบ้านไม่เหมือนกันค่ะ เมื่อประมาณสองสามเดือนก่อน ดิฉันมาตั้งกระทู้คลายๆกับคุณ ด้วยความรู้สึก และควาามต้องการแบบเดียวกันเลย เรามีลูกด้วยกันหนึ่งคน ตั้งแต่อยู่กันมาเขาเป็นคนหาเงิน ส่วนดิฉันก็ใช้ๆทั้งของบ้าน ของลูก ของตัวเอง พอเริ่มทำงานได้ ดิฉันก็อยากเก็บแบบคุณนี่ล่ะ ปรากฎว่า ดิฉันกับสามีหาข้อตกลงไมไ่ด้ ถ้าดิฉันยืนยันจะเก็บเงินเดือนที่ทำงานได้ สุดท้ายก็ต้องไปใส่บัญชีร่วมค่ะ เพราะงินเดือนไม่มากพอที่จะ"บินเดี่ยว" (เพราะสามีบอกว่าถ้าจะแยกเก็บเงินก็แยกบัญชีกันไปเลย ซึ่งผลดีมันน้อยกว่าผลเสีย) ลองไปหากระทู้เก่าดูนะคะ ในคลังกระทู้เก่า Couple & Money แล้วจะได้แนวคิดค่ะ ข้อสรุปของดิฉัน ถ้าสามีคุณยินยอมให้คุณเก้บเงินเดือนก้อนนี้เข้ากระเป๋าไป โดยไม่ต้องให่้มาร่วม แชร์ค่าใช้จ่าย ก็ขอให้เก็บไปค่ะ จะบอกว่าเก็บไว้ฉุกเฉิน หรือเผื่อไปพักร้อนด้วยกัน หรืออะไรก็ตาม เก็บไว้ก่อนดีกว่าค่ะ (ถ้าสามีไม่ขัดนะคะ) เพราะถ้าคุณมาร่วมแชร์ค่าใช้จ่ายแล้ว ต่อไป อยู่ๆจะไม่แชร์ ก็ ลำบากค่ะ แต่ถ้าจะแชร์ ดิฉันก็ว่า สามสี่ร้อยก็ดูเหมาะสม จะให้ดีถ้าสามีไม่ว่าอะไร "เก็บไว้เอง"ค่ะ ไม่งั้นระบบคุณNorthern Lifeก็นับว่าดีเหมือนกันค่ะ จากคุณ : BFR - [ 19 ก.ค. 50 00:52:59 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ดูเหมือนจกทเกรงใจสามีที่จะใช้เงินสามี ไม่ซื้อของใช้ส่วนตัวเลยย และมีความต้องการส่งเงินให้ที่บ้านด้วย ....หากเอาใส่บัญชีร่วม ก็คงจะไม่กล้าใช้สตางค์อีกเป็นแน่.. ลองคุยกับสามีดูซิค่ะว่าเขารู้สึกเช่นไร ถ้าเราเก็บใช้ส่วนตัว เหตุผลคือเราเกรงใจไม่กล้าใช้เงินของเขาส่งให้แม่ หรือซื้อของใช้ส่วนตัว ใช้ซื้อของขวัญในโอกาสพิเศษให้สามีและลูก หรือฮอลิเดย์ บางทีสามีคุณอาจไม่เคยรู้มาก่อนว่าคุณเกรงใจ ทึกทักว่าเป็นคุณเป็นคนประหยัดมาแต่กำเนิด เพราะให้ถือเงินให้สิทธิ์ใช้แต่คุณไม่ใช้ การคุยกันดีนะค่ะ เขาจะได้รู้ว่าเราภรรยารู้สึกเช่นไร เราก็ได้รู้จักทัศนคติเขาต่อการบริหารเงิน และตัวตนของเขามากขึ้น จากคุณ : uwa (Uwa) - [ 19 ก.ค. 50 01:20:03 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เคยทำงานเมื่อปีก่อนเงินก้อเข้าบัญชีร่วม แต่ตอนนี้ไม่ได้ทำอยู่บ้านเลี้ยงลูก ซื้อได้ทุกอย่างที่อยากได้และเงินเอื้ออำนวย แต่คราวนี้คุยกันเรื่องทำงานอีก สามีตกลงจ่ายทุกอย่างในบ้านและค่าเดย์แคร์ของลูก แตุ่ถ้าเราอยากได้รถใหม่ เราคิดว่าเราจะจ่ายค่ารถรายเดือนเองและช่วยเหลือเขานิดหน่อย พอไม่น่าเกลียด ดิฉันคิดว่าที่สำคัญคุยกับเขาก่อนดีไหมค่ะ ว่าเขาคิดอย่างไรเพราะเขาได้เงินเยอะกว่า และถึงวันหนึ่งถ้าคุณไม่ได้ทำงานอีกเดี๋ยวจะมีปัญหาคาใจ.... จากคุณ : Fon_Sandiego - [ 19 ก.ค. 50 01:31:40 ]

ความคิดเห็นที่ 12 คุณคุณคุณ: Kimpu ดิฉันก็กะว่าจะให้แค่นั้นก่อนเหมือนกันค่ะ ได้เงินขึ้นแล้วอาจมีเพิ่มอีกนิดหน่อย คุณ In UK: หลายครั้งดิฉันก็คิดเหมือนคุณนี่แหละค่ะ แต่พอเห็นบิลต่าง ๆ มาตอนสิ้นเดือนแล้วดิฉันก็ทำไม่ลง คุณ Poompim: ดิฉันก็มีความคิดนี้เหมือนกัน เพราะอีกปีครึ่งก็จะครบรอบแต่งงานปีที่ 10 ของเราดิฉันอยากไปเที่ยวทางเรือสักอาทิตย์ เลยอยากเก็บเงินซื้อทัวร์ไว้เป็นของขวัญสำหรับเรา อีกอย่างดิฉันอยากส่งลูกกลับเมืองไทยตอนปิดเทอมทุกปีเพื่อไปเรียนภาษาไทยกับยาย เงินเก็บนี้คงช่วยได้ (เพราะปกติเราไม่ได้กลับเมืองไทยทุกปี) คุณ Baby bu: ตอนนี้ดิฉันก็ทำอย่างนั้นอยู่ค่ะ เงินเดือนที่ได้มาดิฉันก็ใส่กระเป๋ารวมไว้ กับเงินที่เบิกจากธนาคาร เวลาไปซื้อกับข้าวหรือของให้ลูกก็หยิบจ่ายไป ไป ๆ มา ๆ ดิฉันเหลือเงินอยู่ไม่กี่ร้อยแล้วค่ะ นี่คือเหตุผลที่ดิฉันอยากเก็บแยกเงินต่างหาก เรื่องเอาเงินให้สามีคงไม่ใช่อย่างนั้นหรอกค่ะ ดิฉันจะเอาใส่บัญชีกลางสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในบ้านค่ะ คุณ Northernlife: ตอนนี้ยังรับเงินสดค่ะ หลังสามเดือนจะทำสัญญา ขึ้นเดือนให้และจะจ่ายผ่านธนาคาร (เจ้านายได้ขอเอกสารทั้งหมดวันนี้เองค่ะ) ดิฉันต้องการเปิดบัญชีใหม่เป็นชื่อดิฉันคนเดียว จะช่วยค่าใช้จ่ายในบ้าน เท่าไหร่ก็เบิกไปใส่บัญชีกลางเอา ส่วนเรื่องส่งเงินให้ทางบ้านนั้น ดิฉันรู้สึกผิดมานาน เพราะตอนอยู่ไทยเคยให้ตลอด ตอนนี้พี่น้องคนอื่นก็บ่นเวลาดิฉันกลับไทย ว่าไม่ให้เงิน ทางบ้านใช้ เอาแต่ตัวเองสะบาย (พี่น้องคนอื่นส่งเสียทางบ้านทุกเดือน) คุณ Monti Ta ดิฉันไม่มีบัตรอื่นเลยนอกจาก ATM เท่านั้น ขอบคุณที่เข้ามาร่วมแชร์ความคิดเห็นค่ะ คุณ Frymom: ก็เพราะอยู่บ้านให้เขาเลี้ยงมาตลอดนี่แหละค่ะ ดิฉันถึงเกรงใจ พอมีรายได้จึงอยากช่วยบ้าง ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงคิดมากนัก คงเพราะเห็นบิลต่าง ๆ ตอนสิ้นเดือนมั้งคะ คุณรัตนา ก็เพราะไอ้ความงกนี่แหละค่ะ ที่ทำให้ดิฉันลำบากใจอยู่นี่ ใจหนึ่งอยากช่วย อีกใจก็เก็บเถอะ ๆ เถียงกันไม่ชนะสักที หึ หึ คุณ BFR ดิฉันก็ว่าจะลองคุยอยู่เหมือนกันค่ะ ตั้งท่ามาหลายวันแล้วล่ะ เพราะเงินเดือนจะขึ้น และจะได้ทำประจำแล้วด้วย แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงดี คุณ uwa : เข้ามานั่งอยู่ในใจดิฉันเลยนะนั่น ใช่ค่ะดิฉันเกรงใจเขาทุกอย่าง ซื้ออะไรมาดิฉันก็เอาบิลมาวางไว้ตลอด แต่เขาไม่เคยถาม หรือดูบิลหรอกค่ะ เรื่องประหยัดนี่ นั่นสิเขาถึงทำตาโตตอนดิฉันเอาเครื่องสำอางมาวางให้ดู (ไปซื้อคนเดียว) เพราะราคาเยอะมาก เขางงว่าเรากล้าซื้อได้อย่างไร เพราะไม่เคยเห็นซื้ออะไรเลย คุณฝน แล้วดิฉันจะหาเวลาคุยกับเขาค่ะ คิดว่าน่าจะวีคเอนนี่ล่ะ ขอบคุณทุกท่านมาก ๆ นะคะ ที่เข้ามาแนะนำ จากคุณ : เริ่มงกค่ะ - [ 19 ก.ค. 50 01:53:39 A:85.2.46.181 X: TicketID:150712 ]

ความคิดเห็นที่ 13 สำหรับแม่บ้าน บ้านนี้ยังคงยึดคติประจำบ้านเหนียวแน่นค่ะ "เงินเธอคือเงินฉัน เงินฉันคือเงินฉัน ซึ่งไม่ใช่เงินเธอ " สามีก็ไม่เห็นบ่นอะไรเลยค่ะ ยอมรับเงื่อนไขแต่โดยดี จากคุณ : hamble pie - [ 19 ก.ค. 50 02:32:25 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ที่บ้าน เงินเดือนสองคนใส่รวมกันบัญชีเดียว จะใช้อะไรก็จากตรงนั้นแหละค่ะ ง่ายดี ไม่ต้องคิดเล็กคิดน้อยกัน จากคุณ : SFO-CNX - [ 19 ก.ค. 50 04:34:44 ]

ความคิดเห็นที่ 15 พอดีที่บ้านทำงานอยู่ที่เดียวกันทั้งคู่ค่ะ เงินเดือนที่ได้มาก็ เอาเข้าบัญชีร่วมกัน โดยพวกค่าใช้จ่ายในบ้านทั้งหมดก็หักจากบัญชีกลางของเราค่ะ ส่วนเงินใช้ส่วนตัวก็คือโอนให้บัญชีเรากับของคุณสามี เดือนละเท่าๆกัน ตรงนี้ก็เเล้วแต่ว่าจะใช้จ่ายส่วนตัวกันอย่างไงเท่านั้นเองค่ะ แต่คุณสามีก็มีซื้อของให้เราโดยใช้เงินส่วนตัวเค้านะคะ คุณ จขกท ลองเปิดอกคุยกับสามีเรื่องนี้นะคะ ส่วนตัวดิฉันคิดว่าถ้าเราทำงานมีรายได้เป็นของตัวเองแล้วการให้รางวัลชีวิตเราในแต่ละเดือนบ้างมันก็ไม่น่าเป็นเรื่องผิดนะคะ จากคุณ : Anne- cafe au lait - [ 19 ก.ค. 50 04:55:42 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เข้ามาอีกที ไม่รู้ว่าประเทศที่คุณ จขกท อยู่เหมือนที่อเมริกาหรือเปล่า คือว่าเรื่องบัตรเครดิตน่ะค่ะ เพราะเมื่อก่อนตอนที่ยังไ่ม่ได้ทำงานก็มี ATM ใบเดียวเหมือนกัน พอเริ่มทำงาน พ่อบ้านก็แนะนำให้หาบัตรเครดิตไว้เผื่อใช้แล้วก็มันจะได้เป็นการสร้างเครดิตจากการใช้บัครเครดิตแล้วจ่ายตรงเวลาอะไรเงี้ย(คนจ่ายเงินสดกลายเป็นไม่มีเครดิต :(( )  ซึ่งก็ท่าจะจริง เพราะแรกสุดสมัครของ citi bank เค้าบอกว่าเราไม่น่าเชื่อถือทางการเงิน แล้วก็ไม่ให้ 5555 เลยสมัครอีกอันแทน ก็สมัครให้พ่อบ้านด้วย แล้วก็อย่างที่บอกค่ะว่าบางทีก็จ่ายให้เค้าบ้างเพราะได้เงินเดือนมากกว่าเค้านิดหน่อย จากคุณ : Monti Ta - [ 19 ก.ค. 50 06:29:28 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เสียดายเงินค่าเช่าบ้านจังค่ะ ตั้ง 1,500 แต่สุดท้ายไม่ได้อะไรเป็นของตัวเอง -มีรายได้เพิ่มขึ้นอีกทาง น่าจะลองคุยกับคุณพ่อบ้านเรื่องผ่อนบ้านหรือซื้อบ้านเป็นของตัวเองนะค่ะ วันนึงหากคุณย้ายไปอยู่ที่อื่นก็ปล่อยให้คนเช่าเก็บค่าเช่าได้ค่ะ หากเงินคุณพ่อบ้านไม่พอผ่อนคุณอยากจะช่วยผ่อนก็ได้ค่ะจะได้หมดหนี้สินเร็วๆค่ะ จากคุณ : Th( SG ) - [ 19 ก.ค. 50 12:03:15 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ซื้อบ้านในสวิสเนี่ยเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากมากเลยละครับคุณ th (sg)  เพราะไม่ทราบว่ารายได้ที่เจ้าของกระทู้ ว่า 7000 นี่เป็นรายได้สุทธิก่อนหักภาษีหรือยัง ถ้าเป็นคนสวิสเอง ภาษียังจะไม่ถูกหักออกจากเงินเดือนอัตโนมัติ แต่ต้องกันเอาไว้เอง จากคุณ : Kimpu - [ 19 ก.ค. 50 15:13:03 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เราคงไม่ซื้อบ้านหรอกค่ะ เพราะบ้านที่เช่าอยู่นี้เป็นบ้านแม่สามี วันหนึ่งคงเป็นของเราอยู่ดี (หวังไว้) 1,500 CHF เป็นค่าเช่าที่ถูกมากเมื่อเทียบกับที่อื่น ๆ (3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ)อยู่ติดเมือง ไกล้ห้างใหญ่ 7,000 CHF เป็นรายได้สุทธิค่ะ ดูจากสลิปเิงินเดือน มีรายการหักต่าง ๆ แล้ว แต่ทุกปีเราก็จะมีการเคลียร์ภาษีอีกครั้งตอนสิ้นปี ปีที่แล้วได้เงินคืนมา 1000 กว่าค่ะ (จ่ายเยอะไป) จากคุณ : เริ่มงกค่ะ - [ 19 ก.ค. 50 17:26:43 A:85.1.96.240 X: TicketID:150712 ]

ความคิดเห็นที่ 20 คงจะไม้ให้เช่นกันค่ะ เพราะไม่ทราบว่าสามีคุณเก็บเงินรีไทร์เม้นให้คุณด้วยรึปล่าว เงินทองเอาไว้ใช้ยามแก่เฒ่าน่ะค่ะ เพราะคุณไม่ได้ทำงาน เงินที่คุณหามาได้ คุณก็บอกเขาว่าเป็นเงินเก็บยามแก่เฒ่าและใช้ส่วนตัวก็แล้วกัน เพราะอีกหน่อยจะได้ไมใต้องรบกวนเขามากมาย ดิฉันก็ไม่มีรายได้ค่ะ เลี้ยงลูก แต่สามีจะเก็บเงินให้ส่วนนึงเป็นเงินรีไทร์ของดิฉันเอง ตอนนี้ทำงานพาททามค่ะ เงินที่ได้อิฉันเก็บเรียบ (ไม่มากมายอะไร) เอาไว้ซื้อของส่วนตัว แต่ก็ไม่ซื้ออะไรมากมายค่ะ ถือคติ กระเป๋าคุณคือกระเป๋าฉัน กระเป๋าฉันเป็นของฉันเอง โอะๆๆๆ จากคุณ : แอนนาค่ะ - [ 19 ก.ค. 50 23:44:17 ]

ความคิดเห็นที่ 21 เงินสามีก็คือเงินเรา เงินเราก็คือเงินเรา เอ๊ะยังไงเนี่ย .. จากคุณ : Kofschip - [ 26 ก.ค. 50 03:02:12 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ทุกวันนี้เป็นแม่บ้านค่ะ ไม่ได้ทำงาน แล้วก็คงเป็นไปได้ยากที่จะทำ เพราะสามีจ่ายภาษีสูงเหลือเกินค่ะ ทำไปคงเหมือนไม่ได้อะไร ไม่คุ้ม แต่เคยคุยเรื่องนี้กับเค้าเหมือนกัน เค้าบอกว่าถ้าทำมาได้ แล้วในขณะนั้นไม่มีปัญหาอะไรในบ้าน ก็ให้เราเก็บเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัวของเราค่ะ แต่ที่ลืมถามก็คือ แล้วเธอยังจะให้เงินรายเดือนชั้นอยู่หรือเปล่า เพราะทุกวันนี้เค้าให้รายเดือนค่ะ แต่ในนั้นเราต้องรับผิดชอบค่าอาหารในบ้าน แต่อยู่กัน 2 คนก็ไม่ได้เปลืองอะไรค่ะ ที่เหลือก็เป็นของเรา เค้าไม่ได้มายุ่ง เคยคุยกับเค้าตั้งแต่ก่อนแต่งงานเรื่องส่งเงินให้พ่อแม่ เค้าไม่ค่อยยอมรับค่ะ เค้าไม่อยากรู้สึกว่าแต่งงานกับเราแล้วต้องรับผิดชอบเราทั้งครอบครัว (ให้เป็นของขวัญไม่เป็นไรค่ะ ถึงจะแพงก็ตาม) แต่ด้วยความที่เค้าไม่เคยมายุ่งกับเงินที่เค้าให้เราแล้ว เราก็แบ่งตรงนั้นไปให้พ่อกับแม่ค่ะ เค้าไม่เคยมาถาม แล้วเราก็ไม่เคยพูดถึง สรุปก็คือ ลองถามไปตรงๆ เลยดีกว่าค่ะ ผู้ชายแต่ละคนคิดไม่เหมือนกัน ของเรานี่พอเค้าให้เราเค้าก็ให้เป็นสิทธิขาดของเรา (แต่พอเงินขาดมือก็มาขอกลับไปใช้บ้างนะคะ...ฮ่าฮ่า) แต่เค้าจะดีใจมากเวลาที่เราชวนไปกินข้าวข้างนอกแล้วบอกว่าเราเลี้ยงเอง เค้าจะรู้สึกว่าเรามีน้ำใจกับเค้าค่ะ (อ่านแล้วงงไหมคะ คุ้นๆ ว่ามันก็เงินเค้านี่นา...แหะแหะ) ลองถามเรื่องเกี่ยวกับเงินที่เราได้มาก่อนนะคะ ถ้าเค้าโอเคที่จะให้เป็นสิทธิขาดของเรา แนะนำว่าไม่ต้องพูดเรื่องส่งให้ทางบ้านที่เมืองไทยก็ได้ค่ะ เพราะเค้าอาจจะคิดว่า "ชั้นทำงานเพื่อครอบครัวของเรา แต่พอเธอทำงาน เธอทำให้ครอบครัวของเธอที่เมืองไทย" ระวังเรื่องนี้ด้วยนะคะ ฝรั่งบางทีเข้าใจเรายากเหมือนกันค่ะ จากคุณ : La Bibiche - [ 26 ก.ค. 50 17:52:18 ]

ความคิดเห็นที่ 23 มาแนะนำบัตรโทรศัพท์ของคนไทยค่ะ tolld.com โทรไปสวิสถูกมากแค่ 1.50 บาท ยิ่งโทรกลับไทยยิ่งถูก บริการดีจึงมาบอกเพื่อนๆอยู่สวิสค่ะ จากคุณ : For Switz - [ 4 ส.ค. 50 21:11:21 A:58.8.140.78 X: TicketID:149826 ]