ความคิดเห็นที่ 1 ^^ ^^ อ่านแล้วดิฉันสงสัยค่ะ ว่าสามีของคุณ จขกท. มีอาชีพประเภทที่ต้องเสี่ยงชีวิตหรือคะ เช่นเป็นทหาร หรือ ต้องไปทำงานในเขตพื้นที่อันตรายบางแห่งในโลกนี้ อะไรทำนองนั้นหรือเปล่าคะ ? ที่ดิฉันถามนี้ ไม่ได้ละลาบละล้วงนะคะ เพราะปกติไม่ชอบยุ่งกับเรื่องส่วนตัวของชาวบ้านอยู่แล้นนน แค่สงสัยว่า การทำพินัยกรรมนั้น เป็นการวางแผนอนาคตอย่างหนึ่ง แล้วทำไมต้องร้องให้ด้วยหล่ะคะ  ? Partner ของดิฉันเป็นพนักงานบริษัท ด้วยหน้าที่การงาน ทำให้เขาต้องเดินทางโดยสารเครื่องบินบ่อยๆ อย่างไม่ไปไหนเลย เฉพาะเรื่องงานก็ต้องเดินทางก็ปีละอย่างน้อยๆ  40 ทริป เห็นจะได้ เขาก็ทำพินัยกรรมไว้ให้ดิฉันค่ะ ก็ไม่เห็นจะต้องร้องให้เลย ดีเสียอีกเป็นสัดส่วนดี ดิฉันไม่ได้แต่งงานนะคะ พวกเราเป็น Long-Term Partner กัน และ ไม่มีลูก ก็ตัดห่วงเรื่องลูกไปค่ะ อย่างไรก็ตามขอให้คุณ จขกท. ได้คำตอบที่แจ่มชัด และ เป็นประโยชน์ จากสมาชิกท่านถัดๆ ไปค่ะ เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องของธรรมชาติ การพลัดพรากจากสิ่งของ หรือ จากคนที่รักนั้นเป็นทุกข์ค่ะ ชีวิตของมนุษย์นั้น เป็นเรื่องซับซ้อน ละเอียดอ่อน การทำใจ การปลง และ เวลา จะช่วยได้ทุกเรื่องค่ะ   ดิฉันคิดถึงเรื่องตายมาตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 30 และ เตรียมตัวตายทุกขณะจิต เพราะเรื่องตายเป็นเรื่องที่อยู่เหนือการควบคุม เหนือความคาดหมาย คนเราตายกันได้ทุกวินาที ไม่จำกัดเพศ วัย อายุ วิธีตาย และ สถานที่ตายค่ะ     จากคุณ : Siamese Girl - [ 30 พ.ย. 50 23:35:41 ]

ความคิดเห็นที่ 2   ปล. คุณ จขกท. ลองไปหาภาพยนตร์เรื่อง "World Trade Center" มาชมนะคะ http://www.imdb.com/title/tt0469641/ นำแสดงโดย Nicolas Cage, Maria Bello กำกับโดย Oliver Stone แล้วคุณจะได้แง่คิดอะไรบางอย่างค่ะ คนเราถ้าไม่ถึงคราวตาย ต่อให้ตกอยู่ในสถานะการณ์ที่แย่ และ เลวร้ายแค่ไหน ก็รอดค่ะ แต่บางคน ถ้าถึงคราวตาย อยู่ในบ้านของตัวเองแท้ๆ ก็ตายได้ค่ะ Best wishes.     จากคุณ : Siamese Girl - [ 30 พ.ย. 50 23:44:11 ]

ความคิดเห็นที่ 3 การทำพินัยกรรมนั้น ขั้นตอนต้องไปผ่าน probate ใช้เวลานานมากๆ ค่ะ แพงด้วย จริงๆ แล้ว อยากแนะนำให้แต่งตั้ง legal guardian ต่างหาก คือไม่ให้ legal guardian มายุ่งกับเงิน ให้สิทธิปกครองดูแลเท่านั้น แต่ให้ Trustee เป็นคนจัดการเรื่องเงิน วิธีนี้ถ้าคุณสองคนเป็นอะไรไป ก็ไม่ต้องมาเสียเวลาในศาล probate ทีละเกือบๆ ปี ค่าใช้จ่ายอีกต่างหาก การจัดการเรื่อง Trust ให้แบงค์ทำก็ดีค่ะ เขาว่าตามตัวหนังสือไม่มียึกยัก ค่าธรรมเนียมคิด flat rate บ่อยครั้งที่ให้ญาติพี่น้องที่คิดว่าไว้ใจได้ มาเป็น Trustee นอกจากค่าจ้างแล้ว (กฏหมายกำหนดตรงนี้เป็นเปอร์เซนต์นะคะ) มักจะพบว่า Trustee เบิกโน่นเบิกนี่จากรายการใช้จ่ายส่วนตัว โดยอ้างว่า เป็นเรื่องที่ต้องทำในฐานะ Trustee ไปๆ มาๆ เงินที่คุณทิ้งไว้ให้ลูก เผลอๆ จะหมดก่อนลูกโต เพราะถึงจะเป็นพี่น้องกันแท้ๆ เรื่องเงินทอง ไม่เข้าใครออกใคร และ ในอเมริกาเอง เรื่องฮุบสมบัติหลาน เป็นเรื่องปกติที่มีการฟ้องร้อง กันอยู่บ่อยๆ จุดที่ผิดพลาดกันมากคือ เด็กยังเล็กเกินกว่าที่จะรู้ว่าตัวเองถูกโกง กว่าจะรู้ เงินที่พ่อแม่ทิ้งไว้ให้ ก็ไม่เหลือ อายุความก็หมด ทำอะไรไม่ได้ค่ะ อยากให้คุณกับแฟน ปรึกษาทนายที่ทำเรื่องนี้โดยเฉพาะ ทำรายละเอียด ให้ชัดเจน ประเด็นหลักๆ คือ การเลี่ยง probate และ การป้องกันและมาตราการที่จะให้แน่ใจว่า ลูกได้ใช้เงินนี้ไปในทางที่สมควรค่ะ จากคุณ : Lawanwadee - [ 30 พ.ย. 50 23:49:32 ]

ความคิดเห็นที่ 4 คุณ Siamese Girl  (ที่คิดใว้ถูกต้องแล้วค่ะ) ......จะบอกว่า มิใด้ถือเป็นการละลาบละล้วงเลยค่ะ ต้องขอบคุณมากกว่าที่เข้ามาให้ความเห็นนะคะ .... คราวที่ร้องให้น้ำตาเป็นเผาเต่า(ไม่รู้พูดถูกหรือเปล่านะคะ) ก็เพราะว่าพึ่งจะแต่งงานมาอยู่อเมริกาใด้ไม่ถึงปี ยังไม่รู้อะไรมากมาย และก็แพ้ท้องมากๆด้วยค่ะ ...  อิทธิพลความเชื่อเรื่อง "อย่าพูดเป็นลาง..ร้าย"มันยังครอบงำอย่างหนาทึบอยู่ค่ะ มันเป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นเวลานั้นจริงๆค่ะ     ตอนเกิดเหตุ 911 ดิฉันเกาะติดข่าวหน้าจอทีวีเป็นเดือนค่ะ ทำให้เข้าใจคำว่า สังขารไม่เที่ยง ...ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน ....มากขึ้น.... แต่ตอนนี้ที่มีความรับผิดชอบมากขึ้นโดยเฉพาะกับชีวิตลูกน้อยอีก 2 คน ก็ต้องเตรียมให้พร้อมใว้ค่ะ  คุณพี่ Lawanwadee คะ ต้องขอบพระคุณมากๆค่ะ ที่กรุณาให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์มากๆค่ะ ตอนแรกคิดว่าจะรบกวนปรึกษาคุณพี่โดยตรงเลยดีไหม แต่มาคิดอีกทีเรื่องนี้น่าจะเป็นประโยชน์ก็ท่านอื่นๆบ้างก็เลยตั้งกระทู้ค่ะ                 จะนำเรื่อง legal guardian กับTrustee      ไปคุยกับสามีอีกทีนะคะ  ขอเชิญแสดงความเห็นเพิ่มเติมนะคะ จะเข้ามาอ่านทุกวันค่ะ จากคุณ : แม่ขา - [ 1 ธ.ค. 50 00:55:51 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญค่ะ อย่าถือว่าเป็นลางอะไรเลยค่ะ เพราะถึงเวลาที่มีอะไรคาดไม่ถึงเกิดขึ้น อาจเป็นปัญหาได้ค่ะ ที่ทำไว้เมื่อหลายปีที่แล้ว ทำเป็น living will ค่ะ ให้เพื่อนสนิทซึ่งเป็นทนายทำให้ ทำเดี๋ยวเดียวก็เสร็จค่ะ เพราะเขาให้คำแนะนำตลอดเลย ง่ายๆก็กรณีที่ใครเป็นอะไร อีกคนก็รับไปหมด ในกรณีที่เป็นอะไรพร้อมกันทั้งสองคน ลูกสาวให้น้องชายที่เมืองไทยรับเป็นคนดูแลจนกว่าจะบรรลุนิติภาวะ (ตามอายุที่นี่นะคะ ไม่ใช่ที่เมืองไทย) โดยมีเพื่อนคนที่ว่าจะเป็นคนช่วยจัดการเรื่องทั้งหมดให้ (คือว่าไว้ใจเขาด้วยค่ะ เพราะสนิทกันทั้งตระกูลเขาเลย พ่อของเพื่อนก็เป็นทนายเหมือนกัน) นั่นในกรณีที่ลูกสาวยังอายุไม่ครบ legal age นะคะ ครบวัยนั้นแล้วถ้าเราสองคนเป็นอะไรไปพร้อมกัน ทุกอย่างก็ไปตกอยู่กับลูกหมดค่ะ คือตอนที่ทำ living will คนละใบนั่น ก็พยายามให้มันสั้นที่สุด และก็ง่ายที่สุดค่ะ เพื่อนบอกว่าบางทีถ้ามีรายละเอียดอะไรยุ่บยั่บมาก มันก็จะมีจุดอ่อนมาก เอาหลักๆ ตรงไปตรงมา ดีที่สุด จากคุณ : กุลธิดา (kdunagin) - [ 1 ธ.ค. 50 06:26:47 ]

ความคิดเห็นที่ 6 แหมใจตรงกัน ตั้งกระทู้ใกล้กันเลยค่ะ พินัยกรรมที่สามีเขียนไว้ ตอนยังไม่มีลูก ก็ยกให้ดิฉันหมด แต่ตอนนี้มีลูกแล้ว ครอบครัวเราเดินทางกันบ่อย ต้องมีไว้ และกำลังกังวลเรื่องคนดูแล กับทรัสท์อย่างที่คุณลาวัณวดีบอกเลยค่ะ ยังไม่รู้ว่าจะให้ใครมาเป็นทรัสตี้ดี แต่คนดูแลน่ะจะให้เพื่อนสนิทสามี จากคุณ : mrs.night owl - [ 1 ธ.ค. 50 09:29:36 ]

ความคิดเห็นที่ 7 สวัสดีค่ะ คุณพี่กุลธิดา ตอนนี้ใช้สมองมากกว่าต่อมน้ำตาค่ะ .... ปรากฏว่ายิ่งคิดมากเข้าไปอีกค่ะ ...ตั้งข้อสงสัยต่อไปอีกค่ะว่า หากน้องชายสามีเป็นอะไรไปอีกคน(เค้าเป็นนักบินค่ะ) ภรรยาเค้าจะเป็นคนดูแลลูกเราต่อ หรือ น้องสาวสามีซึ่งอยู่ในลำดับที่ 2 จะรับไปเลี้ยงดูคะ......   พี่ลาวัลย์วดีคะ คุญกับสามีแล้วค่ะ ดูเค้ายังให้น้ำหนักความเชื่อใจน้องชายเอามากๆค่ะ ...แต่ที่เลียบๆเคียงๆคุยกับน้องชายสามี ดูเหมือนว่าเค้าจะให้ภรรยาจัดการเรื่องการใช้จ่ายค่ะ.... ดิฉันพอจะหาตัวอย่างเคสที่มีการฟ้องร้องกันบ่อยๆ ตามที่คุณพี่ลาวัลย์วดีกล่าวใว้ในข้างต้นใด้ที่ไหนบ้างค่ะ....   คุณ  mrs.night owl ใช่ ใช่ ใจตรงกันแบบไม่ทันข้ามวันเลยนะคะเรา... ว่าแต่ว่าเพื่อนสนิทสามีที่จะให้ดูแล แต่งงานหรือยังค่ะ (ที่ถามก็เพราะว่าถ้าเค้าไปทำงาน ภรรยาเค้าจะเป็นฝ่ายที่ใช้เวลาอยู่กับลูกเรามากกว่าหน่ะคะ...ไม่รู้ว่าคิดมากไปหรือเปล่า....) จากคุณ : แม่ขา - [ 1 ธ.ค. 50 23:52:15 ]