ความคิดเห็นที่ 1 ตามความคิดเห็นของดิฉันถ้าจุดประสงค์ไม่ได้อยู่ที่เงินและทรัพย์สินซึ่งคุณบอกว่าเขาทำงานหนักมาตลอดชีวิตกว่าจะได้มา...ได้มากน้อยแค่ไหนก็ไม่น่าต้องกังวลนี่คะ...ดิฉันอ่านข้อความคุณแล้วรู้สึกมันขัดแย้งกันเองยังไงชอบกล ...จะห่วงเรื่องได้เปรียบเสียเปรียบ ได้มากได้น้อยก็ไม่ผิดหรอกค่ะเพราะมันเป็นเรื่องอนาคตของคุณ...แต่คุณต้องชัดเจนในตัวเองก่อน ...ถามใจตัวเองดู..ถ้าชัดเจนว่าแต่งกับเขาเพราะความรัก จะได้สามแสนห้าหรือไม่ได้เลย คุณก็คงไม่ทุกข์หรือเป็นกังวลอย่างนี้ ..อีกประเด็นหนึ่งที่ว่า " ทำอย่างไรที่จะทำให้การหย่าเป็นเรื่องยากสำหรับเค้าด้วย "...ในฐานะของคนที่เคยผ่านทั้งการแต่งงานและการหย่ามาแล้ว ไม่มีประโยชน์หรอกค่ะที่จะทำให้มันยุ่งยากยืดเยิ้อ ถ้าคนมันหมดรักกันแล้ว อะไรก็ดึงไว้ไม่อยู่...ตัวคุณเองนั่นแหละที่จะทรมานทีหลัง ...ทำวันนี้ระหว่างคุณกับเขาให้ดี ..พึ่งตัวเองให้ได้ไม่ใช่มีชีวิตที่ขึ้นอยู่กับสามีทุกอย่าง...คุณจะมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น จากคุณ : แม่ของจิตร - [ 3 ส.ค. 50 21:31:55 ]

ความคิดเห็นที่ 2 คุณลาวัณวดีคงจะตอบคุณได้กระจ่างกว่าดิฉันเป็นแน่ๆ แต่ขอเล่าหน่อย ตอนดิฉันเซ็นต์พรีนัพ ดิฉันใช้ทนายพูดค่ะ ไม่ได้พูดเอง และยังมีวันหมดอายุของพรีนัพอีกด้วย ว่าเมื่อถึงปีที่เท่านั้น พรีนัพอันนี้เป็นอันหมดอายุความ หากเกิดการหย่าร้างหลังจากนี้ ให้ถือว่าไม่มีการเซ็นต์พรีนัพ ตอนคู่หมั้นในตอนนั้นเอ่ยเรื่องพรีนัพ (เขามาทำงานเมืองไทย เรื่องแรกๆ ที่ได้ยินจากเพื่อนร่วมงานคือ ฝรั่งที่โดนสาวหลอกหมดตัว หรือเรื่องสยองอื่นๆ ) ดิฉันฟังเฉยๆ เเล้วบอกว่าได้จ้ะ นัดวันเวลามา แล้วคุยกับทนายชั้นได้เลย เพราะดิฉันคิดว่า ถ้าจะทำให้มันคล้ายสัญญาดำเนินธุรกิจ ดิฉันก็จะทรีตมันเหมือนธุรกิจ แยกความรักกับสมองออกจากกัน   หลังแต่งงาน พรีนัพมันก็แค่กระดาษนะคะ ดิฉันแทบไม่ได้นึกถึงมันอีก แล้วเผลอๆ ไม่นานนักเดี๋ยวๆ มันก็หมดอายุแล้ว จากคุณ : mrs.night owl - [ 3 ส.ค. 50 21:32:44 ]

ความคิดเห็นที่ 3 อ่านภาษาไทยแล้วไม่เข้าใจภาษาไทยครับ  ผมสงสัยว่าที่คุณmrs.night owl  พูดถึง  พรีนัพ   พรีนัพ   มันคือทะเบียนสมรส  ใช่หรือไม่ครับ ขอบคุณที่ให้ความรู้ จากคุณ : อาทเอง - [ 3 ส.ค. 50 22:38:06 ]

ความคิดเห็นที่ 4 พรีนัพ - Prenuptial agreement (a lot of people misspell it as prenuptual agreement) is a contract entered into by a couple prior to marriage. It mostly concerns financial arrangement before and after the marriage. ทะเบียนสมรส - marriage certificate They are two different documents ka. Sorry, can't type Thai on my daughter's computer. จากคุณ : Kultida (kdunagin) - [ 3 ส.ค. 50 23:20:18 ]

ความคิดเห็นที่ 5 พรีนัพ คือ สัญญาที่ตกลงกันไว้ก่อนแต่งงานถึงเรื่องทรัพย์สินของแต่ละฝ่ายก่อนแต่งงานค่ะ ประมาณว่า  แยกและแจกแจงทรัพย์สินส่วนตัว กับสินสมรสออกให้ชัดเจนค่ะ คุณ จขกท คะ  ดิฉันก็คงจะได้แต่ยกตัวอย่างของตัวเองเช่นกันค่ะ เพราะจะตกลงกันอย่างไรนั้นก็คงต้องอยู่คู่ของคุณเอง ตอนดิฉันเซ็นต์ เราตกลงกันว่า ของๆเธอก่อนแต่ง ก็คือของเธอ  ของฉันก่อนแต่งก็เป็นของฉัน  ถ้าแต่งแล้วเกิดมีการฟ้องหย่า ทรัพย์สินนี้จะนำมาแบ่งไม่ได้  โดยจะให้สัญญานี้มีระยะเวลา (จำไม่ได้ค่ะว่า 3 5 หรือ 7 ปี) แต่ถ้าเกิดมีการฟ้องหย่าขึ้นในระหว่างสัญญา ซึ่งเกิดการการนอกใจ  ให้สัญญานี้เป็นโมฆะ  แล้วใช้สิทธิได้เต็มที่ตามกฎหมาย สรุปก็คือ  ถ้าเลิกกันก่อนสัญญาหมดอายุ โดยความเต็มใจของเราทั้งคู่  ของๆใครของมันค่ะ   แต่ถ้าใครนอกใจก็เล่นงานได้เต็มที่  แต่ถ้าไม่เลิกกัน  ของๆเธอก็คือของฉัน  ของๆฉันก็ยังเป็นของฉันอยู่ดี  5555555 (อันนี้เอาขำค่ะ  อย่าเครียด อิอิ) จากคุณ : ทูกี้ - [ 4 ส.ค. 50 00:55:16 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ถึงคุณแม่ของจิตรค่ะ.... คือจริง ๆ เมื่อตอนมาที่นี้ก็มีจุดมุ่งหมายอย่างเดียวว่า "รักเค้า" ถึงยอมมาที่นี่ ซึ่งจริง ๆ ถ้าอยู่ที่เมืองไทยดิฉันก็พอใจกับการงานที่ค่อนข้างมั่นคงกับชีวิตและยังสามารถเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ถึงแม้เงินเดือนจะน้อยแต่ก็พอใจในส่วนตรงนั้น แต่พอเจอเค้าเข้าขอให้เรามาอยู่ด้วยกับเค้า ด้วยความรักจึงตัดสินใจทิ้งทุกอย่าง อนาคต  รวมทั้งไม่สนใจคำค้านใด ๆ ของ พ่อและแม่ เมื่อมาถึงที่นี่แล้วไม่เคยเรียกร้องอะไร แค่เค้าเลี้ยงให้ไม่อดอยาก พาไปร้านอาหารหรู ๆ ที่เราคิดว่าในชีวิตคงไม่มีโอกาสได้มาเอง อาจจะมีขอเงินบ้าง 20-40 เหรียญเพื่อซื้อของส่วนตัว เราคิดว่าแค่นี้ก็เป็นบุญคุญแล้ว ยอมรับค่ะว่าถ้าเค้าหมดรัก อะไรก็ห้ามไม่ได้ แต่อย่างน้อย ก็อาจสอนให้เค้ารู้จักถึงคำว่า "รับผิดชอบ" คุณพรากฉันมาจากบ้านเกิดเมืองนอน พรากอนาคต พรากโอกาสในสิ่งที่ดิฉันอยากที่จะทำ.... จริงค่ะ ดิฉันไม่ได้อย่างได้ทรัพย์สมบัติของเค้า แต่เพียงแค่อยากให้เค้าทำตามที่กฏหมายกำหนดเกี่ยวกับการหย่าร้าง ถ้าเค้ารักเราจริงและไม่คิดที่จะมีการหย่าร้างเกิดขึ้น เค้าก็ควรยอมทำตามที่กฎหมายกำหนด ใช่ไหมค่ะ และในส่วนที่เค้าเสนอเงินเป็นจำนวนเงินนั้น นั้นแสดงความเค้าคิดว่าซักวันหนึ่งถ้าเค้าเบื่อเราก็ เอ้า เอาไป เงินไปแล้วกลับประเทศไป แค่นั้นจบ เรารักเค้าค่ะ แต่ถ้าเค้าเสนอมาอย่างนี้เราก็ไม่แน่ใจว่าเค้ารักเราหรือป่าว แค่นี้ค่ะที่จะบอกคุณแม่ของจิตร ปล. หลังจากเสียน้ำตาไปหลายตลบจากการคุยกับพ่อและแม่บทสรุปคือไม่มีการแต่งงานเกิดขึ้น จะได้ไม่ต้องมีปัญหาใด ๆ ทั้งสิ้น กลับเมืองไทย ไปเริ่มต้นใหม่ หลังจากเสียเวลาในชีวิตกับคนเห็นแก่ตัว กลับไปกินอยู่แบบพอเพียง เข็ดแล้วค่ะชีวิตคู่ จากคุณ : oho49 - [ 4 ส.ค. 50 01:23:25 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ขออนุญาตอธิบายเรื่องที่เค้ามีการคิดจำนวนปีอะไรนี่นะคะ  ตัวอย่างเช่น โดนัลด์ ทรัมพ์  ก็รู้ๆ ว่า รวยขนาดไหน  คุณท่านแต่งงานหลายรอบ มีพรีนัพแบบนี้ค่ะ คือสมมติว่าถ้าอยู่กันห้าปี แล้วเลิกกัน สาวเจ้าก็จะได้สิบล้าน  ที่เค้าทำอย่างนี้ก็เพราะสินเดิมของโดนัลด์ ทรัมพ์นั้นมากมาย ถ้าไม่ทำพรีนัพ แบบนี้ เวลาเลิกกันทีก็ต้องจ่ายอ่วม เพราะสินสมรสในเคสนี้ คืออะไรก็ตามที่งอกเงยออกมาจากสินเดิม ดังนั้น ทรัพย์สินมูลค่าพันล้าน งอกออกมาในระยะเวลาห้าปี คิดง่ายๆ แค่ร้อยละ 1% ต่อปี ก็ตกปีละ สิบล้าน และตามความเป็นจริง นักธุรกิจระดับนี้สามารถทำให้เงินงอกออกมาได้มากกว่า 5% ต่อปี   ดังนั้น การให้ข้อเสนอว่าถ้าเลิกกันได้สิบล้าน ขนหน้าแข้งไม่ร่วงเลยซักเส้นเดียวค่ะ ทีนี้มาเรื่องคุณ จขกท  ถ้าสามีไม่ได้รวยขนาดนั้น ดิฉันว่าทำพรีนัพในลักษณะ ทรัพย์สินเดิมของใคร ของมัน ถ้าต้องเลิกกัน สินสมรสแบ่งครึ่ง  และถ้าจะให้ดีคือมีเงื่อนไขเรื่องเวลา เช่น ถ้าอยู่กินกัน ครบเจ็ดปี ก็ให้ถือว่าพรีนัพนั้นเป็นโมฆะไป คือถือว่าไม่มีอีกต่อไป แบบนี้ดีกว่าค่ะ เพราะถ้าคุณจะเรียก หรือสามีจะเสนอให้ ก็ต้องเรียกให้คุ้ม ปีละหมื่นเหรียญนั้น ดิฉันว่าน้อยไปค่ะ น้อยมากๆ เพราะถ้าคุณฟ้องหย่า แบ่งสินสมรส คุณจะได้มากกว่านี้เยอะ  ดิฉันเห็นว่าไม่ควรระบุเรื่องค่าชดเชยส่วนนี้ เอาไว้ไปแบ่งสินสมรสดีกว่า คุณจขกท ต้องระลึกไว้อย่างหนึ่งว่า ตอนนี้คุณอยู่ในสังคมที่มีการหย่าร้างสูงกว่า 50%  ดังนั้น วันข้างหน้าไม่แน่นอน  ทำวันนี้ให้ดีที่สุดดีกว่า  ตกลงกันเสียตอนนี้ว่าหลังแต่งงาน เรื่องการเงิน การทองจะทำยังไง  มีบัญชีร่วมไหม คุณจะมีค่าใช้จ่ายส่วนตัวประเภท no questions ask (คือไม่มีการมาซักไซ้ว่าใช้อะไรไปบ้าง) เดือนละเท่าไหร่  ฯลฯ  ถ้าเค้ารับผิดชอบค่าใช้จ่ายทุกอย่าง และไม่เคยมาถามว่าคุณทำอะไรกับเงิน pocket money ของคุณ ถือว่าดีมากแล้ว   และระหว่างที่อยู่กินกัน ก็เจียดเงินเก็บเอาไว้ซักก้อนนึง  เวลาเลิกกันจะได้มีเงินจ้างทนายฟ้องหย่า แบบเก่งๆ  ถึงตอนนั้น คุณได้มากกว่าปีละหมื่นเหรียญแน่ๆ ค่ะ จากคุณ : Lawanwadee - [ 4 ส.ค. 50 02:20:18 ]

ความคิดเห็นที่ 8 วิธีคิดที่ว่าเขา" พราก" คุณจากบ้านเกิดเมืองนอน พรากอนาคต พรากโอกาสในสิ่งที่คุณอยากที่จะทำ....ถ้าคิดแบบนี้แต่งงานไปก็คงไม่ยืดแล้วละค่ะ เพราะคุณคิดว่าเขาคือต้นเหตุให้คุณต้องเปลี่ยนชีิวิตตัวเอง พอมีอะไรกระทบกระทั่งกัน คุณก็จะอดลำเลิกขึ้นมาไม่ได้ ... คนที่แต่งงานกับชาวต่างชาติและย้ายตามสามีไปอยู่ประเทศอื่น ส่วนใหญ่ก็ต้องเจอภาวะอย่างที่คุณว่ามากันทั้งนั้น แต่อย่าลืมว่าคุณเป็นฝ่าย " เลือกเอง" ด้วย จะไปโทษว่าเขาพรากคุณไปฝ่ายเดียวก็คงไม่ถูกนัก ...ในสังคมตะวันตกที่มีอัตราการหย่าสูงอย่างที่ คคห.ข้างบนว่ามาการทำพรีนัพเป็นเรื่องปกติ เหมือนกับการทำ living will แต่ในสังคมบ้านเราไม่คุ้นชินกับวิธีการแบบนี้ อาจทำให้รู้สึกเหมือนไม่มีความมั่นคง ไม่ไว้ใจกัน ...เรื่องของความแตกต่างทางสังคมและวัฒนธรรม ใจเขาใจเรา เป็นเรื่องที่อธิบายให้เข้าใจได้ลำบาก เพราะพื้นฐานของคนเราแตกต่างกัน ...ดิฉันไม่ได้มีเจตนาอย่างอื่นนอกไปจากแสดงความคิดเห็น และมุมมองอีกด้านหนึ่งเท่านั้น...ข้อมูลเท่าที่คุณเล่ามาไม่พอเพียงที่จะว่าเขาเห็นแก่ตัวหรอกค่ะ...เป็นเพียงความไม่เข้าใจกันมากกว่า...ดิฉันอาจมีเหตุผลที่ขัดแย้งกับคุณ..แต่ก็เข้าใจได้ว่าคุณก็บอบช้ำจากเหตุการณ์ครั้งนี้มากเหมือนกัน...ขอให้โชคดีค่ะ จากคุณ : แม่ของจิตร - [ 4 ส.ค. 50 05:15:00 ]

ความคิดเห็นที่ 9 I totally agree with Kun # 1 แม่ของจิตร You know him better than anybody. You should know that whether he loves you or not. Make it clear...that  you still love him and he still love you. If either side is not the same why bother have this agreement. Go home as you said. แก้ไขเมื่อ 04 ส.ค. 50 06:26:19 จากคุณ : PoomPim..TMB - [ 4 ส.ค. 50 06:23:39 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เคสดิฉันแตกต่างกับเจ้าของกระทู้ค่ะ เมื่อก่อนแต่งงาน ดิฉันเป็นคนขอให้คู่หมั้นทำPrenuptial agreement  เพราะความงกส่วนตัวว่า สามีจะมาเอาทรัพย์สินอันเกิดจากมรดกที่พ่อแม่ทำไว้ให้ คือ ถ้าหย่ากัน อย่ามาเอาของพ่อแม่ฉันนะ แม้ว่าจะได้รับมรดกหลังการแต่งงานก็ตาม ก็อย่ามาตีรวมว่าเป็นสินสมรส เพราะนี่คือทรัพย์สมบัติของพ่อแม่ที่เหนื่อยยากหามาให้ลูกสาว คุณจขกท คะ คู่หมั้น(ในเวลานั้น)ของดิฉันเศร้าใจมากค่ะ เขาเกิดความรู้สึกว่า เราไม่คิดว่าเขารักเราจริง เขาบอกว่า หากแต่งงานแล้ว ยังต้องมีการเซ็นต์เรื่องแบบนี้ มันเป็นความเศร้า เหมือนว่า ไม่สามารถวางใจกันและกันได้ ตอนนั้น ดิฉันพยายามเข้าใจ ใจหนึ่งก็ห่วง (หรือคุณจะพูดได้ว่างกทรัพย์สมบัติของพ่อแม่ที่ท่านทำไว้ให้ เพราะมีทั้งเงินสด อสังหาริมทรัพย์ หุ้นและพันธบัตร) ตอนนั้น คิดว่า ถ้าแต่งแล้ว สามีมีสิทธิ์ผลาญเงินทองของพ่อแม่ ไม่ยุติธรรมเลย ก่อนแต่งงานนั้น คิดไตร่ตรองอยู่หลายตลบเหมือนกัน จำได้ว่า ช่วงนั้น เกิการงัดข้อกันเล็กน้อย ถึงขั้นไปเช็คต่อเจ้าหน้าที่ที่ดินว่า สามีต่างชาติมีหรือไม่มีสิทธิ์ในที่ดินในเมืองไทย รวมทั้งหากม มาอ่านในเรื่องสินสมรส สินก่อนสมรส สรุปแล้วคือ ว่าที่สามีในขณะนั้นไม่ยินยอมทำ ดิฉันเลยใช้วิธีเลี่ยงไปจดทะเบียนที่อเมริกา เก็บความเป็นนางสาวไว้ทำธุรกรรมที่เมืองไทย ซึ่งตรงนี้ สามีจะไม่มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรเลย ตอนนี้ มาอ่านความรู้สึกคุณ เลยเข้าใจความรู้สึกสามีตนเอง และเข้าใจความรู้สึกของแฟนคุณด้วย แฟนคุณอาจจะอยู่ในภาวะอึดอัดใจอย่างที่ดิฉันเคยเป็นก็ได้  แต่ไม่ได้หมายความว่า ไม่รัก หรือตั้งใจจะหย่า ตอนนี้ ดิฉันแต่งงานแล้วก็ไม่คิดเรื่อง Prenuptial agreement อีกเลย และอยู่กันราบรื่นดี ไม่มีเรื่องหย่ามาแผ้วพาน ดิฉันไม่ชอบภาวะที่สาวไทยแต่งงานกับฝรั่งโดยขาดการไตร่ตรอง เวลาไปเจอความผันผวนของชีวิตที่นั่น ความรักอย่างเดียวหรือการพึ่งพาสามีอย่างเดียว ไม่อาจช่วยอะไรได้นะคะ ดิฉันเห็นหลายเคสแล้ว แต่อย่าลืมว่า หากคุณเอาตัวเงินมาเป็นตัวตั้งในการแต่งงาน ชีวิตแต่งงานก็ไม่อุ่นหรอกค่ะ แก้ไขเมื่อ 04 ส.ค. 50 07:19:21 จากคุณ : Kala_mydog - [ 4 ส.ค. 50 06:55:50 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ได้รับมรดกหลังแต่งงาน  มรดกยังถือว่าเป็นสินเดิมค่ะ แต่เมื่อมรดกนั้นออกดอกออกผลขึ้นมา ดอกผลที่ว่านี่ เป็นสินสมรสค่ะ เหมือนกันทั้งไทย ทั้งอเมริกา จากคุณ : Lawanwadee - [ 4 ส.ค. 50 08:10:23 ]

ความคิดเห็นที่ 12 #11 "ได้รับมรดกหลังแต่งงาน  มรดกยังถือว่าเป็นสินเดิมค่ะ แต่เมื่อมรดกนั้นออกดอกออกผลขึ้นมา ดอกผลที่ว่านี่ เป็นสินสมรสค่ะ เหมือนกันทั้งไทย ทั้งอเมริกา" ขอบคุณมากค่ะ ที่มาช่วยไขให้กระจ่างอีกรอบ แวะเข้าไปในบล้อคแล้ว ดีมาก ๆ เลย เลยขอแอดไว้เลย หวังว่าคงไม่รังเกียจ ก็เรื่องอะไรที่งอกหลังการสมรสแหละค่ะ เพราะหุ้นมีเรื่องของการขึ้นลงของราคาซื้อขายอยู่ ยิ่งพันธบัตร มีอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นด้วย จริงๆ แล้ว อยากจะเล่าให้จขกท ฟังว่า การขอให้ทำ  prenuptial agreement  ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความรัก ไม่รัก หรือคิดนอกใจ หรืออยากจะหย่าในอนาคตแต่อย่างใด เพียงแต่อีกฝ่ายหนึ่งอาจจะ "คิดเผื่อ" เพื่อป้องกันในอนาคต เพราะไม่มีใครรู้อนาคต หากในอนาคต เกิดความผันแปร จะได้ไม่ซวดเซมากจนเกินไป โดยเฉพาะกม ของอเมริกา ในบางรัฐ ให้สิทธิ์ฝ่ายหญิงมาก จนไม่เป็นธรรมกับฝ่ายชาย โดยเฉพาะเรื่องการหย่า ที่ฝ่ายชายมักจะไม่เหลืออะไรเลย หลังการหย่า แม้ว่าฝ่ายหญิงจะผิดก็ตาม ดิฉันว่า จขกท ลองคุยกับแฟนอย่างใจเย็น ๆ ดีกว่า เรื่องบางเรื่องสามารถปรับเปลี่ยนได้ เป็นเรื่องเฉพาะของคนสองคนนะคะ จากคุณ : Kala_mydog - [ 4 ส.ค. 50 09:49:51 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ดิฉันว่าทำแบบของ mrs.night owl ที่มีวันหมดอายุ แล้วก็เหมือนของคุณ ทูกี้ ในเรื่องการหย่าร้าง ก็ดีค่ะ สามแสนห้าที่เขาเสนอมานั้น ดิฉันจะให้เขียนมีคอนดิชั่นคือ ถ้าเขานอกใจ อันนี้ยกเลิก และถ้าผ่านไปห้าปีแล้วให้เพิ่มขึ้นปีละแสนทุกปี จนกว่าสัญญาจะหมดอายุ ถ้ามีลูกต้องมีเพิ่มเงินด้วย ดิฉันว่าเขียนแบบนี้ก็สมน้ำสมเนื้อดีค่ะ ใช้ทนายเลยก็ดี แต่คุณต้องทำและคิดให้ได้เหมือนหลายๆท่านข้างบนนะคะ ว่ามันก็แค่สัญญา ไม่เกี่ยวกับความรัก ดิฉันเห็นด้วยเรื่องค่าopportunity ที่เขาควรจะจ่าย หากต้องการหย่าจากเรา ถ้าเขาย้ายมาเมืองไทยก็ว่าไปอย่าง แต่อย่างไรก็ควรจะดูให้ไม่มากเกินไป แล้วก็ให้มันหย่ากันง่ายๆเถิดค่ะ เพราะยากรักกันนั้นอะไรๆก็ดี หากเขาเบื่อเราขึ้นมา หากหย่าลำบากแถมเดี๋ยวเกิดงกไม่อยากจ่ายเงิน จะกลายเป็นเขาหาทางฆ่าเราแทน จากคุณ : yuy - [ 4 ส.ค. 50 13:39:30 A:77.123.123.8 X: TicketID:124751 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณทุกท่านมากเลยค่ะ สำหรับคำแนะนำที่เป็นประโยชน์ พอมีข้อมูลบ้างเพื่อ สิ่งที่เรากลัวที่สุดคือเค้านอกใจ ขอบคุณ k'แม่ของจิตร , k'Kultida (kdunagin), k'mrs.night owl ,k'Lawanwadee, K'Kala_mydog , K'yuy จากคุณ : oho49 - [ 4 ส.ค. 50 21:13:06 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เอาเป็นว่า อย่าแต่งให้ยุ่งยากเลยค่ะ .. (ความคิดเห็นส่วนตัว) จากคุณ : Bossi - [ 5 ส.ค. 50 10:19:30 ]