ความคิดเห็นที่ 1 ยังๆ เรื่องยังไม่จบแค่นี้.... ขอวิเคราะห์เชิงลึกต่อไปอีกหน่อย   สำคัญมากทนอ่านกันหน่อย ในวัฒนธรรมบ้านเรานั้น  การที่สามีจะเลี้ยงดูภรรยา  หรือภรรยา จะรับแม่ยายมาอยู่ร่วมบ้านด้วยนั้นเป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่หากคุณไปอยู่เมืองนอกเมืองนา   เมืองที่ผู้หญิงกับผู้ชาย ช่วยกันทำมาหากิน   ไม่คิดว่าอีกฝ่ายต้องเลี้ยงตนเอง   รวมไปถึงพ่อแม่ๆ แก่ๆ ของฝรั่งก็ไม่ได้มาอยู่ร่วมบ้านด้วย เพราะเขามีบ้านของเขาเอง  และไม่ต้องขอเงินลูกชาย เพราะได้สวัสดิการจากรัฐ  เหมือนคุณแม่สามีของคุณ ล เมื่อนั้นสาวไทยจะถูกมองเป็นตัวประหลาดทันที  เพราะ วัฒนธรรมเราต่างกัน   ยิ่งคุณไม่ทำงานสังคมก็คงตั้งคำถาม กับสามีฝรั่งของคุณแล้ว   แล้วอาจจะสงสัยยิ่งกว่าถ้าภรรยา ชาวไทยของคุณมาอยู่กับคุณที่ประเทศนี้แล้ว    คุณยังให้เงิน ภรรยาเพื่อส่งกลับไปเลี้ยงดูครอบครัวของเธอที่นั่น   ฝรั่งบางคน ก็ใจดีเข้าใจสภาพฐานะครอบครัวภรรยา   แต่ฝรั่งอีกหลายคนรวม ทั้งสังคมวัฒนธรรมของเขาไม่พร้อมจะเข้าใจ     ถ้าหากไปใช้ชีวิตที่ประเทศของเขาแล้ว   สามีคุณดูเปลี่ยนไป เหลือเกินท่าทีที่แสดงออกกับคุณและครอบครัวก็เปลี่ยนไป ไม่ต้องแปลกใจหรอกค่ะ    เขากำลังนึกสงสัยตามสังคมของเขา ลองคิดดูสิคะ   ถ้าเป็นคุณถูกเพื่อน ถูกพ่อแม่  ถูกสังคมถาม ทุกวัน  จะคิดว่าตัวเองแปลกไหม? หรือสมควรไหมที่ต้อง เลี้ยงครอบครัวภรรยาด้วย? แล้วถ้ายิ่งพ่อหรือแม่แก่ๆ ของเขา   ซึ่งไม่เคยยอมรับเงิน ลูกเลย   เพราะได้เงินสวัสดิการเลี้ยงดูคนชราจากรัฐบาล อยู่แล้ว   เขาจะยิ่งไม่คิดหรือคะ? ขนาดพ่อแม่ของเขาเอง เขายังไม่ต้องส่ง  หรือถึงส่งให้แล้วตีเงินคืนมาเหมือนแม่สามี ของคุณ ล   คุณคิดว่า....ฝรั่งคนนั้นจะไม่เริ่มมีจุดด่างในใจ กับครอบครัวของหญิงไทยบ้างหรือ? จริงๆ เขาคงคิดมานานแล้ว   แต่ทนได้เพราะความรัก ที่มีต่อภรรยา  ประกอบกับเขาแต่งงานและอยู่ในสังคมไทย มาโดยตลอด   ไม่มีใครมาสะกิดเขาว่าสิ่งที่เขาทำอยู่น่ะ มันเกินกำลังไปที่เขาต้องเลี้ยงปลิงฝูงใหญ่  แลกกับความรัก ที่ภรรยามีให้   เป็นใครจะไม่เกิดความรู้สึก....เจ็บ เลี่ยน จนอยากอาเจียนขึ้นมาบ้างล่ะคะ? นี่ตกลงรักเขาหรือเงินของเขา? สุดท้ายแล้วเธอก็รัก ครอบครัวของเธอมากกว่า  ไม่ได้คิดจะมาสร้างชีวิต ร่วมกับเขาเลยนี่หว่า? จะว่าเขาสรุปเองเออเองก็ไม่แปลกหรอกนะคะ   พฤติกรรมของหญิงไทยจำนวนมาก  ส่งผลให้เขา คิดแบบนั้นจริงๆ   ซึ่งคนที่จะรับผลจากความคิดนั้น ที่สุดนี้แล้วก็มีแค่ตัวภรรยาหญิงไทยนั่นแหละ   จะถูกผัวทิ้ง!   ซึ่งตรงนี้ญาติพี่น้องปลิงฝูงใหญ่ ไม่ได้มาร่วมแชร์ความทุกข์ด้วย    และถ้าไม่มีเงินให้ พวกเขาก็เริ่มตีตัวออกห่าง   อย่างกรณี คุณ ล เป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนมาก   นอกจากนั้นแล้ววัฒนธรรมที่แตกต่างก็มีผลอีก เช่น  เขาต้องเลี้ยงดูภรรยาชาวไทย และครอบครัว ของหล่อน  แบบวัฒนธรรมไทย   แต่ว่าพอหล่อน ไปอยู่เมืองนอกกับเขา  ดันทำตัวเป็นภรรยาในแบบ วัฒนธรรมฝรั่ง   นั่นคือเสมอภาคเกินเหตุ  ไม่พอใจ ก็ด่า  อาจถึงขั้นตบตีสามีได้  หรืองานบ้านบอกให้เขา ทำแทนตนเองนอนตื่นสาย    และไม่ยอมออกไปทำงาน นอกบ้าน   อยากอยู่บ้านเฉยๆ เป็นแม่บ้านเหมือนตอน อยู่เมืองไทย   สิ่งเหล่านี้ พ่อแม่ญาติพี่น้องของสามีฝรั่งเห็นแล้ว รับไม่ได้หรอกค่ะ   เพราะเขารู้สึกว่าลูกชายของเขา เป็นฝ่ายให้มาตลอด  ให้เผื่อไปถึงครอบครัวของหญิงไทย คนนั้น  แต่หญิงไทยคนนั้นเอาเปรียบขนาดนี้แล้ว ยังไม่ปรนนิบัติลูกชายของเขาให้ดี   ตัวเองไม่ได้ทำงาน นอกบ้านแต่ยังเรียกร้องขอเมทมาทำงานบ้านแทน ไม่ได้เป็นภรรยาแบบในวัฒนธรรมไทย  ที่ผู้หญิง จะเป็นแม่เย่าแม่เรือนที่ดี   เรียบร้อย  ช่างเอาอกเอาใจ เหมือนที่เขาเคยอ่านเจอในเวบท่องเที่ยวไทย เอาทรัพย์สินเขาไปขนาดนี้   แต่ให้ความดีตอบแทนมา ไม่คุ้มกับที่เสียไปเลย   แล้วแม่ผัวที่ไหนจะเอ็นดู ลูกสะใภ้ที่มีแต่ข้อติแบบนี้ลงล่ะคะ? ไม่ได้บอกให้ต้องไปเป็นเมียทาส  ต้องไปก้มหน้า ก้มตารับใช้หรอกนะคะ   แต่...การที่ครอบครัวของ ฝรั่งจะคาดหวังบ้างก็ไม่แปลก   เพราะการที่ต้อง ส่งเงินให้ครอบครัวฝ่ายหญิงทุกๆ เดือน  โดยที่ ฐานะทางการเงินของตนเองก็ไม่ได้ร่ำรวย  เพียงแต่ เมื่อเปลี่ยนเป็นเงินไทยแล้วก็มากกว่าเท่านั้น เวลาโกยดันโกยแบบวัฒนธรรมไทย  แต่เวลา ไปทำหน้าที่ภรรยาดันทำตัวเป็นเมียแบบฝรั่ง อะไรก็ไม่ยอมให้เอาเปรียบ  มันก็ยากที่ครอบครัว สามีจะรับได้  แถมยังจะดูถูกเอาด้วยซ้ำ เราพูดเรื่องนี้ไม่ต้องใช้การศึกษาสูงๆ เข้ามา ช่วยคิดได้หรอกค่ะ  ไม่จำเป็นต้องเข้าใจใน วัฒนธรรมของเขาทั้งหมดด้วย  แต่ใช้หัวใจคิด แค่คิดถึงใจเขาใจเรา   แค่นี้คุณก็รู้แล้วว่า ควรจะทำตัวอย่างไร หากอยู่ๆ สามีอยากทิ้งคุณ  ไม่มีใครมาล้างสมอง เขาได้หรอกค่ะ   หากสามีคุณมีสมอง มีความรู้สึก ปมสะสมแบบนี้มันก็ถูกก่อตัวมานานแล้ว  เพียงแต่ ใครจะเป็นคนมาสะกิดเท่านั้น   ถ้าเป็นเพื่อนอำนาจ ที่จะสะกิดมันคงไม่ใหญ่เท่าพ่อแม่บังเกิดเกล้า เท่านั้นเองค่ะ หากเลิกกันไปแล้วไม่ใช่แต่ทางหญิงไทยหรอกค่ะ ที่จะเสียสามี เสียรายได้  เสียศักดิ์ศรีให้ฝรั่งดูถูก สามีฝรั่งเองก็คงเสียใจ  เสียเวลา เสียความรู้สึก เสียเงิน  และเสียสิทธิ์ความเป็นสามีไปเพราะภรรยา เห็นปลิงสำคัญกว่าเขา เหตุการณ์นี้อาจเกิดได้กับใครๆ อีกหลายคนเลย หวังว่าเรื่องนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคนที่ได้อ่าน ให้เริ่มทบทวนการกระทำที่ผ่านมา   แล้วปรับปรุง เสียก่อนชีวิตคู่จะจบลง  ไม่ใช่เอาแต่หนีความจริง   ทนอ่านไม่ได้แล้วแจ้งลบกระทู้ทิ้งอีกนะคะ! จากคุณ : คิงเพนกวิน - [ 18 ธ.ค. 50 08:40:52 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ปล.ตอนนี้ได้ยินฝรั่งที่รู้จักกัน บอกว่าหาเมียฟิลิปปินดีกว่า เพราะเลี้ยงแค่ตัวเธอ  ไม่ต้องเลี้ยงครอบครัวของเธอด้วย =_=" จากคุณ : คิงเพนกวิน - [ 18 ธ.ค. 50 08:42:39 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ฝากบอกเพื่อนฝรั่งคุณด้วยค่ะว่า อย่าเข้าใจผิดไปนะ เพราะดิฉันมีแม่บ้านสองคน ทั้งคู่เป็นฟิลิปปินส์ ก็เห็นต้องส่งเงินกลับบ้านกันทุกเดือน เหมือนคนไทยนี่แหละ หนึ่งในสองทั้งบ้านมีเขาหาคนเดียว ทำได้เท่าไหร่ส่งกลับบ้านหมด ไม่เห็นเคยมีเงินเหลือติดตัวเลย กลับมาที่กระทู้อ่านแล้วปลง ไม่ต้องแต่งกับฝรั่งหรอกค่ะ แต่งกับใครก็ตาม  ถ้าพี่น้องมากันยุ่บยั่บแบบนี้ แต่งกับพ่อพระก็เห็นจะไปไม่รอด เห็นแก่ตัวกันเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายหญิงหรือฝ่ายชาย ไทย จีน แขก ฝรั่ง หากเราไม่รู้จักขอบเขตของการช่วยเหลือ มันก้จะนำความทุกข์มาให้ คนเราแต่งงานแล้ว เราก็ต้องยืนหยัดเพื่อชีวิตครอบครัวของเราด้วย ไม่ใช่ให้ใครก็ได้เข้ามาหยิบฉวยคนหนุบ คนละหนับ แต่อาจจะด้วยสังคมที่คนๆ นั้นโตมาด้วยหรือเปล่า ในที่นี้ผู้หญิงคนนั้นโตมาในครอบครัวที่เธออาจจะเป็นผู้ถูกกระทำมาตลอด ในฐานะที่เป็นลูกสาว ลูกชายจะไปสำมะเลเทเมาที่ไหนก็ได้ แต่ลูกสาวต้องเป็นหลักเลี้ยงพ่อ เลี้ยงแม่ การศึกษาเธอก็ไม่ค่อยจะมี โอกาสในชีวิตก็คงมีไม่มาก สังคมที่เธอมา ก็คงเป็น ที่พี่น้องนัวเนียกัน ตลอด ใครมีก็เฮโลไปกินกับเขาจนหมด แล้วคอยรอคนมีรายต่อไปทำแบบนี้ไปทุกราย คิดว่าไม่ว่าผู้หญิงคนนี้แต่งงงานกับใคร เธอจะจะพบจุดจบของการแต่งงานเช่นนี้ แต่ที่เพราะคนเห็นง่าย เพราะคู่ชีวิตเธอดันเป็นฝรั่งมังค่า แค่นั้นเอง แก้ไขเมื่อ 18 ธ.ค. 50 09:20:50 จากคุณ : mrs.night owl - [ 18 ธ.ค. 50 09:09:03 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เห็นด้วยค่ะคุณ mrs.night owl   ไม่ว่าชาติไหนถ้าพี่น้องมาสูบ เป็นใครก็หนีหมดแหละค่ะ  ทนอยู่ร่วมชีวิตไม่ได้  แต่ที่ยกมา ว่าเมียฝรั่งเพราะว่า  กรณีสาวไทยกับสามีฝรั่งจะเกิดเรื่องแบบนี้ เยอะกว่าชาติอื่นๆ  โดยเฉพาะสาวไทยที่มาจากรากหญ้า บางทีก็คิดน้อยเกินไป  บางทีก็คิดมากเกินไป  มักไม่ค่อยพอดี แล้วสร้างปัญหาคล้ายๆ กัน ส่วนเรื่องสาวฟิลิปปิน จะบอกให้นะคะ  ^v^ จากคุณ : คิงเพนกวิน - [ 18 ธ.ค. 50 09:18:14 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เยี่ยมมาก... ไม่ได้เป็นเมียฝรั่ง..แต่เข้าใจชัด เห็นภาพแจ่มแจ้งเลย ส่วนใหญ่มักเป็นเช่นนั้นแล กตัญญูแบบสปอล์ยๆ เยอะแยะไป ขนาดคนไทยด้วยกันเองก็เหอะ..ถมเท่าไหร่ไม่รู้จักเต็ม... จากคุณ : แสนซนคนกวนโอ๊ย - [ 18 ธ.ค. 50 09:18:47 ]

ความคิดเห็นที่ 6 อ่านทั้งที.. อ่านจนเหงื่อตก นี่ขนาดอากาศหนาวววนะนี่ คุณ จขกท. คงเหนื่อยไม่แพ้กันดูท่าแล้ว อิอิ จากคุณ : เข้ามาอ่านเฉยๆค่ะ (โซบะคุง) - [ 18 ธ.ค. 50 09:21:34 ]

ความคิดเห็นที่ 7 อ่านแล้วเศร้าจังค่ะ สงสารพี่ผู้หญิงคนนั้นที่ถูกเลี้ยงดูมาในครอบครัวแบบนั้น อ่านแล้วนึกถึงที่พี่SMGเข้ามาตอบเรื่องแบบนี้ๆเสมอๆ เราเองไม่เคยได้ยินจากใครตรงๆเรื่องแบบนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้อ่านเรื่อง(อยากจะบอกว่าเหลือเชื่อ)ว่ามีครอบครัวอย่างนี้จริงๆอยู่ด้วย -_-! จากคุณ : forbidden donut - [ 18 ธ.ค. 50 09:27:15 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ต้องหาว่า "สำนึก" ของเค้าอยู่ไหนกัน จากคุณ : Pink_Purple - [ 18 ธ.ค. 50 09:36:42 ]

ความคิดเห็นที่ 9 อืม ....เห็นชัดเลย เออว่าไปมันเป็นอย่างนี้จริงนะ ต้องกอบโกยให้มากที่สุด  ก่อนที่ฝรั่งจะทิ้งนะคะ  เพราะคิดกันอย่างนี้ ลืมย้อนดูว่า ยังต้องอยู่ในครอบครัวปลิง ที่เหนียวแน่นกับวัฒนธรรมเกาะแดกแบบนี้ จากคุณ : poohying - [ 18 ธ.ค. 50 09:44:32 ]

ความคิดเห็นที่ 10 คุณ คิงเพนกวิน เขียนได้เห็นภาพมากค่ะ ขอแลกเปลี่ยนค่ะ (แต่เราไม่ได้มีสามีต่างชาตินะคะ) เราเคยไปทำงานที่จังหวัดแห่งหนึ่งทางภาคเหนือที่มีอัตราผู้ติดเชื้อเอชไอวีสูงสุด เป็นอันดับหนึ่งในสามของประเทศไทย มีบางหมู่บ้าน ที่หลายๆ บ้านที่มีฐานะจะมีรั้วรอบขอบชิดแบบมีรสนิยม บ้านสร้างด้วยปูน ทาสีสวยงาม หรือไม่ก็เป็นไม้สัก มีชายคาตกแต่งด้วยไม้ฉลุอย่างดี เป็นอย่างนี้เกือบทุกหลัง ยังสงสัยว่า ชาวบ้านที่นี่ทำงานอะไรถึงได้มีฐานะดีมากมาย ถึงขนาดสร้างบ้านสวยงามใหญ่โตกันได้ พอได้ลงพื้นที่ ได้คลุกคลีกับคนในพื้นที่ ถึงได้คำตอบว่า หมู่บ้านนี้มีค่านิยมที่ส่งเสริม ให้ลูกสาวหาสามีเป็นชาวต่างประเทศ แล้วคอยส่งเงินมาให้พ่อแม่ปลูกบ้านสวยๆ แข่งกัน หากลูกสาวบ้านไหนส่งเงินมาได้ไม่มากพอ พ่อแม่ก็จะรู้สึกอับอาย ที่บ้านของตัวเอง ไม่หรูหราเท่าบ้านหลังอื่นๆ กลายเป็นถูกเพื่อนบ้านนินทา ว่าลูกสาวถูกชาวต่างชาติหลอก ไปใช้งาน ปรนนิบัติบำเรอ จนไม่มีเงินส่งกลับบ้าน ตัวลูกสาวเองก็คงรู้สึกถูกกดดันไม่น้อย เพราะบางที เจ้าตัวอยู่กับสามีด้วยความรักและซื่อสัตย์ แต่ด้วยค่านิยมของบ้านเกิดตนเองบีบคั้นให้พ่อแม่ที่มีเขยต่างชาติอยู่ในสังคมได้อย่างลำบาก เพราะถูกเพื่อนบ้านนินทา ประชดประชัน เหน็บแนม เปรียบเทียบเรื่องฐานะทางบ้าน ก็เลยกลายเป็นเงื่อนไขเหมือนๆ กันไปหมดว่า มีสามีต่างชาติต้องรวย ต้องส่งเงินให้ที่บ้าน บางทีคนเราก็ต้องการการยอมรับจากสังคมในรูปแบบแปลกๆ คราวที่แล้วเรากับแฟนกลับบ้าน(นอก) พี่สาวของแฟนยังเข้ามาแซวว่า ได้หอบเงินมาแจกหรือเปล่า คงรวยแย่แล้วสิ พอย้อนถามว่า เกิดอะไรขึ้นถึงมาแซวเรื่องนี้ เค้าก็เลยเล่าว่าคนที่อยู่บ้านถัดไปไม่กี่หลัง ซึ่งแต่งงานไปอยู่อเมริกาเนี่ย บอกว่ามีรายได้รวมกับสามีเดือนละเป็นล้านบาท พอกลับมาเยี่ยมบ้านก็ประกาศให้เพื่อนบ้านมาเยี่ยมเยียนทักทาย เพื่อนบ้านก็แห่กันไปเยี่ยม จนหัวกระไดไม่แห้ง เพราะว่าเธอแจกเงินแขกผู้มาเยือนคนละหนึ่งร้อยบาท เพื่อเป็นสินน้ำใจ และเป็นหลักฐานว่า รวยมาจริงๆ ไม่ได้โกหก สังคมชาวบ้านบ้านเรายังเป็นอย่างนี้จริงๆ ค่ะ ขนาดเรากับแฟนมาเรียนหนังสือ แฟนเราเป็นนักเรียนทุน เงินก็น้อย จะซื้อตั๋วกลับบ้านก็คิดแล้วคิดอีก ครอบครัวของแฟนเรายังโดนถามบ่อยๆ เลยว่า ลูกชายส่งเงิน มาให้บ้างหรือเปล่า ป่านนี้อยู่กับเมียสบาย รวยลืมพ่อลืมแม่ไปแล้วมั้ง นักเรียนที่ไหนจะรวย ขนาดส่งเงินกลับไปแจกเพื่อนบ้านแบบนั้นล่ะคะ ปีนี้พ่อของแฟนเราเสีย และคุณลุงของเราก็เสีย ในช่วงเวลาสองสามเดือนที่ผ่านมา เราสองคนส่งเงินกลับบ้านไปช่วยจัดงานศพแสนกว่าบาท ปลายปีนี้จึงต้องยกเลิกแผนจะกลับไปเยี่ยมบ้าน เชื่อไหมคะว่าชาวบ้านไม่ได้คิดกันหรอก ว่าเราไม่เหลือเงินกลับบ้านแล้ว แต่เขาคิดว่า เราคงมีเงินเยอะมาก ถึงขนาดที่พอมีเหตุฉุกเฉิน เราก็ส่งเงินเป็นแสนๆ กลับไปได้ทันที เขาไม่รู้หรอกค่ะว่านั่นคือเงินค่าเทอมของเรา และเราต้องกระเบียดกระเสียรค่ากินอยู่เพื่อจะเอามาเก็บเป็นค่าเทอมเทอมใหม่ ครอบครัวของเราทั้งสองฝ่ายไม่เคยเรียกร้องอะไรจากเราเลยค่ะ แต่ก็ต้องทนกับความกดดันจากชาวบ้านรอบข้าง ทั้งญาติ ทั้งเพื่อนบ้าน ยิ่งบ้านต่างจังหวัด รู้จักกันทั้งตำบล แม่ของแฟนเราก็ต้องคอยตอบคำถาม ประเด็นที่ว่า ลูกชายได้ดีแล้วลืมพ่อแม่พี่น้อง ฯลฯ ให้ลำบากใจกันอีก ทัศนคติ ค่านิยม เป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงกันได้ยาก แต่ก็ใช่ว่าจะเปลี่ยนแปลงไม่ได้เลย ขึ้นอยู่กับว่าเราจะพยายามแก้ไขกันหรือไม่ หมู่บ้านต่างจังหวัดที่เราไปลงพื้นที่นั้น เมื่อก่อนพ่อแม่นิยมส่งลูกสาวไปขายตัว ส่งเงินมาเลี้ยงพ่อแม่พี่น้อง ส่วนใหญ่ก็ติดเอชไอวี กลับมาป่วยเป็นเอดส์ตายที่บ้านเกิด ตอนนี้ก็ยังสามารถเปลี่ยนเป็น ส่งออกลูกสาวไปหารักแท้ไกลบ้าน ร่ำรวย มีความสุข ไม่ติดโรค และส่งเงินมาเลี้ยงพ่อแม่พี่น้องได้มากกว่าการค้าประเวณี พอทำใจได้นิดหน่อยว่า สังคมชนบทบางแห่งก็แย่น้อยลงแล้วค่ะ เพียงแต่ยังไม่ดีขึ้นเท่านั้น เหอๆ จากคุณ : บ้านนอกเข้ากรุง - [ 18 ธ.ค. 50 09:46:49 A:24.175.203.191 X: TicketID:067782 ]

ความคิดเห็นที่ 11 อ่านแล้วเหนื่อยแทน คุณก็ใจดีนะช่วยเขาเยอะเลย น่าสงสารคุณยาย จากคุณ : Hotlver - [ 18 ธ.ค. 50 09:57:42 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ไม่เกี่ยวหรอกว่าเป็นหญิงไทยสามีฝรั่ง ถ้าคุณ ล เธอแต่งงานกับคนไทยหรือคนจีน(ในไทย) ที่คนที่บ้านเธอคิดว่ารวย ก็คงเจอผลลัพท์ เหมือนกัน การที่คนต่างชาติต่างภาษามาใช้ชีวิตคู่ร่วมกันได้ มันน่าจะต้องมาจากความรักความเข้าใจ ไม่ใช่เพราะเชื้อชาติสัญชาติ หรือเปล่า โดยส่วนตัวเรานะ เราไม่สนใจหรอก ถ้าสามีคุณ ล เค้าจะคิดไม่ดีกับหญิงไทยทั้งประเทศ ก็แปลว่าเค้าเป็นคนปิด หรือเพื่อนที่คุณบอกว่าจะไปหาผู้หญิงฟิลิปปินส์ ก็ตาบอดอีก คนพวกนี้ โชคดีก็ได้คู่ดี โชคไม่ดีก็เป็นแบบที่คุณเล่ามา เพราะเค้าหาคู่ตามจีโอกราฟฟี่ คุณเขียนเรื่องได้สนุกดี อ่านแล้วมียิ้มน้อยยิ้มใหญ่ตามอารมณ์ขัน แต่เราไม่เห็นด้วยกับประเด็นของคุณ อ่านแล้วทำให้นึกถึง คำถามที่ถามกันอยู่บ่อย ๆ ว่า "เคยเจอฝรั่งมองผู้หญิงไทย (หรือคนไทย) อย่างไรบ้าง" ถ้าเราเจอฝรั่งที่รู้ว่าเราเป็นหญิงไทย แล้วมาถามว่าเท่าไหร่ ฯลฯ อะไรเงี้ย บอกเลยว่าเราก็ไม่สนใจเหมือนกัน ไม่เคยเอามาใส่หัวให้เปลืองสมอง เพราะมันไม่มีค่าพอให้เราเสียเวลาคุยด้วย แคบอ่ะ สงสารก็แต่คุณยายนะ ยังงี้แหละ แม่เลี้ยงลูกได้หลายคน แต่ลูกหลายคนเลี้ยงแม่คนเดียวไม่ได้ จากคุณ : Genuine XXX - [ 18 ธ.ค. 50 10:00:19 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ู^ ^ ^ มันเกี่ยวตรงที่ว่า คนไทยบางคนคิดว่า ฝรั่งรวยทุกคนไงล่ะ จากคุณ : JingleJ - [ 18 ธ.ค. 50 10:10:13 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เห็นด้วยกับคห 13 สุดๆ จากคุณ : Gigolina - [ 18 ธ.ค. 50 10:17:10 ]

ความคิดเห็นที่ 15 อืม.... จากคุณ : soomchon - [ 18 ธ.ค. 50 10:37:47 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ผมเห็น วัฒนธรรมปลิง นี้ บ่อยมากๆ ตามห้างหรือร้านอาหาร ฝรั่งคนนึง กับ ฝูงปลิง เคยลองสังเกตหลายครั้ง ฝรั่งก็รู้สึกเซ็ง ไม่ค่อยพูดจาอะไรเลย พวกปลิงก็มาขอตังค์ไปซื้อข้าว ซื้อของ จากคุณ : ช่างประปา - [ 18 ธ.ค. 50 11:18:06 A:124.120.151.249 X: TicketID:027619 ]

ความคิดเห็นที่ 17 มาอีกรอบค่ะ เห็นด้วยกับหลายๆ คห. จากคุณ : โซบะคุง - [ 18 ธ.ค. 50 11:37:16 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เรื่องแบบนี้ได้อ่านจากห้องไกลบ้านอยู่เรื่อยๆ หลายคนมาเขียนให้เป็นอุทธาหรณ์ก็อ่านกันไป อ่านไปหลายปีแล้วแต่ก็ยังเห็นมีคนมาเล่าเรื่องแบบนี้อยู่เรื่อยๆ ก็ควรจะทำใจเสียว่าชีวิตใครก็ดูแลกันเองแล้วกัน ใครโชคดี คิดได้ ไม่แพ้กระแสสังคม ก็คงไม่อับปาง จากคุณ : yuy - [ 18 ธ.ค. 50 11:43:54 A:124.121.19.72 X: TicketID:124751 ]

ความคิดเห็นที่ 19 พวกลูกๆ ที่ปฏิเสธการเลี้ยงดูแม่ตัวเอง(กรณ๊คุณยาย) อีกหน่อยก็คงพบพานกับประสบการณ์เดียวกัน สมัยนี้ กรรมติดจรวด เคยเจอกรณีคล้ายๆ กัน ก็คือหญิงไทย ผู้ชายฝรั่ง เนื่องจากฝรั่งเป็นผู้บริหาร จากสหรัฐฯ เมื่อมาธุระงานที่เมืองไทย จึงถือโอกาสไปเที่ยว ทำให้มีโอกาสเจอกับหญิงไทยคนนี้ พอกลับมากรุงเทพฯ จึงฝากฝังหญิงไทยให้เข้ามาทำงานที่บริษัท เพื่อหวังเอาอายุงานในการจะทำวีซ่าเข้าสหรัฐ อย่างที่ใครๆ ก็รู้ว่า การขอวีซ่าสหรัฐฯ นั้นยากมาก แต่สุดท้ายทางสถานฑูตก็ปฏิเสธการให้วีซ่าแก่หญิงไทยคนนี้ ในระหว่างที่หญิงไทยทำงานในบริษัท ซึ่งแน่นอนมีแต่ผู้บริหารเท่านั้นที่เข้าใจว่าทำไมจึงรับเข้ามาทำงานทั้งๆ ที่งานอะไร เธอก็ทำไม่เป็นสักอย่าง ปล่อยให้บรรดาลูกจ้างในบริษัท เคลือบแคลงสงสัยในใจ หรือแม้แต่ การที่รับเธอเข้ามาทำงานเพียงเดือนเดียวแต่เธอขอลากลับบ้านที่ภาคใต้ยาวถึงสองสัปดาห์รวด ยิ่งทำให้คนในออฟฟิตตะขิดตะขวงใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะขนาดดิฉันทำงานมา 5 ปี ยังไม่กล้าลางานยาวติดต่อกันเกิน 5 วันเลยด้วยซ้ำ ! และแล้วความจริงๆ ก็ค่อยๆ เปิดเผยถึงที่มาของเธอ นั้นทำให้ดิฉันเข้าใจว่า ทำไม จึงรับเธอเข้ามาทำงาน เพราะตอนแรกๆ ที่เธอเป็นพนักงานใหม่ ดิฉันก็สอบถามไปตามประสาคนทำงานด้วยกันว่า "จบอะไรมา" เธอตอบว่า "จบบัญชี" จากต่างจังหวัดแต่สิ่งที่ทำให้ดิฉัน งุนงง มากก็คือเธอไม่รู้จักสมุดงานบัญชีเลยว่า เครดิต หรือว่า เดบิต คืออะไร ในระหว่างการทำงานพวกเราก็มักจะนั่งกินข้าวร่วมกันก็มีการพูดคุยกันไปตามประสา ดิฉันก็ถามไปอีกว่า "ก่อนมาทำงานที่นี่ทำงานที่ไหนมาเหรอ" เธอตอบว่า "เรียนเสริมสวยมา แต่จริงๆ ก็ไปช่วยงานที่ร้านในเมือง" แหมทำให้ดิฉัน งง อีกแล้ว ตอนนี้ดิฉนไม่สงสัยแล้วคะว่าเธอเข้ามาทำงานได้อย่างไร พอทุกคนรู้ความจริงๆ ต่างก็พากันเข้าใจ ที่นี้เธอก็พูดคุยเปิดเผยกันมากขึ้นในระหว่างที่เธออยู่ในกรุงเทพฯ ก็เพื่อรอวีซ่าซึ่งฝ่ายฝรั่งลงทุนจ่ายเงินแก่สำนักทนายความเดินเรื่องให้เป็นค่าดำเนินการถึงหกหมื่นบาท เธอเล่าให้ฟังว่า เวลาวันหยุดเธอมักจะบอกว่า เธอจะนั่งรถไปเที่ยวพัทยา แล้วค่อยกลับมาทำงานวันจันทร์ พอถามว่าแล้วไปพักตรงไหน ได้คำตอบว่า "อ๋อ ก็แถวๆ walking street ชอบไปนั่งตามผับ ตามบาร์ ดูคนเมา" ดิฉันก็คิดในใจ "เออ เกิดมาก็เพิ่งเคยเจอ ไปนั่งดูคนเมา" ทั้งนี้ทั้งนั้น แน่นอนฝ่ายฝรั่งเป็นคนเลี้ยงดู ออกค่าใช้จ่ายในระหว่างที่รอเธอได้วีซ่าเพื่อจะไปอยู่ร่วมกันที่สหรัฐฯ เธอยังเคยเล่าให้ฟังว่า แฟนฝรั่งคนก่อนที่ส่งเสียเลี้ยงดู ตกงาน ก็เลยไม่ได้ส่งเงินให้เธอ แล้วบังเอิญว่ามาเจอฝรั่งคนปัจจุบันพอดีก็เลยคบเป็นแฟน มีอยู่ครั้งหนึ่ง ดิฉันบังเอิญไปได้ยินเธอพูดว่า "อยากเป็นมาดาม ไม่เอาหรอกคนไทย" เนื่องจากฝรั่งเพิ่งหย่า และมีลูกแล้วสามคน ฝ่ายหญิงไทยก็เปรยๆ ว่าอยากมีลูกบ้าง แต่ว่าฝ่ายชายทำหมันแล้ว แต่สักพัก ก็ได้ยินเธอพูดว่า "ไม่รู้จะอยู่ได้รึเปล่า" >> เอะ ผู้ชายเค้าทุ่มขนาดนี้แล้วต้องอยู่ได้สิอีหนู ล่าสุดเธอมาปรึกษาเรื่องซื้อแหวนเพชร ซึ่งเธอบอกว่าจะซื้อ 2 วง ดิฉันก็เข้าไปว่าเป็นแหวนสำหรับ บ่าว สาว ก็บอกว่า ลองไปดูแถวๆ เยาวราชสิ หรือไม่ตามห้างทั่วไป ที่มีแหวนเพชรขายเป็นคู่ เธอตอบว่า "หาซื้อแหวนหนูก่อนสองวง ส่วนแหวนแฟนเอาไว้ทีหลังก็ได้" - -" เป็นเรื่องเล่าของคน "บางกลุ่ม" ที่นิยม "ฝรั่ง" โดยเข้าใจไปเองว่า "ฝรั่งรวย" จากคุณ : มัฟฟิ่น - [ 18 ธ.ค. 50 12:15:09 ]

ความคิดเห็นที่ 20 สามีคงเหลืออดเเล้ว ขอบคุณ จขกท เอามาเล่าให้ฟัง จากคุณ : remy&chanel - [ 18 ธ.ค. 50 13:12:12 ]

ความคิดเห็นที่ 21 เห็นด้วยสุดๆ ............here more... เวลาโทรกลับไปบ้านที่เมืองไทยทีไรปวดสมองทุกที ทำไมหรือค่ะ? ก็เงินตัวเดียวทำให้ปวดสมอง เราก็ส่งไปให้ใช้ทุกเดือนก็ยังไม่พอ บางเดือนต้องส่งสองถึงสามครั้งก็เคยมีมาแล้ว ไม่รู้ว่าเค้าคิดอะไรกัน??? เค้าใช้จ่ายอะไรกันหนักหนา หนี้สินก็ไม่มี หรือว่าเค้าคิดว่าเรามาอยู่เมืองนอกแล้วสบายหรือยังไง?? หรือคิดว่าเรามีเงินใช้เป็นกอบเป็นกำ?? แต่ก็เคยอธิบายหลายต่อหลายครั้งว่าเราก็มีครอบครัวที่นี้ ค่าใช้จ่ายที่นี้เราก็ต้องรับผิดชอบเหมือนกัน และก็เคยบอกเค้าไปว่างานที่เราทำที่นี้เป็นงานที่เช็ดขี้เช็ดเยี่ยว เริ้มทำงานก็มืด ถึงเวลากลับบ้านก็มืด หนาวก็แสนหนาวแต่เราก็ต้องทน ญาติๆที่อยู่เมืองไทยเวลาไม่มีเงินใช้ ก็มาหาครอบครัวเราขอยืมเงิน (แต่ไม่เคยได้คืน) เราก็เข้าใจนะ ถ้าเค้าไม่มีจริงๆเราก็ต้องช่วยเหลือ เพราะเกิดมาเป็นญาติกันแล้วนี้ บางทีมันก็เกินกว่ากำลังของเราเหมือนกัน บางทีคิดทำไมนะคนเราต้องใช้เงินด้วย บางทีมีเงินก็ทำให้เรามีทุกข์ได้เหมือนกัน คิดอยู่นานเหมือนกันว่าจะเขียนมาระบายดีมั้ย คนเค้าจะคิดว่าเราเอาญาติหรือครอบครัวเรามาประจานหรือเปล่า แต่ถ้าใครเคยมีปัญหาเดียวกันหรือเคยเจอ ก็จะเข้าใจ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ (IMG:style_emoticons/default/smile.gif) http://thailandska.se/index.php?s=31ead9b52d1607f9053d99b600c28ed9&showtopic=3386 จากคุณ : this is jenni - [ 18 ธ.ค. 50 13:18:44 ]

ความคิดเห็นที่ 22 กรณีสามีทำงานคนเดีนว..... สามืเลี้ยงดูเราได้ดีตามฐานะ ก็น่าจะเพียงพอแล้วค่ะ ถ้าต้องให้ถึงกับส่งเสียทั้งครอบครัวแล้ว อันนี้เข้าข่ายเห็นแก่ตัว กรณีคุณทำงานมีรายได้เอง นอกจากค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในบ้านแล้ว.... จะเก็บไว้ลงทุน สร้างครอบครัว หรือปล่อยให้คนอื่นสูบ ตามสบายเหอะค่ะ แก้ไขเมื่อ 18 ธ.ค. 50 13:39:48 จากคุณ : Oh!_Bo_BaBy - [ 18 ธ.ค. 50 13:32:30 ]

ความคิดเห็นที่ 23 โหย อ่านเหนื่อยเลยค่ะ แค่คุณคิงเพนกวินเหนื่อยกว่าแน่นอน อิอิ เข้าใจความรู้สึกของคุณ ล นะคะเค้าคงเจ็บปวดมากเหมือนกันกับเรื่องนี้ ส่วนพี่ชายคุณ ล นี่ก็เหลือขอจริงๆค่ะ บาปกรรมมีจริงค่ะ เห็นผลในชาตินี้แหละ จริงๆพี่ชายคุณ ล ก็ได้รับผลกรรมอยู่นะคะ คือชาตินี้ลำบากยากจนข้นแค้นเพราะไม่รู้จักกตัญญูต่อบิดามารดาส่งผลให้ไม่มีจะกินเลยต้องกลายร่างจากมนุษย์เป็นปลิงซะงั้นเพื่อความสบายของตัวเอง เฮ้อ..โหวตแล้วค่ะ จากคุณ : Angelini - [ 18 ธ.ค. 50 13:44:06 ]

ความคิดเห็นที่ 24 เรื่องจริงทั้งนั้นแหละ เพื่อนที่เคยสนิทกันมาจากครอบครัวยากจนหน่อย (ไม่ได้มีเจตนาเหมารวม แค่เล่าให้ฟังเรื่องของเพื่อน) ส่งเงินให้ที่บ้านตลอด ส่งไปส่งมาเกิดหน้าใหญ่ใจใหญ่เกินตัว ขอยิบจนสามีฝรั่งเริ่มบ่น บวกกับความประพฤติ ผลสุดท้าย สามีฝรั่งทนไม่ไหว ไล่ออกจากบ้านไปเรียบร้อย เคยถามนะ ว่ามันรักสามีมันหรือเปล่า มันก็ไม่ได้รักหรอก มาแต่งอยู่กับเค้าก็เพราะว่าเค้าซื้อตั๋วให้มันมาที่นี่ มันก็เลยมา ดูรูปที่มันเอามาโชว์ เออ เว้ย บ้านช่องสร้างใหม่ ไฮโซ มีรถกระบะใหม่เอี่ยม ส่วนสามีฝรั่งมันนะเหรอ บ้านโกโรโกโสก็ต้องไปจำนองธนาคาร รถก็เก่าๆ หมดตัวพะยะค่ะ ความกตัญญูต้องมีขอบเขต คิดถึงสามีฝรั่งและลูกๆด้วย เอาครอบครัวตัวเองให้รอดก่อน ก่อนที่จะไปจุนเจือญาติพี่น้อง (พ่อแม่ก็ให้ไปตามที่เห็นสมควร) จากคุณ : ingenioer student - [ 18 ธ.ค. 50 14:14:35 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ดิฉันคิดว่าเป็นความมักง่ายหรือ สั- ด- น  คนมากกว่าค่ะ  ไม่พาดพิงถึงพวกสามีฝรั่งอย่างเดียวหรอกนะคะ คนไทยครอบครัวไทย ๆ นี่แหละ ให้ลูกสาวหาสามีรวย ๆ เป็นภรรยาน้อยก็ไม่เป็นไร ไม่สนใจว่าจะผิดศีลธรรมหรือทำให้ครอบครัวอื่นช้ำใจ  ขออย่างเดียวให้ลูกสาวหาเงินมาให้มาก ๆๆๆ เพื่อจุนเจือ พ่อ แม่ พี่ น้อง หลาน ๆ สะใภ้ ฯลฯ เป็นอย่างที่ จขกท. เล่ามาจริง ๆ ค่ะ   พี่ชาย น้องชาย สะใภ้ ฯ ทำงานไม่เต็มที่ งอมืองอเท้า เข้ามาขอพึ่งใบบุญลูกสาวคนสวย ที่มีหน้าตาสวยงาม ได้สามีรวย และเธอก็ออกงานสังคมแบบแต่งให้เหมือนหงส์ เมื่อสาวสวยแก่ตัวลง  ภาพหงส์ปลอมก็ออกลายกา หากินไม่คล่องเหมือนเมื่อก่อน  ก็ไม่เห็นมีพี่น้องมาช่วยเหลือนี่คะ คุณสาวเคยสวย สามีก็ไม่เลี้ยงเป็นเมียอีกแล้ว ความสวยหมดไปต้องทำงานหาเช้ากินค่ำเลี้ยงตัวไปวัน ๆ ต้องปลง ๆ ซะบ้างคิดเสียว่าสัตว์โลกต้องเป็นไปตามกรรม และถ้าจะแก้ไขต้องไปแก้ไขสามัญสำนึกของคนค่ะ ต้องรู้สึกละอายในการเบียดเบียนผู้อื่น ให้รู้สึกละอายใจต่อบาป  ต้องไปอบรมเรื่องหน้าที่พลเมืองดีและศีลธรรมโน่นแหละ  แล้วอีกอย่างหนึ่งต้องปลูกฝังสำนึกของพ่อแม่(บางคน)ด้วยที่จะต้องปลูกฝังชีวิตลูกอย่างมีคุณธรรม   รวมทั้งสำนึกดีของคนเป็นพ่อแม่ด้วย  อย่าทำบาปกะลูกให้ลูกลำบากใจ สนับสนุนให้พี่น้อง ญาติมาเป็นปลิงเกาะกินทั้งตระกูล ทั้งโคตร มันก็เกินไป  ต้องปลูกฝังกันใหม่ว่ากตัญญูที่ถูกที่ควรน่ะ  ต้องสบายและถูกศีลธรรมทั้งผู้ให้และผู้รับไม่ไปเพิ่มทำบาปแก่ใครคนใดคนหนึ่ง จากคุณ : น้านก (Aunti-นก) - [ 18 ธ.ค. 50 14:14:47 ]

ความคิดเห็นที่ 26 เข้าใจอย่างยิ่งเลย นั่นแหละเป็นปัญหาที่ทำไมชาวต่างชาติบางส่วนจึงมองหญิงไทยเป็นแบบนี้ บางคนมองเหมารวมไปหมด ขอบคุณที่มาเล่าสู่กันฟัง จากคุณ : pukkhom - [ 18 ธ.ค. 50 14:25:16 ]

ความคิดเห็นที่ 27 มาอึ้งกับเรื่อง "จ้าง" ลูกชายตัวเองให้ดูแลแม่ของเขา แล้วจะหวังอะไรกับครอบครัวนี้ได้ สงสารแต่คุณยาย คุณ ล. และ สามีค่ะ ที่ต้องมาอับปางเพราะวัฒนธรรม "เกาะ" จากคุณ : Ninie - [ 18 ธ.ค. 50 14:42:44 ]

ความคิดเห็นที่ 28 .."1.กตัญญู แต่ขาดคุณธรรมไม่สนใจความทุกข์ของ คนอื่นสนใจแต่รายได้ที่จะมาสู่ครอบครัวตัวเอง 2.กตัญญูแบบโง่ๆ ตัวเองเป็นทุกข์แค่ไหนไม่เป็นไร ปล่อยให้ครอบครัวเรียกร้องได้ตลอด ซึ่งขอเรียกทั้งสองข้อนี้รวมๆ กันว่า "กตัญญูฆาต"...." ... ... หุหุ ชอบข้อความนี้จังเลย จากคุณ : smartupid - [ 18 ธ.ค. 50 15:03:49 ]

ความคิดเห็นที่ 29 มานั่งอ่านด้วย.. ไม่ได้มีกับเค้าหรอกสามีฝรั่ง  สามีไทยนี่แหละ  ทุกวันนี้เลี้ยงเราเลี้ยงลูก ก็เหนื่อยสายตัวแทบขาดแล้ว  นี่ถ้าเรามีปลิงเกาะอย่างเค้าบ้างจะเป็นยังไงน้า....... จากคุณ : ฟ้าสวยมาก - [ 18 ธ.ค. 50 15:04:41 ]

ความคิดเห็นที่ 30 คคห ที่ 16 ตายหละ เเฟนเราและตัวเราเองกำลังแพลนพาครอบครัวเราไปทานอาหารกัน ถ้าไปนะก็ราวๆ 10 คนรวมเด็กๆ รวมทั้งตัวเราและแฟน ซึ้งเค้าบอกว่าอยากจะเชิญครอบครัวเราไปทานอาหารเพื่อทำความรุ้จักกับครอบครัวให้มากขึ้น เเบบนี้เลยไม่กล้าเลยอ่ะ เดี๋ยวคุณอาจจะมาเจอเข้าและจะเห็นว่า น่านไง.......ครอบครัวปลิงอีกแล้วววววววว  เเย่เลยเราทำไงดีหว่า เหอๆๆ จากคุณ : แฟนเช็คล๊อคอิน - [ 18 ธ.ค. 50 15:36:15 ]

ความคิดเห็นที่ 31 มีพี่คนรู้จักคนนึงต้องจ้างน้องชายตัวเองดูแลแม่ด้วยค่ะ แบบว่าถ้าน้อง ชายไม่ได้เดือนละ 2 หมื่นก็จะไม่ดูแลแม่ สรุปว่าพี่เค้าต้องส่งเงินให้ เดือนละสามหมื่นบาท สองหมื่นค่าจ้างน้อง อีกหนึ่งหมื่นค่าใช้จ่ายของ แม่ พี่เค้าต้องทำงานหนัก รับสารพัดจ๊อบเพื่อหาเงินส่งไปให้ทางเมือง ไทย และพี่เค้าไม่เคยขอเงินสามีเพื่อส่งเสียครอบครัวทางเมืองไทยค่ะ เราเคยถามว่าพี่เคยบอกที่บ้านรึเปล่าว่าต้องทำงานหนักแค่ไหนกว่า จะได้เงินแต่ละยูโร พี่เค้าบอกว่าไม่กล้าบอก เพราะชาวบ้านที่นครปฐม คิดว่าพี่เค้าอยู่ดีกินดี มีเงินใช้สบายมือ ถ้าบอกความจริงกลัวคนเค้า สมเพชและดูถูกเอาได้ เราเลยไม่รู้จะพูดยังไงต่อ ตอนที่พี่เค้าเล่าให้ ฟังยังคิดว่าเป็นปรากฎการณ์ที่ประหลาดมากที่พี่ต้องจ้างให้น้องดูแล แม่ ไม่คิดว่ายังมีกรณีแบบนี้เกิดขึ้นกับครอบครัวอื่นอีก เป็นเรื่องที่น่า สลดใจจริงๆ ค่ะ จากคุณ : มายา - [ 18 ธ.ค. 50 15:40:23 A:87.177.54.182 X: TicketID:159733 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ผมค่อนข้างโชคดีครับ ไม่มีพี่น้องมาขอเงิน ถ้าขอก็คงไม่มีให้ แถวบ้านก็ไม่เห็นมีใครมีสามีฝรั่ง และไม่เคยเห็นพฤติกรรมแบบนั้นของเพื่อนบ้านด้วย จากคุณ : ิ. - [ 18 ธ.ค. 50 16:06:58 A:71.114.49.48 X: TicketID:146114 ]

ความคิดเห็นที่ 33 สังคมไทยกำลังเปลี่ยนไป (หรือเปลี่ยนไปแล้วหว่า) วัตถุนิยม เห็นค่าเงินสำคัญที่สุด ถ้ามีคนมาแนะแหนนว่าไม่ได้เงิน แล้วที่บ้านไม่สนซะอย่าง ก็ไม่ต้องกดดันลูกให้สูบเงินมาใช่ป่ะ เปลี่ยนความคิดกันได้แล้วเนอะ จากคุณ : Jingx - [ 18 ธ.ค. 50 16:38:13 ]

ความคิดเห็นที่ 34 วันนี้พี่ที่ร้านที่เราทำงานอยู่เพิ่งบ่นให้ฟังว่า แม่ขอเงินหลักแสนเพราะหลานชาย(ลูกพี่ชายพี่เค้า) จะบวช เราก็...โห...พี่แกทำงานในครัวเจ็ดวันเจ็ดคืนไม่มีวันหยุด เพราะคุณสามีแกที่นี่ก็ไม่ได้รวย (แถมต้องส่งลูกที่มีกับแฟนเก่าอีก) แกเลยต้องทำงานส่งบ้านที่เมืองไทยเอง เราก็ถามแกว่า พี่ไม่บอกเค้าไปล่ะ ว่าไม่มีเงินเก็บเลย (ส่งให้ที่บ้านทุกเดือนนั่นแหละ ถึงไม่มี)...เค้าบอกว่า บอกไปแล้ว แม่ไม่เชื่อ หาว่ามีแต่งก กับแม่กับครอบครัว T_T คิดว่าหลาย ๆ ครอบครัวที่เมืองไทยคงเป็นแบบนี้แหละ ไม่รู้หรอกว่าลูกสาวลำบากแค่ไหน ขอให้ตัวเองได้ไว้ก่อน สงสารคุณยายที่มีลูกไม่ดี แต่สำหรับคุณ ล. น่าจะใจแข็งกว่านี้มาตั้งแต่แรก จากคุณ : sanow - [ 18 ธ.ค. 50 16:53:33 ]

ความคิดเห็นที่ 35 เห็นใจคุณยายค่ะ โหวตแล้วค่ะ จากคุณ : The Starry Night - [ 18 ธ.ค. 50 17:19:25 ]

ความคิดเห็นที่ 36 เมื่อไม่นานมานี้ผมไปธุระที่จังหวัดหนึ่งทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ร้านอาหารมีหญิงสาวสองคนเธอคุยกันด้วยเสียงอันดังราวกับจะอวดคนรอบข้าง..พอจะจับใจความได้ว่า น้องสาวของเธอได้ผ-วเป็นเจ๊กเเก่ๆ(คำนี้คุณเธอพูดเองผมไม่ได้เเต่งเติม) ร่ำรวย สามีมีบ้านใหญ่ เป็นเจ้าของโรงสี ฯลฯ บลาๆๆๆๆเธอจึงได้อานิสงเป็นทอง ทั้งที่คอ ข้อมือ นิ้วเเละติ่งหู ส่วนอีกนางหนึ่งก็ช่างซักช่างถาม จนทราบว่าเป็นคุณน้องของเธอภรรยาน้อยเขา เเล้วก็พาพี่สาวน้องชายครอบครัวตัวเองเเละครอบครัวญาติๆยกโขยงกันไปอยู่บ้านที่สี่ยเเก่ซื้อให้น้องสาวเธอ เเบบเลี้ยงกันเป็นล่ำเป็นสันกันทีเดียว ลูกคู่ก็พูดยกยอจนเวอร์ ชมความโชคดีของคุณเธอเเละน้องสาวราวกับได้ทำเกียรติประวัติเพื่อชาติ--กันเลยทีเดียว ส่วนตัวพี่สาวคนพูดนั้นกลัวน้อยหน้าบอกว่าตัวเธอเองจะไปเมืองนอกกับฝรั่งเเล้ว บลาๆๆๆ เพื่อนเธอก็ชมอยู่นั่นเเหล่ะ พอถามว่าเจอกันที่ไหน เธอก็ตอบว่าอินเตอร์เน็ท -- กรรม --นี่คุณเธอไม่กลัวเค้าหลอกมั่งหรือครับ?? ตอบคุณ จขกท. ผมว่ามันเป็นค่านิยมเเบบฝังเเน่นในกมลสันดานไปแล้วครับ ผมว่านะ.. เเก้ยากครับ จากคุณ : OH-hoคุง - [ 18 ธ.ค. 50 17:22:44 ]

ความคิดเห็นที่ 37 "ขอบคุณ จขกท สมแล้วที่เป็นกระทู้แนะนำ" จากคุณ : cherry*viva - [ 18 ธ.ค. 50 17:24:18 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ดิฉันได้สามีฝรั่งเหมือนกันค่ะ และกลัวเหมือนกันที่ญาติดิฉัน พี่น้องจะเป็นเช่นนั้น ก็มีบ้างที่เป็นแบบนั้น เวลาที่เค้าเดือดร้อน เมื่อเวลาที่ดิฉันกลับไปบ้าน เค้าก็จะมายืม ดิฉันสงสารก็ให้ไปเพราะเค้าเป็นน้องสาวแท้ ๆ ของดิฉัน ก็ให้ด้วยความสงสารน้องของตัวเอง และเค้าก็เดือดร้อนจริง ๆ ก่อนมาที่นี่ดิฉันประกาศไว้เลยว่า สามีและดิฉันไม่ได้ร่ำรวยอะไร อย่าเห็นเราเป็นตัวเงินตัวทอง ลูกของเรายังต้องกินข้าว เรายังต้องการสร้างอนาคต ไม่มีเงินถุงเงินถังมาให้ใครยืมได้ เพราะฉะนั้น ห้ามโทรไปขอยืมเงินเป็นอันขาด...........นี่แหละค่ะ ดิฉันประกาศไว้ก่อนมาอยู่ที่นี่ ...ส่วนแม่ของดิฉัน สามีดิฉันกลับเป็นฝ่ายบอกเองว่า ให้ดิฉันส่งเงินมาให้แม่ใช้บ้าง อย่างน้อยเดือนละ 5-7 พัน ก็ยังดี ...อันนี้ดิฉันไม่ได้ขอร้องหรือพูดเองนะคะ เนื่องสามีดิฉันพูดเอง ดิฉันปลื้มใจและดีใจมากที่ได้สามีดี จากคุณ : ณิน (ป๊อกกี้กิมจิ) - [ 18 ธ.ค. 50 17:50:02 ]

ความคิดเห็นที่ 39 อยากปริ๊นไปให้พวกญาติๆ อ่านจัง  จะได้ เลิกขอยืมเงินจากแม่เราซักที....เพราะทุกวันนี้ คิดว่าเราได้สามีฝรั่ง คงคิดว่ารวยนักรวยหนา....ขอกันอยู่นั่นแหล่ะ  เราง่ะ ช่วยเท่าที่ช่วย  แต่จะให้ช่วยหมดตัว  โนเวย์ ค่ะ.... ทำมัยพวกนี้มันไม่สำนึกบ้างนะมาขออยู่ได้  บวกกับแม่เป็นคนใจดี...ก็ให้อยุ่นั่นแหล่ะ แม้ตัวเองก็ยังเดือนร้อนอยุ่.... อยากปริ๊นไปให้ญาติอ่านบ้างจัง........เซ็งเป็ดเลย จากคุณ : kitchaya - [ 18 ธ.ค. 50 18:03:55 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ขออนุญาตคุณ จขกท เอาเรื่องนี้มาเเจมค่ะ อ่านเจอจาก http://www.stickmanbangkok.com/reader/reader217.html เรื่องยาวหน่อยนะคะ แต่ขอบอกว่า ถ้าอดทนอ่านจนจบ จะอึ้งจนจุกอก ************************************************************************* Learning The Hard Way About Thai Women I would like to relate my experience with my ex-wife who is Thai. I met and married a lovely Northern Thai woman in 1990. The experience forever changed my outlook on life. My ex-wife is from Mae Hong Son in Northern Thailand.  I met Nirat in Bangkok while on a business trip for my former employer. She was a sweet and beautiful college student. A long distance relationship ensued and I obtained a fiancée visa for her so she could come to the USA and marry me. I had married an American girl when I was 19, she was 20. Our son came along shortly thereafter.  My first ex-wife died of breast cancer when she was 26, leaving me to raise our 5-year-old son as a single Dad. My son grew up and became an Analytical Chemist for an international drug manufacturer. My years of teaching my son science and mathematics paid off. I was and am still very proud of how he turned out. My Thai wife Nirat became pregnant within a year of her moving to the States. I was delighted. I was going to be a father once again, which is one of life's joys. This was my second marriage and second child. I was gifted a beautiful daughter. She captured my heart like no other woman ever will.  Nirat went to work 6 months after my daughter's birth much to my chagrin. I have an older value set that essentially means a mother should raise her child while the father provides for the family.  I reminded my self that this was the 90's and that family dynamics and values were changing. Nirat became pregnant two years later. It was a surprise since she was taking birth control pills.  She had missed a few days because of an illness. My little swimmers were determined and my third child was on the way.  My second son was born during one of the most violent thunderstorms recorded for my state.  I was once again blessed with a delightful, beautiful boy. Nirat waited 6 months and went back to work. I was resigned to the fact that she had become a career woman. In 1996 Nirat told me that her mother was dying of congestive heart failure and that she had to go back to Thailand so say her final good byes.  Nirat left in late December.  I called her daily and was getting frustrated because her family members would only take messages for her.  They said she was at the hospital with her mother and that there was no phone in the room she was in.  Nirat missed her flight home so I called her relatives to find out what was going on.  Again, I got the same "She not here, call later" treatment. จากคุณ : Jennifer Lowclass - [ 18 ธ.ค. 50 18:10:25 ]

ความคิดเห็นที่ 41 My credit card bill came in January. Our credit limit was maxed out and there was a huge amount of cash withdrawals made on the account. I was naturally alarmed because all of the charges and withdrawals were made in Thailand.  I phoned the relatives three times a day with the same 'she not here' garbage.  I became very concerned for her well-being so I contacted the US consulate.  They were of no help at all, so I hired a private detective to find out what was happening. A week went by with the kids constantly asking when Mommy was coming home. I was getting stressed out and had to take a leave of absence from work.  I opened Nirat's mail and came across a shocking find. Nirat had closed her bank accounts and wired all of her funds to Thailand.  She had transferred $57,000.00 to her account in Thailand.  It all made sense. She had left me. The private detective called me at 3:45 the next morning and presented me with his investigation.  Nirat's Mom and Dad were healthy and still living in Mae Hong Son. Nirat had purchased a new car and a business in Bangkok and was with a Thai man. I felt as if my life was over, I became depressed and had the kids stay with my Mom for a while.  I tried to contact Nirat a number of times.  I eventually came to the conclusion that she was gone forever, money meant more to her than her family and husband. How could I have failed to see this fact? The walls fell down a month later.  I received a serious delinquent mortgage notice from a mortgage company I never heard of. Since I own my house I thought it was an error. I called the company and found out that a second mortgage had been issued for my house and that I was expected to bring the account up to paid status or risk having my house seized.  They faxed over the paperwork and fed-ex'd copies of the loan agreement.  That brazen bitch had forged my signature and taken out  $75,000.00 second mortgage on my house!  I contacted a lawyer and he got the Feds involved since this was now a clear-cut case of mortgage / bank fraud and forgery.  An arrest warrant for Nirat was issued. The Thai government did nothing in the matter. As long as Nirat stayed in Thailand, she would not be arrested or face prosecution. So much for reciprocal justice agreements! I filed for divorce and received full custody of my kids. Nirat was found to have abandoned her children and lost all legal claims to them. My divorce was granted with her in abstention. Nirat was not aware of this fact. จากคุณ : Jennifer Lowclass - [ 18 ธ.ค. 50 18:10:47 ]

ความคิดเห็นที่ 42 Nirat re-entered the USA in November of 1997, how she got through customs without being arrested is mystery to me.  She came to my house and tried to take the kids with her. Nirat said she would give me full custody of the kids if I gave her $50,000.00. I told her that she was no longer my wife and that I had full legal custody of our children. I called the police and let them know my ex-wife with a federal arrest warrant was at my house.  Good God, 12 Patrol cars showed up!  (SUPERB - Stick)  Nirat was arrested on her federal arrest warrant.  This situation really upset the kids badly. They had resigned themselves that their Mom had left them and no longer wanted them in her life. They heard her try to extort money from me for legal custody. What a damn mess this marriage had turned into! Nirat was arraigned on the bank / mortgage fraud charges and was remanded to county custody for the night.  She called me and tried to charm me with a story of how she had fallen in love with another man in Thailand and that the relationship was over.  She professed her undying love for me and apologized repeatedly and tried to get me to pay for a lawyer. Nope, no way Babe! Nirat had a bail hearing and a moronic liberal judge released her on her own recognizance. They didn't seize her passport because she did not have it on her person or belongings when she was arrested.  Nirat was on the next flight out of the USA.  Nirat now has a "fleeing federal justice" charge tacked on her charges. Nirat called me in the summer of 1998. She said she really missed her children and wanted to speak with them. I told her to go to hell and leave us alone. She then said her boyfriend had taken all her money and disappeared and that she was in dire straits financially. Ah, poetic justice perhaps! She cried and pleaded with me over the phone. I almost believed her. She was very convincing, pushing every emotional button she could remember.  She said she just needed 50,000 baht to rent an apartment and pay for food.  I told her to go to Nana Plaza and get a job as a gogo dancer. I hung up the phone and have not heard from her since. The emotional toll of this family crisis has affected my children in unexpected ways.  My son and daughter no longer want to be a part of their Thai culture. They refuse to eat oriental food or associate with anyone who is Asian. They used to speak fluent Thai, now they will not listen to anyone speaking an Asian language. I have worked tirelessly to get them on an even keel. I let my kids know the unvarnished truth of my situation with their mother and all of the issues involved including her arrest and charges pending against her.  Sometimes the truth really sucks. I would rather they know the truth instead of a sugar coated interpretation of the facts. I have been going out with a  young Chinese woman who is a nurse. My daughter flew into hysterics when she found out I was dating an Asian woman.  After the flap was over, my daughter sat me down and tearfully pleaded with me to not go out with Asian women because they are greedy, scheming, and don't love their children.  This situation ripped my heart in half. I hugged and held my daughter and told her that this was not what Asian women did and were like. I'm afraid that the emotional scars of her mother's behavior and abandonment will be with her for life.  I will do whatever it takes to get her over this hump in the road. My son has taken a "roll-with-the-punches" attitude and has managed to put some of the pain behind him. I still see his pain, he tries to cover it up with bravado and macho behavior. He talks about his Mom in the past tense as if she was dead. I guess she is to him at this point in his life. I hug my kids often and tell them that they are loved a number of times each day. They protest when I hug them, saying that they are being squished, too bad: I will squish them anyway. My Chinese girlfriend has kept her distance, but she is slowly creeping into my family life.  My daughter has taken a cold “Foreign Asian women are bad” attitude to my girlfriend, but she is melting. Ming has a way of disarming my daughter's emotional defenses.  Perhaps my daughter sees her as a mom figure, perhaps as an older sister and a friend.  My kids have told me not to marry again and that it's OK to have a girlfriend, even if she moves in.  I have some seriously cool kids! If you want to have children with a Thai woman, consider ALL options, cultural differences, think it over twice and then three times again. Above all else: Make sure she is genuine and open with her motivations. Honesty seems to be a moral value used in small amounts in Thailand.  I still love Thai girls and their beauty; you really need to look beneath the surface to make sure you are getting inner beauty too otherwise you may end up like me or some of the other guys who have had their lives and hearts torn asunder by a Thai woman. จากคุณ : Jennifer Lowclass - [ 18 ธ.ค. 50 18:11:02 ]

ความคิดเห็นที่ 43 Vote kha !!!! จากคุณ : jeji o - [ 18 ธ.ค. 50 18:36:20 ]

ความคิดเห็นที่ 44 อ่านแล้วต้องถอนหายใจแรงๆ....ทั้งเรื่องนายฝรั่งถูกสาวไทยทิ้ง เพราะเงิน...และสาวไทยถูกนายฝรั่งทิ้งเพระเงิน....อะไรกันหนักกันหนา...เงินๆๆๆ เราก็เป็นคนหนึ่งที่แต่งงานกับนายฝรั่ง...แต่โชคดีที่ไม่มีญาติเป็นปลิง...แล้วก็ไม่เคยอวดตัวว่ารวย ฝรั่งก็คนไม่ได้รำรวยมากมาย มนุษย์เงินเดือนคนหนึ่ง ที่ต้องจ่ายภาษีโหด ค่ากิน ค่าอยู่ ค่าโน่นนี้สารพัด...แล้วจะเอาเงินที่ไหนมาให้ปลิง..ขอเถอะน่ะอย่ามองว่าเขารวย มันผิด...บางทีส่วนหนึ่งก็อยู่ที่ตัวญ.ไทยด้วยที่ชอบอวดรวย...ถ้ารู้จักเจียม... จากคุณ : พอเพียง (Katja) - [ 18 ธ.ค. 50 19:07:17 ]

ความคิดเห็นที่ 45 น่าเศร้าจังค่ะ สันดานปลิงนั้นจริงๆ เราคิดว่าเริ่มมาจากตัวคนที่เป็นภรรยาฝรั่งเองนั่นแหละ ที่ปลูกฝังให้กับญาติพี่น้อง ให้จนญาติพี่น้องแขนขาเปลี้ย ทำงานเลี้ยงตัวเองไม่ได้ ก็หน้าใหญ่นี่คะ เลยอยากให้บานกว่าเดิม ไปไหนๆ คนจะได้ทักถูกตัว อยู่เมืองนอกทำงานงกๆๆ หัวหกก้นขวิด แต่พอกลับเมืองไทย จู่ๆ ใจมันก็ใหญ่ เงินตัวเองไม่เท่าไหร่หรอก แต่เอาเงินแฟน เงินสามีมาแจกจ่าย ดีไม่ดียืมจากเพื่อนที่เมืองนอกไปด้วย แหมช่างใจบุญอะไรขนาดนั้น หรือไม่ก็กลับมาเมืองนอกค่อยยืมเงินเพื่อนซื้ออาหารประทังชีวิต เราเจอประเภทที่ว่าเห็นหน้ากันมาสามสิบกว่าปี ไม่เคยเรียกว่าเพื่อน พอกลับบ้านคราวที่แล้ว เรียกซะขนหัวลุก "เพื่อนรัก" ขอเหล้ากินหน่อย อยู่ดีๆ อยากมาเป็นเพื่อนรักเราเฉย พ่อแม่พี่น้องและเพื่อนๆ ที่เมืองไทยเราประเสริฐค่ะ ไม่มีใครรบกวน ไปเที่ยวด้วยกันก็แชร์กันเหมือนเดิม ทุกคนน่ารักมากๆ รักนะจุ๊บ จุ๊บ จากคุณ : กรรมใครกรรมมัน (Tigerish) - [ 18 ธ.ค. 50 19:10:26 ]

ความคิดเห็นที่ 46 แก้ไขเมื่อ 20 ธ.ค. 50 05:30:15 จากคุณ : Water_1 - [ 18 ธ.ค. 50 19:37:04 ]

ความคิดเห็นที่ 47 เฮ้อ อ่านแล้วเศร้า เพราะว่าเงินและอัตราแลกเปลี่ยนอย่างเดียวเลย จากคุณ : ศรีธนา - [ 18 ธ.ค. 50 19:48:15 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ต้องแก้ที่ "การศึกษา"  พื้นฐานคนไทยจำนวนมากขาดการศึกษาที่เพียงพอ   ถึงแม้จะอัพเกรดฐานะแล้ว  ผู้หญิงกลุ่มนี้ก็ไม่เปลี่ยนพฤติกรรมไม่ว่าจะอยู่มุมไหนของโลกก็ตาม  เวียนหัวแทน  เรื่องจริงที่ยิ่งกว่า จขกท.  เล่ามีอีกบานตะไท  ไม่ต้องไปฟังใครเล่าเลยรอบๆนี่หละมีแต่คนอีสานแต่งฝรั่ง  สามีทำงานงกๆ  พกลูกติดจากไทยคน สองคน สามคน หอบมาให้ฝรั่งเลี้ยงดูจ่ายหมด   ตัวเองไม่ทำงานตั้งกลุ่มเล่นไพ่ กินเหล้า สูบบุหรี่  หนักหน่อยทัวร์คาซิโน  ไม่มีตังค์ใช้ก็หาลำไพ่อาชีพเก่า "ใช้ไปขายไป"  ของมันสึกหรอเป็นเรื่องธรรมดาปกติ  เพลินหลงทางมากขึ้น  ทีนี้คบคู่ขาเลยชายไทยนิยมเมียน้อย  หญิงไทยที่มาจากบาร์พวกนี้  นิยมมี "ผัวน้อย"  หิ้วกันขึ้นบ้านไม่ต้องเกรงใจสามีเล้ย  เพราะสามีมีเงินให้ไม่พอสูบ   บางรายมีลูกกับฝรั่งเพิ่มมาด้วย  ฝรั่งรับเละเลี้ยงหมดวันหยุดไม่ต้องทำไรหรอกเลี้ยงลูก  เพราะคุณภรรยาบอกว่าตาแกมั่ง  ฉันจะไปเที่ยวห้ามก็ไม่ฟังจะไปน่ะจะทำไม  ถ้าแกไม่เลี้ยงลูกก็ปล่อยให้มันอยู่ในบ้านกันเองแล้วกัน  ฝรั่งใจไม่เด็ดพอเท่าหญิงไทยค่ะ  นั่งเลี้ยงลูกหัวมีเขางอกยาวเยื้อยเลย นี่น่ะเรื่องจริงไม่มีแต่งไม่มีอิง  เพื่อนๆรึจะน้อยหน้า  แกหา "ผัวน้อย"  ได้ฉันเหรอจะน้อยหน้าเดี๋ยวเอามั่งจะเอาให้โก้กว่าอีก  ดูสิใครจะหาผัวน้อยมาเลี้ยงได้ไฮโซกว่ากัน  ประชันกันแบบนี้     มีอยู่วันถูกเชิญไปเยี่ยมเยียนเพื่อนๆ  ที่ไปเพราะพอดีมีหญิงไทยคนหนึ่งเสียชีวิตเพราะแอลกกอฮอลล์ลิค  แล้วบังเอิญต้องไปกระจายข่าวเรื่องการจัดตั้งสมาคมเพื่อคนไทย   เลยได้ไปเห็นวิวัฒนาการใหม่ของพวกเค้า  แหมช๊อคทุกทีสิน่า  แล้วเจ้าของบ้านนั่นแหละที่ทำเนียนพา "ผัวน้อย"  มานั่งเนียนแฝงว่านายนี่เป็นแฟนของของใดคนหนึ่งในโต๊ะ  นั่งสักพักชวนไปงานวันเกิดเพื่อนของเพื่อนเจ้าของบ้าน  ที่ยอมไปเพราะถือว่าไปกระจายข่าวไหนๆก็ออกจากบ้านมาแล้วไปซะเลย   นั่งอยู่ชม.ขอลากลับล่ะค่ะ  ดิฉันเอาลูกสองขวบไปด้วยนะคะ  อันตรายต่อสุขภาพมาก  มีกลุ่มฝรั่งสามีใครมั่งไม่รู้สูบหรี่อัดกันเข้าไป  ห้องข้างๆมีเด็กอัดกันเป็นสิบในห้องนอนรมควันบุหรี่ผู้ใหญ่  มาดูในครัวคนหิวก็กินไปคุยกันไป  ส่วนห้องที่เหลือเหมือนเปิดเป็นม่านรูดเลย  มันผลัดกันเข้าไปสองต่อสอง  คนนั้นกับคนนี้เข้าไป  เดี๋ยวออกมาคนเดียวคนต่อไปเข้าไปอีก   สังคมคนไทยในต่างแดนมีเปอร์เซนต์สูงมากที่เป็น  "หญิงไทยการศึกษาน้อยและหลายคนเขียนอ่านเขียนภาษาไทยไม่ได้  มีอดีตเป็นผู้ขายบริการทางเพศ  ทำงานกลางคืน  และมีครอบครัวฐานะยากจนต้องเลี้ยงดูคนทั้งครอบครัวแบบ จขกท.  กล่าวมาไม่ผิดเพี้ยน  และยืนยันว่า จขกท. ไม่ได้กล่าวเกินจริงเลยแม้แต่น้อย ที่ต้องเข้ามาอัพเดทให้ จขกท. ทราบเพราะเดี๋ยวนี้หน้าคนไร้ยางอายมิได้เป็นเฉพาะครอบครัวของหญิงไทยประเภทนี้เท่านั้น  แต่มันลามไปถึงหน้าของเธอๆด้วย  นี่เป็นพฤติกรรมตัวอย่างที่ได้ประสบมาโดยตรง  เวลานี้ต้องทำงานกับทางสมาคมแห่งหนึ่งเป็นอาสาสมัครช่วยเหลือหญิงไทย  แต่พอต้องมาพบปะกับคนกลุ่มนี้  ลำบากใจมากในเรื่องของการสื่อสาร  เรื่องของการสร้างความเข้าใจ  เคราะห์ดีเคราะห์ร้ายกลายเป็นดาบสองคมให้กับตัวเองอีก  จึงเพิ่งขอถอนตัวจากการเป็นอาสาสมัครไปเมื่อไม่นานนี้   อะไรก็ตามไม่สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตพวกเค้าได้เลย  ตราบใดที่ไม่ส่งเสริมการศึกษาให้กับกลุ่มผู้ยากจน  กลุ่มคนที่ใครต่อใครเรียกว่า "รากหญ้า"  แล้วก็จะเป็นปัญหาลูกโซ่ต่อไปและต่อไป  เพราะลูกเต้าที่เติบโตมาขาดความอบอุ่น  ขาดพ่อแม่ชี้นำแนวทางเป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่ลูกแล้ว  โอกาสที่ลูกจะเติบโตเป็นพลเมืองที่ดีต่อไปยิ่งเป็นความริบหรี่เต็มทน  ชื่อของประเทศไม่มีให้เหลือหรอกค่ะ  ปลาเน่าตัวเดียวตายทั้งของ   มีหลายคนที่ไม่ได้เป็นอย่างที่เล่ามาข้างต้นแต่เมื่อเทียบเปอร์เซนต์กันแล้วมันเป็น ๐.๐๐๐๐๒ คนละมั๊งขอเปรียบเทียบแบบนี้แล้วกันค่ะ มันไม่ใช่ตัวเลขจริงๆหรอกแค่เปรียบเปรยเฉยๆ   เหนื่อยพิมพ์  เหนื่อยเหมือนกันกับ จขกท.  นั่นแหละค่ะถึงจะแค่พิมพ์ก็เถอะเหนื่อย .... เหนื่อย...ใจ ...ไม่เอาตาไปดู  ไม่รับรู้ดีกว่าสบายใจกว่า.... จากคุณ : จ๊ะจ๋า (คุณจ๊ะจ๋า) - [ 18 ธ.ค. 50 19:49:00 ]

ความคิดเห็นที่ 49 เฮ้อ ... จากคุณ : ขนมตาล - [ 18 ธ.ค. 50 19:50:45 A:122.105.10.219 X: TicketID:163382 ]

ความคิดเห็นที่ 50 herrrrrrrrrrrrrr!!! ด้วยคน จากคุณ : แฟนเช็คล๊อคอิน - [ 18 ธ.ค. 50 20:14:52 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ส่วนห้องที่เหลือเหมือนเปิดเป็นม่านรูดเลย  มันผลัดกันเข้าไปสองต่อสอง  คนนั้นกับคนนี้เข้าไป  เดี๋ยวออกมาคนเดียวคนต่อไปเข้าไปอีก อ่าน แล้วขยะแขยง  ทำไมสกปรกกันได้ขนาดนี้   ที่นี่มีอยู่คนนึงมีอาชีพเสริมคือหาผูชายฝรั่งขายให้สาวไทย ไ้ด้คนละแสนบาท แก้ไขเมื่อ 18 ธ.ค. 50 20:28:40 จากคุณ : this is jenni - [ 18 ธ.ค. 50 20:27:31 ]

ความคิดเห็นที่ 52 เฮ้ย!!!!! จากคุณ : Cutie_May - [ 18 ธ.ค. 50 20:31:16 ]

ความคิดเห็นที่ 53 อ่านแล้วก็ เฮ้อ...เหมือนกัน "แต่จะว่าไปแล้ว เรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ นี่ มันก็ไม่ได้เข้าใครออกใครนะ มันก็ไม่ได้มีแค่พวกเมียฝรั่งอีสานบ้านนอกเท่านั้นนะที่กระสันอยากได้น่ะ เอาง่าย ๆ พวกคนระดับใหญ่ ๆ โต ๆ ที่โกงกินประเทศชาติมากี่ยุคกี่สมัยแบบหน้าด้าน ๆ ไม่อายฟ้าดินก็มีเยอะแยะเพราะคำว่า "เงิน" นั่นเอง และสังเกตุเลยว่าคนเหล่านั้นก็การศึกษาระดับท็อป ๆ กันทั้งนั้น คือคนเราถ้าใช้ชีวิตแบบให้เงินนำหน้าแล้วล่ะก็ ไม่ว่าคนคนนั้นจะอยู่ระดับไหน ๆ มันก็ทำได้ทุกวิธีเพื่อที่จะให้ได้มาซึ่ง "เงิน" อยู่ดี" ยังไงก็ต้องขอบคุณ คุณ จขกท. ที่โพสต์กระทู้นี้ไว้เตือนเป็นอุทาหรณ์ให้กับบรรดาเมียฝรั่งนะคะ อ่านแล้วถ้าคิดตามเราว่ามันก็มีประโยชน์ดี ทำให้คนที่กำลังวางแผนจะกอบโกยจากสามีฝรั่งอาจจะหยุดคิดได้ว่า ซักวันอาจจะโดนทิ้งแบบคุณ ล. นี้ก็ได้ แต่จะว่าไปในเนื้อเรื่องก็ต้องขอตำหนิคุณ ล. ด้วยเช่นกัน ที่ไม่เด็ดขาดกับญาติพี่น้อง คนเราแต่งงานมีครอบครัวแล้วอย่างน้อยน่าจะยึดครอบครัวใหม่ของตัวเองเป็นหลัก ส่วนการช่วยเหลือครอบครัวใหญ่นั้นถ้าเป็นการช่วยแบบนิดหน่อย เช่นถ้าพ่อแม่ป่วยแบบจะเป็นจะตาย อันนี้เราว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่ลูกควรช่วย แต่ถ้าเป็นกรณีที่ปล่อยให้พี่น้องทั้งโขยงมาไถตัวเอง ปล่อยให้ครอบครัวตัวเองได้รับผลกระทบ อันนี้ก็เกินไป และอยากจะขอชื่นชมคุณ จขกท. ที่มีน้ำใจช่วยคุณ ล. แบบเหมือนเป็นธุระเหมือนญาติเลยก็ว่าได้   ปล. ประโยคต้น ๆ ของความเห็นเรานั้น  เราไม่ได้ประชดคุณ จขกท. หรือเพื่อน ๆ สมาชิกท่านอื่น ๆ นะคะ แต่เราคิดแบบนั้นจริง ๆ จากคุณ : อีสานบ้านนอก แต่ไม่ใช่ปลิง (JC2002) - [ 18 ธ.ค. 50 21:09:14 ]

ความคิดเห็นที่ 54 วัฒนธรรมการเกาะรับประทานมันคงแก้ยาก คนมันขี้เกียจทำมาหากินมีคนให้สตางค์ใช้ใครมันจะอยากทำงาน จุดประสงค์ของการแต่งงานกับฝรั่งของหลายคนก็มีอยู่อย่างเดียวคือเรื่องเงิน (หลายคนนะ ไม่ได้หมายถึงทั้งหมด) เราเองก็แต่งงานกับฝรั่งที่ไม่ได้ร่ำรวยอะไร แต่คนบางคนที่รู้จักครอบครัวเราผิวเผิน ก็มักจะมองว่าสามีเรา support ครอบครัว ซึ่งมันไม่จริงเลย พ่อแม่และน้องชายเรามีหน้าที่การงานที่ดี ไม่เคยขอเงินสามีเราหรือเราเลยแม้แต่บาทเดียว แต่เมื่อแต่งงานกับฝรั่งเราก็หนีไม่พ้นจากการนินทา บางครั้งก็เซ็ง แต่คิดว่าครอบครัวเรามีความสุขกันทุกคนก็โอเค ไม่เ้ห็นต้องแคร์ใคร มาอยู่เมืองนอกก็ได้ยินเรื่องแบบนี้เกิดกับคนที่รู้จักใกล้ตัวเลย น้องคนหนึ่งเขาเคยเป็นอย่างว่ามาก่อน เรียกว่าเป็นเกือบหมดทั้งตระกูล และครอบครัวเธอสั่งสอนกันให้มีสามีฝรั่งเท่านั้น น้องคนนี้แต่งงานกับฝรั่งมาสามปี สามีเขาก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไรแต่ทั้งสองคนก็ขยันทำงานส่งเงินไปให้ทางบ้านฝ่ายหญิงใช้ทุกเดือน แต่มันคงไม่หน่ำใจญาติทางฝ่ายหญิงเพราะป้าเธอชอบยุให้เลิกกับสามีคนนี้ให้หาสามีที่รวยกว่าจะได้ส่งเงินมาให้ที่บ้านมากๆ แต่น้องคนนี้ก็ไม่ได้หาสามีแก่แต่รวยหรอกค่ะ แต่เจ้าหล่อนมีชู้เป็นเด็กหนุ่ม สามีจับได้ ขอเลิกและหย่าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กว่าน้องคนนี้สำนึกได้สายเสียแล้ว ได้สามีขยันทำมาหากิน อุตส่าห์พามาเมืองนอกไม่ติดใจอดีต แถมพ่อแม่สามีก็รักดี แต่น้องคนนี้ก็ไม่อาจทิ้งนิสัยเดิมได้ เราก็เคยเตือนหลายครั้ง เขาก็เหมือนจะรับปากว่าจะเลิกกับชู้ แต่เขาก็ยังทำจนสามีจับได้ อีกคนเป็นคนมีการศึกษาพอสมควร คนนี้อ่อนกว่าเราปีหนึ่ง ไม่ได้มาจากที่ราบสูงแต่ก็มาจากตจว. (ไม่ได้ว่าคนตจว.นะ เราก็มาจากตจว.เหมือนกัน) เธอคนนี้มาทุนออแพร์ แต่หล่อนบอกเจอเจ้าของบ้านไม่ดี  หล่อนเลยออกมาสมัครเรียน college เพื่อที่จะได้มีใบอะไรสมัครทำงาน แต่เงินค่าเล่าเรียนก็ได้จากแฟนชาวเม็กซิกันคอยให้กินให้ใช้ เธอคนนี้ก็ทำงานร้านอาหารนะ ฐานนะทางบ้านก็ไม่แน่ใจว่าต้องส่งหรือเปล่า แต่ก็เห็นแต่ว่าไม่พอใช้ และคอยจะหาผู้ชายแก่มาเลี้ยง ตอนนี้หล่อนกำลังจะสลัดแฟนเม็กซิกันนี่เพราะผู้ชายไม่มีใบเขียว และใกล้เรียนจบแล้ว และมีชายแก่คราวลุงมาเสนอจะอุปการะ นี่ถ้าแฟนเม็กซิกันแค้น อาจมีฆาตกรรมสยองเกิดขึ้น เพราะหมอนี่หมดเงินไปกับสาวไทยมากอยู่ ไม่ใช่เฉพาะคนที่มาจากตรงนั้นที่ชอบเกาะรับประทานนะ คนมีการศึกษาบางคนก็ไม่แพ้กัน มันอยู่ที่จริยธรรมมากกว่า (ว่าไปนั่น) เราก็ว่าไม่ได้ คนเราเกิดมาไม่เหมือนกัน คนที่ครอบครัวไม่พร้อมไม่มีให้ ก็พยายามจะขวนขวาย ก็ไม่รู้สิ เราก็ไม่ได้มาจากครอบครัวที่ร่ำรวย เราก็ไม่เห็นต้องขอแฟนแบบนี้ ไม่มีก็ไม่เอา ต่างคนต่างใจ แต่ก็ช่วยไม่ได้ที่ทำให้ผู้หญิงไทยเสียชื่อไปด้วย จากคุณ : Duchess No.1 - [ 18 ธ.ค. 50 21:20:48 ]

ความคิดเห็นที่ 55 เฮ้อ.... อ่านแล้วรันทดใจแทนสามีฝรั่งของผู้หญิงพวกนั้นจังค่ะ แต่ทำไงได้...เวลาคิดจะหาภรรเมียสาวไทย ไม่รู้จักเลือกให้มันดีๆ ตอนเริ่มคบกันใหม่ๆ คู่หมั้นเราเค้าส่งลิงค์มาให้อ่านอยู่เรื่อย... โดยเฉพาะใน http://www.stickmanbangkok.com/reader7.html เรื่องราวของประสบการณ์ที่ไม่ดีของฝรั่งกับสาวไทยแบบที่คุณ Jennifer Lowclass เอามาให้อ่านมีมากมายเลยค่ะ เราเคยถามว่า...แล้วเค้าคิดอย่างไร เค้าบอกว่า ก็แล้วแต่ว่าฝรั่งแต่ล่ะคนจะแสวงหาอะไรจากสาวไทย.... ไม่ใช่ทุกคนจะเจอแบบนั้น เรื่องราวดีๆ ก็มีเช่นกัน.... อย่างที่คห.16 ว่า ก็น่าจะจริงนะคะ เราไม่โทษที่คุณคิดอย่างนั้น กริยาอาการของคนกลุ่มนั้นที่คุณเห็นวันนั้นมันคงแสดงออกจริงๆ.... แต่อยากจะบอกว่า อย่าเหมารวมนะคะ .... เพราะตอนคู่หมั้นเรามาเนี่ย พี่ๆเรา น้าเรา เพื่อนๆ เราแย่งกันเลี้ยงซะแทบจะกินไม่ทัน... จากคุณ : Sao'Padlung - [ 18 ธ.ค. 50 21:26:51 ]

ความคิดเห็นที่ 56 เคยเจอมากะตัว แฟนเก่าของแฟนเราเอง ก็รู้จักผ่านๆ  เพราะเค้าเป็นเพื่อนของแฟนของเพื่อนแฟนเรา งงงงง เค้าไปมีแฟนใหม่(คนที่เท่าไหร่ไม่รู้) แล้วจะแต่งงานกันทั้งที่คบกันไม่นาน ตกลงค่าสิ้นสอดไว้สองแสน ก่อนวันแต่งฝ่ายชายบอกว่าเงินโอนเข้าให้ไม่ทันให้แสนนึงก่อนได้มั๊ย แล้วจะให้อีกแสนอีกสองสามวันหลังแต่งงาน ผู้หญิงคนนี้หัวเสียใหญ่ ไม่ยอมจะแต่งงานเอาดื้อๆ บอกว่าสัญญาแล้ว และไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ถ้าเงินไม่ครบก็ไม่แต่ง สุดท้ายสามีก็ต้องไปขอยืมเงินคนอื่นมา จนได้แต่ง ยังไม่จบ..แถมเธอยังยืมเงินสามีอีกแสนนึงให้น้องสาว ไม่ถึงปีก็เลิกกัน พอฝ่ายชายถามหาเงินที่ยืมไป บอกหน้าตาเฉยว่าไม่คืนหรอก...ซะงั้น แล้วตอนที่ยังอยู่กับสามีก็ชอบมาทำเป็นอวดว่าได้แฟนรวย ซื้อโน่นซื้อนี่ แรกๆ เราก็อืมๆๆ ไม่พูดอะไรมาก เพราะไม่สนใจ หลังๆมีคนมาบอกว่าไม่รู้ตัวเลยเหรอว่ามันแอบประชดเพราะมันอิจฉาเรา(อิอิ แอบเข้าข้างตัวเอง) เพราะเราก็การศึกษาดีกว่า ทำงานดีกว่า ชีวิตไม่ต้องดิ้นรนอย่างเค้า(ได้ดูถูกนะคะ แต่ไม่ชอบคนที่เป็นวัวลืมเท้า) เราไม่สนหรอกว่าใครเคยเป็นอะไรมาแต่อย่ามาดูถูกคนอื่น เราก็เหรอๆๆๆถ้าเค้ายิงมา เราก็ยิงกลับมั่งดีกว่า มีครั้งนึงตอนที่เค้าจะแต่งงาน  เค้าก็มาคุยว่าได้สินสอดสองแสน แล้วก็ถามเราว่าไม่แต่งบ้างล่ะ เราก็ตอบไปว่ายังหรอก ที่บ้านไม่ได้ขัดสนเรื่องเงิน...ตอนนี้เค้าก็ไม่กล้ามาคุยเวอร์ใส่เราเลย จากคุณ : brokensilence - [ 18 ธ.ค. 50 21:37:36 ]

ความคิดเห็นที่ 57 kind of same old shit neh... จากคุณ : แดงเร็กเก้บาร์ - [ 18 ธ.ค. 50 21:39:27 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ขอเข้ามา เฮ้อ.......  ด้วยคน    อ่านแล้วก็เชื่อเลยว่า  มันเป็นแบบ คห.48 ว่าจริง ๆ  เราไม่ต้องไปรู้ไปเห็นมากอย่างคนที่เมืองนอกหรอก   แต่ไปเรียนที่สถาบันเตรียมตัวไปเป็นเมียฝรั่ง   เห็นพฤติกรรมคนบางคนแล้ว ก็ต้องเบือนหน้า  แต่งเนื้อแต่งตัวทุเรศทุรัง  ยังกะเพิ่งออกมาจาก...... ชะเวิกชะวาก นมหกออกมาครึ่งเต้า  นุ่งสั้นจนเกือบจะถึงสามเหลี่ยม  ไม่คำนึงว่าควรไม่ควรเลย  การพูดการจา  กริยามารยาท  ส่งภาษาถิ่นกันให้เจี๊ยวจ๊าว   แต่ละคนอวดอ้างถึงสามีฝรั่ง  ที่พอลับหลังก็จิกปากจิกคอเรียก  ยังกะผัวฝรั่งเป็นควายยังงั้นแหละ  ให้นึกสงสารพวกฝรั่งโง่ ๆ เหล่านั้นซะจริง   จะรู้หรือเปล่านะ  ว่าส่งงูพิษพวกนี้มาเรียน ไถเงินมาใช้เป็นเบี้ย   เอามาคุยอวดกัน  มาเรียนที่นี่รู้สึกอับอายคนภายนอกอ่ะ   ก็ไม่อยากจะว่านะว่า  คนเหล่านี้ส่วนใหญ่ไร้การศึกษาจริง ๆ จากคุณ : Do you know? - [ 18 ธ.ค. 50 21:50:51 ]

ความคิดเห็นที่ 59 เคยอ่านในเน็ต มีฝรั่งเขียนว่าไม่ควรแต่งงานกับผู้หญิงอีสาน เพราะจะถูกเกาะจากทั้งครอบครัว เค้าไม่เข้าใจว่า ทำไมผู้ชายอีสานถึงขี้เกียจ ไม่ทำงาน คอยแต่ไถพี่น้องผู้หญิงที่ไปทำอาชีพขายบริการและมีสามีเป็นฝรั่ง  ทำให้คนอีสานดี ๆ ต้องเสียชื่อหมด  คงต้องแก้ไขที่การศึกษา และค่านิยมที่ต้องจับฝรั่งมาเป็นสามีเพราะฝรั่งรวย  ทั้ง ๆ ที่ฝรั่งส่วนใหญ่ที่ไปเมืองไทยและได้เมียมานั้น เป็นพวกที่ไม่สามารถหาภรรยาฝรั่งได้ เช่น แก่เกินไป จน หน้าที่การงานไม่ดี ตกงานต้องพึ่งเงินจากรัฐ  เรียกได้ว่าส่วนใหญ่เป็นชนชั้นล่างของสังคมในประเทศที่คนเหล่านั้นอยู่   เคยอ่านในฟอรั่มภาษาเยอรมัน มีผู้ชายเยอรมันเขียนมาว่า ตอนนี้เค้ารับเงินช่วยเหลือตกงานจากรัฐอยู่ อยากแต่งงานกับแฟนคนไทยและอยากให้แฟนมาอยู่ด้วยที่เยอรมัน แต่ไม่แน่ใจว่าวีซ่าแต่งงานของฝ่ายหญิงจะฝ่ายหรือไม่ เพราะผู้ชายตกงานและรับเงินช่วยเหลือจากรัฐอยู่   อ่านดูก็สงสารผู้หญิง  คงวาดฝันไว้ว่าเมื่อวีซ่าผ่าน ได้มาอยู่เมืองนอกคงสบาย เพราะคิดว่าฝรั่งรวย  พอมาถึงและพบกับความจริงที่ว่าเงินช่วยเหลือจากรัฐก็ไม่ได้มาก ข้าวของก็แพง ไหนจะต้องส่งเงินไปให้ที่บ้านอีก ผู้หญิงก็ต้องไปเรียนภาษาและหางานทำอย่างหลังขดหลังแข็ง จากคุณ : Sonnenschein - [ 18 ธ.ค. 50 21:53:43 ]

ความคิดเห็นที่ 60 - *- จากคุณ : มังฟ้า (t_n) - [ 18 ธ.ค. 50 23:11:55 ]

ความคิดเห็นที่ 61 ขอบคุณ จขกท ที่มาพิมพ์ให้อ่านซึ่งได้อรรถรสดีมากๆค่ะ เรื่องแบบนี้มีทั่วไปดาดดื่นทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศ เป็นข่าวใหญ่ๆก็มีมาก ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไรเลย... อยู่ที่ว่าใครจะโชคร้ายได้รับรู้เรื่องราวด้านแย่ๆของผู้หญิงไทยที่หลอกลวงฝรั่ง... ซึ่งเป็นเรื่องราวที่มีมาต่อเนื่องและสม่ำเสมอเสียด้วย... ทำให้เกิดความขุ่นมัวทางอารมณ์ เพราะรับไม่ได้ และรู้สึกขยะแขยงพฤติกรรมแบบนี้ อันนี้กรรมของคุณ...(''คุณ'' ที่หมายถึงคุณทั่วๆไป) และอยู่ที่ใครจะโชคดี..ไม่ได้เกิดมาเป็นปลิง เป็นทาก หรือ กระสือในชาตินี้ เพื่อหลอกสูบ ดูด กิน...จากฝรั่งที่ได้ชื่อว่าเป็นคนเหมือนกัน... ก็เพราะคนๆนั้นทำบุญมาดีและมีบารมีที่สร้างสมมาแต่ชาติก่อนให้เกิดมามีปัญญาดี... สร้างบารมีทางปัญญามาก เกิดมาก็ปัญญาดีมีความคิดมาก จะคิดทำอะไร ก็จะเลือกทำ เลือกเสพแต่สิ่งดีๆ... คุณ ล นั้น มีบุญที่ได้สามีดี แต่ไม่มีบารมีมากพอที่จะรักษาบุญให้อยู่ได้ตลอดไป เพราะมีกรรมที่ต้องเกิดมาร่วมอุทรกับพี่ชายที่เลว... คุณ ยาย นั้นทำกรรมมามากจึงมีลูกชายเลว ถึงแม่จะมีบุญที่มีลูกสาวคอยดูแล แต่บุญก็ยังมีไม่มาก...เพราะลูกสาวต้องไปสร้างกรรมกับสามีตัวเองอีกต่อนึง กรรมนั้นตกทอดได้เหมือนมรดกนะคะ ยิ่งอ่านเรื่องที่คุณ Jennifer L เอามาลงนั้น กรรม กรรม กรรม....กำไม่แบค่ะ เพราะหากคนไหนคิดไม่ได้ คิดไม่ออกในเรื่องที่ควรทำหรือไม่ควรทำ ก็ต้องถือว่าเป็นกรรมส่วนบุคคล.... ต่อให้ออกมาเล่าเตือนเป็นอุทาหรณ์อีกกี่ชั่วอายุคน... คนเหล่านั้นก็ยังจะเลือกเสพ(หรือ ทำ)แต่ของเน่าเหม็นต่อไป.... ไปไหนๆ...ความเหม็นถึงติดตัวไปได้ทุกที่... ให้คนเอามาเล่าเป็นอุทาหรณ์ครั้งแล้วครั้งเล่า..... จุดสำคัญ - - ไม่ใช่เพราะว่าเป็นผู้หญิงไทยแต่งงานกับฝรั่ง หลอกฝรั่ง เกาะฝรั่ง หรือ อื่นๆ แล้วแต่ใครจะตั้งนิยามกันขึ้นมา แต่เพราะระดับทางความคิดและปัญญามันไม่เท่ากัน... เลยส่งผลให้การกระทำ...ของผู้หญิงไทยบางจำพวก ทำอะไร...ไม่คิด....เพราะคิดในทางดีๆไม่ได้...เค้าเรียกคนบาป และขึ้นอยู่กับตัวบุคคลนั้นๆ... ว่าจะทำตามความคิดหรือไม่...ที่คิดเลวก็มักจะทำเลว หรือหากให้ความคิดนำทางเราในทางที่ดี...คิดดีก็ทำดีได้ มันเป็นเรื่องของตัวบุคคล.... และมันเป็นเรื่องของกรรม กรรม กรรม ของครอบครัว ไม่เกี่ยวกับความเป็นภรรยาไทยหรือสามีฝรั่ง เพราะคุณก็อาจจะไม่รู้ว่า ภรรยาชาติอื่นๆและสามีฝรั่งสาระพัดชาติ ที่เลวจนคนรับไม่ได้....ก็มีมิใช่น้อย เพราะสามีภรรยาแต่ละคู่ทุกเชื้อชาติหรือศาสนานั้นทำกรรมร่วมกันมาค่ะ ถึงได้ต้องมาร่วมชีวิตกันยังไงละคะ เรื่องจึงเอวังด้วยประการฉะนี้... จากคุณ : กุศโลบายจากความจริง - [ 18 ธ.ค. 50 23:18:20 ]

ความคิดเห็นที่ 62 เข้ามาอ่านในนี้แล้วปลง กับความคิดของคนไทยส่วนใหญ่ที่นอกจากจะชอบดูถูกชาติอื่นแล้ว ยังชอบดูถูกผู้หญิงไทยด้วยกันเองอีก ซึ่งผู้หญิงไทยดีๆมีการศึกษาที่เขาแต่งงานกับฝรั่งก็มีเยอะแยะ แล้วยังมีผู้หญิงอย่างประเภทที่คุณไปว่าเขา จับผู้ชายไทยไฮโซรวยๆก็มีอีกเยอะแยะ เห็นง่ายๆตามหน้านสพ.พวกดารากับไฮโซ อันนี้ตัวอย่างเล็กๆนะ ซึ่งมันไม่เห็นจะเกี่ยวกันเลยนะว่าแต่งกับผัวไทย ผัวฝรั่งแล้วจะเป็นประเภทเกาะแดก เกาะไม่แดก มันขึ้นอยู่กับตัวบุคคลมากกว่า แต่ว่าก็ว่าเถอะนะถ้าผัวเจ้าของกระทู้จนไม่มีจะให้แดก แล้วจะไปแต่งกับเขารึปล่าว ถามตัวเองก่อนมั้ง ก่อนที่จะมาเขียนกระทู้ประจานเรื่องของชาวบ้านให้คนอื่นฟัง จากคุณ : -***- - [ 18 ธ.ค. 50 23:55:25 A:90.208.22.174 X: ]

ความคิดเห็นที่ 63 ไม่รู้เรื่องก็กลับไปอ่านใหม่ไป๊ คำว่าค่านิยมน่ะ ถ้าไม่เข้าใจก็ไปทำความเข้้าใจมาซะก่อน จากคุณ : JingleJ - [ 19 ธ.ค. 50 00:09:56 ]

ความคิดเห็นที่ 64 คุณ #62 อิชั้นยังไม่ถึงวัยมีผัวค่ะ(ยังเอ๊าะๆ อยู่ค่ะ)   และครอบครัวเลี้ยงดูอบรมมาดีพอว่า  หากมีสามีก็เพื่อสร้าง ครอบครัวใหม่    ไม่ใช่ทางบ้านขายลูกสาวแลกเงินให้คนอื่นค่ะ อีกอย่างตัวเองอิชั้นเอง  มีมือมีตีน มีอาชีพ เลี้ยงดูตัวเองได้ อีกทั้งมีจิตสำนึกที่ดีพอ   ไม่ต้องเกาะใครหรอกค่ะแดก หารับประแดกเองได้   และทำเช่นนั้นมาตลอด อีกอย่างช่วยอัพเดทการศึกษาภาษาไทยของคุณหน่อยก็ดีนะคะ คุณเข้าใจความหมายของคำว่า "ค่านิยม" คาดเคลื่อน   ทำให้คุณตอบ กระทู้ด้วยความผิดพลาด   ประเดี๋ยวคนอื่นอ่านแล้วจะสรุปพื้นฐาน ทางการศึกษาของคุณต่ำกว่าที่คุณได้เล่าเรียนมาจริงๆ หรอกค่ะ อีกอย่างผู้หญิงไทยที่ดีนั้น  ได้รับการอบรมมาว่าไม่ต้องร้อน ตัวแทนคนอื่นถ้าไม่ใช่เรื่องของตนเอง   เรื่องที่ผ่านหูผ่านตามานั้น   เก็บไว้เป็นกรณีศึกษาก็พอ  หากไม่พอใจก็ปล่อยผ่านทิ้งไป   ถ้าเก็บมาหมดทุกกระทู้ที่ไม่ชอบ   ต่อไปจิตใจคงต้องเข้ารับ การบำบัดทางแพทย์ในไม่ช้าหรอกค่ะ   เพราะตึงเครียดเกินไป กับเรื่องชาวบ้านแท้ๆ   เว้นแต่ว่า....คุณรู้สึกว่าคุณเป็นเช่นเดียวกับสิ่งที่อิชั้นได้ปรามาศไว้ จึงได้ปวดแสบปวดร้อนราวกับเป็นเรื่องของตนเอง ^o^ จากคุณ : คิงเพนกวิน - [ 19 ธ.ค. 50 00:41:28 ]

ความคิดเห็นที่ 65 สังคมไทยสมัยนี้เป็นสังคมวัตถุนิยมไปเสียแล้วค่ะ คนจำนวนมากอยากมี อยากรวยเสียจนน่าเกลียด อ่านแล้วปลงและอนาถใจจริงๆค่ะ เท่าที่ตัวเองได้ยิน ได้เจอมากับตัวเองก็คือมีเพื่อนคนหนึ่งทำงานประเภทที่รู้จักกับคนไทยมากมาย คนไทยที่ว่าก็คือเป็นภรรยาของฝรั่งในเยอรมันีนี่แหละค่ะ ส่วนใหญ่ภรรยาฝรั่งที่เพื่อนรู้จักนี่ จะต้องเก็บเงินให้ได้ 10000 ยูโรถึงจะบินกลับเมืองไทยนะคะ ถ้ายังไม่ครบก็ไม่กลับ ดิฉันก็สงสัยเลยถามไปว่าทำไมถึงต้องเอาเงินไปเยอะนัก เพื่อนบอกว่า ก็เวลาที่พวกนี้เขากลับบ้าน ต้องพาญาติ พี่น้องไปเลี้ยงอาหารตลอดเวลาที่อยู่ในเมืองไทย ฟังแล้วเหวอมากเพราะเวลาดิฉันกลับทีไร เพื่อนๆ ญาติๆจะสลับกันจองคิวพาไปทานอาหารจนหาเวลาว่างแทบไม่ได้ จากคุณ : Regenbogen ^_^ - [ 19 ธ.ค. 50 01:02:25 ]

ความคิดเห็นที่ 66 เข้ามาอ่านกระทู้แนะนำค่ะ  คุณคิงเพนกวินเล่าได้เห็นภาพ เราก็อยู่ ตปท กับแฟนค่ะ  ปัญหาเรื่องเงินๆทองๆไม่มีหรอกค่ะ ครอบครัวเราที่เมืองไทยทุกคนมีการศึกษาดี ถึงดีมาก ไม่เคยสักครั้งที่จะเอ่ยปากพูดเรื่องเงินกับเรา เมื่อก่อนนะคะ  ยอมรับว่าอคติกับคนทำอาชีพอย่างว่า( เป็นที่รู้ๆกันนะคะว่าอาชีพอะไร) พอเรามาอยู่กับแฟน  ที่เมืองเรามีหญิงไทยแปดคน ห้าคนเคยทำอาชีพค้าประเวณีมาก่อน   เหลือแค่เรากับเพื่อนอีกสองคนที่จบป.ตรี กับอนุปริญญา แต่พอเราได้คบกับพวกเค้าเหล่านั้น  บางคนก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนะคะ พวกเค้าก็เหมือนๆเรานั่นแหละค่ะ  บางคนเรียบร้อยและตั้งใจเรียนชนิดที่ว่าถ้าเธอไม่บอกว่าทำอะไรมาก่อนก็คงไม่เดาว่าเคยขายบริการ จะมีบ้างที่บางคนพูดจาแบบการศึกษาน้อย  แบบคนคิดน้อยอยากพูดอะไรก็ต่อสายตรงออกมา  แต่ก็ไม่ได้พูดจาหยาบคายนะคะ เพียงแต่เจ๊แกชอบพูดอะไรขวางๆ ไม่เข้าหูคนเท่านั้นเอง ตอนนี้เราไม่ได้ดูถูกคนที่เคยขายบริการมาก่อนแล้วล่ะ  เพราะถ้าหากเค้าเลิกแล้ว  มีชีวิตที่ดีและทำตัวให้ดี เราควรให้กำลังใจเขามากกว่า แต่สำหรับพวกที่เลิกขายบริการแล้ว มีครอบครัวแล้วแต่ยังทำตัวต่ำๆเหมือนเดิม  อันนี้ไม่ขอคบค่ะ   ที่ว่ามาอาจไม่ตรงประเด็นที่ จขกท ว่ามาเท่าไร  แค่อยากจะบอกว่าอยากให้มองคนที่ปัจจุบันค่ะ  อดีตเป็นสิ่งที่แก้ไม่ได้แต่คนบางคนอาจพยายามทำปัจจุบันให้ดีที่สุด จากคุณ : LiLLa_JoY - [ 19 ธ.ค. 50 01:04:55 ]

ความคิดเห็นที่ 67 omg อะรัยกันนี่ ป.ล. อากาศหนาวแล้ว รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ จากคุณ : mrsWday - [ 19 ธ.ค. 50 02:02:06 ]

ความคิดเห็นที่ 68 มันอยู่ที่สันดาน คน นั่นแหล่ะ ลูกๆของคุณยายที่คุณ จขกท เล่ามากก็ชัดเลยว่า สันดาน เป็นยังงัย ....อ่านแล้วก็สลดใจนะ จากคุณ : hamble pie - [ 19 ธ.ค. 50 02:08:34 ]

ความคิดเห็นที่ 69 เจอแบบประมาณว่า  บอกคนที่ทำงานเดียวกับสามีเราว่าจะแต่งงานด้วย  แล้วก็ยืมเงินมาประมาณล้านกว่าบาทไทย  เพื่อมาเปิดร้านนวดแผนโบราณ  ชายสวิสคนนี้ก็เชื่อสนิท  คิดว่าสาวไทยคนนี้ก็รักตน  จึงให้ไป ปรากฏต่อมาไม่นานนัก  ร้านยังไม่ได้เปิดด้วยซ้ำ  เธอก็พบชายคนใหม่ ที่มีรถขับ  ก็ทิ้งคนเก่าที่ยืมเงินมาเฉยเลย  แล้วไปจดทะเบียนแต่งงานกับคนใหม่  โดยให้เหตุผลว่าคนแรก "กระจอก  รถราก็ไม่มีขับ  ได้แต่ขี่จักรยาน" พอแต่งงานได้ไม่นานนัก  ก็อยากจะหย่าอีกแล้ว  เพราะพบว่าชายสวิสคนที่แต่งงานด้วยมีแต่รถ เงินก็ไม่มี  หน้าที่การงานก็ไม่ดี  อยากจะกลับมาเอาคนเก่า (มีงี้ด้วย...)  แต่เงินก็ไม่ยอมคืนให้  ทั้ง ๆ ที่คนเก่าก็ขอเงินคืน แล้วยังเที่ยวโพนทะนาให้คนอื่นรู้ด้วยว่า "ไม่คืนหรอก  ก็อยากโง่ให้เอง..." ด้วยความภาคภูมิใจ ฟังแล้วเรารู้สึกอนาถมาก จากคุณ : Amber n the Gang - [ 19 ธ.ค. 50 02:36:45 ]

ความคิดเห็นที่ 70 สงสารคุณยายจังเลยค่ะ ไม่รู้จะเป็นงัยบ้าง.... ขออย่าให้เกิดขึ้นกับคนอื่นๆอีกเลย จากคุณ : Fon_Sandiego - [ 19 ธ.ค. 50 03:09:31 ]

ความคิดเห็นที่ 71 ค่านิยมฝังอยู่ในหัวว่าฝรั่งทุกคนรวย!!!!!!!!!!!!!! ไม่ได้คิดเล้ยว่าเค้าก้อทำมาหากินเหมือนเราๆนั่นแหละ จากคุณ : @..pity..@ - [ 19 ธ.ค. 50 03:30:42 ]

ความคิดเห็นที่ 72 ต้องบอกว่ามันเป็นหัวเรื่องที่ได้อ่านทีไร แล้วก็ต้องถอนหายใจเฮือกๆๆ   ถึงแม้เราจะไม่เจอกับตัวตรงๆ แต่สภาพแวดล้อม สังคม ค่านิยมของคนไทยส่วนหนึ่ง (เน้นส่วนหนึ่งนะ)  ก็ทำให้มันเป็นแบบนั้น ถึงแม้จะเป็นแค่ส่วนหนึ่ง แต่มันกับเป็นภาพเด่นชัด สำหรับสายตาต่างชาติไปซะแล้ว   กับประสบการณ์ตัวเอง คนรอบข้างที่เมืองนอกไม่มีปัญหาให้เรารู้สึกว่า โดนดูถูกเพราะได้ชื่อว่าเป็นหญิงไทย หรือมีก็ไม่รู้ แต่ไม่เคยสนใจ เพราะรู้ว่าตัวเองเป็นอย่างไร  แต่ส่วนมากที่ได้รู้ก็คือเขารู้จักเมืองไทย แค่เรื่องอย่างว่า ได้ฟังกี่ทีก็ต้องพยายามบอกเล่าไปว่าบ้านเราเมืองเรา เป็นอย่างไร  เรื่องนั้นมันแค่เสี้ยวหนึ่งที่พวกเขาได้เห็นจากสื่อมากไปหน่อยก็เท่านั้นเอง เรื่องหัวข้อกระทู้ ที่จกขท. เล่า ช่างสะท้อนใจให้หันไปมองวิถีชีวิตคนบ้านเรา อยากให้มันเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นอยู่หรอกนะ แต่แค่คิดก็เหนื่อยแล้วค่ะ   มันเปลี่ยนยาก มันกลายเป็นค่านิยมที่ผิดๆ หยั่งรากลึกไปซะแล้ว อย่างที่เรารู้ๆ เห็นๆ นั่นแหล่ะ สาวๆ รุ่นใหม่นิยมหาแฟนฝรั่งกันทำไมกัน ทั้งนี้ ทั้งนั้น ก็คงเป็นที่จิตสำนึกของแต่ละคนนั่นแหล่ะค่ะ   และคนที่สำคัญ ของหัวเรื่องก็คงไม่พ้นตัวกลาง คือคุณผู้หญิงที่มีแฟนฝรั่งทั้งหลาย ถ้าเราไม่ใจอ่อน ขอมาเท่าไหร่ ก็ควักให้ๆ (ไม่ได้ว่าใครนะคะ พูดรวมๆ คือไม่อยากให้สปอล์ยพวกเขา)   ถ้าใจแข็งได้ นอกจากช่วยให้คนรอบข้างเราช่วยตัวเองได้ด้วย เราก็จะสบายระยะยาว ไม่ต้องมาคอยห่วงพะวงเขาไปตลอดชีวิต  เราใช่ว่าจะดูแลใครได้ตลอดชีวิตเมื่อไหร่กัน ใช่ไม๊คะ เราคิดว่าการที่ญาติพี่น้องที่ได้อะไรมาง่ายๆ  บางทีเขาก็คิดว่าเรามีไงคะ แล้วมันก็กลายเป็นความเคยชินของเขาไปแล้ว  เพราะสังเกตหลายกระทู้ที่บ่น เรื่องแบบนี้ ส่วนหนึ่ง คนกลางไม่กล้าบอกที่บ้านว่าตัวเองไม่สะดวก อึดอัด คับข้องใจ ต้องแอบต้องเม้มเงินค่ากับข้าวสามีอีก แต่กลับไปสร้างภาพให้ เขาเห็นว่าตัวเองรวย เหมือนที่พูดกันนั่นแหล่ะ สร้างค่านิยมผิดๆ หาสามีรวยแข่งกัน       ไม่ต้องสามีฝรั่งก็ได้เอ้า  น้องสาวเราเองเขาค่อนข้างมีเงินใช้สอยไม่ขาดมือ กลับบ้านไปเยี่ยมแม่บ่อย ก็จะเจอสถานการณ์เดียวกัน คือมีเงินนับว่าน้อง มีทองนับว่าพี่  น้องสาวเราเป็นคนขี้ใจอ่อน มีเงินใครยืมก็ให้  เห็นพี่น้องคน ไหนเดือดร้อนก็จะควักให้ง่ายๆ   เราเองซะอีก มีสามีฝรั่ง ไม่ยักกะมีใครกล้ามาเอ่ยปาก  เพราะเขารู้ว่าถ้าเอ่ยกับเราแล้วเรื่องจะยาว  ถ้าเราจะให้ยืม ก็ต้องซักกันยาว เผลอๆ นอกจากไม่ได้เงินแล้ว อาจจะได้บทสวดอภิธรรมแทน     อันนี้ยกตัวอย่างว่า ไม่น่าจะอยู่ที่ประเดียวว่าคนทางบ้านจะมองว่าเรามี สามีฝรั่งแล้วต้องรวย ต้องจ่ายๆๆ    มันอยู่ที่เราด้วยว่าจะสร้างภาพจุดยืนของ เราอยู่ที่ไหน ใครเข้ามาหาเราได้แค่ไหน จากคุณ : ก๋าสะลองเงิน - [ 19 ธ.ค. 50 04:20:31 ]

ความคิดเห็นที่ 73 ปลง.... จากคุณ : ตกตะกอน - [ 19 ธ.ค. 50 04:36:53 ]

ความคิดเห็นที่ 74 ขอบคุณ จขกท.ท่ีมีเรื่องราวดีๆ มาเล่าสู่กันฟังนะคะ ค่านิยมแบบนี้ี่มีให้เห็นกันบ่อยๆค่ะ ในหมู่บ้านและพื้นที่ใกล้เคียงที่ดิฉันอาศัยอยู่ค่ะ (แต่ไม่ขอออกความคิดเห็นละกัน เพราะแต่ละครอบครัวก็มีเหตุและผลต่างกันออกไป) ส่วนตัวดิฉันก็แต่งงาน มีสามีฝรั่งนะคะ สามีก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไร ไม่มีต้นเงิน ต้นทองให้เก็บ ทำงานก็ได้เงิน ไม่ทำก็อด ตอนนี้ก็ย้ายมาอยู่กับสามี ได้ระยะนึงแล้ว ทางบ้านก็ไม่เคยเรียกร้องและก็ยังทำงานเหมือนเดิม จนบางทีก็มีลูกค้าถามว่า มีลูกเขยฝรั่งแล้วทำไมยังทำงานอยู่ แม่ดิฉันก็ตอบกลับไปว่า "โอ๊ย ฝรั่งขี้น๊ก" คือ ตอบแบบปัดความรำคาญค่ะ เพราะแกไม่เคยคิดจะเกาะฝรั่ง ค่าสินสอดก็ไม่เอา ก่อนที่ดิฉันจะมา แกยังจะแถมข้าวสารให้อีกเป็นกระสอบ แน๊!!! ไม่รู้ดิฉันว่าควรจะดีใจหรือว่าเสียใจดี จากคุณ : -คำเพียงตา- - [ 19 ธ.ค. 50 04:38:35 A:76.174.11.197 X: ]

ความคิดเห็นที่ 75 อ่า มันเป็น ซาเตป แบบนี่ครับ 1. ฝรั่งส่วนใหญ่รวย 2. หญิงไทยเลวๆชอบผัวรวยๆ 3. หญิงไทยเลวๆก็ได้ผัวฝรั่ง 4. ฝรั่งเจอแต่หญิงไทยที่ไม่ดี 5. ฝรั่งมันก็เหมาเอาว่าหญิงไทยเลว (ซึ่งก็เลวจริงเฉพาะบางคน) แต่ก็ดีสำหรับ ช.ไทย ที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เพราะ ฝรั่งมาแย่ง ญ. ไทยไปหมด ช.ไทย (ทั้งดีและไม่ดี) ได้รับผลกระทบ หาญ.ยากขึ้นเลย จากคุณ : ธีรภัทร์2 - [ 19 ธ.ค. 50 07:02:57 ]

ความคิดเห็นที่ 76 อ่านตั้งแต่เมื่อวาน วันนี้เป็นกระทู้แนะนำแย้ว เย้ๆๆ อ่านแล้วปลงค่ะ เห็นด้วยกับความคิดเห็นที่ 65   สังคมไทยสมัยนี้เป็นสังคมวัตถุนิยมไปเสียแล้วค่ะ คนจำนวนมากอยากมี อยากรวยเสียจนน่าเกลียด อืมม น่าคิดๆ จากคุณ : เข้ามาเอี่ยว (โซบะคุง) - [ 19 ธ.ค. 50 07:08:58 ]

ความคิดเห็นที่ 77 No Comment ปัญหาโลกแตก ถึงจะเล่าเรื่องนี้ต่อไปอีกสัก 20ปี  มันก็ยังคงมีคนประเภทนี้อยู่ อยู่ดีนั่นแหละ เพราะมันเกิดจากการปลูกฝังของคนรุ่นเก่า ไม่ต้องแต่งงานกับฝรั่งก็ได้ พวกปลิงประเภทนี้ ไม่ได้มีอยู่เฉพาะในสังคมรากหญ้าหรอก มันมีอยู่ทั่วไปนั่นแหละ แล้วแต่ว่า มันจะแฝงมาเนียนได้แค่ไหน เท่านั้นเอง จากคุณ : Scooterella - [ 19 ธ.ค. 50 07:59:02 ]

ความคิดเห็นที่ 78 เข้ามาชื่นชมคุณคิงเพนกวิน ที่มีใจเป็นห่วงคุณยาย  คุณน่ารักมากที่ไปช่วยดูแลคุณยายบ้าง และก็สงสารคุณ ล ที่โชคร้ายมีญาติแบบนั้น ได้ยินเรื่องแบบนี้มาเยอะในห้องไกลบ้าน ต้องขอเอาใจช่วยลูกผู้หญิงทุกคนที่ต้องทำงานหนัก ส่งเงินไปให้ที่บ้านโดยไม่ปริปาก ถ้าต้องจำใจทำ ไม่กล้าบอกที่บ้านให้หยุดขอ ดิฉันก็เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมไม่กล้าทำ... ให้ถือซะว่าเป็นความลำบากที่เป็นบุญนะคะ คนมีความกตัญญู ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ค่ะ อาจจะลำบากทุกข์ใจในตอนนี้ แต่คงมีวันได้สบายและมีความสุข เมื่อบุญตามทันค่ะ ส่วนผู้หญิงที่หลอกฝรั่ง หลงระเริงไปกับวัตถุ สักวันผลกรรมก็คงตามทันเหมือนกัน เฮ้อ...สงสารแม่ตัวเอง มีเขยฝรั่ง 2 คน  - - เรากับพี่นะคะ ไม่ใช่ว่าเรามีสามี 2 คน : ) - -  ก็ไม่มีเงินให้มาเกาะ แถมบางทีเราต้องไปเกาะพ่อกับแม่กิน เพื่อให้ท่านมีความสุข กับการได้เลี้ยงลูก และได้เลี้ยงลูกเขยตัวโตๆ เราจะให้เงินก็ไม่เอา ต้องแอบๆซื้อเป็นของให้ .... อ่านเรื่องแบบนี้แล้วรักพ่อกับแม่ตัวเองจัง จากคุณ : Crazy Victoria - [ 19 ธ.ค. 50 08:49:37 ]

ความคิดเห็นที่ 79 น่าสงสารคุณ ล และคุณฝรั่งสามีค่ะ ถ้าคุณ ล เป็นคนเข้มแข็งอีกนิดในเรื่องญาติพี่น้อง ปัญหานี้ก็คงไม่เกิดขึ้น คุณฝรั่งก็เป็นคนดีนะคะ ทนมาได้ตั้ง 7 ปี ถ้าเป็นคนอื่นคงจะเปิดแนบไปแล้วตั้งแต่ปีแรก ๆ ที่แต่งงานกันแล้วค่ะ จากคุณ : หมูหวาน - [ 19 ธ.ค. 50 09:15:50 ]

ความคิดเห็นที่ 80 เฮ้อ อ่านแล้วก็ได้แต่ปลงอนิจจังค่ะ เท่าที่อ่านดู ก็เหมือนคุณ ล. เองก็ไม่ค่อยเกรงใจคุณคิงฯเหมือนกัน เรื่องแบบนี้ มันอยู่ที่การศึกษา และการอบรมเลี้ยงดูค่ะ บอกก่อนนะคะ ว่าไม่ได้จะมาเหยียด หรือดูถูกอะไร เพียงแต่ว่า บางคนได้รับการอบรมมาให้รับตลอดเวลา มีความคิดฝังหัวว่าตัวเองจน ตัวเองน่าสงสาร และการที่จะรับของๆคนอื่นมาโดยไม่ได้ตอบแทนอะไรนั้น เป็นสิ่งที่ถูกต้อง เพราะเราจนส่วนเขารวยนี่ ทำให้ไม่มีความเกรงใจ ไม่มีความยับยั้งชั่งใจ ว่าของนั้นไม่ใช่ของเรา คิดง่ายๆว่า คนอื่นมีคนอื่นได้มากกว่าตัวเอง แบ่งมานิดหน่อยไม่เป็นไรหรอก ทั้งๆที่ คนที่มีมากกว่า เขาทำมาหากินมาด้วยความเหนื่อยยากแท้ๆ ส่วนตัวแล้ว คิดว่า คุณ ล. คงปล่อยวางเรื่องญาติพี่น้องไม่ได้หรอกค่ะ ตอนนี้ ตัวคุณ ล. คงคิดว่า ตัวเองมีมากกว่าแบ่งให้ก็คงไม่เป็นไร ไม่ได้ฉุกคิดว่าสิ่งที่ตัวเองมีนั้นไม่ได้มาจากน้ำพักน้ำแรงตัวเอง เป็นเงินทองของสามีแท้ๆ ความคิดของคุณ ล. นั้นก็เป็นผลมาจากการอบรมที่ฝังรากลึกมายาวนานเกินสามสิบปีเช่นกัน จะให้ลบหายไปง่ายๆได้ภายในวันเดียว คงไม่มีทาง อีกประเด็นที่อยากจะพูดคือ การให้"เกินพอดี"ของคุณ ล. แม้ว่าการช่วยเหลือคนอื่นจะเป็นสิ่งที่ดี แต่ก็ควรจะช่วยเมื่อจำเป็นค่ะ ไม่ใช่เอะอะอะไรก็ช่วย อะไรก็ให้ แบบนั้นมันทำร้ายคนรับโดยไม่รู้ตัว ต่อไปเขาจะไม่ช่วยอะไรตัวเองเลย ถึงเวลาก็นอนรอรับความช่วยเหลือ เป็นปลิงเกาะคนอื่นต่อไป เชื่อเถอะค่ะ ว่าต่อให้ คุณ ล. ไม่เลี้ยง ไม่ส่งเสียเงินทอง เขาก็มีปัญญาเอาตัวรอดเองได้ เมื่อก่อนที่คุณ ล. ยังไม่แต่งงาน ทำไมเขาเลี้ยงตัวเองได้ล่ะคะ หรือเกาะแม่กินมาตลอด? โอกาสน่ะ มีไม่เท่ากันหรอกนะคะ ใครโชคดีคว้าได้ก็ดีไป แต่ถ้าได้มาแล้วไม่รักษา พอเราเสียมันไปแล้ว มานั่งคร่ำครวญเสียดายทีหลังก็สายไปเสียแล้วล่ะค่ะ จากคุณ : จันทร์ฉายแสง - [ 19 ธ.ค. 50 09:28:35 ]

ความคิดเห็นที่ 81 ต้องโทษการอบรมเลี้ยงดูของพ่อแม่นี่ล่ะ ลูกโตมา ถึงไม่มีจิตสำนึกกตัญญูรู้คุณกับแม่ตัวเองเลย โดยเฉพาะลูกชาย ลูกสาวก็ซื่อเหลือเกิน ปล่อยให้พวกพี่น้องชายสูบเลือดอยู่นั่นล่ะ  เวรกรรม จากคุณ : tormay - [ 19 ธ.ค. 50 10:50:40 ]

ความคิดเห็นที่ 82 ขอนอกเรื่องนิดนึงนะคะ พอได้อ่านเรื่องที่ จขกท. แล้วสะกิดใจตัวเองอย่างบอกไม่ถูก เพราะมันเหมือนประสบการณ์ตรงจากแม่ของเพื่อนทีเค้ามาเล่าให้ฟัง ตากับยายของเพื่อนมีลูก 7 คน เสียไป 1 ก็เหลือ 6 โดยแม่เพื่อนเราเป็นลูกคนโต เพื่อเล่าว่าตั้งแต่เด็กๆ ก็มีแม่เค้านี่แหละที่ช่วยตายายทุกอย่าง น้องๆ (มีศักดิ์เป็นน้า แต่เพื่อนเราบอกว่าเกลียดเข้าใส้ เอากะมันสิ) ก็ได้สบายหน่อย ไม่ต้องทำอะไรมาก พอโตหน่อยพวกน้องของแม่แต่งงาน (ตรงไปก็ขอโทษนะคะ) แล้วก็มีลูก...แต่เอาตัวเองไม่รอดเพราะตอนเด็กๆ ไม่ได้รักเรียน.. สุดท้ายก็ต้องเอาลูกๆ มาฝากไว้กับตายาย...ให้ตายายของมันเลี้ยง ทุกวันนี้ตาของเพื่อนเสียไปแล้วด้วยโรคมะเร็ง เหลือคุณยายคนเดียว คนที่เลี้ยงที่ดูแลกันมาตลอดก็มีแต่แม่กับน้าอีกคนนึงเท่านั้น... แล้วน้าคนนี้ อยู่ ตจว. นานๆ มาที...ง่ายๆ คือ แม่เพื่อนดูแลเองทั้งสิ้น 4 คนที่เหลือ เวลาตากับยายไม่สบายแทบจะไม่เคยมาดู เงินก็ไม่เคยช่วยเหลือที่จะเลี้ยงดูพ่อแม่ตัวเอง ตอนเช้าแม่มันต้องไปทำงาน จะให้น้าคนหนึ่งไปซื้อข้าวเช้าให้ยายมันกิน ยังต้องจ้างไปซื้อให้ กลางวันให้หลาน(ที่ไม่ทำงาสน)มาช่วยดูแลยายมัน ก็ยังต้องจ้าง แถม 1 ในนั้น ตอนงานศพตา มีใส่ซองช่วยงาน แอบงุบงิบซองไปเสียอย่างนั้น... เพื่อนเราโคตรจะแค้น...มานบอกเข้าใจถ่องแท้เลยกับคำว่า ...พ่อแม่ เลี้ยงลูก 10 คนได้ แต่ลูก 10 คน เลี้ยงพ่อแม่ไม่ได้... ทุกวันนี้มันกะญาติทางแม่ไม่ถูกกันเพราะมันด่าไม่เกรงใจ มันบอกถือว่าเป็นลูกอกตัญญูกันหมด...แถมทำให้แม่มันลำบากมากขึ้น.. ทุกวันนี้มันทำงานหามรุ่งหามค่ำทุกวันเพื่อช่วยแม่มันนี่แหละ.... น่าเห็นใจ... จากคุณ : นู๋แคท (Pussy_kittycat) - [ 19 ธ.ค. 50 11:08:22 ]

ความคิดเห็นที่ 83 เห็นด้วยกับ #80 มากครับที่ว่ามันขึ้นกับ การศึกษาและการอบรมเลี้ยงดู แล้วผมว่าอยากให้นำกระทู้นี้ไปเผยแพร่ด้วยน่ะครับ เพราะว่า ในความคิดผม คนในห้องนี้คงไม่เป็นแบบนี้หรอกครับ ขึ้นกระทู้แนะนำก็มีแต่คนในนี้อ่าน แล้วคนส่วนใหญ่ที่เป็นแบบที่ จขกท. เขียน คงไม่มีโอกาส หรือการศึกษาพอที่จะหลุดเข้ามาอ่านได้หรอกครับ จากคุณ : Big_8888 - [ 19 ธ.ค. 50 11:20:45 ]

ความคิดเห็นที่ 84 ตั้งแต่แต่งงานกับแฟนชิวิตส่วนมากก็ต้องวนเวียนอยู่กับชาวต่างชาติ ที่ส่วนมากมีแฟนที่เคยขายบริการหรือเป็นสาวบาร์มาก่อน แล้วยิ่งมีลูกเราก็ย้ายมาอยู่ที่อพาร์ทเมนต์ของที่ทำงานแฟน เพราะคิดว่าง่ายที่จะหาคนมาเลี้ยงลูกตอนที่เราต้องกลับไปทำงาน และแฟนก็จะแวบมาดูเมื่อหร่ก็ได้ พอเอาเข้าจริงๆ ไม่ผ่านซักคนเลยค่ะ ที่จริงพวกเค้าก็โอเคถ้าคบผ่านๆนะ แต่ถ้าจะให้ทิ้งลูกไว้ด้วยก็ไม่ไหว กลัวลูกจะเป็นอย่างคนเลี้ยง ว่าจะย้ายออกเร็วๆนี้แล้ว อ่ะ เข้าเรื่องๆๆ ได้ฟังพวกเค้าคุยกันแล้วก็อนาถใจ ไม่ค่อยจะเคารพแฟนตัวเองกันซักเท่าไหร่เลย แถมบางคนยังคุยด้วยความภูมิใจอีกว่าเนี่ย..ยังมีคนคอยส่งเสียอยู่ที่เมืองนอกอีกตั้งสอง สามคน บางคนปอกลอกเค้าไปเยอะก็ตีจาก บางคนก็หยิ้งงงงหยิ่ง ไม่ยอมคุยกะคนไทยด้วยกัน หรือจะคุยก็คุยภาษาอังกฤษ แม่คุณขาอยู่เมืองไทย คุยกะคนไทย ใช้ภาษาไทยก็ได้ แถมสำเนียงฟังไม่ค่อยรู้เรื่องอีกตะหาก แล้วไม่นานมานี้มีเรื่องตื่นเต้นอีก เพราะแฟนของฝรั่งที่อยู่ในอพาร์ตเมนต์เค้าทะเลาะกับแฟนแล้วเอาขวดทุบหัวผู้ชาย ผู้ชายเค้าก็เลยบอกว่าชั้นไม่อยากอยู่กับเธอแล้ว เธอก็บอกว่างั้นเอาเงินมาให้ชั้นสามหมื่น ฉันถึงจะไป ผู้ชายก็ให้นะ...แต่ไม่จบ วันต่อมาเธอกลับมาอีก แต่เงินสามหมื่นเอาไปเล่นพนันหมดแล้วและจะกลับมาอยู่เหมือนเดิม แน๊..เนียนมาก แต่ผู้ชายไม่ไหวแล้วเค้าก็เลยมาตามยามให้เอาตัวออกไป ตอนนี้ผู้หญิงคนนี้เข้ามาในเขตที่ทำงานไม่ได้แต่ยังวนเวียนอยู่แถวๆ นี่แหล่ะ และนี่คือสิ่งที่เราเกลียดที่สุดคือ เวลาไปไหนถ้ามีคนรู้ว่ามีแฟนฝรั่ง เค้าจะถามเลยว่าแฟนให้เงินเดือนล่ะเท่าไหร่ เราก็ตอบไปว่าไม่มีหรอกค่ะ ใช้เงินด้วยกัน เค้าก็จะทำหน้าแปลกๆ แล้วถามว่าเค้าไม่ให้อะไรเลยเหรอ แน๊ๆๆๆ จะพูดเป็นนัยๆว่าแฟนชั้นจนล่ะซิ เราก็บอกว่าก็อยู่ด้วยกันทำไมต้องจ่าย ไม่ได้รับจ้างนอนกับเค้านะ หรือไม่ก็พูดว่า ทำไมยังทำงานอยู่ แฟนเค้าไม่ให้อยู่บ้านเฉยๆเหรอ เราก็ตอบแบบว่า ไม่ได้หรอกค่ะ อยู่บ้านเฉยๆ นอนใช้เงินเค้าไปวันๆ มันทำใจได้ ที่บ้านไม่ได้สอนมาให้เกาะใครกิน ตอกไปแรงๆ เลยจะได้ไม่ถามซอกแซกอีก ร่ายมายาว เอ๊ะๆๆๆ ไม่ค่อยเกี่ยวกะหัวข้อกระทู้เลย ไม่ว่ากันนะคะ แค่เล่าสู่กันฟัง เซ็ง เพราะวันๆ ก็ไม่ได้ทำอะไร อยู่แต่ในห้องกะลูกชาย ไม่กล้าออกไปข้างนอก กลัววว เพราะเราไม่รู้จะคุยอะไรกับพวกเค้า เหมือนคุยกันคนล่ะภาษา เพราะหลายครั้งทัศนคติในการดำรงชีวิตมันไม่ตรงกัน แฟนก็ไม่ค่อยอยากให้ไปสุงสิงมาก เพราะนินทากันกระจาย เลยอยู่เฉยๆ ดีกว่าเนอะ!! จากคุณ : brokensilence - [ 19 ธ.ค. 50 11:27:27 ]

ความคิดเห็นที่ 85 มันอยู่ที่ตัวบุคคลด้วยแหล่ะน่อ.......อันนี้ไม่ค่อยเกี่ยวกะเรื่องสาวไทยกะสามีฝรั่ง แต่คล้ายกันเรื่อง วัฒนธรรมเกาะแดร๊กส์ ญาติฝ่ายแม่เราก็ชอบมาขอยืมเงินแม่เราตั้งแต่เราจำความได้ ก่อปัญหาให้ตามเช็ดตามล้างก็นับครั้งไม่ถ้วน ทั้งๆที่บ้านเราก็ไม่ได้รวยซักหน่อย(แค่อยู่กรุงเทพฯแต่ญาติๆอยู่ต่างจังหวัด)...แม่เราก็ดั๊นเป็นคนใจอ่อน ขอมา ก็จัดห้ายยย... จะว่าฝ่ายญาติๆไม่มีการศึกษา เอ๊ะ ก็ไม่ใช่อีก ทุกคนจบ ป.โทกันทั้งนั้นอ่ะ(เข้าทำนองเรียนอยู่นั่น ไม่ทำงานซะที)แถมพวกลูกๆเค้าก็โตๆกันแล้ว ก็ยังเกาะพ่อแม่อยู่ ทั้งๆที่ แต่งงานมีลูก มีสามี ก็ไม่เห็นทำงานทำการอะไร (แต่ก็งงๆอยู่ว่าทำไมคนพวกนี้ใช้เงินเก่งจัง ใช้มากกว่าครอบครัวเรา บ้านช่องก็ดีกว่าครอบครัวเรามาก) แต่พอเรากับพี่ๆน้องๆโต เค้าก็ไม่กล้ามาอะไรกับแม่เราแล้วค่ะ ลองมาสิ อิชั้นจะด่าให้เสียผู้ใหญ่เลย จะป้า จะน้าก็มาเลย ไม่เคยทำบุญคุณให้กันอยู่แล้ว...จะมารังแกแม่ชั้น ก็ข้ามศพชั้นไปก่อน...ออกแนวโหดเลยนะนี่-*- ปล.อิชั้นยังโสดนะก๊ะ แก้ไขเมื่อ 19 ธ.ค. 50 12:33:35 จากคุณ : ศาลาคนแซ่บ - [ 19 ธ.ค. 50 12:22:25 ]

ความคิดเห็นที่ 86 อ่านไปก็ได้แต่ปลงไป บางตอนราวกับนิยาย ไม่น่าเชื่อว่านี่คือเรื่องจริง สงสารคุณยายมากๆ ส่วนคุณ ล น่ะ ผมไม่รู้สึกสงสารเลย เพราะตัวเองทำตัวเองแท้ๆ ผมว่าดีแล้วแหละที่ออกมาเป็นแบบนี้ เพราะไม่อย่างนั้นก็คงไม่เป็นอุทาหรณ์และ จขกท. นำมาเล่าให้เราฟังอย่างนี้หรอก จริงไหม? ผมว่าเรื่องการศึกษามันก็มีส่วน แต่ก็นั่นแหละ คนมีการศึกษาบางคนก็ยังทำเรื่องที่ไม่ดีได้เหมือนกัน อีกประเด็นหนึ่งก็คงจะเป็นเรื่องเงินนั่นแหละ เำพราะเมื่อแปลงเงินกลับเป็นเงินไทยแล้ว ก็หอมหวานกันใช่ไหม ค่ามันมากโขอยู่นะ ฝรั่งเค้าก็รู้ ผมเคยคุยกับเพื่อนฝรั่งบางคน มุมมองเค้าก็ยังมองเราต่ำต้อยอยู่นะ คือเค้าก็ดูจากค่าเงินเราเทียบกับเงินเค้าอ่ะน่ะ อย่างผมมาเรียน เค้าก็ประมาณถามว่า ทำไมเรียนที่นี่ แพงนะ อะไรทำนองนั้น เราก็ เออ ตังค์กรู ซึ่งผมก็ไม่เถียง บางคนอาจจะว่า ทำไมต้องมาเรียนที่เมืองนอก ก็อีกนั่นแหละ ส่วนหนึ่งมันก็อาจจะเทียบเคียงได้กับ สาวไทยกับหนุ่มฝรั่งได้เหมือนกัน มันคงเป็นค่านิยมที่คิดว่า นี่คือสิ่งที่ดีกว่า อะไรทำนองนั้น ทำอย่างไรได้ คนเราก็อยากจะได้สิ่งที่ดีสำหรับตัวเองทั้งนั้นจริงไหม? ซึ่งมันก็ไม่ผิด แต่ก็ควรจะพอประมาณ ไม่น้อยไป และไม่ให้ถึงกับมากเกินเลยไป หรือเออออเป็นไปตามนิยาม "กตัญญู" 2 ข้อ ที่ จขกท. ยกมา้เลยครับ จากการที่ฝรั่ง (บางคน) คิดว่าเราต่ำต้อยปานนั้น บวกกับการที่สาวไทย (ที่ไม่ดี) ไปทำชื่อเสีย(ง) กันไว้ มันก็เลยยิ่งส่งผลลบมากขึ้น อย่างวันก่อน น้องคนไทยที่รู้จักกันไปปาร์ตี้กับแฟน(ฝรั่ง) ที่นึง กลับมา น้องก็มาเล่าว่า เสียความรู้สึกมากๆ เพราะว่ามีฝรั่งคนหนึ่งมาชวนคุย แล้วก็พยายามเลียบๆ เคียงถามว่ามาทำอะไร น้องเค้าก็ว่า มาเรียน เท่านั้นแหละ ฝรั่งคนนั้นถามเลยว่า แฟน(ฝรั่ง)ออกเงินให้เหรอ น้องเค้าก็ เอ๊ะ อะไร เพราะน้องเค้าก็ออกเงินค่าเรียนเอง ไม่ได้ "ไถ" เงินจากใคร (นอกจากพ่อแม่ของน้องเค้า) หรือฝรั่งหน้าไหนด้วย แบบว่าโมโหมาก ก็ได้แต่บอกไปว่า อยู่เมกามา 2 ปี ไม่เคยเจอใครถามคำถามไร้มารยาทอย่างนี้เลย เพิ่งจะมียูนี่แหละคนแรก! อาจจะออกความเห็นไม่ค่อยเกี่ยวกับเรื่อง "เกาะแดก" เท่าไหร่นัก ขออภัยด้วยเจ้า.. จากคุณ : เซ็งเมกันรุ่นอมยิ้มชำรุด - [ 19 ธ.ค. 50 13:04:41 A:140.209.21.144 X: TicketID:163440 ]

ความคิดเห็นที่ 87 จะว่าไปไม่ต้องมีแฟนฝรั่งต่างชาติหรอก แค่รู้ว่าถ้าคุณทำงานที่เมืองนอก กล้บบ้านไป ก็จะมาขอตังแล้ว ถ้าเมื่อไหร่ได้ขึ้นชื่อว่า มาอยู่เมืองนอก พวกคนที่เมืองไทยมักจะคิดว่าคุณมีตังเมื่อนั้น ญาติที่ไม่เคยเจอมา หลายปีดีดัก ถ้าได้ข่าวว่าคุณจะมา มักจะอยากมาเยี่ยมซะงั้น คนบางจำพวก เกิดมาเพื่อเป็นปลิงของแท้ จะแปรผันไปเป็นอย่างอื่นไม่ได้ แถมพ่อแม่บางคน เสี้ยมสอนให้ลูกตัวเองไปเกาะชาวบ้านอีกต่างหาก ถ้าหากญาติพี่น้องคนไหนพอมีเงิน ก็อยากจะให้มาประจบสอพลอ ชอบใช้คำว่า เห็นแก่พี่ แก่น้อง คนโบราณชอบบอกว่า พี่น้องเหมือนแขนขา ผัวเมียเหมือนเสื้อผ้า ในบางกรณี ต้องบอกว่า เสื้อผ้ามันยังทำให้ร่างกายอบอุ่น แต่ไอพวกแขนขาทั้งหลายถ้ามันเป็นมะเร็งก็ควรจะตัดมันทิ้งไปซะ ไม่อย่างนั้นถ้ามันลามไปทั่วร่างกาย คนที่ตายก็คือเรา ฉะนั้นอย่าไปเสียดายเลย เพราะถึงตัดส่วนที่เป็นมะเร็งไป ชีวิตเราก็ยังคงดำรงอยู่ไปได้ เท่ากับเราช่วยชีวิตตัวเราเอง จากคุณ : Scooterella - [ 19 ธ.ค. 50 14:05:32 ]

ความคิดเห็นที่ 88 เอ เราเป็นปลิงมั้ยนี่ กลับเมืองไทยบ่อยมาก และเลี้ยงอาหารญาติ ทุกครั้งที่ไป สิบกว่าคน เขาจ่ายประมาณ สองพันถึงสามพันบาท เราว่ามันไม่มากมายอะไร ได้ให้ความสุขกับญาติ เพราะที่นี่ เวลาไปกินข้าวนอกบ้านที หารกันตกคนละอย่างต่ำ 30 ปอนด์ สองคนผัวเมียก็ หกสิบเจ็ดสิบปอนด์ มันมากกว่าเราจ่ายให้ญาติเราสิบกว่าคนอีก เลยไม่มีปัญหาอะไร หากปัญหา ตามมาเยอะ เราต้องใช้สติปัญญาไตร่ตรอง อันไหนควร ไม่ควร มีเพื่อนคนไทยแบบคุณ Lilla-joy อยู่หลายคนที่เมืองนี้ เขาตั้งใจทำงาน ส่งเสียทางบ้านให้ทุกคนมีความสุข ดิฉันว่า มันน่ายกย่องเขา ที่แบ่งปันให้ญาติ ๆ บ้าง ตามอัตภาพ ดีกว่าบางคนที่คิดแต่จะ เอาสบายแต่ตัวเป็นพอ แล้วไปตำหนิ คนอื่น ที่ทำดีกับญาติเขาว่าเป็นคนไม่ดียังงั้น ยังงี้ ถึงพ่อแม่จะร่ำรวยขนาดไหน หากลูกหยิบยื่นเงินให้ เล็กๆ น้อยๆในโอกาสสำคัญ ท่านจะดีใจมาก อย่างน้อยก็ได้เห็นว่าลูก คิดถึง อยากหยิบยื่น จากคุณ : แฟนปลดล็อก - [ 19 ธ.ค. 50 14:47:31 A:78.151.136.55 X: TicketID:161423 ]

ความคิดเห็นที่ 89 ลงชื่ออ่าน วัฒนธรรมแบบไทยๆ การช่วยเหลือญาติพี่น้อง กี่ปีกี่เดือนก็ไม่เปลี่ยน ช่วยเท่าที่ตัวเองและครอบครัวไม่เดือดร้อน จะเป็นการดี ถ้าพ่อบ้านต้องหาเลี้ยงคนเดียว จะกินจะใช้ก็ให้คิดถึงใจคนที่หาเงินมาเลี่้ยงดูก็คงจะดี การสงเคราะห์ญาติเป็นสิ่งดีแต่ถ้ามากไปก็ไม่ดีแน่ จากคุณ : พนอจัน - [ 19 ธ.ค. 50 15:27:15 ]

ความคิดเห็นที่ 90 ก่อนอื่นขอบอกว่า กระทู้นี้เยี่ยม และโดนใจสาวไทยที่มีสามีฝรั่ง หรือกำลังจะมี(รวมทั้งเราด้วย..แต่ไม่รู้เมื่อไหร่ เหอๆ) โดยส่วนตัวเราคิดว่า วัฒนธรรม"เกาะแดก"นี้ มันอยู่คู่กันมากับค่านิยมผิดๆ ของสังคมไทย โดยเฉพาะสังคมคนต่างจังหวัด มานานแล้วล่ะค่ะ ที่เจอมากับตัว เพราะเราเองเป็นคนต่างจังหวัด(และมาจากแถวอีสานซะด้วย - -") เห็นเยอะค่ะ ตั้งแต่เป็นเด็ก จะได้ยินคนแถวบ้านคอยพูดชื่นชมคนที่ได้แต่งงานกับคนรวยๆ ไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือต่างชาติ ที่เห่อกันมากหน่อยก็คงจะเป็น"ฝรั่ง"นี่แหล่ะค่ะ หูย..ถ้าบ้านไหนลูกสาวเค้าได้สามีฝรั่งล่ะก็ เอาละหวา เริ่มมองกันแล้วว่า จะสร้างบ้านหลังใหญ่แค่ไหน จะส่งเงินให้พ่อแม่ ญาติพี่น้องได้มากแค่ไหน ว่ากันไปนู่น ตัวเราเองก็บังเอิญมีแฟนฝรั่งกะเค้าเหมือนกัน นานๆ ทีพากลับบ้านนอกไปเยี่ยมครอบครัวเรา ก็ยังมิวายโดนญาติๆ ถามว่า เมื่อไหร่จะได้แต่งซะที จะได้ให้แฟนมาสร้างบ้านหลังโตๆ ให้พ่อแม่ แล้วกะจะเรียกค่าสินสอดกี่ล้าน ถามไปถึงนู่น ฮ่วย ถามไรยังงั้นฟร่ะ คนทำงานนะเฟ้ย จะให้หาเงินที่ไหนมามากขนาดนั้น ไปแต่ละที ญาติๆ ก็จะคอย"แดกฟรี" ซึ่งอันนี้เราไม่โทษเค้าหรอก นานๆ กลับไปเยี่ยมบ้านที(ส่วนใหญ่ช่วงเทศกาล) จ่ายเลี้ยงดูปูเสื่อกันซักพันสองพัน ก็ยังพอได้น่า แต่ถ้าถึงขั้น"เติมไม่เต็ม" เราบอกจะเลี้ยงแค่นี้พอ ยังมีบ่นว่า กินไม่จุใจ(เป็นงั้นไป) เจอญาติบางคนมาขอตังค์ดื้อๆ ก็มี แต่เราไม่ให้ ก็จะเจอพูดว่า"มีแฟนเป็นฝรั่งทั้งที ทำไมขี้เหนียวจัง" เราต้องบอกเลยว่า ถึงจะมีแฟนฝรั่ง ก็ไม่ได้หมายความว่า ต้องมีเงินให้ใครง่ายๆ ฝรั่งก็คนเหมือนกัน ทำไมต้องมองเค้าเป็นแบงค์ห้าร้อย แบงค์พัน หรือธนบัตรเคลื่อนที่ไปได้ เฮ้อ.. โชคดีหน่อยที่ พ่อแม่เราไม่มีปัญหา ไม่บ้าเห่อ อยากสร้างบ้านหลังใหญ่ๆ อยากมีเงินมากๆ เพียงเพื่อ"เอาหน้าเอาตา" เหมือนคนอื่นเค้า เราเลยลดแรงกดดันไปบ้าง พี่น้องแท้ๆ ก็ไม่ค่อยมี แต่ก็นานที น้องชายก็มาขอยืมตังค์มั่ง(หลักพัน) แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไร เพราะเราใช้เงินของเรา ถือว่าช่วยๆ กันไป(แต่ถ้าบ่อยไปก็โบกมือลาวุ้ย) ได้ยิน ได้รู้ ได้เห็นเรื่องแบบนี้มามาก ได้แต่เห็นใจค่ะ เห็นใจทั้งฝรั่งและสาวไทย ถ้าฝรั่งบางคน รู้จักยับยั้งชั่งใจในการ spoil สาวไทยโดยการปรนเปรอเงินทอง และสาวไทยบางคนรู้จักการพอแก่การช่วยเหลือญาติพี่น้อง และลดค่านิยมเรื่อง"การมีหน้ามีตาด้วยเงินทอง" ทุกอย่างก็จะจบลงด้วยดี มีความสุข เราเองก็เคยถามแฟนเราว่า เคยได้ยินเพื่อนๆ เค้าพูดถึงสาวไทยว่าไงมั่ง เค้าบอกว่า เพื่อนเค้าส่วนใหญ่จะพูดว่า ถ้าคิดจะมีแฟนหรือแต่งงานกับสาวไทย ให้ทำใจเรื่องเลี้ยงทั้งครอบครัวไว้ได้เลย และจะต้องหมดเงินไม่รู้ที่สิ้นสุด(เวรของกรรม - -") แต่เค้าบอกว่า เค้าไม่สนหรอก เรื่องนี้อยู่ที่ตัวบุคคล ไม่ใช่ทั้งหมด "กตัญญู"นั้นเป็นสิ่งทีดี แต่ถ้า"กตัญญูฆาต" อย่างที่คุณคิงเพนกวิน ว่ามา มันก็ไม่ไหวค่ะ ตัวเราเองแหล่ะจะแย่ น่าสงสารคุณ ล ที่ต้องมาเจอแบบนี้ ปล.ชอบสำนวนการเขียนเล่าเรื่องของคุณคิงเพนกวินนะ เล่าได้กระชับ เห็นภาพ และฮาดี จากคุณ : Ain't no sunshine - [ 19 ธ.ค. 50 16:08:33 ]

ความคิดเห็นที่ 91 ให้พ่อแม่ค่ะ ให้มาตั้งแต่ทำงาน จนวันนี้ 10 กว่าปีแล้ว ช่วยน้องๆ บ้างตามกำลัง สงสารคุณพ่อทำงานคนเดียว ทุกวันนี้ก็ยังทำงานอยู่ ท่านแก่มากแล้ว อยากให้หยุด พ่อกะแม่ พี่น้องไม่เคยขอค่ะให้เอง ส่วนญาติๆ ไม่ต้องเอ่ย ไม่เคยให้อยู่แล้ว (เพราะตอนเราลำบากเค้าก้อไม่เคยช่วยเรา) กำลังจะย้ายไปอยู่กะแฟนที่ต่างประเทศ ก็จะส่งให้เหมือนเดิมค่ะ .... เรื่องปลิงของเจ้าของกระทู้ หน้าสงสารนะคะ เป็นเราเราก้อโกรธพวกญาติพี่น้องเห็นแก่ตัวแบบนี้ คุณ ล.แกก้อให้อย่างเดียวโดยลืมนึกถึงสามีไปซะ เวรกรรมค่ะ.. จากคุณ : audray - [ 19 ธ.ค. 50 16:09:55 ]

ความคิดเห็นที่ 92 เราคล้าย คห.91  ญาติคนอื่นไม่มีได้แอ้มเงินสามีเราเด็ดขาด เราเป็นคนดุและเด็ดขาด อีกทั้งแม่เราก็พูดอยู่เสมอว่า จะไม่ยอมให้ใครมาว่าครอบครัวเราไปเกาะเค้าเด็ดขาด ทุกวันนี้ก็ส่งให้แม่เท่านั้น เพราะแก่มากแล้ว เคยให้ยังไงตั้งแต่เริ่มมีงานทำก็ยังให้อยู่ ส่วนพี่ๆ ไม่มีได้แ้อ้ม เพราะเค้าก็ไม่เคยมามีบุญคุณอะไรกับเรา มีแต่แม่ที่ทำงานงกๆลำบากส่งเสียเราเรียน พี่ๆทุกคนรู้ดีและไม่กล้าที่จะเอ่ยปาก คงทั้งเกรงใจและรู้ว่าเราเป็นคนตรงและดุขนาดไหน เหอๆ ถึงแม้เรากำลังจะย้ายไปอยู่เมืองไทยเร็วๆนี้ แต่นโยบายเราเหมือนเดิม ไม่ก็คือไม่ น่าสงสารคุณ ล ที่เค้าไม่เด็ดขาด อ่านแล้วก็ได้แต่ร้องเฮ้ออออออออออออ จากคุณ : แก้มป่องแป่ง - [ 19 ธ.ค. 50 17:18:31 ]

ความคิดเห็นที่ 93 หลายๆอย่างที่คุณกล่าวมามันก็ถูกและเป็นเรื่องจริง น่าสงสารคุณ ล ที่ใจอ่อนกับญาติพี่น้องมากเกินไป เราเองก็มาจากครอบครัวใหญ่แต่งงานกับฝรั่ง พี่น้องบางคนก็ดี บางคนก็ปลิงจ้องแต่จะยืมเงินเพราะเห็นเราแต่งกับฝรั่งต้องมี สามี เราเองช่วยเหลือครอบครัวเรามามากเพราะพ่อแม่ลำบาก แต่เขาให้เเละช่วยในสิ่งที่จำเป็นไม่เคยจะมาโปรยเงินในเรื่องเพ้อเจ้อ น้องบางคนก็ด่าสามีเรา ว่าขี้เหนียว เค็ม ก็ปล่อยให้ว่าไป จนเราไม่ค่อยพูดกับน้องคนนี้เพราะจ้องจะเอาอย่างเดียว บางครั้งก็เครียด บางครั้งก็ปลงช่างเถอะต่างคนต่างอยู่ แต่ก็ไม่วายจะเดินมายืมเราตลอดพันสองพัน ไม่เคยได้คืนทุกครั้ง เเต่เราไม่เคยให้สามีรู้ก็เอาเงินเรานั่นล่ะ ทุกวันนี้มาอยู่ต่างแดนกลับไปเราไม่เคยอยากเจอ ล็อคประตูบ้านด้วยซ้ำถ้าเห็นว่ามาเพราะเรารู้เสียเงินเเน่ๆ(มีบ้านในรั้วเดียวกัน) ก็ไม่วายตะโกนยืม ตัดความรำคาญก็ให้ไปยืม2,000ให้1,000แล้วก็เเทงศูนย์ได้เลย ไม่เคยได้คืน ญาติๆห่างๆก็กลับไทยเมื่อไรเลี้ยงนั่น เลี้ยงนี่เราก็เงินเรานี่ล่ะนิดหน่อยไม่เป็นไร เราพูดเสมอว่าเราต้องทำงาน สามีก็ต้องทำงานไม่ได้ไปเดินเก็บเงินมาง่ายๆ พ่อเเม่เข้าใจตรงไหนจำเป็นเขาบอกเราให้ ไม่มากมายแต่อยู่ได้ไม่ลำบาก อนาคตหลังจากได้ซิติเซ่นก็คงกลับไปอยู่ไทยปลิงเหล่านี้ก็คงเวียนมาอีก เราก็คงปฏิเสธอย่างเดียว อาจจะเสียไม่ได้ให้บ้างนิดหน่อย แต่เราจะไม่ยอมให้มากระทบกับสามีเราเด็ดขาด อยากว่าว่าไป ให้เเค่ที่เราไหว เพราะสามีเราก็ไม่ได้เป็นเศรษฐีเขามีแปลนกับเรื่องเงิน มีเท่านี้ ควรใช้เท่าไรถึงจะไม่เดือดร้อน กรรมของเมียฝรั่ง จากคุณ : หญิงไทย - [ 19 ธ.ค. 50 18:53:40 A:68.56.196.83 X: TicketID:145360 ]

ความคิดเห็นที่ 94 ขอถอนความเห็นทั้งหมดค่ะ แก้ไขเมื่อ 20 ธ.ค. 50 05:32:48 จากคุณ : Water_1 - [ 19 ธ.ค. 50 21:33:04 ]

ความคิดเห็นที่ 95 อ่านแต่หัวกระทู้.. ไอ้เราก้อนึกว่านังคิงปันใจจากหนุ่มจีนไปให้หนุ่มฝรั่งตั้งแต่เมื่อไหร่ว้า.. จากคุณ : ว่านน้ำ - [ 19 ธ.ค. 50 22:36:55 ]

ความคิดเห็นที่ 96 เรียนคุณเจ้าของกระทู้ ว่าควรเปลี่ยนชื่อหัวกระทู้เสียใหม่ว่า อุทาหรณ์สำหรับเมียฝรั่งที่ยอมให้ญาติ ๆ ที่เมืองไทยมาเกาะแดก (ยาวและอาจแสลงใจได้คะ) แบบนี้ดีกว่ามั๊ยค่ะ ให้มันชัดเจนไปเลย เพราะว่าหลายคนในนี้ก็เป็นเมียฝรั่ง มีทั้งเข้ากฎ และไม่เข้ากฎของการเกาะแดกกกกกกกกกกกกก ของที่คุณสร้างสรรค์คำขึ้นมา ดีกว่ามั๊ยค่ะ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว เอาให้มันซะใจ สบายอารมณ์ไปเลย เหมือนยกภูเขาออกจากอกไปเลย ไม่ใช่อะไรหรอกค่ะ ดิฉันก็ไม่เห็นด้วยหรอกกับพฤติกรรมที่ว่า แต่ว่ารู้สึกว่าคุณจะเอามาเป็นอารมณ์มากไปหน่อยมั๊ยค่ะ กับเรื่องแบบนี้ เพราะดูจากคำพูดที่คุณใช้แล้ว ไม่รู้นะ ดิฉันอ่านแล้ว เหมือนคุณเคียดแค้นเอามาก กับพฤติกรรมอันนี้ ใช่คุณอาจจะเดือดร้อนที่เค้าต้องมาขอความช่วยเหลือจากคุณ และคุณก็ต้องช่วย แต่ก็ไม่มีใครบังคับให้คุณช่วยนี่ค่ะ เรื่องแบบนี้ ถ้าทำแล้วไม่สบายใจจนต้องมาระบายด้วยถ้อยคำรุนแรงแบบนี้ในเวบ ก็ไม่ต้องไปช่วยซิค่ะ จบ ถ้าช่วยแล้วมาประจานเค้าแบบนี้ เน้นว่าถ้อยคำที่ใช้ก็ค่อนข้างรุนแรง ลองกลับไปอ่านใหม่ ที่คุณเขียนเอง แล้วแบบนี้จะได้ประโยชน์อะไรขึ้นมาค่ะ ทำบุญ ทำความดีทั้งที ก็ทำแบบให้มันได้เต็ม ๆ ไม่ดีกว่าหรือค่ะ จากคุณ : Grace - Dusita - [ 19 ธ.ค. 50 23:22:14 ]

ความคิดเห็นที่ 97 ^ ^ ^ แล้วคุณมาเครียดแค้นอะไรกับหัวกระทู้ล่ะคะ  ในเมื่อถ้าคิดว่า ตัวเองไม่เข้าข่ายคุณจะเอามาเป็นอารมณ์อะไร   อิชั้นไม่เข้าใจค่ะ แล้วกระทู้ที่ตั้งไปแล้วมันก็คงเปลี่ยนหัวกระทู้ไม่ได้หรอกค่ะ มาพูดตอนนี้ก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร  และไม่เห็นว่ามีอะไรที่สมควร ต้องเปลี่ยนด้วย  ใช้ถ้อยคำรุนแรงไปไหม? แล้วแต่มุมมองค่ะ ถ้ามองอย่างได้แก่นสาร  มันก็ไม่รุนแรง  ถ้ามองแบบต้องการ ความสวยงามแต่แก่นสารไม่สำคัญมันก็รุนแรงค่ะ  แล้วแต่ มุมมอง   ก็เหมือนสิ่งที่คุณโพสนั่นแหละค่ะ  ลองกลับไปอ่านดูอีกครั้ง อ่านใหม่แบบเต็มๆ  คุณจะเห็นว่าไม่ต่างกันเลยเมื่อเปลี่ยนคนมอง และมองต่างมุม   คนอื่นมามองก็อาจจะเห็นได้ว่าคุณร้อนตัว หรือมาใส่อารมณ์อันไม่สมควร   ทั้งที่ใจจริงคุณอาจจะแค่หวังดี แค่อยากแสดงความคิดเห็นจริงไหมคะ? ดังนั้น....เคารพสิทธิการในโพสของกันและกัน  หากว่า ข้อความดังกล่าวไม่มีส่วนทำให้คุณเสียหาย   เว้นแต่คุณ ระบุตัวเองลงไปในข่ายที่อิชั้นประนาม   และอิชั้นก็ไม่ได้คิดว่ากำลังทำบุญหรอกค่ะ   ไม่ชอบทำ บุญเกินตัว   ไม่ชอบแบกภาระแบบโง่ๆ  สิ่งที่มาเล่านั้น คุณ ล เห็นชอบด้วย    ต้องการให้เป็นอุทาหรณ์กับคนที่ คิดว่าเรื่องนี้มีคุณค่า    แต่สำหรับคนที่ไม่เห็นไม่คุณค่า เพราะไม่ใช่เรื่องของตนเอง    และสามารถประคองชีวิตคู่ ได้ดี   ทนแรงเสียดทานทางสังคม  หรือ สามีทนปลิง ไม่ก็สามีใจบุญสุนทาน  เข้าใจความยากจนไปถึงสันดาน ของฝ่ายภรรยาได้  ก็ไม่จำเป็นต้องปรับปรุงอะไรหรอกค่ะ เพราะนี่มันก็แค่เรื่องเล่าเรื่องหนึ่ง  กระทู้ๆ หนึ่ง  หากคุณ ไม่ได้อะไรจากเรื่องนี้เลย   มันก็ไม่สร้างประโยชน์อันใด ให้คุณหรอกค่ะ ขอบคุณในคำติชม...นะคะ อนึ่งสำหรับผู้ทีเข้ามาอ่านกระทู้  แบ่งคนออกเป็นหลาย ประเภท 1.ประเภทอ่านแบบข้ามๆ จับใจความไม่ทันรู้เรื่องก็ออกความเห็น มันก็สะท้อนสมาธิในการอ่านและการควบคุมอารมณ์ตนเองออกมาค่ะ 2.ประเภทอ่านอย่างตั้งใจ  และเข้าใจในสิ่งที่สื่อสาร มีระดับอีคิว  แยกแยะระหว่างเรื่องเล่ากับชีวิตของคุณออกจากกันได้ ไม่ใช้อารมณ์ในร่วมในการอ่านหากพบเห็น  สิ่งที่กระทบหรือ คล้ายคลึงชีวิตตนเองเข้า 3.อ่านแล้วผ่านเลย...เพราะไม่เข้าใจจุดประสงค์ของเจ้าของกระทู้ อินเทอร์เน็ตนั้นเป็นสื่อกว้างที่ไม่ใช่มีเฉพาะผู้มีการศึกษาเท่านั้น ที่เข้ามาเยี่ยมชมกระทู้ได้หรอกค่ะ   ปัจจุบันมีหญิงไทยจำนวนหนึ่ง ที่ใช้อินเทอร์เน็ตในการหาคู่เป็นชาวต่างชาติ 4.บุคคลต่างๆ ที่มีเรื่องคล้ายคลึงในกระทู้  หรือมีสามีเป็นคนต่างชาติ หรือมีญาติที่ยึดแน่นอยู่ในพฤติกรรมปลิง   หรือตนเองมีความสุข กับการเป็นคนหน้าใหญ่   กระทู้เพียงแต่ตีแผ่เรื่องๆ หนึ่งออกมา โดยใช้นามสมมุติมิใช่ชื่อจริงของใครแต่อย่างใด  จึงไม่ถือเป็นการ ประจาน(ด้วยความเคารพช่วยแยกแยะให้ออกด้วยนะคะ)  และ ถือเป็นกรณีศึกษาที่แนะนำให้เอาไปขบคิด   กระทู้นี้จะเกิดประโยชน์กับเฉพาะผู้ที่เห็นประโยชน์ของมันเท่านั้น หากไม่เห็นประโยชน์หรือสาระใดๆ จากกระทู้นี้   กรุณาอ่านแล้ว ผ่านเลย   อย่านำมาใส่ใจหรือเต้นเป็นเจ้าเข้า   เพราะอิชั้นยกตัวอย่าง เรื่องคุณ ล   ไม่ใช่เรื่องของใครคนใดคนหนึ่งในที่นี้ขึ้นมา   ส่วนการที่คิดว่าเป็นการดูถูกหรือไม่   ลองถามสังคมส่วนใหญ่ดู หากเห็นว่าดีงามจงปฏิบัติต่อไป   ผลบุญหรือรอยกรรมจะตกแก่ท่าน ตามแต่การกระทำของเจ้าของกรรมนั้นๆ เอง ขอบคุณค่ะทุกท่าน  ที่อ่านมาถึงความคิดเห็นนี้.... ปล.จริงๆ แล้วยังมีเรื่องเปรตแย่งซองทำบุญงานศพคุณพ่อ คุณ ล ด้วยนะคะ   จนตาฝรั่งต้องเป็นคนเก็บซองเองแล้วนำมาให้คุณยาย  ไม่เช่นนั้นญาติปลิงจกหมด....แล้วแบบนี้จะไม่ให้ฝรั่งเขารังเกียจได้ยังไง จากคุณ : คิงเพนกวิน - [ 20 ธ.ค. 50 00:03:41 ]

ความคิดเห็นที่ 98 .. แก้ไขเมื่อ 20 ธ.ค. 50 00:21:50 จากคุณ : Grace - Dusita - [ 20 ธ.ค. 50 00:16:18 ]

ความคิดเห็นที่ 99 OMGGGGGGGGGGGGGGGGGGGGGGG!!!!! are you ok?   Merry Christmas and Happy New Year Wish you the very best for 2008 จากคุณ : Grace - Dusita - [ 20 ธ.ค. 50 00:18:31 ]

ความคิดเห็นที่ 100 อย่างนี้เจอมามากพอสมควรค่ะ มีอีกประเภทนึงที่เป็นเมียเช่าเค้าแล้วปล่อยให้ท้องจะได้จับติดแบบถาวร เฮอ ปัญหาโลกแตกจริงๆค่ะ คนเรามันมีปัญญาไม่เท่ากัน บางคนถึงเค้าไม่มีการศึกษาแต่ก็มีความคิด แต่บางคนสิการศึกษาก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย T_T" จากคุณ : หลานสาวชาวนา - [ 20 ธ.ค. 50 01:52:00 ]

ความคิดเห็นที่ 101 คุณคิงเพนกวินเลยแย่เลย ถูกขอให้ไปดูแลคุณยายยังกะเป็นลูกเป็นหลานแน่ะ น่าอดสูที่ลูกหลานแท้ๆไม่มาดูแล นี่คุณเป็นคนอื่นยังมีกะจิตกะใจไปดูท่าน เป็นดิฉันก็คงจะโกรธมากเหมือนกัน แต่แก้ไขอะไรไม่ได้จริงๆนะแบบนี้ เพราะมันฝังรากหยั่งลึก คงจะเป็นอย่างนั้นจนกว่าจะตายไป ลูกหลานก็อาจรับพฤติกรรมเดิมๆจากพ่อแม่มาใช้เพราะมันมีตัวอย่างให้ดู ฉะนั้นคนแบบนี้ก็ไม่มีวันหมดไปจากโลกหรอก ต้องทำใจอย่างเดียวเท่านั้น จากคุณ : yinnerella - [ 20 ธ.ค. 50 02:55:44 ]

ความคิดเห็นที่ 102 อยู่เมืองฝรั่งมาหลายเมือง เจอหญิงไทยอย่างที่เจ้าของกระทู้ว่ามากมาย มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ จากคุณ : ตาน - [ 20 ธ.ค. 50 03:40:46 A:84.192.28.217 X: TicketID:105576 ]

ความคิดเห็นที่ 103 เห็นด้วยกะจขกท. เราอยู่เมืองนอกไม่ชอบสุงสิงกับคนไทย โดยเฉพาะคนพวกเนี้ย ส่วนมากงานการไม่ชอบทำ ชอบไถ่เงินสามี แล้วพอเจอผุ้หญิงไทยด้วยกัน บางคนนี่ชอบอวดร่ำอวดรวยกันซะจริง ทั้งๆที่งานการก็ไม่ได้ทำ อยู่บ้านไปวันๆ ถ้าสามีไม่ให้ตังค์ใช้ก็ไม่มีปัญญาหาตังค์มาใช้เองหรือส่งกลับบ้านหรอก เเต่อย่างว่าสังคมไทยเกิดมาพ่อแม่ครอบครัวก็โดนปลูกฝังลูกสาวโตขึ้นมาต้องหาผู้ชายรวยๆ จริงๆแล้วสาวไทยไฮโซ ดารา นางแบบ นักร้อง นักศึกษา โคโยตี้สวยๆ ก็นิยมหาผู้ชายรวยๆกะเกาะรับประทานเหมือนกัน เป็นกันหมดแหล่ะส่วนมากรากหญ้า-ไฮโซ จากคุณ : นี่เเหล่ะสังคมไทย - [ 20 ธ.ค. 50 04:21:44 A:90.198.98.45 X: TicketID:110547 ]

ความคิดเห็นที่ 104 เกลียดพวกผู้หญิงพวกนี้มาก พวกชั้นต่ำ (พวกที่ไปปอกลอกเค้าน่ะ) จากคุณ : PattyPukes - [ 20 ธ.ค. 50 04:32:23 ]

ความคิดเห็นที่ 105 เป็นความจริง ที่หญิงไทยส่วนใหญ่ ไม่เคยยอมรับและเปลี่ยนแปลงส่วนนี้ได้ ผู้หญิงบางคน ก็ชอบที่จะให้ เพราะต้องการที่จะประกาศให้วงศาคณาญาติเข้าใจว่า รวย ผัวรวย เพื่อที่จะอวดศักดา เยอะแยะไป พวกที่ไม่เคยมีแล้วเพิ่มมามี ก็เลยควบคุมอาการไม่ได้ มันก็คงไม่ใช่ความผิดญาติฝ่ายเดียวหรอกที่คิดอยากจะฉกฉวย จากคุณ : NSY - [ 20 ธ.ค. 50 05:17:42 ]

ความคิดเห็นที่ 106 แก้ไขเมื่อ 20 ธ.ค. 50 06:02:38 จากคุณ : รู้ไปก็เท่านั้น (Water_1) - [ 20 ธ.ค. 50 05:49:17 ]

ความคิดเห็นที่ 107 ไม่ต้องฝรั่งหรอก คนไทยด้วยกันแบบนี้ก็มีเยอะ จากคุณ : Jump.Jr - [ 20 ธ.ค. 50 08:23:07 ]

ความคิดเห็นที่ 108 อ่านแล้วสะใจค่ะ ได้แต่คิดว่า ทำไมฝรั่งคนนี้คิดได้ช้ามากๆ เลวซะขนาดนี้ ภรรยาไทยคนนี้ก็เลวค่ะ เห็นสามีเป็นตู้เงิน ตรรกะยังใช้ได้ค่ะ ฝรั่งมักชอบ สไตส์แบบ ดื่มเก่ง เซ็กซี่ ผิวคล้ำ ส่วนใหญ่มักมาจากที่แบบนั้น และคน แบบนั้น มักมาจากแหล่งแบบการศึกษาน้อย สังคมตจว. และคนแบบสังคมที่นั่น มักบูชาเงิน มันก็เหมือนพวกซื้อเสียงแหล่ะค่ะ ซวยกันไปนะคะ พอผู้หญิงไม่ดี ได้กับฝรั่ง  คนดีๆ ก็เหลือถึงหนุ่มไทย... เอ้ะ.. ยังไง ส่วนเรา ตรงข้าม สามีจนค่ะ พอแม่สร้างบ้านใหม่ หลังแต่งงานได้ ปีนึง มีคนบอกว่า เราเอาเงินมาจากสามี ก๊ากมากๆๆ เรายังออกเงินให้สามีใช้อยู่บ่อยๆค่ะ ตรงข้ามกันซะอย่างนั้น จากคุณ : คนไทยก็ทำได้ - [ 20 ธ.ค. 50 09:43:35 ]

ความคิดเห็นที่ 109 มันก็มีจริงเรื่องแบบนี้ เห็นได้ทั่วไปและโด่งดังด้วย แต่เราโทษตัวผู้ชาย (ไม่เฉพาะฝรั่ง) ด้วยแหละ หาเมียทั้งทีทำไมไม่เลือก ผู้หญิงไทยดีๆที่เค้ามีพื้นฐานครอบครัวดี การศึกษาดี วางตัวดี มีตั้งเยอะ หรือว่าเลือกไม่ได้ ถึงต้องใช้เงิน ก็สมกันดี จากคุณ : เมี๊ยวหง่าว - [ 20 ธ.ค. 50 10:06:16 ]

ความคิดเห็นที่ 110 แหมอยากอ่านที่คุณGrace - Dusitaลบออกจัง ไม่อยู่ในข่ายเกาะแดกกกกกกกกกก็ไม่เห็นเป็นไรนี่คะ เรื่องนี้มันเป็นความจริงของสังคมส่วนนึงค่ะ จากคุณ : BoSSy trainee - [ 20 ธ.ค. 50 10:20:13 ]

ความคิดเห็นที่ 111 เราเห็นด้วยกับเจ้าของกระทู้มากๆ เลย... เขียนแบบมองเห็นความจริงมาก น่าสงสารคุณยายอ่ะ... ต้องถึงขนาดจ้างลูกตัวเองให้ดูแลแม่... เชื่อเถอะว่า เวรกรรมมีจริง คนพวกนี้ไหว้ก็ไม่ถูกพระหรอก... ไม่ได้แต่งกับฝรั่ง... แต่เชื่อว่าคนทุกชาติมีทั้งดีและไม่ดี และค่อนข้างอคติ นิดหน่อยเวลาเห็นคนต่างชาตฺอยากแต่งงานกับหญิงไทยด้วยเหตุผลต่ำๆ เน้นว่าบางคนเท่านั้นนะ ถ้าเป็นแบบฝรั่งพวกนั้น... ก็สมน้ำสมเนื้อกันดี แต่ในทางที่ดีคนแต่งงานกับต่างชาติได้คนดีๆ ก็เยอะนะ (เท่าที่อ่านในห้อง นี้แหละ) หลายคู่ที่สมหวัง มีความสุข...มันคงเป็นเรื่องของพื้นเพ และพื้นฐาน ของแต่ละคนอ่ะ... และเราไม่ค่อยเชื่อคนต่างชาตินะว่าจะรวยหรือเปล่า แต่ที่มีเงินใช้มากในไทย เป็นเพียงเพราะแค่ค่าเงินและอัตรการแลกเปลี่ยนที่ต่างกันก็เท่านั้น ถ้ากลับไปอยู่ประเทศตัวเองก็อาจธรรมดา เพราะค่าเงินสูง ค่าครองชีพสูง เป็นของคู่กัน ไม่อยากให้คนไทยคิดว่าต่างชาติรวย... เพียงเพราะภาพและ เงินที่เขามีใช้ ในประเทศไทย มันบอกอะไรไม่ได้ ส่วนเรื่องนี้เราว่าฝ่ายหญิงก็ผิดเต็มประตู และทำตัวเอง เลี้ยงเฉพาะพ่อแม่ภรรยานี่คงไม่เท่าไหร่ แต่ถึงขนาดทั้งตระกูลเป็นเรานี่ก็ ไม่ไหวเหมือนกันอ่ะ เกินไปมากๆ เล็กๆ น้อยๆ ยังพอว่า นี่มาแบบหน้าด้าน กอบโกย... ทำไมคุณ ล. ไม่สงสารสามีบ้าง... ไร้สติที่สุด จากคุณ : noot (thangthai_ladypink) - [ 20 ธ.ค. 50 10:37:21 ]

ความคิดเห็นที่ 112 นึกแล้วขำเหมือนกัน คนไทยส่วนมากคิดว่าชาวต่างชาติมีเงินทองมากมายจริงๆ แก้ไขเมื่อ 20 ธ.ค. 50 20:40:54 จากคุณ : My life in Japan. - [ 20 ธ.ค. 50 15:28:26 ]

ความคิดเห็นที่ 113 To BoSSy trainee แหมอยากอ่านที่คุณGrace - Dusitaลบออกจัง ได้ค่ะ จัดให้ นี่ค่ะของที่ลบออก เพราะว่ามันกดซ้ำไป และลืมพิมพ์เพิ่มที่จะถามว่า are you ok? ค่ะ OMGGGGGGGGGGGGGGGGGGGGGGG!!!!! Merry Christmas and Happy New Year Wish you the very best for 2008 **หายข้องใจหรือยังค่ะ ???? จากคุณ : Grace - Dusita - [ 20 ธ.ค. 50 17:17:08 ]

ความคิดเห็นที่ 114 เฮ้อออออ!! จากคุณ : ~MeMOitChY~ - [ 20 ธ.ค. 50 21:05:18 ]

ความคิดเห็นที่ 115 จริง..... คนงานเราก็เหมือนกัน เช่าห้องอยู่กับพี่สาว ซึ่งมีสามีอยู่ด้วย แต่แม่ไม่ยอมให้แยกไปอยู่คนเดียว อ้างว่าเพื่อความปลอดภัย ตรูว่ามันจะเป็นเมียน้อยพี่สาวตัวเองซักวัน ค่าเช่าน้องจ่ายครึ่งหนึ่ง  แต่ตัวเองอยู่ 2 คน ทีวี ข้าวของ เครื่องใช้ไฟฟ้าในห้อง  น้องซื้อ พอทะเลาะกัน  ตบน้อง  ไล่น้องออกจากบ้าน โดยข้าวของเหล่านั้น ไม่ให้ อ้างว่าน้องทำผิด  ไปแต่ตัว  ผิดไรว่ะ ตรู...งง แต่ ยอดคุณแม่ บอกว่าไม่ให้ย้าย  ทนโดนตบไป ถ้าพี่ไม่อยู่ด้วย  ไม่ให้ย้ายออก  ไม่ต้องกลับบ้านด้วย น้องทำงานได้ค่าแรงเดือนละประมาณ 5000 ส่งให้แม่ใช้ 3000  ที่เหลือ 2000 จ่ายค่าเช่า ค่ากิน  ค่าอยู่   เคยถามเค้าว่า  ทำไมไม่ขอแม่ว่าขอส่งซัก 2000 ได้มั๊ย เค้าบอก ไม่ได้ แม่กำหนดมาเลย 3000 บาทขาดตัว สงสัยแม่คำนวณค่าเลี้ยงดูมาแล้ว  กลัวขาดทุน ตรูทำงานเดือนละหลายหมื่น  แม่ไม่เคยขอเลยซักบาท แถมบอกว่า ไม่มีตังค์ผ่อนรถ  แม่มีให้ยืมนะ   อยากรู้จังว่า ใจแม่เค้าทำด้วยอะไร (ถ้าไอ้น้องคนนี้มันมีผัวฝรั่ง ก็คงโดนเหมือน คุณ ล นี่หล่ะ) แก้ไขเมื่อ 20 ธ.ค. 50 23:10:53 จากคุณ : Makit - [ 20 ธ.ค. 50 22:43:11 ]

ความคิดเห็นที่ 116 สองพัน พอกินอะไรคะเนี่ย จากคุณ : เสี่ยม - [ 20 ธ.ค. 50 23:15:15 ]

ความคิดเห็นที่ 117 # 96 คุณ Grace - Dusita ไม่เห็นว่าภาษาของคุณคิงฯ จะเคียดแค้นอะไรนี่คะ อ่านแล้วเห็นภาพชัดเจนด้วยซ้ำไป จะใช้คำว่าเคียดแค้นคงไม่ถูกล่ะ เปนดิชั้นขอใช้คำว่า "ขยะแขยง" กับพฤติกรรมเกาะแดกกกกกกกกนี้ค่ะ จากคุณ : อาซิ่ม - [ 21 ธ.ค. 50 00:02:16 ]

ความคิดเห็นที่ 118 อ่านแล้วขนลุก และคิดว่าเป็นโชคดีของดิฉันที่ครอบครัวไม่มีพฤติกรรมปลิงแดกแบบนั้น อยากบอกว่าหญิงไทยที่มีสามัฝรั่งมีหลายรูปแบบจริงๆค่ะ และไม่ใช่มีแบบที่เห็นเงินเป็นพระเจ้าอย่างเดียว ในสังคมต่างประเทศที่ดิฉันอยู่กับสามีฝรั่ง หญิงไทยทุกคนที่เรารู้จักล้วนจบการศึกษาอย่างน้อยปริญญาตรี ระดับปริญาโทและเอกก็มีเยอะ รวมทั้งดิฉันด้วย มีหน้าที่การงานที่ดีทำในต่างประเทศ(ประเทศนี้..แคนาดา) ซึ่งครอบครัวดิฉันที่ประเทศไทย พ่อ แม่ ญาติ พี่น้อง ไม่เคยเลยแม้แต่ครั้งเดียวที่จะขอเงินจากดิฉันและสามี เพราะครอบครัวของดิฉันที่เมืองไทยก็จัดว่ามีฐานะดี แม้จะไม่ได้ร่ำรวยอะไร แต่พ่อและแม่ต่างเก็บหอมรอมริบ และสอนลูกๆทุกคนเรื่องการใช้เงินตั้งแต่เล็ก เมื่ออ่านกระทู้นี้แล้ว ความเป็นคนไทย เลือดไทยแม้จะอยู่ต่างประเทศ ก็ขึ้นเต็มสมองเลยค่ะ รู้สึกว่ามันน่ารังเกียจจริงๆที่หญิงไทยหลายต่อหลายคนทำแบบนั้น คุณทราบมั้ยคะว่าผู้หญิงไทยที่เค้ามีการศึกษา มีหน้าที่การงานที่ดีทำในต่างประเทศ เค้าพยายามสร้างความน่าเชื่อถือให้กับประเทศไทย คนไทยมากขนาดไหน ทุกอย่างที่เราสามารถทำได้เพื่อให้คนในต่างประเทศรู้จักประเทศไทย อยากไปเที่ยวประเทศไทย ชื่นชมประเทศไทย เราต่างช่วยกันอย่างเข้มแข็งเพื่อชาติไทย มันคือความกตัญญูต่อแผ่นดินที่มีเต็มสายเลือดของเรา ที่รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เป็นอย่างยิ่ง วันนี้อ่านเรื่องนี้แล้วรู้สึกหดหู่มาก คิดจินตนาการไปอีกว่า ถ้าสามีฝรั่งคนนั้นต่างไปพูดให้คนอื่นๆที่เค้ารู้จักฟัง ในทางที่ไม่ดีของผู้หญิงไทยที่เค้าได้พบเจอมา ชื่อเสียงของประเทสไทยที่ไประลึกในความทรงจำของชาวต่างชาติก็คงไม่ดีไปอีกนานเท่านาน คิดแล้วเครียดค่ะ หวังเป็นอย่างยิ่ง และสวดมนต์ทุกๆวันว่าสาวไทยที่เป็นชาวเกาะทั้งหลาย คงมีจิตสำนึกรักประเทศไทย บ้าง อย่าให้คนอื่นเค้าดูถูกเรามากไปกว่านี้เลยค่ะ จากคุณ : เจน - [ 21 ธ.ค. 50 01:08:35 A:24.86.135.157 X:64.59.144.22 ]

ความคิดเห็นที่ 119 แหม่อยากเล่ามั่ง ของเราเป็นป้าสะใภ้ค่ะ แน่นอนว่า ลุงเราย่อมไม่ใช่ฝรั่ง- - แต่เรื่องแบบนี้มันขึ้นกับสันดานคนค่ะ ป้าสะใภ้คนนี้ แกแต่งงานกับลุงเรา ลูกๆไม่ดูแล ไปดูแลหลานของแกแทน เพราะหลานแกน่าสงสารเหลือเกิน ป่วยกระเสาะกระแสะแต่เล็ก (พ่อแม่มันก็มีนะคะยังไม่ตาย อีกอย่าง ลูกพี่ลูกน้องเราก็ป่วยเป็นหอบด้วยเหมือนกัน ทั้งบ้านเลยด้วย) เอาเงินสามีไปซื้อบ้าน ซื้อนู่นซื้อนี่ ให้น้องมั่ง ให้พี่ชายมั่ง ตัวแม่นี่ก็พอกัน พอขออะไรไม่ให้ ด่าป้าสะใภ้ว่าอกตัญญู แค่นี้ให้ไม่ได้ ทำไมไม่ยอมช่วยญาติพี่น้อง (สุดท้ายบ้านสี่ล้านที่เสียให้ น้องแกก็เอาไปเสียกับการพนัน) แล้วก็ยังมาซื้อบ้านให้แม่อีกหลัง(ซึ่งตอนนี้ ก็ถูกพี่ชายแกยึดไปแล้ว บ้านติดจำนอง กต้องตามลุงเราไปไถ่ให้อีก) ตอนนี้เงินแต่ละเดือนที่เป็นรายได้ของลุงเราก็ต้องเจียดไปเลี้ยงแม่เค้า เลี้ยงน้อง เลี้ยงพี่ เลยเถิดถึงขั้นเลี้ยงครอบครัวฝั่งเมียของเมียป้าสะใภ้อีก แล้วแม่ของแกก็ชอบมาคุยอวดว่าพี่ชาย น้องชาย ของแกดีโง้นดีงี้ รวยโง้นรวยงี้(แล้วมาปอกลอกลุงตรูทำมะละกออะไร)แล้วป้าสะใภ้เราไม่มีดีสักอย่าง แล้วพวกญาติๆของป้าสะใภ้แกก็ชอบถือวิสาสะ เข้าไปนอนในบ้านของแกกะลุงเรา เข้าไปกินไปอยู่ไปใช้ยังกะเจ้าของบ้าน ตอนนี้ลุงเราสร้างบ้านใหม่ สั่งไม่ให้พวกนี้เข้ามายุ่มย่ามเด็ดขาด นึกว่าจะจบตัดรำคาญได้ แต่เปล่าเลยค่ะ พวกนี้หัวเส ย้ายเข้าไปในบ้านเก่าลุง กะยึดเต็มที่ ลุงก็เลยต้องอยู่โยงสองบ้าน - -" เฮ้อ ดีนะบ้านเราจน ญาติๆรวยหมด ปล.ป้าสะใภ้เราเป็นแม่บ้าน ไม่มีงานทำอยู่กับบ้านเฉยๆ แก้ไขเมื่อ 21 ธ.ค. 50 02:54:17 จากคุณ : แหนมมัด - [ 21 ธ.ค. 50 02:52:05 ]

ความคิดเห็นที่ 120 อาจจะนอกเรื่องนิดหน่อย เรามีความรู้สึกว่าวัฒนการเลี้ยงลูกบ้านเรามัน เหมือนเป็นการยัดภาระให้ผู้หญิงมากกว่าผู้ชายยังไงไม่รู้ ลองนึกดูตั้งแต่จำความได้เรา ก็จะถูกสั่งสอน (หรือบังคับ)ว่าเป็นลูกผู้หญิงทำงานบ้านงานเรือน หุงหาอาหาร กินข้าวกันเสร็จ พี่น้องผู้ชายเดินเปิดตูดไปเล่นนอกบ้าน ใครล้างจานล่ะก็ผู้หญิงอีก มันเหมือนแบบขี้หมูขี้หมาอะไรก็โดนให้ลูกผู้หญิงรับไปหมด ในขณะที่ ลูกผู้ชายไม่ได้รับการฝึกให้รู้จักรับผิดชอบเลย (อันนี้ที่อิชั้นเห็นส่วนใหญ่นะคะ ไม่ได้เหมาว่าคุณผู้ชายทุกคนไม่มีความรับผิดชอบนะคะ อาจจะมีแต่ส่วนน้อยอ่ะ) ไม่รู้สิ อย่างน้อยเราก็ชอบแนวคิดของฝรั่งในเรื่องความรับผิดชอบ ที่เค้าเริ่มหัดกันตั้งแต่เด็กๆ ไม่ว่าหญิงชายก็เท่าเทียมกันอ่ะ จากคุณ : Noodle Lover - [ 21 ธ.ค. 50 11:56:26 A:58.136.175.42 X: TicketID:124230 ]

ความคิดเห็นที่ 121 อ่านแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ... รู้สึกเศร้าซะมากกว่า ทั้งเรืองคุณ ล  ทั้งเรื่องที่คุณ Jennifer lowclass โพส เรื่องคุณ ล เธอก็ต้องมานั่งเสียใจเพราะญาติ เรื่องที่คุณ JC เอามาให้อ่านก็ไม่น่าเชื่อว่าจะมีใครใจร้ายได้ขนาดนั้น บางทีก็มานั่งสงสัยว่าเพราะอะไรน้า มันถึงได้เกิดเรื่องเศร้าแบบนี้บ่อยๆ ฝรั่งถูกผู้หญิงสูบเลือดสูบเนื้อแล้วจากไป ไม่มีความรักให้กันเลยหรือไง อยู่ด้วยกันจนมีลูกมีเต้ากันแล้วน่ะ หรือเพราะก็ฝรั่งมีอะไรไม่ดี ผู้หญิงเลยไม่อยากอยู่ด้วย จากเรืองใกล้ๆตัวนี่ก็เห็นหลายรายแล้วเหมือนกัน เพื่อนที่เป็นคนต่างชาติเคยชวนไปงานคริสมาสที่บ้านเพื่อนเค้าที่เป็นฝรั่ง เพื่อนเค้าส่วนใหญ่เป็นฝรั่งที่เกษียนแล้ว มาทำงานเป็นครูสอนภาษาในประเทศไทย มีแฟนเป็นผู้หญิงที่ทำงานบาร์หรือเคยทำงานบาร์มาก่อน ทุกคนเลย คนที่เราไปงานเลี้ยงบ้านเค้าคนนี้ เป็นคนอังกฤษ อายุประมาณ 60 แล้วแต่ยังดูดีอยู่ ก็ไม่ลงพุง ไม่หัวล้าน เป็นเชฟเก่า อาหารที่เค้าทำเลี้ยงคริสมาสวันนั้นอร่อยมาก โดยเฉพาะของหวาน บุคลิกเค้าก็ดูนุ่มนวลสุภาพดี ได้รู้จากเพื่อนทีหลังว่าเค้าพึ่งแต่งงานกับสาวไทยที่เคยทำงานซอยนานา (วันนั้นผู้หญิงคนนั้นไม่อยู่ เค้าบอกว่าเธอกลับไปเยี่ยมบ้านเธอที่ต่างจังหวัด) เค้าซื้อทาวน์เฮ้าส์แถวๆม ราม เป็นชื่อผู้หญิง เห็นญาติของเธอบางส่วนมาอยู่กับเค้าด้วย วันนั้น เราเห็นเด็กผู้ชายคนนึงเดินไปเดินมา รู้มาว่าเป็นลูกติดของผู้หญิงกับสามีเก่าคนไทย ฝรั่งคนนั้นก็เรียกเด็กให้เข้ามาทานด้วยกัน แต่เด็กวิ่งขึ้นไปเล่นเกมบนห้อง เค้าก็ตักอาหารใส่จานตามขึ้นไปให้ ก็เห็นเค้ากอดรัดฟัดเหวี่ยงเด็กคนนั้น น่าเอ็นดูดี ก็ยังแอบดีใจกับผู้หญิงคนนี้ที่ได้เจอคนดี มีคนที่รักเค้าทั้งตัวเค้า และคนที่อยู่รอบๆตัวเค้าด้วย พอหลังจากคริสมาส เค้ากลับอังกฤษไปจัดการเรือง pension ของเค้า จากนั้นซักสองสามเดือนก็ได้ข่าวจากเพื่อน ว่าผู้หญิงคนนั้นหนีเค้าไป ช่วงที่เค้าไม่อยู่ผู้หญิงกลับไปทำงานบาร์อีก ถามเพื่อนว่าผู้หญิงมีเงินไม่พอใช้เหรอ เค้าบอกว่าป่าว ผู้หญิงบอกว่าเบื่ออยู่บ้าน อยากกลับไปทำงานบาร์ ผู้ชายคนนี้ก็ตามไปง้อที่บาร์ที่เธอทำงานอยู่พักนึง ผู้หญิงยืนยันว่าไม่ขอกลับ เลยเลิกกันไปตามระเบียบ เพื่อนอีกคนนึงเป็นคนออสเตรเลีย เป็นครูสอนภาษาอังกฤษอยู่เหมือนกัน มีแฟนที่อยู่ด้วยกันประมาณ 5-6 ปีแล้ว เป็นผู้หญิงที่เค้าไปเจอที่ซอยคาวบอย เค้าบอกว่าเค้าไม่เข้าใจว่าทำไมผู้หญิงไทยด้วยกันเอง ชอบดูถูกผู้หญิงพวกนี้นะ เค้าน่าสงสารออก เค้าทำเพราะไม่มีทางเลือก แล้วเค้าก็ส่งเสียเลี้ยงดูผู้หญิงคนนี้ และครอบครัวผู้หญิงคนนี้ด้วย จนบางเดือนต้องมายืมเงินเพื่อนเราบ่อยๆ ทุกครั้ง ก็จะเป็นเพราะทางบ้านผู้หญิงต้องการเงิน มาเมื่อต้นปีนี้ที่เค้าวางแผนว่าเค้าจะแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้เป็นทางการซํกที เพราะเค้าอยากกลับออสเตรเลียแล้ว ถ้าไม่แต่งงานผู้หญิงคงกับเค้าลำบาก แต่เมื่อไม่กี่เดือนผ่านมานี่เองก็ได้ข่าวว่า เค้าไปจับได้ว่าผู้หญิงเป็นชู้เป็นทอม ก็เลยเลิกกันไปอีกราย แต่ที่แปลกคือ เค้าก็พับโครงการกลับออสเตรเลียไปด้วย เราบอกว่าทำไมล่ะ เค้าบอก ก็ที่จะกลับเพราะคิดว่าอยากได้เงินเยอะขึ้นเพราะจะมีครอบครัวเป็นจริงเป็นจังแล้ว แต่นี่ไม่มีแล้ว ก็ไม่รู้จะกลับไปทำไม เพราะไงก็รักเมืองไทย อยากอยู่เมืองไทยอยู่ ก็ไม่รู้เนาะ คนที่อยากให้มีคนรัก ก็ไม่มีคนมารัก คนที่มีคนมารักแล้ว ก็ไม่เห็นจะรักษากันเลย โลกนี้ไม่ยุติธรรม แงๆๆๆ จากคุณ : fat attack - [ 21 ธ.ค. 50 13:13:04 ]

ความคิดเห็นที่ 122 เกี่ยวกับกระทู้รึเปล่าไม่รู้ แต่จาก คห.121 ที่ว่าฝรั่งออสเตรเลีย ว่าพวกหญิงที่ทำงานบาร์น่าสงสาร ฝรั่งเค้าสงสารจริง ๆ นะ เพราะบางทีฝรั่งก็ไม่มีความสามารถแยกแยะ ว่าอันไหนเรื่องจริง อันไหนนิยายที่ผู้หญิงแต่งขึ้นให้ดูน่าสงสาร เคยไปเที่ยวซอยนานาค่ะ ไปกับเพื่อนฝรั่ง ได้คุยกับพี่ผู้หญิงคนนึง ทำงานที่นั่น คนกรุงเทพนะค่ะ ไม่ได้ยากจนด้วย มีการศึกษา แต่เค้าเลือกชีวิตแบบนี้เพราะสบายและสนุก เค้าว่าผู้หญิงบาร์ที่นานา ไม่จนนะค่ะ บางคนรายได้เดือนเป็นแสน อย่างพี่เค้าเป็นประเภทนั่งดริ๊ง แค่ค่าดริ๊งอย่างเดียว คืนนึงได้สามสี่พัน ถ้าเก่งเรียกแขกซื้อดริ๊ง พวกเต้นกะเสา รายได้จะดีกว่าเยอะ บางคนฝรั่งส่งเงินให้ใช้ด้วย เพราะสงสารว่ายากจนต้องมาทำงานอย่างนี้นั่นแหละ คนหนึ่งใช่ว่ามีฝรั่งส่งคนเดียว มีหลายคนด้วยซ้ำ โห เราฟังแล้วแบบ นั่งดริ๊งเฉย ๆ ได้คืนละเป็นพัน พัน เราทำงานแทบตาย รายได้ยังน้อยกว่าคนพวกนี้เยอะเลย เฮ่อ จากคุณ : ไปหล่ะ - [ 21 ธ.ค. 50 14:25:55 A:202.89.185.139 X: TicketID:158404 ]

ความคิดเห็นที่ 123 สงสารกันเหลือเกินผู้หญิงที่ไม่มีทางเลือก ต้องไปทำงานบาร์ แล้วผู้หญิงที่ไม่มีทางเลืกเหมือนๆ กัน ที่เป็นกระเป๋ารถเมลล์ เป็นแม่ค้าขายพวงมาลัย ทำงานก่อสร้าง ขายข้าวแกงนี่เขารวยกันหรือ เขามีโอกาสมากกว่าเหรอก็เปล่า เห็นใจคนทำงานบาร์บางคน แต่สงสัยว่า ผู้หญิงอีกหลายๆ คนที่เขาจนพอๆ กัน มีลูกติด สามีหนี เขาไม่เห็นต้องไปทำงานบาร์กันเลย ดิฉันยกย่องผู้หญิงเหล่านี้มากกว่า ยอมขายเเรงงานแต่ไม่ขายศักดิ์ศรีของความเป็นคน จากคุณ : mrs.night owl - [ 21 ธ.ค. 50 15:52:33 ]

ความคิดเห็นที่ 124 ชอบความเห็น mrs.night owl อย่างแรง... ได้ใจเราไปเลย... ทุกคนมีทางเลือกเสมอ เพียงแต่ว่าจะเลือกทางเดินแบบไหน...ก็เท่านั้น เมื่อก่อนบ้านเราจนมากๆ ชนิดที่ว่าอดหลายมื้อเลยที่เดียว แต่อาศัยว่าพ่อเรา เป็นคนสู้งาน ขยันและอดทน... ทำตั้งแต่แบกหาม กรรมกร เป็นยาม และแม่เราบริหารเงินเก่งมากๆ ส่งลูกเรียน และก็สร้างฐานะกันมาได้ จนถือว่าระดับดีมากๆ ก็ไม่เห็นว่าบ้านเราต้องขายลูกกินกันตอนจนๆ เลยอ่ะ แม่เราบอกเสมอว่าถ้าไม่มี... ก็อย่าขายตัวกิน เพราะนั่นเท่ากับว่าสิ่งที่พ่อแม่ ทำมาทั้งหมดมันสูญเปล่า... จำได้ว่าแม่บอกว่าเราไม่มีฟุ่มเฟือยนะ เพราะแม่อยากให้ลูกได้เรียน ถ้าลูกอยากเรียนสูงก็ต้องช่วยกันประหยัด...   ลูกก็ได้เรียนรู้ไปด้วยว่าฐานะไม่ดี ไม่ควรฟุ้งเฟ้อ... แต่พอฐานะดีขึ้นแม่ก็ ให้ทุกอย่างมากขึ้นเป็นเงา ทุกวันนี้บ้านเราก็ถือว่าฐานะดีมากๆ ก็ได้ทุกอย่าง ทั้งพี่สาวและเราก็ได้บุญคุณพ่อแม่นี้แหละถึงโตมาและเห็นค่าของเงิน ได้เชิดหน้าชูตาก็เพราะพ่อแม่เรานี่แหละ พระคุณพ่อแม่จริงๆ ถึงมีทุกวันนี้ จากคุณ : noot (thangthai_ladypink) - [ 21 ธ.ค. 50 16:12:57 ]

ความคิดเห็นที่ 125 เราแปลกใจว่าตัวฝรั่งเองทำไมจึงชอบหาผู้หญิงตามสถานท่องเที่ยวบันเทิงมาเป็นเมียจริงๆจังๆ ตัวเค้าเองก็น่าจะรู้ว่าคนที่ทำอาชีพแบบนี้ หาที่นิสัยดี ทัศนคติดีๆได้ค่อนข้างยาก(เนื่องจากพื้นฐานของการศึกษา) คือตัวเองรู้ทั้งรู้แล้วยังเลือกมาเป็นเมีย ก็โอกาสที่จะเจอแบบที่ จขกท เล่ามามันก็เยอะน่ะสิ ผู้หญิงไทยดีๆ การศึกษาสูงๆก็มีเกลื่อน แต่ฝรั่งพวกนี้กลับเลือกผู้หญิงอย่างว่าเอง มันก็เป็นเช่นนี้แล จากคุณ : ton-orr - [ 21 ธ.ค. 50 17:03:58 ]

ความคิดเห็นที่ 126 คุณความเห็นที่ 125 ครับ ฝรั่งเขาแยกไม่ออกหรอกครับ กับคำว่า "ดี" ในสายตาฝรั่งกับไทยแตกต่างกัน คนไทย ผู้หญิง ดื่มเหล้าสูบบุหรี เที่ยวกลางคืน นอนกับผู้ชายมากหน้าหลายตา ผู้ชายไทย ก็มักเห็นว่าไม่เหมาะสม ไม่น่าเป็นแม่ของลูก ลองดูผู้ชายไทยทั่วๆไปที่ไปเที่ยวกลางคืน มีสักกี่คนที่ได้ผู้หญิงจากบาร์มาเป็นภรรยา ผู้หญิงไทยที่ดีในสายตาคนไทย ก็ตรงเป็นตรงกันข้ามกับข้างบน ต้องรักนวลสงวนตัว เรียบร้อย ฉะนั้นก็จะไม่ได้ออกไปไหน หรือไปเจอใครมากมายนอกจากจะออกไปกับเพื่อนๆ แถมจะขึ้อายไม่กล้าพูดกับฝรั่งอีกต่างหาก ฝรั่งต่างชาติ คิดว่าการที่ผู้หญิงออกไปเที่ยวกลางคืน ไปดื่ม สูบบุหรี หรือไปนอนกับใครก็ถือเป็นเรื่องปรกติ  เพราะปรกติบ้านเขาก็ทำกันอย่างนั้น ฉะนั้นตามตรรกระข้างบน ฝรั่งที่มาเที่ยวเมืองไทย ไม่ว่าจะมาจากพื้นฐานที่ดี ร่ำรวยหรือยากจน ก็ออกไปเที่ยว เจอผู้คน เจอผู้หญิงไทยตามบาร์แบบนั้นมากกว่าที่จะเจอผู้หญิงที่ทำการทำงานปรกติ (ผู้หญิงที่ทำงานทำการปรกติ จะมีเวลาออกไปนั่งดริ๊งค์ได้ทุกคืนหรือ)  ฉะนั้นเมื่อฝรั่งเจอกับผู้หญิงเหล่านั้นก็ใช้ความเข้าใจของตัวฝรั่งเองว่าสิ่งที่เห็นเป็นเรื่องปรกติ  ฉะนั้นก็คือน่าจะเป็นเหตุผลอันเชื่อได้ว่าทำไม ผู้ชายฝรั่ง ถึงตกหลุมรักผู้หญิงบาร์ง่ายกว่า เพราะโอกาสมันแตกต่างกัน แต่ก็ใช่ว่าผู้หญิงที่ไม่ได้ทำงานบาร์จะไม่ได้มีโอกาสเจอฝรั่งแต่โอกาสที่จะเลือกฝรั่งมีน้อยกว่าเท่านั้นเอง ผู้หญิงบาร์ที่เมื่อได้สามีฝรั่งแล้วทำตัวเป็นแม่ศรีเรือนช่วยเหลือเกื้อกูลสามีตัวเองก็มีให้เห็น เป็นเรื่องที่น่าชื่นชม ผู้หญิงบาร์ที่เมื่อได้สามีฝรั่งทำตัวเหลวแหลกไม่เปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น ก็เป็นที่น่าเวทนา แต่ก็ใช่ว่าผู้หญิงที่ไม่ได้ทำงานบาร์จะดีหรือเลวต่างจากผู้หญิงบาร์ ก็ไม่ ฝรั่งเองก็มีทั้งดีทั้งเลวเหมือนกันหมด แต่ผู้หญิงที่ทำงานบาร์มักจะมีโอกาสได้เลือกมากว่า *การศึกษาไม่ได้เป็นข้อบ่งชี้ถึงการที่ใครคนนึงจะรักหรือชอบใครอีกคนนึงนะครับ ต้องแยกออกไว้เป็นประเด็นต่างหาก* จากคุณ : Kimpu - [ 21 ธ.ค. 50 18:20:39 ]

ความคิดเห็นที่ 127 ประทับใจ mrs.night owl พูด.....ขอบคุณ จขกท นำเรื่องมาเล่า นึกภาพออก สสารยายจัง ลำบากเพราะเงินตัวเดียว  ลูกๆบางคนก็...หน๊า และก็ตามมาด้วย ปัญหา 108 ของฝรั่งและหญิง หลอกลวง ปัญหาต่างๆ อาชีพอีกจิปาถะ ครอบครัวเราก็จนแต่พ่อแม่ไม่สนับสนุน ให้ทำอะไรแบบนั้น ขออย่างเดียวอย่าให้ลูกสาวไปทำงานกลางคืน ที่บ้านก็พูดได้ใจมากค่ะ ถ้าทำงานกินเงินเดือนโรงงานแล้วเลี้ยงตัวเองไม่รอด กลับมาทำนาเถอะลูก โชคดีหน่อยที่ครอบครัวเรา สามัคคีกัน รักความจน ไม่รวยไม่เป็นไร พอมีพอกินก็พอ...ญาติพี่น้อง ของเราก็ไม่มาวุ่นวาย โชคดีอีกมีสามีไม่รวย แต่ก็มีความสุขดี....เศรษฐกิจพอเพียงอีก X 2 เรื่องสามีเหมือนกัน รวยจนไม่สนใจ  ลูกมีความสุขพอ กินข้าวกันก็ผลัดกันจ่าย สามียิ้ม....เพราะเขาอ่านแต่เนตได้ยินมา 108 กับเรื่องฝรั่งมาเมืองไทย เจอครอบครัวไถเงิน   ( คนแถวบ้านก็แถกๆ หาปั๋วฝรั่งไมไม่หารวยๆอย่างบ้านตรงนู้น โทรกิ๊กเดียว เงินส่งปั๊บ เราเลยบอกไม่ไหวป้า แต่งกับรุ่นตาแบบนั้น รักไม่ลง เงินมันไม่ทำให้มีความสุข พี่คนนั้นแต่งกับฝรั่ง อายุ  70 ฝ่า รุ่นตายายหนูเลย...ตาเร่า 78 ยาย 76 huhu )เราเลือกได้ที่จะ กตัญญูกับครอบครัว แบบพอเพียง แบบที่ไม่เดือดร้อนทั้งสามีและครอบครัว....ขอเป็นเมียฝรั่งแบบจนๆดีกว่า จากคุณ : honto (honto) - [ 21 ธ.ค. 50 18:48:03 ]

ความคิดเห็นที่ 128 ถ้าดิฉันกลับไทย และพาพ่อแม่ครอบครัวไปเที่ยวหาอะไรทานกันกัีบสามีฝรั่ง ด้วยเงินที่ดิฉันทำงานหามาเอง คนไทยครึ่งค่อนประเทศจะมองว่าครอบครัวดิฉันเป็นปลิงรึเปล่า มานั่งเกาะสามีดิฉันแด๊กรึเปล่าน๊า  สงสัยต้องปลง มิสามารถห้ามปากหรือสายตาใครได้  เหนื่อยนะเนี่ย ทำงานก็เหนื่อย พอเอาเงินมาใช้ที่บ้านเกิด ก็ถูกมองว่าเกาะฝรั่งแด๊ก เข้ามาบ่น และสงสารคนที่ จขกท กล่าวถึง มันเป็นกรรมอ่ะ เกิดมาแต่พระเจ้าไม่ได้ใส่สมองส่วนสามัญสำนึกมาให้ด้วย เลยคิดไม่เป็น คิดไม่ได้ เห็นใจเขานะ เพราะชีวิตของเขาก็จะวนเวียนอยู่อย่างนี้แหละ มีใหม่ก็เป็นแบบเดิม คิดไม่เป็นหรอก จากคุณ : ดอกโสนบานที่ทาสแมเนีย (ดอกโสนบานที่ทาสแมเนีย) - [ 21 ธ.ค. 50 19:14:20 ]

ความคิดเห็นที่ 129 ผมเห็น วัฒนธรรมปลิง นี้ บ่อยมากๆ ตามห้างหรือร้านอาหาร ฝรั่งคนนึง กับ ฝูงปลิง เคยลองสังเกตหลายครั้ง ฝรั่งก็รู้สึกเซ็ง ไม่ค่อยพูดจาอะไรเลย พวกปลิงก็มาขอตังค์ไปซื้อข้าว ซื้อของ จากคุณ : ช่างประปา - [ 18 ธ.ค. 50 11:18:06 A:124.120.151.249 X: TicketID:027619 ] วัฒนธรรมนี้มันมีมากับประเทศไทยยาวนานมากแล้วคะ กระทั่งไม่มีฝรั่งก็เหอะ กับวัฒนธรรมที่คิดว่า "มีเงิน" ไม่ว่าไทยหรือฝรั่ง คิดง่ายๆ คนถูกหวย ใครก็รุมล้อมอยากให้เลี้ยงโน้นเลี้ยงนี้ เพื่อนผูงมากมาย มูลนิธิต่างๆก็ส่งจดหมายมาขอเงินสนับสนุน ขนาดดิฉันเคยซื้อลอตเตอรี่ถูกเลขท้ายสองตัว เพื่อนยังให้พาไปเลี้ยงหมูกะทะเลยเอย ข้าวกลางก็ดี เทศกาลสงกรานต์,ปีใหม่ กลับจากกรุงเทพฯ มาเยี่ยมบ้าน หลานหรือญาติก็ต้องมาถามว่าซื้ออะไรมาฝากบ้าง เพื่อนผูงหรือคนข้างบ้าน ในหมู่บ้าน ก็มาขอให้เลี้ยงเหล้า เลี้ยงเบียร์ เพราะคิดว่าไปทำงานกลับมามีตังค์ คนต่างจังหวัดรู้ดี ไม่จำเป็นต้องว่ามีการศึกษาหรือไม่ว่าจะตำแหน่งไหน ทหาร ตำรวจ ครู พยาบาล เภสัข ญาติๆ ก็จะถามให้เลี้ยง งานแต่งงาน คนกันไปเยอะแยะ บัตรเชิญใบเดียวมาสองสามคนก็มี ใส่ซองร้อยหนึ่ง ขอห่อเหล้า หรือกับข้าวห่อกลับบ้านด้วย ยังมีอีกเยอะแยะ ไม่จำเป็นต้องเกี่ยวกับฝรั่ง จากคุณ : คนต่างจังหวัด - [ 21 ธ.ค. 50 20:28:23 A:85.68.136.106 X: ]

ความคิดเห็นที่ 130 i am "Mea Farang" and now visit my farang in Usa.I never  want his money only his real love.It's ugly thing that some thai woman want to marry farang and become "Pling " จากคุณ : jeejeeberry - [ 21 ธ.ค. 50 21:17:51 ]

ความคิดเห็นที่ 131 เรื่องนี้มันไม่ได้อยู่ที่การศึกษาหรอกเราว่า มันอยู่ที่การอบรม รวมถึงพื้นฐานของคนๆนั้นมากกว่า และเป็นเรื่องจริงที่ฝรั่งจะรู้สึกสงสารผู้หญิงประเภทนี้ เรื่องจริงจากแฟนเก่าเราเอง เค้าเคยมีแฟน(เป็นผู้หญิงบาร์นี่ล่ะ) และเลิกกันไปแล้ว ในขณะที่คบกับเราอยู่นั้น ผู้หญิงคนนั้นส่งเมล์มาขอความช่วยเหลือ ทั้งๆที่เธอแต่งงานไปกับชายชาวอเมริกันแล้ว(แต่งไปเพราะแฟนเก่าเราช่วงนั้นตกงานไม่มีเงินส่งให้เธอ) เธอส่งมาบอกว่า " ควายเธอป่วยมาก ช่วยส่งเงินมาเป็นค่ารักษาทีเถอะไม่งั้นควายเธอจะต้องตายแน่นอน " และแฟนเก่าเราก็ถามว่าจะต้องทำไงดี เราก็เลยบอกว่ามันเป็นเงินของเธอ จะให้หรือไม่มันก็เรื่องของเธอ เพราะเราถือว่าขณะนั้นเรายังเป็นแค่แฟน ไม่ใช่คนที่ใช้กระเป๋าร่วมกัน จึงไม่สามารถตัดสินใจแทนเค้าได้ สุดท้ายเค้าก็ส่งเงินไป และสุดท้ายจริงๆ เราก็เลิกกับเค้า เพราะเค้าต้องการให้เราเอาใจเค้ามากๆตามใจ ดูแลตัดเล็บ อาบน้ำให้(มันอาบเองไม่เป็นหรือไงฟระ) เค้าบอกว่า แฟนเก่าเค้ายังทำให้ได้เลย เราเลยสวนกลับไปว่า เธอไม่ได้ใช้เงินซื้อฉันเหมือนแม่พวกนั้นนี่ เค้าก็บอกว่าเราแปลกไม่เหมือนผู้หญิงไทย(ในความหมายของเค้า) คือเรา เงินก็ไม่เอา ของก็ไม่เอา เค้าใช้ให้ทำอะไรก็ไม่ได้ (อ่าว...ก่ะพ่อแม่ ยังไม่เคยทำให้เลย เองคิดว่าเองเป็นใครฟร่ะเนี่ย) ใจจริงเราไม่เคยคิดดูถูกอาชีพผู้หญิงหากินเลยแม้แต่น้อย เพราะอย่างน้อยผู้หญิงพวกนี้ก็ทำเพื่อปากและท้อง หมดเวลาก็จากลากัน แต่เรารังเกลียดพวกที่หลอกคนอื่นแต่งงานเพื่อหวังสิ่งอื่นมากกว่า ไม่ว่าจะสถานภาพ หรือเงินทองก็แล้วแต่ มันทำให้เรารู้สึกแย่ ที่คนๆหนึ่งรักคนหนึ่งหมดหัวใจ แต่อีกคนใช้มันเพื่อบางสิ่งบางอย่าง เราไม่โทษว่าเป็นเพราะระบบทุนนิยมหรือวัตถุนิยม หรืออะไรก็ตามแต่ที่คนจะสันหามาเรียก มาโทษ แต่เราจะขอ กล่าวโทษบุคคลที่กระทำอย่างนี้มากกว่า อย่าอ้างว่าเพราะคนอื่นมี เพราะสังคมปลูกฝังค่านิยมคนมีเงิน ทุกคนเติมโตมาในสังคมแบบเดียวๆกัน เพียงแต่คุณจะทำตัวอย่างไรในสังคมเท่านั้นเอง ทุกคนอยากมีเงิน เพราะเราต้องใช้มัน แต่คุณจะทำอย่างไรล่ะเพื่อให้ได้เงินมา ยอมรับมาเถอะว่า บุคคลที่กระทำตัวเช่นที่เรากล่าวถึงกันอยู่นี้ ต้องการความสดวกสบาย แต่ขี้เกียจ !!!!!! จากคุณ : บัตรผ่านนี้มีอมยิ้ม (^_^) - [ 21 ธ.ค. 50 22:12:52 A:219.125.137.188 X: TicketID:154519 ]

ความคิดเห็นที่ 132 ถูกใจคุณ mrs. night owl จัง 555 จากคุณ : เพนนี (MiniPenzman) - [ 21 ธ.ค. 50 23:59:22 ]

ความคิดเห็นที่ 133 ไม่ต้องไปไกล ... มันเป็นเรื่องจริง ที่เกิดกับคนใกล้ๆ ตัวนี้เอง ลูกน้องที่ร้านของเราเอง น้าสาววัย 29 ของเขา เป็นเหมือนที่คุณ จขกท. พูดเป๊ะ แต่งกับฝรั่งชาวอังกฤษ ต้องจ้างน้องชายตัวเองดูแลแม่เหมือนกัน พี่สาวเราก็เจอ   หญิงไทยหลายๆ คน ที่เยอรมัน ก็เป็นแบบเนี่ยเหมือนกัน พี่สาวเราไม่คบคนไทยด้วยกันเลย  เพราะเบื่อนิสัยแย่ๆ ของคนพวกนั้น  ไม่กล้าสุงสิงด้วย กลัวเสียชื่อ เดี๋ยวจะโดนเหมาว่าเป็นเหมือนกันไปหมด อีกอย่างคุยกันก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง เพราะเหมือนพูดกันคนละภาษา ทั้งๆ ที่เป็นคนไทยเหมือนกัน ชอบอวดร่ำ อวดรวย วันๆ เอาแต่เล่นไพ่ เข้าคาสิโน บ้าใส่ทอง ใส่หย๋อง แต่งตัวก็เข้าตำรา กริยาส่อสกุล แล้วก็คุยกันแต่เรื่องใต้สะดื้อ ใช้ภาษาหยาบคาย ... แล้วยังมีเพื่อนของแฟนอีก เป็นออสซี่  โดนสูบซะหมดเนื้อ หมดตัว บ้าน 2 หลัง เกือบๆ 20 ล้าน รถอีก 3 คัน ขอหย่าไม่ให้หย่า ไม่หน่ำใจ เอาเด็กวัยรุ่น 4-5 คนมาจับปัวฝรั่งของตัวเองไปเรียกค่าไถ่ เด็ดกว่านั้น  ฝรั่งทนไม่ไหว ขอหย่า และจะเอาลูกไปเลี้ยงเอง แม่เมียไทย ไม่ให้ บอกอยากได้ ต้องจ่ายเงินเดือนให้เขา เดือนละ 80 % ของเงินเดือนปัว (800,000) ถึงจะหย่าให้ และให้ลูกไป สรุปฝรั่งหนีออกจากบ้านไปแต่ตัว ไม่เอาอะไรไปเลย... อีกเคสหนึ่ง... อันนี้ลูกน้องที่ร้านอีกคน เป็นคนไทย คู่ไทย โดนพ่อ-แม่พี่น้องสูบจนไม่มีจะกิน เราเองก็พลอยโดนไปด้วย เพราะสามีเขาเป็นวัณโรค ไม่มีเงินรักษา เราก็เลยให้ไป โดนไป 15,000 คิดแต่ว่า ทำบุญ เพราะสงสารลูกน้อง เพราะเห็นเป็นคนดี ขยันทำมาหากิน ตัวสามีเขาก็เป็นคนดี ขยันทำมาหากิน แต่ญาติๆ ฝั่งผู้หญิงสูบกันจนน่าเกลียด น้องชายจะบวช ก็บังคับให้พี่สาว (ลูกน้องเรา) หาเงินมาจัดงานบวชใหญ่โตให้ น้องชายอยากจะแต่งหญิง ก็บังคับให้พี่สาวหาเงินสินสอด กับเงินแต่งงานมาให้ พี่สาวก็เอาลูกมาทิ้งไว้ให้แม่ ลูกน้องเราก็ต้องหาเงินส่งเสียหลานอีก แม่ก็ไม่เคยว่าลูกชาย หรือพี่สาวสักคำ พ่อเกษียณมา ได้เงินมาก้อน พี่สาว น้องชายก็จ้องจะเอาเงินเกษียณของพ่อ ลูกน้องเราโคตระน่าสงสาร .... นิสัยดีมากๆ โคตระกตัญญู เจอแบบเนี่ย เซ็งจิตแทนลูกน้องเลย  สามีเขาก็ดี ทำเท่าไหร่ก็ส่งให้ครอบครัวเมียสูบเอาๆ ลูกตัวเองที่ต้องรับผิดชอบก็มี ไม่ใช่ไม่มี   อ่านเรื่องนี้แล้วทำให้นึกจริงๆ ว่า ทำไมค่านิยมคนอีสานถึงเป็นแบบนี้ ในร้านของเรา ลูกน้องเกือบ 20 คน เป็นอีสานเสียส่วนใหญ่   แต่ละคนชีวิตก็จะน้ำเน่าประมาณเนี่ย บางคนก็น่าสงสารจริงๆ แต่บางคนก็ทำตัวน่าดูถูก ความจริงในชีวิตมันเป็นเช่นนั้นแล แก้ไขเมื่อ 22 ธ.ค. 50 00:52:28 จากคุณ : เพนนี (MiniPenzman) - [ 22 ธ.ค. 50 00:22:32 ]

ความคิดเห็นที่ 134 ว๊ายยอ่านแล้วนึกว่าตัวเองซะอีกแฮ่ๆๆๆ จ้างพี่สาวดูแลแม่เหมือนกัน พอดีบ้านไม่ได้เช่า ซื้อข้าวอย่างเดียว จ้างเขาเดือนละ 50 ยูโรเท่านั้นเอง คงไม่มากเกินไปเพราะเขาก็ต้องมีเรื่องใช้ส่วนตัว จริงๆ แล้วเรียกว่า "สินน้ำใจ" ดีกว่า เพราะหากจ้างพยาบาล หรือคนอื่นๆ เดือนละ 100 ยูโร ก็เอาไม่อยู่ ส่วนพี่น้องคนอื่นๆ ทำงานกันทุกคนไม่มีใครเบียดเบียน แต่อย่างว่า ทุกคนปากกัดตรีนถีบกันทั้งนั้น สงสารพี่น้องทุกคนแหละ หากเวลาเขาลำบากก็ช่วยบ้างตามอัตราภาพ เช่น ช่วยค้ำประกันงานให้ หรือแบ่งห้องให้อยู่ฟรี ช่วยๆ ดูแลแม่บ้างในบางครั้งเวลาพี่สาวไปหาหมอ ไปตลาด ฯลฯ แต่ไม่ให้เงินหรอก เรื่องอะไรจะให้ละ มีมือมีเท้าเหมือนๆ กัน เขาต้องรู้จักพึ่งตัวเอง แต่ดีมีพี่น้องอยู่ด้วย แม่สบายใจมีความสุข เห็นลูกหลานเต็มบ้าน ไม่ค่อยทะเลาะกันเท่าไหร่ พอดีดิชั้นเอาอยู่ ใครมีปัญหาก็เนรเทศลูกเดียว ดิชั้นเป็นคนเอาจริง หากทำให้โกธร แม้แต่ จะเป็นพี่น้องก็ตัดหมดไม่สน ทุกคนเลยต้องทำตามกฎของบ้าน คืออยู่ด้วยกัน ต้องช่วยกัน และรักกัน ห้ามกัดกันเด็ดขาด สามีดิชั้นก็ไม่ว่าอะไร เพราะทางพ่อแม่ฝ่ายเขา เราให้เต็มที่ ไม่เอาเปรียบกัน ดิชั้นเน้นๆ กับสามีว่า แม่ชั้นอยู่ไม่เกิน...ไม่นานหรอก ลูกติดเธอ 2 คนชั้นยังเลี้ยงมา เกือบ 10 ปีเลย ชั้นขอเลี้ยงแม่ชั้นสัก...นะ เข้าใจชั้นนะ ที่สำคัญเราช่วยกันทำงานหาเงิน เลยเป็นเรื่องความเหมือนที่แตกต่างกัน ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับคนกลาง มีพระคุณอย่างเดียวไม่พอ ต้องมีพระเดชด้วย น้องชายดิชั้นเคยมีปัญหามาขอยืมเงิน ดิชั้นก็ต้องด่ามันซะก่อน สอนมันซะก่อน จากนั้นค่อยให้ยืม หากบอกไม่ฟัง บอกแล้วไม่ทำตาม คราวหน้าอด ไม่มีช่วยอีก จบ. การช่วยเหลือมันต้องมีที่สิ้นสุด ไม่ใช่ตะบี้ตะบันช่วยไร้สาระ มันต้องช่วย เมื่อจำเป็นจริงๆ หากเป็นเช่นนั้นก็สมควรที่ถูกสามีทิ้ง โทษใครไม่ได้..โทษตัวเอง ขอบคุณเจ้าของกระทู้ที่เอามาเล่าสู่กันฟังค่ะ จากคุณ : noyne - [ 22 ธ.ค. 50 02:24:31 ]

ความคิดเห็นที่ 135 ว่าง ๆ ใครลองมาทัศนาแถวป่าตองสิคะ  เห็นกันจนชินตา  เขียนจดหมายไปขอเงินฝรั่งเนื้อหาว่า  เดือนนี้พ่อป่วยหนัก  เดือนนี้พี่ชายผ่าตัดสมอง  เดือนนี้หลานติดคุก บลา ๆ เรามักจะสงสัยเสมอ ๆ ว่าทำไมเรื่องร้าย ๆ ถึงได้เกิดขึ้นได้บ่อย ๆ กับเขาเหล่านี้   คิดไปก้อไม่รู้จะไปโทษอะไร โทษการเมืองบ้านเราที่ไม่เคยคิดจะพัฒนาอะไรได้จริง ๆ จัง ๆ สักกะสมัย  ไม่ว่าจะระบบการศึกษา หรือการเข้าถึงประชาชนอย่างแท้จริง ไม่ใช่เอะอะอะไรก้อ กทม  ตจว ยังมีอะไรอีกเยอะที่ต้องพัฒนา ฝรั่งดี ๆ ก้อมีเยอะ เลว ๆ ก้อมีเยอะ แต่ที่แน่ ๆ จะได้ยินจนติดหู  จากคนพื้นที่  ที่คลุกคลีกับฝรั่ง LONG TIME  ว่า  "ฝรั่งที่มาอยู่เมืองไทยนาน ๆ เห็นพูดภาษาไทยชัด  บางคนก้อไม่ดีหรอก  อยู่นานเท่าไหร่ ก้อยิ่งดูถูกคนไทยมากเท่านั้น มองคนไทยว่าเป็นพลเมืองชั้น 2 ตลอดเวลา เอะอะอะไรก้อบอกว่า  นี่แหละ ทัศนคติของคนไทย   ขนาดบ้านเขาเจริญกว่าเรา  เขายังอยู่บ้านเขาไม่ได้เลย คิดดูแล้วกัน เขามาอยู่เมืองไทยทำไม "   ฝรั่งที่มาเที่ยวทะเล  มาเอาแดดจริง ๆ ก้อมองว่า  สาวทำงานบาร์  JUST  LAZY  แค่นั้น   เคยต้องไปเอาเอกสารที่ห้องสาวบาร์  แล้วได้ไปอยู่ตรงช่วงที่เวลาที่เขากำลังแต่งตัวไปทำงาน  โอวแม่เจ้า  เจ๊นึกอยากจะถอดเสื้อ เจ๊ถอดเลย  ลองชุดไปเรื่อย ๆ อยากถอดชิ้นไหน  ถอด ไม่มีปัดป้อง  เกิดมาไม่เคยเห็นของใคร  รู้สึกหน้าแดงมาก  แล้วบทสนทนา  ประมาณว่า เมื่อคืนแขกคนนั้นใหญ่มาก  แต่พอตกดึกเจอแขกอีกคน  เล็กกว่า  ฯลฯ  เง้อ  อยากจะแทรกแผ่นดินหนี   อยากรู้ว่ามีรักจริงกันบ้างไหมนะ ?????? แก้ไขเมื่อ 22 ธ.ค. 50 04:40:35 จากคุณ : snof - [ 22 ธ.ค. 50 04:38:23 ]

ความคิดเห็นที่ 136 ก่อนอื่นขอบอกว่าน่าสงสารคุณ ล นะค่ะ แต่ทุกอย่างก็เหมือนกับท่านอื่นพูดค่ะ ว่าเรื่องทั้งหมดนั้นมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับการศึกษา มันขึ้นอยู่กับพื้นฐานจิตใจ การอบรม ซึ่งส่วนมากแล้วคนไทย จะถูกปลูกฝังมาให้รู้จักกตัญญูต่อพ่อแม่ แต่ก่อนที่เราจะมาอยู่กับแฟนที่ต่างประเทศเราควรจะทำความเข้าใจกับท่านให้เรียบร้อยเสียก่อน ดิฉันคิดว่าพ่อแม่คงจะเข้าใจ เพราะว่าเขาสามารถเลี้ยงเราได้มาจนอายุมากขนาดนี้แล้ว ท่านยังอยู่กันได้ ดิฉันคิดว่าท่านเข้าใจค่ะ แล้วก็เรื่องปลิงทั้งหลาย ถ้าเราตัดใจเสียไม่รู้ไม่สนใจ ไม่ฟังคำพูดของคนอื่น ดิฉันคิดคุณก็จะไม่ปัญหาในเรื่องที่เอาความทุกข์ของพวกญาติมาเป็นเรือ่งที่เราต้องรับผิดชอบค่ะ เป็นกำลังใจให้กับเมียฝรั่งทุกคนนะค่ะ เพราะว่าดิฉันรู้ว่าต้องกดดันขนาดใหน อย่างเดียวพูดได้ว่าเราต้องอดทนทำความเข้าใจกับพวกเขาค่ะ ขอบคุณ คุณคิงเพคิน ที่เอาเรื่องดี ๆ มาเล่าสู่กันฟัง เพราะว่ามันเป็นเรื่องจริงที่หลายคนกำลังเจอกันอยู่ค่ะ และก็ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาแชร์ความคิดกันค่ะ สวัสดีปีใหม่ 2551 ค่ะ จากคุณ : ภรรยาสวีเดน (jaruwan_2520) - [ 22 ธ.ค. 50 04:40:03 ]

ความคิดเห็นที่ 137 เรื่องแบบนี้เราว่าไม่เฉพาะที่เป็นภรรรยาฝรั่ง...สังคมไทยทั่วๆไปก็เป็น เอาง่ายๆจากคนไกล้ตัวเรา ลูกน้องสาวๆที่ออฟฟิศ ถ้าใครที่ยังโสดและสวยมักจะมีแฟนและกิ๊กตั้งแต่เบอร์ 1 2 ... ตามลำดับ หากเธอเจอคนใหม่ที่ฐานะดีหน่อยก็จะเริ่มถลุงทั้งแก๊งค์โดยการให้พาเที่ยวกลางคืนบ้างล่ะ ทานอาหารบ้างล่ะ สารพัดเรื่องราวที่จะกุขึ้นมา...เราเคยตักเตือนแต่ไม่เห็นจะแก้ไขได้เลยเพราะอยู่ในเส้นเลือดแล้ว อย่างมากก็ปิดไม่ให้เรารู้แค่นั้น...ลองคิดดูว่าเป็นความจริงใหม? จากคุณ : Idel - [ 22 ธ.ค. 50 10:24:13 ]

ความคิดเห็นที่ 138 ชอบความคิดเห็น 126 ค่ะ ผู้หญิงดี เป็นสาวบาร์ก้อมี ผู้หญิงทำงานปกติ การงานดี แต่แย่งสามีชาวบ้านหน้าตาเฉย ก้อเยอะ..จะบอกว่าเป็นการอบรมเลี้ยงดูมายังไงก็มีส่วนถูก แต่บางครั้ง การศึกษาดีๆ ก็ไม่ช่วยอะไรเลย มันก็ขึ้นอยู่กะหลายๆ อย่างนะคิดว่า แฟน ไม่เคยดูถูกผู้หญิงบาร์เลย จะว่าเค้าแยกแยะไม่ได้ ก็ไม่ใช่ค่ะ แต่เค้ามองคนละมุมกันมากกว่า เค้ารู้ว่าไอ้การที่สาวบาร์ชอบมาบอกบ้านจน อย่างนู้นนี้ บางครั้งก็มีโกหก แต่เค้าก็ยิ้มๆ ไม่ได้คิดมากอะไร (แฟนเล่าให้ฟังค่ะ เพราะตอนอยู่ที่นี่ เรากะแฟนตกลงกันว่า คุณสามารถไป hang out กะเพื่อนตอน weekend ได้นะ และเราก็มีเพื่อนมีสังคมของเราเช่นกัน และเราจะไว้ใจซึ่งกันและกันค่ะ ) เสร็จแฟนก้อเวลาเจอจะมาเล่าให้ฟังประจำ ไม่จำเป็นต้องเป็นผับอะไรหรอกค่ะ แค่ไปนั่งรอเราร้าน แมก ก้อมีน้องนักศึกษามาให้เบอร์ ไปห้องสมุด ก้อมีสาวๆ office มาทักทาย แจกนามบัตร ไอ้แฟนเราก็ใจดีหรือหลงตัวเองก็ไม่รู้ ชอบให้เบอร์เหมือนกัน วันดีคืนดี โทมาเจอเราแถมมาแจกแจงอีกว่าเป็นเจ้าของบริษัทนู่นนี่ แฟนเราไปชอบเค้า เอ๊า! งงฟ่ะ แฮะๆๆ นอกเรื่องมานาน แค่อยากบอกว่าบางครั้ง ของเหล่านี้มันขึ้นอยู่ที่ตัวบุคคล คุณพวกสันดานเกาะแดก เห็นแก่ตัวเนี่ยมันแทรกซึมอยู่ทุกสาขาอาชีพ แต่เราอาจจะเห็นกันบ่อยกับเรื่องราวของ สาวบาร์ต่างๆ แต่กะพวกผู้หยิงทำอาชีพอย่างอื่นบางคน ก้อสร้างภาพกันไป แต่ใจจริงอยากได้ สามีฝรั่งไว้เกาะ ก้อมี..(จนตัวสั่น) ตอนแฟนอยู่เมืองไทยไม่รู้จะกลัวแบบไหนดี สาวบาร์ หรือ สาวผู้ดี แต่ช่างมันเหอะ มันขึ้นอยู่กะอะไรหลายๆ อย่าง หว่งตัวเองจะจิตตก เลยส่งพ่อเจ้าประคุณกับเมืองนอกซะเลย ... (ต้องขออภัย จขกท ที่ยืมเนื้อที่มาระบายความในใจนิดนึงนะคะ) au revoir แก้ไขเมื่อ 22 ธ.ค. 50 11:24:18 จากคุณ : .......... (audray) - [ 22 ธ.ค. 50 11:16:23 ]

ความคิดเห็นที่ 139 เราว่านะ ทำกันแบบนี้ทุกชาติล่ะ ไม่ใช่เฉพาะสาวไทย สาวฝรั่งสวยๆ ก็มี แต่งานกับตายแก่ใกล้ตายแต่มีบ้านหลังใหญ่มีรถหลายคัน แล้วก็หลอกเงินไปซื้อเสื้ิอผ้าแพงๆ เอาเงินไปให้ผู้ชาติอื่น ส่วนสาวพม่า สาวจีน ในชุนบท(พม่าในส่วนที่ติดกับจีน) พ่อแม่ก็ขายให้ไปแต่งงานกับคนจีนในเมืองที่มีฐานะรวย ก็ไถ่เงินสามีกลับบ้าน ปัญหามันอยู่ที่แต่งงานกับคนที่ไม่มีความรัก ศักดิ์ศรีก็หายไป คนพวกนี้ไม่มีจิตสคิด จากคุณ : บ้านนา - [ 22 ธ.ค. 50 13:24:28 A:118.172.53.248 X: ]

ความคิดเห็นที่ 140 รู้จักหญิงไทยที่แต่งงานกับชายต่างชาติหลายคน มีสองคู่ที่หย่ากัน สามีแต่งงานใหม่ ก็ไม่ใช่คนชาติอื่น ภรรยาใหม่หญิงไทย เช่นกัน ไม่รู้จะเข้าตำรา เก่าๆเป็นสนิม หรือเปล่า จากคุณ : บอนเนอร์ - [ 22 ธ.ค. 50 15:49:48 ]

ความคิดเห็นที่ 141 เรื่องของคนรู้จักเหมือนกัน ป้าคนนึงมีลูก 4 คน ชาย 2 หญิง 2 ตายไปแล้วนึงเหลือ 3 ป้าแกอยู่บ้านสวน อยู่ไกล ลึก ลูกสาว 2 คนที่เหลือเลยมาทำงานกรุงเทพฯเพื่อช่วยเรื่องค่าใช้จ่าย ทั้งสองจบแค่ ป.2 ป.4 มาทำงานเย็บผ้า แต่..แต่...2 คนนี้ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยมาก กินทิ้งกินขว้าง เสื้อผ้าดูมอซอ โทรมๆ แต่พวกชุดชั้นในนี่อย่างดีและมีราคาเลย ตอนแรกเราก็งงว่าเย็บผ้านี่มันทำรายได้ดีขนาดใช้จับจ่ายได้คล่องขนาดนี้เลยเหรอ? มีอยู่หนไปหาที่ห้องพักเจอผู้ชายเดินสวนออกมาและผู้หญิงคนนี้นุ่งกระโจมอกอยู่ หล่อนหันไปคุยกับน้องสาวตัวเองบอกว่าเงินจีนน่ะต้องเอาไปแลกก่อน เราเลยถึงบางอ้อ ว่าสองคนมีอาชีพเสริมอย่างนี้นี่เอง ตอนนี้คนพี่ก็ยังทำอยู่แต่ในไทย คนน้องนี่ไปถึงญี่ปุ่นเลยมียากุซ่าเป็นแบ๊คให้ด้วย คาดว่าคงทำงานดีเลยได้รับความไว้วางใจขนาดนี้ เพราะกลับเมืองไทยทีก็มีคนพวกนี้ตามมาด้วย ป้าแกก็รู้และเคยพูดให้ยายของเราฟังด้วยว่า "ลูกที่ขายตัวมาเลี้ยงมาพ่อแม่นี่ เป็นลูกกตัญญู" ป้าแกพูดแบบภูมิใจมากเลย จะว่าไปป้าแกก็มีบ้าน มีสวนนะ มีอาชีพ แต่อาจจะไม่พอสำหรับป้าน่ะ อ้อ สองคนนี้นี่ไม่สวยหรอกนะ ตัวเล็กๆเตี้ยๆ คนนึงผอมแขกไม่ค่อยชอบ แต่คนน้องนี่อวบๆ รับแขกบ่อย(รายละเอียดตอนนี้คนอื่นเล่ามาอีกที) จากคุณ : เรื่องจริงที่....อ่านแล้วก็... - [ 23 ธ.ค. 50 03:27:16 A:84.57.242.48 X: TicketID:133532 ]

ความคิดเห็นที่ 142 ต้องยอมรับ ว่าคนไทย ส่วนใหญ่ เลี้ยงลูกแบบสปอย มาตั้งแต่เกิด ไม่ได้สั่งสอนให้พึ่งตนเอง  หรือรู้จักเก็บสะสมไว้ใช้ไว้กินยามแก่เฒ่าบ้าง   มันก็เป็นอะไรที่เค้าเรียกกันว่า  "ทดแทนบุญคุณพ่อแม่ "  คือเลี้ยงมาจนเติบใหญ่แล้ว  ก็ต้องหาเลี้ยงพ่อแม่บ้าง  อันนี้ไม่ผิด  แต่พี่น้อง  น่าจะครอบครัว ของใครของมัน  นอกจากขัดสนเป็นครั้งคราวก็ว่ากันไป อีกอย่างนึง  การเลี้ยงลูกแบบ ลำเอียง   สำหรับคนบ้านนอก ลูกสาวเป็นความหวังเดียว ที่จะต้องเลี้ยงดูพ่อแม่  ( ลูกชาย สบายเหลือเกิน ) มันเป็นค่านิยม มาแต่โบราณ อยู่ที่คนเราน่ะครับ  สรุปแล้ว   คือถ้ารู้ว่าเป็นแบบนี้ ต้องรู้จักหลีกเลี่ยง หรือตัดขาดญาติพี่น้องบ้างแล้วล่ะ   เหมือนช่วยกันดึงลงเหว  เรายิ่งแย่ๆ อยู่ มันก็ยิ่งช่วยดึงลงไปอีก ผมเอง ในฐานะ ลูกเขยคนเดียว  และแฟนมีพี่ชาย 3 คน โดนมาคล้ายๆ กับที่  จขกท. เล่ามาแหละครับ ย้ายหนีมาหลายที่แล้ว  แต่..ใครจะตัดแม่ตัดลูกได้ลงคอ  สุดท้าย ลูกสาวก็ติดต่อแม่อีก  แห่กันมาเป็นขบวนเลยคราวนี้    ก็ทนๆ ไปหลายปี  จนทั้งพ่อ ทั้งแม่ จากไป  เหลือแต่พี่ชาย  อันนี้ไม่ยากแล้ว   เปลี่ยนที่อยู่ เปลี่ยนเบอร์ใหม่ จบข่าว! ตัดใจครับ  ต้องเลือกทางใดทางหนึ่ง   คือเราต้องตั้งตัวให้ได้ก่อน  มั่นคงเพียงพอที่จะช่วยเหลือคนอื่นได้ แล้วค่อยว่ากันใหม่ ถ้าผมเป็นฝรั่งคนนั้น   ผมคงต้องขอเลิกกับแฟน เช่นกัน จากคุณ : สมาคมช่างกิโลขาย - [ 23 ธ.ค. 50 04:55:08 ]

ความคิดเห็นที่ 143 ต้องขอชื่นชมเจ้าของกระทู้ ไม่เคยมีใครเห็นใจปกป้อง เมียฝรั่งอย่างนี้มาก่อน ผมเจอกับตัวคับ เพราะมีแฟนฝรั่ง ผมกะจะพริ้นท์กระทู้นี้ ให้พี่น้องผมอ่าน (อ่านแล้วเค้าอาจจะไม่ยอมไปเผาผีผมในอนาคตก็เป็นได้) วัฒนธรรมบ้านเราครับ ลูกคนไหนได้ดี พ่อแม่ถือว่าลูกคนนั้นมีบุญ เกิดมามีหน้าที่เกื้อกูลคนอื่น อย่างไม่มีเงื่อนไข ลูกเป็นสมบัติของพ่อแม่ เพราะบุญคุณแห่งการให้กำเนิด นั้นสูงสุด ดังนั้น พ่อแม่สั่งลูกได้ เอาสมบัติลูกคนดีไปโปะให้ลูกไม่เอาถ่าน พ่อแม่ไม่รู้สึุกผิด เพราะฉะนั้นความสมเหตุสมผล ที่ว่าควรจะดุด่าลูกไม่เอาถ่านให้ทำตัวดี ไม่ให้เอาเปรียบพี่น้อง จึงไม่มี คงมีแต่ว่า ลูกคนหนึ่งโชคดี(อย่างในกรณีนี้มีผัวฝรัง) กว่าควรจะชดเชยให้พี่น้องที่โชคไม่ดีเท่า เพราะพ่อแม่ชาวเอเชียเรา มีความคิดฝังหัวว่าตัวเองมีหน้าที่ปกป้องให้ลูกทุกคนมีความสุข (อย่างไม่คำนึงถึงความถูกต้อง อะไรก็ได้ให้ม้ันทุกคนมีความสุข) ดังนั้นลูกคนที่ได้ดีแล้ว ช่างมัน ลูกคนที่ย่ำแย่ แม่จะป้อนความสุขให้เอง เรื่องนิสัยเีสียๆ เป็นบุญทำกรรมแต่ง แก้ไม่ได้ เมื่อก่อนสงสัย ว่าทำไมลูกคนที่ทำงานดีๆ ถึงได้ยอมทุ่มให้พ่อแม่ขุดเอาเงินเก็บไปให้พี่น้องขนาดนั้น จนมาเจอกับตัวเอง ส่วนตัวผมเองทำงานอยู่แล้ว ก็เรื่อยๆทั่วไป จบปริญญาตรี ทำงานบริษัทก็ปกติ งานอดิเรกบ้าอ่านหนังสือ เริ่มต้นที่มีแฟนคนไทยเด็กกว่า จนมาเจอฝรั่งทั้งหนุ่มและแก่ สุดท้ายก็เลือกคนแก่ขึ้นเรื่อยๆ เพราะว่ามีแต่คู่ครองที่ไม่เห็นแก่ความสนุกชั่ววูบเท่านั้น ที่จะพัฒนาเราให้มีความเจริญได้ ยิ่งคนที่ผ่านเห็นโลกมามากแล้วมาสอนเราด้วยประสบการ์ณชีวิตอย่างไม่กั๊ก ถ้าเราเปิดรับ ก็จะได้ประโยชน์ สุดท้ายผมก็คงภาษาอังกฤษดีขึ้นเพราะพูดทุกวัน จนได้เข้าทำงานองค์กรระหว่างประเทศ เอาเป็นว่ารายได้มั่นคง หรือถ้าจะเปลี่ยนงานก็คงประมาณเดิมๆ แต่แฟนผมเค้าเคยมีประสบการ์ณเรื่องเด็กทำงานอาชีพพิเศษ ก็เลยตอนคบกันแรกๆ เค้าชัดเจนเลยว่าถ้าเป็นเรื่องเงินให้ผมปล่าวๆ เค้าจะไม่ให้ ถึงเค้าจะแ่ก่กว่ามาก แต่ถ้าผมรับไม่ได้ ก็จบกันไป เอาเป็นว่าเค้าไม่ให้เงิน ไม่ซื้อของให้ แต่เลี้ยงข้าวที่พัก ผมชอปปิ้งด้วยเงินตัวเองตลอดตั้งแต่คบกันมา แต่ถึงเค้าไม่ให้เงิน ความรู้ที่เค้าให้ เงินเดือนผมก็เยอะขึ้นทุกทีที่เปลี่ยนงาน รวมทั้งพอเรียนรู้การใช้จ่ายอย่่างมีระบบของฝรั่ง ก็เลยมีเงินเก็บของตัวเอง เพราะซื้อของเล็กๆไร้สาระน้อยลง ซื้อแต่ของจำเป็นหรือของใหญมีค่า่ ที่นี้พอมาถึงเรื่องที่บ้าน ผมก็เลยได้รู้ว่า เทคนิคการกดดันลูกนั้นเป็นอย่างไร เรียนตามตรง แม่พูดกับผมจนผมเสียน้ำตา ผมเคยโดนว่าหัวสูงทำตัวมีเหตุผลเป็นฝรั่งไม่ช่วยพี่ช่วยน้อง ผมก็เงียบ ผมเคยโดนว่างก ใจแข็ง ใจดำ ผมเคยโดนเย็นชาไม่พูดด้วย ผมเคยโดนแม่เลี่ียงไม่รับโทรศัพท์ คุยน้อย พูดคำตอบคำ ผมเคยพูดวิธีที่พี่ๆจะแก้ปัญหาการเงินด้วยตัวเอง ก็ไม่ยอมฟัง ทั้งๆที่ปัญหาแก้ไม่ยาก ผมเรียนมาทางด้านเหตุผล ความยุติธรรม ก็หาว่าพูดแก้ตัวเพราะไม่อยากช่วย ผมเคยโดนทวงบุญคุณ เรื่องในอดีต เจ็บจะแย่ ถ้าคุณรักแม่ โทรหาแม่บ่อยมาก มีแต่ความทรงจำดีๆของ แม่ ผู้หญิงคนที่คุณรักที่สุดในโลก คนที่ทำงานหนักมาตลอดเพื่อคุณ แล้วแม่มาว่าคุณแบบนี้ มาเย็นชาใส่คุณแบบนี้ คุณไม่ร้องให้ก็ให้มันรู้ไป้ ผมเข้าใจแม่ ผมคิดเสมอว่าแม่ผมจิตใจดี แต่โดนลูกคนอื่นหลอกใช้ พี่ๆผมก็กดดันแม่ พยายามจะทำเหมือนว่าถ้าไม่ช่วยเรื่องหนี้สิน ก็จะลามเป็นปัญหาเรืองติดเหล้า เรืองเครียดหดหู่ (ไม่เห็นมันกล้าทำร้ายตัวเองอย่างที่ขู่ซะที) แม่ก็เลยใช้สมองความเป็นนักธุรกิจหญิงในอดีต มากดดันผมเต็มเวลา ทุกรูปแบบ เพราะผมมีเงิน แต่ลูกอีกคนกำลังจะแย่ จะทำร้ายตัวเอง และแม่ก็คิดว่าผมควรจะโดนลงโทษด้วยคำพูดเย็นชาเหล่านั้น เพราะผมไม่เชื่อฟังแม่ สุดท้ายแม่ก็ได้เงินของผมไปทั้งน้ำตาของผม เมื่อแม่เอาเรื่องความรักมาต่อรอง บอกผมว่าแม่ไม่รอแล้ว ไม่ต้องคิด ให้รับปากมาเดี๋ยวนั้น ซึ่งลูกทุกคนที่รักแม่ ก็มักจะยอมตาย ดีกว่าจะให้แม่คิดว่า คุณไม่รักแม่ ใช่ไหมครับ ผมเคยคิดแม้กระทั้งจะเอาเงินให้แม่ทั้งหมด แล้วหายตัวไปเลยไม่ติดต่ออีก แต่จะมีประโยชน์อะไร ชีวิตผมอยู่ได้ ส่วนหนึ่งก็เพราะรู้ว่าแม่มีความสุข ี ผมโทษแต่พี่ผม ที่โดนสังคมฟุ้งเฟ้อ ทำให้ทำร้ายคนอื่นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด อย่างไม่บันยะบันยัง ผมเองบอกตามตรง เฉพาะตัวผมเอง ถ้าไม่ได้ฝรั่งแก่ๆมาสอนสั่ง ก็ฟุ้งเฟ้อเช่นกัน (เอาคร่าวๆ ฝรั่งสอนให้เรามั่นใจในตัวเอง จนไม่ต้องเอาของแพงๆมาถมความไม่มั่นใจนะครับ ประกอบกับหน้าที่การงานดีๆ ไม่ต้องพิสูจน์ต้ัวเองมากมายด้วยของมีราคา) ก่อนแม่ผมจะกดดัน พี่ๆเคยมายืมกับผมเอง พอผมถามว่าหนี้สินมาจากไหน ก็ไปฟ้องแม่ว่าผมดูถูกพี่น้อง ไม่เคารพ เห็นคนเป็นหนี้แล้วถามซ้ำให้เจ็บช้ำน้ำใจ น้ำเน่ามั่กๆ ถ้าเจ้าของกระทู้มาอ่าน อยากเรียนให้ทราบว่า น้องนางคนนั้น ก็คงโดนแบบผม เึค้าถึงได้ยอมที่บ้านจนคุณโมโห แต่ผู้หญิงน่าจะใจอ่อนกว่า อย่างน้อยคุณก็จะได้เข้าใจ ว่าทำไม ส่วนผมยังพอกั๊กๆไว้ แต่ก็โดนว่างกกับพี่กับน้องอยู่ดี มันเจ็บนะครับ กรณีผมมันเป็นเงินเก็บของผมเอง ถ้าเป็นเงินแฟนผม ผมคงโดนบอกเลิกเหมือนน้องเจ้าของกระทู้เหมือนกัน เพราะแฟนผมเค้าชัดเจน วิธีแก้ก็คือ ถ้าใครโดนแบบน้องเมียฝรั่งข้างบ้านเจ้าของกระทู้ ให้โกหกว่าฝรั่งขู่จะบอกเลิก เดี๋ยวก็อดรับประทานกันทั้งตระกูล ขู่กลับไปเลย ขู่ว่าฝรั่งรับไม่ได้ ฝรั่งเริ่มไปติดหญิงอื่นแล้ว อย่ารอให้เกิดขึ้นจริงเหมือนกระทู้ตั้งต้น อย่าว่าแต่เงินจะให้ยืมเลย มาเอาเงินมากๆ อีกหน่อยจะกินก็จะไม่มี พูดไปเยอะๆ ส่วนผมพูดไม่ได้ เพราะผมมีงานทำเอง เฮ้อ จากคุณ : เหนือยหน่อยนะครับ - [ 23 ธ.ค. 50 04:57:42 A:58.8.2.129 X: TicketID:132907 ]

ความคิดเห็นที่ 144 อ่านแล้วจะขำหรือจะเศร้าดีหละคะ เราไม่คิดว่ามันคือวัฒนธรรม แต่มันเป็นเพียง "สันดาร" ของคนเท่านั้นค่ะ ยกตัวอย่างง่าย ๆ มากเลย กับลูกของน้าสาวเรา ซึ่งก็คือลูกพี่ลูกน้องของเรา ที่ไปได้สามีฝรั่ง แล้วโดนญาติทางพ่อบางคน "เกาะ" เหมือนอย่างที่ จขกท. ว่ามา รวมถึงพ่อแม่และน้องชายของเขา น้องคนนี้แกมีน้องชาย กะพี่สาว สองคน ตัวพี่สาวของแกก็ไม่เคยแม้แต่จะเอ่ยปากขอ เมื่อก่อน น้องคนนี้ก็ขอเงินจากสามีฝรั่งนี่แหละ มาปรนเปรอครอบครัว ตอนหลัง ๆ มานี่ รู้สึกว่าจะเลิกกันไปแล้ว เพราะสามีฝรั่งทนไม่ได้ น้องเขาก็เลยต้องทำงานหาเงิน (ได้เป็นพลเมืองที่โน่นแล้วค่ะ) เพราะคนที่บ้านก็ยังติดกับนิสัย "เกาะ" แบบนี้อยู่ แต่เนื่องจากน้องคนนี้แกก็ไม่ได้มีความรู้อะไรมากมาย ก็เลยต้องทำงานในโรงงานติดสติ๊กเกอร์เครื่องสำอาง เงินที่หามาได้ก็โดนไถไปหมด บางครั้งตัวเองป่วย ไม่มีงาน ไม่มีรายได้ ก็ยังไม่วายโดนไถ ต้องเร่ไปยืมเงินคนอื่นมาให้ มีอีกหลายคนที่เป็นเพื่อนบ้านเราที่ไปได้แฟนฝรั่ง (ทั้งแก่และหนุ่ม) บางคนก็ตกอยู่ในสภาพที่ จขกท. ว่ามา บางคนก็ไม่ได้ตกอยู่ในสถาพนั้น ส่วนเรา ตั้งแต่เรียนจบแล้วทำงาน ทั้งก่อนและหลังย้ายมาทำงานเมืองนอก (ไม่ได้มีสามีฝรั่งค่ะ) ก็รู้ตัวเองเลย ว่าเป็นความหวังของญาติ ๆ ที่จะใช้เราเป็นที่พึ่งในยามที่เขาลำบากจริง ๆ ญาติ ๆ เรา ไม่เคยแม้แต่จะเอ่ยปากขออะไรจากเรา แม้ว่าจะยากจนข้นแค้นกันอยู่เหมือนสมัยก่อนก็ตาม อย่างมาก ก็แค่มาขอยืมเงินในยามที่เดือดร้อน ยืมแล้วก็คืนให้ทั้งหมด ช้าหรือเร็วก็แล้วแต่กำลังของแต่ละคน มีแต่คนอื่น ที่เป็นเพื่อนบ้านห่าง ๆ เท่านั้นที่เคยพูดทีเล่นทีจริง แต่เราก็ไม่ได้สนใจอะไร โดยรวมแล้ว เราคิดว่าเป็นที่นิสัยเฉพาะบุคคลมากกว่าที่จะเป็นวัฒนธรรม พวกคุณอาจจะเคยพบ เคยเห็นคนที่เป็นแบบนั้น แต่เราเคยเห็นมาแล้วทั้งสองแบบ ซึ่งก็เป็นสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน มีอีกอย่าง ที่เราอยากจะพูด จากประสบการณ์ของเรา คนรอบข้างของเราจะทำตัวในลักษณะไหนกับเรา มันขึ้นอยู่กับการแสดงออกของตัวเราด้วยนะคะ ถ้าเราทำให้เขาเห็น และเข้าใจว่า เงินทุกบาททุกสตางค์ที่เราหามาได้ เราเห็นคุณค่าของมัน และใช้มันอย่างประหยัด แสดงให้เขาเห็นตั้งแต่แรก ว่าเงินที่เราใช้ เราใช้กับเรื่องที่จำเป็นจริงๆ ไม่ได้ใช้ไปกับอบายมุขหรือสิ่งที่ไร้สาระ เวลาที่เขาจะมาขอยืมจากเรา เขาก็จะคิดแล้ว ว่าจำเป็นต้องยืมจริง ๆ ไม่ใช่เอะอะก็จะยืมเราท่าเดียว แม้แต่น้องสาวเรา ที่อยากจะมาเรียนต่อที่เมืองที่เราทำงานอยู่ เขาก็ยังต้องหาเงินเรียนเอง เราจะช่วยเรื่องเงินก็ต่อเมื่อจำเป็นจริง ๆ เท่านั้น ซึ่งก็เป็นการช่วยในลักษณะเหมือนกับการให้ยืม ฟังดูอาจจะยาก หรืออาจจะถูกมองว่าเป็นคนใจดำ แต่มันเป็นวิธีที่ละมุนละม่อมและได้ผลดีที่สุด แก้ไขเมื่อ 23 ธ.ค. 50 06:56:34 จากคุณ : Noise219 - [ 23 ธ.ค. 50 06:37:24 ]

ความคิดเห็นที่ 145 สวัสดีค่ะทุกคน ว่าง ๆ เข้าไป ติ ชม เล่าประสบการณ์ ดี ไม่ดี อย่าเล่า อยากบ่น เรื่องของท่าน ๆ หรือ อาจจะนินทาสามี วางรูป อวดรูป ได้ที่นี่ค่ะ http://www.miafarang.org/ http://www.miafarang.org/?q=forum ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่ชมรมเมียฝรั่งค่ะ จากคุณ : miafarang - [ 23 ธ.ค. 50 07:57:06 A:67.164.82.139 X: ]

ความคิดเห็นที่ 146 โห! เรื่องจริงหรือนี่ ผมนึกว่าละครซะอีก จากคุณ : จิ้งจก (tomjohn) - [ 23 ธ.ค. 50 16:58:42 ]

ความคิดเห็นที่ 147 เฮ้อ.. อ่านแล้วปัญหาคล้ายๆกับคนใกล้ตัว ระบบไถแดกแบบนี้ทำครอบครัวพังมาหลายคู่แล้ว บางคนก็น่าเห็นใจคนไม่มีจะกินจริงๆมันก็มีนะคะ แต่บางคนได้ไปก็ไม่รู้จักพอ อ่านแล้วก็ปลง จากคุณ : น้องหมาบีเกิ้ล - [ 24 ธ.ค. 50 01:43:20 ]

ความคิดเห็นที่ 148 เศร้า.. จากคุณ : หญิงป้า - [ 24 ธ.ค. 50 10:38:01 ]

ความคิดเห็นที่ 149 งืม ... อ่านที่คุณคิงเพนกวินเล่ามา  ผมคงไม่สนใจหาสามีฝรั่งหรอกครับ แต่สนใจและต้องการเป็นเพื่อนกับคุณมั่กๆ วันหลังพอมีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจใดๆ ก็จะมีคุณคิงเพนกวินนี่แหละ คอยช่วยเหลือเจือจาน อิอิอิ จากคุณ : เข้ามาจอบ - [ 24 ธ.ค. 50 20:14:57 ]

ความคิดเห็นที่ 150 ^ ^ ^ ^ กรี๊ดดดดดดดดดดดดด...ด //me  วิ่งหนีไปด้วยความเร็วสูง >x< จากคุณ : คิงเพนกวิน - [ 24 ธ.ค. 50 21:35:45 ]

ความคิดเห็นที่ 151 ผมว่าไม่ต้องฝรั่งหรอก ไทย จีน ญี่ปุ่น ถ้ารวยๆก็เจอหมด แต่มันอยู่ที่ว่าส่วนใหญ่ คนไทยกะคนจีนที่รวยๆจะเลือกเป็น แล้วก็คนไหนหน้าตาแบบไหน หรือว่าฐานะทางบ้านยังไงที่ถ้าเลือกไปแล้ว จะเกิดปัญหาแบบนี้ และก็คนไทยกะคนจีนนี่เวลาจะแต่งงาน จะต้องผ่านพ่อแม่ก่อน และถ้าพ่อแม่ดูออกนี่จะกีดกันแบบสุดๆ อีกอย่างสเปคเค้าก็ชอบหมวยๆ ขาวๆ การศึกษาดีๆ ไม่เหมือนฝรั่ง และก็ถ้ามีแฟนคนไทย มันดูไม่ออกว่าคนไหนรวย แต่ถ้ามีแฟนฝรั่งนี่ เค้าก็คิดว่ายังไงก็รวยอยู่แล้ว ทั้งๆที่ฝรั่งจนกว่าคนไทยมีเยอะแยะ จากคุณ : กก (คนเดินบนดิน) - [ 24 ธ.ค. 50 23:59:56 ]

ความคิดเห็นที่ 152 "สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม" กรรม ในที่นี้คือการกระทำ ใคร ปลูกส้ม ก็ต้องได้กินส้ม ฉะนั้นใครทำอย่างไรก็ต้องได้อย่างนั้น เห็น กระทู้ นี้ก็ เฮ้ยยย ถอนหายใจเหมือนหลายๆ คนเลยนะค่ะ ปัญหาของประเทศเราไม่ใช่เรายังไม่มีรัฐบาลหรอกค่ะ แต่ไอ้ปัญหาครอบครัวนี่แหละ ใหญ่มากก และไม่รู้จะแก้ได้เมื่อไหร่ ความจริงก็สงสารคุณยายนะค่ะ จากที่อ่าน แต่ถ้าย้อนไปแล้วมันก็เป็นกรรมคือ การกระทำของคุณยายด้วยส่วนหนึ่ง เพราะตัวเองเคยมีเพื่อนที่มาเรียนด้วยกัน เธอเป็นลูกสาวคนเดียว บิดามารดา รักลูกชาย ver เธอต้องทำงานทุกอย่างแทนพี่น้องที่เป็นผู้ชาย ข้อหาเดี๋ยวคือผู้ชายบวชให้แม่ได้ ซะงั้น ท้ายที่สุดตอนนี้พี่น้องผู้ชายมีลูกมีเมีย รวมทั้งบวชแล้ว ก็ยังวนเวียนขอเงินแม่ใช้ โดยเงินนั้นมาจากการทำงาน (อันนี้เพื่อนยังโสด ไม่ได้มีสามีฝรั่งนะค่ะ) อันแสนหนักหนาของเธอ ทั้งๆที่ทำงานดีมาก แต่ไม่มีอารายเป็นของตัวเองเลย ให้แม่ ปลูกบ้านให้แม่ และพี่ชายอยู่ เฮ้อออ มนุษย์ ก็พูดมาซะยาว ส่วนตัวก็มีแฟน ต่างชาติ ค่ะ กำลังจะแต่งงานกัน และต้องย้ายไปอยู่ต่างประเทศ เป้าหมายหลักคือ มีครอบครัวที่อบอุ่น เพราะส่วนตัวสามารถหารายได้ๆ เป็นล้านต่อปี แต่เราเลือกที่จะไปเพราะสาเหตุหลายประการ ตอนแรกที่บ้านไม่อยากให้แต่งและย้ายไป เพราะเราก็มีชีวิตที่ดีอยู่แล้ว แต่อย่างว่าความรักเลือกไม่ได้ค่ะ แต่ส่วนตัวคงไปเจอปัญหานี้ เพราะไม่มีพี่น้องผู้ชาย ฮาๆๆๆๆๆ พี่น้องผู้หญิง มีงานการที่ดีทำกันหมด (นอกเรื่องนิด นี่แสดงว่าผู้ชายไทย ไม่ค่อยได้เรื่องเปล่านะ โชคดีที่มีแต่ผุ้หญิงล้วน อะอะ ล้อเล่น) เรามีแม่คนเดี๋ยว และฉันก็ทำงานและแบ่งให้แกใช้ทุกเดือนอยู่แล้ว ยังไงแม่เราคงทิ้งไม่ได้ เพราะ พระคุณแม่ยิ่งใหญ่หาสิ่งใดเปรียบ ดิฉันเอาเงินเก็บตัวเอง (จากการทำงานล้วนๆนะจ๊ะ) เพื่อส่งให้แกใช้เท่าเดิม ก่อนที่จะไปต่างประเทศ เพราะ เราไม่อยากเอาเงินสามีส่งให้ที่บ้านเพราะไม่ใช้หน้าที่เค้า ถ้าเรามีงานทำแล้วค่อยว่ากันอีกที ส่วนญาติ พี่น้อง ใกลๆ ก็มีบ้างที่มาวุ่นวาย แต่ดิฉัน ไม่เคยให้ปลานะค่ะ เราจะให้เบ็ด เพราะถ้าไม่มีทางทำมาหากินเองก็คงมาขอทุกครั้งไป ดังนั้นเราไม่มีปัญหาเลย อยู่ที่การจัดการของเรา และพื้นฐานครอบครัวจริงๆ ต้องขอบคุณที่มีแม่ที่น่ารัก และพี่น้องสาวๆ ที่ดี แต่อย่างไรเสียสำหรับคุณๆ ที่มีปัญหาเรื่องที่บ้านมาวุ้นวาย คุณต้องจัดการเป็นนะค่ะ เพราะเราเป็นคนกลาง ซ้ายก็สามี ขวาก็ญาติ ดิฉันมีคติ 1 อย่างที่น่าจะใช้ได้ การเป็นญาติกันเราไม่ได้มีหน้าที่รับผิดชอบชีวิตใคร (รับมีหน้าที่รับผิดชอบตัวเอง ครอบครัวเรา และบุพการีเท่านั้น)แต่เรามีหน้าทีท้วงติงหวังดีอย่างจริงใจหรือให้คำแนะนำที่ถูกต้องแก่กัน นี่คือ ญาติ แต่แม่ และพ่อ อย่างไรก็ต้องดูแลบ้างค่ะ เพราะเราเคยขี่คอเค้าเล่นมาตอนเป็นเด็ก เฝ้าเรายามเราป่วย ทุกลมหายใจคือลูก (มีจิตวิญาญความเป็นแม่สูงจริงๆ เลยเรา)จะลืมได้อย่างไรถ้าใจเรายังเป็นมนุษย์อยู่จริงไหมค่ะ สำหรับแฟน เค้าไม่มีอคติใดๆกับผู้หญิงไทยเลย เพราะเรา sport มากๆๆ มาบ้านเราจิ๊บๆ เราเลี้ยงได้ 555 man ซะงั้นเรา อยู่ที่ความรักและความเข้าใจค่ะ และไม่เคยพูดเรื่องเงินกันเลยถึงแม้เค้าจะให้ทุกเดือน แต่ดิฉันยังไม่เคยใช้ส่วนนั้นเลย เก็บไว้ให้ลูกเราในอนาคตล้วนๆค่ะ อย่างไรเสีย ทุกชีวิตก็มีกรรมเป็นของตัวเอง ค่ะ ทำอย่างไรได้อย่างนั้น อย่ากลัวกับการทำงานเหนื่อยถ้าอยากได้เงิน เพราะไม่เคยมีใครตายเพราะทำงานหนักนะค่ะ จากคุณ : power girl - [ 26 ธ.ค. 50 21:38:34 A:124.120.184.130 X: ]

ความคิดเห็นที่ 153 เห็นภาพมากเลยคะ แล้วก็พอจะเห็นมาบ้าง อย่างฝรั่งที่รู้จักที่นี่ ก็อยากจะมีภรรยาคนไทยมาก เืพื่อนๆเขามีกันหมดเลย (อะไรจะป๊อบขนาดน้านน) เราก็เล่าให้ฟังนะ เรื่องวัฒนธรรมปลิงเนี่ย ว่ามันอาจจะเกิดขึ้น ถ้าคุณแจ๊คพอตได้ภรรยาจากสังคมแบบนั้น (ก็เห็นกระสันซะเหลือเกิน) เขาบอกว่า เขารับได้ เพื่อนๆเขาก็โดนกัน แต่ทุกคนก็เข้าใจ (เข้าใจว่าครอบครัวภรรยายากจนจึงต้องการช่วยเหลือ เลี้ยงดู) เราเลยเล่าเคสต่อไป ว่า ครอบครัวที่ว่า ไม่ใช่มีแต่พ่อ แม่ พี่น้องนะ มีผัวด้วย (เอาแล้ว.. มันเริ่มจะอึ้ง ฮา ฮา) แต่มันเป็นเรื่องจริงนี่หน่าที่เกิดขึ้นมาแล้ว ทำฝรั่งช้ำใจไปหลายราย เราก็บอกว่า จะรักคนไทยนะ ก็ดูดีๆ คนที่มาจากสังคมดีๆ ก็มีเยอะแยะ คนที่คุณไม่ต้องไปร่วมรับผิดชอบครอบครัวของเขาด้วย เพราะเขามีปัญญาเลี้ยงดูของเขาเอง ก็มี คนที่มีปัญญา มีฐานะทัดเทียมกัน ก็มี ไม่ต้องรีบร้อน ก็ดูเหมือนจะเข้าใจ แต่ก็ไม่รู้มันจะเป็นยังไงต่อเหมือนกันนะ จากคุณ : นานา - [ 27 ธ.ค. 50 00:02:03 A:80.223.189.195 X: TicketID:159640 ]

ความคิดเห็นที่ 154 แวะเข้ามาดู แต่ดัน อ่านผ่านๆ เจอ คห118 โดนมากๆค่ะ มีความคิดเหมือนกันเลย :-)งง อ่าน คห118 เลือดพุงกระฉูดเหมือนกัน รู้ไหม สาวๆ ปลิง หรือกตัญญูฆาต ทั้งหลาย ทำไรไปหัดคิดถึง ส่วนรวมนิดนึง ตรูเหนือยนะ ที่ต้องทำเพื่อหน้าตาของประเทศ (ถ้าทุกคนร่วมมือกัน รักประเทศชาติตัวเองหน่อยก็จะไม่บ่นเลย) มีคนกลุ่มนึง ไม่เคยเลยที่จะทำ คิดแต่ตัวเอง เราคิดว่า คนที่อยู่ต่างประเทศ คุณมาใช้ชีวิต เมืองนอก มันไม่ใช่แค่ ชีวิตคุณคนเดียว แต่คุณรู้ไหม คุณมีค่ามากกว่า ตัวแทน ฑูตอีกด้วยสิ เพราะคุณต้องตอบคำถาม ของคนต่างชาติเกี่ยวกับประเทศไทย พฤติกรรม ของคุณ แม้แต่ปลายเล็บ เขาก็นึกรวมไปทั้งประเทศแล้ว ยังไงก็ขอให้ นึกถึงส่วนรวมบ้างละกานนนะ เหนือยยยจายๆๆๆๆๆๆๆ ศักดิ์ศรีไปไหน หมดวะ คนพวกเนี้ย ถ้าทำตัวแบบนี้ คุณตายไป คนรุ่นหลังสืบมา ก็จะว่า "บรรพบุรุษ สอนมาแบบเนี้..........." จากคุณ : c_la_vie - [ 28 ธ.ค. 50 01:00:25 ]

ความคิดเห็นที่ 155 ไม่รู้ว่ามาแชร์ประสบการณ์วันนี้จะสายไปหรือเปล่า จะบอกว่า เราก็เคยเจอ แต่ของเราออกจะน่ารังเกียจกว่าด้วยซ้ำ ปีก่อนเรามาโครงการ ออแพร์ เราจบป.ตรี ไปเจอคนอีกคนนึงจบป.ตรีที่เดียวกันมา เลยคุยกันเป็นเพื่อนกัน เพื่อนออแพร์คนนี้ถามว่ามีแฟนหรือยัง เราก้บอกว่ามีแล้ว เพื่อนคนนี้บอกว่า เลิกไว้เลย ไปหาเอาข้างกันกันเหอะ >>> แสดงออกตั้งแต่ยังไม่มาเหยียบอเมริกา ไอ้เราก็นึกว่าพูดเล่น ชีพูดจริง มาถึงหาทางไปแต่ผับแต่บาร์ พอมีผู้ชายแก่มาเข้าทางปุีป เธอก็หลอกแดกเลย อันนี้ไม่ได้หลอกเพื่อบ้านด้วย หลอกเพื่อตัวเอง ชีเคยบอกชั้นว่า ชีวิตนี้ชีต้องขับมินิคูเปอร์ให้ได้ ( ไม่ว่าด้วยทางไหนก็ตาม) ชีหลอกใช้ได้หมดทุกคน จนมีวันนึงฝรั่งแก่ที่ชีหลอกแดกให้ซื้อของพาไปกินข้าวแล้วดูท่าจะให้ความช่วยเหลือเรื่องเงินชีได้ ขอชีเป็นแฟน ชีก็เล่นตัวไป ฝรั่งบอกว่า ชั้นรู้แล้วว่าที่ผ่านมา เธอแค่หลอกใช้ชั้น ให้ชั้นพาไปกินข้าว ดูหนัง ซื้อของให้ ชั้นจะไปส่งเธอที่บ้านเดี๋ยวนี้ พอชีลงรถปุ๊ป ฝรั่งกก็บอกว่า ข้าวของที่ชั้นซื้อให้เธอ เธอทิ้งไว้ในรถนะ เธอเอาไปได้แต่ตัว ชีก้โทรมาล่าให้ชั้นฟังเดี๋ยวนั้นเลยว่า อย่างน้อยชีก็แอบเก็บของไว้ติดตัวบางส่วนแล้ว >>> น่าภูมิใจมาก ในสายตาชี ชั้นเล่าให้โฮสท์ฟัง โฮสท์หัวเราะใหญ่ ถามว่าเธอคิดว่าฝรั่งไม่ทันผู้หญิงคนนี้เหรอ เธอคิดว่าคนอเมริกันโง่แบบที่ผู้หญิงคนนี้คิดเหรอ แล้วก้ถามว่า ประเทศไทยมีผู้หญิงแบบนี้เยอะไหม หลังจากนั้นพอเพื่อนออแพร์คนนี้โดนไล่ออกจากบ้าน ชนิดไม่มีที่ไปเลย ทั้งๆที่โฮสท์สุดแสนจะดีแสนดี รถก็ให้ขับ ค่าเรียนก็ออกให้ ทิปก็ยังให้ นอนกลางวันก้ได้ คอมพิวเตอร์ก็มีให้ห้องนอน พอชีออกจากบ้านมาแล้ว คราวนี้ชีจับผู้ชายเกาหลีแก่ได้ ตามสไตล์ ชีบอกว่าสนใจไหม มีเพื่อนๆเยอะเลยนะ (ผู้ชายมีเพื่อนๆแก่ๆให้หลอก) ชั้นบอกว่าไม่สนใจ ชีบอกว่าชั้นโง่ >>>> เพราะตูไม่อย่างฉลาดแบบม.ง คนเกาหลีแก่ไม่ได้แกล้งโง่เหมือนฝรั่งแก่ ชีหลอกได้เท่าไหร่ไม่รู้ แต่รู้ว่าชีเสียมากกว่าตัว แล้วคนเกาหลีก็ทิ้วชีไปอีก เมื่อรู้เช่นเห็นชาติ ตอนนี้ก้ถึงตาชายไทยผู้โชคดีที่ได้ชีไปเป็นปลิงเกาะ แต่ยังดีกว่าให้ชีไปหลอกแดกคนต่างชาติให้คนอื่นเค้าดูถูกผู้หญิงไทย ปล.ชั้นบอกตรงๆ ชั้นไม่ชอบตอนที่เป็นออแพร์แล้วเค้าบอกว่า ออแพร์อีซี่ แต่ชั้นก้ต้องยอมรับว่า แม้ชั้นจะไม่ใช่ แต่ออแพร์ไทยหลายๆคน อีซี่จริงๆ อีซี่ เมคมันนี่ แล้วก้ฉลาดหลอกด้วย ชั้นไม่ภูมิใจเลยสักนิด แต่ชั้นไม่อยากให้คนอ่านเหมาว่าออแพร์เป็นแบบนี้ทุกคน ออแพร์ดีๆยังมีเยอะคะ จากคุณ : ออแพร์เก่าเล่าเอง - [ 28 ธ.ค. 50 13:19:05 A:68.55.138.231 X: TicketID:164177 ]

ความคิดเห็นที่ 156 I have amrican husband. we r not rich. my family ask me for money. they offer to send some money to me if we not have money enough. however, we never ask for money. everytime, i went back to thai. they just say.. don't bring any gifts back for them, and everybody will take me to eat (they pay for)  all the time that I am there. most of them not have high education too..   just my opinion..   what people do it to you , it is becaz who they are.. how good they are. จากคุณ : kkoy - [ 28 ธ.ค. 50 22:02:18 ]

ความคิดเห็นที่ 157 oh-- when my hus. family come to thailand for 7 days.. my family & relatives pay for all travel & food ..  so, 3 Americans  didn't have to pay for anything.. (except , their shopping) จากคุณ : kkoy - [ 28 ธ.ค. 50 22:23:25 ]

ความคิดเห็นที่ 158 ผมมีเพื่อนอยู่คนนึงนะบ้านมันอยู่แถวอีสาน เคยคุยเรื่องนี้กับเธอครั้งนึง ( เธอมีอาชีพเป็นช่างซ่อมเครื่องบินของสายการบินแห่งหนึ่ง) ขอเรียกว่ามันนะ ก็เล่าให้ฟังประมาณว่า เคยมีญาติกับคนข้างบ้านมาบอกให้มันไปหาสามีฝรั่งจะได้ให้สามีมาเลี้ยงพวกเค้าได้ มันเลยตอบประมาณว่าทำไมชั้นต้องไปเกาะพวกคนพวกนี้หละ ชั้นก็มีมือมีเท้า มีปัญญาหาเงินเลี้ยงตัวเองแล้วก็คนในบ้านได้ แล้วอีกอย่างถ้าเกิดชั้นแต่งงานกับคนฝรั่งทำไมชั้นต้องเอาเงินมาเลี้ยงพวกญาติชั้นล่ะ ถ้าเกิดมีปัญญาใช้เงินแต่ไม่มีปัญญาหาเงินก็เชิญอดตายไปเลย จากคุณ : MomimO - [ 28 ธ.ค. 50 22:39:27 A:124.120.19.2 X: TicketID:163978 ]

ความคิดเห็นที่ 159 k. MomimO...    5555   that's so good.... Sa: - Jaiiii... - MAKKK จากคุณ : kkoy - [ 29 ธ.ค. 50 22:54:30 ]