Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    ~~~ ........กว่าจะได้วีซ่า........~~~

    ก่อนอื่นต้อง....ขอบคุณเพื่อนๆพี่ๆ ทุกคนที่เป็นกำลังใจให้
    และให้คำแนะนำต่างๆ
    เมื่อตอนที่มีปัญหากับเอเจนพ่อค้า
    (รวมถึงทุกคนที่เมลล์มาขอข้อมูลด้วยนะคะ)

    ตอนนี้วีซ่าผ่านแล้ว
    จะเดินทางวันที่ 7มกราค่ะ
    ถ้าเป็นไปได้ก็อยากเจอเพื่อนๆที่นั่น ถ้ามีโอกาสนะคะ

    อยากฝากถึงคนที่กำลังจะไปออสเตรเลียครั้งแรก
    แล้วได้เข้ามาอ่านกระทู้นี้นะคะ

    การเดินเรื่องยื่นขอวีซ่านั้น
    เอกสารหลักฐานของเราและผู้ที่เป็นสปอนเซอร์ให้เรานั้นต่างหากที่จะทำให้วีซ่าผ่านหรือไม่
    และอยู่ที่ดุลพินิจของสถานทูต ว่าเขาจะเชื่อมั้ยว่าเราจะไปเรียน ไม่ได้ไปทำงาน
    และเรามีทุนทรัพย์เพียงพอหรือไม่ จะคิดได้จาก
    ค่าครองชีพขั้นต่ำ $1000 (ต่อเดือนต่อคน) x จำนวนเดือนที่เราไปอยู่

    ส่วนเอเจนซี่ นั้นจะช่วยในการตรวจสอบเอกสาร และ เดินเรื่องสมัครเรียน,ยื่นวีซ่า,จองตั๋วเครื่องบิน,หาที่พัก, ติดตามหนังสือเดินทางของเราให้
    แต่เอเจนไม่มีผลกับวีซ่าว่าจะผ่านหรือปล่าว

    หลังจากที่เราเดินเรื่องยื่นขอวีซ่าเอง
    ก็ได้รู้ว่าไม่ได้ยุ่งยากเลย
    แค่เตรียมเอกสารที่ทางสถานทูตต้องการให้พร้อม
    หาข้อมูลได้ที่นี่ค่ะ
    http://www.vfs-au.net/thai/app_center.shtml
    ที่นี่จะยื่นเรื่องให้เราไปที่สถานทูต
    แต่ถ้าเราอยากจะไปยื่นด้วยตัวเองที่สถานทูต ก็ต้องโทรนัด
    แต่ขอบอกว่าโทรติดยากมาก
    หรืออาจจะไม่ติดเลย เพราะสถานทูตให้เราโทรได้แค่ 14:30-16:30 เท่านั้น จ.-ศ.
    และทุกเอเจนก็จะมายื่นเอกสารที่ vfs นี่แหละ
    ง่ายๆเลย...เตรียมเอกสารกับเงินค่าวีซ่ามาให้พร้อม
    ที่ vfs เขามีบริการทุกอย่าง
    แต่ขอบอกว่า....เรื่องตรวจเช็ดเอกสารนั้น บางครั้งทั้งเอเจนและ vfs ก็ตกหล่นบ้างเหมือนกัน
    เราต้องเช็คเอกสารของเราให้ดีๆ...อย่าหวังและไว้ใจคนอื่นมากกว่าตัวเอง
    เพราะเราโดนมาแล้ว ทั้งสองที่นั่นแหละ

    ตอนนี้เราเพิ่งย้ายมาอยู่ที่เชียงใหม่ ใช้ vfs ที่เชียงใหม่ก็รวดเร็วดี(แต่ตอนแรกเราไปยื่นเรื่องที่กรุงเทพ หลังจากนั้นก็ย้ายบ้านมาเชียงใหม่
    หลังจากวีซ่าอนุมัติได้สองวัน พาสปอร์ตก็มาถึงเชียงใหม่แล้ว(ถ้าใครอยู่กรุงเทพก็เร็วกว่านี้แน่)
    แต่เรามีปัญหาเรื่องเอกสาร
    คือกรอกใบคำร้อง( 157A )ไม่ครบถ้วน
    ทางสถานทูตก็โทรมาแจ้งให้ส่งเพิ่ม
    เราก็ไปโหลดแบบฟอร์มมาจาก
    http://www.vfs-au.net/thai/VisaInformationForms&Changes.shtml
    แล้วก็เข้าไปดูตัวอย่างการกรอกแบบฟอร์มที่
    http://aussiethai.com/formview.php?nid=1
    ต้องขอขอบคุณ คุณดอสที่ทำให้กรอกแบบฟอร์มได้ถูกต้องนะคะ
    ข้อมูลการเตรียมหลักฐานต่างๆ
    ก็หาได้ที่ vfs
    **เราใช้เวลาทั้งหมด12วันกว่าจะได้วีซ่า(ไม่รวมวันหยุดและระยะเวลาในการจัดเตรียมและส่งเอกสารรอบที่สองนะ)แต่ถ้ารวมทั้งหมดเลยก็ 25วัน
    ***สถานทูตได้โทรมาแจ้งว่าได้รับเอกสารของเราแล้วๆก็อนุมัติให้ในวันนั้นเลย
    เราคิดเอาเองว่า....ที่ช้าก็เพราะต้องต่อคิวน่ะ
    ***และโดยปกติแล้ว ระยะเวลาในการรอวีซ่าก็ไม่เกิน10วันทำการนะคะ ในการยื่นวีซ่าแบบปกติ

    ถ้าใครจะใช้บริการเอเจนซี่...ก็อยากบอกว่า
    เอเจนซี่ที่ดี**เขาจะตรวจสอบข้อมูลและเอกสารเบื้องต้นของเราก๋อน
    ว่ามีโอกาสมากแค่ไหน
    ที่วีซ่าจะผ่าน
    ก่อนที่เขาจะเดินเรื่องสมัครเรียนให้เรา
    เพราะถ้าที่ไหน ยังไม่ได้ดูข้อมูลเรา
    แล้วบอกว่า ผ่านแน่ๆ..เดี๋ยวจะช่วย อะไรแบบนี้
    ให้คิดดูดีๆแล้วกันค่ะ
    แบบที่จัดสัมนา ให้คนมาสมัครกันเยอะๆ
    พอถึงเวลาวีซ่าไม่ผ่าน..เขาก็ได้เงินอยู่ดี(ให้ติดตามอ่านกันต่อไป ว่าเงินจากไหน)

    ส่วนเรื่องที่เรียนนั้น
    ไม่รู้ว่าถ้าเราติดต่อเองนั้น
    จะได้ราคาที่ถูกกว่าหรือแพงกว่าอย่างไร
    เพราะเอเจนซี่เป็นคนติดต่อให้
    แต่หลังจากได้ติดต่อกับทางโรงเรียนผ่านเมลล์ด้วยตัวเอง
    ก็คิดว่ารวดเร็วกว่าให้เอเจนพ่อค้า เดินเรื่องให้

    แต่ก็มีประสบการณืเกี่ยวกับเอเจนที่เราเจอมาเล่าให้ฟัง

    เอเจนที่เราเลือก...เป็นเอเจนใหญ่
    สถานที่ใหญ่โต
    มีสาขาอยู่ที่ประเทศที่เราจะไปเรียน
    มีโรงเรียนสอนภาษาเป็นของตัวเอง
    ได้รับการยอมรับจากสถานทูต(อย่างที่เขาได้บอกเอาไว้)
    ยื่น e-visa ได้
    และมีโปรโมชั่นมากมาย

    เอเจนนี้โทรมาให้เราโอนเงินสด เป็นค่าเรียน
    (รวมค่าประกันสุขภาพOSHC,ค่าอุปกรณ์การเรียน,ค่าสมัครเรียน,ค่ายื่นวีซ่า)
    เข้าบัญชีเป็นชื่อบริษัทของเอเจน...โดยที่เรายังไม่เห็นใบ The Letter Of Offer เลย
    **บางเอเจนเขาจะให้เราซื้อดราฟสั่งจ่ายในชื่อโรงเรียน...อันนี้เราว่าดีที่สุด
    **เพื่อนๆอย่าโอนเงินก่อนที่จะได้รับ และตรวจเช็ดใบOffer ให้เรียบร้อยก่อนนะคะ

    หลายวันต่อมาเราเข้าไปที่เอเจน
    และได้เห็นใบ The Letter Of Offer จากทางโรงเรียน
    โดยที่ในเอกสารนั้นไม่ได้เรียกเก็บค่าสมัคร
    ซึ่งเอเจนได้เรียกเก็บไปในตอนแรก $150 ตอนแรกเก็บ $200 ด้วยนะ แต่ตอนหลังลดให้เรา
    *สรุป คือ เสียเงินค่าสมัครให้ที่เอเจนนี้ไป
    โดยที่เอเจนที่อื่น และทางโรงเรียนไม่ได้เก็บ
    และก็จะไม่ได้คืนด้วย หากว่าวีซ่าไม่ผ่าน
    แต่ถ้าเป็นโรงเรียนๆจะคืนให้ทั้งหมด
    (เงินนี่แหละ...ที่เขาเรียกเก็บจากเรา แต่ไม่ได้ส่งให้กับทางโรงเรียน
    แล้วมาอ้างว่าทางโรงเรียนเรียกเก็บ
    แต่ที่ไม่ได้เขียนไว้ในใบ Offer เพราะทางโรงเรียนเลี่ยงภาษี(เอเจนพูดเอาเอง )
    นี่เป็นเงินส่วนนึงที่เอเจนจะได้แน่ๆ...ไม่ว่าวีซ่าเราจะผ่านหรือไม่
    **แต่เอเจนที่เค้ามีคุณธรรม เค้าไม่เรียกเก็บกันหรอกนะ(ในกรณีที่ลงเรียนภาษา และมีโปรโมชั่นไม่เก็บค่าสมัคร**แต่ถ้าเรียนอย่างอื่น เขาก็เรียกเก็บค่าสมัครกันปกติค่ะ ตามที่ใบ OFFER แจ้งมาแหละค่ะ
    **บางที่ที่ดีก็ช่วยให้เราได้ราคาที่ถูกที่สุด ขอยกย่องค่ะ
    ที่เห็นใจคนเบี้ยน้อยๆอย่างเรา

    อีกอย่าง****
    เรื่องค่าแปลบัตรประชาชนและทะเบียนบ้านของเราให้เป็นภาษาอังกฤษ
    ที่เอเจนนี้เรียกเก็บเงินเราไป 600บาท เป็นค่าแปล
    และสุดท้ายก็ไม่ได้ใช้ค่ะ
    ไม่ได้ยื่นให้สถานทูต และสถานทูตก็ไม่ได้เรียกขอ
    ....ลองคิดดูว่าเขาจะแปลให้ไปใช้อะไร
    ถ้าที่ไหนเรียกเก็บแบบนี้ ก็คิดดูแล้วกันค่ะว่าจะเลือกเอเจนนี้ดีมั้ย


    ที่เอเจนนี้พูดจาหว่านล้อม
    ทำให้เราเชื่อว่าที่อื่นก็เก็บค่าสมัครเหมือนกัน ทั้งที่ไม่จริง
    ต้องดูข้อมูลของเอเจนอื่นด้วย
    บางที่มีโปรโมชั่น
    เราอาจจะได้ราคาที่น่าพอใจกว่านี้

    เราคิดว่าเพื่อนๆน่าจะหาที่เรียนที่เพื่อนๆถูกใจก่อน
    (หาข้อมูลได้มากมายจากเวปไซด์ของเอเจนต่างๆ
    หาในgoogle ก็ได้ค่ะ แล้วพิมพ์คำว่าเรียนต่อออส)
    แล้วค่อยไปหาเอเจนที่มีคอนแทคกับโรงเรียนที่เราเลือก(และต้องเป็นเอเจนที่มีเงื่อนไขต่างๆในการคืนเงินหรือเรียกเก็บเงินที่ถูกใจเราด้วย เผื่อว่าวีซ่าไม่ผ่านจะได้ไม่ต้องเสียเงินเยอะ)
    แล้วเอเจนนั้นๆ เขาก็จะเดินเรื่องต่างๆให้เราฟรีค่ะ

    เอเจนที่เราติดต่อนี้
    ให้ราคาค่าเรียนแพงกว่าที่อื่น $20/week ด้วย
    โรงเรียนที่เราไปเรียน..มารู้ทีหลังว่าเป็นโรงเรียนที่เอเจนอื่นเรียกเก็บค่าเรียน.**ถูกที่สุด
    แต่เรา..ต้องจ่ายแพงกว่าคนอื่นเขา
    อันนี้ก็ต้องระวัง
    จริงๆแล้วเราเลือกที่เรียนและวันเริ่มเรียนไว้แล้ว(เช็คราคาไว้หมดแล้ว)
    ก่อนที่จะไปหาเอเจนนี้
    เพียงแต่ที่เอเจนนี้ไม่มีคอนแทคกับรร.ที่เราอยากไปเรียน
    แล้วเขาก็พูดจาหว่านล้อมจนตกลงกับที่รร.นี้จนได้
    (เรื่องนี้อยากให้เพื่อนๆอย่าไขว้เขว ถ้าไม่ได้เรียนที่เราอยากเรียน ก็เปลียนเอเจนไปเลยดีกว่า)ส่วนเราหน่ะ อยากเรียนภาษาฟรีไง(ระหว่างรอวีซ่าที่เอเจนนี้มีโรงเรียนสอนภาษาเป็นของตัวเอง) และอยากได้บัตรโทรศัพท์ฟรีด้วย....
    ....สุดท้าย  ไม่ได้อะไรสักอย่าง

    ไม่รู้ว่าเอเจนพ่อค้านั้น ยังจะได้ค่าคอมมิชชั่นจากทางโรงเรียนอยู่หรือเปล่า
    แต่ถ้าได้ก็ช่างเถอะ..เพราะตอนแรกเราก็ไม่ได้อยากจะเรียนที่นี่
    แต่เอเจนนี้พูดซะจนเราตกลงจนได้

    แล้วยังเรื่องประกันสุขภาพOSHC
    ส่วนตัวเราคิดว่า....ให้ทางโรงเรียนสมัครให้ดีกว่า
    เผื่อว่าเวลาคืนเงินมันไม่ต้องตามหลายต่อ
    แต่ทางเอเจนนี้ ไม่ได้โอนเงินค่าสมัครOSHC  รวมไปกับค่าเรียนให้ทาง รร.
    แต่แยกออกไปสมัครกับที่อื่น
    โดยที่เราต้องตามขอข้อมูลกับที่นั่นเอง
    เหนื่อย!!
    อันนี้เช็คดูด้วยนะคะ


    ---ต่อมาได้เซนต์สัญญากับทางเอเจน
    ถึงเงื่อนไขในการขอเงินคืน
    ทำให้ได้รู้ว่า...
    เงื่อนไขของเอเจน....ไม่เหมือนกับทางโรงเรียน
    ซึ่งตรงนี้เราคิดว่าไม่เป็นธรรมกับตัวเรา
    แต่มีหลายคนที่ไม่มีปัญหา
    ตัวเราหน่ะ...ขอกันไว้ก่อนดีกว่า(ยกเลิกสัญญาดีกว่า)
    เงื่อนไขการคืนเงินมีอยู่ว่า...

    โรงเรียน:คืนเงิน(ค่าเรียน ประกันสุขภาพ ที่พัก รถรับส่ง)*เต็มจำนวนในกรณี
    -วีซ่าไม่ผ่าน
    -ป่วย หรือ ญาติพี่น้องเสียชีวิต
    -แจ้งยกเลิกก่อนเปิดเรียน มากกว่า30 วัน
    เอเจน: หัก 20% กรณีที่นักเรียนแจ้งยกเลิกเอง มากกว่า28วัน(ทั้งที่โรงเรียนคืนเต็มจำนวน)

    โรงเรียน: หัก30% ถ้าแจ้งยกเลิกน้อยกว่า28วันก่อนเปิดเรียน
    เอเจน: หัก 50% กรณีเดียวกัน


    ##ระยะเวลาในการคืนเงิน
    รร. ไม่เกิน 28 วันทุกกรณี
    เอเจน ไม่เร็วกว่าสามเดือน(ไม่รู้เหมือนกันว่าเก็บไว้ทำไมนานจัง)

    ##ค่าโอนเงินคืน
    รร.=โอนให้เราโดยตรง ไม่เกิน 1000 บาท
    ถ้าโอนผ่านเอเจน=
                     ค่าโอนจากรร.มาสาขาที่ออส
                     ค่าโอนจากสาขาที่ออสมาสาขาที่ไทย
                     ค่าโอนจากสาขาที่ไทยมาที่บัญชีเรา(ค่าโอนเราต้องจ่ายเองทั้งหมด)
                     ค่าเดินเรื่องอีก 100$
    """"รวมๆแล้วเท่าไหร่ไม่แน่ใจ
    (แต่นี่ก็คือเงินที่เอเจนนี้จะได้..หากว่าเค้าพลาดค่าคอมมิชชั่นจากรร.)
    อันนี้ต้องดูดีๆ
    ในกรณีนี้--
    ถ้าวีซ่าไม่ผ่าน เอเจนจะไม่ได้เงินคอมมิชชั่นจากทางโรงเรียน
    แต่จะได้เงินจากตรงนี้ที่เขาหักเราไป (ค่าสมัครเรียน,ค่าเดินเรื่องขอเงินคืน ฯลฯ)
    เป็นค่าดำเนินการ ค่าส่งแฟกซ์ ค่าโทรศัพท์ ที่เขาเคยบอกว่า เดินเรื่องให้ฟรีในตอนแรกหน่ะแหละ

    (ที่บอกว่ามาสมัครเรียนกับเรา แล้วเดินเรื่องวีซ่าให้
    ต่อวีซ่าให้ ระหว่างรอวีซ่าก็เข้ามาเรียนภาษาฟรี
    มีของแถมต่างๆ
    ก็ดูดีๆนะคะ..บางที่เขาทำธุรกิจกันจริงจัง
    ไม่ได้แค่ช่วยเหลือ ให้คำแนะนำอย่างเดียว
    บางที่แค่ค่าคอมมิชชั่นจากทางโรงเรียนนั้นไม่พอ
    เพราะค่าใช้จ่ายเยอะค่ะ

    จริงๆแล้วถ้าเขาพูดกับเราตรงๆ..จริงใจ
    เรื่องเงินค่าเดินเรื่องต่างๆ
    ถ้ามันไม่มากมาย
    เราไม่เดือดร้อน
    ให้เขาช่วยเดินเรื่องให้ก็ดีค่ะ
    สะดวกสบายดี
    แต่เราก็ต้องหาข้อมูลเยอะๆนะคะ




    พอเราเจอแบบนี้ก็เลยไม่เอาดีกว่า ออกมายื่นวีซ่าเอง
    เพราะบอกตามตรงว่าไม่อยากข้องเกี่ยวด้วยอีกต่อไป
    แต่ก็ห่วงใยเพื่อนๆ
    ไม่อยากให้รีบร้อนเหมือนเรา
    ดูดีๆนะคะ
    นี่เราก็คิดว่าเลือกเอเจนที่ดีที่สุดแล้วนะเนี่ยะ

    ----------------------------

    ส่วนเอกสารในการยื่นขอวีซ่านั้น
    -เราให้พ่อและแม่(ปลดเกษียณมาสิบกว่าปีแล้วทั้งคู่...แต่มีบำนาญเกือบสองหมื่นทุกเดือนตลอดชีพ)เป็นสปอนเซอร์ให้
    -ตอนได้รับวีซ่า ทางสถานทูตคืนเอกสารการเงินของแม่มาสี่แสน
    เราคิดเอาเองว่าเขาไม่เอา เพราะว่าหลักฐานการเงินของพ่อก็เพียงพอแล้วคือ เงินฝากธนาคารห้าแสนห้า(หลังจากจ่ายค่าเรียนไปแล้ว)+ สลากออมสินสองแสน= เจ็ดแสนห้า
    ...เราไปเรียนแค่20สัปดาห์....

    แล้วอย่าลืมทรานสคริปท์ภาษาไทยส่งคู่ไปกับภาษาอังกฤษนะคะ
    อันนี้เราโดนเรียกเพิ่มจากสถานทูตทีหลัง

    แล้วเราอายุ29 แล้ว
    จบม.6 มาหลายปีมากๆ
    ทำงานมาตลอด เราเขียนประวัติการทำงานที่ผ่านมาแนบไปด้วย(มีที่อยู่ที่ทำงาน,เบอร์โทร,ตำแหน่งงาน,เงินเดือน)
    แต่เรามีหนังสือรับรองการทำงานปัจจุบันยื่นไปด้วยเป็นภาษาอังกฤษ
    สถานทูตก็โทรมาขอหลักฐานการทำงานที่ผ่านมาหลังจากเรียนจบเหมือนกัน
    แต่เราบอกว่า เราขอไปแล้วแต่ทางบริษัทไม่ออกให้ เพราะลาออกไปนานแล้ว
    ทางสถานทูตก็ไม่ว่าอะไร
    สุดท้ายก็ได้วีซ่ามาค่ะ

    จริงๆแล้ววีซ่าอนุมัติวันที่เขาดูเอกสารเราหน่ะค่ะ
    ที่นาน..คงเพราะรอต่อคิว
    เพื่อนๆก็ใจเย็นนะคะ

    สว่นระยะเวลาของวีซ่า
    สถานทูตจะยืดเวลาให้เราออกไปอีกเดือนนึง หลังจากที่เราเรียนจบ
    อย่างของเรา..
    เรียนห้าเดือน แต่ได้วีซ่ามาหกเดือนครึ่งค่ะ
    แต่กว่าจะได้ไปก็อยู่เมืองไทยซะ 15วัน


    เป็นกำลังใจให้ทุกคนที่อยากไปเรียนที่ออสนะคะ
    ขอพระเจ้าอวยพระพรทุกคนเหมือนเรา
    วางใจในพระเจ้าค่ะ

    memoitchy@msn.com

    แก้ไขเมื่อ 21 ธ.ค. 50 08:46:40

    แก้ไขเมื่อ 21 ธ.ค. 50 07:50:16

    แก้ไขเมื่อ 20 ธ.ค. 50 21:38:25

    จากคุณ : ~MeMOitChY~ - [ 20 ธ.ค. 50 20:12:44 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom