ความคิดเห็นที่ 1 เคล็ดลับของเราก็คือ ทำการอ่านให้ดีที่สุดอ่ะค่ะ เพราะว่าเป็น part ที่คะแนนมากเมื่อเทียบกับจำนวนข้อ เวลาทำข้อสอบ ตอนถึง part dokkai bunpou เราจะใช้เวลามากๆ กับการทำ dokkai คืออ่านให้ละเอียดที่สุด และก็ตอบให้ชัวร์ที่สุด ถ้าหากอ่านลวกๆ ตอบไม่ถูกก็เหมือนกับทิ้งไปทั้ง part แล้วคะแนนมันเยอะด้วย ส่วน bunpou เราอ่านแล้วก็ค่อยกา ความยาวข้อนึงไม่มาก อาจจะทำได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่ก็อาจจะมีทั้งข้อที่ทำได้และทำไม่ได้ เพราะฉะนั้น อย่าถอดใจกับ part dokkai ก่อนค่ะ เทคนิคแต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนอาจจะทำ bunpou ก่อนแล้วค่อยมา dokkai แต่เราคิดว่าถ้าหากทำ dokkai ไม่ทันคะแนนจะหายไปเยอะมาก เราจะทำ dokkai ก่อนแล้วไปปั่น bunpou ทีหลังค่ะ 2-3 ปีก่อนเราใช้วิธีนี้ทำให้เราผ่าน 1 คิวมาได้ ก็เลยค่อนข้างเชื่อว่ามันได้ผลนะคะ จากคุณ : แพนด้าหน้าใส - [ 25 พ.ย. 50 15:52:36 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เทคนิคการทำdokkaiที่อาจาร์ยเราสอนมานะค่ะ ให้อ่านคำถามก่อน แล้วค่อยอ่านเนื้อเรื่องค่ะ น่าจะช่วยให้ทำได้เร็วกว่า ขอให้สอบผ่านนะคะ จากคุณ : maigo - [ 25 พ.ย. 50 17:58:12 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เราใช้วิธีนี้ทั้งตอนสอบระดับสองและหนึ่งเลยนะคะ เราจะอ่านเรื่องสั้นๆ ก่อน ทำแล้วผ่านไปเลย ไม่เข้าใจตรงไหนติ๊กไว้ แล้วค่อยกลับมาทำถ้าเวลาเหลือ พวกข้อยาวๆ ใช้เวลามาก จะเอาไว้ทำทีหลัง ถึงคะแนนข้อนึงมาก แต่ถ้าเสียเวลา จะทำข้ออื่นไม่ทัน แต่ปกติแล้วจะทำบุงโปก่อนน่ะค่ะ กลัวที่ท่องมาจะลืม เพราะข้อนึงมันสั้น ทำแป๊ปเดียวก็สร็จ เราอ่อนพาร์ทคันจิ แต่ค่อนข้างทำข้อสอบฟังได้ดี เคล็ดลับคือ ได้ยินอะไร จดไว้ก่อน เพราะบางทีโจทย์มันชอบพูดวกไปวนมา แล้วสรุปเลือกอันแรก โดยไม่พูดซ้ำ อันนี้ก่อนทำข้อสอบฟัง ตั้งสมาธิดีๆเลยค่ะ มีสมาธิดีๆอย่างเดียวก็ช่วยได้เยอะแล้ว สู้ๆนะคะ เอาใจช่วยค่ะ ^^ จากคุณ : มอนจะ - [ 25 พ.ย. 50 20:26:24 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ขอบคุณมากนะค่ะ ความคิดเห็นดีๆ ทั้งนั้นเลย จากคุณ : จขกท - [ 26 พ.ย. 50 08:30:17 A:133.44.97.42 X:133.44.1.220 TicketID:124233 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ไม่ชอบพาร์ทการอ่านที่สุด เพราะอ่านแล้วงง อ่านไม่ทัน แต่อาจารย์มักแนะนำว่า ให้อ่านคำถามก่อนแล้วค่อยอ่าน จะช่วยให้หาคำตอบเร็วขึ้นอะค่ะ ปีนี้สอบระดับสองเหมือนกัน กำลังมึนๆ เลยค่ะ ยากจัง สู้ๆ นะคะ ขอให้โชคดีค่ะ จากคุณ : fonkoon - [ 26 พ.ย. 50 16:26:57 ]

ความคิดเห็นที่ 6 มีแต่เก่งๆกันทั้งนั้นเลย ปีนี้ผมสอบระดับ 3 เอง ซึ่งส่วนตัวผมเองยังว่ามันง่ายไปหน่อย เมื่อเทียบกับ 2คิว แต่ข้อสอบจำพวกภาษา ผมมักจะทำ บุมโป ก่อน เพราะว่าทำได้เร็วกว่า ดกไก มากๆๆ (ทั้งอังกฤษ และ ญี่ปุ่น) ส่วนภาษาญี่ปุ่น ผมชอบทำพาร์ทคันจิที่สุด ไม่รู้ว่า ระดับสูงกว่านี้ จะยังชอบอยู่หรือเปล่า *0* จากคุณ : teddyblooh - [ 27 พ.ย. 50 09:56:58 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ข้างบนแนะนำกันดี ๆ ทั้งนั้นเลย ส่วนตัวตรงพาร์ทดกไคทำส่วนบุนโปก่อนเหมือนกันค่ะ มันสั้น ทำเสร็จไว จะได้เอาเวลาที่เหลือไปทุ่มให้การอ่านดกไคอย่างเดียว ต้องอ่านคำถามก่อนคะ จะได้รู้ว่าโจทย์ถามอะไร สแกนเน้นช่วงที่เขาถาม ควบคุมเวลาดี ๆ แต่จะทำส่วนไหนก่อน อันนี้แล้วแต่ความถนัด ความชอบของแต่ละคน พาร์ทฟัง ต้องตั้งสมาธิดี ๆ ถ้าฟังไม่ทัน หรือ หลุด ปล่อยไปเลยค่ะ อย่าห่วงหน้าพะวงหลัง เดี๋ยวนะหลุดไปยาว ข้อไหนไม่ได้ ก็ปล่อยไป ข้อใหม่มารีบตั้งสมาธิดี ๆ สู้ใหม่ ส่วนตัว คืนวันก่อนวันสอบต้องนอนเยอะ ๆ ค่ะ ไม่งั้นสมาธิจะสั้น ทำพาร์ทฟังได้ไม่ดีเท่าที่ควร ไม่รู้คนอื่นจะเป็นเหมือนเราไหม คนที่สอบวัดระดับ สู้ ๆ นะคะ แก้ไขเมื่อ 27 พ.ย. 50 13:07:00 แก้ไขเมื่อ 27 พ.ย. 50 13:06:05 จากคุณ : ไปต่อไป... - [ 27 พ.ย. 50 12:53:10 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ถึงจะพูดว่าอ่านคำถามก่อนก็เถอะครับ บางข้อ คำถามมา ก็อ่านไม่ออก ไม่เข้าใจซะและ เวรกรรมจริงๆ ปีนี้ก็สอบนิคิว สู้ๆ จากคุณ : robbiepit - [ 27 พ.ย. 50 14:17:27 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เฮ้อๆๆ ผมไม่รู้จะมาแนะนำอะไร ตามความเห็นข้างบนอ่าครับๆ แต่ผมขอมาแจมประสบการณ์หล่ะกันๆๆ เรื่องบุนโป อยากจะแนะนำว่า ไม่ต้องไปตั้งใจท่องมากๆๆๆอ่าครับ เท่าที่ลองทำโจทย์จากอาจารย์ที่ให้ (ก่อนอื่นต้องบอกว่าผมไม่ได้เรียนที่รรภาษา แต่เรียนม.ปลายที่ญี่ปุ่น ทางรรเค้าจัดครูที่ดูแลผมให้เป็นพิเศษ) คือตอนแรกผมรู้สึกท้อมากๆๆ กับการท่องไวยกรณ์ที่มันมีอยู่ 170ก่าอันๆๆ ในใจคิดว่า ทำไมอันนี้มันเหมือนกับอันนั้น ทำไมมันต้องแยกออกมา ที่ไหนได้มันต่างกันที่ความรู้สึกของคนที่จะพูด ถ้ามาพูดแบบคนไทยเค้าจะไม่ได้แยกขนาดนั้น ก็คิดว่า โหตายแน่ๆๆๆงานนี้เยอะขนาดนี้ แถมเป็นไรที่ใกล้เคียงกันอีกๆๆ อ่านแล้วอ่านอีกๆๆ พอมาลองทำโจทย์มันแทบจะไม่ออกเยอะขนาดนั้น ลึกขนาดนั้นๆ ก็เลยอยากให้ไปดูในส่วนคำศํพท์มากกว่าๆ เพราะผมจะตายคำศัพท์ซะส่วนใหญ่ๆ มันแทบจะไม่ได้ใช้เลยในชีวิตประจำวันเลย เหอๆๆ ส่วนคันจิมีเทคนิคมั๊ย ส่วนตัวผมเป็นคนไต้หวัน ก็เลยได้คันจิมา ก็อยากจะแนะนำให้ท่องคำง่ายๆ เพราะบางคำมันจะมีรากศัพท์ของมันแค่เติมส่วนอื่นเข้ามา แต่คงเสียงเดิม เป็นต้น แล้วควรระวังเรื่องเสียงอ่านจากช้อยที่มันกำกวมๆ พยายามตัดได้ตัดทิ้งเลยครับๆๆ ส่วนที่เป็นเลือกตัวคันจิ รู้ตัวไหนว่าเสียงไม่ตรงก็ตัดทิ้ง ให้พยายามตัดช้อยทิ้งครับ ส่วนการฟังๆๆ ผมเคยสอบeju มานี่บอกได้คำเดียวว่าผมมึนไปนานเลยอ่าครับๆๆ มันวนแล้ววนอีกๆๆ ส่วนเทคนิคก็ส่วนใหญ่ช้อยมันจะกำกวม พยายามดูภาพให้ดีอ่าครับ ว่ามันต่างกันยังไง แล้วลองนึกคำศัพท์ว่าในส่วนที่ต่างกันเราจะอธิบายความต่างของมันยังไงครับ แล้วก็ตั้งใจฟัง คีย์เวิร์ดให้ดีครับ ผมว่าส่วนนี้ควรเก็บให้ได้เยอะๆๆๆๆ ส่วนการอ่านๆๆ บอกตามตรงๆ ผมเกลียดสดๆๆ มันยากเหลือเกินๆๆ ขนาดผมได้คันจิ ก็ยังขี้เกียจทำเลยๆๆ เทคนิคก็น่าจะจากข้างบน อ่านคำถามมก่อน ดูช้อยด้วยว่ามันมีส่วนไหนบ้างๆ ส่วนใหญ่ก็เหมือนทำโจทย์reading ทั่วไป แต่บอกตรงๆๆ ผมเกลียดส่วนนี้มากมายๆๆ สุดท้ายอยากให้ตั้งสมาธิให้ดีก่อนสอบครับๆๆ อย่าลืมทบทวนไวยกรณ์ระดับที่ต่ำก่าที่สอบด้วยครับ เพราะเท่าที่ทำโจทย์ระดับ2 ระดับ3ออกมาเยอะพอควรๆ โดยเฉพาะเรื่องที่เกลียดที่สุด ถูกกระทำ ให้กระทำ ถูกให้กระทำ งงได้ใจมากๆๆๆ กับเรื่องคำสุภาพๆ แต่พอดีชอบมากๆคำสุภาพ ทำแบบฝึกหัดเยอะๆๆ ขอให้ทุกคนโชคดีครับ จากคุณ : tom88jerry - [ 28 พ.ย. 50 18:04:01 A:61.46.173.71 X: ]

ความคิดเห็นที่ 10 สำหรับผมนะครับ ผมจะทำไวยากรณ์ก่อนครับ เพราะเป็นสิ่งที่ทำแล้วจบไว ถ้าจำได้กาฉัวะเลยครับ รูปแบบไม่เปลี่ยนแปลงด้วย บางหัวข้อมันไม่เปลี่ยนเลยล่ะ เป็นฟอร์มอย่างนั้น ถ้าได้ลองมีโอกาสทำข้อสอบปีก่อนๆ(ซึ่งแนะนำให้ทำครับ เป็นประโยชน์มาก โดยเฉพาะเรื่องไวยากรณ์ครับ จะเป็นทางลัดที่ดี รวดเร็ว และจำได้แม่นมากที่สุดวิธีหนึ่งเลยครับ)คิดว่าความกังวลต่างๆนานาจะหายไปได้มากครับ ส่วนของการอ่าน ถ้าของระดับสองผมอ่านจากหน้าไปหลังตามลำดับครับ แต่สำหรับระดับหนึ่งที่จะสอบในปีนี้ คิดว่าจะเริ่มอ่านจากบทความขนาดกลางก่อน แล้วค่อยกลับมาอ่านอันใหญ่(บางทีต้องขอดูก่อนครับ ตามสถานการณ์) การอ่านทุกข้อคะแนนเท่านั้นหมดครับ ที่ไม่เท่าคือจำนวนข้อต่อบทความนั้นๆ บทความแรก หรือข้อหนึ่งใหญ่จะมีคำถามเยอะ อย่างระดับหนึ่งนี่ประมาณ 7ข้อ(ก็35คะแนนดิบ) บทความถัดมาก็มีจำนวนข้อลดหลั่นกันไปตามความยาว การอ่านคำถามก่อนก็เป็นวิธีการที่ดีวิธีหนึ่งครับ(ไม่ใช่เฉพาะภาษาญี่ปุ่น ภาษาอื่นๆด้วย) แต่โดยส่วนตัวผมไม่อ่านคำถามก่อน เพราะอะไรน่ะหรอครับ? เพราะว่าข้อสอบวัดระดับเค้าทำมาดีครับ ส่วนที่จะเอาไปเป็นคำถามจะมีการล็อคขีดเส้น หรือมีวงเล็บเว้นไว้ให้เติมคำอยู่แล้ว ซึ่งถ้าเราอ่านเนื้อความเลยตั้งแต่แรกเราก็สามารถล่วงรู้ทุกอย่างรอบข้อความที่ขีดเส้นใต้นั้นได้ครับ ตรงกันข้ามถ้าคนที่ยังไม่คล่องแล้วไปอ่านคำถามก่อน เมื่อกลับมาเจอส่วนที่ขีดเส้นใต้อาจจะหลงไปจับ ไปหาคำอธิบายหรือตัวอย่างผิดที่ ผิดตำแหน่ง ทำให้ตอบผิดได้ ซึ่งที่ว่ามานี่เป็นความเห็นส่วนตัวของผมเพียวๆนะครับ ไม่ต้องคิดมาก เรื่องเวลาต้องเร่งหน่อยครับ บางคนถึงขนาดจับเวลาเลยว่าบทความนี้กี่นาที ไวยากรณ์ทำกี่นาที(เห็นเค้าแนะนำกันที่ประมาณ30 นาทีครับสำหรับระดับหนึ่ง แต่ถ้าแม่นหน่อย หรือถ้าไม่ใช่พวกเสียน้อยเสียยากเสียมากเสียง่าย ไม่ถึง20นาทีก็เสร็จครับ) ซึ่งผมว่าดีครับ แต่ผมไม่ได้ทำขนาดนั้นครับ ก็กะๆเอา เอาเวลาตรงโน้นไปโปะตรงนี้ เดี๋ยวก็ทันเองครับ สำคัญที่สุดคืออย่าแช่นานครับ ต้องแอคทีฟกระตุ้นตัวเอง อ่านออกเสียงดังๆ(ในใจนะครับ เดี๋ยวกรรมการจะมาหา) ตรงไหนงงก็ไปอ่านประโยคถัดไปเพราะมันก็เป็นตัวอย่างหรือคำอธิบายของประโยคนั้นล่ะ จับพวกคำเหมือน คำย้ำ คำที่ใช้แล้วใช้อีกครับ จะเห็นได้ไม่น้อยเลยว่า ในส่วนหนึ่งของบทความจะมีคำที่ไม่ใช่คำเดียวกัน แต่ความหมายเหมือนกันอยู่ ดูดีๆครับ แล้วกวาดๆตาเอา หาความเหมือน ความแตกต่าง ดูลักษณะของย่อหน้าและสรุปใจความรวมของย่อหน้านั้นให้ดีด้วยครับ ย่อหน้าหนึ่งคำนำนะ ย่อหน้าสองอธิบาย ย่อหน้าสามตัวอย่าง บลาๆๆอะไรทำนองนี้ครับ คำถามไม่ยากเกินไปครับ ไม่ได้ยากเกินไปกว่าภาษาอังกฤษที่เอ็นทรานซ์อะไรหรอกครับ ชอยส์ตัดได้ไม่ยากครับ บางตัวเลือกมันหลุดโลกจริงๆ ตัดได้ไม่ยากครับ พวกนี้ให้เติมคำในวงเล็บก็ดูแนวโน้มของประโยค ของย่อหน้าครับ ถ้าก่อนหน้ามันพูดมาอย่างหนึ่ง แล้วหลังวงเล็บมันกลับกันไปเลยมันก็ประมาณ"แต่" "ทว่า"ประมาณนั้นใช่มั้ยครับ? พยายามเข้าครับ พาร์ทสุดท้ายการอ่านกับไวยากรณ์เนี่ย ตัวหลักเลยนะครับ ลงทุนน้อยคะแนนเพียบครับ ระดับหนึ่งนี่คำศัพท์ผมปลงเลยล่ะ ไม่รู้เยอะเลย ส่วนการฟังมันอยู่ที่โชคครับ บางคนอาจเคยมีประสปการณ์ อาจดูเหมือนโทษปี่โทษกลอง แค่นั่งไกลวิทยุยังไม่เป็นไรครับ ถ้าห้องเสียงก้องแล้วล่ะก็ จบกันครับ เก่งมาจากไหนก็ตายได้ครับ(คะแนนหายไม่มากก็น้อยล่ะนะงานนี้) งานนี้หลายคนคอนเฟิร์มมาแล้วครับ ผมก็ด้วยล่ะ แต่ได้ยินว่าที่ธรรมศาสตร์เสียงดี ก็ไม่ทราบครับไม่เคยไป เดี๋ยวก็จะได้รู้แล้วครับ ขอให้โชคดีในการสอบนะครับ จากคุณ : Tidal (Tidal) - [ 30 พ.ย. 50 00:39:38 ]