PANTIP.COM : H6075807 ที่เรียน Toefl เพื่อเตรียมสอบ [ศึกษาต่อต่างประเทศ]

ความคิดเห็นที่ 4

ของ Fast English ครับ อธิบายไม่ถูก จะเล่าบรรยากาศในห้องให้ฟังเลยละกัน คอร์ส TOEFL ของที่นี่จะสอน ibt โดยเรียน 4 ทักษะที่สอบควบคู่กันไป ครับ คือ Listening Speaking Reading และ Writing ละก็แถม Translation Collocation Vocab Structure เรียนกันหัวบวมเลยคับ แต่ผมแนะนำสำหรับคนที่สนใจ ว่าเลือกเรียนได้ครับ ไม่ต้องโลภเข้าทั้งหมด ไม่งั้นจะไม่มีเวลาทบทวน เราอ่อนอันไหนพยายามเข้าอันนั้นให้มากจะดีกว่า จำนวนชั่วโมงเรียนที่มาก เทียบไม่ได้กับคนที่เรียนแล้วทบทวนคับ

1. คาบ Listening... หรืออีกชื่อหนึ่งคือฝึกการฟัง โดยอาจารย์ฝรั่งจะเข้ามาคุยเล่นตอนต้นคาบสัก 10 นาทีเพื่อเตรียมหูเราให้พร้อมฟังภาษาอังกฤษ ฟังออกบ้างไม่ออกบ้าง แต่หัวเราะจังหวะเดียวกับคนข้างๆ ก็เอาตัวรอดได้ครับ พอได้ที่แล้ว อาจารย์ก็จะเปิด cd ให้เราฟัง เป็นบทสนทนาหรือบทความวิชาการเรื่องต่างๆ และให้ลองทำแบบฝึกหัด ว่าที่ฟังมาหน่ะฟังถูกไหม โดย cd ที่เปิดบางครั้งก็เร็วมาก บางครั้งก็ช้า สลับกันไปถ้าฟังไม่ทันก็ใจเย็นๆ ค่อยๆจับจุด แล้วอาจารย์ฝรั่งก็จะอธิบายเป็นภาษาอังกฤษที่เข้าใจง่าย กับคำศัพท์อีกที คาบนี้ให้ 8 เต็ม 10 ครับ เพราะตั้งกะเรียนมาตอนนี้ผมเริ่มดูหนังฝรั่งโดยไม่อ่านซับได้แล้ว ที่เสียไป 2 แต้มเพราะบางตำแหน่งที่นั่งจะฟังเสียงไม่ชัด แต่เปลี่ยนที่นั่งได้ครับ ไม่มีใครว่า แต่อย่าไปช้า เพราะที่นั่งดีๆจะเต็มหมด

2. คาบ Speaking...หลายๆคนอาจจะสงสัย ว่าเรียนห้องเบ่อเร่อ ละคนเรียนจะไปพูดได้ยังไง? คือแบบนี้ครับ ที่นี่เขาสอนหลักของการพูดก่อน อย่าว่าแต่ภาษาอังกฤษเลยครับ ภาษาไทยเองแท้ๆบางคนก็พูดไม่ชัด ไม่เคลีย ฟังแล้วไม่เข้าใจ ต้องเอามาแปลกันอีกที ที่นี่ก็เลยแก้ปัญหาที่ตรงจุด คือสอนให้นักศึกษาเรียบเรียงภาษาไทยให้ชัดก่อน แล้วแปลเป็นภาษาอังกฤษที่ชัดเจนอีกที แล้วค่อยพูด ถึงห้องใหญ่แต่ได้หัดพูดทุกคนแน่ครับ เพราะจะมีคนถือไมค์เดินไปทั่วห้อง ขอแค่ยกมือครับ ได้พูดแน่ ใครเขินในห้องก็ไปถามอาจารย์ท้ายคาบได้ จารย์จะถามทั้งคาบเลยครับทั้งไอเดียภาษาไทยและส่วนที่แปลเป็นภาษาอังกฤษและก็วิเคราะห์กันว่าที่พูดหน่ะ ชัดไหม ไอเดียคมไหม หลายคนคงสงสัยว่าการสอนแบบนี้มันจะไปพูดได้ยังไง คือการสอนแบบนี้เป็นการย้อนกระบวนการพูดให้ช้าลงครับ เริ่มจาก คิด concept ให้ชัดเจน>>>แปลเป็นภาษาไทย >>แปลเป็นภาษาอังกฤษ>>>แล้วค่อยออกเสียง อันนี้ไม่มีที่ไหนเหมือนแน่ครับ เรียนแล้วนอกจากพูดอังกฤษได้ แล้วยังพูดภาษาไทยสื่อความชัดขึ้นอีก ถ้าไม่เชื่อคุณลองสังเกตเพื่อนคุณเวลาพูดแต่ละประโยคว่าเข้าใจได้ทันทีไหม หรือฟังแล้วต้องเมาแปลอีกที

3. คาบ Reading... ที่นี่จะสอนการสร้างภาพครับ อ่านแล้วแปลได้ไม่หมด คำศัพท์บางตัวไม่รู้ แต่เทคนิคที่นี่จะสอนให้คุณเดา ไม่ใช่ว่าสนับสนุนให้เดานะครับ แต่หากบางคำมันไม่รู้จริงๆ สร้างภาพจะช่วยคุณได้ถึงแม้จะไม่รู้คำๆนั้นก็ตาม สิ่งนี้จะช่วยให้คุณอ่าน text ได้เร็ว ไม่ว่าจะเป็นภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษ....เริ่มชักจะงงว่าที่นี่สอนอะไรกันแน่ แต่ที่แน่ๆครับ ใช้วิธีนี้อ่าน text ได้เร็วขึ้นมาก

4. คาบ Writing...มีอยู่สองอย่างครับ ตอนแรกผมก็ไม่รู้ เรียนไปอย่างเดียว แต่จริงๆต้องเรียนทั้งสองอย่าง อย่างแรกคือคาบสอนหลักการเขียน ว่าการเขียนที่ดีจะเริ่มต้นยังไง ควรขึ้นประโยคอย่างไร เนื้อหาอย่างไร ละก็จบยังไง โดยเรียบเรียงความคิดให้ชัดเจน เขียนให้ตรงประเด็น ส่วนงานเขียนที่เอามาวิเคราะห์นี่ จากนักเรียนล้วนๆครับ ไล่จากเขียนไม่ดี จนถึงเขียนดีมาก เพื่อที่ให้รู้ว่าเขียนไม่ดีเขียนยังไง แล้วจะแก้ยังไงให้กลายเป็นการเขียนที่ดี พอเรียนครบ 10 คาบแล้วก็เขียนส่งอาจารย์ได้โดยตรงโดยจะมีโจทก์ท้ายเล่ม writing มากมายเลือกได้ตามใจชอบ งานเขียนนี่ส่งได้ไม่จำกัดครับ แล้วแต่ความขยัน และอาจารย์ก็จะแก้กลับมา ผมแนะนำว่าใครส่งไปแล้วให้เอากลับมาดู แล้วไปคุยรายละเอียดที่ผิดกับอาจารย์อีกทีถ้าไม่เข้าใจ อาจารย์จะได้แนะนำเป็นรายบุคคลด้วย ส่งงานได้ไม่จำกัดจำนวนชิ้นครับ
ส่วนที่สองเป็นการสอนให้เขียนจากแลคเช่อซึ่งเป็นการสอบแบบหนึ่งใน writing ของ TOEFL ครับ คือจะมีการอ่านบทความภาษาอังกฤษและฟังภาษาอังกฤษสั้นๆ ละก็เขียนตอบ อันนี้ขืนอ่านไม่ออกฟังไม่ทันตายแน่ครับ part นี้ นี่ก็เลยฝึกทั้ง 3 ทักษะพร้อมกันในคาบนี้ คือฝึกอ่านฝึกฟังให้ไว และจับประเด็น พร้อมมีไมค์ลอยวิ่งไปตามโต๊ะต่างๆทีต้องการตอบ ขอแค่ยกมือคับ ได้ตอบแน่ ความคิดของคุณจะถูกปรับให้นุ่มนวลและตรงประเด็นมากขึ้นจนคนตอบเองยังงง ว่านี่คือคำตอบที่แท้จริงควรเป็นอย่างไร

5. คาบ Translation...ฝึกการแปล ด้วยคาบนี้แหละคับ จะทำให้คุณกลายเป็นนักแปลจากไทยเป็นอังกฤษได้ คุณเคยเจอฝรั่งแล้วจะพูดตอบเป็นภาษาอังกฤษแต่คิดออกแค่ภาษาไทยไหม? ด้วยคาบนี้จะมีตัวอย่างการเขียนบทความภาษาไทยแล้วให้ฝึกแปลเป็นภาษาอังกฤษ ว่าประโยคไหนแปลเป็น eng แบบไหนได้บ้าง แล้วแบบไหนที่ผิด ทีนี้หล่ะ Grammar ที่เคยเรียนมาตั้งกะเล็กยันโตจะได้รู้ชัดกันในคาบนี้ว่าเราจำได้กี่%

6. คาบ Collocation ...คาบนี้ไม่ค่อยได้เข้าเรียนครับ เหอ เหอ แต่เท่าที่จำได้ คาบนี้เป็นการสอนคำศัพท์ที่ใช้คู่กัน โดยรวบรวมมาจากที่เค้าใช้งานกันจริงๆ ไม่ใช่รวมทุกคำในพจนานุกรม แค่จำได้ ใช้ถูกสถานการณ์ก็หล่อแล้ว เช่น verb ตัวนี้จะใช้คู่กับ noun ตัวไหนได้บ้าง หริอ noun ตัวนี้ใช้คู่กับ adj ตัวไหนได้บ้าง อะไรทำนองนั้น จะช่วยทั้งเรื่องของการเขียน และการพูด ถ้าคุณใช้ได้ถูกต้อง คุณจะดูมีระดับขึ้นมาทันที เพราะใช้ถูกเหมือนเจ้าของภาษา ไม่ใช่จับเอาศัพท์มาวางต่อกันดื้อๆ ในภาษาอังกฤษถ้าคุณแปลคำไหนได้ ไม่ได้หมายความว่าว่าจะเอามาวางต่อกันเหมือนศัพท์ไทยได้ เค้ามีวิธีใช้เฉพาะของเขาอยู่ เรียนอันนี้จะช่วยให้คะแนนพุ่งได้ครับ หรือถ้าไม่ไปสอบ เอาไปใช้งานจริงก็เท่ห์ไปอีกแบบ

7. คาบ Vocab...อันนี้เหมือนของแถมของคอร์สครับ เพราะจากข้างบน 6 คาบก็เรียนกันไม่ไหวแล้ว จะเป็นการรวมคำศัพท์ที่ใช้บ่อยมารวบรวมไว้ การสอนก็อาจารย์จะอธิบายคำ พร้อมคำที่ความหมายคล้ายกันอีก 3-5 คำ ละก็บอกว่าใช้ต่างกันยังไง อันนี้มีประโยชน์มากครับในการพลิกแพลงงานเขียนหรือการพูด เพราะถ้าใช้คำเดียวกันซ้ำๆ ฝรั่งจะเกิดความเบื่อหน่ายได้ อันนี้มี cd แจกมาด้วย เอามาฝึกฟังฝึกออกเสียงเองที่บ้านได้

8. คาบ Structure...อันนี้ก็คาบแถมอีกเช่นกันครับ grammar แม่นไม่แม่นก็รู้กันคาบนี้ จะเป็นการสอนข้อสอบแบบ cbt เก่ากากบาทข้อถูก กากบาทข้อผิด choice 4 ข้อครับ ใครเบื่อๆ อยากทวน Grammar ก็มาเรียนคาบนี้ผ่อนคลายได้ หรือใครจะเอาไปใช้สอบ TU CU ฯลฯ ก็ได้

ผมเองก็เคยเป็นคนนึงที่มีปัญหาเรื่องเลือกที่เรียนภาษาอังกฤษครับว่าจะ เรียน TOEFL รึ Grammar ที่ไหนดี แต่สุดท้ายเพื่อนที่เคยเรียนก็แนะนำที่ Fast English ผมได้ไปเรียนมาก็เลยมาเล่าให้ฟัง ใครกะลังหาที่เรียนอยู่ หวังว่าจะเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจนะครับ มีอะไรถามมาได้ที่เมว u_call_i_come@hotmail.com คับ

จากคุณ : stardust - [ 29 พ.ย. 50 15:01:54 A:203.155.231.100 X: ]