ความคิดเห็นที่ 14
คนอเมริกันคนหนึ่ง เดินเข้าไปในร้านอาหารแดกด่วน
Let me get the Number One Combo, and I'd like a hot coffee to go with that.(please) ...and can u make sure it's fresh brew ? ...you know what, just go ahead and make a new pot, look like it's been sitting there for ages.
คนอเมริกันพูดเรื่อง สิทธิ เรื่องอายุ เรื่องวุฒิภาวะ อายุเท่านั้นเท่านี้ มีใบขับขี่ได้โดยไม่ต้องมีผู้ปกครองรับรอง อายุเท่านั้นเท่านี้เข้าผับได้ อายุเท่านั้นเท่านี้สามารถ vote ได้
แต่ในขณะเดียวกัน ศาลมีความเห็นในกรณีนีว่า ทางร้านมีความผิด และจะต้อง--รับผิดชอบ--กับการไม่ระวัง---ความไม่รู้ของลูกค้า---ว่ากาแฟมันร้อนนะ
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ผู้คนพูดเรื่องสิทธิ คิดเรื่องสิทธิ โดย(ตั้งใจ)ลืม ว่า สิทธิ มาพร้อมกับหน้าที่และความรับผิดชอบ
คุณมีสิทธิ drive แต่คุณก็มีหน้าที่ study law-and-regulation and drive with responsibility คุณโตพอที่จะมีสิทธิ drink แต่คุณก็มีหน้าที่ drink responsibility - u know when to drink and when to stop drinking. คุณโตพอที่จะ Vote คุณก็มีหน้าที่รับรู้ข้อมูลความเป็นไปเพื่อให้เสียง vote ของคุณนั้นเป็น the vote that is worth counting.
เมื่อมีผลเสียใดๆเกิดขึ้น สิ่งแรก ที่คนอเมริกันมองหา คือ คน (อื่น) ที่จะต้องมารับผิดชอบความสูญเสียนั้นๆ
ถูกกาแฟลวก สิ่งที่ควรจะเป็นคือ Oh Shit !!! ( What did I do to myself again? )
แต่ ด้วยเหตุผลที่กล่าวมา ว่า คนอ้างเรื่องสิทธิ โดยละเลยเรื่องหน้าที่ความรับผิดชอบของตัวเอง พอถูกกาแฟลวก (ตัวเองทำเอง) สิ่งแรกที่คิดคือ Somebody got to be responsible for this. แต่บังเอิญว่าคู่กรณีในครั้งนี้คือ The Biggest franchise fast food in the US. มันก็กลายเป็น "YOU" got to pay for this.
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ทีนี้
ศาล เมื่อได้รับคดีความอย่างนี้ ก็อย่างที่รู้กันว่า ตัวกฏหมาย ไม่ว่าของประเทศไหนก็ตาม มันมีช่องว่างทั้งนั้น ก็อยู่ที่ว่าทนายของฝ่ายไหนจะเก่งกว่ากันในการหาช่องว่างตรงนั้น เพื่อให้ฝ่ายที่ตัวเอง represent ได้รับผลประโยชน์ที่สุด ก็ไปที่ detail ว่า Temperature ของ hot drink ในร้านอาหาร ต้องไม่เกินเท่านี้ๆดีกรี ถ้าเกิน ก็มีการละเมิดกฏ
ถามว่า ผลตัดสินออกมา เป็นประโยชน์กับใครบ้าง คนๆนั้นได้รับค่าเสียหายชดใช้ กับความ careless ของตัวเอง ส่วนธุรกิจขายอาหาร ก็ต้องระวังตัวเองมากขึ้น ใส่ใจมากขึ้น (โดยการแค่พิมพ์ข้อความที่ ถ้าคุณเป็นคนที่ยังมีสติปกติดีอยู่ คุณก็คงรู้ได้เองอยู่แล้วว่า The content contains in this cup is extremely hot.-- ช่างเป็นเรื่องน่าขบขันเหลือเกิน ให้ตายเถอะ)
คนประเภทไหนก็ตาม ที่ต้องมีข้อความอย่างนี้เตือน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายจากกาแฟร้อนลวก คนประเภทนั้น ถึงจะรอดพ้นจากการโดนกาแฟลวก (เพราะมีคำเตือนอยู่บอกให้ระวัง) มันก็จะต้องโดนรถตัดหญ้าชนตายอยู่หน้าบ้านตัวเองอยู่ดี ไม่วันใดก็วันหนึ่ง
เวลาถือถ้วยกาแฟ To Go ออกจากร้าน แล้วเห็นข้อความแบบนี้บนถ้วย ทุกครั้งผมรู้สึกขบขัน
อีกหน่อย มันคงแจก thermometer แบบ dispensable แนบมากับถ้วยด้วย หรือไม่ก็คงมีการออกแบบ To Go Cup equipped with thermo indicator. ( Just to remind you that "Look out, baby, That's HOT." )
ความคิดเห็นของผมในกรณีนี้ เกี่ยวกับการติดสินของศาลก็คือ...
ถ้าศาลตัดสินออกมาอีกแบบ ผลประโยชน์ในวงกว้างจะได้มากกว่านี้ คือตัดสินว่า ลูกค้าคนนั้น มีความผิด ในฐานที่ละเลย ไม่มีความระวัง ไม่รับผิดชอบในความปลอดภัยในชีวิตของตัวเอง ส่วนร้านอาหารแดกด่วนร้านนั้น ก็จะต้องถูกปรับในฐานที่ละเลยการควบคุมอุณหภูมิของเครื่องดื่มร้อนอย่างไรๆก็ว่าไป
และศาลควรออกกฏ หรือ regulation อะไรสักอย่าง หรือเพียงเพื่อเป็นการ acknowlege the public ให้รับรู้ว่า ผู้บริโภคทุกคนมีหน้าที่ aware ว่าตัวเองกำลังบริโภคอะไร อย่างไร ถ้ากำลังถือถ้วยกาแฟร้อน ก็จะต้องมีหน้าที่ระวังเป็นพิเศษ ทั้งนี้ไม่ใช่เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเองได้รับอันตราย แต่เป็นหน้าที่ที่จะต้องระวังเพื่อไม่ให้ตัวเองทำกาแฟราดโดนคนอื่นๆในสังคมด้วย
"...otherwise u will be considered as a threat to the safety of american people and your RIGHT TO DRINK HOT COFFEE will be revoked or banned until u can prove to the court that u understand how, and able to handle hot drink properly." --- Excerpt from the RIGHT TO DRINK COFFEE ACT.
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ประเด็นในกระทู้นี้ เป็นเรื่องที่ผมเคยพยายามทำความเข้าใจ ว่าทำไม
ทั้งๆที่คนเมกันโดยทั่วไป ( พูดถึงระดับ individual ) แล้วก็อยากอยู่แบบสงบๆ ไม่อยากยุ่งกับใครถ้าไม่จำเป็น แต่อะไรที่ทำให้เนื้อหาสาระของการฟ้องร้องกัน ถึงได้ข้ามเส้นแบ่งทางจริยธรรมไปถึงจุดที่เราไม่สามารถทำใจเชื่อได้ว่า ทั้งจำนวน และเนื้อหาของคดีความต่างๆที่มีอยู่ นี่หรือคือตัวแทน คือสิ่งที่บ่งบอกชีวิตจิตใจของคนอเมริกัน
เมื่อมาพิจารณาดูแล้ว การฟ้องร้องในคดีหยุมหยิ๋มต่างๆ ประเภทที่ว่า ไม่น่าจะมาถึงขั้นต้องถึงศาล เพราะปฏิสัมพันธ์ของคนในสังคม มันหลีกเลี่ยงประเด็นพวกนี้ไม่ได้อยู่แล้ว และในภาวะปกติ (ถ้าสังคมนั้นมีความเป็นปกติ) ความขัดแย้งพวกนั้น มันสามารถ resolve กันได้ง่ายๆ แค่นั่งคุยกันดีๆ ครั้งสองครั้ง ก็แค่นั้น ถึงแม้จะไม่ขนาดที่ว่า make it all go away ได้ก็ตาม แต่ถ้าสังคมนั้นยังมีความเป็นปกติอยู่ ---> ผู้คนจะสามารถประนีประนอมยอมความกันได้ในประเด็นพวกนั้น
แต่การฟ้องร้องในคดีต่างๆในระดับเนื้อหาที่เราคุยกันนี้ เกิดขึ้น และมีอยู่ จนกลายเป็นวัฒนธรรมการฟ้องร้อง และที่สำคัญก็คือ ทั่วโลก ก็กำลังตามวัฒนธรรมการฟ้องร้องที่ว่านี้
เพราะอะไร?
คำตอบสั้นๆก็คือ เพราะคนไม่มีความสุขกับชีวิต
You hate your life and I hate mine. We all hate what we have turned into.
เมื่อไม่มีความสุขกับชีวิต (ด้วยเหตุผลอะไรสักอย่าง เช่น ไม่มีที่พึ่งทางจิตวิญญาณที่แท้จริง สถาบันครอบครัวล้มเหลว เป็นต้น) การไม่มีความพึงพอใจในชีวิตตามที่คาดหวัง ตรงนี้ เมื่อมันไปสวมทับเข้ากับทัศนคติเรื่องของสิทธิ เรื่อง Rights ของคนอเมริกัน ผลก็คือ เมื่อไม่มีความสุข ก็โหยหาคนมารับผิดชอบ ทุกอย่างต้องมีคน(อื่น)มารับผิดชอบ มันคือ The Blame Game.
เมื่อมีความผิดพลาดอะไรสักอย่าง ทำให้ไม่มีความสุขกับชีวิต มันจะต้องมีใครสักคน (คนอื่น) ที่มารับผิดชอบ ทุกๆเรื่อง แม้กระทั่งการล้มเหลวในชีวิตคู่ เรื่องของความสัมพันธ์ส่วนตัว ก็ต้องมีคน (อื่น )ที่มารับผิดขอบ
Your wife left you ---> it's mostly HER FAULT. ( not that you spent the whole time out there drinking heavily and completely forgot that u got wife and kids waiting home not even to mention that u missed your daugther's piano recital for 3 times in a row, and.... when's your wife's birthday?)
Your husband had a little fun with his secretary---> it's totally HIS FAULT. (not that you put on 30 pounds extra since married and always aired out all his little things to your neighbors and what's the deal about who left the toilet seat up --or should it be down ? and where the hell is the tootpaste cap ? )
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
I am an american and I will live an american dream because I deserve it.
but I don't know WHY I am not satisfied with my life. I hate what my life has turned into.
and I think somebody( else) got to be responsible for it.
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
and u know what ? my puppy just passed away ---> there might be poison in the dog food !!! Will you all excuse me now ? I think I'm gonna call my lawyer.
Oh no no no, waittttttt a sec.
I think I should call my therapist first, so that I will have prove for emotional distress.
See? I always know exactly what to do. I am an american and I know exactly what to do. I am totally in control. I am here to win.
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
I deserve all the best, and IF NOT -----> there must be somebody (else) responsible for it.
จากคุณ :
- 072648
- [
20 ธ.ค. 50 23:21:26
A:58.136.71.222 X: TicketID:072648
]
|
|
|