Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    วันนี้เป็นวันแรกของการแปรรูปไปรษณีย์ญี่ปุ่น

    เมื่อเช้านั่งอ่านข่าวทางอินเทอร์เน็ตเกียวกับการแปรรูปรัฐวิหากิจ "กิจการไปรษณีย์ญีปุ่น" เลยเอาเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยมาเล่าให้ฟังค่ะ

    การแปรรูปรัฐวิหากิจหรือภาษาอังกฤษเรียกันง่ายๆ ว่า  privatization ค่ะ กิจการใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นก็คือ  "Japan Post"  หรือ "yuubinkyoku" หรือ"ไปรษณีย์ญี่ปุ่น" นั่นเอง

    มีข้อมูลเบื้องต้นน่าสนใจหลายประเด็นด้วยกัน เลยอยากเอามาแชร์ให้อ่านๆ กันค้า

    วันนี้จะเป็นวันแรกของการเปลี่ยนโฉมใหม่หลังจากที่ก่อตั้งมานานกว่า 130 ปี แต่การเปลี่ยนแปลงจะเปลี่ยนไปอย่างเป็นขั้นตอน โดยใช้เวลาประมาณ 10 ปี (อืมม์ เป็นแผนระยะยาวจริงๆ)

    วันนี้ ไปรษณีย์ญี่ปุ่นจะถูกแบ่งออกเป็นสี่บริษัทย่อยด้วยกัน คือ

    1. Japan Post Service Co. ให้บริการด้านการรับส่งจดหมายพัสดุ

    2 Japan Post Network Co. ดูแลด้านการบริการที่ไปรษณีย์และรับผิดชอบด้านเรียลเอสเตทของ Post Office

    3 Japan Post Bank Co. and

    4 Japan Post Insurance Co.

    ทั้งสี่บริษัทจะอยู่ภายใต้การบริการของบริษัทโฮลดิ้งคอมพานีที่ชื่อว่า Japan Post Holdings Co.

    ในช่วงแรกรัฐบาลยังคงถือหุ้นอยู่ 100 % ใน Japan Post Holding และบริษัทโฮลดิ้งคอมพานีนี้จะถือหุ้น 100 % ของสี่บริษัทข้างต้น นั่นก็หมายความว่า รัฐบาลญี่ปุ่นยังคงเป็นเจ้าของและให้การสนับสนุนด้านการเงินแก่ไปรษณีย์ญี่ปุ่นนั่นเอง


    แต่ตั้งแต่ต้นปี 2010 เป็นต้นไป บริษัทที่ 3 และบริษัทที่ 4 จะสามารถเป็นบริษัทมหาชนได้ (หรือ go public ได้โดยการขายหุ้นให้กับประชาชนหรือนักลงทุน) รัฐฐบาลจะถือหุ้นอย่างน้อยที่สุด 33% จากนั้นภายในปี 2017 หุ้นทั้งหมดของสองบริษัทดังกลาวจะเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ส่วนสองบริษัทแรกนั้นรัฐบาลจะยังคงถือหุ้นเพื่อครองความเป็นเจ้าของไว้เช่นเดิมจึงจะไม่มีการจดทะเบียนในตลาดหุ้น เนื่องจากว่า สองบริษัทแรกเป็นงานด้านบริการที่เป็นบริการพื้นฐานสำหรับประชาชนในปรเทศ (อันนี้ต่างจากเมืองไทย เมืองไทยแปรรูปการไปรณีย์ไทยไปเรียบร้อยแล้ว ที่แตกต่างคือ หลังจากแปรรูปแล้ว ไปรษณีย์ไทยยังต้องการให้บริการด้านการเงินเพิ่มขึ้น เช่น พวกโอนเงินรับเงิน ขณะที่ญี่ปุ่นเขาพยายามแยกธุรกิจการเงินออกจากธุรกิจการให้บริการด้านไปรษณีย์)

    การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้อาจจะยังไม่เห็นผลกระทบมากนักในช่วงต้น เพราะกลยุทธ์การเปลี่ยนแปลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปนั่นเอง

    สำหรับไปรษณีย์ญี่ปุ่นนั้นหลายคนอาจจะรู้อยู่แล้วว่า ถือเป็นแบงก์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยจำนวนฐานเงินฝากที่สูงถึง 2.1 ล้านล้านล้านดอลลาร์หรือ 70 ล้านล้านล้านบาทไทยโดยประมาณ (คำนวณถูกหรือเปล่าเนี่ย เอาเป็นว่าเยอะมากกกก)

    มีพนักงานกว่า 400,000 คน เรียกว่าหนึ่งในสามของข้าราชการญี่ปุ่นจะต้องทำงานให้กับ Japan Post มีสาขาทั่วประเทศกว่า 24750 สาขา


    สำหรับประเทศไทยธุรกิจไปรษณีย์ของเรา เหมือนจะ Privatized ไปเรียบร้อยแล้วโดยเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัทไปรษณีย์ไทย เมื่อหลายปีมาแล้วน่าจะสี่ปีได้แล้ว แต่เข้าใจว่ายังคงถือสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจอยู่เพราะรัฐยังคงถือหุ้นอยู่เกินร้อยละ 50 นอกจากนี้บริษัทไปรษณีย์ไทยมีแผนเตรียมนำหุ้นเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในอนาคตด้วย ซึ่งในประเด็นนี้ญี่ปุ่นมองต่างจากประเทศไทย โดยมองว่างานไปรษณีย์เป็นงานบริการสาธารณะจึงไม่ควรให้เอกชนเข้ามาถือหุ้น

    ความเห็นส่วนตัวคือจากการใช้บริการไปรษณีย์ไทยมา ยังไม่ค่อยเห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนเท่าไหร่ แต่หลายคนบอกว่าบริการดีขึ้น เคยดีลงานด้วยสมัยยังทำงานอยู่ รู้สึกว่าพนักงานตื่นตัวขึ้นมาก มีโครงการมากมายนำเสนอ แต่ด้วยวัฒนธรรมองค์กรยังเหมือนเดิมหรืออย่างไรไม่แน่ใจ ทำให้กระบวนการพัฒนาบริการทำไม่ได้เร็วอย่างที่ตั้งใจ แต่ที่ตัวเองอาจจะไม่เห็นด้วยคือ การเอาเข้าตลาดหุ้น เพราะคนที่จะซื้อหุ้นเขาก็ต้องการบริษัทที่สร้างกำไรสูง ถ้ากำไรสูงก็ต้องมีรายได้มาก ถ้ามีรายได้มาก รายได้ก็มาจากค่าบริการแสตมป์ ค่าขนส่ง ดังนั้นเหมือนว่ามีโอกาสที่เราจะต้องใช้บริการในราคาที่แพงขึ้น

    หลังจากนี้ก็คงต้องดูต่อไปว่า การเปลี่ยนแปลงในวันนี้จะทำให้การบริหารงานของไปรษณีย์ญี่ปุ่นพัฒนาขึ้นมากน้อยแค่ไหน เคยอ่านบทความบอกว่าถ้าเป็นงานการขนพัสดุเนี่ย ไปรษณีย์ญี่ปุ่นมีส่วนแบ่งการตลาดน้อยมาก น้อยกว่าเจ้าบริษัทขนส่งแมวดำเยอะ ซึ่งการแปรรูปนี้ก็จะดูว่าทางไปรษณีย์ญี่ปุ่นจะสามารถพัฒนาบริการและแข่งขันกับบริษัทเอกชนได้มากน้อยอย่างไร

    เช่นเดียวกับงานด้านการธนาคารและประกันภัย ซึ่งคาดว่าจะส่งผลและกระทบต่อธุรกิจการเงินของญี่ปุ่นมากพอควร  เพราะเมื่อก่อน Role คือการให้บริการประชาชน อาจจะไม่ได้เน้นการแข่งขันกับภาคธุรกิจ แต่เมื่อเริ่มตั้งตัวเป็นองค์กรเอกชนในอนาคต ย่อมต้องมีกลยุทธ์และความสามารถในการแข่งขัน พอที่จะแข่งขันกับสถาบันการเงินเอกชนที่เป็น Big player เก่าได้

    จริงๆ แล้วเราๆ ท่านๆ คนไทย อาจจะไม่รู้สึกว่าการเปลี่ยนแปลงจะมีผลอย่างไรกับพวกเรา แต่สำหรับคนญี่ปุ่นแล้ว ถ้าหากการแข่งขันมีมากขึ้น ย ก็อาจจะได้รับอานิสงศ์ของการแข่งขันทำให้ได้รับบริการที่ดีขึ้นและผลิตภัณฑ์หลากหลายมากขึ้นในอนาคต อันนี้ว่ากันตามทฤษฎีและหลักการของการแปรรูป

    ตอนนี้ขอเวลาย้อนกลับไปอ่านข่าว สมัยท่านนายกฯโคอิสุมิเป็นนายกฯ ก่อนว่าเจตนารมณ์หลักของการprivatization คืออะไร สมัยปี 2003 ได้แต่อ่านข่าวแบบผ่าน ๆ ไม่ได้ลงรายละเอียดของข่าว ไว้มีอะไรเพิ่มจะมาเล่าใหม่ค้า
    ---------------------------------------------------------

    ไม่รู้ว่าเนื้อหาหนักไปไหมเนี่ย วันนี้องค์วิชาการลง ปรกติ องค์การท่องเที่ยวจะเข้าสิงมากกว่า ฮิฮิฮิ

    แก้ไขเมื่อ 01 ต.ค. 50 13:19:12

    แก้ไขเมื่อ 01 ต.ค. 50 08:34:58

    จากคุณ : zuling68 - [ 1 ต.ค. 50 08:24:47 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom