Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    เมื่อคิดจะแต่งงานกับฝรั่ง และย้ายฐานทัพมาอยู่เมืองไทย ต้องทำอย่างไร

    เข้าพันทิปทีไรก็ต้องเห็นกระทู้ทำนองว่า กำลังคิดจะตัดสินใจแต่งงานกับแฟนชาวต่างชาติ แต่ไม่อยากไปอยู่ต่างประเทศ อยากมาอยู่เมืองไทย จะต้องทำอย่างไร จะหางานอย่างไร และจะใช้ชีวิตอย่างไร วันนี้ ดิฉันกะพี่แจ๊สก็มาอยู่เมืองไทยใกล้จะครบ 2 ปีแล้ว เลยอยากจะมาขอแบ่งปันประสบการ์ณชีวิตของพวกเราที่ได้ประสบพบเจอ ให้กับคนที่กำลังคิดจะแต่งงานกับชาวต่างชาติ และมาอยู่เมืองไทยแบบดิฉัน ซึ่งคุณต้องจัดการทุกอย่างเองหมด ไม่นับรวมกรณีคุณฝรั่งตาน้ำข้าวที่เข้ามาอยู่เมืองไทยก่อนเจอคุณนะคะ พวกเขาเหล่านั้น เชี่ยวชาญเรื่องการอยู่เมืองไทยมากกว่าดิฉันและสามีอีก 10 เท่า  

    เตรียมการด้านเอกสาร

    การเข้ามาอยู่เมืองไทย  หลักใหญ่ใจความของประเภทวีซ่า ที่จะขอให้คู่สมรสของคุณ ก็คงมี 2 ประเภทนะคะ คือ Non-Immigrant B และ Non-Immigrant O

    ประเภท Non B เป็นวีซ่าสำหรับคนที่เข้ามาทำงานค่ะ คุณสมบัติของผู้ที่จะเข้ามาทำงานในไทย ก็มีตั้งแต่ ผู้ที่จะเข้ามาทำงานในระดับผู้บริหาร นิติบุคคลต้องจดทะเบียนในไทย มีทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาทขึ้นไป เงินเดือน 5 หมื่นขึ้นไป มีสัญญาไม่น้อยกว่า 1 ปี ถ้าจะมาทำธุรกิจส่วนตัว ก็ต้องมีหุ้นไม่น้อยกว่า 5 ล้านบาท น่ากลัวจริง ๆ หรือว่า ถ้ามีหลักฐานว่ามีใครจะจ้างคุณมาทำงานในเมืองไทย ก็ให้ที่ทำงานขอ work permit ให้ และออกจดหมายว่าจะรับคุณเข้ามาทำงาน ก็เอาเอกสารอันนี้ ไปขอวีซ่าที่สถานทูตไทยได้ค่ะ

    ประเภท Non O  หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า วีซ่าคู่สมรสนั่นแหละค่ะ O ในที่นี้คือ Other หรือวีซ่าประเภทอื่น ๆ ซึ่งกรณีของเรา ชื่อเรียกอย่างเป็นทางการก็คือ การยื่นคำร้องขออยู่ต่อเพื่ออุปการะแก่ภรรยาคนสัญชาติไทย หรือเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร (สามีคนต่างด้าว) เขามีแบ่งเป็นหลายประเภทค่ะ  กรณีที่ภรรยาเป็นคนสัญชาติไทย คุณต้องกรอกเอกสาร ตม. 7 สำเนาหนังสือเดินทาง รูปถ่าย ขนาด 4 x 6 ซม. ค่าธรรมเนียม 1,900.- บาท ใบสำคัญการสมรส สำเนาทะเบียนบ้าน , บัตรประชาชนภรรยา สูติบัตรบุตร (ถ้ามี) บันทึกปากคำผู้ยื่นคำร้องและภรรยาหลักฐานแสดงฐานะทางการเงิน ฐานะทางการเงิน หนังสือรับรองเงินฝากจากธนาคาร และสำเนาบัญชีเงินฝาก ไม่ต่ำกว่า 400,000.- บาท หรือ หนังสือรับรองการทำงาน ใบอนุญาตทำงาน และหลักฐานการชำระภาษีเงินได้(ภ.ง.ด.1, ภ.ง.ด.91) ไม่ต่ำกว่า 40,000.- บาท

    วีซ่าที่ได้จากสถานทูตไทยในประเทศที่คู่สมรสของคุณอยู่ ไม่ว่าที่คุณได้มา 6 เดือน หรือ 1 ปี (สถานทูตบางประเทศให้ตามสัญญาจ้างงาน เช่น สัญญาระบุ 1 ปี คุณก็อาจได้วีซ่า 1 ปี)  แต่เมื่อคุณเข้าเมืองไทยแล้ว ตม. จะประทับตราให้อยู่ในเมืองไทยได้ 3 เดือน ซึ่งต้องไปต่ออายุวีซ่าที่ ตม. สวนพลู (สำหรับคนที่อยู่ในกรุงเทพฯ) ซึ่งคุณต้องเตรียมเอกสารพร้อมหลักฐานการเงิน 400,000 บาท สำหรับต่อวีซ่า ซึ่งส่วนใหญ่จะให้วีซ่า 1 ปีค่ะ สำหรับ Single Entry ราคา 1,900 บาท(ซึ่งหมายความว่า แฟนคุณจะออกนอกประเทศและเดินทางกลับเข้าเมืองไทยได้อีก 1 ครั้ง โดยไม่ต้องขอวีซ่าใหม่ แต่ถ้าจะออกไปครั้งที่ 2 ตอนกลับเข้าเมืองไทย ต้องเริ่มกระบวนการใหม่ทั้งหมดค่ะ)  แบบ Multiple Entries ก็ราคาประมาณ 3,800 บาท

    นอกจากนี้ สิ่งหนึ่งที่คุณต้องพึงคิดนิดหนึ่งก็คือ ตม. กำหนดให้ แฟนคุณต้องไปรายงานตัวที่ ตม. ทุก ๆ 3 เดือน (ให้ความรู้สึก เหมือนถูกดูความประพฤติเลยค่ะ) ซึ่งถ้าทำงานแล้ว บางทีที่ทำงานรายงานตัวให้ ไม่ต้องถ่อสังขารไปถึง ตม.  

    เรื่องที่อยู่อาศัย

    ถ้าไม่เช่าบ้าน หรือคอนโดอยู่ อยากเป็นเจ้าของบ้าน ถามผจก. ธนาคารมา เขาไม่ค่อยอยากให้เมียฝรั่งกู้ซื้อบ้านพร้อมที่ดินหรอกค่ะ แต่ถ้าเป็นคอนโดจะง่ายกว่า ถ้าจะซื้อบ้านพร้อมที่ดิน ก็ต้องกรอกเอกสาร ที่เรียกว่า Letter of Confirmation เพื่อแจ้งว่า เงินที่จะนำมาซื้อที่ดิน ฯลฯ เป็นเงินส่วนตัว และเป็นสินส่วนตัว มิใช่สินสมรสร่วมกัน ตัวคุณและสามีเซ็นชื่อแกรก ก็ซื้อได้แล้วค่ะ ปัญหายังไม่หมดเท่านี้นะคะ แต่พอคุณต้องต่อเติมบ้าน ซ่อมโน่นซ่อมนี่ ก็เป็นภาระของคุณแต่เพียงผู้เดียวเลยค่ะ เพราะคุณผู้ชาย ที่ยังพูดภาษาไทยไม่เก่ง ก็จะช่วยอะไรไม่ได้มาก ไปกว่าเป็นที่ปรึกษาให้ และช่วยเลือกของ ส่วนการ deal ในทุก ๆ เรื่องคุณจะต้องทำทั้งหมด อันนี้ ต้องเข้มแข็ง ต้องอึดหน่อยนะคะ เพราะแฟนคุณอาจจะไม่เข้าใจวิธีการทำงานแบบไทย ๆ ของบรรดานายช่างทั้งหลาย เช่น นัดไม่เป็นนัด ของไม่ตรงตามสเป็ก หรือทำงานแบบชุ่ย ๆ ก็ต้องฟังเขาบ่น พะเรอเกวียนค่ะ

    การหางานในเมืองไทย

    งานแรก ๆ ส่วนใหญ่ของฝรั่งที่เข้ามาแบบไม่ใช่ Expat ก็ไม่พ้นเป็นครู สอนหนังสือ สอนภาษาอังกฤษ เป็นอาจารย์มหาลัย ถ้าแฟนคุณไม่ชอบ อยากทำงานกับเอกชน ก็ต้องทำใจนะคะ ดิฉันเห็นชาวต่างชาติที่ประสบความสำเร็จในการทำงานในเมืองไทย โดยไม่ได้ส่งมาจากบริษัทแม่หลายคน บางคนก็ไม่ได้เริ่มต้นที่การเป็นครูสอนหนังสือ แต่คนเหล่านี้ เข้ามานานก่อนสามีดิฉันเป็นสิบปี บางคนมาตั้งแต่จบมหาลัย เมื่อสิบห้าปีที่แล้ว มาแล้วก็มาเจอกลุ่มเพื่อน มามี connection ทำให้หางานได้ดีในที่สุด

    สามีดิฉันเอง ปีแรกที่ทำงานสอนหนังสือ เป็นสิ่งที่เขาไม่ชอบที่สุด แต่ก็จำเป็นต้องทำ และก็ค่อย ๆ หา connection ไปเรื่อย ๆ จนตอนนี้ ก็เริ่มที่จะขยับขยายทำงานอื่น ๆ ไปด้วย รอเวลาบ่มเพาะสุกงอม และออกมาทำธุรกิจส่วนตัว ต้องบอกให้เขาใจเย็น เป็นกำลังใจเขาเสมอ เพราะบางคนก็โชคไม่ดี หางานมาเป็นปี ๆ ก็ยังไม่ได้ บางคนก็ลองไปทำงานสังคมสงเคราะห์ไปเลยก็มี ดิฉันคิดว่าสิ่งที่สำคัญคือ connection ค่ะ

    บริษัทไทยส่วนใหญ่ไม่อยากจ้างฝรั่ง เพราะค่าจ้างแพงกว่าคนไทย และไม่อยากยุ่งยากทำ work permit ให้ รวมทั้งอยากได้คนที่พูดได้สองภาษา คือ ภาษาไทย+ภาษาอังกฤษ ซึ่งคนที่เพิ่งเดินทางเข้ามาเมืองไทยเลย อาจจะยังพูดไม่ได้คล่อง ต้องให้เวลากับตัวเอง อย่าไปกดดันมากนัก ฝรั่งบางคน หางานตั้งเป็นปี กว่าจะได้ บางคนก็ได้ทำงานให้กับ UBC ด้วย

    อ้อ ที่สำคัญอีกอย่าง คือเรื่องเงินเดือนค่ะ พอมารับเงินเดือนไทย ก็อาจจะต้องทำใจบ้าง อย่างคนข้างตัวดิฉันรับไม่ได้ไปสามตลบ แต่ตอนนี้ก็ดีขึ้นแล้ว ที่สำคัญ คนไทยรอบข้าง บางครั้งก็ให้ความสำคัญกับเงินเดือนมากกว่า คุณค่าของตัวเขา ความเสียสละของเขา ดิฉันยังจำได้ว่า มีเพื่อนที่ทำงาน ถามด้วยความห่วงใยว่า แฟนดิฉันกลับมาที่เมืองไทยจะมาทำอะไร ดิฉันก็ตอบไปว่า ได้งานแล้วค่ะ (คนเหล่านี้ เขาไม่คิดถึงความเสียสละของคนข้างตัวเราเลยนะ) เขาถามกลับว่า อ้าวแล้วได้เงินเดือนเท่าไหร่ล่ะ พอกินไหม พอเราบอกว่า เขาก็ทำหน้าแหย ประมาณว่า ฝรั่งต้องได้เงินเดือนเยอะ ต้องหรู เฮ้อ เขาก็ธรรมดานะ เป็นคน ๆ หนึ่ง ที่กล้าหาญมาตั้งรกรากที่เมืองไทย

    การเปิดบัญชีเงินฝาก

    บางธนาคาร เช่น ธนาคารที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย จะยุ่งยาก เพราะเขาจะให้กระดาษคุณ ซึ่งระบุว่าจะเปิดบัญชีได้ ก็ต่อเมื่อคุณสามี มี work permit ส่วนบางธนาคาร เช่นธนาคารสีเขียว หรือธนาคารดอกบัว เปิดได้ง่ายกว่าค่ะ เค้าไม่ได้ขอดู work permit เลย แต่งตัวแบบใส่เชิ้ต ผูกไทค์ไปหน่อยก็สบายแล้วค่ะ แต่ถ้ามี work permit ก็เปิดบัญชีได้ทุกธนาคารค่ะ

    การใส่ชื่อคุณสามีไว้ในทะเบียนบ้าน

    อันนี้ทำได้นะคะ เตรียมเอกสารไว้ ก็ใบสมรส สำเนาหนังสือเดินทาง และหน้าที่ได้วีซ่า พร้อมประทับตรารับรองของสถานทูตของเขา รูปถ่าย 2 ใบ มาที่อำเภอเช้าหน่อยนะคะ เพราะว่า เขาต้องมีการสอบปากคำ ซักประวัติด้วย อันนี้ ใส่ไว้ เวลาไปไหนก็กรอกเอกสารต่าง ๆ ได้ ของดิฉัน ไม่ได้ใส่ไว้ เพราะใน work permit เขาพักที่ที่ทำงานค่ะ

    การจ่ายภาษีเงินได้

    พอดีสามีดิฉันทำงาน พอถึงเวลาดิฉันก็ต้องทำเรื่องภาษีให้ด้วย ที่ทำงานให้มาแต่ใบแสดงรายได้ ดิฉันทำผ่านระบบอินเตอร์เน็ต เร็วดี ไม่ยุ่งยากด้วยค่ะ ที่สำคัญขอคืนภาษีได้ด้วย เพราะแต่งงานแล้ว สบายมากค่ะ

    การปรับตัวเข้ากับสังคมไทย

    อาหารการกิน

    เราคนไทยไปอยู่ไหนยังคิดถึงอาหารไทยเลย แฟนดิฉันก็เช่นกัน ต้องหาร้านอาหารฝรั่งอร่อย ๆ ไว้ล่อหลอก ยามเขาคิดถึงบ้านค่ะ เวลาจิตตกที่ไม่อยากอยู่เมืองไทยอีกแล้ว ประมาณว่า อยู่นานอีกนิด คงต้องอกแตกตาย

    ภาษาไทย

    ถ้าคิดจะให้เขาอยู่เมืองไทยแบบมีความสุข มีเพื่อนมีฝูง มีสังคม ก็จำเป็นต้องเรียนภาษาไทยค่ะ มีที่เรียนเยอะมากเลยค่ะ อย่างเพื่อนดิฉันส่งสามีไปเรียนแถว ๆ ซอยสวนพลู แบบเช้าไปเย็นกลับ พร้อมมีอาหารกลางวันเลี้ยงเสร็จสรรพ หรือจะไปเรียนที่ AUA ก็ได้ข่าวว่า ดีมากเหมือนกัน และราคาไม่แพงด้วย ชั่วโมงละ 90 บาท คนไทยส่วนใหญ่ละแวกบ้านดิฉัน อยากคุยกับฝรั่ง แต่ไม่กล้า บางที แฟนเราทัก เขาก็หันหน้าหนี ทำให้แฟนเราจิตตกไปเลยค่ะ

    การเดินทางไปเที่ยวในไทย

    อย่างที่รู้ ๆ กันนะคะว่า เวลาฝรั่งไปเที่ยวก็ต้องจ่ายมากกว่าเรา อย่างค่าเข้าอุทยานแห่งชาติ คนไทย 20 ฝรั่ง 400 บาท แต่ถ้าเขามีถิ่นที่อยู่ในไทย พาเขาไปทำใบขับขี่ไว้ก็ดีค่ะ เพราะว่ามันใช้แสดงได้ว่า เขาอยู่ที่นี่ จากราคา 400 บาท ก็เหลือ 20 บาท เราไม่ได้งก แต่ทำงานได้เงินไทย ไม่ได้ได้เงินยูโรสักหน่อย ไปเที่ยวหลายที่ ๆ ละ 400 บาท ก็อาจสลบได้นะคะ การไปทำใบขับขี่ก็แสนง่าย ดิฉันเขียนรายละเอียดไว้แล้วในบล็อก ลองอ่านดูได้ค่ะ มันจะช่วยให้เขารู้สึกว่าไม่ถุกขูดรีด หรือเอารัดเอาเปรียบ ฝรั่งไม่ได้งกหรอกนะคะ แต่บางที เห็นราคาคนไทย ที่แตกต่างจากฝรั่งมาก ๆ ก็มีเคืองเหมือนกันค่ะ

    ตอนนี้ นึกออกเท่านี้ค่ะ ใครมีข้อคิดอะไรเพิ่มเติมก็มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์กันหน่อยนะคะ

    ปล. แก้ไขเรื่องการขอวีซ่านิดหน่อยค่ะ

    แก้ไขเมื่อ 23 พ.ย. 50 13:37:59

    จากคุณ : Ninie - [ 22 พ.ย. 50 17:09:36 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom