ความคิดเห็นที่ 1 You have to control your situation on your parents, enough is enough. You are giving allowance of THB30,000 which almost $1000 per month. Your parents must be thinking if you could afford sending THB 30,000 allowance per month, you must be rich not knowing how hard you are working. With the money you are funding , they should able to save and purchase a house themself. จากคุณ : Oh...boy! (The Zephyr) - [ 2 ต.ค. 50 07:35:42 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เรื่องแบบนี้ได้ยินมาจนชินแล้วค่ะ พ่อแม่บางคนที่พอลูกสาวแต่งงานกับฝรั่ง ก็คิดว่าได้ retirement plan ยังไงยังงั้น ตั้งเป้าไว้เลยว่าต้องได้เงินเดือน บ้านพร้อมที่ดิน เฮ้อ....ฟังแล้วเหนื่อยใจแทนค่ะ จากคุณ : casidy - [ 2 ต.ค. 50 07:45:27 ]

ความคิดเห็นที่ 3 Telling the truth is the best anwer. Talk to your parents before it's too late. จากคุณ : yuy - [ 2 ต.ค. 50 08:09:43 A:203.122.247.129 X: TicketID:124751 ]

ความคิดเห็นที่ 4  ก็บอกพ่อ-แม่ไปตรงๆ สิคะ ว่าอย่าโลภมาก บอกไปเลย ว่าคุณลำบาก ทำงานเหนื่อย   บอกเขาไปเลย ว่าค่าของเงินที่ ตปท.นั้นเมื่อเทียบเป็นค่าเงินของเมืองไทยแล้วดูมากมาย แต่ค่าครองชีพที่เมืองฝรั่งก็ไม่ใช่ถูกๆ และ ทุกอย่างก็เป็นเงินไปหมด ได้คืบก็จะอาศอก คนเราอยู่ไม่นานเดี๋ยวก็ต้องจากโลกนี้ไปแล้นนนน เดือนละ สามหมื่นที่คุณส่งให้ก็ไม่น้อยแล้วนะ จัดว่ามากโขทีเดียว ยิ่งถ้าอยู่ ต่างจังหวัดด้วยแล้นนนน น่าจะแบ่งเงินส่วนนั้นมาผ่อนบ้าน ปลูกบ้านได้เอง รถก็ได้ไปหนึ่งคันแล้ว และ คันนึงก็ไม่ใช่ถูกๆนะ อย่างน้อยก็หลายแสน ไหนจะค่าตกแต่งรอบคันอีก  (Oho......อะไรจะปานนั้น) เราโชคดีที่ไม่มีปัญหาแบบนี้ ที่บ้านก็ไม่ได้ร่ำรวย ครอบครัวธรรมดา แต่พ่อ-แม่เรามีบ้านอยู่แล้ว (มีมาตั้งแต่ก่อนพ่อเราเกิด) และ เป็นข้าราชการบำนาญ ส่วนน้องสาวเรา ถ้าจะลงทุนอะไร เขาก็จะยืม และ ใช้คืนทุกครั้ง แต่ถ้าเราอยากให้ก็จะบอกว่าคราวนี้ไม่ต้องคืน ครอบครัวเราไม่ก้าวก่ายเรื่องเงินทองกัน และ ให้ก็ส่วนให้ ยืมก็ส่วนยืม ครอบครัวย่อยส่วนของใครก็ของมัน ครอบครัวไทยส่วนใหญ่ คนในครอบครัวชอบยุ่ง ถือวิสาสะ ก้าวก่าย เรื่องส่วนตัวกันจนเกินไป และ Demanding กันจนเกินงาม ไม่มีมารยาท และ ไม่รู้จักพอนะ   ถ้าไม่พูดออกไปตรงๆ คุณก็จะต้องกลุ้ม และ เก็บปัญหาเอาไว้อย่างนั้นกับตัวเอง คนเดียว เก็บไว้ตลอดไปนั่นแหละนะ ถ้ากลุ้มมาก เครียดมาก ระวังจะแก่เร็ว เรื่อง xxx ก็เสื่อมไม่กระดี๊กระด๊า    หน้าหมองคล้ำนะคะ ไม่ดีต่อสุขภาพจิต และ ชีวิตคู่กับสามี คุณต้องเด็ดขาดและกล้าพูดนะคะ  Cheers! and good luck....... จากคุณ : Siamese Girl - [ 2 ต.ค. 50 08:33:37 ]

ความคิดเห็นที่ 5 มันเป็นค่านิยมของคนไทยไปแล้ว ที่ลูกสาวแต่งงานกับฝรั่งแล้วอยากได้นั่น อยากได้นี่จากลูกสาวและลูกเขย บางอย่างไม่จำเป็นเลย แต่ก็อยากมีไว้เพื่ออวด และโชว์ โดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกของลูกสาว ลูกเขย คุณต้องบอกคุณพ่อ คุณแมของ่คุณไปตามความจริงเลยว่าอะไรเป็นอะไร เราเข้าใจว่าพ่อแม่คงไม่อยากเห็นลูกมีความทุกข์หรอก เราโชคดีที่พ่อแม่ไม่ได้เรียกร้องอะไร ท่านอยู่ของท่านอย่างพอเพียง และท่านมีของท่านตั้งแต่เรายังไม่เกิด ท่านจะมีความสุขมาก ๆ ทุกครั้งที่เราพาหลาน ๆ และสามีกลับไปเยี่ยมท่าน เอาใจช่วยคุณค่ะ อธิบายให้ท่านเข้าใจ ถ้าคุณพูดความจริง คิดว่าท่านจะเข้าใจได้ค่ะ ู จากคุณ : แนน - [ 2 ต.ค. 50 08:57:23 A:125.27.219.149 X: TicketID:154188 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ตอนนี้ไม่รู้จะปลอบ จขกท. ว่าอย่างไร  แต่คาดว่าจะเจอปัญหาเหมือนกันในเวลาอันใกล้นี่แหละ  เราก็ไม่อยากใช้เงินสามีเหมือนกัน  พอแต่งก็คงต้องรีบหางานทำเหมือนกัน กลุ้มตั้งแต่ยังไม่แต่งเลยตะเอง เอาน่าสู้ๆๆ ค่ะ  ทำไงได้ยังไงก็พ่อแม่เราเนอะ ทำเท่าที่ทำได้แหละค่ะ เป็นเราเราจะส่งให้เค้าเดือนละ 15000  แล้วเก็บอีกครึ่งไว้ให้เป็นก้อนเพื่อส่งให้เค้าซื้อบ้าน จากคุณ : มาม่าน้ำข้น - [ 2 ต.ค. 50 09:32:35 ]

ความคิดเห็นที่ 7 join the club.. จากคุณ : หญิงป้า - [ 2 ต.ค. 50 09:33:14 ]

ความคิดเห็นที่ 8 สวัสดีค่ะคุณ farang wifeอ่านข้อความของคุณแล้วก็เห็นใจและเข้าใจ เพราะชีวิตเราก็คล้ายๆ คุณ จากคุณ : เมียฝรั่งเหมือนกัน (La bellethailandaise) - [ 2 ต.ค. 50 09:39:44 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ถ้ามีโอกาสก็ลองถามคุณพ่อคุณแม่ของคุณว่ารักคุณไหม อยากเห็นชีวิตคู่ของลูกราบรื่นไหม พ่อแม่ของดิฉันรักดิฉันมาก ดังนั้นเมื่อแต่งงานแล้วเขาจะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวเรื่องเงินๆทองๆในครอบครัวเราเด็ดขาด แม่ซะอีกพลอยเออออห่อหมกไปกับลูกเขยว่าดิฉันใช้ตังเก่ง ส่วนพ่อตอนที่รู้ว่ากำลังจะมีลูกเขยฝรั่งจะโมโหมากหาว่าไอ้ฝรั่งคนนี้มันจะมาปอกลอกลูกสาว เป็นงั้นไป คงเป็นคนแรกและคนเดียวที่คิดแบบนี้ ดิฉันจะให้เงินแม่ใช้ทุกเดือนให้พ่อบ้างในโอกาสพิเศษวันเกิด แต่เป็นเงินจากเงินเดือนของดิฉันเอง จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเงินสามีเด็ดขาด ตัวเขาเองเขายังไม่ต้องให้เงินพ่อแม่เขา แล้วเราจะให้เขามาจ่ายตังให้พ่อแม่เรามันน่าอายยังไงก็ไม่รู้ จากคุณ : Tiwanon48 - [ 2 ต.ค. 50 09:44:23 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เห็นด้วยกับคห 6. ให้ครึ่งเก็บครึ่ง ถ้าครอบครัวถาม ทำไมตัดเงินเดือน ก็ให้ถามเค้าตรงๆจะเอาบ้านรึ เอาเงินเดือน ถ้าเอาสองอย่างก็ต้องหาร2 แล้วบอกเค้าด้วยว่าคุณไม่ใช่นางทาส ไม่ได้มีไว้ทำเงินให้ครอบครัว แต่คุณให้เพราะความกตัญญูู บางทีคนมีครอบครัวก็ต้องวางระยะห่าง ให้กับตัวเองกับทางบ้านสักนิด ผมว่าจำเป็นครับ เพราะถ้าครอบครัวเราเพิ่งแต่งงานแล้วอยู่กันไม่ยืด ทางพ่อแม่ก็คงว่าเอาได้ว่าเราไม่เอาใหน (จริงๆเสียดายเงินที่เคยได้ ) แต่ถ้าส่งให้แค่ 15000 แล้วมีเสียงบ่นตามมาให้เฉยไว้ แล้วทำตามแผนเดิม แล้วไม่ต้องติดต่อกลับไป ส่งเงินกลับไป 15000 เท่าเดิมทุกเดือน คุณก็ยังเป็นลูกกตัญญูเหมือนเดิม ไม่ผิดอ่ะไร.. อาจทรมารใจนิดหน่อย แต่ชีวิตแต่งงานคุณแฮปปี้ ก็โอเคนะผมว่าอ่ะ.. จากคุณ : yjam - [ 2 ต.ค. 50 09:45:54 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เข้าใจความรู้สึกของคุณค่ะ น้ำท่วมปากมานาน ตอนนี้ถึงเวลาต้องวิดน้ำกันบ้างแล้วก่อนที่น้ำจะท่วมหัวคุณเอง  จนหายใจไม่ออกจมน้ำซะก่อน ความกตัญญูและการตอบแทนพระคุณผู้ให้กำเนิด เป็นสิ่งที่ประเสริฐและคุณได้กระทำแล้วอย่างสมบูรณ์ คุณมีครอบครัวของตนเองแล้ว ชีวิตต่างแดนต้องต่อสู้ดิ้นรน เงินสูง คิดว่ารวย แต่ที่แท้ เลือดตาแทบกระเด็นกว่าจะได้มา บอกครอบครัวเดิมของคุณไปตรงๆถึงภาระของคุณ ถ้าคุณพร้อมเมื่อไหร่ จะสร้างบ้านให้ แต่ตอนนี้ไม่มีเงิน หรือคุณจะส่งเงิน เดือนเว้นเดือน หรือส่งน้อยลงบ้าง ถ้าจะตัดขาดกัน เพราะสาเหตุนี้ คุณก็ต้องแกล้งใจดำ ทำตัวหายไปสักพัก ทำงานเก็บเงิน ใช้เงินของคุณซื้อความสุขเพื่อตัวคุณเองและสามี คุณเป็นคนกำเงิน มันอยู่ที่คุณจะใช้หรือให้ใครแค่ไหน คุณต้องกำหนดเองนะคะ แล้วคุณไม่ต้องห่วง เดี๋ยวเขาก็ง้อคุณเอง คุณค่อยสร้างเงื่อนไขต่อรอง เป็นกำลังใจให้ค่ะ จากคุณ : jeejeeberry - [ 2 ต.ค. 50 10:17:20 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ขอขอบคุณทุกความคิดเห็นนะคะ ขอบคุณมากที่มีความเข้ามาอ่านกระทู้ของเรา ต่อไปเราคงต้องจัดการเรื่องเงืนในแบบแผนใหม่แล้ว เพราะว่าอยากจะมีเงินเก็บเป็นของตัวเองเหมือนกัน ดีอีกอย่างเลิกคิดเรื่องเงินแล้วมามุ่งเรื่องเรียนให้จบไวๆดีกว่า ยังไงเค้าก็เป็นพ่อแม่เรายังไงก็ต้องยอมรับในสิ่งที่ลูกทำและคิดอยู่ดี ยังไงถ้าเราเรียนจบแล้วมีใครอยากให้ออกแบบตกแต่งภายในติดต่อเราก่อนล่วงหน้าได้นะจ๊ะ จะเลือกฝีมือออกแบบของเราเอง หรือ อาจจะเป็นฝีมือการออกแบบของสามีเราก็ได้นะ (ขอโทษที่ออกนอกเรื่องนะคะ) ยังไงก็ขอขอบคุณทุกคนนะคะ จากคุณ : Farang's Wife - [ 2 ต.ค. 50 10:28:58 A:68.109.85.167 X: ]

ความคิดเห็นที่ 13 เราก็อยากช่วยปลอบใจ ยังไงก็แข้มแข้งพยามหาวิธีพูดกับพ่อแม่ของคุณให้เข้าใจ เราก็มีสามีฝรั่งเหมือนกันแต่เราโชคดีตรงที่พ่อแม่เราเข้าใจเราบอกพ่อแม่เราเสมอว่าสามีเราไม่รวยนะ แต่เค้าสามารถเลี้ยงลูกสาวพ่อกับแม่ได้ พ่อกับแม่ก็น่าจะสบายใจได้ จากคุณ : หมูออมสิน - [ 2 ต.ค. 50 10:36:40 A:222.123.93.110 X: ]

ความคิดเห็นที่ 14 มีเยอะเลยค่ะ ที่เป็นเเบบ จขกท ต้องคุยกับพ่อ เเม่ตรงๆ ดิฉันก็บอกพ่อ เเม่ตลอดเรื่องการเงิน ค่าใช้จ่ายเเล้วท่านก็เห็นว่าเราใช้จ่ายเยอะ ดิฉันเองโชคดีที่พ่อเเม่เข้าใจไม่เคยเรียกร้องอะไร แถมมีเเต่ให้ ท่านเข้าใจเเละขอเเค่ให้เรามีกินมีใช้ก็พอ ส่วนตัวท่านก็ไม่ได้เรียกร้องอะไรเลย เเต่เราก็ให้ตามกำลังทรัพย์ อาจจะไม่มากมาก เเต่ก็อยู่ได้เเบบสบายๆ โชคดีอีกอย่างคือไม่มีญาติพี่น้องมาคอยเป็นกาฝาก  อาจจะมีบ้างเพื่อนบ้านผู้หวังดีคอย ถามโน่น ถามนี่ เเต่พ่อ กับ เเม่ก็ไม่ได้สนใจ เพราะ ก่อนเราไม่เคยมีอะไรเลย เเต่ตอนนี้ชีวิตเราดีขึ้นกว่าเมื่อก่อน เเค่นี้ก็พอใจเเล้ว จากคุณ : เลิฟยูจัง - [ 2 ต.ค. 50 10:57:30 ]

ความคิดเห็นที่ 15 มันเป็นแบบนี้หรือเปล่า ถ้าพ่อแม่รับเงินจากลูกมาใช้ ต้องทำตามลูก รอลูก ไม่กล้าตัดสินใจเอง แต่ถ้าพ่อแม่ให้เงินลูก ไม่ว่าจะเล็กจนโต พ่อแม่ไม่ต้องรอลูก กล้าตัดสินใจเอง เป็นใหญ่เอง กล้าพูดว่าอย่างน้อย ๆ ก็เงินฉัน ฉันยิ่งใหญ่ คนแก่ ๆ จะมีความภูมิใจ ถ้าคนแก่ ๆ มีเงิน เยอะ ๆ ก็ไม่เหงา ไปไหน มาไหน ทำอะไร ลูกหลานก็จะคอย หลาน ๆ ตัว เล็ก ๆ ก็จะทำให้อบอุ่น รอปู่ รอย่า รอตา รอยาย ขอพ่อกับแม่ไม่ได้ รอขอปูหรือย่าดีกว่า ย่าให้ ปู่ให้ ทำให้หลานรอ ทำให้หลานคิดถึง คนแก่ จะอยู่เป็นผู้ให้จะมีความสุขมากกว่าเป็นผู้รับ จากคุณ : น้อย - [ 2 ต.ค. 50 11:17:39 A:117.47.109.252 X: TicketID:140397 ]

ความคิดเห็นที่ 16 อ่านแล้วขอเครียดด้วยค่ะ เป้นอีกคนหนึ่งที่จะเจอปัญหานี้ในไม่ช้า กำลังมีแผนจะแต่งงานและย้ายไปอยู่อิตาลี่ คือก่อนหน้านี้ไม่เคยคิดว่าชีวิตจะเป็นงี้อ่ะค่ะ คิดว่าต้องอยู่คนเดียวไปจนตายเลยซื้อบ้านไว้ แฟนไม่อยากให้ทำงานค่ะ แต่ไอ้เราก็ไม่สะดวกใจที่จะต้องนั่งขอเงินเขาส่งกลับมาที่บ้านทุกเดือน เพระเขาก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไร เป้นคนทำงานธรรมดา ช่วงแรกคงต้องมีปัญหาแน่นอน เพราะเรายังพูดภาษาอิตาเลี่ยนไม่ได้ คงต้องเกาะเขากินไปก่อน เฮ้ออออ จากคุณ : Tanyanj - [ 2 ต.ค. 50 11:20:15 ]

ความคิดเห็นที่ 17 พ่อแม่เราไม่เคยขออะไรแบบนี้เลยค่ะ และบ้านเราก้อไม่ได้รวยอะไรและไม่มีสมบัติ เราโชคดีที่เค้าทั้ง 2 คนเข้าใจ คุณ จขกท ให้เดือนละ 30000 ถือว่าเยอะมากเลยค่ะเอาเงินไปผ่อนบ้านสบายๆ ก็ต้องคุยกันแบบเปิดอกนะคะ จากคุณ : ตามใจฝัน (audray) - [ 2 ต.ค. 50 13:22:24 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เทคนิคหนึ่งที่อาจจะช่วยได้ก็คือ ขอเขาก่อนที่เขาจะขอ ไม่ได้หมายความว่าขอเงิน แต่ขอความรักและความเห็นใจ คุณเป็นคนดีค่ะ ที่รักพ่อแม่ แต่คุณเริ่มต้นผิดด้วยการไปสร้างภาพให้เขาเห็นว่าคุณร่ำรวย มีเงินทองจับจ่ายฟุ่มเฟือย ด้วยการซื้อรถ แต่งรถ ส่งเงินจำนวนมากกลับบ้าน แต่ไม่เคยบอกเบื้องหลังที่มาของเงิน เพราะไม่อยากให้เขาเป็นห่วง ไม่สบายใจ ถ้าเงินนั้นได้มาง่ายๆ คนที่ได้รับก็ไม่เห็นคุณค่าของเงินคุณหรอกค่ะ เขาก็คิดง่ายๆจากสิ่งที่เขาเห็น....ว่าคุณรวย มีเงินทองเหลือเฟือ ถ้าอย่างนี้ก็ช่วยซื้อบ้านอีกสักหลังจะเป็นอะไรไป ขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอก.... มันก็เหมือนกับพ่อแม่ที่ทำงานหนัก แต่ให้เงินลูกใช้เยอะ ลูกรู้ว่ามีเงินก็ใช้ แต่ไม่รู้ว่าพ่อแม่ทำงานหนัก ไม่รู้คุณค่าของเงิน คิดว่าพ่อแม่รวยนี่ กินทิ้งกินขว้างก็ได้ มีเหลือเยอะแยะ พ่อแม่รังแกฉัน... ก็บอกเขาไปตามตรงสิคะว่าชีวิตเมืองนอกเป็นอย่างไร ค่าใช้จ่าย ค่ากินอยู่ ค่าภาษี ค่ารักษาพยาบาล สูงลิบลิ่วขนาดไหน บอกไปเลยว่าต้องทำงานเสริฟ กี่ชั่วโมง เจออะไรบ้าง เงินคุณจะมีคุณค่าเมื่ือเขารู้ว่าคุณหามาได้ด้วยความลำบาก กว่าจะเก็บเงินได้เพื่อส่งให้เขาแต่ละเดือน ว่างๆก็โทรไปร้องห่มร้องไห้ บอกคิดถึงบ้านบ้าง บอกว่าชีวิตลำบาก เหนื่อยจะสิ้นใจ ปวดแขน ปวดขา บลา...บลา... บอกเขาว่างานที่มีอยู่ก็ไม่แน่นอน อาจต้้องตกงาน ถ้าตกงาน ชีวิตเมืองนอกจะลำบากขนาดไหน เงินที่ส่งไปก็เพราะรักพ่อแม่ อยากให้พ่อแม่สบาย แต่ขอให้พ่อแม่ใช้เงินอย่างรอบคอบ อย่าฟุ่มเฟือย มีเหลือก็ช่วยเก็บไว้ให้เราด้วย เผื่ออนาคตเรากับสามีตกงาน เศรษฐกิจไม่ดี อาจต้องกลับเมืองไทย ไปหางานทำ ต้องไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ อย่าคิดว่าไม่จริงนะคะ อะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ ใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาทค่ะ จากคุณ : สมศรี - [ 2 ต.ค. 50 15:18:54 A:147.231.142.82 X: TicketID:128994 ]

ความคิดเห็นที่ 19 Well done ความคิดเห็นที่ 18 จากคุณ : KATIB - [ 2 ต.ค. 50 17:43:34 A:81.179.154.197 X: ]

ความคิดเห็นที่ 20 เข้ามาอ่าน จากคุณ : Jaekan - [ 2 ต.ค. 50 18:17:17 ]

ความคิดเห็นที่ 21 โดยส่วนตัว เราและครอบครัวไม่มีปัญหาเรื่องนี้นะ หรืออาจจะเพราะเราเคยบอกไปว่า ยังไงเราจะไม่มีวันขอเงินสามีมาให้ครอบครัว ถ้าจะให้ ต้องมาจากน้ำพักน้ำแรงของเราเท่านั้น พ่อแม่เราก็เข้าใจนะ จริงๆท่านไม่เคยขอเลย แล้วก็คิดว่าท่านไม่คิดจะขอด้วย แต่เป็นคนอื่นๆมากกว่าที่มาพูดทำนองว่า ทำไมลูกมีสามีฝรั่งแล้วยังไม่มีบ้านใหม่ รถใหม่อีก ทำไมลูกอกตัญญูจัง ชั้นอกตัญญู เพราะยังไม่มีปัญญาหาซื้อรถใหม่ บ้านหลังใหม่ให้พ่อแม่ได้อย่างนั้นหรือ? ทางที่ดี พูดกับพ่อแม่ตรงๆนะคะ ว่าเรามีแรงส่งให้เท่านี้ เราว่าที่คุณให้ 30000 บาทต่อเดือน เราก็นับถือคุณแล้ว ค่าใช้จ่ายที่เมืองนอก ใช่ว่าจะน้อย เราก็มีภาระของเรา อยากมีเงินเก็บไว้สร้างอนาคต มันไม่ผิดหรอกค่ะ หวังว่าท่านคงเข้าใจ เพราะถ้าท่านรักลูก ก็ต้องอยากเห็นลูกมีชีวิต และอนาคตที่ดีนะ จากคุณ : hunny-bunny - [ 2 ต.ค. 50 18:39:00 ]

ความคิดเห็นที่ 22 แม่บอกว่า "กลับมาเอาตังค์ไปช่วยผัวแกผ่อนบ้านอังกฤษบ้าง...ไป๊!! ฉันเห็นใจลูกเขยฝรั่ง " น่าสงสารแม่....ที่ต้องนั่งสงสารลูกเขยฝรั่ง ตัวเองเลยรู้สึกกดดันมากค่ะ ..... แก้ไขเมื่อ 03 ต.ค. 50 01:44:18 จากคุณ : hamble pie - [ 3 ต.ค. 50 01:17:21 ]

ความคิดเห็นที่ 23 30,000 ต่อเดือน??? convert เป็น USD ยังมากเลย.. พูดในฐานะคนเงินเดือน 60K นะ.. ทำอย่างที่คุณ yjam บอกนะค่ะ ส่งไปครื่งนึง ถ้าคุณส่งกลับไป 10,000-15,000 ต่อเดือน ที่บ้านคุณจะถึงขั้นไม่พอใช้เชียวเหรอ .. จากคุณ : Chicago - [ 3 ต.ค. 50 03:56:19 A:68.167.88.162 X: TicketID:131100 ]

ความคิดเห็นที่ 24 เดือนละ 30000 บาทนี่ เยอะนะ.. คุณสอนให้พ่อแม่คุณใช่เงินเกินตัวแล้วหล่ะ .. อย่าว่าแต่เด็กๆใช่เงินไม่เป็นเลย .. ผู้ใหญ่นี่แหละที่ใช้เงินได้ฟุ่มเฟือยมากกว่าอีก.. แล้วเป็นเด็กนี่ไปสอนเขาไม่ได้ด้วยน้า...เฮ้อออ.. จากคุณ : หญิงป้า - [ 3 ต.ค. 50 09:47:51 ]

ความคิดเห็นที่ 25 เห็นใจค่ะที่ต้องเจอเรื่องแบบนี้ คุณต้องนั่งคุยแล้วละค่ะว่าจริง ๆ แล้วชีวิตคุณไม่ได้สบายอย่างที่พ่อแม่ของคุณคิด ต้องจัดการบริหารเงินใหม่แล้ว เก็บออมไว้ให้ตัวเองบ้างเผื่อวันข้างหน้าเกิดอะไรขึ้นจะได้ไม่ลำบาก ทางบ้านเราไม่เป็นแบบนี้หรอกค่ะ มีแต่ถามว่าจะโอนที่ทางให้เรากับลูกเขยได้หรือเปล่า มันแล้วแต่คนจริงๆ ขอเอาใจช่วยนะคะ จากคุณ : แม่ลูกหนึ่ง - [ 3 ต.ค. 50 12:34:39 A:67.49.141.252 X: TicketID:156637 ]

ความคิดเห็นที่ 26 เข้ามาให้กำลังใจ จขกท นะคะ เคยมีคนมา post ถามคล้ายๆ กรณีนี้และก็มีคนให้ความเห็นและคำแนะนำเยอะเลย ลองเข้าไปอ่านดูได้ค่ะ http://topicstock.pantip.com/klaibann/topicstock/2007/07/H5570484/H5570484.html จากคุณ : ศรีธนา - [ 4 ต.ค. 50 00:20:46 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เฮ้ออออ เหนื่อยใจ พ่อแม่ที่เห็นลูกเป็น ATM ถ้าพ่อแม่ ชาวจีน มีแต่จะหาสมบัติ ไว้ให้ลูก ไม่ได้ หวัง ขุดทองจากลูกเหมือน พ่อแม่ไทยต่างจังหวัดบางบ้าน . . . จากคุณ : kuddle - [ 4 ต.ค. 50 00:50:40 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ตอนช่วงปีแรกก็เป็นเหมือนกันค่ะ ต้องซื้อบ้าน ต้องถมที่สร้างบ้านที่ต่างจังหวัดใหม่นะ เห็นไหมบ้านหลังนั้น เขยเขาเป็นฝรั่งนะ เขาทำบ้านใหม่เอี่ยม เราก็ตอบไปอย่างเดียว ไม่มีตังค์ เขามีตังค์ก็ช่างเขาดิ แฟนเราทำงานแทบตายแต่ละเดือน ไม่ได้มีเงิน รวยเหมือนคนอื่น เขาก็ถามไม่อายหรอ ที่ไม่ทำอะไรให้เลย เราก็เลยบอก เขาว่า ลูก หลานมีเป็นสิบทำไมไม่ไปเรียกร้องจากเขาบ้างละ มาเรียกอะไรแต่จากเรา เรามีพ่อเลี้ยงด้วย แต่ไม่ถูกกัน แล้วเขาก็ไม่ได้ส่งเสียเราเรียน เราทั้งเรียนทั้งทำงานจนจบ เขาก็เลยพูดอะไรไม่ได้ แล้วก็เรามีเงินเดือนเพราะว่าทำงานทั้งไทยและแคนาดา ตอนแรกก็ให้เหมือนกัน ตก 35000 แต่ละเืดือน จนเราต้องออกปากว่า ถ้าใช้เงินกันขนาดนี้ ลูกจะเอาเงินที่ไหนเก็บ ไว้ใช้ยามฉุกเฉิน ไม่ได้นะ ต้องลดลงบ้างแหละ เราก็เลยตัดจากการให้เงินสดไว้ใช้ เปลี่ยนเป็นจ่ายค่าบ้านให้แทนในแต่ละเดือน แล้วก็ค่าจุกจิกอีก ก็ตกสองหมื่นทุกเดือน พอช่วงระยะหลังๆ เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร ให้ก็ดีใจ ถ้าไม่ให้ก็รู้แหละว่าเราก็ไม่มี จากคุณ : หมูน้อยไกลบ้าน (rujira_c) - [ 4 ต.ค. 50 03:02:38 ]

ความคิดเห็นที่ 29 K. Farang's wife. I read your story and please forgive me if I will use bad word or you thinkg I am a bad person. Your story is the same like someone I know in USA. of course she is Thai and she came here married with farang under secure agreement. Her husband is so rich have more than 10 millions in asset. We met them in temple. My background I am a programmer from GM Thailand and I am graduated from Chulalongkorn University with first honor. When I decide to married my husband, my last salary before I leave GM is 42,000 B. /month because of I have a very good parents (or I am a good saver). I work at GM. for 4 years and be able to purchase a house in Thailand in Bangna area (townhouse) at when I purchase is approx 1.5 million B. and you can believe it, I pay it off before I leave Thailand. While I still working in GM. Thailand, I support my parents 5000 B. every month. I live so cheap in Thailand, I never buy a car and I go to work with company's bus. That how I save my money. My parents is not rich, we are just farmer family, and we live in wood's house without furniture. I always asked my mother if she want a new house and she told me she doesn't want it, she never spend my money that I gave it to her every month at all, she continue to working in the farm and earn some money even through she is over 60 years old. Let get to the point, when I married to my husband, my husbad just retire from millitary and just divorced (that I don't know until I came here). He is not rich and looking for some business to do after retire (he get small pension that we can't even live on with that amount of money). I try to find a job a computer programmer here in USA. but unfortunately I could not find it because my English is not good enough plus when I get work permit it is time go by 8 month since I leave my job in Thailand and my skill is kind of old and not sharp. IT field is go fast if those of you don't know this point. I went to working in walmart as cashier and earn $6.75/hr., this money is not enough to support us (my family in USA.), so I thinking of going back go to school, lucky that I graduate Science degree from Thailand plus my math and science is the top. So, I decide to go back to school to be a nurse in USA., thinking at that time, I just want to do something to make my family in USA. survive financially because my husband doen't want to go back Thailand and live there. He doesn't want to live in 3rd world country, that is what he told me. I have some saving money from Thailand plus I got student loan, so finally I am in school and pursue nursing degree. Also, I work part time as Certified Nursing Assistant. I am so busy with school and work that I don't have time to socialize with Thai friend in Temple but my husband still go there because he still don't find any business doing. He make very strong relationship with one guy who married with Thai girl above that I mention, he is rich guy who is in real estate business. I found from my husband that Thai girl, for example her name is "Ya", she ask my husband why she never see me and my husband told her that I am busy with school and working. She talked bad about me to my husband that I am too ambitious and might married with my husband for money only. When I know that, I am so pissed off because I never get any dime from my husband, I never even get honor from him to marry with me in the church or have any ceremony. No ring, no nothing. He spend $50 for marrirage licensed in Arizona, that is all I ever got from my husband. During we were boyfriend-girlfriend, he never spend money on me, except pay for my dinner or taxie whenever we go out (while he came to Thailand). Ok, let get to the story, my husband her and her husband that because I am a big earner who held head high in my country that why I can't stand to be working poor walmart worker. They told my husband how he know that every thing I told him is true. Maybe I might be assembly line girl and never had college degree, they said to my husband that they don't believe "brown skin girl who look like up country girl like me will have such high background". My husband came back home and investigate about me, he even fake himself as university in USA. and call Chulalongkorn University to check if I held degree there, he also call GM and Sumsung Electronic, 2 company that I ever work and every thing is the same as what I told him but he still don't know about my salary because the company told him about this since privacy. Some day he came to me and asking me about that, I show him my payslip that I keep for whole 4 year of my working history. Then he told me about the story why he suspicious about me. I am so pissed off about that and I am not socialized with these people anymore. But because of her story might be benefit to the public, so I want to tell everybody here. I hope is benefit everybody and make you (especially I believe Isarn girl who married with farang for money and sent money home like crazy) thinking about it. Because of this girl have rich husband, her husband give her $2000 salary just for allowance and purchase her plane ticket round trip plus pockent money to go back Thailand. She going back Thailand 4 time/years. She has high life like madam of any Thai women (except me) dream to have. Her husband want her to go back to school to study short course 3 week to become real estate agent because he sick and tried to gave his commission to other people, he want to make her get that money. He purchase land and subdivide and sold it and make a lot of money, every time he sell land, he must have realtor. That girl postpone school every time her husband ask her to go because she is too lazy or too comfortable with her allowance every month. 6 months later, she call my husband on her cell phone and ask if she can come stay with us because her husband kick her out from his mansion and she doesn't know what to do. I might be blackheart but I told my husband that I love myspace and I am uncomfortable about that. My husband respect me, I don't know why hopefully not because I help him pay the mortgate. He said no to her and introduce her to other Thai people who can help her. And sure enough, she hire lawyer to sue her husband for divorce and ask for a lot of money (I don't know how much). Arizona is community property state, that mean any money of husband/wife (depence on who earn more) got during marrirage must divide by 2. Her husband is so rich and lucky her that they don't have prenup (premarrirage agreement). He making a lot of capital gain during married to her for 2 years. But because of her never seriously or intentionally or act like husband and wife with him (never contribute to marrirage). So, judge only reward her with alimony (money allowance monthly) for $1,000 for 12 month only. She is so pissed off and have to working in Asian message place (dirty message or semi-prostitute) where locate close to Air Force base try to catch new husband. I forget to tell everybody also that this girl is came from Isarn (Udon) but she has BA. from Bangkok, in the beginning she make me feel like I am piece of dirt because she always ask me how much I support my mom in Thailand? How much my husband give me allowance? Where is my wedding ring? and How much my sinsord in Thailand (her is 1,000,000)? Where is my wedding photo? Here is the fact about me. My husband never pay sinsord any penny to my parent I don't have wedding ring I never had marry ceremony because my husband postpond (he told me no money) until 4 years go by, we still never had wedding ceremony (doesn't USA. or Thailand). My parents never ask me for any money and when I gave them, they never spend it and I only send them 5000 B./month only. I am a Practical Nurse and I work 6 days/week 72 hrs/week and I am making over $100,000/years last year (on tax return that only my income). Half of those income 37% go to Federal government, 3% go to state government, 7.5% go to social security funding, 7% go to 401K funding, so I gave it back to government 54.5%, I only have 45.5% back to my pocket. I am now working only 1 days/week because I decide to go back to school to get higher degree for my future. Who know what happen to me in the future? When I first came here, I went to temple and socialize a lot because of I don't have nothing to do, and I know a lot of Thai girl here who marry with farang, they all come from Isarn and they talked big to me and make me felt I am a piece of dirt who so stupid to married with farang and never get any money from farang. Look at them, they build new big house for their parents and sent money more than 20,000 B./month back home. But in actually their husband (of those Thai girl) is just mimimum wage worker or sergeant in millitary, they have so many debt to make make that money to satisfied their wife. And Those guy have the same problem that their wife is lazy, they sent them to school and drop out and their wife never want to work. Just sit on their ass and sent money home. จากคุณ : Angkana - [ 12 ต.ค. 50 09:35:12 A:72.223.88.30 X: ]

ความคิดเห็นที่ 30 This why I am so shame to told everybody that I am Thai because a lot of people here (who ever married to Asian). They talked bad about Thai women about only sent money home and be lazy ass bump. จากคุณ : Angkana - [ 12 ต.ค. 50 09:38:50 A:72.223.88.30 X: ]

ความคิดเห็นที่ 31 ว้าว คุณ Angkana พูดได้ถูกใจมากค่ะ ต้องเอาไปเป็นตัวอย่างบ้างแล้วที่ขยัน และก็มุ่งมั่น ตอนนี้ก็มีปัญหาเหมือนเจ้าของกระทู้ค่ะ คิดไม่ตก พอได้อ่านกระทู้นี้แล้ว รู้สึกว่าไม่ได้มีแค่เราคนเดียวที่เจออย่างนี้ ยังไงก็ขอให้เจ้าของกระทู้สู้ๆ นะคะ ^_^ จากคุณ : som (Somo2527) - [ 13 ต.ค. 50 17:51:01 ]

ความคิดเห็นที่ 32 Two thumbs up for khun Angkana ka. จากคุณ : caffe latte - [ 17 ต.ค. 50 09:11:50 ]

ความคิดเห็นที่ 33 เราคิดว่าเธอคงไม่กล้าบอกตรงๆ ก็ลองไม่ส่งเงินไปดูสิ สักเดือน แล้วเขาโทรมา ก็บอกว่า โทษทีค่ะ เมื่อเดือนที่แล้วหนูไม่ค่อยสบาย เลยไปทำงานไม่ได้ โดนเจ้านายโขกสับอย่างไร ฮิฮิ แล้วลองสังเกตว่าเขาพูดว่าอะไร ถ้าเขาพูดด้วยความห่วงใย เราก็คิดว่าเธอคงพอใจที่จะให้เขาต่อไป แล้วก็บอกเขาว่าเท่าไรเธอสามารถส่งเขาได้ ก็แล้วแต่เธอนะ อันนี้แค่ความคิดเห็นนะ จากคุณ : เมย์ - [ 30 ต.ค. 50 01:51:27 A:76.115.48.128 X: ]

ความคิดเห็นที่ 35 K. Farang wife, You are not nice na that delete my topic #34 that I post. My purpose that want to share good experience to other Thai women, I am sure that my experience will make a lot of Thai women in this site realize a lot of things that they should to know. I am congratulation on you na that you married to your present husband, hold him tight because you never find anybody better than that anymore. You make me think you might be one of those girls that American label us "Asian gold digger". Good luck to you and I hope you will not end up in "Asian Massage" จากคุณ : Your far away friend - [ 2 พ.ย. 50 11:06:12 A:72.223.90.14 X: ]

ความคิดเห็นที่ 36 หวัดดีค่ะ อ่านโพสของ คุณ Angana แล้วโดนใจจังเลย เลยอยากแชร์ชีวิตเราบ้าง ตอนนี้เรามาอยู่ที่นี่ได้ประมาณ 6 เดือนแล้ว ก่อนมาที่นี่ก็ทำงาน เป็นผู้จัดการบริษัท เงินเดือนหนึ่งแสนบาทต่อเดือน ใช้ชีวิตแสนสบาย ส่งเงินให้พ่อแม่เดือนละ 13,000 จนมาพบกับสามีปลายปี 49 (เราอายุ 30 สามีอายุ 50) แต่งงานกันกลางปีที่แล้ว สินสอด 400,000 เรากับสามีออกกันคนละครึ่ง สามีบอกเราว่าเค้ามีกิจการส่วนตัว ตอนที่เรายังไม่ได้มาอยู่ที่นี่ เราโทรหากันทุกวันวันละ 2 ครั้ง เดือน ๆ นึงค่าของเราโทรศัพท์เกือบ 20,000 ส่วนสามีก็ประมาณ 2 เท่า เค้ารบเร้าให้เราย้ายมาอยู่กับเค้า จะได้ไม่ทะเลาะกัน ไม่เปลืองค่าโทรศัพท์ด้วย (เค้าค่อนข้างขี้หึง ทุกครั้งที่เค้าโทรมาแล้วเรารับสายไม่ได้,ประชุมกับลูกค้า,ดูทีวี,อาบน้ำ ก็จะทะเลาะกันทุกครั้ง รุนแรงขึ้นทุกวัน) อีกทั้งเขียนมาเล่าให้ฟังว่าธุรกิจไปได้สวย รายรับเดือนละหลายแสน ล่าสุด(ก่อนเราตัดสินใจ)รู้สึกจะบอกเราว่าเดือนนั้นได้ประมาณแปดแสนบาท ไอ้เราก็ทำงานเหนื่อย แต่งงานแล้วก็ไม่ได้อยู่ด้วยกัน แถมโทรคุยกันก็ทะเลาะกันแทบทุกวัน แม่เราก็เป็นห่วงกลัวจะเลิกกัน อีกอย่างแม่เราก็แก่แล้วแกอยากอุ้มหลาน เราก็ได้คิดว่าแต่งแล้วไม่อยู่ด้วยกันจะแต่งทำไม อีกทั้งสามีเราก็รับรองแข็งขันว่าดูแลเราได้ แล้วเราก็ย้ำกับเค้าว่า ถึงแม้เราจะย้ายไปอยู่กับเค้า แต่เราก็ต้องส่งเงินให้พ่อแม่เราเหมือนเดิมนะ เค้าก็บอกไม่มีปัญหา ครอบครัวคุณก็เหมือนครอบครัวเค้า เราก็เลยตัดสินใจขายทุกอย่าง (รถ,เครื่องใช้ทุกชิ้น), ทิ้งเงินเดือนแสน ทิ้งงานที่เรารัก ทิ้งครอบครัว บินมาอยู่กับเค้าที่นี่ โดยคิดว่าทุกอย่างเป็นไปตามที่คิดไว้ หลังจากมาอยู่ได้ประมาณ 2 เดือน ประจำเดือนมาช้า ไอ้เราก็ดีใจว่าคงจะท้องแน่เลย ดีใจได้ไม่นาน 5 วันให้หลังประจำเดือนมา ผิดหวังอย่างแรง อยู่มาวันนึงนอนคุยกับสามีเรื่องลูก อยู่ ๆ ที่รักของเราก็บอกเราว่ามีเรื่องนึงอยากสารภาพ คิดว่าเราอาจไม่ให้อภัยเค้า เราก็บอกเค้าว่ามาถึงขนาดนี้แล้วไม่มีอะไรที่เราอภัยให้เค้าไม่ได้หรอก แล้วเค้าก็บอกเราว่า เค้ามีลูกไม่ได้ เค้าทำหมันถาวรแล้วหลายปีก่อน...... อึ้ง! ค่ะ จุกไปเลย เราอยากมีลูก เคยคุยกันก่อนแต่งงานด้วยว่าเราอยากมีลูกสาว เค้าก็เห็นด้วยว่าเค้าอยากได้ลูกสาวเหมือนกัน มาได้ยินแบบนี้ เหวอไปเลย พูดไม่ออก น้ำตาตกเลย ถึงตอนนี้เราก็ยังไม่ได้บอกใครเลย เศร้าไปหลายอาทิตย์ กว่าจะทำใจไม่ให้คิดเรื่องลูก กับเรื่องเหมือนกับโดนหลอก อีกเรื่องนึงคือเรื่องส่งเงินไปให้แม่ที่เมืองไทย เราก็ยังส่งทุกเดือนเหมือนเดิม เหมือนเดิมทุกอย่างเพราะส่งออกจากบัญชีเงินเก็บเรา เวลาเราโทรกลับบ้านแม่กับน้องก็จะถามว่า ท้องรึยัง สามีให้เงินเดือนรึเปล่า อยู่บ้านเฉย ๆ เบื่อมั้ย ไอ้เราก็อ้ำๆ อึ้งๆ ตอบไปว่ายังไม่ท้อง (บอกไม่ได้ว่าท้องไม่ได้) เรื่องเงินก็เหมือนกัน โดนถามทีไร เราก็เฉไปเรื่องอื่น พอเข้าเดือนที่ 4 ที่รักเราก็บอกเราว่ารายได้กับรายจ่ายเริ่มไม่ลงตัว เราได้work permit เมื่อไร คงให้เราหางานทำ จะได้ช่วยครอบครัวให้ดีขึ้น แต่เค้าบอกว่าไม่อยากให้เราไปทำงานไกล ๆ น่าจะดูงาน part time อย่าง พนักงานเสิร์ฟในร้านอาหาร อะไรทำนองนี้ ไม่อยากให้เราทำงานเป็นจริงเป็นจังเหมือนเมืองไทย เพราะคงให้เราช่วยไม่นาน (น่าจะไม่เกินปีนึง) มาถึงตรงนี้ก็ อึ้งอีกรอบ เราทำงานเป็นผู้จัดการบริษัท ทิ้งเงินเดือนแสนมาจะให้เรามาเสิร์ฟอาหารอยู่ที่นี่!!!! ปรากฏว่าเฉลี่ยแล้วรายได้สามีเราต่อปี น้อยกว่ารายได้เราที่เมืองไทยอีก แถมมีหนี้ประมาณ 8 ล้านบาท ต่อเดือนมีทั้งค่าบ้าน ค่าบัตรเครดิต ค่าstudent loan (เรื่องหนี้เนี่ยะ เราเพิ่งรู้วันนี้แหละ จุกไปอีกรอบ) ตอนนี้เรากำลังคิดหาทางอยู่ว่า ได้work permit แล้วเราจะหางานอะไรทำดี ยังไงขอกำลังใจจากเพื่อนคนไทยด้วยกันหน่อยนะคะ จากคุณ : กัดก้อนเกลือกิน - [ 3 พ.ย. 50 14:05:43 A:24.113.88.28 X: ]

ความคิดเห็นที่ 37 เข้ามาให้กำลังใจคุณ "กัดก้อนเกลือกิน" ค่ะ เหมือนกับโดนหลอกจริงๆนะคะ ทั้งเรื่องของคุณ "Angkana" ด้วยค่ะ อ่านแล้วอึ้งเลย ขอให้คุณ "กัดก้อนเกลือกิน"หาืทางออกที่ดีกับชีวิตได้นะคะ ถ้าทางบ้านไม่ได้เดือดร้อนมาก หยุดส่งเงินให้ทางบ้านก่อนดีไหมคะ หางานทำให้ได้ก่อนดีกว่าค่ะ รอให้ได้งานได้ซิติเซ็นก่อน ถ้ายังอยากมีลูก มีครอบครัว ก็อาจจะต้องแยกทางกับสามีึคนนี้ เำพราะเขาไม่จริงใจกับคุณ ไม่บอกความจริงกับคุณ แต่ถ้าเขาเป็นคนดีและรักคุณมาก คิดว่าเขาทำไปเพราะรักคุณมาก และคุณยังอยากใช้ชีวิตคู่กับเขาอยู่ ทางออกอื่น เช่้น ใช้วิทยาการแพทย์ในการตั้งครรภ์ การแก้หมัน การผสมเทียมโดยใช้การเจาะถุงอัณฑะเพื่อเอาอสุจิจากสามี มีื่ทางเป็นไปได้ค่ะ เมืองไทยก็ทำได้นะคะ พาสามีมาทำที่เมืองไทย ค่าใช้จ่ายจะถูกกว่าที่อเมริกาค่ะ ขอเป็นกำลังใจให้คุณนะคะ สู้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ จากคุณ : สมศรี - [ 10 พ.ย. 50 02:22:13 A:82.208.11.3 X: TicketID:128994 ]

ความคิดเห็นที่ 38 คุณ กัดก้อนเกลือกิน อังคณาคะ น่าเห็นใจคุณมากเลยคะ ตัวดิฉันเองตอนมาใหม่ ๆ ก็นอนร้องไห้ทุกวันละคะ เพราะว่าจากเดิมที่อยู่เมืองไทย เงินเดือนหลายหมื่น มีลูกน้องสองสามคน เดินทางไปต่างประเทศเป็นว่าเล่น แต่พอแต่งงานชีวิตก็เปลี่ยนไป สามีดิฉันก็หลอกดิฉันเหมือนกันตอนที่มาใหม่ ๆ เขาหลอกว่าหย่าขาดจากเมียมาหลายปีแล้ว แต่ว่าเขาขอร้องให้มา วีซ่านักเรียน ซึ่งดิฉันก็ออกค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด เขาบอกว่า ถ้าหากว่ามันไม่เวอร์กระหว่างเรา ดิฉันจะได้กลับบ้านได้โดยไม่มีประวัติด่างพร้อย แต่พอมาถึงที่นี่ถึงได้รู้คะว่าเขาเพิ่งหย่าเมียคนที่เป็นคนเกาหลี เขาแยกกันอยู่มาหลายปีแล้วแต่เมียไม่ยอมหย่าให้เพราะว่าอยากได้มากกว่า 50 เปอร์เซ็น ทราบทีหลังว่าสามียอมหมดตัวถึงขนาด ยอมให้เมียเก่า 70 เปอร์เซ็นเพื่อที่จะยอมหย่ากับเขา อีกทั้งได้รับรู้อะไรหลายอย่างเกี่ยวกับตัวเขาดิฉันก็ให้อภัยคะ ตอนแต่งงานกันใหม่ ๆ ลำบากมากเลยคะ เราทั้งสองคนเป็นหนี้เยอะแยะ ดิฉันเองก็กู้เงินเรียนหน้งสือและทำงานไปด้วย สามีก็กลับไปเรียนเพื่อที่จะเป็นทนายความ จนทุกวันนี้ ดิฉันเรียนจบ สามีเรียนจบ เราทั้งสองคนมีรายได้ที่ดีมาก แต่เราก็ไม่เคยคิดจะ กลับไปแต่งงานที่เมืองไทยเลย เงินหายากคะ เก็บไว้ใช้ยามแก่ดีที่สุดคะ ตอนเราแต่งงานกันก็ 25 usd เองคะ เป็นค่าจดทะเบียน คุณควรจะกลับไปเรียนหนังสือนะคะ เลือกเรียนสาขาที่จบมาทำงานได้ หรือว่า เป็น Vocational program like hair cut, costmotologist, nail tech, etc เชื่อเถอะคะว่าดีกว่ารอให้เขาเลี้ยง ยังไงขอให้โชคดีนะคะ จากคุณ : อังคณา - [ วันลอยกระทง 07:39:22 A:72.223.92.29 X: ]