ความคิดเห็นที่ 1 ^^ ^^ ดูแลในด้านไหน และ อย่างไร หล่ะคะ อ่านแล้ว งง ค่ะ มีความเห็นว่า คิดอย่างไร ก็พูดไปอย่างนั้น ไม่มีความจำเป็นต้องพูดจาอ้อมค้อม ซับซ้อนซ่อนเงื่อนให้ปวดกบานค่ะ       +++++++++++++++++++++++++++   และถ้าคุณ จขกท. หมายถึงเรื่องเงินๆ ทองๆ ก็ลองเอากระทู้นี้ไปอ่านเล่นดูนะคะ กระทู้ "ขอความคิดเห็นเกี่ยวกับค่าสินสอดและการแต่งงานกับคนต่างชาติ" http://www.pantip.com/cafe/klaibann/topic/H6012730/H6012730.html     จากคุณ : แม่บ้านสยาม หญิงกร่างนุ่งซิ่น (Siamese Girl) - [ 19 พ.ย. 50 18:01:22 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ไม่เข้าใจ มันยังไงกันล่ะคะ อธิบายหน่อยดีไหมคะ จากคุณ : mrs.night owl - [ 19 พ.ย. 50 18:17:35 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เรื่องเงินใช่ไหมคะ  ก็บอกไปตรงๆเลยค่ะว่าสังคมไทยลูกต้องดูแลพ่อแม่ แม้ว่าจะแต่งงานไปแล้วก็ยังต้องให้เงินบ้างตามสมควร อาจจะไม่ต้องทุกเดือน แต่ก็อาจให้เป็นเทศกาล หรือ วันเกิด เพื่อทดแทนพระคุณ   ในสังคมเมืองนอกอาจจะไม่มี แต่ในสังคมไทยทุกคนควรจะดูแลพ่และแม่ให้ได้รับความสุขและความเป็นอยู่ที่ดี ตามกำลังของเราค่ะ เรื่องดูแลพ่อแม่ เป็นเรื่องที่ดีค่ะ คนที่เค้ารักเราเค้าน่าจะเข้าใจค่ะ ถ้าคุณจะไม่ทำให้มันเป็นเรื่องวุ่นวายเกินไป เช่น ระบุว่าต้องส่งให้แม่เท่านั้นเท่านี้ซึ่งเป็นเงินที่มากไป จนรบกวนแฟนคุณเอง หรือพี่น้องมาวุ่นวายและมีส่วนร่วมในการดำเนินชีวิตของคุณมากเกินไป อันนี้ก็ไม่ดีแน่ๆค่ะ อย่าเพิ่งคิดอะไรมากเลย  ถ้าจะแต่งงานกัน เอาเรื่องสินสอดให้รู้เรื่องกันดีกว่า เพราะอันนี้ปวดหัวมากกว่าค่ะ เพราะเค้าจะเข้าใจคิดว่าคนไทยตีค่าลูกสาวเป็นจำนวนตัวเลข  เคยเห็นมาแล้วค่ะ  พยายามทำความเข้าใจกันดีๆ อย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่นะคะ ยังไงรักกันต้องพยายามแก้ไขปัญหาร่วมกันค่ะ จากคุณ : Mnki - [ 19 พ.ย. 50 19:05:30 ]

ความคิดเห็นที่ 4 สำหรับเราก็ตามกำลังของเราค่ะ  แม่เราไม่เคยร้องขอ แม้แต่สินสอด แล้วถ้าเราได้งานทำเมื่อหร่ก็เมื่อนั้นล่ะค่ะ ที่เราจะทำตามกำลังของเราได้ ที่เราทำได้ตอนนี้ก็ได้แต่ส่งการ์ด ส่งของขวัญไปก่อนน่ะค่ะ ตอนนี้ ยังงัยก็พูดตรงๆตั้งแต่เริ่มต้นเลยดีกว่าค่ะจะได้ไม่คาใจ โชคดีค่ะ จากคุณ : mon kiwi - [ 19 พ.ย. 50 21:25:25 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ดิฉันว่า ครอบครัวเรา เราดูแลเองดีไหม ดิฉันว่า ถ้าฝรั่งคนนั้นไม่เข้าใจวัฒนธรรมไทยอย่างลึกซึ้งจริงๆ มันก็ยากที่จะให้เค้าต้องจ่ายเงินในสิ่งที่เค้าไม่เข้าใจ เรื่องสินสอด ดิฉันว่า มันละเอียดอ่อนนะ ลองถามเค้าดูก่อนไหมว่ารู้ประเพณีแต่งงานแบบไทยหรือเปล่า ว่ามีแบบแผนอย่างไร แต่ก็อีกล่ะ เพราะบางบ้านแค่โชว์เงินสินสอดก็พอ จากนั้นก็ยกให้บ่าวสาว อันนี้ดิฉันว่า คงไม่มีปัญหา แต่ถ้าเป็นแบบ ให้พ่อแม่ เลย นี่คงต้องคุยกันยาว ก็น่าจะคุยให้เคลียร์ ให้เค้าเข้าใจพ่อแม่คุณ และคุณด้วย และที่สำคัญให้พ่อแม่คุณ เข้าใจเค้าด้วย เพราะบ้านเค้าไม่มีวัฒนธรรมแบบเรา ที่สำคัญจะมีผลต่อคุณว่า เค้าจะมีทัศนคติต่อคุณหลังแต่งยังไง ส่วนเรื่องดูแลพ่อแม่ ลูกทุกคนก็คงอยากตอบแทนบุญคุณพ่อแม่นะคะ  ดิฉันว่า ถ้าคุณทำงานแล้วส่งเงินมาดูแลพ่อแม่บ้าง ดิฉันว่าคุณมีสิทธิเต็มที่ค่ะ เรื่องดูแลพ่อ แม่ น่าจะคุยหลังแต่งนะ เพราะมันเป็นระยะยาวมากๆ  อีกอย่างถ้าคุณทราบค่าใช้จ่ายจริงๆของคุณกับเค้าต่อเดือน แล้วอาจจะช่วยให้คุณคำนวณได้ว่า จะดูแลพ่อแม่อย่างไร แต่ก็อย่าให้หนักไปสำหรับสามีคุณค่ะ เดี๋ยวมีผลกับชีวิตแต่งงาน จากคุณ : Walcher - [ 19 พ.ย. 50 22:56:46 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ทางที่ดีนะคะ คุณควรจะอธิบายวัฒนธรรมฝรั่งให้พ่อแม่คุณฟังมากกว่า คุณควรจะเป็นคนรับภาระเรื่องส่งเสียพ่อแม่คุณด้วยตัวคุณเองเป็นหลัก แฟนคุณคงไม่ขัดข้องหรอกมั้งค้ะ ถ้าคุณ จะดูแลพ่อแม่คุณเอง รับผิดชอบเอง แต่ถ้าให้เค้าเป็นตัวหลักในการรับผิดชอบดูแล มันคงไม่ใช่นะคะ เค้าคงจะช่วยเหลือได้บ้างเล็กน้อย ในยามคับขัน คุณเป็นคนกลาง ต้องอธิบายให้เข้าใจกันทั้งสองฝ่าย อย่าหวังแต่จะให้ฝรั่งเข้าใจไทยแต่ฝ่ายเดียวไม่ได้หรอกค่ะ เพราะสุดท้ายมันจะกลายเป็น "เห็นแก่ตัว" ต้องให้ทางเราเข้าใจเค้าด้วย ถึงจะยุติธรรม ส่วนเรื่องสินสอด อันนี้ไม่มีความเห็น เพราะไม่เคยเรียก ไม่เคยสนใจ East Meet West ค่ะ เจอกันตรงกลาง.. ขอให้โชคดีค่ะ แก้ไขเมื่อ 19 พ.ย. 50 23:44:35 จากคุณ : hamble pie - [ 19 พ.ย. 50 23:19:29 ]

ความคิดเห็นที่ 7  ง่ายๆ เลยนะคะ ถ้าเป็นเรื่องเงินๆ ทองๆ ก่อนแต่งงาน หรือ ก่อนจะใช้ชีวิตอยู่กับแฟนของคุณๆ เคยให้ทางครอบครัวเท่าไหร่ หลังแต่งก็ให้เท่านั้น หรือ ถ้าก่อนแต่งงาน ไม่เคยให้เลย หรือ ให้เมื่อจำเป็น ก็ทำตามเดิม และ คิดง่ายๆ อีกเหมือนกัน ว่าถ้าเปลี่ยนโจทย์จากผู้ชายฝรั่ง มาเป็นผู้ชายไทย ผู้ชายญี่ปุ่น ผู้ชายเขมร ผู้ชายลาว ผู้ชายพม่า ในสถานะการณ์นี้ ก็จงทำให้เหมือนๆ กันค่ะ ไม่ใช่ว่า ถ้ามีคู่ มีสามีเป็นฝรั่งแล้วต้องไปหาทางกอบโกยเอาเงินทองมาจากเขานะคะ มีอะไรก็คุยกันตรงไปตรงมา ไม่ต้องหาเล่ห์เพทุบาย ไม่ต้องหาเรื่องอ้อมค้อมค่ะ เหมือนอย่างที่น้อง hamble pie ว่า "เจอกันตรงกลางค่ะ"   และ ขอเสริมอีกอย่างด้วยว่า กรุณาอย่ามีคู่เป็นฝรั่งเพื่อที่จะหวังกอบโกย หรือ เห็นเขาเป็นบ่อเงินบ่อทอง ที่จะต้องสูบบบบบนะคะ เพราะฝรั่งก็เป็นคนธรรมดาเหมือนๆ คนไทย หรือ คนชาติอื่นๆ และ ไม่ใช่ตู้เอทีเอ็มเคลื่อนที่ค่ะ Cheers!     จากคุณ : Siamese Girl - [ 20 พ.ย. 50 01:10:34 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ของแบบนี้ขึ้นอยู่กับตัวคุณนะคะ เราว่า ถ้าถามเรา เราว่าควรจะบอกจุดยืนของตัวเองให้เขารู้ตรงๆ ว่า ฉันคิดอย่างไร เป็นแบบไหน รับได้มั้ย ถ้ารับได้ก็โอเค ถ้ารับไม่ได้ คุณก็ต้องคิดแล้วว่า คุณควรจะใช้ชีวิตกับเขาหรือเปล่า เรื่องบางเรื่องเป็นเรื่องที่ไม่ควรจะยอมๆๆ ยวนๆๆ บางอย่างก็ควรอ่อน บางอยางก็ไม่ควรอ่อน ... สำหรับเรา เรื่องบุพการี พี่น้อง และครอบครัวเป็นเรื่องใหญ่ ถ้าเขาเข้ากับครอบครัวเราไม่ได้ อยู่ด้วยกันไป จะทำให้เราเหนื่อยใจเปล่าๆ ครอบครัวล่ม เพราะบุคคลที่สาม หรือพ่อแม่ พี่น้อง เป็นเหตุ มีให้เห็นเยอะแยะ อย่างของเรา.. ตั้งแต่แรกๆ ที่เริ่มคิดว่าจะคบกัน เราจะบอกเขาเลยว่า บ้านฉันเป็นแบบนี้ พ่อแม่ฉันเป็นยังไง พี่น้องฉันเป็นยังไง วิถีชีวิตฉันเป็นแบบไหน อย่างเรื่องให้เงินพ่อแม่ เราจะบอกเขาเลยตั้งแต่แรกว่า ฉันให้เงินเดือนท่านทุกเดือนคนละ 15% ของเงินเดือนฉัน เงินเดือนฉันขึ้น ของท่านก็ขึ้นด้วย ฉันทำยังงี้ตั้งแต่ฉันทำงานได้เงินเดือน เดือนแรก โบนัสปลายปี 50% ฉันแบ่งให้พ่อแม่ฉัน ตรุษจีน ก็มีอั๋งเปาให้พ่อแม่ และหลานๆ อีกเล็กน้อย เป็นธรรมเนียมสนุกๆ สร้างความรู้สึกดีๆ ในครอบครัว วันเกิด ซื้อของขวัญให้เล็กน้อย ให้ท่านสบายใจว่า ลูกไม่เคยลืมท่าน ผู้มีบุญคุณท่วมกะลาหัว วันไหนเกิดนึกอยากกินข้าวนอกบ้าน ลูกๆ ก็จะยกโขยงไปกันหมด แล้วช่วยกันจ่ายพ่อแม่ไม่ต้องเดือดร้อน รายจ่ายอย่างอื่นก็แล้วแต่โอกาส เช่นเรื่องเจ็บป่วย ถ้าหนักๆ พี่น้องก็จะช่วยกัน พ่อแม่ไม่ต้องควัก แต่ถ้าเล็กๆ น้อยๆ พ่อแม่ฉันไม่เคยรบกวนลูก โปรดกรุณาเข้าใจด้วยว่า ที่ฉันมีกินมีใช้ มีทุกอย่างในชีวิตวันนี้ เพราะพ่อแม่ฉันให้โอกาสฉันมา ฉันได้เรียนหนังสือ มีเสื้อผ้าใส่ มีรถขับ มีอะไรหลายๆ อย่างที่ดีในชีวิตเพราะ ท่าน 2 คน เสียสละความสุขส่วนตัวและเลี้ยงดูฉันมา อย่างน้อยท่านก็ไม่คิดจะเอาฉันไปทิ้งถังขยะตั้งแต่เกิด ดังนั้นกรุณารับเรื่องนี้ให้ได้ เพราะฉันไม่คิดว่า มันเป็นเรื่องที่ฉันควรจะปรับปรุงตัว หรือเปลี่ยนพฤติกรรมเพียงเพราะฉันเป็นแฟนเเธอ... เธอเป็นแค่แฟนที่ฉันเพิ่งเจอไม่นาน เธอเคยเสียสละทำอะไรเพื่อฉันมากแค่ไหน ถามตัวเธอเองดู.. พ่อแม่ฉัน เลื้ยงฉันมากี่ปี ท่านเสียสละ ทำอะไรเพื่อฉัน มามากแค่ไหน ฉันคงไม่ต้องถามใคร.. DO YOU GET MY POINT? เราโชคดีที่แฟนเข้าใจ และ GET THE POINT ด้วย กลายเป็นว่าทุกวันนี้ วันเกิดพ่อแม่เราเขาก็ซื้อของขวัญให้ ประมาณว่าลูกเขยอยากให้ ลูกสาวไม่เกี่ยว ตรุษจีนเขาก็ให้อั๋งเปาหลานๆ เรา เหมือนกัน เขาบอกเห็นเด็กๆ ทำท่าเนี๋ยมๆ อายๆ ตอนรับอั๋งเปา แล้วขำดี ทำให้นึกถึงตอนที่ตัวเองเป็นเด็กๆ ไปกินข้าว เขาก็ทำตัวเป็นลูก ช่วยแชร์ด้วย --------------------- ส่วนพ่อแม่เราก็น่ารัก ท่านไม่เคยเรียกร้องอะไรจากลูกๆ หรือลูกเขย มีแต่บอกให้เก็บไว้ เงินเดือน เงินอะไรก็ไม่ต้องมาให้ เพราะเรามีครอบครัวแล้ว ควรจะเก็บไว้ใช้สำหรับครอบครัวตัวเอง แต่พวกเราลูกๆ ก็ทำใจไม่ได้ เพราะรู้สึกว่ามันไม่ถูกต้อง ท่านแก่แล้ว ท่านจะเอาแรงที่ไหน ไปทำมาหารายได้ ถ้้าเราคนเป็นลูกไม่ให้..... เรื่องสินสอด EAST MEET WEST ค่ะ พ่อแม่เราไม่เรียกร้อง เขาเองก็มองว่าเป็นเรื่องแปลก แต่มันมีที่มาที่ไป อธิบายไม่ยาก แต่จะยาวเกินไป มันก็อยู่ที่คนกลางอย่างเราอีกแหละค่ะ ว่าจะอธิบายเรื่องนี้ให้พ่อแม่เราฟังว่าอย่างไร และเราจะอธิบายให้เขาฟังว่าอย่างไร ทั้งสองฝ่ายถึงจะ โอเค๊ โอเค สรุปเราโชคดี... มีพ่อแม่ที่ดี และมีสามีที่น่ารัก เข้าใจอะไรง่ายๆ ที่พูด ไม่ใช่ว่าอยากอวด แต่อยากยกตัวอย่างให้ฟังว่า ของแบบนี่ มันอยู่ที่จุดยืนของคุณ ว่า คุณมีทัศนคติต่อเรื่องนี้อย่างไร เพราะเราเชื่อว่า ถ้าเราอธิบายจุดยืนของเราให้เขารับทราบ มันก็คงไม่ยากที่เขาจะเข้าใจ หากเขาไม่เป็นคนที่ใจแคบ และเห็นแก่ตัวเกินไปนัก กรณีสามีเรา คนอาจจะนึกว่า เขาเติบโตมาจากครอบครัวที่อบอุ่น ถึงได้เข้าใจอะไรง่ายๆ และมองโลกในแง่ดี เราอยากจะบอกว่า ไม่ใช่เลย เพราะสามีเรามาจากครอบครัวที่แตกแยก พ่อแม่เลิกกันตั้งแต่อายุ 11 ขวบ แต่เขาเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับเรื่องครอบครัวมาก เขาบอก เขาเห็นครอบครัวเราแล้ว เขารู้สึกดี รู้สึกอบอุ่น เขาเห็นสายตาพ่อแม่เรา เวลามองลูกๆ หลานๆ แล้วเขารู้สึกได้เลยว่า พ่อแม่เราเป็นคนแก่ที่มีความสุขมากๆ เขาบอก เขาอยากเป็นเหมือนพ่อแม่เรา ตอนที่เขาแก่ตัว ขอแค่ให้ลูกรักเขา เหมือนที่เรารักพ่อแม่ของเราแบบเนี่ย แค่นี้ชีวิตก็เป็นสุขแล้ว ของแบบนี้ มันอยู่ที่สำนึกมากกว่า แล้วก็ไม่เกี่ยวด้วยว่าเป็นไทย หรือ ฝรั่ง แล้วก็ไม่ใช่เรื่อง โชคดี หรือโชคร้าย ที่มีโอกาสมาเจอกัน มาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน มันเป็นเรื่องของทัศนคติในการดำเนินชีวิตของตัวเราเองมากกว่า ที่จะทำให้เราได้คู่ชีวิตที่ดี หรือไม่ .... ขอจบด้วยประการละฉะนี้แล จากคุณ : เพนนี - [ 20 พ.ย. 50 02:14:25 A:125.27.69.39 X: TicketID:160171 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ถ้าเป็นเรา ถ้าพ่อแม่เราเดือดร้อน เราจะช่วยด้วยตัวเองก่อนค่ะ  มีความรู้มีมือมีเท้า ถ้าเรียนจบคงหางานทำและช่วยเหลือพ่อแม่ได้  ถ้าแต่งงานกันจะไม่หวังพึ่งแฟนให้ช่วยพ่อแม่เราแน่ ๆ  ยกเว้นกรณีพ่อแม่ป่วยหนักหรือเสียชีวิต อันนี้ฝ่ายชายสมควรช่วยเหลือด้วยค่ะ  เคยเข้าไปอ่านฟอรั่มทั้งภาษาอังกฤษและเยอรมัน ฝรั่งหลายคนบ่นว่า แฟนหรือภรรยาเห็นพวกเขาเป็นเสมือนหนึ่งตู้เอทีเอ็ม เวลาอยากได้เงินก็มาไถเอา ๆ  บางคนเรียกสินสอดเป้นล้านทั้ง ๆ ที่เคยทำงานบาร์และมีลูกติด  การแต่งงานกับคนต่างชาตินั้น ต่างฝ่ายต้องพบกันครึ่งทาง และยอมรับวัฒนธรรมของอีกฝ่ายหนึ่ง  การดูแลพ่อแม่เป็นวัฒนธรรมที่ดีของสังคมไทย  แต่อย่าลืมว่า พ่อแม่นั้นคือพ่อแม่คุณ ไม่ใช่พ่อแม่เค้า  คุณต้องยอมรับวัฒนธรรมของเค้าด้วยที่ว่า ครอบครัวฝรั่งไม่ได้สนิทแนบแน่นกันเหมือนครอบครัวไทย พ่อแม่ฝรั่งไม่เรียกร้องให้ลูกมาดูแลตัวเองยามแก่เฒ่า   และเราเชื่อว่า คุณมีสมอง มีสองมือสองเท้า ที่จะขวนขวายสะสมรายได้ของตัวเองและแบ่งเงินส่วนนี้ไปดูแลพ่อแม่คุณ ถ้ามีน้อยก็ต้องใช้้น้อยค่ะ พ่อแม่คุณควรเข้าใจ และไม่ควรเห็นว่าผู้ชายฝรั่งเป็นแหล่งขุมทรัพย์ที่ไม่มีวันหมด จากคุณ : Sonnenschein - [ 20 พ.ย. 50 03:59:43 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เห็นด้วยกับความเห็นต่างๆ ข้างบนค่ะ คุยกับพ่อแม่เราเรื่องวัฒนธรรมต่างชาติ คุยกับแฟนเราเรื่องวัฒนธรรมไทย เรื่องการดูแลพ่อแม่ อาจต้องทำให้ชัดไปเลยว่า จะส่งเงินให้ทุกเดือน หรือช่วยเหลือยามเจ็บป่วย เราว่าถ้าเป็นเรื่องพ่อแม่และไม่เหลือบ่ากว่าแรงเค้าคงเข้าใจ ยิ่งถ้าคุณจะไปอยู่บ้านเค้าแล้วกะเป็นแม่บ้านอย่างเดียว เราว่าต้องพูดให้เคลียร์ ในกรณีของเราเคยช่วยที่บ้าน(ตอนเราหาเงินเอง) ได้เท่าไหร่ สามีก็ช่วยตามนั้นหลังจากที่เราออกจากงานมาเป็นแม่บ้าน ถ้าเป็นเรา เราไม่เอาพ่อแม่เรากับพ่อแม่สามีมานั่งคุยเรื่องนี้นะ เราว่ามันดูตั้งใจเกินไป ให้แฟนคุณอธิบายกับพ่อแม่เค้าเรื่องวัฒนธรรมไทย ค่อยๆให้ซึมไปหน่ะ หาหนังสือให้เค้าอ่านก็ได้ ไม่ต้องลงรายละเอียดลึกมาก เพราะคนที่ต้องทำความเข้าใจกับวัฒนธรรมทั้งสองฝ่ายอย่างละเอียดคือตัวคุณและแฟนคุณ แล้วกรณีที่แม่คุณกลัวว่าเค้าจะไม่เข้าใจเรื่องการเลี้ยงดูพ่อแม่ของคนไทยเรา เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คุณต้องอธิบายกับสามีมากกว่า ไม่เกี่ยวกับพ่อแม่สามี วัฒนธรรมตะวันตก ลูกโตหาเงินเลี้ยงตัวเองแล้ว เค้าก็ถือว่าดำเนินชีวิตเอง พ่อแม่ไม่ได้มามีอิทธิพลมากเหมือนสังคมไทย พบกันครึ่งทางแหละค่ะ ถ้าพ่อแม่ป่วยเราก็ช่วยเหลือแหละ เราว่าไม่เกี่ยวกับความเป็นต่างชาติหรือไทย แต่ถ้าให้ช่วยมากเกินไป เราว่ามันก็ไม่ไหวเหมือนกัน อย่างกรณีพ่อเราเองติดเล่นหวย เงินขาดมือ เราก็ไม่ช่วยนะ แต่เวลาเค้าป่วยเราก็จัดการหมดทุกที ต้องแยกแยะเป็นกรณีไป ต้องอธิบายให้ทั้งพ่อแม่และแฟนเราเข้าใจ จากคุณ : where ever - [ 20 พ.ย. 50 06:10:36 ]

ความคิดเห็นที่ 11 การดูแลตอบแทนคุณพ่อและแม่เป็นสิ่งที่ดีค่ะ แต่ว่า นั่นก็คงต้องดูเรื่องปัจจัยของครอบครัวคุณด้วยนะคะ  ถ้าคุณเป็นคนที่ทำงานได้เอง นั่นก็ไม่แปลกที่คุณจะตอบแทนพระคุณพ่อแม่   แต่ถ้าสามีคุณทำงานแต่เพียงผู้เดียวแล้วภาระมากมายจนใช้เดือนชนเดือน ก็ต้องอธิบายทางครอบครัวของคุณให้เข้าใจค่ะ   แต่ถ้าทางสามีคุณสบายๆไม่ขัดสน อาจจะคุยปรึกษาหารือกับตัวสามีด้วยตัวคุณเอง ดูท่าทีของสามีด้วยนะคะว่าเข้าใจมากน้อยแค่ไหนนะคะ ไม่ควรให้ผู้ใหญ่พูดเองค่ะ ดีไม่ดีไม่เข้าใจกันหรือคิดไม่ตรงกันจะทำให้เสียความรู้สึกต่อกันค่ะ จากคุณ : แม่อยู่ไกล (แม่อยู่ไกล) - [ 20 พ.ย. 50 06:57:10 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ลองให้เขาอ่านหนังสือ ชื่ีอ Thai Fever และคุณก็ต้องอ่านด้วยนะคะ ให้คุณพ่อคุณแม่อ่านด้วยก็จะดีค่ะ เป็นหนังสือเกี่ยวกับการใช้ชีวิตคู่ของชายต่างชาติกับหญิงไทย มีแง่คิดหลายๆ ด้าน หนังสือสามารถซื้อได้ทางออน์ไลน์ค่ะ ประมาณ 25 เหรียญสหรัฐ แล้วคุณและเขาจะเข้าใจวัฒนธรรมของแต่ละฝ่ายได้ดีค่ะ จากคุณ : นาเดีย (chongkolee) - [ 20 พ.ย. 50 12:57:44 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ^^ ^^ หนังสือชื่อ Thailand Fever ที่คุณ คห. 12 แนะนำ ที่กรุงเทพฯ แนะนำให้ไปซื้อที่ Outlet ของร้าน Bookazine ที่อัมรินทร์พลาซ่า เพราะลดเยอะมาก   จากคุณ : Siamese Girl - [ 20 พ.ย. 50 15:34:37 ]

ความคิดเห็นที่ 14 อีกเล่มที่ขอแนะนำเสริม คือ "The Thai & I : A Successful Living in Thailand"   จากคุณ : Siamese Girl - [ 20 พ.ย. 50 15:35:20 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ^^ ^^ ที่ใน Series เดียวกันจะมีเล่มนี้คือ "The Thai & I : Thai Culture and Society" เล่มนี้และเล่มบน เราจะให้เพื่อนโดยเฉพาะแม่บ้าน Expat ยืมอ่านบ่อยมาก หรือ ไม่ก็แนะนำให้เขาซื้อมาอ่านเอง เพื่อที่จะได้ใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพฯ ในเมืองไทย ง่ายขึ้น และ อยู่อย่างมีความสุข ไม่ต้องมาปวดหัวกับเรื่อง Culture Shock และ เรื่อง Thai Mentality เป็นต้น ตอนที่เรากับ Partner ของเรา คนอังกฤษ คบกันใหม่ๆ นั้น เขาเพิ่งมาอยู่เมืองไทยได้ไม่ถึง 3 เดือน ของขวัญชิ้นแรกที่เราซื้อให้เขา คือ เล่มใน คห. 14 (A Successful Living in Thailand) เด๋วนี้เขาอยู่เมืองไทยมาน้องๆ 10 ปี พูดไทยได้ ดูละครไทยรู้เรื่อง ฟัง จส. 100 รู้เรื่อง ชมข่าวฟังข่าวรู้เรื่อง และ มองปร๊าดเดียวก็ทราบว่า คนไทยคนไหนเป็นอย่างไร พวกเสแสร้ง พวกแอ๊บแบ๊ว พวกหาผลประโยชน์ หรือ ว่าเป็นคนจริงใจ น่าคบหา รักแฟน รัก Partner รักสามีต่างชาติของคุณ ต้องสอนให้เขารู้จักบ้านเมือง และ ผู้คนของเรา ในทุกแง่ทุกมุม อย่างถึงกึ๋น และ ในทางกลับกัน ตัวของเราเอง ที่มีคู่เป็นชาวต่างชาติ ก็ต้องศึกษารากเหง้า ประเพณีวัฒนธรรม ของประเทศของคู่ของเราเช่นกันค่ะ คุณถึงจะอยู่กันได้อย่างมีความสุข และ ความเข้าใจอันดี   ปล. เข้ามาแก้ไขคำสะกดตกหล่น Best wishes.     แก้ไขเมื่อ 20 พ.ย. 50 23:01:54 แก้ไขเมื่อ 20 พ.ย. 50 15:52:48 จากคุณ : แม่บ้านสยาม But อินเตอร์ค่ะ (Siamese Girl) - [ 20 พ.ย. 50 15:46:12 ]

ความคิดเห็นที่ 16 มาชื่นชมคุณป้าหย๋าม  Siamese Girl  (เฉพาะกระทู้นี้)  ที่แนะนำข้อมูลและ มีอรรถประโยชน์อย่างแท้จริง สมเจตนารมณ์ จขกท  และเผื่อแผ่ไปถึงแม่บ้านท่านอื่น ๆด้วย   จากคุณ : น่านับถือ--------------------- (cherry*viva) - [ 20 พ.ย. 50 22:31:05 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ^^ ^^ Hahaha, หนู cherry*viva แล้วอย่าลืมตามมากัดป้าหย๋ามที่ทู้อื่นอีกนะคะ ปากจัดไม่เบา แถมขายาวอีกต่างหาก อนุญาตให้กัดได้อย่างเดียว แต่ห้ามใช้อาวุธเช่นรองเท้าส้นสูงนะคะ เห็นส้นรองเท้าแล้นนนน ไม่กล้ากร่างด้วยเลยอ่ะ   จากคุณ : Siamese Girl - [ 20 พ.ย. 50 22:58:51 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ขอบคุณนะคะที่เอารูปหนังสือมาลง เห็นภาพดีค่ะ ตัวเราพิมพ์ผิดอีกต่างหาก ตกคำว่าแลนด์ 5555 ขอบคุณค่ะ คุณ siamese girl จากคุณ : nadia (chongkolee) - [ 21 พ.ย. 50 17:40:09 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เห็นด้วยกับคุณเพนนีมากๆๆๆ จากคุณ : Appreciator - [ 22 พ.ย. 50 00:46:25 ]