ความคิดเห็นที่ 1 คนที่ถือ 2 สัญชาติ ต้องจำไว้เสมอนะครับว่า  ถ้าเดินทางเข้า-ออก ประเทศไหน เราต้องยื่นตอนเข้า-ออก ด้วยพาสปอร์ตประเทศนั้นๆ เสมอ เช่น เข้าไทย ยื่นพาสฯ ไทย  ออกจากไทย เจอตม. อีก ก้อยื่น พาสฯ ไทย  พอไปถึง ญี่ปุ่นเจอ ตม. ยี่ปุ่นก้อยื่นพาสฯ ยี่ปุ่น เป็นต้น เข้าใจนะครับ จนท. พูดถูกต้องแล้วครับ  และผมอยากเหลือเกิน  อยากให้ทุกคนที่มี 2 สัญชาติ ได้โปรด อยากไปกระตุ้น จนท. หรือฝ่ายปกครอง เรื่องนี้มากๆ เพราะผมจะกระซิบให้ว่า เค้าพูดถุกแล้ว คือ ถ้าคุณมี 2 สัญชาต  ตามกฎหมายไทย ถ้าว่าตามตัวอักษรเป๊กๆ หรือผมเชื่อว่า ทุกประเทศ ไม่ว่าประเทศไหน ก้อเช่นกัน คือ คุณห้ามถือสิทธิ์ 2 สัญชาติ นะครับ  และประเทศไทย จะมีหลักที่ว่า เมื่อคุณมีสิทธิ์เลือกได้สัญชาติอีกอัน  ตามหลักสถานทูตประเทศนั้นๆ จะส่งชื่อมาให้ยังฝ่ายปกครอง และทางฝ่ายปกครอง ประเทศไทย ก้อจะเอาชื่อคุณลงในพระราชกิจจานุเบกฯ เมื่อชื่อคุณโดยประกาศในพระราชกิจฯ แล้ว สัญชาติไทยของคุณก้อจะสิ้นสุดลง ตามวันที่ระบุในพระราชกิจฯ นั้นนะครับ แต่ในทางปฎิบัติ  อิอิ  เราโชคดี ที่ประเทศไทยเราไม่ได้เคร่งครัดเอาเป็นเอาตายมาก เกี่ยวกับเรื่องนี้  และยึกหลักเป๊ะๆๆ โดยการให้ทางสถานทูตส่งรายชื่อมาทุกๆ เดือน (รู้สึกเคยได้ยินบางประเทศทำนะครับ  อาจจะ 3 เดือน 6 เดือนแล้วแต่)  แล้วประกาศลงพระราชกิจฯ  ดีที่เราไม่เป็นอย่างประเทศอื่นเค้า ดังนั้น อย่าไปกระตุ้นเค้ามาก นะครับ  คริคริ เดียวพอมากๆ เข้าหรือมีเรื่อง เค้าเอาจริงเอาจัง  เราจะเสียสัญชาติไทยไป คือต้องเลือก แล้วสิทธิ์คนไทยเราก้อจะหมดไป คำตอบ คนไทยเราถือ 2 สัญชาติได้ครับ ตราบใดที่เค้ายังไม่เอาชื่อเราลงในพระราชกิจจาฯ เรายังไม่เคร่งมากเรื่องนี้  ^ ^ จากคุณ : ไนท์ (nite_neo) - [ 22 ต.ค. 50 16:51:07 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ลองเข้าไปดูที่นี่นะคะ ข้อมูลอาจจะเป็นประโยชน์ค่ะ http://rujirat.com/?p จากคุณ : นาเดีย (chongkolee) - [ 22 ต.ค. 50 16:58:43 ]

ความคิดเห็นที่ 3 "ผมเชื่อว่า ทุกประเทศ ไม่ว่าประเทศไหน ก้อเช่นกัน คือ คุณห้ามถือสิทธิ์ 2 สัญชาติ นะครับ"   ขอแย้งนิดนึงค่ะ ประเทศสวีเดน คุณสามารถถือ 2 สัญชาติได้อย่างถูกกฏหมายค่ะ จากคุณ : เพนกวินสวีเดน - [ 22 ต.ค. 50 21:16:00 ]

ความคิดเห็นที่ 4 FYI:    The JAPANESE Ministry of Justice Online Description regarding The Choice of NATIONALITY    http://www.moj.go.jp/ENGLISH/information/tcon-01.html Quote A Japanese national having a foreign nationality (a person of dual nationality) shall choose either of the nationalities before he or she reaches twenty two years of age (or within two years after the day when he or she acquired the second nationality if he or she acquired such nationality after the day when he or she reached twenty years of age). If he or she fails to choose either of the nationalities, he or she may lose Japanese nationality. So, please don't forget the choice of nationality.       FYI:  JAPANESE NATIONALITY LAW : Wikipedia http://en.wikipedia.org/wiki/Japanese_nationality_law Loss of citizenship also requires the approval of the Minister of Justice. A Japanese national is assumed to have renounced citizenship upon naturalization in any foreign country, although a formal report (on a form available at embassies overseas) from the renouncing person is generally required to finalize this process. Articles 14 and 15 require any person who holds multiple citizenship to make a declaration of choice between the ages of twenty and twenty-two, in which they choose to renounce either their Japanese citizenship or their foreign citizenship(s). If they fail to do so, the Minister of Justice may demand a declaration of choice at any time, and if the citizen fails to make the declaration within one month, their Japanese citizenship is automatically revoked. **Japanese citizens who hold multiple citizenship by birth will be required to declare that they want to retain their Japanese citizenship by the age of 21, if they want to retain their Japanese citizenship. They also have to "make an effort" to renounce other citizenships once they have declared to retain their Japanese citizenship. However, A Japanese does not lose one's citizenship if another citizenship was acquired not by one's own will. : FYI: Please read through ARTICLE 11 - ARTICLE 16 (moj.gov.jp) Direct Link ---> http://www.moj.go.jp/ENGLISH/information/tnl-01.html                                   แก้ไขเมื่อ 22 ต.ค. 50 22:08:45 แก้ไขเมื่อ 22 ต.ค. 50 21:22:33 จากคุณ : กริชนาคราช - [ 22 ต.ค. 50 21:21:17 ]

ความคิดเห็นที่ 5 Turkey Philippines   ถือได้สองสัญชาติ จากคุณ : Hotlver - [ 22 ต.ค. 50 21:50:36 ]

ความคิดเห็นที่ 6  FYI: Which Countries Allow/Prohibit Dual Citizenship?  Resource: Citizenship Library              Countries Which Allow Dual Citizenship: *Bangladesh, Brazil, Canada, Colombia, Cyprus, Egypt, El Salvador, Federal Republic of Yugoslavia, France, Greece, Hungary, Ireland, Israel, Italy, Jordan, Latvia, Lebanon, Lithuania, Macedonia, Malta, Mexico, New Zealand, Pakistan*, Portugal, Serbia and Montenegro, South Africa*, Spain (only in certain cases), Sweden, Switzerland, Syria, Tonga (only in certain cases), Turkey, United Kingdom, United States of America, Western Samoa. * Persons retain their former citizenship if they apply to retain it before taking out Australian citizenship.                  Countries Which Prohibit Dual Citizenship: Austria, Belgium, Brunei, Burma, Chile, China, Denmark, Ecuador, Fiji, Finland, Germany, Iceland, India, Indonesia, Iran*, Japan, Kenya, Kiribati, Korea, Malaysia, Mauritius, Nepal, Norway, Papua New Guinea, Peru, Philippines, Poland, Romania, Singapore, Solomon Islands, Thailand, Venezuela, Vietnam, Zimbabwe. * Iran does not recognise dual citizenship but continues to recognise its citizens as Iranian. * Note that Germany has recently amended its citizenship laws so that in some exceptional circumstances, dual citizenship is now allowed. Consult the German Foreign Office website for details. * Also, India announced on 8 January 2002 that it will shortly change its law to allow dual citizenship for Indians settled outside India. Note:This information was taken from Attachments A and B of the Government's June 2001 Discussion Paper with updates that we have become aware of since then. Please note however that laws may change in some countries and we cannot guarantee that this list is completely up to date.        Link---> http://www.uscitizenship.info/citizenship-library-dual.htm จากคุณ : กริชนาคราช - [ 22 ต.ค. 50 22:31:39 ]

ความคิดเห็นที่ 7 อย่างที่เขาบอกนั้นแหละ ถูกต้องแล้ว ตอนเข้ามาถือพลาสปอตร์อะไร ขาออกก็ควรจะใช้พลาสปอตณ์อันนั้น อันเดิมที่เข้ามา แต่ถ้าใช้ พลาสปอรต์ ของญี่ปุ่น ขอเตือน นิดหนึ่งเกี่ยวกับการ อยู่เกินเวลา ที่เขาให้ไว้ กล่าวคืออย่าอยู่ให้เกิน หนึ่งเดือน ถ้าคิดว่าอยู่เกินหนึ่งเดือนก็จะต้องขอ วี่ซ่าที่ถสานทูต ไทย ในญี่ปุ่นก่อนเข้ามา หรือมาขอต่อ วีซ่าที่ ตมในประเทสไทยก็ได้ แต่ถ้าตัวเจ้าของพาสปอตเองตนนี้อยุ่เมืองไทย ตอนเข้ามา ไม่ได้ขอวีซ่าเข้ามาก่อนและใช้พลาสปอร์ ญี่ปุ่นเดินทางเข้ามา เดาว่าคงจะอยู่ได้ไม่เกินหนึ่งเดือน ต้องรีบไป ตม ขอขยายเวลาอยู่ต่อ  มิฉนั้นตอนขาออก ถ้าเราอยู่เกินเวลาที่เขากำหนดไว้ จะโดนเสียค่าปรับ วันละ 400 บาท ผิดพลาดอย่างไรขอให้ผู้ที่รู้ เพิ่มเติมแนะนำด้วย จากคุณ : 2 สัญชาติ ใครว่าดี (darkest) - [ 22 ต.ค. 50 22:57:46 ]

ความคิดเห็นที่ 8 มายืนยันคุณ กริชนาคราช ญี่ปุ่นไม่อนุญาตให้ถือ 2สัญชาติ จะมีปัญหา คนที่ทำเเละผ่านไปได้นั้น เพราะต.มญี่ปุ่นที่นาริตะบางคนละเลยการตรวจ จะไม่เข้มงวดกับพลเมืองญี่ปุ่น เเต่ถ้าบัญเอิญเกิดผลิกไปหาว่าเดินทางมาจากประเทศไหน? จะลำบาก ในกรณีถือพาสปอร์ตไทยออกที่สุวรรณภูมิ เด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะจะมีสิทธิถือไทย-ญี่ปุ่น-อเมริกา ต้องสละสัญชาติอื่นถ้าต้องการเลือกสัญชาติญี่ปุ่น เมื่อถึงอายุที่กำหนด ขนาดใบทะเบียนบ้าน เรายังไม่มีสิทธิเก็บไว้กับตัวเหมือนที่เมืองไทย ต้องการเมื่อไหร่ก็ต้องวิ่งไปอำเภอที่อยู่ ขอคัดทะเบียน เเละระบุว่า นำไปใช้เพื่ออะไร? เเถมกำหนดใช้ได้ภายใน ๓ เดือน ยอมทำวีซ่าไทยที่สถานกงศุลเเผนกวีซ่าอย่างที่คุณคห ๗ว่าไว้ เสียภาษีให้ไทยดีกว่า ได้ไม่มีปัญหาทีหลังค่ะ จากคุณ : กานต์ศิริ - [ วันปิยมหาราช 03:16:18 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ใคร่ขอยืนยันในเรื่อง " สองสัญชาติ " ตามกฎหมายไทย ในฐานะผู้มีประสบการณ์ตรงเกี่ยวกับ  พ.ร.บ.สัญชาติ ฯ ของไทย  ดังนี้ 1.ณ วันนี้ คนไทยที่ถือสองสัญชาติ  หรือสิบสัญชาติ ไม่ความผิดอันใดตามกฎหมายไทย 2.ยังไมมีกฎหมายฉบับใดในประเทศไทยบัญญัติห้ามคนไทยถือสองสัญชาติ  หรือถือมากกว่านั้น ***  ไม่ต้องท้าให้ท่านไปค้นหากฎหมายห้ามคนไทยถือสองสัญชาติมาเปิดเผยในที่นี่  แต่ขอยืนยัน  นั่งยัน  และนอนยันว่า กฎหมายเช่นว่านี้ไม่มีใช้บังคับในประเทศไทยแน่นอน***  ลองไปถามอาจารย์สอนกฎหมายสัญชาติในมหาวิทยาลัยต่างๆในประเทศไทยดูก็ได้    หากอาจารย์บอกว่ามีกฎหมายไทยห้ามคนไทยถือสองสัญชาติ  ขอให้จำชื่อกฎหมายฉบับนั้น และสถาบันที่ท่านอาจารย์ผู้นั้นเรียนจบมาด้วย  จะได้มาเปิดเผยในพันทิพ  *** **** ดังนั้น  หมายความว่า  คนไทยจะถือสัญชาติอืนๆ  พร้อมกับถือสัญชาติไทยไปด้วย  ก็ได้ใช่หรือไม่ *****คำตอบคือใช่  และใช่แน่นอนเกินร้อยเปอร์เซนต์  ถือ สิบสัญชาติ  ถือ ยี่สิบสัญชาติในขณะเดียวกันก็ย่อมได้ (หากเจ้าของสัญชาติอื่นๆเขายินดีให้สัญชาติแก่คุณ) ขอให้คนหลายสัญชาติมีความสุข  แต่ที่ถูกที่ควร  ควรสละสัญชาติอื่นให้เหลือเพียงสัญชาติเดียว  ทำไมหรือ  ก็เพื่อไม่ให้เกิดความลักลั่น-ตลอดจนเกิดปัญหายุ่งยากทั้งกับตัวท่านเองและปัญหาของประเทศที่ท่านมีสัญชาติอยู่  ตัวอย่างแค่หากสองประเทศที่ท่านมีสัญชาติประกาศสงครามต่อกัน  ตัวท่านจะอยู่ในสถานะอย่างไร  จะถือปืนไปยิงฝ่ายไหน  คิดแค่นี้ก็ปวดหัวแล้ว  ยังไม่ต้องไปคิดถึงการแย่งกันให้ความช่วยเหลือหรือคุ้มครองทางการทูต  ในกรณีที่ตัวท่านประสบทุกข์ได้ยากในต่างแดน จากคุณ : Detente (Detente) - [ 24 ต.ค. 50 01:29:51 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ขออนุญาตเพิ่มเติมข้อความที่ตกหล่นไปในความเห็นที่ 9  ดังนี้ 1. ตามข้อที่ 1.  ณ วันนี้..................หรือสิบสัญชาติ  ไม่(ตกคำว่า  " มี ") มีความผิดอันใดตามกฎหมายไทย 2. ตามข้อที่ 2. วรรคสอง *** ไม่ต้องท้าให้ท่านไปค้นหากฎหมาย.......... นั้น ข้อความตามข้อนี้....  สรุปว่า   หากพูดเรื่อง " กฎหมาย "  ก็ต้องเอาข้อกฎหมาย  ซึ่งก็คือตัวพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ที่ออกโดยสภานิติบัญญัติแห่งชาติเป็นข้อมูลชัดเจนมาพูดกัน ว่า  ในมาตราใด  ของกฎหมายฉบับใดที่บัญญัติเช่นนั้น  มาอ้างอิงสนับสนุน  มิใช่การนำเอาข้อมูลอื่นๆทีมิได้ตั้งอยู่บนพื้นฐานกฎหมาย (เช่นข้อมูลตามใบบอก   หรือตามโบรชัวร์  หรือตามคำอธิบายในเอกสารอื่นๆไม่ว่าจะเป็นภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษ )  มาอ้างอิง ดังนั้น  ของจริง  คือต้องนำตัวบทกฎหมายโดยแท้  แสดงชัดเจนว่ากฎหมายฉบับใด  มาตราใด  มาอ้าง จึงเชื่อถือได้  เช่น  อ้าง  พ.ร.บ.สัญชาติ พ.ศ. 2508  มาตรา 5.  บัญญัติว่า.......................................   เป็นต้น 3. กราบเรียนอีกครั้งหนึ่ง  หากท่านสมาชิกผู้ใดยังไม่เข้าใจกฎหมายเรื่องสัญชาติโดยชัดแจ้ง   หรือโดยแจ้งชัด  ขอได้โปรดสอบถามโดยตรงมาได้ในห้อง"ไกลบ้าน"  เพื่อจะได้ตอบให้เป็นความรู้   ให้เป็นประโยชน์แก่ทุกท่านที่มีปัญหา  และสนใจเรื่องนี้ ขอได้รับความขอบคุณอีกครั้งหนึ่งสำหรับผู้อ่านความเห็นข้อนี้ จากคุณ : Detente (Detente) - [ 24 ต.ค. 50 06:31:37 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เสริมต่อจากความเห็นที่ 10. ขณะนี้  ตัวเราพำนักอยู่ในนครลอสแอนเจลิส  มลรัฐแคลิฟอร์เนียเมืองที่คนไทยมีสองสัญชาติมากที่สุดในสหรัฐอเมริกา   อยากพบกับคุณ BMW Black Magic Woman  ซึ่งเป็นศิษย์เก่าธรรมศาสตร์  ซึ่งเป็นผู้มีความรู้และตอบคำถามได้สาระเป็นอย่างดีในห้อง"ไกลบ้าน"แห่งนี้  จึงขอเชิญคุณ BMW วันศุกร์ที่ 26  ต.ค.นี้  มาที่ ELKS Club of Arcadia  27  West Huntington Dr., Arcadia 91006  มีคอนเสิร์ตลูกทุ่ง  นักร้อง " ดาว  มยุรี"ไทยในงานกฐินสามัคคีของวัดโพธิวารีรังสฤษดิ์  เมืองอะคาเดีย  ห่างจาก LA ไปทางเหนือเส้นทาง freeway สาย 210  ประมาณครึ่งชั่วโมง(อยู่เลยเมือง PASADENA  หรือเมืองภาษาดีน่า  หน่อยเดียว)  วันนั้นจะคนไทยต่างแดนไปชุมชุมกันเยอะมาก  ทั้งพวกรุ่นเก่าอยู่อเมริกามา 40 - 50 จนถึงรุ่นที่เพิ่งเข้ามา รวมทั้งพวกโรบินฮู๊ดไทยอีกมากมาย (ไม่ใครมาจับโรบินฮู๊ดไทย  เพราะไม่มีน  ไม่มีงบประมาณมากพอ  แค่ไล่จับไอ้แหมกซ์ MEXICAN  ลักลอบเข้าเมือง  ตรวจคนเข้าเมืองสหรัฐก็เหนื่อยเจียนตายแล้ว)   ในวันนี้  เราเป็นผู้หนึ่งที่จะมอบของที่ระลึกให้คุณดาว  มยุรี จึงอยากพบปะ  และพูดคุยกับคุณ  BMW ที่มีความรู้ จากคุณ : Detente (Detente) - [ 24 ต.ค. 50 06:55:53 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ขอบคุณสำหรับทุกๆ คำตอบและคำแนะนำค่ะ จากคุณ : nan - [ 24 ต.ค. 50 09:21:53 A:58.10.65.69 X: TicketID:021750 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ขอเพิ่มเติมคุณความเห็นที่ 7 ค่ะ ตอนนี้ค่าปรับในการอยู่เกินที่ประเทศไทยจากเดิมวันละ 200 บาท ตอนนี้เป็น วันละ 500 บาทแล้วค่ะ แต่จะมีการผ่อนผันให้ในวันแรกที่เดินทางออก เช่น คุณอยู่เกิน 1 วัน ทาง ตม. ไทย จะไม่ทำการปรับ แต่จะมีการบันทึกไว้เป็นหลักฐานว่าอยู่เกินและมีการผ่อนผัน แต่ถ้าอยู่เกิน 2 วัน ก็จะทำการปรับจริงเป็นเงิน 1000 บาท ค่ะ แต่การผ่อนผันให้ 1 วันนี้ จะผ่อนผันให้แต่เฉพาะด่าน ตม. ท่าอากาศยานฯ นะคะ เพราะเวลาในการเดินทางบางสายการบิน บางประเทศ จะมีการเหลื่อมเวลาบ้างเล็กน้อย เพื่อเป็นการไม่ให้เกิดปัญหาในการเหลื่อมเรื่องเวลาในการเดินทางออก จากคุณ : beelar - [ 25 ต.ค. 50 06:47:30 A:71.178.187.56 X: ]

ความคิดเห็นที่ 14  ขอบคุณ คุณกานต์ศิริ ที่ยืนยัน เรื่อง กฎหมายสัญชาติของญี่ปุ่น ถึง น้องnan  จากข้อความในเนื้อกระทู้ของคุณ ถามเรื่องการถือ ๒ สัญชาติ ของ "คนญี่ปุ่น" ซึ่งเป็นคนต่างด้าว และได้สัญชาติไทย (ตามบิดา-มารดา?) ดังนั้น พี่จึงให้ข้อมูลจากเรื่องกฎหมาย Choice of Nationality ของญี่ปุ่น ตามลิงค์ที่เชื่อมให้ในคคห. #4   ส่วนข้อความที่เชื่อมมาให้ใน คคห#6 แบ่งรายการออกเป็น ประเทศที่อนุญาตให้มีการถือสองสัญชาติได้ ข้อมูล ซึ่งปรากฏอยู่ในห้องสมุดสัญชาติ ตามนั้น เขาระบุชื่อประเทศที่อนุญาตให้ บุคคลที่เป็นคนต่างด้าว ถือสัญชาติของประเทศเขาเพิ่มเป็นสองสัญชาติได้ และ ในส่วนที่เป็นข้อมูลว่าด้วย รายชื่อประเทศที่ไม่ยอมให้ บุคคลต่างด้าว ถือสองสัญชาติ ทั้งสัญชาติดั้งเดิมและทั้งสัญชาติใหม่จากประเทศตน ซึ่งใน ตัวบทกฎหมายของประเทศ ระบุเกณฑ์อายุ -ระยะเวลาต้องยื่นเรื่องเลือกสัญชาติ อย่างแน่ชัด  ข้อมูลนี้ พี่ได้พิจารณาแล้ว เห็นว่า ตรงกับเนื้อหาในกระทู้ของคุณ เพราะคุณถามให้กับ คนญี่ปุ่น ที่มาได้สัญชาติไทยเพิ่ม ต้องเลือกเพียงหนึ่ง (ตามอายุที่ทั้ง "กฎหมายญี่ปุ่น" และ "กฎหมายไทย" ได้กำหนดไว้อย่างชัดเจน ) *น้องแนน ไม่ได้ตั้งคำถามเรื่อง การได้สองสัญชาติของคนไทย ฉะนั้นข้อมูล กฎหมาย จะเป็น คนละบทบัญญัติ กับ การได้สัญชาติไทยของคนต่างด้าว และคำตอบของเจ้าหน้าที่คนที่สาม ซึ่งคุณเล่าไว้ เขาบอกข้อมูลคุณเช่นนั้น เป็นไปตามปริบทของคุณ (คือคุณถามให้กับคนญี่ปุ่น ไม่ใช่ถามให้คนไทย) อย่างไรก็ตาม   เพื่อความกระจ่างแจ้ง เรื่อง การได้และการสละสัญชาติไทย ขอนำ ข้อมูลของทางราชการ มาให้อ่านเสริมไว้เป็นพื้นฐานความรู้ทั่วไปจ้ะ ทั้งนี้ ขอเน้นย้ำ ให้อ่าน ในส่วนเกี่ยวกับ การได้สัญชาติไทยของคนต่างด้าว ประกอบกับ การเสียสัญชาติไทย ของบุคคลที่เกิดในราชอาณาจักรไทย โดยมีบิดาเป็นคนต่างด้าว และได้เดินทางไปใช้ชีวิตในประเทศของบิดา เป็นระยะเวลา นานกว่าห้าปี และหรือ มีหลักฐานว่ายังใช้สัญชาติอื่นอยู่ หรือฝักใฝ่ในสัญชาติอื่น (อยู่ในมาตราที่ ๑๗ ข้อย่อย ๑-๒ ตามลำดับ) ตามกฎกระทรวง  จะมีคำตอบยืนยัน ตามประเด็นของคำถามในกระทู้นี้ และต้องขออภัย ที่ไม่ได้มีเวลาอธิบายโดยละเอียดในการตอบครั้งก่อนจ้ะ                                       แก้ไขเมื่อ 25 ต.ค. 50 12:19:53 แก้ไขเมื่อ 25 ต.ค. 50 12:01:15 จากคุณ : กริชนาคราช - [ 25 ต.ค. 50 11:24:31 ]

ความคิดเห็นที่ 15 FYI: สรุปสาระสำคัญของพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ. ๒๕๐๘ แก้ไขเพิ่มเติม ปี พ.ศ. ๒๕๓๕                    พระราชบัญญัติสัญชาติพ.ศ.๒๕๐๘                              (พระนาม) ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.                        ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๐๘                             เป็นปีที่ ๒๐ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยสัญชาติ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้ โดยคำแนะนำและยินยอมของ สภาร่างรัฐธรรมนูญในฐานะ รัฐสภา ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ.๒๕๐๘" มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ ให้ยกเลิก (๑) พระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ. ๒๔๙๕ (๒) พระราชบัญญัติสัญชาติ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๙๕ (๓) พระราชบัญญัติสัญชาติ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๔๙๙ (๔) พระราชบัญญัติสัญชาติ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๐๓ มาตรา ๔ ในพระราชบัญญัตินี้ "คนต่างด้าว" หมายความว่า ผู้ซึ่งมิได้มีสัญชาติไทย "พนักงานเจ้าหน้าที่" หมายความว่า ผู้ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งให้ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ "รัฐมนตรี" หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ มาตรา ๕ การได้สัญชาติไทยตามมาตรา ๙ หรือ มาตรา ๑๒ การเสียสัญชาติไทยตามหมวด ๒ หรือการกลับคืนสัญชาติไทยตามหมวด ๓ ให้มีผลต่อเมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาและให้มีผลเฉพาะตัว มาตรา ๖ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่และออกกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมไม่เกินอัตราท้ายพระราชบัญญัตินี้ และยกเว้นค่าธรรมเนียมดังต่อไปนี้ ให้แก่ผู้ใดตามที่เห็นสมควรก็ได้ (๑) คำขอแปลงสัญชาติไทย (๒) หนังสือสำคัญการแปลงสัญชาติเป็นไทย (๓) คำขอกลับคืนสัญชาติไทย กฎกระทรวงนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้                     หมวด ๑                                   การได้สัญชาติไทย มาตรา ๗ * บุคคลดังต่อไปนี้ย่อมได้สัญชาติไทยโดยการเกิด (๑) ผู้เกิดโดยบิดาหรือมารดาเป็นผู้มีสัญชาติไทย ไม่ว่าจะเกิดในหรือนอกราชอาณาจักรไทย** (๒) ผู้เกิดในราชอาณาจักรไทย ยกเว้นบุคคลตามมาตรา ๗ ทวิวรรคหนึ่ง * ความเดิมถูกยกเลิกและให้ใช้ความที่พิมพ์ไว้แทน โดยมาตรา ๔ แห่ง พ.ร.บ.สัญชาติ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๕ **บทบัญญัติมาตรา ๗ (๑) แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ. ๒๕๐๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัตินี้ ให้มีผลใช้บังคับกับผู้เกิดก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับด้วยเพิ่มเติมโดยมาตรา ๑๐ แห่ง พ.ร.บ.สัญชาติ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๕ (พ.ร.บ.มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๕ เป็นต้นไป) มาตรา ๗ ทวิ ผู้เกิดในราชอาณาจักรไทย โดยบิดาและมารดาเป็นคนต่างด้าว ย่อมไม่ได้รับสัญชาติไทย ถ้าในขณะที่เกิดบิดาตามกฎหมายหรือบิดาซึ่งมิได้การสมรสกับมารดาหรือมารดาของผู้นั้นเป็น (๑) ผู้ที่ได้รับการผ่อนผันให้พักอาศัยอยู่ในราชอาณาจักรไทยเป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย (๒) ผู้ที่ได้รับอนุญาตให้เข้าอยู่ในราชอาณาจักรไทยเพียงชั่วคราว หรือ (๓) ผู้ที่เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง ในกรณีที่เห็นสมควรรัฐมนตรีจะพิจารณาและสั่งเฉพาะรายให้บุคคลตามวรรคหนึ่งได้สัญชาติไทยก็ได้ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด *มาตรา ๗ ทวิ เพิ่มเติมโดย มาตรา ๕ แห่ง พ.ร.บ.สัญชาติ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๕ *บทบัญญัติมาตรา ๗ ทวิ ให้มีผลใช้บังคับกับผู้เกิดก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับด้วย เว้นแต่ผู้ซึ่งรัฐมนตรีมีคำสั่งอันมีผลให้ได้รับสัญชาติไทยตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๓๓๗ ลงวันที่ ๑๓ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๑๕ ก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับบุคคลที่เกิดในราชอาณาจักรไทยก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับแต่ไม่ได้สัญชาติไทยตามวรรคหนึ่ง อาจได้สัญชาติไทยได้ตามมาตรา ๗ ทวิ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ. ๒๕๐๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ ในการนี้รัฐมนตรีจะสั่งให้ได้สัญชาติไทยเป็นการทั่วไปหรือเป็นการเฉพาะรายก็ได้ เพิ่มเติมโดยมาตรา ๑๑ แห่ง พ.ร.บ.สัญชาติ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๕ (พ.ร.บ.มีผลใช้บังคับตั่งแต่วันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๕ เป็นต้นไป) ให้ถือว่าผู้เกิดในราชอาณาจักรไทยซึ่งไม่ได้สัญชาติไทยตามวรรคหนึ่งเป็นผู้ที่เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง เว้นแต่จะมีการสั่งเป็นอย่างอื่นตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น มาตรา ๘ ผู้เกิดในราชอาณาจักรไทยโดยบิดาและมารดาเป็นคนต่างด้าวย่อมไม่ได้สัญชาติไทย ถ้าขณะที่เกิดบิดาหรือมารดาเป็น (๑) หัวหน้าคณะผู้แทนทางทูตหรือเจ้าหน้าที่ในคณะผู้แทนทางทูต (๒) หัวหน้าคณะผู้แทนทางกงสุลหรือเจ้าหน้าที่ในคณะผู้แทนทางกงสุล (๓) พนักงานหรือผู้เชี่ยวชาญขององค์การระหว่างประเทศ (๔) คนในครอบครัวซึ่งเป็นญาติอยู่ในความอุปการะหรือคนใช้ ซึ่งเดินทางจากต่างประเทศมาอยู่กับบุคคลใน (๑) (๒) หรือ (๓) มาตรา ๙ หญิงซึ่งเป็นคนต่างด้าวและได้สมรสกับผู้มีสัญชาติไทยถ้าประสงค์จะได้สัญชาติไทย ให้ยื่นคำขอต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามแบบและวิธีการที่กำหนดให้กฎกระทรวงการอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้ได้สัญชาติไทยให้อยู่ในดุลพินิจของรัฐมนตรี มาตรา ๑๐ คนต่างด้าวซึ่งมีคุณสมบัติครบถ้วนดังต่อไปนี้ อาจขอแปลงสัญชาติเป็นไทยได้ (๑) บรรลุนิติภาวะแล้วตามกฎหมายไทย และกฎหมายที่บุคคลนั้นมีสัญชาติ (๒) มีความประพฤติดี (๓) มีอาชีพเป็นหลักฐาน (๔) มีภูมิลำเนาในราชอาณาจักรไทยต่อเนื่องมาจนถึงวันที่ยื่นคำขอแปลงสัญชาติเป็นไทยเป็นเวลาไม่น้อยกว่าห้าปี (๕) มีความรู้ภาษาไทยตามที่กำหนดในกระทรวง มาตรา ๑๑ บทบัญญัติในมาตรา ๑๐ (๔) และ (๕)มิให้นำมาใช้บังคับ ถ้าผู้ขอแปลงสัญชาติเป็นไทย (๑) ได้ความดีความชอบเป็นพิเศษต่อประเทศไทย หรือได้ทำคุณประโยชน์ให้แก่ทางราชการซึ่งรัฐมนตรีเห็นสมควร (๒) เป็นบุตรหรือภริยาของผู้ซึ่งได้แปลงสัญชาติเป็นไทย หรือของผู้ได้กลับคืนสัญชาติไทย (๓) เป็นผู้ได้เคยมีสัญชาติไทยมาก่อน   มาตรา ๑๒ ผู้ใดประสงค์จะขอแปลงสัญชาติเป็นไทย ให้ยื่นคำขอต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามแบบและวิธีการที่กำหนดในกระทรวงถ้าผู้ประสงค์จะขอแปลงสัญชาติเป็นไทยตามวรรคหนึ่งมีบุตรซึ่งยังไม่บรรลุนิติภาวะตามกฎหมายไทย และบุตรนั้นมีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทยอาจขอแปลงสัญชาติเป็นไทยให้แก่บุตรพร้อมกับตนได้ โดยบุตรนั้นได้รับการยกเว้นไม่ต้องมีคุณสมบัติตามมาตรา ๑๐ (๑) (๓) (๔) และ (๕) การอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้แปลงสัญชาติเป็นไทย ให้อยู่ในดุลพินิจของรัฐมนตรี เมื่อรัฐมนตรีเห็นสมควรอนุญาตให้นำความกราบบังคมทูลขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต เมื่อได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตแล้ว ให้ผู้ขอแปลงสัญชาติเป็นไทยปฏิญาณตนว่า จะมีความซื่อสัตย์สุจริตต่อประเทศไทย ผู้แปลงสัญชาติเป็นไทยชอบที่จะขอหนังสือสำคัญการแปลงสัญชาติเป็นไทยได้  (ยังมีต่อ)               แก้ไขเมื่อ 25 ต.ค. 50 12:24:45 แก้ไขเมื่อ 25 ต.ค. 50 11:43:19 จากคุณ : กริชนาคราช - [ 25 ต.ค. 50 11:41:41 ]

ความคิดเห็นที่ 16          หมวด ๒                              การเสียสัญชาติไทย มาตรา ๑๓ หญิงซึ่งมีสัญชาติไทยและได้สมรสกับคนต่างด้าวและอาจถือสัญชาติของสามีได้ตามกฎหมายว่าด้วยสัญชาติของสามี ถ้าประสงค์จะสละสัญชาติไทย ให้แสดงความจำนงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามแบบและวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง มาตรา ๑๔* ผู้ที่มีสัญชาติไทยซึ่งเกิดในขณะที่บิดาเป็นคนต่างด้าวและได้สัญชาติของบิดาด้วยตามกฎหมายว่าด้วยสัญชาติของบิดาหรือผู้ซึ่งได้สัญชาติไทยตามมาตรา ๑๒ วรรคสอง ถ้ายังประสงค์จะถือสัญชาติอื่นอยู่ต่อไป ให้แสดงความจำนงสละสัญชาติไทยตามแบบและวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวงภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่มีอายุครบยี่สิบปีบริบูรณ์ **เมื่อได้พิจารณาความจำนงดังกล่าวแล้วเห็นว่ามีหลักฐานเชื่อถือได้ว่าผู้นั้นอาจถือสัญชาติของบิดาหรือสัญชาติอื่นได้จริง ก็ให้รัฐมนตรีอนุญาต เว้นแต่ในระหว่างประเทศไทยมีการรบหรืออยู่ในสถานะสงคราม รัฐมนตรีจะสั่งระงับการสละสัญชาติไทยรายใดก็ได้ *ความเดิมในมาตรา ๑๔ วรรคหนึ่ง ถูกยกเลิกและให้ใช้ความที่พิมพ์ไว้แทนโดยมาตรา ๓ แห่ง พ.ร.บ.สัญชาติ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๓๕ **บทบัญญัติมาตรา ๑๔ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ. ๒๕๐๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ มิได้ใช้บังคับกับบุคคลที่มีอายุครบยี่สิบปีบริบูรณ์ แล้วก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ในกรณีที่บุคคลดังกล่าวประสงค์จะสละสัญชาติไทย ให้ดำเนินการตามมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ. ๒๕๐๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสัญชาติ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๕ เพิ่มเติมโดยมาตรา ๔ แห่ง พ.ร.บ.สัญชาติ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๓๕ (พ.ร.บ.มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๙ เมษายน ๒๕๓๕ เป็นต้นไป) มาตรา ๑๕* นอกจากกรณีตามมาตรา ๑๔ ผู้ซึ่งมีสัญชาติไทยและสัญชาติอื่นหรือผู้ซึ่งได้สัญชาติไทยโดยการแปลงสัญชาติ ถ้าประสงค์จะสละสัญชาติไทย ให้ยื่นคำขอต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามแบบและวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง การอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้สละสัญชาติไทย ให้อยู่ในดุลพินิจของรัฐมนตรี มาตรา ๑๖ หญิงซึ่งเป็นคนต่างด้าวและได้สัญชาติไทยโดยการสมรสอาจถูกถอนสัญชาติไทยได้เมื่อปรากฏว่า (๑) การสมรสนั้นได้เป็นไปโดยปกปิดข้อเท็จจริง หรือแสดงข้อความเท็จอันเป็นสารสำคัญ (๒) กระทำการใด ๆ อันเป็นการกระทบกระเทือนต่อความมั่นคงหรือขัดต่อประโยชน์ของรัฐ หรือเป็นการเหยียดหยามประเทศชาติ (๓) กระทำการใด ๆ อันเป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน มาตรา ๑๗ ผู้ซึ่งมีสัญชาติไทยเพราะเกิดในราชอาณาจักรไทยโดยมีบิดาเป็นคนต่างด้าว อาจถูกถอนสัญชาติไทยได้ เมื่อปรากฎว่า (๑) ไปอยู่ในต่างประเทศที่บิดามีหรือเคยมีสัญชาติเป็นเวลาติดต่อเกินห้าปี นับแต่วันที่บรรลุนิติภาวะ (๒) มีหลักฐานแสดงว่าใช้สัญชาติของบิดาหรือสัญชาติอื่น หรือฝักใฝ่อยู่ในสัญชาติของบิดาหรือสัญชาติอื่น (๓) กระทำการใด ๆ อันเป็นการกระทบกระเทือนต่อความมั่นคงหรือขัดต่อประโยชน์ของรัฐ หรือเป็นการเหยียดหยามประเทศชาติ (๔) กระทำการใด ๆ อันเป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนการถอนสัญชาติไทยตาม (๓) หรือ (๔) เมื่อพนักงานอัยการร้องขอ ให้ศาลเป็นผู้สั่ง *ความในมาตรา ๑๕ วรรคหนึ่ง ถูกยกเลิกและให้ใช้ความที่พิมพ์ไว้แทน โดยมาตรา ๗ แห่ง พ.ร.บ.สัญชาติ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.๒๕๓๕ มาตรา ๑๘* เมื่อมีพฤติการณ์อันเป็นการสมควรเพื่อความมั่นคงหรือประโยชน์ของรัฐ รัฐมนตรีมีอำนาจถอนสัญชาติไทยของผู้ซึ่งได้สัญชาติไทยตามมาตรา ๗ ทวิ วรรคสอง มาตรา ๑๙ รัฐมนตรีมีอำนาจถอนสัญชาติไทยแก่ผู้ซึ่งได้สัญชาติไทยโดยการแปลงสัญชาติ เมื่อปรากฏว่า (๑) การแปลงสัญชาตินั้นได้เป็นไปโดยปกปิดข้อเท็จจริง หรือแสดงข้อความเท็จอันเป็นสำคัญ (๒) มีหลักฐานแสดงว่าผู้แปลงสัญชาตินั้นยังใช้สัญชาติเดิม (๓) กระทำการใด ๆ อันเป็นการกระทบกระเทือนต่อความมั่นคงหรือขัดต่อประโยชน์ของรัฐ หรือเป็นการเหยียดหยามประเทศชาติ (๔) กระทำการใด ๆ อันเป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน (๕) ไปอยู่ในต่างประเทศโดยไม่มีภูมิลำเนาในประเทศไทยเป็นเวลา เกินห้าปี (๖) ยังคงมีสัญชาติของประเทศที่ทำสงครามกับประเทศไทยการถอนสัญชาติไทยตามมาตรานี้ จะขยายไปถึงบุตรของผู้ถูกถอนสัญชาติไทยในเมื่อมีบุตรนั้นยังไม่บรรลุนิติภาวะและได้สัญชาติไทยตามมาตรา ๑๒ วรรคสองด้วยก็ได้ และเมื่อรัฐมนตรีสั่งถอนสัญชาติไทยแล้วให้นำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงทราบ *ความเดิมถูกยกเลิก และให้ใช้ความที่พิมพ์ไว้แทน โดยมาตรา ๘ แห่ง พ.ร.บ.สัญชาติ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ.๒๕๓๕ มาตรา ๒๐ ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่ง ประกอบด้วยปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นประธานกรรมการ ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ อธิบดีกรมการปกครอง อธิบดีกรมตำรวจ และอธิบดีกรมการปกครอง อธิบดีกรมตำรวจ และอธิบดีกรมอัยการเป็นกรรมการมีหน้าที่พิจารณาการถอนสัญชาติไทยตามมาตรา ๑๖ มาตรา ๑๗ (๑) หรือ (๒) มาตรา ๑๘ หรือมาตรา ๑๙เมื่อมีพฤติการณ์ปรากฏว่า ผู้ใดอาจถูกถอนสัญชาติไทยได้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่เสนอต่อคณะกรรมการเพื่อพิจารณา เมื่อคณะกรรมการพิจารณาแล้วให้เสนอความเห็นต่อรัฐมนตรีเพื่อสั่งการ มาตรา ๒๑* ผู้มีสัญชาติไทยซึ่งเกิดในขณะที่บิดาเป็นคนต่างด้าวและอาจถือสัญชาติของบิดาได้ตามกฎหมายว่าด้วยสัญชาติของบิดา ถ้าได้รับใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนคนต่างด้าว ให้เสียสัญชาติไทย *ความเดิมถูกยกเลิก และให้ใช้ความพิมพ์ไว้แทน โดยมาตรา ๙ แห่ง พ.ร.บ.สัญชาติ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๕ มาตรา ๒๒ ผู้มีสัญชาติไทยและได้แปลงสัญชาติเป็นคนต่างด้าวหรือสละสัญชาติไทย หรือสละสัญชาติไทย หรืออาจถูกถอนสัญชาติไทย ย่อมเสียสัญชาติไทย                        หมวด ๓                         การกลับคืนสัญชาติไทย มาตรา ๒๓ หญิงซึ่งมีสัญชาติไทยและได้สละสัญชาติไทยในกรณีที่ได้สมรสกับคนต่างด้าวตามมาตรา ๑๓ ถ้าได้ขาดจากการสมรสแล้วไม่ว่าด้วยเหตุใด ๆ ย่อมมีสิทธิขอกลับคืนสัญชาติไทยได้การขอกลับคืนสัญชาติไทยให้ยื่นแสดงความจำนงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามแบบและวิธีการที่กำหนดในกระทรวง มาตรา ๒๔ ผู้ซึ่งมีสัญชาติไทยและได้เสียสัญชาติไทยตามบิดาหรือมารดาขณะที่ตนยังไม่บรรลุนิติภาวะ ถ้าประสงค์จะกลับคืนสัญชาติไทย ให้ยื่นคำขอต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามแบบและวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวงภายในสองปีนับแต่วันที่บรรลุนิติภาวะตามกฎหมายไทยและกฎหมายที่บุคคลนั้นมีสัญชาติ การอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้กลับคืนสัญชาติไทย ให้อยู่ในดุลพินิจของรัฐมนตรี ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ จอมพล ถนอม กิตติขจร นายกรัฐมนตรี หมายเหตุ- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากกฎหมายว่าด้วยสัญชาติได้ตราออกบังคับใช้เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๕ และได้มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงเรื่อยมาใน พ.ศ.๒๔๙๖ พ.ศ. ๒๔๙๙ และ พ.ศ. ๒๕๐๓ รวมเป็น ๔ ฉบับ ทำให้เกิดความไม่สะดวกในการใช้นอกจากนี้ยังมีหลักการบางประการที่ควรแก้ไขเพิ่มเติมให้เหมาะสมรัดกุมยิ่งขึ้น จึงเห็นสมควรที่จะปรับปรุงกฎหมายนี้และรวมให้เป็นฉบับเดียวกัน แหล่งที่มาข้อมูล เว็บไซต์ของกระทรวงการต่างประเทศ (งานสัญชาติ) Link--- > http://www.mfa.go.th/web/206.php                                     แก้ไขเมื่อ 25 ต.ค. 50 12:13:41 จากคุณ : กริชนาคราช - [ 25 ต.ค. 50 11:53:00 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ขอเพิ่มเติมรายละเอียด ว่า มี "พระราชบัญญัติสัญชาติ" เพิ่ม ฉบับที่ ๒ ลงพระนามโปรดเกล้าฯ ณ วันที่ ๑๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๓๕ ฉบับที่ ๓ ลงพระนามโปรดเกล้าฯ ณ วันที่ ๓๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๓๕ สำหรับในที่นี้ ขอยกมาเพิ่ม เพื่อความกระจ่าง เรื่องที่เกี่ยวกับประเด็นกระทู้ ย้ำ ผู้ตั้งกระทู้ ถามถึง กรณีคนต่างด้าวที่ได้สัญชาติไทย ถือ ๒สัญชาติได้ไหม คำตอบ หากบุคคลนั้น ซึ่งเกิดในขณะที่บิดาเป็นคนต่างด้าว ได้ทั้งสัญชาติไทย และสัญชาติบิดาด้วย ตามกฎหมายว่าด้วยสัญชาติของบิดา หรือได้สัญชาติตาม บิดามารดาต่างด้าว ซึ่งขอแปลงสัญชาติมาเป็นไทย ตั้งแต่ตนยังไม่บรรลุนิติภาวะ ถ้ายังประสงค์จะถือสัญชาติอื่นอยู่ต่อไปเขาต้องแสดงความจำนงสละสัญชาติไทย ภายในหนึ่งปีหลังยี่สิบปีบริบูรณ์ ตามมาตรา ๑๔ พระราชบัญญัติสัญชาติฉบับที่ ๓ นอกจากนี้ กรณีนี้ เป็นคนญี่ปุ่น กฎหมายของประเทศเขากำหนดให้เลือกเช่นกัน ..................................... .......................             พระราชบัญญัติสัญชาติ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๓๕                     (พระนาม)ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร. ให้ไว้ ณ วันที่ ๓๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๓๕ เป็นปีที่ ๔๗ ในรัชกาลปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ  ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยสัญชาติ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและ ยินยอมของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ทำหน้าที่รัฐสภา ดังต่อไปนี้ มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติ สัญชาติ (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๓๕" มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศใน ราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ ให้ยกเลิกความในวรรคหนึ่งของ มาตรา ๑๔ แห่งพระราชบัญญัติ สัญชาติ พ.ศ. ๒๕๐๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย พระราชบัญญัติ สัญชาติ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๒๕ และให้ใช้ความ ต่อไปนี้แทน " มาตรา ๑๔ ผู้มีสัญชาติไทย ซึ่งเกิดในขณะที่บิดาเป็นคนต่างด้าว และได้สัญชาติของบิดาด้วย ตามกฎหมายว่าด้วยสัญชาติของบิดา หรือ ผู้ซึ่งได้สัญชาติไทยตาม มาตรา ๑๒ วรรคสอง ถ้า ยังประสงค์จะถือสัญชาติอื่นอยู่ต่อไป ให้แสดงความจำนงสละสัญชาติไทย ตามแบบและวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง ภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่มีอายุครบยี่สิบปีบริบูรณ์" มาตรา ๔ ความใน มาตรา ๑๔ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติ สัญชาติ พ.ศ. ๒๕๐๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัตินี้ มิให้ใช้บังคับกับบุคคลที่มีอายุครบยี่สิบปีบริบูรณ์แล้วก่อนวันที่ พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ในกรณีที่บุคคลดังกล่าวประสงค์จะสละสัญชาติไทย ให้ดำเนินการตาม มาตรา ๑๕แห่งพระราชบัญญัติ สัญชาติ พ.ศ.๒๕๐๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย พระราชบัญญัติ สัญชาติ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๓๕ มาตรา ๕ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้   ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ อานันท์ ปันยารชุน นายกรัฐมนตรี *หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่เป็นการสมควรแก้ไข เพิ่มเติมบทบัญญัติเกี่ยวกับการถือสัญชาติไทยของบุคคลผู้มีสัญชาติไทย และได้สัญชาติอื่นด้วย ตามกฎหมายว่าด้วยสัญชาติของบิดา หรือบุคคลที่ได้สัญชาติไทยจากการแปลงสัญชาติของบิดามารดา โดยให้บุคคลดังกล่าวต้องแจ้งความจำนงสละสัญชาติไทย ในกรณีที่ประสงค์จะถือสัญชาติอื่นต่อไป จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้             (ร.จ. เล่ม ๑๐๙ ตอนที่ ๔๒ หน้า ๙๔ วันที่ ๘ เมษายน ๒๕๓๕)                       .....................................................                                       กริชนาคราช ตอบตามประเด็นกระทู้จ้ะ แก้ไขเมื่อ 25 ต.ค. 50 15:43:09 แก้ไขเมื่อ 25 ต.ค. 50 13:03:50 จากคุณ : กริชนาคราช - [ 25 ต.ค. 50 12:55:58 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ใครที่ถือสองสัญชาติ ไม่ต้องตื่นตระหนกตกใจหรอกครับ กฏหมายไทยเรื่องการถือสองสัญชาติ นั้นมีช่องโหว่มาก เพราะเขาเจตนาเขียนกฏหมายขึ้นมา เพราะต้องการให้มีช่องโหว่ ก็เหมือนกับการขับรถผ่าไฟแดง ถ้าตำรวจไม่เห็นก็ ถือว่าไม่ผิด เช่นเดียวกัน รัฐบาลไม่รู้ เพราะเราไม่บอก หรือ รัฐเขาไม่ถาม มันก็ไม่ผิดกฏเรื่องการถือ 2 สัญชาติ แล้วเราจะไปประกาศทำไมว่าเราถือ 2 สัญชาติใช่ไหม  ชาวบ้านธรรมดา ไม่มีปัญหาอะไรหรอกครับ แต่ถ้าคนไหนคิดจะเล่นการเมืองสมัคร สส สว นั่นแหละอาจจะมีปัญหาครับ อ่าน พรบ เรื่อง สัญาติ  ได้ที่นี่ครับ http://www.mfa.go.th/web/206.php แก้ไขเมื่อ 26 ต.ค. 50 08:42:06 จากคุณ : BlueJeans - [ วันออกพรรษา 08:38:15 ]

ความคิดเห็นที่ 19 1.ก่อนอืน  สมาชิกพันทิพทุกท่าน  โดยเฉพาะในห้อง" ไกลบ้าน " ต้องขอบคุณ " คุณกริชนาคราช "  เป็นอย่างสูง  ที่กรุณานำตัวบททั้งหมดตามพระราชบัญญัติ " สัญชาติ  พ.ศ. 2508 " ที่ได้แก้ไขมาแล้ว  2 ครั้ง  มาแสดงป็นหลักฐานอย่างสมบูรณ์เพื่อประกอบการพิจารณาปัญหาเรื่องคนไทยมีสองสัญชาติ ณ ที่นี้ 2.  เป็นการดีอยางยิ่งที่ตัวบทกฎหมายหลักในเรื่องสัญชาติ ของไทยได้มีปรากฎ ณ ห้องนี้ของพันทิพ เพราะความกรุณาของคุณกริชนาคราช ต่อไปนี้  ตัวข้าพเจ้าเองจะขอบรรยายพิ่มเติมเฉพาะเรื่อง"  กฎหมายสัญชาติไทย  "   โดยจะไม่พูดถึงกฎหมายสัญชาติของประเทศอื่น  เนื่องจากไม่มีความรู้กฎหมายประเทศอื่น  โดยเฉพาะกฎหมายสัญชาติของประเทศญี่ปุ่น จึงไม่อาจก้าวล่วงล้ำไปวิจารณ์  หรืออธิบาย  หรือบรรยายกฎหมายญี่ปุ่นได้ 3. สาเหตุที่ต้องเกาะติดกฎหมายสัญชาติของไทยในที่นี้  ก็เพราะห็นได้ว่ามีหลายท่านที่แสดงความเห็นมา  ยังเข้าใจเรื่องการมีสองสัญชาติตามกฎหมายไทยคลาดเคลื่อน (เรื่องกฎหมายญี่ปุ่นบอกแล้วว่าไม่เกี่ยว    แต่เกี่ยวเฉพาะตามกระทู้ของคุณ  nan ที่ว่าในตอนท้าย  ......เพราะตามกฎหมายไทยไม่อนุญาตให้ถือ 2 สัญชาติ  (เหรอ  ไม่เคยได้ยิน).....) อีกทั้งยังมีบางท่านที่แสดงความเห็นมา  ยังเข้าใจว่ามีกฎหมายไทยห้ามคนไทยมี 2 สัญชาติ  จึงต้องขอถือโอกาสนี้ทำความเข้าใจแก่คนไทย  และสมาชิกทุกท่าน  ได้เข้าใจในกฎหมายไทยโดยเฉพาะเรื่องการมี  2  สัญชาติโดยแจ้งชัด เพื่อประโยชน์ของสมาชิกพันทิพอีกหลายท่านที่มีปัญหาและวิตกเรื่องนี้ ดังต่อไปนี้ 4. ขอย้ำอีกทีว่า  ณ  วันนี้  ประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายห้ามคนไทยมี 2  สัญชาติ  หรือห้ามมี  10  สัญชาติในเวลาเดียวกัน  หมายความว่า ปัจจุบันนี้คนไทย  ยังสามารถมีสัญชาติอื่นเป็นสัญชาติที่สอง  ที่สาม  ที่สี่  หรือที่ห้า  ฯลฯ   ได้  โดยไม่ผิดกฎหมาย 5. ตามพ.ร.บ.สัญชาติ พ.ศ. 2508  ที่คุณกฤชนาคราช  กรุณายกมาทั้งฉบับรวมทั้งที่แก้ไขแล้วอีก  2  ครั้งนั้น  โดยเฉพาะมาตรา  14  ที่คุณกฤชฯ ได้บรรจงขีดเส้นใต้ให้เห็นเป็นที่สังเกตุโดยไม่มีคำอธิบายใด ๆ นั้น  เข้าใจว่าเป็นการเน้นเรื่องกฎหมายต้องการให้คนสองสัญชาติเลือกมีสัญชาติใดสัญชาติหนึ่ง  นั้น จึงใคร่ขออนุญาตอธิบายกฎหมายสัญชาติ  โดยเฉพาะมาตรา 14 นี้  เพื่อเป็นประโยชน์แก่ทุกท่านที่สนใจ  ดังนี้ 5.1 มาตรา 14 พ.ร.บ.สัญชาติฉบับที่ 3  พ.ศ.2535 "  ......ผู้มีสัญชาติไทย  ซึ่งเกืดในขณะบิดาเป็นคนต่างด้าว  และได้สัญชาติตามบิดาด้วยตามกฎหมายว่าด้วยสัญชาติ .........ฯลฯ....ถ้าประสงค์จะถือสัญชาติอื่นอยู่ต่อไป  ให้สละสัญชาติไทย......ภายใน 1  ปี..."  นั้น ขอความกรณา " อ่าน "  และ " พิจารณา" ถ้อยคำที่กฎหมายบัญญัติในมาตรานี้ให้ดี   ซึ่งนักกฎหมายทั่วไปที่ได้อ่านตรงนี้  จะเข้าใจได้ทันทีว่ากฎหมายมาตรานี้  มิได้บัญญัติเพื่อ " บังคับ " หรือ " ห้าม " คนไทยที่มีสัญชาติไทยโดยขณะที่ได้สัญชาติอื่นตามบิดาเป็นสัญชาติที่สอง  หากยังประสงค์ถือสัญชาติของบิดาต่อไป  " ต้อง "  "ต้อง "  และ " ต้อง " ทำการสละสัญชาติไทยภายใน  1  ปี  เพื่อให้ถือเพียงสัญชาติเดียว  โปรดพิจารณาดูถ้อยคำที่กฎหมายใช้คำว่า ".......ถ้ายังประสงค์จะถือสัญชาติอื่น.......ให้แสดงความจำนงสละสัญชาติไทย..... " ซึ่งเป็นคำเขียนที่ไพเราะห์มากจริงๆ แต่คำถามมี่ต่อไปว่า ...  หากคนที่มีสองสัญชาติในกรณีนี้"  ประสงค์  "  จะถือสัญชาติของบิดา แต่ไม่ยอมสละสัญชาติไทยภายใน  1  ปี  ตามที่กฎหมายบัญญัติ  (คือต้องการมีสองสัญชาติ  สมมุติทั้งไทย  และญี่ปุ่น) จะเกิดอะไรขึ้น  มีบทลงโทษ  Sanction อันใดไหม ไม่มี  ไม่มีแน่นอน  เพราะกฎหมายสัญชาติฉบับนี้มิได้เขียนต่อว่าจะดำเนินการประการใดแก่ผู้ฝ่าฝืนมาตรา  14  จริงไหม (มาตรา 5 เป็นการขันเกลียวว่าการเสียสัญชาติไทยต้องมีประกาศในราชกิจจานุเบกษา  ซึ่งในทางปฎิบัติกระทรวงมหาดไทยไม่เคยนำชื่อบุคคล 2  สัญชาติในกรณีมาตรา 14  ขึ้นเขียงมาประกาศให้เสียสัญชาติ  ยกเว้นเจ้าตัวเขาสมัครใจเองคือยอม  surrender เห็นไหมว่าการเสียสัญชาติไทยไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ) 5.2. จึงฟันธงได้ชัดเจนไปเลย  ว่า ณ วันนี้  ยังไม่มีกฎหมายไทยฉบับใดบังอาจ " ห้าม"  หรือ"บังคับ" ให้คนไทยต้องสละสัญชาติไทยเมื่อบุคคลนั้น ยังประสงค์มีสัญชาติอื่นด้วย(ของบิดา กรณีตามมาตรา 14 )  กฎหมายไทยในกรณีนี้ทำได้แต่เพียง  "ให้คำแนะนำ"  และ "หาทางออก "  ให้เท่านั้นเอง  พูดอย่างสามัญ  คือ ประเทศไทยไม่ว่ารัฐบาลไหน  ไมว่าสภาฯชุดไหน ยัง " ไม่บังอาจ "    หรือ  "ไม่กล้า" จัดการเด็ดขาดกับคนไทยสองสัญชาติ(เพราะอะไร  จะเล่าสาเหตุ  และเบื้องหลังให้ฟังในโอกาสหน้า  หากมีผู้สนใจ) 6. ส่วนเรื่องการเสียสัญชาติไทยของผู้มีบิดาเป็นคนต่างด้าวตามมาตรา 17 วรรค (1)  และ(2)ของพ.ร.บ.ฉบับนี้  ตามที่คุณกริชนาคราชกรุณาขีดเส้นใต้เน้นมา  นั้น  เห็นได้ว่ากฎมายใช้ถ้อยคำว่า  "  อาจ " หมายความว่าไม่เด็ดขาด  อาจถอนก็ได้  อาจไม่ถอนก็ได้  คือรัฐบาล  และสภาของไทยทุกยุคทุกสมัย  มิบังอาจบังคับ  หรือห้ามคนไทยถือสองสัญชาติ  นั่นเอง  จึงใช้ถ้อยคำแบบ " กล้า  ๆ  กลัว ๆ " และประนีประนอม  การใช้คำว่า  "  อาจ " แสดงว่ากฎหมายสัญชาติ  ยังเกรงกลัวต่อการถอนสัญชาติไทยของคนไทยเป็นอย่างยิ่ง   อีกทั้งยังแสดงความเคารพ  และห่วงใยในสัญชาติไทยของบุคคลเหล่านั้น  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง  หลักสิทธิมนุษยชนตามกฎบัตรสหประชาชาติ  UN Charter  on  Human  Right  เรื่องการเลือกถิ่นที่อยู่  หรือการเลือกถือสัญชาติ  หรือไม่ 7.ตามหลักสากล  การเขียนกฎหมาย  ไม่ว่าประเทศใด  หากต้องการ  " ห้าม "  หรือ  " บังคับ "พลเมืองของตนกระทำการ  หรือไม่กระทำการใดการหนึ่ง    บทบัญญัติกฎหมายต้องเขียนโดยชัดแจ้ง  เปิดเผย  ไมเยิ่นเย้อให้มีข้อสงสัยนำไปตีความมากเรื่อง และต้องเขียนระบุบทลงโทษ  หากมีผู้ฝ่าฝืน  เช่นลหุโทษเกี่ยวกับการทำสกปรกในที่สาธารณะ  มีโทษปรับจำนวนเงิน.....บาท  หรือข้อหาหนัก ๆ  เช่นอาญา "  ผู้ใด้เอาของผู้อืนไปครอบครองโดยทุจริต  มีความผิดฐานลักทรัพย์  ต้องระวางโทษ..... จำคุก กี่ปี  หรือปรับ... เป็นเงินเท่าใด 8. สุดท้ายนี้  จึงขอยืน  และยันอีกทีหนึ่งว่า  ประเทศไทยยังไม่มีบทกฎหมายที่ห้ามคนไทย  มีหลายสัญชาติ  หรือไม่มีกฎหมายใดที่บังคับให้คนไทยถือเพียงสัญชาติเดียว   สาเหตุที่ไม่มีกฎหมายเช่นว่านี้  มีเหตุผล   จะอธิบายให้ได้ หากมีผู้สนใจสอบถามมา เพราะความจริงการคุยเรื่องกฎหมายเป็นเรื่องน่าเบื่อ  ไม่อยากนำมาพูดมาก ณ ที่นี้ ต้องขอขอบพระคุณ  "คุณกฤชนาคราช"  ที่กรุณาจุดประกายให้มีการตอบคำถามในประเด็น " คนไทยมีสองสัญชาติได้หรือไม่ "โดยเฉพาะขยันคัดเอาตัวบทกฎหมายมาใส่ไว้ให้เห็นจะแจ้ง  ซึ่งหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคำอธิบายกฎหมายสัญชาติตามที่ได้เขียนมอบให้นี้ จะเป็นประโยชน์แก่ท่านที่สนใจและมีปัญหา  และหากยังสงสัยประการใดเกี่ยวกับเรื่องคนไทยจะถือสองสัญชาติตามกฎหมายไทยได้หรือไม่  โปรดถามมาได้  ยินดีอธิบายความและเหตุผลให้ทุกเมื่อ  หากไม่เบื่อเสียก่อน ขอขอบพระคุณอีกครั้งสำหรับทุกท่านที่สละเวลามาอ่าน จากคุณ : ขอเป็นนักกฎหมายสักวัน (Detente) - [ วันออกพรรษา 10:05:51 ]