ความคิดเห็นที่ 1 Q ทำไมตัวการ์ตูนญี่ปุ่นถึงมีตาโต A อันนี้อ่านเจอจากเว็บไซต์หนึ่ง  เค้าบอกว่า เรื่องนี้ต้องย้อนหลังไปสมัยที่บิดาแห่งวงการการ์ตูนญี่ปุ่นคุณ OSAMU TESUKA วาดการ์ตูนเรื่อง Astroboy โดยเขาได้วาดภาพการ์ตูนในเรื่องให้มีตาโตๆ เป็นครั้งแรก โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากตัวการ์ตูนชื่อดังของฝั่งอเมริกาเช่น Bambi, BettyBoop, Mickey Mouse หลังจากนั้นพอการ์ตูนองเขามีชื่อเสียงโด่งดัง นักเขียนการ์ตูนคนอื่นๆ ก็มีการก็อปปี้การวาดดังกล่าวและกลายเป็นเทรนด์จวบจนทุกวันนี้ นอกจากนี้เคยอ่านจากไหนไม่รู้ อาจจะห้องเฉลิมไทยมั๊ง ว่ากันว่าเกิดจากญี่ปุ่นตาเล็กแต่อยากมีตาโตแบบคนฝรั่ง อืมม์ อันนี้ไม่มีใครยืนยันว่าจริงหรือเปล่า แต่ก็ไม่น่าจะใช่มั๊ง จากคุณ : zuling68 - [ 18 ต.ค. 50 07:12:51 ]

ความคิดเห็นที่ 2 Q ทำไมเวลาไปร้านอาหารเวลาเขียนชื่อใน waiting list ถึงใช้ katagana เขียน A  จริงๆ เรื่องนี้อยากถามฝามีด้วยค่ะเพราะเคยทำงานในบริษัทขายอาหาร แต่เมื่อคืนเฮียไม่สบายเลยขี้เกียจถาม เท่าที่รู้ที่เคยอ่านเจอ เข้าใจว่าการเขียนแบบ katagana ทำให้ข้อมูลส่วนตัวถูกเปิดเผยน้อยลง แต่เหตุผลหลักน่าจะเป็นเพราะทำให้อ่านง่ายมากกว่า เพราะถ้าเขียนคันจิ ตัวหนังสือคันจิสามารถออกเสียงได้หลายอย่าง ทำให้ตอนขานชื่อลูกค้าอาจจะเรียกถูกๆ ผิดๆ ได้ แล้วทำไมไม่เขียน Hiragana หล่ะ เรื่องนี้ก็มีคนอธิบายไว้ว่า ลายเส้นของฮิรากานะอ่านยากกว่าเมื่อเทียบกับKatagana ที่เส้นจะะตรงกว่าและมีลักษณะตายตัวมากกว่า  ทำให้การเขียนค่อนข้างอ่านออกได้ง่ายกว่า ขณะที่ Hiragana จะมีเส้นที่โค้งและกลมๆ ทำให้ลักษณะลายมือของแต่ละคนสามารถประดิดประดอยตัวอักษรและสร้างความแตกต่างกันได้มากกว่า จากคุณ : zuling68 - [ 18 ต.ค. 50 07:14:07 ]

ความคิดเห็นที่ 3 A: คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่เลือดกรุ๊ปอะไร B: ความอยากรู้เรื่องนี้เกิดจากน้องสาวฝาละมีมาถามว่าเชื่อเรื่องดวงตามกุร๊ปเลือดไหม เราบอกไม่เชื่อหรอก เพราะคนมีตั้งเยอะ กรุ๊ปเลือดมีไม่กี่อันเอง แถมเลือดกุรุ๊ปโอก็เยอะที่สุดในโลก น้องสาวบอกไม่ใช่น่าจะเลือดกรุ๊ป A เยอะที่สุดในโลก เลยเกิดความสงสัยค้างคาว่า จริงๆ แล้วมันเป็นยังไงกันแน่ เลยไปค้นหาข้อมูลดูพบว่าตัวเองเข้าใจผิดนึงนึง เพราะตอนแรกก็เหมาคิดไปเองว่า คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่น่าจะเลือดกรุ๊ปโอ แต่พอไปค้นข้อมูลจริงๆ กลายเป็นว่าคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่มีเลือกกรุ๊ป A  (38%)  รองลงมาคือกรุ๊ป O (30%) และ B (22%) ตามลำดับ  ส่วนคนไทยจะคล้ายคนส่วนใหญ่ของโลกคือ กรุ๊ป O (37%)  เยอะสุด รองลงมาคือกรุ๊ป B (33%)  และกรุ๊ป A (22%) แต่ถ้ารวมทั้งโลกแล้ว เลือดกรุ๊ปโอจะเยอะที่สุดในโลกค้า ข้อมูลจาก: http://www.bloodbook.com/world-abo.html จากคุณ : zuling68 - [ 18 ต.ค. 50 07:19:31 ]

ความคิดเห็นที่ 4 Q ขนาดเศรษฐกิจหากวัดด้วย GDP ของประเทศญี่ปุ่นใหญ่เป็นอันดับที่เท่าไหร่ในโลก A คำตอบคืออันดับสองรองจากสหรัฐฯตอนแรกตัวเองเดาว่าน่าจะอันดับสองแต่ไม่น่าจะทิ้งห่างสหรัฐฯ มากขนาดนี้ แสดงว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯนี้มันมหึมาจริงๆ แต่กระนั้นก็เถอะ ชนชาติแดนอาทิตย์อุทัยนี้ก็สามารถก่อร่างสร้างตัวเองให้ประสบความสำเร็จภายหลังจากความบอบช้ำอย่างแสนสาหัสจากสงครามโลกทั้งสองครั้งได้อย่างรวดเร็ว  อัตราการเติบโตในช่วงทศวรรษที่ 1960 เติบโตสูงถึงปีละ 10% และประมาณ 5% ในทศวรรษ 1970 และเติบโตอย่างต่อเนื่องถึงแม้จะน้อยลงจนถึงช่วง 1980 ก่อนที่ปลายทศวรรษ 1980 จะมาเจอเศรษฐกิจฟองสบู่เข้าไป (โตเร็วเกินกว่าความเป็นจริงทำให้เกิดการเก็งกำไรขึ้นมาก โดยเฉพาะราคาที่ดินและราคาหุ้น) ทำให้เกิดภาะวะเศรษฐกิจถดถอยหรือชะลอตัวลงในช่วงปี 1990 แต่ตั้งแต่ปี 2005 มานี้ในสมัยท่านโคอิสุมิเป็นนายกฯ  ตัวเลขการเติบโตเริ่มผงกหัวขึ้นมาให้ชาวญี่ปุ่นยินดีปรีดากันอีกครั้ง ดูไปแล้วก็รู้สึกว่าแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจญี่ปุ่นน่าจะกลับมาดีอีกครั้งหนึ่ง แต่รอบนี้คงโตขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปมากขึ้น ประกอบกับคนวัยทำงานที่จะสร้างชาติก็มีน้อยลงกว่าสมัยช่วง BABYBOOM คงโตแบบไม่หวือหวาเหมือนแต่ก่อน ตอนนี้รู้แล้วว่าอันดับหนึ่งและสองคือประเทศอะไร แล้วรู้หรือไม่ว่าอันดับสามในโลกคือประเทศอะไร เดากันได้หรือเปล่าเอ่ย ^_^ คำตอบคือ "เยอรมัน" ค้า เป็นประเทศที่แพ้สงครามเช่นกัน ทำให้รู้สึกว่าประเทศเยอรมันและญี่ปุ่นมีอะไรที่คล้ายคลึงกันเยอะเหมือนกัน ทั้งทัศนคติต่อความรักชาติและก็การสร้างระบบเศรษฐกิจ เพราะต่างคนต่างก็แข็งแกร่งในกิจการยานยนต์ทั้งคู่ และคงมีเรื่องอื่นๆ ที่คล้ายคลึงกันอีก แต่ยังไมได้ไปอ่านเพิ่มเติม หมายเหตุ: GDP คือมูลค่าของสินค้าและบริการที่แต่ละประเทศผลิตได้ในแต่ละปี อันนี้เลือกใช้ข้อมูลจาก Worldbank ค่ะ หน่วยเป็นล้าน US$ dollar 1. United States 13,201,819 2. Japan 4,340,133 3. Germany 2,906,681 เข้ามาแก้ไขคำผิดค้า แก้ไขเมื่อ 18 ต.ค. 50 08:11:30 แก้ไขเมื่อ 18 ต.ค. 50 08:09:57 จากคุณ : zuling68 - [ 18 ต.ค. 50 07:21:18 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ปาดดดดดดด เขียนเรื่อย ๆ นะเจ๊ อ่านได้ความรู้ดีค่ะ เดี๋ยวไปหาตัวฉลาดก่อน บ่าย ๆ จะ กลับมาอ่านค่ะ จากคุณ : fudge-a-mania - [ 18 ต.ค. 50 07:27:46 ]

ความคิดเห็นที่ 6 Q ทำไมดูหนังญี่ปุ่นโบราณแล้วซามูไรถึงต้องโกนผมตรงกลาง A คำถามนี้มีเพื่อนสนิทถามมาก่อนที่จะกลับมาอยู่ญี่ปุ่นในช่วงเดือนมิถุนายน ถามแบบหน้าตาอยากรู้จริงๆ ว่าทำไมดูหนังซามูไรแล้วเขาต้องโกนหัวตรงกลาง  เวลาเดินเขาไม่ร้อนหัวแย่เหรอ!! อืมม์ เริ่มสงสัยตามทันที ถามฝามีแล้ว เขาก็ตอบไม่ได้  แต่เพิ่งจะได้รู้คำตอบเมื่อวันก่อนนี้เอง หลังจากไปอ่านเจอโดยบังเอิญใน wikipedia โดยบอกไว้ว่า เป็นเพราะซามูไรจะต้องใส่หมวกออกศึก ซึ่งการทำให้ใส่หมวกได้สะดวกก็โกนผมกลางออกเสีย เพื่อให้แห้งและสะอาด ส่วนที่เหลือก็ใส่น้ำมันแล้วรวบไปไว้ด้านหลัง ผมทรงนี้เรียกเป็นภาษาญี่ปุ่นว่า The chonmage ภาษาอังกฤษเรียก Top Knots ค่ะ พอมีคำถามนี้เสร็จเคยสงสัยกันไหมว่า แล้วทำไมคนจีนราวๆ สมัยซูสีไทเฮาช่วงนั้นถึงโกนผมบนศรีษะให้เหลือครึ่งเดียว ยังไม่ได้ลองค้นหาอ่านอย่างจริงจัง แต่เคยทราบคำตอบมาว่า เป็นเพราะสมัยนั้นเป็นสมัยราชวงค์ชิงซึ่งเป็นคนแมนจูต้องการแยกความแตกต่างออกจากชาวฮั่นนั่นเอง จากคุณ : zuling68 - [ 18 ต.ค. 50 07:38:51 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เรื่องสุดท้ายสำหรับช่วงนี้ก่อนนะค่ะ มีอะไรต้องทำแต่ยังไม่ได้ทำเลยยยยค่ะ ขี้เกียจตัวเป็นขน (เอ๊ะ ทำไมขี้เกียจต้องตัวเป็นขน เขียนเสร็จปุ๊ปสงสัยปั๊บ) Q  เกี่ยวกับร้าน MOS burger คำว่า MOS ย่อมาจากอะไร A เขียนคำตอบไว้ใน blog ไปแล้วค่ะ แต่เอามาบอกคนอื่นต่อ เพราะรู้สึกแปลกในคำตอบ เพราะมันย่อมาจากภาษาอังกฤษจากคำว่า Mountain, Ocean and Sun ค่ะ เป็นชื่อที่ดูแนวธรรมชาติมากๆ นะค่ะ ฝามีบอกเขาคงมีปรัชญาเบื้องหลังในการปรุงอาหารลึกซึ่งน่าดู แต่ปรัชญาเป็นแบบไหน ยังไม่ได้ตามไปอ่าน อ้อ ทราบไหมค่ะ ว่าทำไมบริษัทยางรถยนต์ชื่อ Bridgestone อันนี้ฝามีเล่าให้ฟังค่ะ บอกว่าเจ้าของชื่อ ishibashi ซึ่งแปลว่า หินและสะพาน ก็ลยกลายเป็น สะพานหิน นี่แหล่ะค่ะ ง่ายๆ สั้นๆ แต่ชื่อดูมั่นคงดีจัง จนทำให้กลายเป็นบริษัทผลิตยางที่ใหญ่ที่สุดในโลกค่ะ รองลงมาคือ michelin ของฝรั่งเศส และ goodyear แห่งเมืองลุงแซมมาเป็นอันดับสาม เหมือนน้ำอัดลมยี่ห้อ SEVEN UP เป็นเพราะขณะคิดชื่อว่าจะตั้งชื่ออะไรดี ปรากฏมีอะไรไม่รู้ ทำให้คนนั่งประชุมทั้งเจ็ดคนยืนขึ้นโดยพร้อมกันเลยเรียกตั้งชื่อน้ำอัดลมนี้ว่า SEVEN UP ค่ะ  อันนี้ไม่รู้รู้มาจากไหน แต่นานมาแล้วค่ะ ไม่รู้ยังจำถูกอยู่หรือเปล่าด้วย ถูกผิดอย่างไรแก้ให้ด้วยนะค้า แก้ไขเมื่อ 18 ต.ค. 50 07:57:46 จากคุณ : zuling68 - [ 18 ต.ค. 50 07:52:52 ]

ความคิดเห็นที่ 8 มีอีกป่าวครับ ขอบคุณครับ รออ่านอีกนะครับ หน้าแตก เลยลบออกครับ แก้ไขเมื่อ 19 ต.ค. 50 12:18:34 จากคุณ : Aon_loe - [ 18 ต.ค. 50 07:55:24 ]

ความคิดเห็นที่ 9 หวัดดีค่ะคุณ Aon_Loe เมื่อกี้ลองค้นดูพบว่าอันดับสี่ในปี 2006 นะค่ะ ตอนนี้กลายเป็นจีนไปแล้ว อันดับห้าคือ อังกฤษ อันดับหกคือฝรั่งเศสค่ะ แสดงว่าเศรษฐกิจจีนมาแรงจริงๆ แซงฝรั่งเศสมาไม่เท่าไหร่ ตอนนี้แซงอังกฤษไปแล้วค่ะ แต่แรงแบบจีนนี้น่ากลัวนะค่ะ ถ้าไม่เป็นคอมมิวนิสต์เชื่อว่าประเทศคงยุ่งเหยิงมากกว่านี้ (อันนี้คิดเองนะค่ะว่าคอมมิวนิสต์อาจจะเหมาะกับการปกครองคนกลุ่มเยอะๆ แบบนี้ อันนี้มองในแง่ของความเป็นประเทศ แต่ถ้ามองในแง่ปัจเจกชนก็คงไม่เห็นด้วยเหมือนกันค่ะ) จากคุณ : zuling68 - [ 18 ต.ค. 50 08:07:36 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เข้ามาติดตามอ่านด้วยคนค่ะ จากคุณ : อดีตนักกินจุก - [ 18 ต.ค. 50 09:33:26 ]

ความคิดเห็นที่ 11 อ่านแล้วได้ความรู้ดีจังเลยค่ะ จากคุณ : My life in Japan. - [ 18 ต.ค. 50 10:12:57 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เอาอีก หนุกๆ ... เคยสงสัยทรงผมซามูไรอยู่เหมือนกันว่าใครหนอช่างคิด ทำเอาหมดหล่อไปเยอะเลย คุณสามีบอกว่าสงสัยคนต้นคิดหัวล้านเลยอยากให้คนอื่นโล้นไปด้วย (ฮ่าๆ อันนี้คิดกันเองเล่นๆ นะจ๊ะ อย่าซีเรียส) สงสัยอีกอย่างนึงว่าทำไมในหนังทีวีเกี่ยวกับญี่ปุ่นสมัยโบราณ พวกนางในวังทั้งหลายทำไมต้องแต่งให้หน้าผากแคบๆ ด้วยหล่ะ หรือผู้หญิงญี่ปุ่นสมัยก่อนส่วนใหญ่หน้าผากแคบกันเหรอ จากคุณ : Tokyo DeLight - [ 18 ต.ค. 50 10:52:23 ]

ความคิดเห็นที่ 13 มีประโยชน์ดีจัง เอาไว้มาเล่าอีกนะคะ :) จากคุณ : fonkoon - [ 18 ต.ค. 50 11:01:27 ]

ความคิดเห็นที่ 14 โอ้โห MOS Burger ของญี่ปุ่น มีปรัชญาน่าค้นหาถึงขนาดนั้นเชียว อยู่ญี่ปุ่นตั้งนาน ไม่เคยเข้าไปทานร้าน MOS เลย เพราะตัวเองไม่ชอบทานแฮมเบอร์เกอร์ ตอนนี้ที่เมืองไทยมีร้าน MOS Burger เข้ามาเปิดบริการแล้วที่ Central World Plaza (ไม่รู้มีสาขาอื่นหรือเปล่านะคะ) เห็นคนไทยบางส่วนได้เข้าไปทานแล้ว ไม่ได้ถามเขาว่า อร่อยหรือเปล่า? ขอบคุณสำหรับความรู้ค่ะ เรื่องยาง Bridestone และ seven up นั้นอ่านแล้วก็ขำ ๆ ดี จากคุณ : Tai-Sarunya - [ 18 ต.ค. 50 12:36:21 ]

ความคิดเห็นที่ 15 พึ่งกลับมาดูกระทู้ค้า ไปทำน้ำพริกหนุ่มกินเอง สูตรพี่ vipavee อร่อยเหาะ!!! น้ำมูกไหลไม่หยุดเพราะเผ็ดจัด ฟัจน์จ้า ตามหาตัวฉลาดเสร็จแล้ว มาอ่านต่อเน้อ !!! พี่ชอบไปเก็บตามหาตัวฉลาดมาเหมือนกัน แต่เอากลับมาแล้ว ชอบเอาไปเก็บต่อบนหิ้ง ไม่ค่อยได้เอามาใช้เท่าไหร่ค้า เสียดายเหมือนกัน คงต้องขยันกว่านี้แล้วหล่ะ khun tai-suranya ค่ะ สำหรับ mos ไปกินที่เมืองไทยมาแล้ว อร่อยใช้ได้เลยค่ะ อยู่นี่ที่ญี่ปุ่นก็ชอบไปกินบ่อยๆ ค่ะ สะสมแต้มจนได้กินฟรีไปหนึ่งครั้งแล้ว ปรกติก็ไม่กินพวกเบอร์เกอร์ค่ะ ยกเว้นเจ้านี่แหล่ะ รู้สึกว่าเขาตั้งใจทำให้เรากินไงไม่รู้ เลยชอบกิน รสชาดก็โอเคด้วยมั๊งค่ะ สวัสดีคุณอดีตนักกินจุกด้วยค่ะ รวมถึงน้องเหมียวด้วยค่ะ น้อง TK แหม๋คุณชายช่างจินตนาการเนอะ ส่วนเรื่องที่น้อง TK สงสัยพี่คิดว่าอาจจะหาคำตอบได้ รอก่อนนะ นอกจากนี้ยังเคยมีคนสงสัยว่าทำไมต้องทาหน้าสีขาวๆ ด้วย อันนี้รู้คำตอบแล้ว เพราะดูโทรทัศน์สักสองเดือนก่อนเองค้า เดี๋ยวมาเล่านะค่ะ แก้ไขเมื่อ 18 ต.ค. 50 13:12:16 จากคุณ : zuling68 - [ 18 ต.ค. 50 13:09:32 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เริ่ด มาตามติดคร้า จากคุณ : Nada Sousou - [ 18 ต.ค. 50 15:18:04 ]

ความคิดเห็นที่ 17 สงสัยต้องยกตำแหน่งเจ้าหนูจัมมัยตัวจริงให้เจ๊แล้ว 5555 แม้กระทั่งผมทรงซามูไรยังสงสัยได้เนี่ย แต่ไม่ต้องห่วงเจ๊มีลูกคู่แล้วหล่ะ เพราะมีคนสงสัยผมทรงโอ-โอคุเหมือนเจ๊เปี๊ยบ คริ คริ (สงสัยตอนไดรฟ์ กอล์ฟ ตัวจัมมัยกระโดดมาเกาะลูกคู่แน่ ๆ) บริดจ์สโตนเรื่องนี้เคยรู้แล้วค่ะ เพราะน้องคานิก็บริดจ์สโตนตัวจริงเสียงจริง (แต่คนละก๊กกับเจ้าของยาง) ชอบจังกระทู้แบบนี้ ได้ความรู้เยอะเชียว ขอบคุณค่ะ ปล. วันนี้เพื่อนร่วมชั้นเขียนเรียงความได้สุดเริ่ดสะแมนแตน เฮ่อ...กำหมัด เตะต่อไป ปล2. เจ๊รู้มั้ยคะว่าที่รร.ของเรา สามารถขอให้ก๊อปปี้ข้อสอบวัดระดับเก่า ๆ ของทุกปีได้ ตกชุดละ 100 เยนเท่านั้นค่ะ น้องคานิไปขอให้ก๊อปข้อสอบ ระดับ 1 ย้อนหลัง 5 ปี (จะบอกว่าคุ้มยิ่งกว่าปริ้นท์ออกมาเองจากเครื่องอีก ค่ะ) จากคุณ : fudge-a-mania - [ 18 ต.ค. 50 15:22:23 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ว๊าววว ดีจังเลยอยู่ๆมีคนไขข้อข้องใจเราทีเดียวหลายเรื่อง ปัญหาคาใจมานานทั้งนั้น ขอบคุณมากจ้า แล้วใครรู้บ้าง ทำไมในการ์ตูนเรื่องอาราเร่ กินบ๊วยเค็มแล้วเป็นซูเปอร์แมน... เฉลย เพราะบ๊วยเค็มของญี่ปุ่นมันเปรี้ยวกินแล้วต้องอุทานว่า สึปปะ(มาจากคำว่า สิปไป้ ที่แปลว่าเปรี้ยว)สึปปะแมนเลยกลายเป็นซูเปอร์แมน ซึ่งแปลว่า นายเปรี้ยวนั่นเอง มาโพสอีกเยอะๆนะคะ อยากรู้ๆๆ ^^ จากคุณ : enjoymiracle - [ 18 ต.ค. 50 15:27:08 ]

ความคิดเห็นที่ 19 อ่านสนุกจังเลยค่ะ  ชอบๆ ชอบ ยาง สะพานหิน กับ คนทั้งเจ็ด จัง 555   บางที ไอเดียก็ปิ๊งขึ้นง่ายๆ นะคะ  มาจากสิ่งใกล้ตัวเลย การ์ตูนญี่ปุ่น ตาโต ขาผอมเพรียว ยาว ทีแรก คิดเองว่า เป็นภาพในความใฝ่ผันของคนญี่ปุ่นซะอีกค่ะ ว่า ถ้าตาโต ขายาว ก็คงดี  เลยเขียนออกมาเป็นการ์ตูน ขอบคุณมากนะคะที่เอามาเล่าต่อ จากคุณ : วดี - [ 18 ต.ค. 50 16:19:22 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆ ค่ะ ชอบมอสเบอร์เกอร์มากๆ เหมือนกัน อาจารย์ต่ายลองไปทานนะคะ เราว่าอร่อยกว่าแมคเยอะเลย จากคุณ : Pattylala - [ 18 ต.ค. 50 16:58:39 ]

ความคิดเห็นที่ 21 wow thanks จากคุณ : yodying_jung - [ 18 ต.ค. 50 17:24:15 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ขอบคุณคุณzuling68ค่ะ อ่านแล้วสนุกจัง เถ้ามีเพิ่ม เอามาลงอีกนะคะ จะรอค่ะ แต่มีนิดนึงเรื่องที่คนจีนโกนผมครึ่งเดียว เคยได้ยินมาว่าเพราะสมัยนั้นเชื่อว่าคนหน้าผากกว้างมีบุญญาธิการสูง ทั้งราชวงศ์และขุนนางชายถึงได้โกนผมออก เพื่อให้มองเห็นว่าหน้าผากกว้างค่ะ อันนี้ไม่แน่ใจเท่าไหร่ เพราะได้ยินมานานแล้ว ถ้ามีผู้รู้ช่วยยืนยันด้วยค่ะ ส่วนเรื่องของ Bridgestone ฟังแล้วนึกถึงSony Walkmanเลยค่ะ เพราะเคยได้ยินเค้าว่ากันว่าคนญี่ปุ่นอ่อนอังกฤษ อาจารย์ญี่ปุ่นเคยเล่าให้ฟังว่าอย่างWalkmanเนี่ย กว่าจะรู้ว่ามันผิดแกรมม่าร์ ก็จดทะเบียนชื่อสินค้าไปซะแล้ว เลยต้องเลยตามเลย ( ถ้าจะให้ถูก ควรจะเป็นWalking Man หรือ Walked Man ใช่ไหมคะ ??ส่วน Bridgestone เนี่ย ถ้าจะแปลว่าสะพานหินจริงๆ ทำไมไม่เป็น Stone Bridge ละคะ เพราะภาษาอังกฤษตัวสุดท้ายคือนามหลักไม่ใช่เหรอคะ เลยงงค่ะ ถ้ามีใครรู้ช่วยบอกด้วยนะคะ ) จากคุณ : มอนจะ - [ 18 ต.ค. 50 17:56:33 ]

ความคิดเห็นที่ 23 อาหารสมองจริงๆจ้ะหลิง..ที่เคยสงสัยในบางข้อมานานก็มากระจ่างคราวนี้เอง...เห็นด้วยกับความเห็นที่ 4 ที่ว่าหลังสงคราม เศรษฐกิจของญี่ปุ่นเติบโตแบบก้าวกระโดดมากๆ..เรื่องนี้คนอายุ 60 กว่าขึ้นไปรับรู้ได้ดี..เห็นแฟนพี่บ่นๆบอกว่าโอโตซังใจเสาะ..ไม่ยอมซื้อที่ดินเก็งกำไรในตอนนั้นไม่งั้นก็รวยไม่รู้เรื่องไปแล้ว(ฮ่าๆโลภซะไม่มี)...เห็นแฟนบอกอีกว่าญี่ปุ่นตั้งตัวได้เพราะขายอาวุธสงครามให้เกาหลีใต้ในช่วงสงครามเกาหลี(จริงหรือเปล่าก็ไม่รู้)...แต่ที่แน่ๆผลของการแพ้สงครามเกิดความเดือดร้อนแก่ชาวบ้านละแวกนี้จนกระทั่งบัดนี้ก็คือเสียงของเครื่องบินฐานทัพอเมริกันที่บินวนไปเวียนมา..หนวกหูเสียงดังมากๆ.... จากคุณ : vipavee - [ 18 ต.ค. 50 18:38:38 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ขอบคุณสำหรับสาระที่นำมาฝากค่ะ จากคุณ : พนอจัน - [ 18 ต.ค. 50 19:15:09 ]

ความคิดเห็นที่ 25 อ่านแล้วก็คิดตามเลยค่ะ บางอย่างนี่ถึงกับอมยิ้มเลย ขอบคุณนะคะ จากคุณ : LittleRabbit-CU - [ 18 ต.ค. 50 19:27:06 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ชอบเรื่องบ๊วยเค็มของคุณ enjoymiracle จังเลย เพราะชอบอาราเร่มาก โดยเฉพาะเด็กชื่ออะไรหว่าตัดผมสั้นแบบเห็นเขียวๆ ด้านหลัง แล้วชอบถีบจักรยานอ่ะค่ะ ตัวละครมีคาแรกเตอร์ชัดเจนแบบนึกถึงทีไรขำทุกที จากคุณ : zuling68 - [ 18 ต.ค. 50 20:15:01 ]

ความคิดเห็นที่ 30 มีต่ออีกนิดนะค่ะ ก่อนไปทำการบ้านค้า Q บุคคลที่ปรากฏอยู่บนธนบัตรรุ่นปัจจุบันของญี่ปุ่นเขาเป็นใครกัน A ญี่ปุ่นจะมีการจัดทำที่ต่างจากบ้านเราที่ใช้รูปในหลวงพิมพ์ลงบนธนบัตร หรือถ้า เป็นประเทศอื่นส่วนใหญ่ก็จะเป็นนักการเมือง ประธานาธิบดี ฯลฯ แต่ที่ญี่ปุ่นไม่ ใช้รูปของมหาจักรพรรดิ์หรือนักการเมือง แต่จะใช้บุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์ ถ้าเป็นธนบัตรฉบับละ 1000 Yen จะเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ค้นพบเซรุ่มแก้พิษงู และค้นพบแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของซิฟิสิส  นักวิทยาศาสตร์ท่านนั้นมีชื่อว่า Hideo Noguchi ส่วนด้านหลังของธนบัตรจะเป็นรูปภูเขาไฟฟูจิ ถ้าเป็นฉบับละ 5000 yen จะเป็นรูปนักเขียนผู้หญิงที่มีชื่อเสียงมาก (เมื่อนาน มาแล้ว) ชื่อว่า Ichiyo Higuchi ที่ได้ชื่อว่าเป็นนักเขียนอาชีพคนแรกของญี่ปุ่น ด้านหลังของธนบัตรจะเป็นรูปดอกไม้ Iris ถ้าเป็นฉบับละ 10,000 yen จะเป็นรูป Professor Yukichi Fukuzawa ผู้ก่อ ตั้งมหาวิทยาลัย KEIO University และเป็นนักคิดคนสำคัญของญี่ปุ่น ส่วนด้านหลังของธนบัตรจะเป็นรูปปั้นนก Phoenix จากวัด  Byodoin temple แก้ไขเมื่อ 18 ต.ค. 50 20:28:16 จากคุณ : zuling68 - [ 18 ต.ค. 50 20:27:02 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ส่วนคำถามของน้อง Tokyo delight สำหรับเรื่องผู้หญิงทำไมหน้าผากแคบ หาแล้วไม่มีใครเคยกล่าวถึงเลยหง่ะ สงสัยด้วยคน  รู้แต่ว่าทำไมทาหน้าตาสีขาว เรื่องทาหน้าขาวเนี่ย สงสัยจะมีหลายทฤษฎี เพราะตอนที่ดูเฉลยทางรายการโทรทัศน์เนี่ย  เป็นอาจารย์ด้านประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น เฉลยว่าเป็นเพราะในห้องที่จะให้ผู้หญิง (ในที่นี่จะเป็นเกอิชาหรือเปล่า น่าจะใช่นะ) เข้าไปให้แขกเลือก (ไม่ได้หมายถึงขายบริการนะค่ะ คงให้บริการด้านชงชาหรือเล่นดนตรี) จะนั่งไกลและห้องก็ค่อนข้างมืด ดังนั้นจึงต้องทาหน้าขาวเพื่อให้เห็นเด่นชัดได้แม้ในแสงสลัว แต่ถ้าอ่านจากเว็บไซต์ฝรั่ง มักจะลงความเห็นตรงกันว่า เกิดจากการที่ช่วงเปิดประเทศใหม่ๆ คนญี่ปุ่นเดินทางไปตะวันตกและพบผู้หญิงตะวันตกผิวขาว เลยนำความรู้สึกนิยมชมชอบผู้หญิงหน้าขาวมาสู่ประเทศตนเอง โดยให้ผู้หญิงทาแป้งขาว จากคุณ : zuling68 - [ 18 ต.ค. 50 20:28:53 ]

ความคิดเห็นที่ 32 นอกเหนือจากนี้ยังมีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยอื่นๆ แบบสั้นๆ สรุปเลยนะค่ะ ส่วนใหญ่จะได้จากการดูทีวีค่ะ (ชอบรายการทีวีญี่ปุ่นก็ตรงนี้ค่ะ มีเรื่องน่ารู้ให้ดูเยอะแยะไปหมด อิจฉาชาวญี่ปุ่นจริงๆ ในเรื่องของการพัฒนาบุคลากรเนี่ย ทำได้ดีจริงๆ) Q ระหว่าง ฮอกไกโด กับ หนี่กะตะ prefecture ไหนปลูกข้าวได้มากกว่ากัน A เฉลย หนี่กะตะ ข้อนี้คุณชายที่บ้านตอบผิด เป็นคนหนี่กะตะแท้ๆ แต่ตอบฮอกไกโดเฉยเลย -------------------- Q ผู้ใช้บริการรถไฟระหว่างสถานีโตเกียวกับสถานีโยโกฮาม่า สถานีไหนมีคนใช้เยอะกว่ากัน A เฉลย โยโกฮาม่า คำถามนี้ตอนดู ทำให้ทีมที่ชนะเลิศอดไปเที่ยวฮาวายเลย เพราะตอบผิด ------------------- Qคนโอซาก้ากับคนโตเกียว ใครเดินเร็วกว่ากัน A ตอบคนโอซาก้า อันนี้ใครทำการวัดมิอาจรู้ได้ แต่เห็นเป็นเกร็ดขำๆ ดีค่ะ อัตราการเดินคือ 1.6 เมตรต่อวินาที (ละเอียดซะ) เป็นเมืองที่คนโดยเฉลี่ยเดินเร็วที่สุดในญี่ปุ่นส่วนคนโตเกียวแพ้ไปนิดหน่อยอัตราการเดินอยู่ที่ 1.56 เมตรต่อวินาที  ส่วนเมืองที่คนเดินช้าที่สุดอยู่ที่ Kagoshima เฉลี่ยแล้วอัตราการเดินคือ  1.33 เมตรต่อวินาที (ที่มาจากนิตยสาร Japanzine ปี 2004 ฉบับเดือนมกราคม) นึกอะไรออกไว้พรุ่งนี้มาเล่าใหม่นะค้า จากคุณ : zuling68 - [ 18 ต.ค. 50 20:32:29 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ก่อนไปดูการ์ตูนเพิ่มเกร็ดเล็กน้อยที่ได้จากรายการทีวีนะคะ Q: เคยสังเกตมั้ยว่าทำไมรสเมล์ที่ญี่ปุ่นจะเข้าป้ายรับผู้โดยสารค่อนข้างตรง ตามเวลาที่ระบุไว้ที่ป้าย ทั้ง ๆ ที่การจราจรควบคุมได้ยากกว่ารถไฟ (ยกเว้น มีเหตุสุดวิสัย) A: เพราะทางด้านหน้าของรถเมล์บริเวณด้ายซ้ายบน จะมีกล่องเล็ก ๆ เป็น กล่องที่ส่งสัญญาณไปควบคุมสัญญาณไฟจราจร หากคนขับรถเมล์ดูแล้ว เวลาจวนเจียน หรือจะสาย จะส่งสัญญาณนี้ไปเปลี่ยนจากไฟแดงให้เป็นไฟ เขียว เพื่อที่ไม่ต้องติดไฟแดง จอดเข้าป้ายได้ทันเวลา (ดูแล้วทึ่งเจรง ๆ) จากคุณ : fudge-a-mania - [ 18 ต.ค. 50 20:39:43 ]

ความคิดเห็นที่ 34 สนุกดีค่ะ รออ่านอีกนะคะ จากคุณ : midori_p - [ 18 ต.ค. 50 20:59:18 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ได้ความรู้เพียบเลย ขอบคุณคะ จากคุณ : maigo - [ 18 ต.ค. 50 22:09:10 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ชอบที่ญี่ปุ่นเขามีหนังสือให้อ่านเยอะจริงๆ เลย ไม่เหมือนที่ไทย อยากให้ไทยมีหนังสือให้อ่านเยอะๆแบบญี่ปุ่นจังเลย จากคุณ : My life in Japan. - [ 18 ต.ค. 50 22:45:44 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ช่วยเพิ่มเติม เกร็ดความรู้บ้างครับ แจมๆๆ อิอิ Q . สัญลักษณ์หน่วยเงิน เยน ของญี่ปุ่น ที่เป็นรูปคล้ายตัวสี่เหลี่ยม มีขีดตรงกลาง เอามาจากตัวคันจิ ตัวไหนของจีน A. ไม่ได้เอามาจากตัวอักษรคันจิของจีน แต่เอามาจากรูปร่างอาคารของธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่น (Nippon Ginko) ถ้าใช้ Google มองจากด้านบน ก็จะเห็นเป็นรูปนี้นะครับ จากคุณ : T-E-N-A - [ 19 ต.ค. 50 00:18:33 ]

ความคิดเห็นที่ 38 แถมอีกหน่อย เห็นพี่หลิง พูดเรื่องที่มาของแบนด์สินค้า Bridgestone มาจากเจ้าของชื่อ ishibashi ซึ่งแปลว่า หินและสะพาน ผมก็เคยได้ยินคนญี่ปุ่นบอกเหมือนกันนะครับว่า แบนด์สินค้า SONY ก็เอามาจากชื่อเจ้าของ ที่แปลว่า พระอาทิตย์   แต่ภาษาอังกฤษ น่าจะเขียนว่า SUN มากกว่านะ ฝากพี่หลิงดูให้หน่อยนะครับ อิอิ อ้อ..แล้วผู้ชายญี่ปุ่น ที่เรียกภรรยา ตัวเองว่า "โอคุซัง" เนี่ย ได้ยินมาว่า สมัยก่อน ภรรยาชาวญี่ปุ่นต้องทำงานเรือนอยู่แต่ภายในบ้าน หรือหลังบ้านนู้นอ่ะ ปรมาณว่า อย่าได้มาเสนอตัวอยู่หน้าบ้านเชียว ซึ่ง คำว่า "โอคุ" ก็แปลว่า ลึก เหมือนกับเรียกภรรยาคือคนที่อยู่ลึกๆในบ้านนั่นเอง จากคุณ : T-E-N-A - [ 19 ต.ค. 50 00:40:21 ]

ความคิดเห็นที่ 39 โอ้วความรู้เยอะเลยขอบคุณมากค่ะพี่หลิง จากคุณ : แม่บ้านณ.โตเกียว - [ 19 ต.ค. 50 06:42:59 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ฟัดจ์--> ทึ่งเรื่องรถเมล์จัง สามารถทำได้ขนาดนั้นเลยเหรอ ซู๊ดยอดดดด ว่าแต่ว่าชื่อ fudge-a-mania มาจากอะไรเหรอ ต่อมสงสัยเริ่มทำงาน ฮิฮิ สำหรับที่น้อง TENA ถามนะค่ะ พีเพิ่งไปค้นมาเมื่อกี้นี้ ยังไม่มีเวลาหาเพิ่มเติม เดี๋ยวไปเรียนเสร็จกลับมาจะมาช่วยไขข้อสงสัยเด้อ แต่ชอบรูปอาคารรูป "เงินเยน" จัง มันเหมือนกันจริงๆ ด้วย ------------------------- Sony — from the Latin word 'sonus' meaning sound, and 'sonny' a slang word used by Americans to refer to a bright youngster, "since we were sonny boys working in sound and vision", said Akio Morita. The company was founded as Tokyo Tsoshiu Kogyo KK (Tokyo Telecommunications Engineering Corporation) in 1946, and changed its name to Sony in 1958. Sony was chosen as it could be pronounced easily in many languages. เอาไปอ่านก่อนนะค่ะ ------------------------------------ Qทำไมบริษัทถึงชื่อ SHARP? A เกิดจากชื่อของสิ่งประดิษฐ์ชิ้นแรกของบริษัท นั่นก็คือ SHARP PENCIL ในปี 2458 ค่ะ ต่อมาเลยกลายเป็นชื่อของบริษัทไปค่ะ บริษัทเกิดมานานจริงๆ จากคุณ : zuling68 - [ 19 ต.ค. 50 06:43:18 ]

ความคิดเห็นที่ 41 คำที่ใช้เรียกสามี-ภรรยาของญี่ปุ่นเนี่ย ดูตามคันจิมันก็บ่งบอกการแบ่งเพศ แบ่งพรรณ(พันธุ์)อยู่แล้ว โอคุ - ลึก/ใน ชู/โอโมะ(นะ)/อะรุจิ - หลัก/นาย/นำ ใครอยากเปลี่ยนบทบาทในครอบครัวก็ทำได้นะคะ เรียกภรรยาว่า - ชูจิน เรียกสามีว่า - โอคุคุง :) ชื่อบริษัทญี่ปุ่น มักจะมีที่มาที่ไปที่รู้มาคือ......(หากผิดขออภัยค่ะ) Hitachi -  เดิมเมืองHitachi เป็นเหมืองผลิตแร่ทองแดง ณที่นั่นมีโรงงานทำ สายไฟฟ้า และโรงงานทำมอเตอร์ออกมา บริษัทฮิตาชิมีเชื่อเสียงเรื่องทำ มอเตอร์ Toshiba - ย่อมาจาก Tokyo Shibaura Denki Ricoh - ดิฉันเข้าใจผิด คิอว่า มาจากคำว่า ฉลาด / เฉียบคม ที่ไหนได้...ย่อมาจาก Riken(rika kenkyuujo) Kougaku จากคุณ : fudge-a-mania - [ 19 ต.ค. 50 07:13:04 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ฮ่วย เจ๊ไม่ต้องสงสัย.... มันมาจากหนังสือของ Judy Blume เรื่อง Fudge-a-mania / Super Fudge / Double Fudge ตอนสมัครล็อกอินไม่รู้จะเอาชื่ออะไร ก็เลยเอาชื่อ คาแรกเตอร์ของหนังสือ เล่มนี้ อิตเตะรัชชัยค่ะ จากคุณ : fudge-a-mania - [ 19 ต.ค. 50 07:16:29 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ขอบคุณพี่หลิงมากนะครับ สำหรับข้อมูล Sony ที่ช่วยหามาให้ ผมก็คิดไว้แล้วเชียว ว่าที่ได้ยินมามันไม่น่าจะใกล้เคียง สำหรับพี่ฟัดจ์ ขอบคุณมากนะครับ สำหรับที่มาของชื่อบริษัทเพิ่มเติม ตกลง เจ้าดินสอกด ที่ภาษาญี่ปุ่นเรียกกันนี่ มาจาก บ. Sharp pencil เองหรือเนี่ย ว่าแต่...ถ้าสามีเปลี่ยนบทบาทหน้าที่กันจริงๆ เนี่ย เขาเรียกสามีว่า โอคุคุง กันจริงๆ หรือเปล่าครับ? จากคุณ : T-E-N-A - [ 19 ต.ค. 50 07:32:43 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ขอบคุณค่ะได้สาระเยอะเลย.. อยากรู้ว่าข่าวพยากรณ์อากาศทำไม ..ไซตะมะ..เป็นจังหวัดเดียวที่มักใช้ฮิราคานะอ่ะค่ะ Ps.ชอบรายการทีวีญี่ปุ่นมากๆ เหมือนกันค่ะ ..ได้รู้ได้เห็นอะไรน่าสนใจเสมอ :> จากคุณ : แอบอ่านค่ะ - [ 19 ต.ค. 50 07:39:21 A:124.255.243.235 X: ]

ความคิดเห็นที่ 45 คนโตเกียวอัตราการเดินอยู่ที่ 1.56 เมตรต่อวินาที อ่ะโหวว ถ้าคิดคร่าว ๆ ว่า  1ก้าวประมาณ 0.50 เมตร ก็คือ 3ก้าว/วินาทีเชียวนะเนี้ย เราเอง วินาทีละ 0.40 เองมั๊งคะ  เดิน ๆ หยุด ๆ แวะ ๆ 555 อันนี้เพิ่งนึกได้อีกอันค่ะ * ทำไม ต้องเขียน  Beer Yebisu และ Yen ด้วย Y นำด้วยจ๊ะ .. ทั้งๆ  ที่ เขียนแค่ Ebisu และ En ก็ได้แล้ว ------ ติ๊ก ต่อง ติ๊ก ต่อง ------- คำตอบ คือ  ที่เราเรียนภาษาญี่ปุ่นกัน มี hiragana for vowels - a i u e  ความจริงมีอีกตัวคือ ye ด้วยนะคะ เคยเห็นกันรึเปล่า เขียนเป็นฮิรากานะ ได้ ลักษณะเหมือน  ru เขียนรวมกับ e ม้วนหางเข้า จ้า  เป็นตัวญี่ปุ่นเก่าที่ใช้ในปัจจุบันไม่ค่อยมีให้เห็นกันแล้ว ก็เลยกระจ่างแล้วว่า ทำไม ต้อง เบียร์ (Y)ebisu  กับ เงิน (Y)en จากคุณ : il y a - [ 19 ต.ค. 50 08:17:27 ]

ความคิดเห็นที่ 46 กระทู้นี้ ค. รู้เพียบเลยค่ะ แจ๋ว แจ๋ว ^^ จากคุณ : manachan - [ 19 ต.ค. 50 08:37:34 ]

ความคิดเห็นที่ 47 Q: ในข่าวพยากรณ์อากาศ ทำไม จ.ไซตามะถึงไม่ใช้คันจิ แต่ใช้ฮิรางานะ A: เพราะไซตามะที่เห็นนั้น ไม่ได้หมายถึงจังหวัดไซตะมะค่ะ แต่หมายถึง ไซตามะชิ (เขตไซตะมะ อันประกอบไปด้วย โอมิยะ โยโนะ และ อุราวะ) เหตุผล 1. เพื่อมิให้คนดูสับสนว่าเป็นจ.ไซตามะ จึงใช้ฮิรางานะแทนคันจิค่ะ 2. เมื่อใช้ฮิรางานะเขียน จะได้ความรู้สึกนุ่มนวลกว่าใช้คันจิเขียนค่ะ -------------------------------------------------------------- เคยเผลออ่านชื่อจ.อิบาราคิผิดมั้ยคะ แม้กระทั่งคนญี่ปุ่นบางคน ก็อ่านเป็น Ibaragi ที่ถูกต้องคือ Ibaraki ไปเป็นแจ๋วต่อแล้วค่ะ จากคุณ : fudge-a-mania - [ 19 ต.ค. 50 09:17:27 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ขอบคุณคุณ zuling68 และคุณ Pattylala มากค่ะ เอาไว้สบโอกาสได้ไป Central World Plaza เมื่อไหร่ จะลองไปชิม Burger ที่ Mos นะคะ เห็นคนการันตีมาถึง 2 คนอย่างนี้ ชักอยากชิมแล้วค่ะ จากคุณ : Tai-Sarunya - [ 19 ต.ค. 50 11:14:57 ]

ความคิดเห็นที่ 49 กระทู้สร้างสรรค์ ความรู้เต็มๆ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : Coastline - [ 19 ต.ค. 50 12:06:44 ]

ความคิดเห็นที่ 50 มาเก็บข้อมูลค่ะ  ขอบคุณมากๆค่ะ จากคุณ : LilyAi - [ 19 ต.ค. 50 12:33:17 ]

ความคิดเห็นที่ 51 รถเมล์เปลี่ยนสัญญาณไฟได้!!!! ทึ่งจริงๆ น่าจะมาใช้ในเมืองไทยมั่ง ฮิฮิ เห็นคำว่า sony แล้ว นึกถึงหนังเรื่องนึง ที่ดัดลีย์ มัวร์(มั้ง)เล่น นานมากแล้ว ที่ตัวเอก เกิดอะไรก็ไม่รู้ ไปอยู่ รพ.บ้า แต่คนไข้บ้าแบบนิสัยดี ไม่เป็นอันตราย แล้วมีวันนึง คนบ้าก็ตั้งทีมโฆษณา โดยมีตัวเอกนำ แล้วมีคนบ้าคนนึงคิดธีม ว่า Sony Bony คนญี่ปุ่น(ในเรื่อง)ที่เป็นผู้บริหารมาดู ก็โกรธสุดๆ ลุกหนีไปเลย (ก็น่าหรอกนะ) จากคุณ : Canossa - [ 19 ต.ค. 50 12:34:51 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ของคุณ ILYA เกี่ยวกับ YEBISU ไม่เคยทราบมาก่อนเลยค่ะ โดยเฉพาะตัวหนังสือ Ye เนี่ยไม่เคยเห็นเลย แต่ตัวเองภาษาญี่ปุ่นอ่อนแอค่อนข้างมาก ขอบคุณมากค่ะ ------------- ดีจังเลยค่ะ มีคนมาร่วมโพสต์ร่วมสงสัย แล้วช่วยกันมาหาคำตอบ ชอบบรรยากาศแบบนี้จังเลยค่ะ ------------ สำหรับเรื่อง ibaraki ตัวเองก็อ่าน ibaragi จนชินไปแล้ว ไม่รู้ไปติดมาจากไหนเนี่ย ------------ เขียนเกี่ยวกับมอสเบอร์เกอร์ เลยชักอยากกิน วันนี้เลยไปแวะกินแทนข้าวเที่ยงมาค่ะ ขอเอารูปมาอวดนิดนึงนะค่ะ ราคา 300 yen บวกชุดมันฝรั่งกับกาแฟอีก 290 yen เป็น 590 yen จะว่าแพงก็แพงสำหรับฟาสต์ฟู๊ดนะค่ะ แต่ก็รสชาดก็อร่อยใช้ได้ ไม่ถึงกับเลิศเลอแต่กินแล้วเพลินๆ ดีค่ะ คุณ tai-suranya ไปทานเมื่อไหร่มาเล่าให้ฟังด้วยนะค่ะว่าเป็นไงบ้าง แก้ไขเมื่อ 19 ต.ค. 50 13:26:10 จากคุณ : zuling68 - [ 19 ต.ค. 50 13:18:33 ]

ความคิดเห็นที่ 53 รูปประกอบค้า จากคุณ : zuling68 (zuling68) - [ 19 ต.ค. 50 13:21:59 ]

ความคิดเห็นที่ 54 อ้าวำทำไมไม่ขึ้น ขอลองอีกทีนะค่ะ จากคุณ : zuling68 - [ 19 ต.ค. 50 13:24:07 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ทึ่งเรื่องรถเมล์มากเลยค่ะ สมัยก่อน ตอนมาอยู่ญี่ปุ่นใหม่ๆ  ใช้บริการรถเมล์เกือบทุกวัน แถวๆ อุเอโนะ ตอนนั้น คิดเองว่า คงเพราะระยะทางต้นสายไปสุดสาย มันสั้นมากๆ เขาเลยควบคุมเรื่องเวลาได้  คือ รถเมล์สายที่ใช้บริการนั้น นั่งจากต้นสายไปสุดสาย ระยะทางสั้นขนาดที่ว่าถ้าจะเดินก็เดินได้ แต่ไม่เอา กลัวผอมค่ะ555 เพิ่งเข้าใจว่าที่เดาเองนั้นผิด เรื่องคันจิ "เยน" ก็ทึ่ง  แต่อักษรจีนมีมาแต่ครั้งโบราณ ตึกนี้ใหม่กว่า แอบสงสัยว่า จะเป็นไปได้มั้ยว่า ตึกของธนาคาร ออกแบบให้คล้ายคันจิ "เยน"  (ซึ่งญี่ปุ่นน่าจะเอามาจากจีน)   เรื่อง อิบาราคิ เคง  นี้  เคยมีหนังสือวางขายด้วยนะคะ แต่ไม่เคยอ่าน เห็นที่ร้าน หนังสือเฉยๆ   "Ibaragiken janakute ibaraki dayo"  ชื่อประมาณนี้ค่ะ แสดงว่า คนญี่ปุ่นเอง ก็ยังเข้าใจผิดเยอะจริงๆ จากคุณ : วดี - [ 19 ต.ค. 50 14:23:20 ]

ความคิดเห็นที่ 56 มีต่ออีกนิดหน่อย เรื่องเศร้านะค่ะ แต่เป็นเรื่องที่เราได้ยินกันบ่อยๆใน สังคมคนญี่ปุ่น Q.  ญี่ปุ่นได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีอัตราการฆ่าตัวตายสูงมากประเทศหนึ่ง ในโลก ทราบไหมว่าตอนนี้ติดอันดับที่เท่าไหร่ในโลกค่ะ A.  อันดับที่แปดค่ะ อันดับก่อนหน้าส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มประเทศยุโรป ตะวันออกโดยเฉพาะประเทศเล็กๆ และประเทศรัสเซีย ที่เกิดจากการแตก ตัวจากสหภาพโซเวียตมีอัตราการฆ่าตัวตายสูงมากๆ  นอกเหนือจาก ปัจจัยด้านการเงินการงาน ความรับผิดชอบ ส่วนตัวคิดว่าความหนาวน่าจะ เป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลให้การฆ่าตัวตายสูง เพราะประเทศในกลุ่มเขตร้อน ไม่ค่อยติดอันดับสูงๆ เท่าไหร่ ถ้าประเทศในเขตเอเชียแล้ว รองลงมา จากญี่ปุ่นก็ศรีลังกา เกาหลี และ ตามด้วยฮ่องกง ในญี่ปุ่นเอง prefecture ที่มีอัตราการฆ่าตัวตายสูงสุดคือ niigata ค่ะ ปัญหาดังกล่าวนี้ไม่ใช่ปัญหาที่รัฐบาลญี่ปุ่นละเลยนะค่ะปล่อยไปตามยถากรรม รัฐบาลพยายามหามาตรการป้องกันหลายอย่างด้วยกัน เพื่อลดอัตราการ ฆ่าตัวตายลง ไม่ว่าจะสนับสนุนให้มีหน่วยงานรับปรึกษาปัญหาต่างๆ จัดทำคู่มือ การแก้ไขปัญหาการว่างงาน รวมถึงตรวจสอบเว็บไซต์ที่มัก จะมีการชักชวนให้มีการฆ่าตัวตาย เป็นต้น จะได้ผลมากน้อยขนาดไหน ก็ต้องว่ากันต่อไปว่าปีนี้อัตราจะลดลงบ้างหรือไม่ บางทีอ่านข่าวพวกนี้ก็หวาดๆ ขึ้นมาบ้างเหมือนกัน เคยบอกแฟนว่า มีปัญหาอะไรไม่ต้องเครียดมากนักนะ มีปัญหาอะไรก็คุยกันได้น้า อย่าเก็บไว้คนเดียว (แต่ถ้ามีเมียน้อย เมิงงตาย ฮิฮิ ล้อเล่นค้า สามีออกจะ เป็นหนุ่ม(น้อย) รักเดียวใจเดียว) จากคุณ : zuling68 - [ 19 ต.ค. 50 14:50:47 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ^ ^ เคยได้ยินว่าเป็น จ.อาคิตะค่ะที่สถิติการฆ่าตัวตายสูงสุด กลายเป็นนิงาตะเหรอคะ จากคุณ : fudge-a-mania - [ 19 ต.ค. 50 15:25:25 ]

ความคิดเห็นที่ 58 Q รถไฟสายไหนเป็นที่นิยมฆ่าตัวตายมากที่สุด A คำตอบ สาย Chuo Line ปี 2000 มีจำนวน 22 รายจากทั้งหมด 38 ราย ว่ากันว่าเป็นเพราะเป็นรถไฟสายที่วิ่งตรงมากที่สุดสายหนึ่งในญี่ปุ่น ด้วยความตรงของเส้นทางทำให้รถไฟวิ่งได้เร็วทำให้การฆ่าตัวตายไม่พลาดเป้า นอกจากนั้น Chuo Line ยังเป็นรถไฟเส้นที่ยาวมาก ดังนั้นความน่าจะเป็นที่ คนจะเลือกใช้เส้นทางนี้จึงมีมากกว่าสายอื่น และอีกสาเหตุหนึ่งก็คือ  JR ยังคิดค่าเสียหายในอัตราที่ถูกกว่าบริษัทรถไฟเอกชน (ถูกกว่าแต่ก็ยังแพงอยู่ดีนะ เพราะจริงๆ ตั้งใจคิดแพงก็เพื่อป้องกัน มิให้เกิดการฆ่าตัวตายเกิดขึ้น แต่สุดท้ายก็ยังเกิดขึ้นบ่อยๆ อยู่ดี) ค่าเสียหายที่ JR คิดอาจสูงถึง 100 ล้านเยน แต่ไม่ใช่ว่า JR จะไปฟ้องค่าเสียหายจากทรัพย์สินของครอบครัว แต่ JR มีสิทธิ์ที่จะฟ้องร้องเรียกค่า หายก็ต่อเมื่อบุคคลนั้นมีทรัพย์สินมรดกหรือได้รับเงินประกันจากการเสียชีวิต JR จะเรียกร้องจากเงินก้อนดังกล่าวเป็นค่า clean up cost  และค่าสูญ เสียโอกาสจากรายได้ เนื่องจากรถไฟต้องหยุดการให้บริการเป็นการชั่วคราว หลายคนบอกว่า JR ช่างใจร้ายจังคิดค่าเสียหายแพง แต่ JR ก็โต้ว่า การเรียกร้องค่าเสียหายแพงๆ นั้นก็เพื่อป้องกัน นอกจากนี้ไม่ใช่ทุกกรณีไปที่ JR จะเรียกร้องค่าเสียหายได้เต็มมูลค่า เช่น หากครอบครัวมีฐานะไม่ดีก็อาจจะไม่ได้เรียกร้องเต็มมูลค่า เป็นต้น เฮ้อ เขียนแล้วก็เศร้าแทนคนญี่ปุ่น แต่เป็นข้อมูลเพื่อทราบกันไว้แล้วกันนะค่ะ จากคุณ : zuling68 - [ 19 ต.ค. 50 17:08:32 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ฟัดจ์จ้า พี่ไปอ่านมาจาก Japanzine สงกาสัยข้อมูลจะผิดหรือ ไม่ update แหง๋เลย เขาเขียนว่า niigata แต่พอฟัดจ์ทักปุ๊ป ลองค้นดูข้อมูลแหล่ง อื่นจากเน็ตก็น่าจะเป็น Akita prefecture ข้อมูลปีล่าสุดหาไม่เจอ เจอ แต่ข้อมูลปีเก่าๆ ซึ่ง AKITA เป็นแชมป์เกือบสิบปีซ้อน ส่วน niigata เนี่ย ไม่รู้นิตยสาร Japanzine ไปเอามาจากไหนเหมือนกัน เขาไม่ได้อ้าง แหล่งที่มาจ้า --------------------------- ช่วงนี้หยุดเขียนชั่วคราวไปมุงที่ห้องเฉลิมไทย เพราะมีข่าวอั้มเย์เข็ม อะไรเนี่ย!! งง!!! เข้าไปจะอ่านเรื่องหนังกลายเป็นกระทู้ดาราเต็มไปหมดเลย -------------------------- ก่อนไปอีกรอบ มีเรื่องน่ารักเป็นข้อสังเกตของฝรั่งคนหนึ่ง เขาเขียนได้น่ารักดี เขาบอกว่า เขาเคยสังเกตการเปลี่ยนหลอดไฟหนึ่งหลอดที่สถานี JR ชินจูกุ พบว่าการเปลี่ยนหลอดไฟหนึ่งหลอดต้องใช้คนงานทั้งหมด หกคน ทำไมต้องหกคน เขาบอกว่า หนึ่งคนเปลี่ยนหลอดไฟ สองคนจับบันได สามคนคอยอยู่รอบๆ ให้ความสะดวกและดูแลผู้เดินผ่านไปมา (ฮาดี) แต่ก็สะท้อนให้เห็นถึงอะไรหลายอย่างเหมือนกันนะค่ะ อย่างน้อยก็เรื่อง safety awareness!! แก้ไขเมื่อ 19 ต.ค. 50 18:19:40 จากคุณ : zuling68 - [ 19 ต.ค. 50 18:14:53 ]

ความคิดเห็นที่ 60 สงสัยเรื่องฆ่าตัวตายนิดนึงค่ะ ปี 2000 มีแค่ 38 รายเหรอคะ ตอนนี้คิดว่าน่าจะมีเยอะมากกว่านี้นะคะ ( เอ่อ คือเรื่องนี้มันหดหู่ เลยไม่กล้าเสิร์ชหาข้อมูลดูน่ะค่ะ กลัวเจอลิ้งค์สยอง ถามดูเผื่อใครทราบ ช่วยมาแบ่งปันความรู้กันด้วยค่ะ ) เพราะว่าเวลาไปในเมือง ( อยู่บ้านนอกค่ะ ) เจอรถหยุดวิ่งประจำเลย พอแหงนหน้าดูป้าย เฮ้อ ว่าแล้วเชียว มีคนฆ่าตัวตายอีกแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งวันจันทร์กับวันศุกร์ หรือบางทีอย่างสายยามาโนะเตะ ที่เค้าจะมีจอรายงานสภาพการจราจรของรถไฟสายอื่นๆด้วย ก็มีโชว์ว่ามีอุบัติเหตุจากคน ( ฆ่าตัวตายน่ะแหล่ะ ) เห็นแล้วเศร้าค่ะ อะไรจะบ่อยขนาดนั้น แถมเลือกวิธีตายแบบน่ากลั๊วน่ากลัว เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ทำให้มุมมองของตัวเองต่อประเทศนี้เปลี่ยนไปมากเลย จากคุณ : มอนจะ - [ 19 ต.ค. 50 18:34:22 ]

ความคิดเห็นที่ 61 เรื่องที่ว่าคนฆ่าตัวตาย จ.อาคิตะเยอะสุดนั้น เป็นเพราะเพื่อนเคยอยู่อาคิตะ เมื่อ 6-7 ปีที่แล้วค่ะพี่ แล้วเค้าบอกว่า เค้าเชื่อแล้วที่ว่าสถิติการฆ่าตัวตาย ของจังหวัดนั้นสูงสุด เพราะอากาศ+บรรยากาศ มันซึม ๆ เศร้า ๆ ทั้งยังหนาว เหน็บ มันช่วยเป็นใจให้คนคิดสั้นมาก ๆ จังหวัดนีงาตะนี่อาจจะได้แชมป์ 3 ปีซ้อน เรื่องเป็นจังหวัดที่มีคนตายมาที่สุด ก็ได้นะคะ แบบว่าเจอภัยธรรมชาติรุมเร้าเหลือเกิน ไม่ต้องฆ่าตัวตายก็ถึง ฆาตเอง แฮ่ะๆๆ จากคุณ : fudge-a-mania - [ 19 ต.ค. 50 20:17:01 ]

ความคิดเห็นที่ 62 คุณมอนจะจ๊ะ เข้าใจว่าตัวเองเขียนสั้นไปหน่อย คนเขียนน่าจะหมายถึงคนฆ่าตัวตายโดยกระโดดให้รถไฟทับมั๊งค่ะ ถ้าทั้งปีของญี่ปุ่นน่าจะเกิน 30000 รายต่อปีค่ะ จากคุณ : zuling68 - [ 19 ต.ค. 50 20:44:03 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ชอบกระทู้นี้จัง ได้ความรู้ แถมสนุกด้วย จากคุณ : NeneShin - [ 19 ต.ค. 50 20:47:23 ]

ความคิดเห็นที่ 64 เรื่องไม่ค่อยน่าพิศมัยเท่าไหร่ แต่เคยทราบมาว่าที่อาคิตะเป็นจังหวัดที่มีอัตราการเกิดต่ำที่สุด อัตราการแต่งงานก็ต่ำที่สุด รายได้ต่อประชากรในเขตภาคเหนือก็ต่ำที่สุด แถมยังมีแสงแดดน้อยและก็หนาวมากอีกต่างหาก (แค่ฟังก็เหี่ยวใจแทนแล้ว) จังหวัดอาโอโมริกับอิวาเตะที่อยู่ทางเหนือก็มีอัตราสูงเช่นกัน ทั้งนี้อาจจะเนื่องมาจากปัจจัยทั้งทางด้านเศรษฐกิจ (ผลผลิตการเกษตรลดลง) และด้านสุขภาพการรักษาพยาบาล (จำนวนโรงพยาบาลลดน้อยลง) กว่าครึ่งของผู้ที่ฆ่าตัวตายเป็นผู้สูงอายุที่ประกอบอาชีพทางเกษตรกรรม แต่ที่น่าแปลกคือส่วนใหญ่มาจากครอบครัวที่อยู่ร่วมกัน 3 รุ่น (แสดงให้เห็นว่าปัญหาความสัมพันธ์กันของคนในครอบครัวก็อาจจะมีส่วนอย่างมาก) แก้ไขเมื่อ 19 ต.ค. 50 21:27:56 จากคุณ : Tokyo DeLight - [ 19 ต.ค. 50 21:07:31 ]

ความคิดเห็นที่ 65 อย่างว่าแหละนะ อาคิตะ ชื่อมันก้อ เบื่อ... อยู่แล้ว เนอะคะ จากคุณ : midori_p - [ 20 ต.ค. 50 21:55:05 ]

ความคิดเห็นที่ 66 คุณ zuling68 เอารูปมาให้ดูอย่างนี้แล้วทำให้หิวขึ้นมาเป็นกำลังเลยค่ะ จากคุณ : Tai-Sarunya - [ 20 ต.ค. 50 23:39:26 ]

ความคิดเห็นที่ 67 เอาอีกๆ อัพๆๆ ค่ะ มีเก็บความรู้แหลก สุดยอดมากๆ ยกสาเกให้หนึ่งขวดใหญ่ๆค่ะ เอิ้ก มาววววว(อีกล่ะ ) จากคุณ : หนาวล่ะ ใส่เสื้อหนาๆนะ (Nada Sousou) - [ 21 ต.ค. 50 23:21:19 ]

ความคิดเห็นที่ 68 อ่านที่คุณ Tokyo DeLight บรรยายถึงจังหวัดอาคิตะแล้วมันดูเศร้า ๆ จริง ๆ นะคะ วันไหนที่หุ้นตกเยอะ ๆ แล้วต้องเดินทางโดยรถไฟนี่ ทำใจไว้ได้เลยค่ะ ว่ามีคนฆ่าตัวตายแน่ ๆ ชอบกระทู้นี้จัง อ่านสนุก แถมได้ความรู้ด้วย จากคุณ : Ssachiy - [ 22 ต.ค. 50 05:32:41 ]

ความคิดเห็นที่ 69 กระทู้นี่อ่านแล้วเพลินแถมได้ความรู้อีกตังหาก จากคุณ : พระอาทิตย์อมยิ้ม - [ 27 ต.ค. 50 13:55:11 ]

ความคิดเห็นที่ 70 มาเพิ่มเติมนิดนึงว่าจากผลการสอบวัดระดับความรู้เด็กประถมหกกับมัธยมต้นชั้นปีที่สามที่ผ่านมา ปรากฏว่าจังหวัดอาคิตะได้ที่หนึ่งในเกือบทุกประเภท หลายคนให้ความเห็นว่าที่เด็กทำคะแนนได้ดีเนื่องมาจากที่อาคิตะไม่ค่อยมีที่เที่ยวและอากาศหนาว เด็กจึงมักจะอ่านหนังสืออยู่บ้านมากกว่าออกไปเที่ยวเล่นข้างนอก ประกอบกับในห้องเรียนมีเด็กน้อย อาจารย์เลยสามารถดูแลได้ทั่วถึง คงจะจริงกับคำกล่าวที่ว่า "ท่ามกลางสิ่งที่เลวร้าย ย่อมมีสิ่งดีๆ ซ่อนอยู่ด้วยเสมอ" แก้ไขเมื่อ 30 ต.ค. 50 21:04:22 จากคุณ : Tokyo DeLight - [ 30 ต.ค. 50 13:54:01 ]