 |
ประสบการณ์ไปสอบ TOEFL IBT มาคะ เล่าสู่กันฟัง
ผ่านมาสดๆ ร้อนๆ คะ สำหรับ TOEFL IBT วันที่ 25 aug 2007 7.00 pm ที่ knowledge plus แถวๆ สีลม
ก่อนอื่น ให้ข้อมูลการเตรียมตัวก่อนนะคะ หนูเคยเรียน CBT ที่ Englise wise ที่สามย่าน ขอบอกว่า ได้ writing จากที่นี้แหละ เมื่อ ตุลา ปี48 แล้วก็หยุดไปนาน ต่อมา เรียน IBT ที่ kaplan ตอนตุลา ปี 49 ที่นี้ ได้ speaking and listening ((reading and writing สู่ Engwise ไม่ได้หง่ะ ตามความคิดหนูนะ แต่ก็คงแล้วแต่อาจารย์คะ)) ช่วงเวลาที่ไม่ได้เรียน ไม่ได้อ่านเลยคะ เพราะว่า คิดว่า ยังไม่สอบๆ ไม่ว่าง ทำโน้นทำนี้ เอาไว้ก่อน อย่าเพิ่งก่อน
พอขึ้นปีสี่ ไม่ได้แล้วนะ อีกครึ่งปีทุกอย่างต้องพร้อม ไม่งั้นจะไม่ทันสมัครเดือน ธค ก็เลยตัดสินใจสมัครสอบคะ ไม่เอาความพร้อมมาทำให้เราไปสอบล่ะ กำหนดวันสอบไปเลยดีกว่า พอไฟลนก้นแล้ว มันก็อ่านได้เอง
แต่แล้ว ทุกอย่างมักไม่เป็นดั่งที่เราต้องการ ใครว่า ปีสี่ สบายคะ ไม่จริงเลย ไอ้วิชาเรียนอ่ะ น้อยก็จริงนะ แต่ว่า แต่ละวิชาเนี้ยมันต้องใช้เวลาเรียนเยอะเหลือเกิน เหนื่อยมาก พี่ๆ engineer บางภาค คงรู้จักวิชา process dynamics and control อยากบอกว่ามันกินกำลังหนูไปเต็มๆ เลยคะ ทั้งสอบทุกสัปดาห์ แถมแบบ math model ช่างยากและยาวเหลือเกิน วันก่อนสอบนี้แทบไม่ได้นอน ไหนจะต้องทำ project อีก เตรียมสัมนา ทำผลแลป อยากบอกว่า แลปแค่หนึ่งหน่วยกิต มันต้องทำเหนื่อยกว่าวิชาสามหน่วยอีกนะ ทั้งPre lab ทำ lab ทำผล lab วิจารณ์ สรุป โอ๊ยมากมาย วันๆ ไปเรียน กลับบ้าน นอน ตื่น ไปเรียน กลับบ้าน นอน เพื่อนที่มหาลัยดีมากเลยนะ มันก็พูดกันทุกวัน "เฮ้ย!! TOEFL ไปถึงไหนแล้ว อ่านได้แล้วนะ เมิง ค่าสมัครแพงเหอะ"
((ลืมบอกคะ หนูเป็นนิสิตแถวๆ สามย่าน))
ก่อนสอบเดือนนึง ก็เริ่มทำ reading แล้วคะ อยากบอกว่ามันยากมาก ตอนแรก ก็ไม่ได้จับเวลา พอลองดูพบว่า ไม่ทันแน่ๆ สุดท้ายพบว่า อ่านโจทย์แล้วทำไปเลยดีกว่า เพราะโจทย์มันก็ถามทุก paragraph อยู่แล้ว ซึ่งตอนตอบคำถาม มันจะบอกว่าอ้างอิง paragraph ไหน แล้วก็พยายามอ่านให้เข้าใจ Ideal ไปเลย โจทย์ขอหลังสุดที่เป็น summary เราจะทำได้เอง ตอนสอบ เหลือเวลาประมาณ 3 นาทีด้วยนะ อาจะเป็นเพราะช่วงนี้ต้องทำ proposal กะ seminar มั้ง แปล journal เป็นว่าเล่นบ่อยๆ ก็เลยอ่านได้เร็ว แต่จริงๆ การอ่านเร็วอยู่ที่ว่าเรารู้ stucture ของประโยครึเปล่าด้วยคะ เช่น รู้มั้ยว่า Verb ตัวนี้ ประธานอยู่ไหน
แค่นั้นคะ จริงๆ นะ ไม่ได้เตรียม part อื่นๆ ไปเลย เพราะมันไม่ว่างจริงๆ ทำ listening ไปนิดหน่อย (ประมาณ 2 lectures กะ 1 dialog) ตอนฝึกอ่ะ มันทำได้นะ แต่สอบจริง -_-' lecture 5 นาที จริงๆ แล้ว มันมีแก่นสารไม่มากหรอกคะ แต่ว่า เราต้องตั้งใจฟัง แล้วเขียนไปด้วยให้ทัน พยายามจับใจความให้ได้ แต่พอสอบ ไม่ไหว มันเหนื่อยมาก เพราะมีตั้งหลายอัน ถ้าจำไม่ผิด 6 lectures รึเปล่า กะอีก 3 dialogs เห้อ เศร้าใจ ต่อไปนี้ต้องฟังเยอะๆ คะ เพราะฟังจะมีผลต่อ part speaking and writing ด้วย
หลังจากพัก ก็ทำ speaking ขอแนะนำว่า ต้องรีบทำเพื่อให้มาทำ speaking เร็วๆ เพราะคนอื่นๆ ก็ต้องพุดใช่ม่ะ แล้วมันจะแย่งกันพูด เสียสมาธิสุดๆ บางคนพูดดังเหมือนตะโกนออกมาเลย กลัวไมค์ไม่ติดหรือไงนี้แหละ บางคนก้แอบลอกคำตอบคนอื่นเฉยเลย ของหนูโชคดี พูดเป็นคนแรกๆเลย (รู้สึกเป็นคนที่สอง มีผู้ชายคนนึงพูดก่อน พูดดังมาก แต่เขาอยุ่ไกลจากหนู โชคดีไป) แต่ไม่กลัวคนอื่นแย่งคำตอบนะ พยายามพุดไม่ดัง แต่พูดให้ชัดๆ คะ อย่าไปกลัว part นี้ หนูว่า เก็บคะแนนง่ายสุดแล้ว พูดๆ ไปเหอะ คะแนนมาเอง
คำแนะนำคะ ตอนที่เขาให้เตรียม แม้ว่าแค่ 10 วินาที ก็มีค่าคะ อย่าเขียนเป็นประโยค เพราะมันเสียเวลา list ๆ ไว้ดีกว่าว่าจะพูดอะไรบ้าง อย่าพูดๆ ไปอย่างเดียว พยายามมี conjunction ด้วย เช่น moreover, in addition, although, even if, however, such as .... เยอะแยะเลย ง่ายสุดก็ first, second, finally, Then, so, After that.
ต่อมา part สุดท้าย writing คะ อันแรก ต้องอ่าน แล้วฟัง แล้วเขียนสรุปใช่ม่ะ รู้กันรึเปล่าคะว่าต้องเขียนอ้างจาก lecture เป็นหลัก ก่อนหนูเข้าไปสอบ หนูท่อง pattern ไว้นะ ว่า Both passage and lecture discuss about ........ The lecture completely confutes the passage. It is said in the lecture that ........ Contrary to the belief in the passage that ..........
จริงๆ อยากบอกว่า ตอนฟังอ่ะ ฟังได้ไม่มากหรอกนะ แต่ว่า ก็พยายามจับว่า passage พุดประเด็นอะไร ซึ่งจาก lecture มันจะตรงข้ามกันไงล่ะคะ ก็เลย เขียนออกไปได้ ส่วน essay ก็ไม่มีอะไร อย่างที่ทุกคนรู้ว่าต้องทำยังไง
หนูแนะนำ ว่า ต้องหัดเขียนเยอะๆ จริงๆ นะ เพราะว่าอย่างน้อย มันก็จะทำให้เราออกไอเดียได้เร็ว ใช้คำได้ดี ทั้งพวกตัวเชื่อม และการเล่นคำ
ออกจากห้องสอบเป็นคนที่สองคะ เวลาประมาณ 5 ทุ่ม เกือบครึ่ง เฮ้อ ประสบการณ์สอบ TOEFL IBT ครั้งแรก คะแนน คงไม่ดีมาก เพราะไม่ได้เตรียมตัวเลย ๕๕๕ ก็นะ เอาใหม่ ตุลาล่ะกัน
แต่ว่าตั้งแต่วันนี้ จะท่องศัพท์เพื่อสอบ GRE แล้วนะ เพราะว่า มันเยอะมาก ยังไงก็ต้องสู้
คำแนะนำสำหรับเพื่อนๆ คะ อย่ามีคำว่า เดี๋ยวก่อน พรุ่งนี้ พอแล้ว เอาเหอะ ต้องมีแต่คำว่า สู้ๆ ทำอีก เอาอีก ฝึกอีก ยังไม่พอ เอาจนให้ได้ พอคะแนนดีแล้ว เราก็จะได้พักเองคะ
หนูโชคดีอย่าหนึ่งคะ เป็นคนมี background เกี่ยวกับ Science เพราะว่า ข้อสอบมันออกเรื่อง biology เยอะมาก ทั้ง dialog, lecture, reading แต่ถ้าทำโจทย์บ่อยๆ ก็เข้าใจความหลายของคำเองแหละ หนูคิดว่างั้น
นิดนึงคะ สำหรับหนังสือ หนูมี Kaplan, ETS, How to prepare for TOEFL essay ของ Barron แนะนำว่า ETS เหมือนข้อสอบที่สุด แต่เพื่อความพร้อม เราก็ต้องดูหลายๆ อย่างเป็นองค์ประกอบคะ Kaplan นี้ ยากกว่าข้อสอบจริงนิดนึงนะ แต่ก็ดีไง เพราะมีให้ทำเยอะมาก แล้วพอยาก เราก็จะแบบว่า "โง่" ก็จะต้องอ่านอีก ๆ เอาอีกๆ จนพอใจ ข้อเสียของ kaplan คือ หนุกคะ เล่มเขียวแบบว่า หนาสุดๆ ส่วนใหญ่เป็น comment กะ ที่เขาพูด ซึ่งหนูไม่ค่อยได้อ่านตรงนั้น -_-' ส่วน essay ของ barron ส่วนตัวชอบนะ เพราะว่า เยอะดี แล้วเขาก็ทำให้เห็นภาพของการเขียนดีมาก ตั้งแต่ควรเขียนอะไรยังไง แตกประเด็กยังไง
อนาคต วางแผนว่าจะซื้อ barron กะ princeton review มาอ่านอีกคะ (มีคนบอกว่า barron กะ princeton ยากมาก ทำได้หมด น่าจะได้ 600) เพราะว่า ทำ reading ของ ETS กะ kaplan หมดแล้ว -_-' สอบอีกที ปลายเดือนตุลา คงเป็นครั้งสุดท้ายคะ สอบบ่อยพ่อด่าตาย แถมยังต้องสอบ GRE อีก >_< เฮ้อ ชีวิต แต่ ไม่ท้อนะ สู้ๆ จริงๆ แล้วภาษาอังกฤษ ก็สนุกดีนะ ถ้ามองว่าสนุก มันดีกว่าบางวิชาที่เรียนที่มหาลัยตอนนี้ซะอีก -_-'
ขอให้ทุกคนโชคดีคะ TOEFL ไม่ยากอย่างที่คิด ไม่ต้องตื่นเต้น แต่ไม่ง่ายมาก ทุกอย่างอยู่ที่เราพร้อมรึเปล่าคะ ^^ มีไร มาคุยกันได้นะ =^_^=
จากคุณ :
Pangrum_AK 
- [
26 ส.ค. 50 01:50:56
]
|
|
|
|
|
|
