ความคิดเห็นที่ 1   ในปท.ร่ำรวย ที่ประชาชนกินดีอยู่ดี มีรายได้ที่ดี ไม่ถูกกดขี่เรื่องค่าจ้าง มีสวัสดิการดี ถือเป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด เป็นเรื่องที่ชาวโลกเขาทำกันมานานหลายสิบปีแล้ว แต่อาจจะมาได้รับความนิยมมากขึ้นในระยะ 10 กว่าปีให้หลัง เพราะผู้คนเดินทางกันเป็นว่าเล่น สายการบินก็เกิดขึ้นมาก แข่งขันกันมากมาย การไปท่องเที่ยวในสมัยนี้ไม่ต้องรอให้แก่ ไม่ต้องรอเก็บเงินไว้เที่ยวตอนเกษียน (ซึ่งเราว่าสายเกินไป เพราะอาจจะตายก่อนได้ใช้เงิน และ การเที่ยวตอนที่คนเรามีอายุมากนั้น ไม่สนุกด้วยสาเหตุหลายประการ ทั้งทางสุขภาพร่างกาย กำลังวังชา) การไปเที่ยวต่างประเทศถือเป็นการออกไปเปิดหู เปิดตา ไปเรียนรู้โลกกว้าง ศิลปะ วัฒนธรรม ที่แตกต่าง ไปรับประทานอาหารแปลกๆ ไปเรียนรู้ภาษาอื่น ไปศึกษาประวัติศาสตร์ ไปดูสถาปัตยกรรม ไปพบปะผู้คนต่างชาติต่างภาษา ขอยกตัวอย่างที่อังกฤษเด็กๆ ที่จบชั้นมัธยมส่วนใหญ่ นิยมออกท่องเที่ยวเป็นเวลา 1 ปี ก่อนเข้ามหาวิทยาลัย เรียกว่า การ Take Gap Year ในยุโรป เด็กๆ วัยรุ่นเขาก็เที่ยวประเทศอื่นๆ กันเอง หรือ ไปทัศนะศึกษาที่ประเทศใกล้เคียง เป็นเรื่องปกติ เนื่องด้วยสภาพภูมิศาสตร์ ทีหลายปท. มีอาณาเขตติดต่อกัน และ การคมนาคมก็สะดวกสบาย ส่วนพวกอิสราเอล คนหนุ่มสาวนิยมออกท่องโลก เมื่อปลดประจำการจากการเป็นทหาร เส้นทางยอดนิยมของคนเหล่านี้คือ ออกจากปท.ของตัวเอง แล้วมาอินเดีย จากอินเดีย มาไทย แล้ว เที่ยว ลาว เที่ยวเขมร จากนั้นก็ไป ออสเตรเลีย และ กลับบ้านทางอเมริกา อย่างนี้เป็นต้น เงินที่เอามาเที่ยว ส่วนใหญ่ก็ได้มาจากการทำงาน part-time สำหรับคนไทยที่เที่ยวแบบนี้ก็มีอยู่บ้าง แต่ด้วยข้อจำกัดหลายประการ หลายสาเหตุ หลายปัจจัย เช่น ค่าของเงินบาท รายได้ของครอบครัว หรือ การทำงาน part-time ที่ไม่ได้ค่าจ้างมากมาย หรือ บางครอบครัวที่มีฐานะแต่ไม่สนับสนุน และ ไม่เข้าใจ ถึงการท่องเที่ยวแบบนี้ เห็นว่าเป็นเรื่องไร้สาระ และ การที่เด็กไทยส่วนใหญ่ (เน้นว่าส่วนใหญ่นะ เพราะส่วนน้อยนั้นก็มีอยู่ในสังคมไทยอยู่บ้าง)  ขาดความมั่นใจในตัวเอง และ ต้องพึ่งครอบครัวในทุกๆ เรื่อง ก็ทำให้การท่องเที่ยวแบบนี้ไม่เป็นที่นิยม ส่วนเด็กไทยที่ฐานะทางบ้านดีส่วนหนึ่งก็จะนิยมไป แบบที่ไปเรียนภาษา ประเภท Summer Course มากกว่า หรือ พวกเด็กโรงเรียนอินเตอร์ฯ ที่โรงเรียนจัดไปทัศนะศึกษานอกประเทศ ส่วนใหญ่คนไทยที่มีกำลัง ทั้งทางข้อมูล ทางการเงิน และ ความมุ่งมั่น ที่จะออกไปเที่ยวแบบนี้ มักจะเป็นคนในวัยทำงาน ที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่ก็ยังมีข้อจำกัดอยู่อีกคือ คนไทยที่เมืองไทยนั้น มีวันหยุด มีวันลาน้อยมาก และ ลาบ่อยๆ ลาติดๆ กันนานก็ไม่ได้ เรื่องการที่ต้องขอวีซ่า เพื่อเข้าไปยังหลายๆ ประเทศก็เป็นอุปสรรคหนึ่ง ในการไปเที่ยวเปิดหูเปิดตาใน ตปท. ของคนไทยทั่วไปค่ะ วิเคราะห์ วิจารณ์ จากมุมมองส่วนตัว ว่าไปตามที่ประสบพบเห็นมาค่ะ   จากคุณ : Siamese Girl - [ 14 ต.ค. 50 16:13:50 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ความคิดเห็นของคุณ siammese girl เป็นความคิดที่ดีเยี่ยมมากครับ ผมเห็นด้วยกะคุณทุกประการ และผมก็เป็นคนหนึ่งที่มีนิสัยชอบท่องเทียวมาตั้งแต่เด็ก เริ่มจากเมืองไทยก่อน อยู่มาทุกภาคของประเทศไทยแล้ว เริ่มจากบ้านอยู่เหนือ ไปเรียนมหาลัยภาคอีสาน เรียนไปเทียวไป จบแล้วมาเรียน กทม และย้ายไปทำงานภาคใต้ เกือบทุกจังหวัดไปหมดแล้ว เมืองไทยมีความแตกต่างกันทางสังคม วัฒนธรรมในแต่ละภูมิภาค ได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างจน กระทั้งวันนี่มาอยู่ออสเตรเลีย ก็มาเรียนพร้อมกับเทียวด้วย ได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างจากเพื่อนต่างชาติและสภาพแวดล้อมที่นี่ ทำให้เรามีมุ่มมองที่หลากหลายขึ้น สำหรับคนไทยที่ฐานะทางเศรษฐกิจดีที่เรียนอยู่ออสก็เยอะ บางคนมาเรียนเพื่ออยากได้ความรู้ บางคนมาเรียนเพราะเพื่อนมาเรียน แต่บางคนมาเพราะหาที่เรียนเมืองไทยไม่ได้ หรือบางคนมาเรียนเพราะพ่อแม่ให้มา เหตุผลต่างกันไป แต่ทั้งนี่ทุกคนต้องมีเงินถึงมาเรียนได้เพราะค่าใช้จ่ายแพงมาก ไม่เหมือนกับนักเรียนชาติอื่นเขาอยู่กันสภาพค่าครองชีพที่ออสกะบ้านเขาไม่แตกต่างกัน จากคุณ : แนน - [ 14 ต.ค. 50 17:23:23 A:203.158.50.176 X: ]

ความคิดเห็นที่ 3 มองไปรอบตัว ก็ เยอะมากนะ  หมายถึงในกทมนะ  (แต่ในนั้นก็รวมว่า เค้าเป็นคนต่างจังหวัด ที่อยู่ใน กทม กันเยอะด้วย) จากคุณ : Adore - [ 14 ต.ค. 50 17:45:59 ]

ความคิดเห็นที่ 4 You should never compare Thais with people from countries mentioned above..... It is comparatively easy for people from those countries to get a visa. จากคุณ : genf - [ 14 ต.ค. 50 17:49:59 ]

ความคิดเห็นที่ 5 คาดผิดถนัด ว่าผู้ให้ความเห็นที่ 1 เป็นของท่านผู้นี้ ขอคารวะและเห็นด้วยรัอยเปอร์เซ็นต์เหมือนกัน ผมขอย้ำที่ว่า " การที่เด็กไทยส่วนใหญ่ (เน้นว่าส่วนใหญ่นะ เพราะส่วนน้อยนั้นก็มีอยู่ในสังคมไทยอยู่บ้าง) ขาดความมั่นใจในตัวเอง และ ต้องพึ่งครอบครัวในทุกๆ เรื่อง ก็ทำให้การท่องเที่ยวแบบนี้ไม่เป็นที่นิยม" และด้วยเหตุนี้เอง ที่พ่อแม่มักจะเข้ามามีอิทธิพลในชีวิตครอบครัวของลูกมาก บางครั้งมากจนเกินไป จนถึงเข้าขั้นจุ้นจ้านแทรกแซงก็มี จึงมักจะมีปัญหาเขยหรือสะใภ้ตามมา จากคุณ : อิสวาสุ - [ 14 ต.ค. 50 17:53:36 A:71.114.49.48 X: TicketID:146114 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ขอให้ข้อคิดเห็นเพิ่มเติมจากพี่ SMG ในคห. 1 และคุณอิสวาสุในคห. 5 ด้วยค่ะ... การที่เด็กไทยส่วนใหญ่ (เน้นว่าส่วนใหญ่นะ เพราะส่วนน้อยนั้นก็มีอยู่ในสังคมไทยอยู่บ้าง) ขาดความมั่นใจในตัวเอง และ ต้องพึ่งครอบครัวในทุกๆ เรื่อง ก็ทำให้การท่องเที่ยวแบบนี้ไม่เป็นที่นิยม >>> สไตล์การเลี้ยงดูลูกของครอบครัวไทยก็เป็นเหตุผลหนึ่ง บางครอบครัวลูกโต 25-26 แล้วก็ไม่ให้ไปไหนไกล อยู่ในสายตาตลอด แค่ไปเที่ยวกลางคืนก็โทรตามแล้ว ไปต่างจังหวัดยังต้องขออนุญาตก่อนเลย ต่างกับครอบครัวชาวตะวันตกและเอเชียบางประเทศที่ให้อิสระแก่ลูกได้เรียนรู้โลกกว้าง และเก็บเกี่ยวประสบการณ์ด้วยตัวเอง  เด็กตะวันตกจึงโตเร็วและมีความรับผิดชอบ ดูแลตัวเองได้มากกว่าคนไทย  ส่วนตัวแล้วคิดว่าประเทศเอเชียที่เจริญเร็วอย่างญี่ปุ่นและเกาหลีก็เริ่มเปลี่ยนสไตล์การเลี้ยงดูลูกกันบ้างแล้ว สังเกตจากกลุ่มวัยรุ่นญี่ปุ่นและเกาหลีที่เข้ามาเที่ยวที่บ้านเราเยอะขึ้นมากทีเดียว อย่างไปสมุย หรือกระบี่ นอกจากจะเห็นวัยรุ่นฝรั่งแล้ววัยรุ่นญี่ปุ่นกับเกาหลีก็มากเช่นกัน จากคุณ : Damien Thorn - [ 14 ต.ค. 50 19:28:34 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ขอออกความเห็นเรืองงานพิเศษแล้วกันนะครับ  บางทีการหารายได้พิะเศษระหว่างเรียนมันไม่พอใช้จ่าย กับชีวิตประจำวัน+ รายได้ที่ได้จากครอบครัวมันก็ไม่มากพอจะทำได้แบบรวดเร็วเก็บกันนานหลายสิบปี ก็ยังเป็นเงินก้อนเล็กๆ โอกาสทางการศึกษาที่ถ้าไม่ขอทุนไปเรียนนี่ มันก็น้อยมากที่จะได้ไปกัน ทำได้อย่างมากก็แค่ท่องเที่ยวช่วงวันหยุดเบาๆ เลยเป็นเรืองที่ยากที่จะได้ไปใช้ชีวิต+เรียนในต่างประเทศ จากคุณ : yjam - [ 14 ต.ค. 50 19:45:37 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เห็นด้วยกับคุณ siammese girl อย่างยิ่งครับ และขอแสดงความเห็นเสริมของคุณDamien Thorn ที่ว่า บางครอบครัวลูกโต 25-26 แล้วก็ไม่ให้ไปไหนไกล อยู่ในสายตาตลอด แค่ไปเที่ยวกลางคืนก็โทรตามแล้ว ไปต่างจังหวัดยังต้องขออนุญาตก่อนเลย ......................................... อยากจะบอกว่าเราก็เป็น  เพราะที่นี้คือประเทศไทย เราจึงห่วงลูก แต่เวลาลูกไปเรียนต่อก็ให้เขาเดินทางไปคนเดียวโดยอาศัยข้อมูลที่ได้การช่วยเหลือจากพวกเราชาวPantip   เราไม่เคยกังวลเลยในการที่ลูกอยู่ที่นั้น  เราแค่โทรคุยกันก่อนเข้านอนทุกวันว่าในแต่ละวันเขาได้ทำอะไรบ้างแค่นั้นเอง จากคุณ : chauve-souris - [ 14 ต.ค. 50 20:45:57 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เห็นด้วยคะ แต่ก็เห็นด้วยกับคุณ chauve-souris ด้วย ตัวเราเป็นฝ่าย "ลูก" ค่ะ และยังถูกแม่โทรตามทุกวันทั้งที่อายุจะ 30 แล้วอยู่ค่ะ  แต่ก็เข้าใจคุณแม่ที่จำเป็นต้องทำแบบนี้ เพราะสังคมเมืองไทย "อันตราย" ค่ะ ในรอบด้านๆ การที่เราป้องกันโดยการตรวจสอบลูกว่ายังอยู่ดีไหม หรือว่าเตือนให้กลับบ้านเร็ว ก็เป็นการป้องกันอันตรายอย่างหนึ่งคะ คดีฆ่าข่มขืน ชิงทรัพย์ มอมยา มอมเหล้า มันมีให้เห็นทุกวันและมีแต่จะเพิ่มขึ้น  ไม่ใช่จะบอกว่าเราปล่อยให้ลูกทำอะไรได้ตามใจ ลูกหายไปตีสองตีสามก็ยังไม่ตาม มาเจอเป็นศพไปแล้วตอนเช้าจะให้ทำไงละค่ะ ถ้าเรามีลูกสาวเราก็คงทำแบบคุณแม่เหมือนกันค่ะ เมืองไทยไม่ใช่อเมริกา ที่เดินตอนตีสองก็ยังปลอดภัยกว่าเมืองไทยนะคะ ตอนเราอยู่ตปท. เราก็สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้เอง ทำอะไรได้เองทุกอย่าง คุณแม่ก็แค่โทรถามสองสามวันครั้งว่าเป็นไงแล้ว  การที่คุณแม่คอยห่วงคอยตามเราตลอดเวลา ไม่มีปัญหากับการที่เราจะใช้ชีวิตด้วยตนเองคะ ส่วนเรื่องออกเดินทางท่องเที่ยวคนเดียว...อันนี้นอกจากว่าจะมีสาเหตุตามที่ข้างขนกล่าวมาเช่น เรื่องเงิน เด็กไม่กล้าตัดสินใจอะไรก็ตามแต่  แต่เราก็เห็นว่ามีเด็กส่วนหนึ่งที่ไม่คิดจะทำแบบนั้น ทำนองออกเดินทางท่องเที่ยวกันเอง หรือออกเิดินทางไปเรียนตปท.กันเป็นเรื่องธรรมดาเหมือนพวกเด็กญี่ปุ่นอะไรพวกนั้น..เพราะเหตุผลเรื่องการงานด้วย สำหรับเราการไปเรียนต่างประเทศ คือ "สิ่งจำเป็น" เพื่ออนาคตการงานที่ดีกว่า ไม่ใช่ด้วยเหตุผลว่า "อยากดูโลกทำนอง 1 year gap" อะไรแบบนั้น โดยการมาเรียนตปท.ของเราและเพื่อนหลายคน เป็นลักษณะ "รีบทำและจำเป็นต้องทำและรีบกลับเมืองไทย" ด้วยอนาคตบังคับมากกว่า ไม่ใช่เพราะแค่อยากได้ภาษา อยากเที่ยว อยากพัก  ...และไม่เกี่ยวกับเรื่องความมั่นใจหรือไม่มั่นใจการพึ่งพาตนเอง  ออกจะเข้าลักษณะ "เมื่อมันต้องทำก็ต้องทำมากกว่าคะ" ส่วนการท่องเที่ยว เปิดหูเปิดตานั้น ขอเป็นเมื่อมีเวลาว่างจากภาระการศึกษา และการตามหาอนาคตของตนจนเป็นที่พอใจแล้ว  ถ้าจะมีเวลาว่างท่องเีที่ยวซักอาทิตย์ต่อปี ก็พอแล้วสำหรับเรา ถ้าจะให้ไปเที่ยวเป็นปีๆ นี่เห็นว่าไม่จำเป็นคะ แก้ไขเมื่อ 14 ต.ค. 50 21:45:04 แก้ไขเมื่อ 14 ต.ค. 50 21:42:03 แก้ไขเมื่อ 14 ต.ค. 50 21:37:39 จากคุณ : Volksrecht - [ 14 ต.ค. 50 21:31:39 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เอ ผมกับครอบครัวอยู่อเมริกา แต่ไปไหนมาไหนทุกคนในครอบครัวต้องรายงานตัวเหมือนกันนะครับ คุณ : Volksrecht ที่คุณว่า "เมืองไทยไม่ใช่อเมริกา ที่เดินตอนตีสองก็ยังปลอดภัยกว่าเมืองไทยนะคะ" อย่าพูดเป็นเล่นไปนะครับ มันขึ้นกับว่าคุณไปอยู่แถวไหน มากกว่าแน่นอน ลองไปเดินบางแห่งในวอชิงตัน ดีซี หรือ ดาวน์ทาวน์ ฮูสตัน แล้วคุณจะรู้สึกว่าโลกนี้ มันช่างน่าหวาดเสียวเสียเหลือเกิน จากคุณ : อิสวาสุ - [ 14 ต.ค. 50 21:59:59 A:71.114.49.48 X: TicketID:146114 ]

ความคิดเห็นที่ 11  "ลูกหายไปตีสองตีสามก็ยังไม่ตาม มาเจอเป็นศพไปแล้วตอนเช้าจะให้ทำไงละค่ะ" ^^ ^^ ก็แจ้งอำเภอให้ออกใบมรณะบัตร ไปปากคลองตลาดสั่งดอกไม้สวยๆ จองศาลาวัด นิมนต์พระ 4 รูป ติดต่อร้านข้าวต้ม จัดงานศพค่ะ คนเราตายกันได้ทุกเวลา เมื่อถึงคราวไปก็ต้องไป   ++++++++++++++++++++++++++++++++++  "เมืองไทยไม่ใช่อเมริกา ที่เดินตอนตีสองก็ยังปลอดภัยกว่าเมืองไทยนะคะ" ^^ ^^ ตึก Twin Towers ที่นิวยอร์ค โดนถล่มเมื่อเวลาประมาณ 8 โมงเช้า ไม่มีที่ไหน เวลาไหน ในโลก ที่จะปลอดภัย แม้แต่ในบ้านของตนเอง   +++++++++++++++++++++++++++++++++++ สลากกินแบ่งรัฐบาลนายพลตานฉ่วย (ล๊อตเตอรี่พม่า)   จากคุณ : Siamese Girl - [ 14 ต.ค. 50 23:34:38 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ญี่ปุ่น เด็กเค้า ทำงานได้ตังเยอะครับ ขยันหน่อยก็เดือน ละสามหมื่นกว่าบาท แล้วจะเที่ยวในญี่ปุ่นก็ แพงกว่า เที่ยวต่างประเทศ ครับ แต่จริงๆ แล้วก็ไม่ช่ายเด็กส่วนใหญ่ที่เที่ยวต่างประเทศนะครับ ก็ยังจัดว่าน้อยนะ แต่มากกว่าไทยแน่นอนครับ เพราะ ขนานโรงเรียนก็พาไปทัศนศึกษาต่างประเทศแล้ว ครับ ก็จากเหตุผลเดิมอีกครับ คือ ทัศนศึกษาในประเทศ ก็แพง เหมือนกัน เลยอาจทำให้เด็กญี่ปุ่นเคยชินกับการไปต่างประเทศ ก็ได้นะ ความคิดผมอาจจะไม่ถูกนะครับ ต้องขออถัยด้วยครับ จากคุณ : สิงโตทะเลทราย - [ 14 ต.ค. 50 23:58:13 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เก็บสตางค์ไว้ซื้อบ้านแล้วเก็บค่าเช่าดีกว่าครับ 555+ จากคุณ : praphrut608 - [ 15 ต.ค. 50 01:10:11 ]

ความคิดเห็นที่ 14 คนเรียนเมืองนอกไม่จำเป็นต้องรวยทุกคน เห็นเด็กไทยเยอะๆมาทุนทั้งนั้น ทุนน่ะเยอะมากแม้แต่ในเมืองไทยเอง (ในบางสาขา) แต่เด็กจะมีความพยายามแค่ไหนในการหาทุนนั่นอีกเรื่องนึง บางคนอาจไม่ได้รับคำแนะนำที่ดีก็น่าเห็นใจ ถ้ามีความพยายามถามหาสักนิดไม่ยากเกินความสามารถ ที่ว่านี่สำหรับคนเรียนค่อนข้างดีนะ ถ้าไม่มีเงินแถมไม่ชอบเรียนด้วยนี่คงยาก ต้องยกให้ดวง เดี๋ยวนี้เรียนเมืองนอก (แม้แต่ทุนส่วนตัว) ก็ไม่ยากเหมือนสมัยหลายสิบปีที่แล้วรุ่นพ่อรุ่นแม่เรา ยิ่งเมืองใหญ่ๆร้านไทยเยอะๆเปิดโอกาสให้น้องๆได้ทำงานช่วยค่าเรียนคุณพ่อคุณแม่ด้วยเยอะไป แก้ไขเมื่อ 15 ต.ค. 50 10:08:15 จากคุณ : Hotlver - [ 15 ต.ค. 50 10:07:59 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เอ ผมกับครอบครัวอยู่อเมริกา แต่ไปไหนมาไหนทุกคนในครอบครัวต้องรายงานตัวเหมือนกันนะครับ คุณ : Volksrecht ที่คุณว่า "เมืองไทยไม่ใช่อเมริกา ที่เดินตอนตีสองก็ยังปลอดภัยกว่าเมืองไทยนะคะ" อย่าพูดเป็นเล่นไปนะครับ มันขึ้นกับว่าคุณไปอยู่แถวไหน มากกว่าแน่นอน ลองไปเดินบางแห่งในวอชิงตัน ดีซี หรือ ดาวน์ทาวน์ ฮูสตัน แล้วคุณจะรู้สึกว่าโลกนี้ มันช่างน่าหวาดเสียวเสียเหลือเกิน สำหรับเรา เมืองไทยอันตรายทุกมุมคะ...แต่อเมริกาอันตรายเป็นแหล่งๆไป ตัวเราอยู่นิวยอร์คปีนึง ชิคาโกปีนึง เดินกลับบ้านตีสองตีสามเป็นประจำคะ .... แต่ถ้าบอกว่าอยู่ย่านฮาเลม แล้วให้เดินกลับบ้านตีสองก็ไม่เอาเหมือนกัน  ...แต่ถ้าที่เมืองไทย สำหรับเราไม่ว่าที่ไหน จุดไหน แหล่งไหน ..อันตรายทุกที่ทุกจุดคะ แม้ว่าจะเป็นที่ที่มีคนก็อันตรายหมด ไม่ใช่เป็นแหล่งๆไปเหมือนอเมริกา แม้แต่หน้าบ้านเราที่กทม. เองเรายังระวังตัวเลย ไม่ออกไปเดินเล่นแท่ดๆ ตอนกลางคืนหน้าบ้านเหมือนกัน ก็แจ้งอำเภอให้ออกใบมรณะบัตร ไปปากคลองตลาดสั่งดอกไม้สวยๆ จองศาลาวัด นิมนต์พระ 4 รูป ติดต่อร้านข้าวต้ม จัดงานศพค่ะ คนเราตายกันได้ทุกเวลา เมื่อถึงคราวไปก็ต้องไป   --> ขอให้ไปที่ชอบๆค่ะ แต่เรา ไม่รอมานั่งจัดงานศพลูกก่อนแล้วค่อยคิดว่ารู้งี้โทรหาลูกเมื่อคืนหรอกคะ ตึก Twin Towers ที่นิวยอร์ค โดนถล่มเมื่อเวลาประมาณ 8 โมงเช้า  --> นี่มันไม่ใช่เหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกวัน และป้องกันได้นะคะ  ถ้ามันจะตายเพราะเหตุนี้ก็ต้องตายแหละคะ  แต่ถ้าจะปล่อยให้ลูกตายเพราะปล่อยลูกไม่รู้มันอยู่ไหน จนลูกถูกลากไปฆ่าะเนี่ย ก็ช่วยไม่ได้คะ สำหรับเรา...ป้องกันไว้ก่อน ไม่ว่าในที่สุดผลจะเป็นอย่างไรก็ตาม ก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย แล้วค่อยมานั่งจัดงานศพเป็นงานรวมญาติเอาทีหลัง เรานั่งร้องไห้ ญาตินั่งเฮฮาได้เจอกัน สำหรับเรา...เมืองไทยเป็นประเทศที่อันตรายมากๆเสมอมา..คนพร้อมจะทำร้ายคนอื่นโดยไม่มีสติ..ที่อเมริกาก็มี ที่ประเทศอื่นก็มี ฆ่าข่มขืนที่อเมริกาก็มี เด็กถือปืนยิงกราดใส่คนอื่นๆก็มี ถามว่าความกลับมีไม๊ตอนอยู่อเมริกา ก็ตอบได้ว่ามี...แต่กลัวน้อยกว่าอยู่เมืองไทยไม๊..ตอบได้ว่าน้อยกว่ามากเพราะเราเลือกอยู่ย่านที่ดี เว้นเสียแต่ว่า มันจะมีเวรมีกรรมให้มันต้องมีอันเป็นไปจริงๆก็ต้องเป็นไปตามนั้น....ดังนั้น อัตราเสี่ยงแล้วยังไงเราก็รู้สึกว่า เมืองไทยมันมีอัตรายตลอดเวลาอยู่ดี และในทุกที่ด้วย เราใช้ชีวิตที่เืมืองไทย ด้วยความระมัดระวังสูงกว่าตอนอยู่อเมริกาเยอะกว่ามาก ย่านที่ปลอดภัยของเมืองไทยคือที่ไหน...ตอบว่า "นึกไม่ออกค่ะ" แก้ไขเมื่อ 15 ต.ค. 50 10:32:55 จากคุณ : Volksrecht - [ 15 ต.ค. 50 10:29:53 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ขออภัย จขกท. และทุกท่าน แค่อ่าน คห. 15 แล้วงงมาก "ยังไงเราก็รู้สึกว่า เมืองไทยมันมีอัตรายตลอดเวลาอยู่ดี และในทุกที่ด้วย เราใช้ชีวิตที่เืมืองไทย ด้วยความระมัดระวังสูงกว่าตอนอยู่อเมริกาเยอะกว่ามาก ย่านที่ปลอดภัยของเมืองไทยคือที่ไหน...ตอบว่า "นึกไม่ออกค่ะ"" บ้านคุณอยู่แถวไหน? เรารู้จักผู้หญิงสาว สวย อายุสามสิบกว่า อาชีพสุจริต ไม่แต่งกายล่อแหลม และ เดินทางกลับบ้านด้วยรถสาธารณะบ้าง(เดินเข้าซอยด้วย) และรถส่วนตัวบ้าง กลับบ้านดึกก็บ่อย ชนิดเที่ยงคืน ตีสามก็มี ชีวิตเธอยังปลอดภัยดี เราแค่อยากบอกว่าเมืองไทยยังมีความปลอดภัยอยู่ หลายที่ด้วย เราแค่ไม่อยากให้คนที่อ่านเข้าใจว่าเมืองไทยน่ากลัวแบบที่คุณว่ามา-แค่นั้น จากคุณ : ขอหน่อยเถอะ - [ 15 ต.ค. 50 11:29:05 A:124.121.177.110 X: TicketID:151048 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ^^ ^^   คห. 16  "เราแค่อยากบอกว่าเมืองไทยยังมีความปลอดภัยอยู่ หลายที่ด้วย เราแค่ไม่อยากให้คนที่อ่านเข้าใจว่าเมืองไทยน่ากลัวแบบที่คุณว่ามา-แค่นั้น" ^^ ^^ เห็นด้วยกับ คห. 16 บ้านเราอยู่ใจกลาง CBD ของกรุงเทพฯ ถ้าไม่มีธุระอะไร หรือ ไม่มีนัดออกไปไหนตอนกลางวัน เราก็ชอบอยู่บ้าน ชอบใช้ชีวิตแบบพวกชนเผ่าเร่ร่อนตะวันออกกลาง หรือ พวกโมร๊อคโค คือออกจากบ้านในตอนพระอาทิตย์อ่อนแสงแรงกล้าไปแล้นนนน ดึกๆ ก็ไม่หลับไม่นอน   ชอบออกไปจ่ายตลาด (Supermarket) ชอบออกไป Fitness/Gym ในตอนค่ำๆ หรือ กลางคืน เดินกลับบ้าน สอง สาม สี่ ห้า ทุ่ม บ่อยๆ สัปดาห์ละหลายวันก็ยังปลอดภัยดี   บ้านเกิดเมืองนอนของตัวเอง ถ้าใครยังไม่ Feel Comfortable ที่จะอยู่ ไม่รู้จักการดูแลรักษาตัวเอง ก็ไม่ทราบจะว่าอย่างไรแล้นหละ   ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++   คห. 15  "เว้นเสียแต่ว่า มันจะมีเวรมีกรรมให้มันต้องมีอันเป็นไปจริงๆก็ต้องเป็นไปตามนั้น" ^^ ^^ ก็นั่นหน่ะสินะ และ เวรกรรมนั้นๆ เป็นของใครของมัน เขาจะติดตามพวกเราไปในทุกที่ ทุกหนทุกแห่ง ไม่ว่าเจ้าของกรรมนั้น จะหนีไปอยู่มุมไหนของโลก ก็ไม่สามารถพ้นกรรมของตัวเองไปได้ อาเมน เอวัง ด้วยประการละเช่นนี้ โอม ชานติ       โปรดระวังไฟดูด/ไฟช็อต     จากคุณ : ขอหน่อยเถอะ เช่นกัน (Siamese Girl) - [ 15 ต.ค. 50 14:44:00 ]

ความคิดเห็นที่ 18 บ้านผมอยู่ ต.เจ๊เห อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ครับ ที่นี่ยังเป็นดินแดนที่อยู่ในราชอาณาจักรไทยครับ ก่อนหกโมงเช้าและหลังหกโมงเย็นก็ไม่มีคนไทยออกไปนอกบ้านแล้วครับ ตำรวจยังไม่กล้าแต่งเครื่องแบบเลยครับ อยู่แต่ในป้อมมีลวดหนามล้อมรอบสูงประมาณ 5 เมตร ผมก่อนออกจากบ้านไปทำงานต้องแย้มหน้าต่างดูประตูบ้านก่อนว่ามีอะไรแขวนอยู่หรือเปล่า แล้วต้องเดินดูรอบรถ และต้องดูใต้ท้องรถทุกวันต้องทำมาแบบนี้มา 4 ปีแล้ว(เป็นเรื่องจริง) ใครไม่เชื่อ ผมยินดีจ่ายค่าเครื่องบินเดินทางจากกท.-นราธิวาสให้  แล้วมาพิสูจน์ที่หน้าบ้านผมได้ทุกวัน แก้ไขเมื่อ 15 ต.ค. 50 17:52:16 จากคุณ : chauve-souris - [ 15 ต.ค. 50 17:40:23 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เห็นด้วยกับคุณVolksrecht และขอแสดงความนับถือในความคิดเห็น จากคุณ : chauve-souris - [ 15 ต.ค. 50 17:43:20 ]

ความคิดเห็นที่ 20 คนจะไปมันก็ต้องไปจริงๆนะคะ ดังข่าวที่ว่าพ่อนอนอยู่ในห้องนอนดีๆ รถลูกก็ทะลุกำแพงทับเสียชีวิต.. มันช่างน่าเศร้าจริงๆ... เราเลยคิดว่า พยายามใช้ชีวิตให้คุ้มค่าดีกว่า... จากคุณ : Ferocious little creature - [ 15 ต.ค. 50 19:49:11 ]

ความคิดเห็นที่ 21 คุณ chauve-souris คิดเหมือนคุณค่ะ บ้านเรา แสนสุขใจ เป็นคนปาดีค่ะ แม้จะอันตรายก็กลับไปเยียมบ้านทุกครั้งที่ ไปเมืองไทย ไม่กลัวตายค่ะ เพราะคนเราถึงเวลาก็ตายทุกคน จากคุณ : Bing - [ 15 ต.ค. 50 20:22:35 A:87.177.228.253 X: ]

ความคิดเห็นที่ 22 อ่าน คห. 15 แล้วน่ากลัวมาก ๆ ค่ะ  ถ้าดิฉันไม่ใช่คนไทยและไม่ได้อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ - ประเทศไทย.... คงไม่กล้าไปประเทศไทยนี้แน่ ๆ .. นี่พูดจริง ๆ นะคะ ไม่ได้แกล้งแต่ประการใด ดิฉันกลับคิดว่าเมืองไทยเป็นเมืองที่น่าอยู่ที่สุด รู้สึกปลอดภัย และไปไหนก็ไม่ต้องระวังตัวมาก เคยไปต่างประเทศแล้วเจอพวกอยู่ ๆ ก็ด่ากัน ต่อยกัน ไม่ก็ตะโกนด่ากันแรง ๆ อารมณ์หงุดหงิดง่าย บางทีรถปาดหน้ากันนิดเดียว ลงมาต่อยกันเลย ไม่มีคนห้ามด้วย ต่างคนต่างอยู่ไม่มีใครสนใจกัน ต่างกับคนไทยที่ค่อนข้างจะใจเย็น ง่าย ๆ อะลุ่มอล่วย (เขียนถูกไหมนี่)   อันนี้ยกเว้นไปเจอคนไทย(หรือชาติอื่นๆ) ประเภทเกิดมาเพื่อสร้างปัญหาที่มีอยู่ทั่วโลกนะคะ.. อันนี้คงแล้วแต่นิสัยของแต่ละบุคคล.. แต่ส่วนตัวคิดว่าเมืองไทยนี่แหล่ะน่าอยู่และปลอดภัยที่สุด แม้ว่าสถิติที่สำนักไหนก็จำไม่ได้แล้ว บอกว่าประเทศไทยมีแนวโน้มอันตรายมากขึ้น แต่เราว่าก็น่าอยู่และปลอดภัยที่สุดอยู่ดี เพราะคนไทยใจดี ถ้อยทีถ้อยอาศัยค่ะ จากคุณ : Damien Thorn - [ 15 ต.ค. 50 21:02:00 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ตัวเองก็เห็นด้วยกับคุณSiamese Girl และหลาย ๆ ท่านที่ให้ความเห็นมานะคะ ดูจากมีคนโพสเรื่องต่าง ๆ ในพันทิปเกี่ยวกับการไปเรียนต่างประเทศเพิ่มขึ้นทุกวัน ส่วนตัวแล้วคิดว่าเป็นสิ่งที่ดีมาก ๆ ถ้าคนส่วนใหญ่มีโอกาสได้ไปรู้ ไปเห็น การกินการอยู่ ผู้คนในประเทศอื่น ๆ เปิดโลกทัศน์ให้ตัวเอง ดิฉันเองไม่มีโอกาสได้ไปเที่ยวตอนเด็ก วัยรุ่น แต่มามีโอกาสตอนทำงานแล้ว ไปเหนือล่องใต้คนเดียวก็มี ก็ปลอดภัยดีนะคะ คนไทยใจดี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ยิ่งมาอยู่ต่างประเทศจะเห็นได้ชัดว่า คนไทยช่วยเหลือกันอะไรก็ไม่ใช่จะเพื่อเงินไปหมด  แต่ทั้งนี้อยู่ที่เราต้องดูแลตัวเอง อะไรอันตรายในสำนึกเราก็เลือกไม่ทำค่ะ เลือกที่พักดีหน่อย แต่ก็มีข้อจำกัดเรื่องวันหยุด วันลา อย่างที่คุณSiamese Girl ว่า แต่จะว่าไปเรื่องความปลอดภัย ไม่มีที่ไหนปลอดภัยที่สุดหรอกนะคะ แต่ที่นี่(บีซี)อัตราการฆ่ากันตายอาจจะน้อยกว่าเพราะไม่ได้มีทุกวันเหมือนเมืองไทย โดยเฉพาะภาคโต้น่าเป็นห่วงพ่อน้องประชาชน อยากให้เมืองไทยสงบสุขจังเลยค่ะ  เคยดูหนังเรื่องทวิภพ(ฉบับล่าสุด) แล้วยิ่งรู้สึกรักประเทศไทยมากขึ้น  ที่นี่เวลามีข่าวฆ่ากันตายก็เป็นที่ครึกโครมกันทีเดียว  เมืองที่อยู่เที่ยงคืนก็ยังมีคนเดินบนถนนกันอยู่ค่ะ พอเป็นแม่คนก็เข้าใจความรู้สึกพ่อแม่ว่าทำไมเป็นห่วง เท่าที่เห็นมาดูเหมือนฝรั่งเค้าจะมีความผูกพันในครอบครัวน้อยกว่าคนไทย และให้ดูแลตัวเองมากกว่าสังคมไทยทำกัน ต้องหาเงินเรียนเองแต่ก็มีที่ครอบครัวสนับสนุน เมื่อก่อนคิดว่าฝรั่งจะเรียนจบสูง ๆ กันทุกคน เพราะเรียนฟรี แต่ความจริงพอจบไฮสคู บางคนก็ไม่ได้เรียนต่ออีกเลย คนที่นี่เค้าก็มีประท้วงกันอยู่ว่าค่าเล่าเรียน คอเลทและมหาวิทยาลัยแพงมากเกินไป บางคนพอหยุดไปทำงาน เที่ยว พบรัก มีครอบครัว มีลูก แล้วก็กลับไปเรียนคอเลทหรือมหาวิทยาลัยออีกทีก็ 30 กว่า 40 ก็มีเยอะแยะ ส่วนคนไทยพอจบม.ปลายแล้วก็ต้องเรียนต่ออะไรสักอย่างทันที ไม่นิยมที่จะหยุดไปเที่ยวหรือทำอย่างอื่นแล้วกลับมาเรียนใหม่ อาจจะเป็นเพราะระบบมหาลัยหรือการรับเข้าทำงานมีเงื่อนไขเรื่องอายุจำกัดอยู่ ที่นี่เค้าไม่มีจำกัดเรื่องอายุในการเข้าทำงานหรือเรียนเลยค่ะ หากคุณคิดว่าเรียนได้ ทำงานได้ก็ทำเลย อีกอย่างฝรั่งไม่ค่อยมีความอดทนเท่าคนไทยหรือคนเอเชีย เพื่อนทำร้านอาหารไทยบ่นประจำว่า เวลารับฝรั่งเข้าทำงานสักพักเดี๋ยวเค้าก็ลาไปเที่ยวโน่น เที่ยวนี่แล้วก็หายไปเลย ส่วนใหญ่นิยมไปเที่ยวประเทศอื่นมากกว่าประเทศตัวเอง โดยเฉพาะประเทศที่กำลังพัฒนาเพราะอะไรก็ถูกกว่าค่ะ เรื่องโฮมสเตย์ หากคนที่มาเรียนภาษาหรืออาศัยอยู่ระยะสั้นแนะนำให้อาศัยอยู่กับโฮมสเตย์จะดีค่ะ เพราะนอกจากคุณจะร่ำเรียนแล้วคุณจะได้ฝึกภาษามากกว่าการอยู่คนเดียว ไม่งั้นคุณก็จะเหงาและหาเพื่อนคนไทยอยู่นั่นเอง อีกอย่างคุณจะได้เรียนรู้การกินการอยู่คนเจ้าของภาษา แต่ก็เห็นเด็กที่อยู่มาเล่าว่า เพื่อนเค้าอยู่กับแคนาเดียนกินแต่สปาเก็ตตี้ทุกวันเลย ไม่ค่อยมีผัก ผลไม้ อันนี้ก็แล้วแต่ครอบครัวที่ไปอยู่ ค่าใช้จ่ายก็ถูกกว่าเพราะไม่ต้องจัดเตรียมหาซื้อของที่จำเป็นพื้นฐานในการดำรงชีพเลย เอาไว้มาต่อค่ะ จากคุณ : ลิปสติค - [ 16 ต.ค. 50 02:34:21 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ของผมเป็นแบบนี้ ให้ลูกทั้ง 2 คนไปต่างประเทศทุกปิดเทอมใหญ่ ตอนมัธยมปลายให้ไปประเทศใกล้ๆก่อน ตอนอยู่มหาวิทยาลัยก็ไปไกลๆ Canada ก็เคยไปเรียนSummerที่ Brock University , St. Catharines, Ontario,   อยู่ 5 สัปดาห์ เรื่องโฮมสเตย์นั้น ดวงไม่ค่อยจะดี ตอนอยู่ที่ Canada เจ้าของบ้านเป็นพยาบาล แทบจะไม่ทำอาหารให้ทานเลย เช้าให้ทานนม มื้อเที่ยงทำแซนวิสให้    เย็นสั่งแต่พิซซ่ามาให้ทาน แต่เพื่อนอยู่กับครอบครัวที่ทำอาหารดีๆให้ทานทุกวัน   พาไปเที่ยวที่ต่างๆอีกต่างหาก ปัจจุบันการไปเรียนต่อต่างประเทศในระดับปริญญาโท  แถบประเทศยุโรปเหนือ ค่าใช้จ่าย  ด้านค่าเล่าเรียนผมว่าเขาเก็บพอกับของมหาวิทยาลัยในประเทศไทย  ด้านอาหารการกินจะสูงกว่าไทยนิดหน่อย  แต่ด้านที่พักจะสูงกว่าที่ไทยมาก        แต่ในภาพรวมในทุกๆด้านแล้ว ผมคิดว่าคุ้มค่ากว่าเรียนในไทยมากครับ แก้ไขเมื่อ 16 ต.ค. 50 09:58:07 จากคุณ : chauve-souris - [ 16 ต.ค. 50 07:34:45 ]

ความคิดเห็นที่ 25 เห็นด้วยกับ คห.ของคุณSiamese Girl  และที่สำคัญ อีก2อย่าง ก็คือ เรื่อง  ค่าใช้จ่าย   เรื่อง เงินๆทองๆ ครับ   คุณก็น่าจะทราบกันดีว่า ค่าแรงของไทย ค่อนข้างถูกนะครับ เพราะคนไทยส่วนใหญ่ของประเทศ คือ คนจน  กับ คนชั้นกลาง ที่ตอน นี้ เศรษฐกิจ แย่ มากๆ คนตกงานมาก ก็เลยไม่มีเงินที่ จะท่องเที่ยว อะไรได้ ถึงแม้ว่าในหัวใจอยาก จะไปก็ตาม อีกเรื่องคือ ภาษาอังกฎษ ครับ คนไทยหลายคน ที่ผมได้เคย พูดคุย ก็เป็นห่วงเรื่องของภาษาอังกฎษกันมากเหมือนกันนะครับ ที่จะต้องใช้พูดคุย ติอต่อกัน ทั่วโลก ทำให้ใครหลายคน ขาดความมั่นใจ ตรงจุดนี้ค่อนข้างมากพอสมควรครับ จากคุณ : okb - [ 16 ต.ค. 50 13:30:06 ]

ความคิดเห็นที่ 26 เห็นด้วยกับคุณVolksrechtคับ บ้านเรามันอันตรายตลอดเวลาไม่ว่ากลางวันกลางคืนมันน่ากลัวหมดเเหละ เเค่มองหน้าก็ฆ่ากันตายเเล้วคับ ผมว่า้บ้านเรามันก็บ้านป่าเมืองเถื่อนดีๆนี่เอง พวกที่บอกว่าเมืองไทยน่าอยู่ที่สุดก็คงจะเป็นพวกโกหกตัวเองไปวันๆนึงอ่ะคับ หลักฐานก็เห็นกันอยู่ในหนังสือพิมทุกวัน เมื่อไม่นานก็เด็ก14-16 ร่วมกันฆ่าข่มขืน โอ้โหสุดยอดเมืองไทยที่1ในโลกจริงๆ ผมว่าอเมริกาอาชญากรเค้าไม่ค่อยมีหรอกคับ มีเเต่น้อยมาก คนส่วนใหญ่เค้าเจริญเเล้ว ป.ล.ผมไม่เคยไปหรอกนะอเมริกาน่ะ เเต่สันนิฐานว่าน่าจะดูเป็นมิตรกว่าคนไทยนะ เเถวบ้านผมเเค่มองหน้าหน่อยเดียวโดนต่อยเลยนะคับ หรือเดินเเค่เฉียวๆกันนี่ควักปืนยิงกันเลย เเบบนี้นี่หรือน่าอยู่ที่สุด? จากคุณ : tabuya - [ 16 ต.ค. 50 15:09:46 ]

ความคิดเห็นที่ 27 กลายเป็นพวกหลอกตัวเองไปวัน ๆ ไปซะแล้วเรา รักเธอประเทศไทย   เป็นตัวเป็นตน รวมเป็นคนขึ้นมาได้ จะโตจะตาย ไม่แน่นอน จะตึงจะตัง ขึงขัง หรือโอนอ่อน แล้วแต่ทำเพื่อใคร จะดีจะเลว เธอก็ยืนเคียงข้าง จะจำไม่จาง ยังซึ้งใจ จะเป็นจะตาย ดีร้ายสักเพียงใด ฉันทำได้ เพื่อเธอ สาบาน ว่าไม่เสียใจ เสียใคร ไม่เท่าเสียเธอ จะยอมให้ใคร มาทำร้ายเธอ เป็นไปได้ไง แม้ตายก็ต้องยอม จะดีจะเลว เธอก็ยืนเคียงข้าง จะจำไม่จาง ยังซึ้งใจ จะเป็นจะตาย ดีร้ายสักเพียงใด ฉันทำได้เพื่อเธอ ของใคร ใครก็หวง หวงเธอ ดังดวงใจ ขอเธอ ไม่ต้องหวั่นไหว หลับเถิด หลับให้สบาย สาบาน ว่าไม่เสียใจ เสียใคร ไม่เท่าเสียเธอ จะยอมให้ใคร มาทำร้ายเธอ เป็นไปได้ไง แม้ตายก็ต้องยอม สาบาน ว่าไม่เสียใจ เสียใคร ไม่เท่าเสียเธอ จะยอมให้ใคร มาทำร้ายเธอ เป็นไปได้ไง แม้ตายก็ต้องยอม สาบาน ว่าไม่เสียใจ เสียใคร ไม่เท่าเสียเธอ จะยอมให้ใคร มาทำร้ายเธอ เป็นไปได้ไง จากคุณ : Damien Thorn - [ 16 ต.ค. 50 18:23:50 ]

ความคิดเห็นที่ 28 http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X5916316/X5916316.html กลับหว้ากอมาตอบกระทู้นี้ก่อนดีไหม tabuya เบื่อเหมือนกันครับ เบื่อคนแบบคุณ พูดอยู่ได้ครับ อยากไปก้ไปเลยครับเผื่อว่าอะไรๆ ในชีวิตคุณมันจะดีขึ้น และ อะไรๆในประเทศนี้มันจะดีขึ้นเมื่อคนแบบคุณออกไปแล้ว จะไปบ่นไรมากมายคุณบอกคุณเบื่ออย่างนี้ อย่างนั้น อย่างโน้น แต่กลับไม่ปรับตัวหาทางทำให้มันดีขึ้น หายเบื่อ ผมก้ไม่ได้ชอบกับไอ้สิ่งที่คุณพูดว่าเป็นสาหตุที่ทำให้คุณเบื่อ เหมือนๆกับคุณนะแหละครับ และผมคิดว่าไอ้ต้นเหตุของเรื่องทั้งหลายแหล่นี่ก็คือ การที่เราพัฒนาไปแต่ด้านวัตถุ ผลพวงของทุนนิยม (มันก้มาจากไอ้ประเทศที่คุณอยากไปอยู่ทั้งนั้นอะ) ไม่เข้าใจว่าจะอยากเป็นกันมากมายเหรอกับไอ้คำว่า พัฒนาแล้ว เนี่ย พูดแล้วก้เซ็ง เดี๋ยวนี้ทำไมคนไทยถึงคิดกันแบบนี้ (และผมคิดว่านะมีแต่พวกคนในเมือง ที่ชีวิตแก่งแย่งแข่งขันกัน สะเป็นส่วนใหญ่นะที่คิดแบบนี้) เอาเป็นว่าใครไม่อยากอยู่ประเทศนี้แล้วก้เชิญออกจากแผ่นดินนี้ไปเถอะครับ ไปอยู่ในประเทศที่อยากอยู่ ถ้าลองไม่ชอบแล้วพยายามเยอะๆครับเดี่ยวก็คงได้ไป ส่วนผมไม่มีที่ไหนในโลกน่าอยู่เท่าแผ่นดินนี้อีกแล้วครับ ขอให้โอนสัญชาติได้เร็วๆนะครับ จากคุณ : ขอให้ไปจริง ๆ เหอะ - [ 16 ต.ค. 50 19:16:43 A:58.8.3.143 X: TicketID:157982 ]

ความคิดเห็นที่ 29 มาวัดกันไปเลยดีกว่าครับ 1.นส เอ ใส่สายเดี่ยว กระโปรงสั้น เดินแร่ดอยู่กลางสลัมคลองเตยตอนตีสอง 2.นส บี ใส่สายเดี่ยว กระโปรงสั้น เดินแร่ดอยู่ในเขต Bronx ตอนตีสองเช่นกัน ปล กำหนดให้รูปร่าง หน้าตา และความยั่วยวนของทั้งสองคนมีค่าเท่ากัน คือ เกินมาตรฐานปกติ คำถาม: คุณคิดว่าใครมีโอกาสจะโดนคุกคามทางเพศมากกว่ากัน จากคุณ : praphrut608 - [ 17 ต.ค. 50 00:57:49 ]

ความคิดเห็นที่ 30 คห. 26 ไม่เคยมาอย่าคิดไปเองแบบนั้นสิครับ ไม่มีประเทศไหนในโลกที่ปลอดภัย 100% หรอก อยู่อเมริกาใครว่ามองหน้าแล้วไม่โดนยำ มีเหมือนกัน ลองเดินๆแล้วมองไปทางพวกพี่ๆคนผิวสีที่เดินมาเป็นกลุ่มดูสิ อาจจะโดนซัดเอาซะง่ายๆเหมือนกัน เมืองที่ผมทำงานอยู่ตอนนี้มี "คนไทย" ในร้าน "อาหารไทย" โดนยิงตายคาร้านมาแล้วนะครับ และมีคดีประเภทนี้เกิดขึ้นประจำ โดยมีสาเหตุจากความคึกคะนองเท่านั้น ไม่ได้มีความแค้นอะไรต่อกันมาก่อนเลย แถวๆบ้านผมก็มีประภาศล่าค่าหัวครับ ถ้าบอกเบาะแสของฆาตกรที่ไปฆ่าลูกชายของเขาได้ เอาไปเลย 100,000 USD ขนาดแถวนี้ปลอดภัยมากๆแล้วนะ ไม่รู้ก็อย่าคิดเองเออเองแล้วพาลด่าประเทศบ้านเกิดตัวเองครับ ทุกวันนี้ผมยังไม่เห็นว่าอเมริกามันจะมีอะไรดีไปกว่าเมืองไทยอย่างที่คุณคิดไปเองเลยนอกจากวัฒนธรรมการทำงานและค่าตอบแทน ....แต่ไอ้ 2 อย่างหลังมันก็สำคัญเสียด้วยสิ ก็เลยต้องอยู่ต่อไป จากคุณ : VeryBadman...อมยิ้มชำรุด - [ 17 ต.ค. 50 06:18:14 A:128.242.106.124 X: TicketID:155341 ]