ความคิดเห็นที่ 1 เพิ่งส่งใบสมัครให้ลูกสาวของ Reception 2008 เหมือนกันค่ะ เห็นใจเลยนะสำหรับคนที่ไม่ได้อยู่ที่นี่เพราะคงนึกสภาพโรงเรียนไม่ออก อันนี้คงขึ้นอยู่กับว่า area แถวๆนั้นคนที่อยู่ส่วนใหญ่เป็นแบบไหน ถ้าเป็นย่านที่มีบ้านรัฐบาลเยอะๆ ก็แน่นอนค่ะ เพื่อนๆของลูก,บรรดาผู้ปกครอง ก็จะเป็นแบบนึง ถ้าไปอยู่ใน area ที่บ้านช่องราคาแพงไม่มีพวกขอเงินรัฐอาศัยอยู่ เด็กก็จะเป็นอีกแบบนึง (นึกภาพง่ายๆก็เหมือนสังคมไทยบ้านจัดสรรกับชุมชนแออัดน่ะค่ะ) ดิฉันตัดสินใจซื้อบ้านโดยเลือกที่ area เป็นหลักเพราะรู้ว่าลูกต้องเรียนไปหลายปี ถ้าตั้งใจมาอยู่แค่ปีสองปีเลือกเรียน private ก็ดีนะคะ ส่วนเรื่อง Apply 2 ที่ได้มั้ย ไม่แน่ใจค่ะ จากคุณ : Pdoeuf (Pdoeuf) - [ 4 ธ.ค. 50 03:11:33 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ผมว่าถ้าคุณไม่เดือดร้อนเรื่องเงิน น่าจะเอาลูกเข้า private ไปเลยนะครับเพราะว่าเขาน่าจะเอาใจใส่เราค่อนข้างดี เเต่เท่าที่เห็นส่วนใหญ่ในระดับ reception เขาจะไม่ค่อยได้สอนอะไรมากครับ พ่อเเม่จะมีส่วนสำคัญมากกว่า การเรียนรู้ในระดับ Reception ถ้าพ่อเเม่มีเวลาให้กับเด็กมากๆหน่อยเเละใช้เวลากับลูกๆมากๆผมว่าน่าจะได้อะไรได้ดีกว่าด้วย ผมมองๆว่า Reception นี่ก็มีผลกับ development ของเด็กบ้างเเต่ก็ไม่มากนักเพราะมีเวลาอยู่ที่โรงเรียนเเค่ 2 ชม ครึ่งต่อวันเองครับ เเละส่วนใหญ่จะให้เด็กรู้จัก abc วาดรูป ระบายสี มีกิจกรรมกับเด็กๆคนอื่นๆบ้าง อย่างที่ความเห็นที่ 1 บอกน่ะครับว่าถ้าอยากจะให้ลูกเรียนจนจบ Year 6 เลย หรือ Year 12 เลยนี่ต้องพิจารณาเรื่องของโรงเรียน Primary school ควบคู่กับ Reception ไปด้วย เพราะบางที่เขารับตั้งเเต่ Reception จนกระทั่งถึงระดับ Primary school ครับ ส่วนเรื่อง Private หรือ state นี่ก็คงไม่น่าจะมีปัญหาสำหรับ Private นะครับถ้าเรามีเงินที่จะจ่ายค่าเล่าเรียน เเต่ถ้าคนเรียนเยอะก็คงจะดูที่ Catchment are ก่อนครับว่าบ้านคุณอยู่ใน area นั้นๆของโรงเรียนหรือเปล่า ส่วนเรื่องโรงเรียน State นี่เขาจะดูจากว่าบ้านคุณอยู่ใน catchment area ของโรงเรียนหรือเปล่าก่อนนะครับ ถ้าไม่อยู่ก็คงต้องรอให้โรงเรียนเลือกเด็กที่อยู่อาศัยใน Catchment area เสียก่อนเเล้วค่อยให้คนที่อยู่นอก catchment area ครับ ดังนั้นคุณจะไปสมัครหลาย council เขาก็คงดูเกณท์ที่บอกก่อนเเล้วค่อยดูเกณท์ต่อๆไป เช่น ลูกคนอื่นของคุณเรียนที่โรงเรียนนี้ด้วยหรือเปล่า ถ้าเรียนที่โรงเรียนนั้นอยู่เเล้วก็มีสิทธิ์ที่ได้ น้อง หรือพี่ของเด็กคนนั้นเข้าเรียนในโรงเรียนนั้นด้วย ดังนั้นจะไม่เเปลกครับที่คนจะหาซื้อบ้านที่อยู่ใน catchment area ของโรงเรียน หรือไม่ก็ไปหาเช่าบ้านที่อยู่ใน catchment area นั้นๆ ผมเเนะนำเวป http://www.upmystreet.co.uk เพื่อไปดูทำเลบ้าน หรือข้อมูลของ area ที่เราจะไปอยู่อาศัยนะครับว่ามีโรงเรียนไหนดีบ้าง ระดับไหน จากคุณ : นักเเสวงหา - [ 4 ธ.ค. 50 04:34:21 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ขอบคุณมาก ๆ สำหรับคำตอบค่ะ   ใจจริงดิฉันก็อยากเอาลูกเข้า private นะคะ แต่พอเข้าเวปไป ที่ใกล้ ๆ บ้านนี่ละค่ะ เทอมละ ๒๑๐๐ ปอนด์  โอ๊ย...กลัวเรียนได้ ไม่กี่ปีค่ะ เดี๋ยวอนาคตไม่แน่นอน กลัวเค้าตกสวรรค์แล้วรับไม่ได้ กังวลใจน่ะค่ะ  คือไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มเอาลูกเข้ารร.อย่างไร  เพราะน้องกลับมาอยู่เมืองไทยแล้วเข้าอนุบาลไทยค่ะ กลับไปเมษาคงเอาไปเข้าเนิสเซอรี่ ให้มีกิจกรรมทำ  ไม่อยากให้อยู่บ้าน  ซนมาก ๆ ค่ะ ภาษาอังกฤษก็พูดไม่ค่อยได้ ตอนแรกไม่เข้าใจ catchment area คืออะไร แต่ตอนนี้พอจะเข้าใจบ้างแล้วค่ะ  ขอบคุณ คุณนักแสวงหา และคุณPdoeufค่ะ จากคุณ : Louise Vuitton - [ 4 ธ.ค. 50 23:09:04 ]

ความคิดเห็นที่ 4 อ่านแล้วอยากช่วยตอบค่ะ มีลูกเหมือนกัน แต่ยังไม่มีเวลาเพราะว่าคงมีเรื่องพิมพ์เยอะ ไว้เข้ามาอ่านอีกรอบน่ะค่ะ จากคุณ : พ ริ ก ขี้ ห นู @ UK - [ วันพ่อแห่งชาติ 06:36:23 ]

ความคิดเห็นที่ 5 catchment area คือ พื้นที่รอบๆโรงเรียนที่ ผู้คนที่อาศัยภายในพื้นที่ของโรงเรียนมีสิทธิ์ได้เรียนที่โรงเรียนนั้นๆน่ะครับ เหมือนเมืองไทยเราน่ะครับว่าใครอยู่อำเภอไหน ตำบลอะไรอยู่ในเขตหรือนอกเขตโรงเรียนนั้นๆครับ จากคุณ : นักเเสวงหา - [ วันพ่อแห่งชาติ 06:42:20 ]

ความคิดเห็นที่ 6 จะรออ่านนะคะ คุณพริกขี้หนู@UK  ตอนแรกดิฉันก็งงๆ ๆม่รู้จะเริ่มอย่างไร เพราะสามีก็ไม่ใช่คนอังกฤษด้วย  ก็เลย เอาล่ะ...โทรไปหา council ดีกว่า เค้าก็ส่งรายละเอียดมา  แต่พอโทรไปรร. เค้าก็ไม่ค่อยให้ความช่วยเหลือเท่าไหร่  บอกแต่ว่าอายุลูกยังไม่ถึงเกณฑ์เข้า  เอาชื่อลูกกับวันเดือนปีเกิดไปเฉย ๆ อันนี้รร.ใกล้บ้านนะคะ  โทรไปเมื่อเดือนกันยาที่ผ่านมา  เป็นห่วงมาตลอด กลัวลูกไม่ได้เข้ารร.  ดิฉันอาจจะเป็นพวกตื่นตูม กลัวไปก่อนน่ะค่ะ ขอบคุณอีกครั้งทุกความเห็นที่เข้ามาแนะนำกันค่ะ  เพราะ ไม่รู้จะเริ่มอย่างไรจริง ๆ กะว่า เมษาจะลองโทรไปรร.ใหม่ แล้วถ้าไม่ได้เรื่องยังงัยจะไปที่รร.เลยค่ะ  คือรู้สึกว่าเค้าไม่ค่อยให้ความช่วยเหลือน่ะค่ะ  เพื่อนบ้านก็ไม่ค่อยรู้จักใคร ก็เลยไม่รู้จะไปถามใครได้อ่ะค่ะ  คิดว่าอย่างน้อยที่นี่ก็มีแม่บ้าน มีลูกเล็ก ก็คงจะให้คำแนะนำเราได้  แล้วก็ไม่ผิดหวังค่ะ  อย่างน้อย อย่างคุณนักแสวงหาก็อธิบายอะไร ให้ได้รู้มากขึ้น แม่ ๆ ที่จะพาน้องเข้ารร. รบกวนขอรายละเอียดหน่อยนะค๊ะ  ..... จากคุณ : Louise Vuitton - [ วันพ่อแห่งชาติ 17:19:21 ]

ความคิดเห็นที่ 7 หวัดดีค่ะคุณหลุยส์ สงสัยชอบกระเป๋าหลุยส์แน่ๆเลย:) วันนี้แว่ปมาพิมพ์แล้วค่ะ หวังว่าคงแวะกลับมาอ่านน่ะค่ะ ขึ้นอยู่กับ area ค่ะ คุณ Louise Vuitton  เคยอยู่อังกฤษมาก่อนคงทราบน่ะค่ะว่า area ที่ดีๆ(ในอังกฤษ)ครอบคลุมไปถึงอะไรบ้าง state school ที่ดีๆก็มีเยอะค่ะ ไม่แพ้ private ค่ะบางคนถึงแม้ว่าจะมีเงินก็ยังเอาลูกเข้าเรียน state school ไม่ได้เลยน่ะค่ะเนื่องจากว่า บ้านไม่ได้อยู่ใน area นั้นๆ state school บางแห่งที่อยู่ใน area  ที่ดีมากๆ ผู้ปกครองทั้งหมดอยู่ในระดับ middle class - upper class น่ะค่ะส่วนพวกรายได้น้อยๆไม่ต้องพูดถึง เพราะว่าพวกเค้า afford บ้านไม่ไหวเพราะว่าบ้านใน area ดีๆใกล้ รร. ราคาแพงมากๆ แพงแบบโอเว่อร์ คนอังกฤษเค้าซื้อบ้านตาม รร.  บาง area ที่ดีๆ มี state school ที่ดีๆ ติดอันดับต้นๆของประเทศอังกฤษเลยน่ะค่ะ บรรดาพวกผู้ปกครองที่วางแผนเรื่องเอาลูกเข้า รร. มักจะไปซื้อบ้านที่อยู่ใกล้ รร. ถ้าหาซื้อบ้านไม่ได้ก็ เอาชื่อไปลง waiting list ที่  estate agents เพื่อรอซื้อบ้านกัน ส่วนใหญ่บ้านก็ไม่ค่อยจะมีขายเพราะว่าคนไม่ยอมขายกัน demand มากกว่า supply คือ population ของอังกฤษเพิ่มมากขึ้นแต่ว่าบ้านมี  limit พอมีบ้าน up for sell บ้านก็จะขายได้เร็วมาก บาง area บ้านขายได้ภายใน 2 ชม. ภายใน 1 วัน ก็มีน่ะค่ะส่วนใหญ่จะไม่เกิน 7 วัน นี่คือเรื่องจริงค่ะ ยกตัวอย่าง คนใกล้ๆ ตัวให้ฟังน่ะค่ะ มีเพื่อนอยู่  2  คนอยากได้บ้านหลังใหญ่ๆ สนามใหญ่ๆ เลยไปซื้อบ้านอยู่ไกลออกไปนิดหนึ่ง แถวบ้านไม่มี  state school ใกล้ๆ ประมาณว่าเดินไป รร. ได้ ก็เลยต้องให้ลูกเข้า independent school(private) นี่คือความจำเป็นอย่างหนึ่งที่ให้ลูกเข้า private  อีกตัวอย่างหนึ่ง มีเพื่อนอีก 2 คนเช่นกันบ้านก็อยู่ใน area เดียวกันกับดิฉัน พวกเธอสมัครให้ลูกเข้า state school รร. เดียวกับ ลูกสาวดิฉัน แต่ว่าบ้านของพวกเธออยู่เกินรัศมี  5 ไมล์ จาก รร. ที่สมัครเลยไ ไม่ได้ที่เรียน แต่ไปได้ รร. ที่เลือกไว้อันดับ 2 แต่ก็ไม่อยากได้( รร. ก็ดีพอสมควร)พวกเธอเลยตัดสินใจให้ลูกๆ เรียน private นี่ก็เป็นสาเหตุหนึ่งทีเพื่อนของดิฉันให้ลูกเข้า private หลานชายดิฉันก็เรียน private ค่ะเรียนมาตั้งแต่ nursery  เรียนมาตลอดจนตอนนี้อายุ 12 ปีแล้วแต่ว่ารายนี้คุณแม่เค้าอยากให้เรียน private เองมาตั้งแต่ต้น ขนาดว่าเป็น private บางคนต้องจอง รร .ตั้งแต่ลูกยังแบเบาะ ถ้าคุณให้ลูกเข้า private สังคมของลูกก็จะเป็นอีกแบบหนึ่งเพราะว่าเด็กทั้งหมดเป็นลูกคนมีสตางค์ แล้วเด็กจะค่อนข้างแข่งขันกันมาก เช่น เอาของมาโชว์กัน คุยกันเรื่องฮอลิเดย์  เป็นต้น แบบว่าเด็กถูก สปอยล์น่ะค่ะ    ดิฉันว่ามันเป็นสังคมที่แข่งขันกันพอสมควรไม่เฉพาะเด็กเท่านั้นที่แข่งขันกันแม้กระทั่งผู้ปกครองก็ยังแข่งขันกัน ถ้าคุณไม่เริ่ดพอก็ไม่มีผู้ปกครองคนไหนอยากคบกับคุณแล้วมันมีผลกระทบไปถึงเด็กด้วย เรียน private ดิฉันว่ามีทั้งข้อดีและข้อเสียน่ะค่ะ ลูกสาวคนโตของดิฉันตอนนี้อายุ  6 ขวบอยู่ state school มาตั้งแต่ Nursery school จนตอนนี้ Year 2 แล้ว เดินจากบ้านไป รร. 5 นาทีเองค่ะแต่ส่วนใหญ่ดิฉันไม่ค่อยเดินจะขับรถไปส่ง โชคดีตรงที่ว่า  state school  รร. นี้ดีค่อนข้างมีชื่อเสียงระดับคะแนนได้มาตรฐาน แล้วก็ที่ รร.นี้ดีอีกอย่างหนึ่ง ก็คือ รร. มีตั้งแต่ชั้น Nursery school ต่อ Reception ไปจนถึง Year 6 เลยฉะนั้นดิฉันจึงไม่ต้องกังวลใจในเรื่อง ว่าลูกจะไม่มี รร. ที่ดีๆรองรับ หายห่วงไปได้หลายปี ข้อดีอีกอย่างหนึ่งก็คือพอเค้าเริ่มเรียนมาตั้งแต่ Nursery school Reception ไปถึง year 6 พวกเพื่อนๆก็จะเป็นเพื่อนเดิมๆที่รู้จักคุ้นเคยกันมาตั้งแต่เด็กทำให้ลูกเราไม่มีปัญหาในเรื่อง ของเพื่อน มีรู้จักผู้ปกครองคนหนึ่งเพิ่งเอาลูกมาเข้า รร. ตอน Year 1 ลูกสาวเค้าไม่ค่อยมีเพื่อนที่สนิทเห็นเค้าบ่นให้ฟังว่า ไม่มีใครเชิญลูกสาว เค้าไปงานวันเกิดเลยตั้งแต่ย้ายมาอยู่ รร นี้ แล้วก็ไม่มีใครชวนไปเล่นที่บ้านหลังเลิกเรียนเลย รร ที่ลูกสาวเรียนคุณครูมีคุณภาพทีเดียวโดยเฉพาะครูใหญ่เป็นครูใหญ่ที่มีประสิทธิภาพมาก การเรียนการสอนไม่แพ้ private เลยค่ะ ตอนเรียนอยู่ชั้น Nursery school จะมีคุณครู 1 คน  คุณครูผู้ช่วย 2 คน nurse 1 คนแล้วก็มีผู้ปกครองอาสามัคร(ผู้ช่วยสอน)1คน เด็กในชั้นเรียนมี 30 คน อุปกรณ์การเรียนการสอนเทียบได้เท่ากับ private เลยค่ะอาจจะดีกว่า private บางแห่งด้วยซ้ำ พอขึ้นชั้น Reception มีคุณครู 1 ครูผู้ช่วย 1 ผู้ปกครองอาสาสมัคร 1 คนจนถึง year 2 ตอนนี้ลูกสาวคนเล็กเกือบ  4 ขวบแล้วก็อยู่ Nursery school PM รร. เดียวกับพี่สาวของเค้า ดิฉันกำลังจะกรอกใบสมัครให้เข้า Reception  2008  ที่ รร. เดียวกับพี่สาวของเค้าซึ่งแน่นอน ว่าได้ที่เรียนแน่ๆ เพราะหลักฯในการพิจารณารับเด็กเข้าเรียนของที่อังกฤษ ถ้า มี Siblings อยู่ รร นั้นอยู่แล้วลูกคนต่อไปก็หมด กังวลไปได้ในเรื่องของที่เรียน   เท่าที่ศึกษาและสังเกตุส่วนใหญ่ในชั้นเด็กเล็ก จนถึง year 2 ในโรงเรียน ไม่ค่อยได้สอนอะไรมากนัก แบบ คคห 2 ว่า ฉะนั้นผู้ปกครองมีบทบาทที่สำคัญต่อตัวเด็กมาก ในความเห็นส่วนตัวน่ะค่ะ ถ้าคุณ Louise Vuitton มีบ้านอยู่ที่นี่ บ้านอยู่ใน area ดีๆและจะให้ลูกอยู่ที่นี่นานๆ ก็ลองสมัคร state school ดูน่ะค่ะประหยัดเงินส่วนนั้นเก็บไว้ให้ลูกเรียนพิเศษอย่างอื่นเพิ่มเติมจะดีกว่าค่ะ เห็นคุณหลุยส์พูดเรื่องค่าเทอม ถ้าอยากให้ลูกเรียน private  จริงๆ ให้เริ่มตั้งแต่ตอนจบ Year 6 น่าจะดีกว่าน่ะค่ะ (ตามความคิดเห็นดิฉันน่ะค่ะ)ดิฉันลองคำนวณค่าใช้จ่ายเล่นๆ อันนี้ดิฉันแค่แพลนไว้สำหรับของตัวเองน่ะค่ะ ช่วงระหว่างเด็กอายุ 11-18 ปี ถ้าให้ เรียน รร. Private จนกว่าจะเข้ามหาวิทยาลัยมีค่าใช้จ่าย อยู่ที่ 84,000 ปอนด์ คาดว่าคุณ หลุยส์ คงมีไอเดียขึ้นมานิดหนึ่งน่ะค่ะ แต่ถ้าอยากให้ลูกเริ่มเรียนตั้งแต่ reception ค่าเทอมปีหนึ่งตก  7,500 ปอนด์(เฉพาะค่าเทอมล้วนๆ อาจแตกต่างกันนิดหน่อยแล้วแต่ละ รร.) พอขึ้นชั้นสูงขึ้นค่าเทอมก็เพิ่มขึ้นแต่ก็ไม่มากไม่เกิน 9,000 ปอนด์ ต่อปี reception จนถึง year 6 ค่าเทอมประมาณ 49,500 ปอนด์ นี่เป็นค่าเทอมล้วนๆไม่รวมค่าจิปาถะอย่างอื่น ถ้าให้ลูกเรียน state school เราสามารถประหยัดเงินส่วนนี้ไว้ให้ลูกเรียนตอนโตขึ้นหรือเอาเงินส่วนนี้ไปส่งเสริมลูกเรียนพิเศษอื่นๆ แต่ถ้าในแถวบ้านตนเองอยู่ในแหล่งที่ไม่ดีเช่นอยู่ในแหล่ง  Council flat ,crime etc. ก็ตัดสินใจเรียน private ไปเลยค่ะ คุณ หลุยส์ ยังพอมีเวลาศึกษาข้อมูลของ รร. เพราะว่าวันปิดรับสมัครวันที่ 31 Jan 08  ที่คุณหลุยส์บอกว่า จะ apply 2  councils อ่ะค่ะ ที่จริงก็สมัครได้ค่ะ ถ้าบ้านคุณอยู่ใกล้ the boundary ของอีก council ี่หนึ่งแต่ว่าเวลาที่คุณสมัครต้องไปสมัครโดยตรงกับ  council  นั้นๆ แล้วเวลาสมัครคุณต้องแนบ council tax statement หรือ utilities bill เช่น บิลค่า แก็ส ค่าไฟ ที่ proof ว่าเป็น address ของคุณ ไปด้วยน่ะค่ะ แก้ไขหลายหน เำพราะว่าพิมพ์ยาวผิดเต็มเลยค่ะ แก้ไขเมื่อ 06 ธ.ค. 50 07:58:11 แก้ไขเมื่อ 06 ธ.ค. 50 07:40:15 จากคุณ : พ ริ ก ขี้ ห นู @ UK - [ 6 ธ.ค. 50 07:32:40 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ขอบคุณค่ะ คุณพริกขี้หนู@UK  สมกับที่รอคอยค่ะ  ขอบคุณสำหรับคำตอบ   เรื่องบ้านอันนี้เชื่อค่ะ ว่าบางที่ บางแห่งขายได้รวดเร็วจริง ๆ  ส่วนเรื่องการเรียน  ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ ที่ทำให้มีไอเดียเพิ่มมากขึ้น  มองภาพได้กว้างมากขึ้นเลย  แถมที่สำคัญ เรื่องเงินนี่สิ.....สำคัญ  ดิฉันจะลองเข้าเวปไปดูผลการเรียนของเด็กแต่ละรร.ค่ะ  คิดว่าคงช่วยได้เยอะเลยทีเดียว เห็นทีคราวนี้จะต้องสมัคร 2 councilซะแล้ว เพราะจริง ๆ รร.ที่เลือกอันดับหนึ่งอยู่กับอีก council นึง แต่สภาพรร.เก๊า เก่า  ดิฉันเห็นแล้วมึนค่ะ  แต่เราคงตัดสินที่รูปลักษณ์ภายนอกไม่ได้  ขอบคุณอีกครั้งค่ะ ที่เข้ามาแชร์ความคิดเห็น จากคุณ : Louise Vuitton - [ 6 ธ.ค. 50 12:42:48 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ยินดีเสมอค่ะ มีเพิ่มอีกอย่างหนึ่งน่ะค่ะ ว่าถ้าสนใจ รร.ไหน ลองติดต่อไปที่ รร.ขอเข้าชม รร.เลยค่ะ เพราะว่าเราจะได้เห็นสภาพใน รร.+ สภาพเด็กที่เรียน+ อุปกรณ์การเรียนการสอน เป็นต้น จากคุณ : พ ริ ก ขี้ ห นู @ UK - [ 8 ธ.ค. 50 08:03:29 ]