ความคิดเห็นที่ 1 เราว่าถ้าเรียนเอง ไม่มีคนบังคับ คงต้องพยายาม และทุ่มเทอย่างมาก ถ้าอยากจำได้ไวๆ แค่อ่าน หรือดูจากซีดีอย่างเดียวคงไม่เพียงพอค่ะ คงต้องฝึกเขียน แล้วหัดคัดอักษรฮิรางานะไปด้วยดีไหมคะ? จะได้ช่วยจำได้เร็วขึ้น  เราเคยเจอโปรแกรมช่วยจำฮิรางานะ, คาตาคานะ ที่เป็น java application ไว้โหลดใส่มือถือได้ด้วยคะ เป็นโปรแกรมดาวโหลดฟรี  ถ้าสนใจหลังไมค์มาถามก็ได้คะ เราไม่กล้าปะลิ้งค์กลัวผิดกฎคะ สมัยนี้ตัวช่วยเยอะค่ะ มีบางเว็บที่สอนภาษาญี่ปุ่น จะมีแบบทดสอบให้ฝึกทำ ลองทำบ่อยๆ น่าจะช่วยให้จำได้เร็วขึ้น ขอให้สนุกสนานกับการเรียนภาษาญี่ปุ่นนะคะ จากคุณ : littlebitlittlemore - [ 8 ก.ย. 50 22:20:33 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ตอนผมหัดจำตัวอักษรฮิรางานะใหม่ๆผมก็ทำเหมือนตอนเด็กที่เริ่มเรียนกอไก่ขอไข่นะครับ มีสมุดเล่มนึงไว้ฝึกเขียนผมจะเขียน a i u e o(ตัวฮิรางานะครับ) 1 หน้า ka ki ku ke ko 1 หน้าแล้วก็เขียนไล่ไปเรื่อยๆจนจบ แล้วก็ลองเขียนใหม่ตั่งแต่ต้นจนจบ ตัวไหนลืมก็ข้ามไป (แต่ห้ามเปิดหนังสือดูนะครับ) แล้วมันก็จะค่อยๆซึมเข้าหัวไปเองครับ พอจำได้ก็เปลี่ยนเป็นอักษรคาตาคานะครับ ทำเหมือนกันเลยครับ จากคุณ : Narn_come_iN! - [ 8 ก.ย. 50 22:48:36 ]

ความคิดเห็นที่ 3 หัดอ่านป้ายค่ะ ไอ้พวกโออิชิ นะมะชะอะไรแบบเนี่ย แต่บางทีเกิด blank ขึ้นมาก็นึกไม่ออกเหมือนกัน เป็นไม๊คะ บางทีก็ขำตัวเองนะ เหมือนคำว่า ka-me-ra เนี่ยอ่านออก แต่พอตัว me ไปอยู่ในคำอื่นดันอ่านไม่ออกซะงั้น จนครูงงไปเลยว่า ตกลงยายคนนี้มันจำตัวอักษรได้หรือยัง 555 สรุปก็คือจำเป็นคำๆน่ะค่ะ คำที่ชอบ อย่างเช่น เนโกะ กะเนคไท คาเมร่า(ใช่บ่อยมากเวลาเสิร์ชเน็ต) ซูชิ โออิชิ เมล่อนปัง อะไรแบบเนี่ย จริงๆก็เหมือนเทคนิค ก.ไก่ ข.ไข่นะคะ พอดีตอนเริ่มเรียนคุณครูเค้าเอาการ์ดตัวอักษรอังปังแมนมาเป็นคู่มือการสอนน่ะ เลยจำง่ายขึ้น เหมือน me - เมล่อนปัง a-อังปังแมน ro-โรบอท ฯลฯ แก้ไขเมื่อ 08 ก.ย. 50 23:29:21 จากคุณ : booklovers - [ 8 ก.ย. 50 23:25:16 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ผมก็เรียนเองเหมือนกันครับ  แล้วก็มาเจอเวปหนึ่งที่เขาสอนหลักการออกเสียงที่ถูกต้องจริงๆ ขออนุญาต คัดลอกข้อความจากเวปเขามาให้อ่านดูก่อนนะครับ ถ้าสนใจให้เข้าไปศึกษาเพิ่มเติม ตาม Link ด้านล่างนะครับ ---------------------------------------------------------------------- อักษรภาษาญี่ปุ่น ภาษาญี่ปุ่นจะเขียนด้วยตัวอักษร 3ชนิดได้แก่    -คันจิ คืออักษรจีนซึ่งญี่ปุ่นรับเข้ามาโดยปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสม เป็นอักษรที่มีความหมายในตัวเอง    -ฮิรางานะ คืออักษรที่ญี่ปุ่นประดิษฐ์ขึ้นเองโดยการนำคันจิมาเขียนให้ง่ายขึ้นใช้เขียนคำศัพท์ทั่วไป    -คาตากานะ คืออักษรที่ญี่ปุ่นประดิษฐ์ขึ้นเองโดยได้ดัดแปลงเอามาจากส่วนใดส่วนหนึ่งของอักษรคันจิใช้เขียนทับศัพท์ภาษาต่างประเทศ วิธีการออกเสียงภาษาญี่ปุ่น    -เสียงอักษรพื้นฐานอักษรพื้นฐานในภาษาญี่ปุ่น แบ่งออกเป็น 10วรรค วรรคละ 5ตัวกับเศษอีก 1ตัว แต่เลิกใช้แล้ว 5ตัว จึงเหลือเพียง 46ตัว    -การออกเสียงสระ a,i,u,e,oภาษาญี่ปุ่นมีเสียงสระอยู่ 5เสียงคือ a ออกเสียงใกล้เคียงกับ อะ, i ใกล้เคียงกับ อิ,u ใกล้เคียงกับอึหรือ อุ,e ใกล้เคียงกับโอะ    -การออกเสียงพยัญชนะ k-k-ออกเสียงใกล้เคียงกับ ค เมื่ออยู่ในพยางค์ต้น และออกเสียงใกล้เคียงกับ ก เมื่ออยู่ในพยางค์อื่นๆ    -การออกเสียงพยัญชนะ s-,sh-s- ออกเสียงใกล้เคียงกับ ซ หรือ ส ส่วน sh-นั้นเป็นเสียงที่ไม่มีในภาษาไทยให้ออกเสียงเช่นเดียวกับใน ภาษาอังกฤษ คือ ออกเสียงในขณะที่ปล่อยลมหายใจออกมาจากช่องระหว่างลิ้นกับเพดานปากโดยมิให้ปลายลิ้นแตะเพดานปาก อนึ่ง ขอให้สังเกตว่าในภาษาญี่ปุ่นไม่มีเสียง si มีแต่เสียง shi    -การออกเสียงพยัญชนะ t-,ch-,ts-t-ออกเสียงใกล้เคียงกับ ท เมื่ออยู่ในพยางค์ต้นและออกเสียงใกล้เคียงกับ ต เมื่ออยู่ในพยางค์อื่นๆ ch-ออกเสียงโดยให้ปลายลิ้นแตะปุ่มเหงือกหรือด้านหลังของฟันบนเสียก่อนแล้วจึงปล่อยลมหายใจออกในขณะที่ปล่อยลิ้น ts-เป็นเสียงที่ค่อน ข้างยาก เพราะไม่มีเสียงคล้ายทั้งในภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ออกเสียงโดยให้ปลายลิ้นแตะปุ่มเหงือก หรือด้านหลังของฟันบนเสียก่อน แล้วปล่อยลมหายใจออกในขณะที่ปล่อยลิ้น อนึ่งขอให้สังเกตว่าในภาษาญี่ปุ่นไม่มีเสียง ti- หรือ tu มีแต่เสียง chi กับ tsu    -การออกเสียงพยัญชนะ h-และ f-h-เหมือนกับ ฮ หรือ ห เมื่อผสมกับสระu เขียนว่า fuและออกเสียงในขณะที่เม้มริมฝีปากและปล่อย ลมหายใจออกมา โดยไม่กัดริมฝีปากเหมือน ฟ ในภาษาไทย    -การออกเสียงพยัญชนะ m-,n-เหมือนกับ ม และ น ตามลำดับ    -การออกเสียงพยัญชนะ r-ออกเสียงเหมือน ล    -การออกเสียงพยัญชนะ w-ออกเสียงเหมือนกับ ว แต่ในปัจจุบันนี้ ผสมกับสระ a เท่านั้น    -การออกเสียงพยัญชนะ y-y- เป็นเสียงที่ใกล้เคียงกับ ย แต่ผสมกับ a,u,o เท่านั้น คือ ya,yu,yo    -การออกเสียงตัวสะกด nn ที่เขียนไว้ท้ายสุดในตารางนั้น เป็นตัวสะกดได้อย่างเดียวเท่านั้น อาจออกเสียงเป็น ม น หรือ ง ก็ได้ แล้วแต่เสียงที่ตามมา      -เสียงขุ่น[daku-on] และเสียงกึ่งขุ่น[handaku-on] เสียงพื้นฐาน 46 เสียงที่ได้กล่าวไปแล้วนั้นในภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า sei-on นอกจาก sei-on ยังมีเสียงที่เรียกว่า daku-on(เสียงขุ่น) ซึ่งได้แก่เสียง ในวรรค ga,za,da,ba และ handaku-on (เสียงกี่งขุ่น)ซึ่งได้แก่เสียงในวรรค pa โดยเสียง ทั้งสองประเภทนี้มีฐานเสียงใกล้เคียงกับเสียงพื้นฐาน    -การออกเสียงพยัญชนะ g-เสียงนี้ไม่มีในภาษาไทย เมื่ออยู่ในพยางค์ต้นของคำจะออกเสียงเหมือนกับ g-goodในภาษาอังกฤษหากเป็น พยางค์อื่นๆจะออกเสียง ง    -การออกเสียงพยัญชนะ z-เป็นเสียงที่ไม่มีในภาษาไทย ให้ออกเสียงเหมือนกับ z ในภาษาอังกฤษ ซึ่งตำแหน่งของลิ้นจอยู่ที่เดียวกัน กับเวลาออกเสียง s แต่ทำให้เสียงสั่นรัว    -การออกเสียงพยัญชนะ j-เป็นเสียงที่ไม่มีในภาษาไทย เวลาออกเสียงพยัญชนะตัวนี้ ตำแหน่งของลิ้นจะอยู่ที่เดียวกันกับเมื่อออกเสียง sh- คือออกเสียงในขณะที่ปล่อยลมหายใจออกมาจากช่องระหว่างลิ้นกับเพดานปาก โดยมิให้ปลายลิ้นแตะเพดานปากและทำให้เสียงสั่นรัว ในขณะที่ออกเสียง    -การออกเสียงพยัญชนะ d-ออกเสียงเหมือนกับ ด ภาษาญี่ปุ่นไม่มีเสียง di- และ du- มีแต่เสียง ji และ zu    -การออกเสียงพยัญชนะ b-,p-b- เหมือนกับ บ ส่วน p- ใกล้เคียงกับ พ หรือ ป    -เสียงควบเสียงควบ คือเสียงที่เกิดจากเสียงในช่องที่ 2( สระ i) ของเสียงพื้นฐาน,เสียงขุ่น และ เสียงกึ่งขุ่น ได้แก่ ki,gi,shi,ji,chi,ni,hi,bi,pi,mi,ri ผสมกับเสียง ya,yu,yo แล้วออกเสียงควบเป็นพยางค์เดียวกัน    -พยางค์และจังหวะเมื่อจะออกเสียงภาษาญี่ปุ่น ควรจะรู้ว่าแต่ละพยางค์ในภาษาญี่ปุ่นจะออกเสียงเป็นกี่จังหวะ เรื่องนี้เป็นสิ่งสำคัญ ขอให้นักเรียนฝึกการออกเสียงรัสสระ (สระเสียงสั้น)และทีฆสระ(สระเสียงยาว)รวมทั้งอักษรควบให้ดี    1)รัสสระและทีฆสระ รัสสระเขียนเป็นอักษรโรมันว่า a,i.u,e,oส่วนทีฆสระให้เขียนรัสสระเรียงกันสองตัวดังนี้ aa,ii,uu,ei,ouรัส สระออกเสียงเป็น 1จังหวะ ส่วนทีฆสระออกเสียงเป็น 2 จังหวะ สำหรับเสียง ei และ ooก็ให้ออกเสียงว่า ee,ooตามลำดับและมีความยาว 2จังหวะเช่นเดียวกัน เช่นto-ke-i.(นาฬิกา) 3จังหวะ,to-o-ke-i.(สถิติ)4จังหวะ    2)พยัญชนะซ้อนในภาษาญี่ปุ่นไม่มีตัวสะกด(ยกเว้นn) และพยัญชนะซ้อนเหมือนในภาษาไทย แต่บางครั้งก็มีเสียง –kk-,-ss-,-ssh-,-tt-,-tch-,-pp- อยู่ระหว่าง 2พยางค์ ในกรณีนี้ให้ออกเสียง-k,-s,-t,-pฯลฯโดยทิ้งช่วงเวลาไว้ประมาณ 1จังหวะ    3)ตัวสะกด –nตัวสะกด –nนี้ออกเสียงได้ 3 อย่างตามชนิดของเสียงที่ตามมาข้างหลัง ในการออกเสียงให้ทิ้งช่วงเวลาไว้ประมาณ 1จังหวะเช่นกัน    ๑)ออกเสียงเป็น ม เมื่อตามด้วยเสียงที่หุบปากคือ m,p,b เช่น e-n-pi-tsu (ดินสอ)4 จังหวะ    ๒)ออกเสียงเป็น น เมื่อตามด้วยเสียงที่ใช้ลิ้น เช่น n,t,d,j,s เช่น ho-n-to-o(ความจริง) 4 จังหวะ    ๓)ออกเสียงเป็น ง เมื่อตามด้วยเสียงk,g,h,y,w หรือเสียงสระ เช่น gi-n-ko-o (ธนาคาร)4 จังหวะ การเน้นเสียงสูงต่ำ การเน้นเสียงสูงต่ำในภาษาญี่ปุ่น แตกต่างจากวรรณยุกต์ในภาษาไทยหรือการเน้นเสียงหนักเบาในภาษาอังกฤษแต่หมายความถึงเสียงสูงต่ำของแต่ละพยางค์ เช่นคำว่า kita ถ้าอ่านว่าคิตะ โดยให้ ki เป็นเสียงสูง ก็จะแปลว่า มาแล้ว แต่ถ้าอ่าน ขิต๊ะ โดยให้ taเป็นเสียงสูง ก็จะแปลว่า ทิศเหนือ เป็นต้น การละเสียงสระ สระ i.u.เมื่ออยู่ระหว่างพยัญชนะ k-,s-,sh-,ts-,ch-,h-,เกือบจะไม่ออกเสียงเลย แต่เวลาเขียนต้องคงไว้ ที่มา : http://www.arukithai.com/th/learn_jp/default-2.asp -------------------------------------------------------------------------- แก้ไขเมื่อ 09 ก.ย. 50 01:03:01 จากคุณ : T-E-N-A - [ 9 ก.ย. 50 00:58:29 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เอาใจช่วยค่ะ   ค่อยๆ จำวันละนิดหน่อย เดี๋ยวก็ได้เอง อย่าท้อนะคะ จากคุณ : ลูกหมีตัวเล็ก - [ 9 ก.ย. 50 10:58:18 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ฮิราคานะ กับคาตาคานะควรจำให้หมดค่ะ มันไม่สับสนกันหรอกค่ะ เพราะวิธิการเขียนค่อนข้างต่างกัน คาตาคานะตัวจะเหลี่ยมๆแข็งๆน่ะค่ะ แรกๆยังไม่ชินก็หัดเขียนบ่อยๆ หัดอ่านบ่อยๆ พอชินแล้วก็จำได้เห็นปุ๊บรู้ปั๊บเองค่ะ ของแบบนี้ต้องใช้เวลานะคะ ไม่มีใครปุบปับก็จำได้เลยหรอกค่ะ คันจิถ้าค่อยๆหัดตามหนังสือ มันจะมีลำดับเส้นในการเขียนค่ะ ว่าเส้นไหนเขียนก่อนเขียนตวัดจากด้านไหนไปไหน บางตัวก็คล้ายกันมากต่างกันไม่กี่เส้น อันนี้ต้องอาศัยความขยันล่ะค่ะ เพราะคันจินี่มีเป็นร้อยเป็นพัน ยากกว่าจำฮิราคานะ คาตาคานะมากมาย T_T จากคุณ : White Amulet - [ 9 ก.ย. 50 15:01:47 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เอาใจช่วยนะคะ เราก็เง็งเหมือนกันกับคาตาคานะ จำผิดจำถูก หัดเขียนบ่อยๆ อ่านบ่อยๆจะช่วยได้เยอะเลยนะค่ะ สู้ๆๆ จากคุณ : พระอาทิตย์อมยิ้ม - [ 9 ก.ย. 50 19:00:19 ]

ความคิดเห็นที่ 8 Gambattene. จากคุณ : Chai (Chaibangkok) - [ 9 ก.ย. 50 23:06:00 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ขอบคุณทุกคนค่ะ   เวบใน คห 4  สุดยอดมาก จากคุณ : สวยพริ้ง - [ 9 ก.ย. 50 23:32:21 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ขอถามเพื่อเป็นกำลังใจนะคะ  อยากทราบว่าเพื่อนๆเรียนภาษาญี่ปุ่นกันนานแค่ไหนกว่าจะถึงขั้นที่อ่านออก เขียนได้ เข้าใจ  พอดีนึกเปรียบเทียบกับตอนที่เราเรียนอังกฤษซึ่งเรียนมาตั้งแต่อนุบาล จบม.6 แล้วก็ยังงูๆปลาๆอยู่เลย แต่ก็พออ่านออก เขียนได้ คือเรามีความฝัน(ลมๆแล้งๆ)ว่าจะสมัครงาน ทำงานวิจัยที่ญี่ปุ่นในอนาคตอันไม่ใกล้นี้  ก็เลยคิดฝึก basics ไว้ก่อนค่ะ จากคุณ : สวยพริ้ง - [ 9 ก.ย. 50 23:54:01 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ผมเรียนตัวคานะ(ฮิรางานะ+คาตาคานะ)ตอน 8 ขวบ อ่านเองจากหนังสือภาพอะคับ เค้าสอนทีละตัว และก็มีคำศัพท์ประกอบ เช่น อะ อะริ มด.....อิ อิซุ เก้าอี้ อะไรแบบนี้อะคับ ตอนนั้นก็เพิ่งเรียน A B C ... Z จากอนุบาลมา ก็ไม่สับสนนะคับ แยกได้ อาจจะด้วยความที่เป็นเด็ก ก็อ่านไปเพลินๆ แล้วภาพประกอบสีสดๆ ก็จำติดหูติดตา ขนาดคำว่าตู้เย็น ยังจำได้เลย วิ่งไปบอกแม่ ว่าตู้เย็นเรียกว่า เรย์โซวโกะ แม่ก็ดีใจซื้อตู้เย็นใหม่เลย (จะซื้ออยู่แล้ว) ผ่านมาสิบกว่าปี ความรู้ก็เท่าตอน 8 ขวบคับ -*- เพราะว่า ไม่ได้ทำอะไรกับมันเพิ่มเติม ภาษาก็คงต้องฝึกฝน ถึงจะได้ผลนะคับ แต่เรียนหลายภาษา บางทีก็ใช้ปนๆกัน อี้เยะ บ้าง เยสบ้าง ก็สนุกสนานดีคับ จากคุณ : teddyblooh - [ 10 ก.ย. 50 13:54:56 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ถ้าเรื่องตัวอักษร ก็คงต้อง "จำ" อย่างเดียวอ่ะครับ เพราะมันไม่มีหลักใด ๆ เลย เหมือน ก.ไก ข.ไข่ ของภาษาไทยอ่ะ ซึ่งต้องจำเหมือนกัน คัดทุกวัน เขียนทุกวัน แล้วก็อ่านบ่อย ๆ เวลาเดินตามห้าง เจออะไรที่เป็นภาษาญี่ปุ่น แล้วมีตัว ฮิรากานะ กับ คาตาคานะ ก็พยายามอ่าน พยายามนึกให้ออกว่าออกเสียงยังไง ฝึกทุกวัน เดี๋ยวก็ชินครับ ภาษามันต้องใช้บ่อย ๆ ครับ ถึงจะอ่านคล่อง แรก ๆ ก็จำไม่ได้ ยิ่งเจอคาตาคานะเข้าไป ยิ่งสับสนกันไปใหญ่ แต่มันก็ต้องเป็นแบบนี้กันทุกคนอยู่แล้วครับ อย่าเพิ่งท้อ เพราะคันจิจะยากกว่านี้นะครับ ปล. ผมก็จะตายเพราะคันจิเหมือนกัน ยากโคตร ๆ จากคุณ : zaxofone - [ 10 ก.ย. 50 17:25:26 ]