ความคิดเห็นที่ 10
(ต่อ )
นอกจากนี้ มีอะไรอีกบ้างที่เราพอจะยังทำได้ ?
เหตุปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคภัยต่างๆ คือการเบียดเบียนทรมานสัตว์
เหตุปัจจัยที่ทำให้อายุสั้น คือ การฆ่าสัตว์
ดังนั้นสิ่งที่เราทำก็คือ สร้างกรรมใหม่ เพื่อเป็นเหตุปัจจัยที่มีวิบาก-ตรงกันข้าม- กับตรงนี้
เช่น
ไปบริจาคเงินช่วยองค์กรที่ดูแลสัตว์บาดเจ็บ ปล่อยชีวิตสัตว์ที่กำลังจะถูกฆ่า ตรงนี้เพื่อหวังผลในการต่ออายุตัวเอง ไปซื้อที่ตลาด ปลาที่กำลังจะถูกขึ้นเขียง ซื้อมาปล่อยในที่ที่มันจะอยู่ต่อไปอย่างปกติสุขได้
ช่วงปีที่ผ่านมานี้ มีโครงการไถ่ชีวิตโคกระบือถวายในหลวง ทำมาทั้งปีแล้ว จะไปหยุดในวันที่ 5 ธันวา สิ้นปีนี้ ผมเคยจะมาตั้งกระทู้เชิญชวนในห้องไกลบ้านนี้ แต่อ่อนใจเหลือเกิน เพราะเคยตั้งกระทู้ชวนทำบุญสร้างพระ แต่ถูกคนใจบุญพยายามมากดลบ อ่อนใจมาก เพราะแทนที่จะช่วยกันทำบุญกลายเป็นการทำบาปโดยไม่รู้ตัว
โค เป็นสัตว์ใหญ่ เป็นสัตว์มีคุณ ถ้าเราจะทำบุญ เพื่อหวังผล เราเลือกทำให้ฉลาด เพื่อ maximize the profits แทนที่จะปล่อยจิ้งจกตุ๊กแก สัตว์เล็กสัตว์น้อย เราปล่อยสัตว์ใหญ่ สัตว์มีคุณ มีผลมากกว่าปล่อยสัตว์ไม่มีคุณ
Steak ก็เลิกกินได้แล้ว เราถูกฝรั่งหลอกให้กินแบบที่พวกเขากิน ทั้งๆที่มันเป็นเหตุให้เกิดมะเร็ง (Read : Fast Food Nation- The Dark Side of the All-American Meal - amazon keyword or watch : http://imdb.com/title/tt0460792/ )
ยังไม่ต้องเอ่ยถึงเหล้าไวน์ทั้งหลาย บริษัทไวน์บอกว่ากินแก้ กินป้องกันโรคหัวใจ
ต่อให้อม Statue of Liberty มาพูดก็ไม่เชื่อ
โถ่คุณ อีกยี่สิบปีต่อมาถึงค่อยมีวิจัยที่พบว่า สารประกอบบางอย่างในไวน์ เป็นเหตุปัจจัยก่อโรคมะเร็ง แต่ถึงตอนนั้นมันก็สายเกินไปแล้ว เพราะบริษัทไวน์รวย คนกินป่วยไปแล้ว ผลวิจัยตรงนี้อาจจะมีแล้วก็ได้ แต่มันออกมา publish ไม่ได้ เพราะธุรกิจไวน์มันซื้อไว้ไง --> BUSINESS AS USUAL
ทำไมคนอเมริกันถึงต้องพึ่ง antidepressant ทำไมคนอเมริกันถึงต้องพึ่งจิตแพทย์ ต้องกิน Valium ต้องกิน Prozac
เพราะการกินไวน์ คือการผิดศีลห้า เป็นการดึงวิบากส่วนที่เกี่ยวกับการตัดสินใจที่ผิดปกติ ผิดพลาด เป็นการเลือนวิบากที่เกี่ยวกับการทำงานของสมองที่ผิดปกติให้มาส่งผล "เร็วขึ้น" และ "มากขึ้น"
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
นอกจากปล่อยชีวิตสัตว์ที่กำลังจะถูกฆ่าแล้ว
นอกจากนี้ พยายามถวายยารักษาโรค แก่พระสงฆ์ที่เป็นเนื้อนาบุญ ถ้าหากไม่รู้จะหาได้ที่ไหน ก็ไม่ยากเลย ไปที่โรงพยาบาลสงฆ์ บริจาคไปเท่าไหร่ก็ได้ จำนวนเงินมากน้อยไม่สำคัญ สำคัญที่คุณภาพจิตของผู้ให้และผู้รับ การบริจาคเงินที่โรงพยาบาลสงฆ์ คือการสร้างมหาทาน เพราะนั่นคือ สังฆทานในความหมายที่แท้จริง เป็นการทำทานในหมู่สงฆ์ทั้งมวลโดยไม่เจาะจงรูปใดรูปหนึ่ง หากผู้ทำมีคุณภาพจิตที่ดี มีศรัทธา ผลจะมีมาก โรคภัยที่กำลังจะเป็น ก็ถูกเลื่อนออกไป หรือที่เป็นอยู่ แทนที่จะเป็นมากก็จะเป็นน้อย ที่เกือบหายก็จะหาย
และเหนืออื่นใด
การกระทำที่มีผลมากในการสร้างเหตุปัจจัยแก้โรคภัย นั่นคือการเจริญวิปัสสนากรรมฐาน เนื่องจากว่าเนื้อหาและเหตุผลทั้งหลาย คงไม่สามารถมาเขียนได้ เพราะจะยาวเกินไป ดังนั้นขอเล่าเพื่อยืนยันว่า มีคนป่วยจำนวนที่ไม่ใช่น้อย ที่หมอส่ายหน้าแล้ว รักษาไม่ได้แล้ว คนป่วยและญาติก็ทำใจแล้ว แต่สุดท้ายสามารถหายป่วยได้ หายโดยการเจริญวิปัสสนากรรมฐาน
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ไม่นานมานี้ มีผู้หญิงคนหนึ่ง ป่วยเป็นมะเร็งมดลูก หมอรักษาไม่ได้แล้ว ต้องตายแน่ๆ เธอเลยคิดว่า ไหนๆก็ต้องตาย ไปตายที่วัดน่าจะ cool กว่า เลยเก็บเสื้อผ้าไปเจริญกรรมฐานที่วัดแห่งหนึ่ง
เธอเดินจงกรมไม่ไหวเพราะปวดมดลูกมาก เลยทำกรรมฐานในอริยาบถนั่งไปเรื่อยๆ นั่งคนเดียวในห้อง
นั่งกรรมฐานทุกวันไปเรื่อยๆ พอถึงวันที่ 9 เลือดเนื้อเน่าๆไหลออกมาจากช่องคลอด ส่งกลิ่นเน่าเหมือนกลิ่นศพ (เธอเล่านะ) อีกทั้งเธอยังเห็นในนิมิต เจ้ากรรมนายเวรมาเต็มไปหมด เธอแผ่เมตตาให้ไป ขออโหสิกรรมทั้งหมด ด้วยบุญจากการเจริญกรรมฐาน (เธอว่างั้นนะ) ที่มีกุศลมาก เพราะมันคือทางสู่สภาวะที่หลุดพ้นจากทุกอย่าง เจ้ากรรมนายเวรจึงอโหสิกรรม แล้วเธอก็หายจากโรค วันที่ 9 คือวันที่เจ็บปวดที่สุด แต่เธอเพียรกำหนดไม่หยุด
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ใครที่เคยไป "vacation" ที่วัดอัมพวัน คงจำคำสอนหลวงพ่อจรัญได้ "กำหนดสู้ ตายเป็นตาย" ของดีอยู่เลยความตายไปนิดเดียว แบบนั้นแหล่ะ
วันวิสาขบูชาที่ผ่านมา เธอไปช่วยงานที่สนามหลวง ทำอาหารเลี้ยงคนที่มาในงาน คุณเอ๋ย เธอดูเด็กมากๆเลย ทั้งหุ่น ทั้งหน้าตา ไม่น่าเชื่อว่าอายุเท่านี้ และไม่น่าเชื่อว่าเคยป่วยเจียนตายมาก่อน
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
อีกเรื่องที่จะเล่าก็คือ มีนักธุรกิจคนหนึ่ง อายุยังน้อยอยู่เลย ( รวยมาก- ถ้าไม่บอกว่ารวยเดี๋ยวจะไม่น่าเชื่อถือ ) เขาฝึกพลังจักรวาล ( http://www.uethailand.org/introduction_th.html ) จนสามารถสัมผัสถึงพลัง aura ของสิ่งต่างๆรอบตัวทั้งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิตได้ (คน สัตว์ สิ่งของต่างๆ )
อยู่มาวันหนึ่ง เขาหยิบหนังสือสวดมนต์ขึ้นมาสวดดูเล่นๆ (คนหนุ่มทั่วไป ไม่เคยสวดมนต์มาก่อน) เขาบอกว่า บทพาหุง เป็นบทที่มีพลังงานละเอียดและสูงมาก พลังจากบทสวดพาหุง ทำให้ตัวเขาสะท้านไหวเย็นวาบไปหมด
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
มันกลับไปที่สิ่งที่หลวงพ่อจรัญท่านสอนนักสอนหนา ว่าให้สวดพุทธคุณเท่าอายุบวกหนึ่ง สวดพาหุงมหากา--> สวดทุกวัน
http://jarun.org/v6/th/dhamma-pray.html
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ผมมานั่งพิจารณาดูว่าทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงหายจากมะเร็งระยะสุดท้ายได้
บทสรุปที่ผมได้ก็คือ เพราะเธอฉลาดมาก ที่เลือกไปเข้าหากฏข้อ 5 อันเป็นกฏสูงสุด เป็นลูกพี่ที่ใหญ่สุด พอหมอบอกว่าเธอหมดโอกาสหายแล้ว ต้องตายแน่ๆ นั่นทำให้เธอปล่อยวางทุกอย่าง กฏข้อที่ 5 คือกฏไตรลักษณ์ ที่เราเรียนกันมาตอนประถม แล้วท่องไปสอบ 1. สรรพสิ่งไม่เที่ยง 2. อยู่ในสภาพที่ตั้งอยู่ไม่ได้ 3.ไม่ใช่ตัวตน
เมื่อปล่อยวาง สภาพจิตก็เริ่มเป็นอิสระ กรรมเก่าที่บันทึกอยู่ในจิตมันก็พร้อมที่จะคลี่ออกมาให้รับรู้ได้ง่ายๆ
การเจริญกรรมฐานด้วยสภาพจิตที่ปล่อยวาง "okay, F*** it, i give it all up." บวกเข้ากับการทำกรรมใหม่ นั่นคือการเจริญกรรมฐาน กำหนดรู้กาย เวทนา จิต ธรรม กำหนดรู้ตามจริง โดยไม่ปรุงแต่ง (ไม่มีความอยาก หรือไม่อยาก)
ทั้งหมดนี้ คือเหตุ
ผลก็คือ การอโหสิกรรม
ดังนั้น
ใครที่ป่วยหนักๆ รักษาอย่างไรก็ไม่หาย เจ็บตัวบำบัด ผ่าตัดครั้งแล้วครั้งเล่า ( ย้ำว่าผมไม่ได้บอกหรือชักชวนให้เลิกรักษาตามแบบที่รักษาอยู่ ผมเพียงแต่บอกว่า มีคนไข้อาการหนักหลายคน มากเกินกว่าจะเป็นเรื่องบังเอิญได้ ที่หายจากโรคร้ายต่างๆ ด้วยการปฏิบัติธรรม ดังที่กล่าวมาข้างต้น ) ผมเพียงแต่เสนออีกแนวทางหนึ่งไว้ให้พิจารณา
ขอเชิญไป "vacation" หลักสูตร 7 วัน ที่วัดอัมพวัน หลวงพ่อท่านเมตตาฟรีๆ ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ขนเสื้อผ้าไปได้เลย
http://jarun.org/v6/th/dhamma-course.html
คำพูดที่ว่า There is no free lunch. ใช้ไม่ได้ที่วัดนี้ เพราะข้าวที่นี่กินฟรีตลอดรายการ หลวงพ่อบอกว่า ข้าววัดอัมพวันกินแล้วรวย (ใครอยากรู้ว่าจริงหรือเปล่า เชิญพิสูจน์ )
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
กฏแห่งธรรมชาติทั้งหลายทั้งปวง เราไม่จำเป็นต้องรอให้นักวิทยาศาสตร์พิสูจน์ออกมาในรูปของทฤษฏีก่อน แล้วจึงค่อยเชื่อ ทั้งนี้เพราะชีวิตเป็นของน้อย เหมือนพยับแดด แป๊ปเดียวก็หายไปแล้ว เหมือนลมหายใจเข้าออก
เราไม่จำเป็นต้องรอให้ Brian Greene แก้ปัญหา 11 มิติ ใน Strings Theory ได้ก่อน หรือรอให้เขา win a nobel prize แล้วยืนประกาศบนเวทีว่า
"Ladies and gents, we now have come to understand that electron itself is actually a micro black hole... and that simply means, if god would allow, that there're billion of black holes in all of us."
แล้วค่อยเชื่อกฏข้อที่ 5
( watch : http://www.charlierose.com/guests/brian-greene or read : "The Fabric of The Cosmos" -- amazon keyword )
เราไม่ต้องรอให้ Masaru Emoto ออกมาพิสูจน์ให้เห็นก่อนว่า ผลึกน้ำ (น้ำเป็นส่วนประกอบหลักของร่างกาย) ที่ผ่านการสวดมนต์ เป็นผลึกที่มีพลังงานสะอาดบริสุทธิ์ก่อน แล้วค่อยหันมาสวดมนต์ภาวนากันจริงๆจังๆ
( Read : Consciousness creates all.) http://www.amazon.com/Hidden-Messages-Water-Masaru-Emoto/dp/1582701148
ทุกๆสิ่ง เป็นเพียงผลของเหตุปัจจัยที่ประชุมกันขึ้นเพียงชั่วคราว
เราเป็นผลผลิตของเหตุปัจจัยอันไม่เที่ยง ทนอยู่ไม่ได้ และ ไม่มีสาระเป็นตัวเป็นตน
เราเป็น function ที่มี domain เป็น function ซ้อนๆกันไปไม่มีที่สิ้นสุด แต่ละตัวแปร ในแต่ละ function คือความไม่เที่ยง ทนอยู่ไม่ได้ และไม่ใช่ตัวตน
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
การแก้ปัญหา ต้องแก้ที่เหตุปัจจัย
ต้องป้อน input ที่เหมาะสมลงไป "ตรงเหตุตรงจุด" และ "มากเพียงพอ"
หากแก้ได้ ก็แสดงว่า ความรุนแรงของวิบากยังอยู่ในข่ายที่ควบคุมได้ สร้างเหตุให้ตรง ก็ควบคุมมันไว้ได้ แต่อย่างไรก็ตาม มันก็ยังไม่เที่ยงอยู่นั่นเอง
คนที่ฉลาด คือคนที่ใช้เวลาช่วงที่เหตุปัจจัยทางชีวิตยัง sustain ได้อยู่ ฉวยโอกาสนี้ ใช้ไปในการเดินบนทาง The Eightfold Paths เพื่อให้พ้นไปจากการเป็นคนปุถุชนทั่วไป ที่ยังต้องอยู่ภายใต้กฏข้อ 5 นี้ โดยเร็วที่สุด หนทางมีอยู่ แต่มีคนเดินน้อยเหลือเกิน
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สุดท้ายนี้ ขอให้ทุกท่าน สร้างเหตุปัจจัยที่ตรง ที่เพียงพอ เพื่อได้มาซึ่งสิ่งที่ทุกท่านปรารถนา อย่ารอ อย่าปล่อยให้ตัวเองตกอยู่ในกระแสแห่งเหตุปัจจัยเก่า จงเพิ่มเหตุปัจจัยใหม่ที่ดีกว่าขึ้นมาแทน
จากคุณ :
- 072648
- [
วันออกพรรษา 05:23:15
A:58.9.3.140 X: TicketID:072648
]
|
|
|