Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    GRE BOOKS REVIEW & how to beat the VERBAL part !!

    พึ่งสอบ GRE มาเมื่อวานค่ะ (31/aug/07) คะแนนที่ได้อาจจะแตกต่างจากคนส่วนมาก คือคนส่วนใหญ่จะได้ part quant เยอะกว่า part Verbal แต่ของเรากลับกันค่ะ (ฮาาาา) คะแนนที่เราได้ คือ V 650 Q 680

    ทีนี้ เราก็อยากมาแชร์ประสบการณ์การเตรียมตัวสอบให้กับเพื่อนๆ ชาวไกลบ้านทุกคนได้อ่านกันค่ะ ซึ่งจะขออธิบายตั้งแต่ขั้นตอนการเตรียมตัว ไปจนถึงหนังสือทุกเล่มที่ใช้เลยค่ะ

    เริ่มด้วย academic background
    ม.ปลายเรียนสายศิลป์ไม่ได้แตะเลขเลย 3 ปี
    มหาวิทยาลัย เรียน 4 ปี มีเลขมาตัวเดียวคือ stat แล้วก็เกรดไม่ค่อยสวยด้วยตัวนี้ เพราะไม่เก่งเลขมากๆ ส่วนด้านภาษา มีภาษาอังกฤษเรียน คือ FE 1 and FE 2 (Foundation English) เกรดที่ได้ ไม่เคยสัมผัส A
    ทำงานประมาณ 1 ปี ในสายที่ไม่ได้ใช้เลข แต่ต้องใช้ภาษาในการสื่อสาร

    สรุป ไม่ได้แตะเลขเบ็ดเสร็จ เกือบ 7 ปีกว่า อังกฤษก็ไม่ใช่วิชาหลัก แต่ต้องมาสอบ GRE ทำไงดีล่ะเนี่ย !!!

    ขั้นแรกของการเตรียมตัว GRE
    1. ตั้งเป้าหมายไว้ว่า เราจะเข้ามหาวิทยาลัยไหน แล้วจะเรียนสาขาอะไร
    2. จากนั้นเข้า www.usnews.com เพื่อไปดู ranking แล้วก็ดูว่า คะแนนเฉลี่ย GRE ของ u ที่เราอยากเข้าอยู่ที่เท่าไหร่ ถึงแม้ จะเป็นคะแนน GRE ph.d แต่ว่า master degree ก็ดูได้ อย่างน้อยเราก็จะได้กะคะแนนที่เราต้องได้และวางเกณฑ์ไว้ว่าคะแนนเป้าหมายของเราคือเท่าไหร่
    3. เมื่อรู้แล้ว เราก็จะรู้ว่าทีนี้เราควรจะเน้น Verbal หรือ Quant มากกว่ากัน มหาวิทยาลัยที่เราอยากเข้า คะแนนเฉลี่ยมักอยู่ที่ Q. 620 + V. 550+ (ซึ่งดูแล้ว คะแนน verbal การจะให้ได้ 550 + เป็นเรื่องที่ยากส์มากส์)
    4. รู้จุดอ่อน จุดแข็งตัวเอง เราอ่อนทั้ง 2 อย่างอะ ภาษาอังกฤษ ก็ต้องมานั่งอ่านศัพท์ใหม่ เลขก็ไม่ได้แตะ ดังนั้นมาเริ่มวิธีการเตรียมตัวกันเลยดีกว่า

    ขั้นที่สอง
    1. รู้ตัวเองก่อนว่า จะเตรียมเองดี หรือจะอ่านเองดี
    แต่สำหรับเรา เราอ่านเองไปซักพัก เลขมันไม่เข้าใจเอามากๆ ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ภาษาท่องศัพท์ Barron ก็เหมือนกับว่า จะโดนศัพท์หล่นทับหัว เพราะว่ามันเยอะมากๆ แล้วก็งงด้วยว่า จะเอาไปใช้ยังไง

    ดังนั้น ในเมื่อเลขอ่านเอง ทำโจทย์เอง ยังไม่รู้เรื่องขนาดมีอธิบายข้างหลัง ยังไม่เข้าใจ ทางเลือกสุดท้าย คือ ไปเรียน เราเลือก Kaplan เพราะโง่เลขอะฮ่ะ ถ้าไปเรียนเลขเป็นภาษาอังกฤษ คงจะได้ลงเหวแน่คราวนี้

    2. เวลาที่เราใช้เตรียมตัว 3 เดือน แนะนำให้ทำ schedule ไปเลย แต่ก็ควรจะเป็น schedule ที่ flexible ได้ จะได้ไม่เครียดจนเกินไป

    3. ลองทำ Diagnostic TEST เพื่อวิเคราะห์จุดอ่อนจุดแข็ง หลังจากที่ได้อ่านไปได้ซักพัก

    จากคุณ : zizzi - [ 1 ก.ย. 50 11:21:14 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom