ความคิดเห็นที่ 1 เดี๋ยวมาอยู่แล้วก็จะปรับตัวได้ค่ะ เรามาจากประเทศกำลังพัฒนา เพราะฉนั้นค่าครองชีพเราจะถูกกว่าเค้ามากๆ ค่าใช้จ่ายที่แฟนคุณบอกมา เป็นความจริงได้สูงค่ะ เพราะพนักงานบริษัทปกติก็เงินเดือนเรทแสนบาทอยู่แล้ว ยิ่งอยู่เมืองใหญ่ๆก็เงินเดือนสูงกว่านี้ค่ะ ถ้าระดับสูงหน่อยก็สองแสนบาทไทยได้ค่ะ ถ้าเป็นกิจการตัวเองอาจจะมากกว่านี้ได้ค่ะ แต่ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่จ่ายภาษีต่อเดือนเยอะมากๆค่ะ คนที่มีบ้านเองจะรู้ค่ะ ทั้งภาษีบ้าน ภาษีเงินเดือน ภาษีรถยนต์ ค่าบัตรเครดิต ค่าสาธารณูปโภค ค่าทิ้งขยะ ค่าแก๊ส ปกติน้ำอุ่นที่บ้านใช้แก๊สกันค่ะ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าน้ำมัน ค่าประกันต่างๆ รายจ่ายก็เยอะตามตัวค่ะ ถ้าไปเดินตามห้างที่เป็นของเมดอินแจแปน เห็นราคาเสื้อผ้าแล้วยิ่งซื้อไม่ลงค่ะ เสื้อแสนธรรมดาราคาตัวละ สองหมื่นบาทไทย สูทอย่างดีหน่อย สามหมื่นบาท ราเมนปกติชามละสองร้อยบาท แต่มันเป็นเรื่องปกติของคนญี่ปุ่นค่ะ ไปซูปเปอร์ที เลิกคำนวณเป็นเงินไทยได้เลย เพราะของทุกอย่างราคาแพงกว่าบ้านเราอยู่แล้วค่ะ แรกๆอยู่ก็ต้องปรับตัวเยอะค่ะ ทั้งวัฒนธรรมการดำรงชีวิต การแยกขยะ เอทีเอ็มจะปิดเป็นเวลาค่ะ เสาร์อาทิตย์ไปกดเสียค่าธรรมเนียมเพิ่มค่ะ มาอยู่แล้วต้องเรียนภาษาก่อนดีกว่านะคะ จะได้มีเพื่อนด้วยและจะได้เข้าใจภาษาดียิ่งขึ้น อย่าไปกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายเลยค่ะ เข้าใจว่าคุณคงเหมือนกับแม่บ้านหลายๆคนที่มาอยู่นี่เพราะอยากสร้างครอบครัวด้วยกันจริงๆ และเพื่ออนาคตของลูกด้วย เด็กที่เกิดที่นี่ทุกคนได้รับเงินจากรัฐค่ะ รู้ค่าคลอดแล้วจะหนาวกว่านี้ ผ่าคลอดแสนบาทไทย แต่รัฐก็ให้คืนมาประมาณนี้ค่ะ เพราะเด็กมีน้อย เค้าค่อนข้างดูแลค่ะ พูดไปแล้วยังอีกยาวค่ะ ตอนนี้เป็นช่วงเล่าชีวิตทั่วไปก่อนนะคะ รักกันจริงแล้ว อะไรก็ปรับตัวกันได้ค่ะ แต่ทำอะไรคงไม่สะดวกเหมือนอยู่ไทยนะคะ บอกไว้ก่อน แต่ถ้ารู้ใช้รู้เก็บ ก็มีเงินเก็บเยอะได้ค่ะ เอาใจช่วยค่ะ จากคุณ : Mnki (Mnki) - [ 21 ธ.ค. 50 20:54:15 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ค่าใช่จ่ายที่แฟนคุณบอกนั้นคงไม่ผิด ป้าอยู่กันสองคนตายาย ก็ใช้กันประมาณนั้นค่ะ และมีเป็นส่วนทีเก็บไว้ยามฉุกเฉิน ค่าครองชีพที่นี่ต่างก่ับที่เมืองไทยหลายอย่าง ถ้ามีลูกก็ยิ่งมีค่าใช่จ่ายมากตามมา ก็ต้องปรับตัวกันไป ถ้ารู้จักกินรู้จักใช้ก็ไม่ลำบากอะไร มาอยู่เมื่อไหร่ก็แวะเข้ามาคุยกันบ้าง แม่บ้านห้องนี้ก็มีหลายคน คงได้แบ่งปันประสบการณ์กันได้ จากคุณ : พนอจัน - [ 21 ธ.ค. 50 21:29:47 ]

ความคิดเห็นที่ 3 มาให้กำลังใจค่ะ คนจะแต่งงานก็มีเรื่องให้คิดเยอะอย่างนี้ล่ะค่ะ ยิ่งแต่งกับคนต่างชาติ ต่างภาษาด้วยแล้ว เฮ่อ ขอออกความคิดเห็นเรื่องจัดงานแต่งงานนะคะ เรื่องจัดงานแต่งงานที่ญี่ปุ่น ถ้าเป็นงานฉลองสมรส   ราคาจัดงานแพงจริง ๆ ค่ะ แต่ก็คุ้มนะคะ เพราะแขกที่มางาน ถ้าเป็นแขกธรรมดาก็ใส่ซองอย่างต่ำก็ 3 หมื่นเยน (ประมาณ 1 หมื่นบาท) ถ้าเป็นญาติพี่น้องยิ่งต้องใส่ซองหนัก 5 หมื่น หรือ 1 แสนเยน (เราใส่ซองมาแล้วงานพี่สาวสามี) ถ้าแฟนและครอบครัวอยากจัด หรือมีกำลังทรัพย์จัดได้ ก็ไม่น่าปฏิเสธนะคะ เพราะเป็นครั้งหนึ่งในชีวิต เดี๋ยวเวลาผ่านไปจะมาบ่นเสียดายไม่ได้นะคะ (เคยไปงานฉลองแต่งงานของพี่สาวสามี เห็นแล้วยังแอบเสียดายที่งานตัวเองจัดเฉพาะที่เมืองไทย ลองหาดูในบล๊อคนะคะ มีตัวอย่างให้ดู ) ส่วนเรื่องค่าครองชีพที่แพงหูฉี่ ก็อย่ากังวลมากเลยค่ะ มาอยู่แล้วจะปรับตัวได้เอง แรก ๆ อาจจะไปซื้ออะไรไม่ได้ (เคยเป็น) เพราะชอบคำนวณกลับเป็นเงินไทย ตอนนี้นะ ช้อปปิ้งคล่องเชียวล่ะ ฮ่า ฮ่า ฮา เรื่องมาอยู่ญี่ปุ่น พูดแล้วยาว เพราะมันมีอะไร ๆ ที่ต้องปรับตัวเยอะนะคะ (เหมือนคุณ Mnki ตอบไว้) ทั้งเรื่องแต่งงานมาแล้วต้องมาอยู่ร่วมกับพ่อแม่สามีหรือเปล่า หรือแยกกันอยู่ (เตรียมตัวเตรียมใจ) ต้องมาเรียนรู้สังคม วัฒนธรรมอีกเยอะเลยค่ะ อย่าเพิ่งท้อนะคะ ถ้ารักกันจริง ต้องสู้และฟันฝ่าอุปสรรค ปัญหาไปให้ได้ เป็นกำลังใจให้ค่ะ สู้ ๆ จากคุณ : Omiya - [ 21 ธ.ค. 50 21:52:33 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ตอนมาอยู่แรกๆ ไปซุปเปอร์เจอมะนาวลูกละ 100 เยน โอ๊ย..แทบจะซื้อไม่ลง เพราะเราไปเทียบกับราคาไทย มันช่างต่างกันลิบลับ เดือนถัดมา..เลยซื้อน้ำส้มสายชู และก็น้ำมะนาวขวดเล็กๆ ไว้เพิ่มกลิ่นมะนาวในต้มยำ เพราะมะนาวที่นี่ไม่ค่อยมีน้ำ และก็ไม่ค่อยเปรี้ยวด้วย ถ้าซื้อลูกละร้อนเยนมาใส่ เมื่อไหร่จะแซ่บเนอะ เปลืองเงินด้วย 555 เมื่อก่อนของราคา 500 เยน เราก็่ว่าแพงไป แต่เดี๋ยวนี้ชินละ พอจะเข้าใจวิธีการดำเนินชีวิตที่นี่มานิดนึง จากคุณ : baby_cherry - [ 21 ธ.ค. 50 22:05:30 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ขอบคุณทุกความเห็นมากๆนะคะ แฟนอยู่คนเดียวค่ะ บ้านพ่ออยู่ใกล้ๆกัน หลังจากทราบราคาค่าครองชีพแล้ว แทบไม่อยากมีชีพเลยค่ะ ดีที่ไม่ต้องส่งเงินให้ทางบ้าน สอบถามเรื่องลูกนิดนึงค่ะ เคยคิดกันว่าถ้ามีลูกจะกลับไปคลอดที่บ้าน แต่พอมาคิดเรื่องค่าใช้จ่ายเช่น ค่าคลอด ตั๋วเครื่องบินไป-กลับสองคน ค่าใช้จ่ายจิปาถะ แล้วหลังจากนั้นต้องพักฟื้น แฟนบอกว่าคลอดที่ญี่ปุ่นดีกว่า เพราะเค้าไม่สามารถทิ้งงานไปอยู่ด้วยกันหลายเดือนขนาดนั้นไม่ไ่ด้ ถ้าให้อยู่คนเดียวจะกลายเป็นพ่อใจร้าย เลยคลอดซะที่ญี่ปุ่นไปเลย อยากถามว่าที่โน่นค่าคลอดแพงมากอีกใช่มั้ยค่ะ แฟนบอกว่า ประมาณแสนนึง ที่ญี่ปุ่นนี่ไม่สามารถ ขอคุณหมอ ผ่าคลอดได้เลยหรือคะ ค่าตรวจอะไรต่างๆ แพงมั้ยคะ ถ้าเกิดว่าแต่งงานแล้วมีประกันสุขภาพ เราจะได้รับสวัสดิการสังคมยังไงบ้างคะ คือดิฉันเรียนสังคมสงเคราะห์น่ะค่ะ เลยสนใจเรื่องนี้มากหน่อย อยากรู้ระบบการดูแลประชากรของเค้า ขอบคุณทุกคนจากใจจริงนะคะ คุณน้าพนอจันคะ แฟนหนุเคยถ่ายรูปกับคุณน้าที่วัดปากน้ำค่ะ หนูเคยเอาพันทิพให้เค้าดู เค้าบอกว่าคุณน้าน่ารักดี อัธยาศัยดีค่ะ ขอบคุณทุกๆคนอีกครั้งนะคะ จากคุณ : titled_lass@yahoo.com - [ 21 ธ.ค. 50 22:51:01 A:125.25.243.139 X: TicketID:163689 ]

ความคิดเห็นที่ 6 หว๋าย ขนาดไม่แต่งยังหลังอานเลยค่ะ ส่วนตัวแล้วอาจจะออกความเห็นอะไรไม่ได้ เพราะยังไม่มีคนมาแต่งด้วยสักคน ลองปรึกษา พี่ๆน้องที่ห้องนี้ได้ค่ะ มีแต่คนน่ารักใจดีทั้งนั้น ที่สำคัญเราว่าคุณเองก็บอกแล้วว่าได้เรียนมาทางด้านพัฒนาสังคม(รึเปล่าค่ะ )ก็อาจจะได้เห็นคนที่ลำบากกว่าเรามามาก คิดว่าสู้ได้แน่นอนค่ะ ชีวิตต่างแดนไม่เลวร้ายอย่างที่คิด หากแต่เราอยู่อย่างพอเพียงและพอใจในสิ่งที่เรามีอยู่ (ในกรณีที่แต่งงาน อันนี้ถือว่าสำคัญมากๆนะค่ะ ) อย่าได้ เห็นช้างขี้ ขี้ตามช้าง เพราะมันจะทำให้เรา ไม่มีความสุข แบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวค่ะ ใหม่ๆอาจจะต้องปรับตัวบ้าง จะช้าจเร็วก็แล้วแต่สภาพของแต่ละคน แต่คุณต้องคุยกับแฟนให้ดีๆนะค่ะ ทำอะไรต้องปรึกษากัน ในเมื่อตกลงที่ใช้อยู่ร่วมกัน ความเข้าใจนั้นสำคัญที่สุด ความเห็นอกเห็นใจกันนั้นก็สำคัญอย่างยิ่ง   ทีสำคัญอยู่ที่นี่ ภาษาต้องได้ นะค่ะ อยู่ในเมืองใหญ่อาจจะโชคดีหน่อยที่มีภาษาอังกฤษให้ได้ใช้บ้างมีคนพูดได้บ้าง แต่ถ้าอยู่แถวบ้านนอกละก็ เหอๆๆๆ ตัวใครตัวมันละจ้า ขนาดเดี้ยนที่ว่าบ้าเรียนเจอภาษาญี่ปุ่นเข้าไป ยังเอ๋อ อยู่เป็นพัก แต่ก็ต้องพยายามต่อไป ดังนั้น เราเอาใจช่วยขอให้สมหวังในรัก มีความสุขในชีวิต ปรับตัวกับสิ่งใหม่ได้เร็วและ มีความสุขในชีวิตครอบครัวนะค่ะ จากคุณ : ปลิวลมนมแบน (Nada Sousou) - [ 22 ธ.ค. 50 00:05:56 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ขอแสดงความยินดีด้วยค่ะ เห็นคนจะแต่งงานแล้วแอบอิจฉาจัง อิอิ สำหรับเราคงอีกนาน (รอเรียนจบโน่น แถมยังไม่ได้เริ่มเรียนเลย 555+ เริ่มปีหน้า) ขอให้สู้ๆ และก็เอาชนะอุปสรรค์ต่างๆ ไปให้ได้นะคะ เราเองให้คำแนะนำอะไรไม่ได้ เพราะว่ายังไม่มีประสบการณ์ค่ะ ดีใจด้วยอีกครั้งๆ :) จากคุณ : แพนด้าหน้าใส - [ 22 ธ.ค. 50 01:07:10 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ไม่ต้องห่วงเรื่องสวัสดิการต่างๆค่ะ เพราะประเทศญี่ปุ่นดูแลประชากรค่อนข้างดี มาเล่าเรื่องลูกดีกว่า ฝากท้องปกติ รพ.เอกชนค่าใช้จ่ายต่อครั้งพอๆกันกับรพ.เอกชนในไทยค่ะ ประมาณครั้งละพันกว่าบาท ไม่ต้องรอเจอหมอคนเดิมทุกครั้ง เรานัดวันตามที่เราสะดวกได้เลย หมอแค่ดูประวัติเราก็รู้แล้วค่ะ ตอนคุณท้อง คุณต้องแจ้งเรื่องไปที่อำเภอที่คุณอยู่ด้วย จากนั้นจะได้รับเอกสารการเตรียมพร้อมเป็นคุณแม่ การเลี้ยงดู สอบถามสภาพจิตใจ ถ้ามีปัญหาไม่สบายใจ คุณปรึกษาใครได้ ถ้าจะไปพบนักบำบัดก็มีค่ะ รพ.มีเอกสารเรื่องการเตรียมพร้อมคลอด เตรียมน้ำนม ที่นี่เน้นการคลอดธรรมชาติมากกว่า แม่ๆที่เคยคลอดเองก็จะเชียร์ให้คลอดเองเพราะฟื้นตัวเร็วกว่า แต่ไทยชอบผ่าคลอดมากกว่า อันนี้ไม่น่าจะต้องกลัวนะคะ ยังไงก็จะผ่านไปได้ด้วยดีค่ะ คลอดเองก็ดีค่ะ ที่นี่นอนรพ.ประมาณอาทิตย์ค่ะ ถ้าผ่าคลอดก็จะนานกว่านั้นสองสามวัน  เค้าไม่อนุญาตให้คนไปนอนด้วยทุกคืนนะคะ จะไปนอนด้วยได้แค่วันก่อนคลอดกับวันคลอด จากนั้นเป็นเวลาพักของแม่ค่ะ และฝึกให้นมลูกด้วย จนคล่องแล้วค่อยกลับบ้านค่ะ ใช่ค่ะ ค่าคลอดแพงค่ะ สำหรับคนไทย แต่อย่างที่บอก ค่าคลอดแสนบาทแต่รัฐบาลญี่ปุ่นก็มีคืนให้ประมาณแสนบาทเช่นกัน กรณีนี้ได้ทุกคนค่ะ ไม่ใช่เลือกให้เฉพาะคนที่มีบัตรประกันสังคมแบบบ้านเรา เคยคิดไปคลอดที่ไทยค่ะ แต่ดูๆแล้วต้องไปนานเลย คือไปตอนท้องเจ็ดเดือนกว่าๆ รอคลอด รอสามีมายื่นเอกสารขอสัญชาติที่สถานทูตญี่ปุ่น รอทำพาสปอร์ต ซึ่งต้องมีหลักฐานทั้งพ่อและแม่ รวมๆเวลาอาจจะหลายเดือนถึงจะได้กลับมาญี่ปุ่น  ถ้าคลอดญี่ปุ่น ไปสถานทูตไทยที่นี่ยังสะดวกกว่า และแฟนก็เดินเรื่องที่นี่ได้สบายกว่า เวลาน้อยกว่าค่ะ   โรงเรียนอนุบาลรัฐบาล ครอบครัวที่รายได้เยอะจ่ายค่าเทอมแพงกว่าค่ะ ตามสัดส่วน ไม่เอาเปรียบครอบครัวรายได้น้อยค่ะ   ห้องสมุดมีค่ะ เสาร์อาทิตย์เปิด ยืมหนังสือได้ วีดีโอได้  หนังสือเด็กๆน่าอ่านก็มีค่ะ อย่าห่วงเรื่องเงินๆทองๆเลยค่ะ มาอยู่ก่อน ปรับตัวให้ได้ก่อน แล้วจะรู้เองว่าอะไรควรจ่ายควรเก็บ  ของถูกก็มี ของแพงก็มี เสื้อผ้าจากจีนก็เยอะ แต่รถไม่แพงค่ะ  ซื้อรถที่นี่ยังถูกกว่าไทยเท่าตัว รถมีหลายแบบ ภาษีต่างกันไป แม่บ้านญี่ปุ่นชอบใช้คันเล็กๆ ทะเบียนเหลือง อันนี้ภาษีต่อปีถูก สองพันกว่าบาท รถใหม่คันละ สามแสนนิดๆ รถมือสองถูกกว่านี้ค่ะ รถตามโชว์รูมที่ให้ลูกค้าทดลองขับ พอได้สิบกิโลกว่าๆ ก็โละมาเป็นมือสองแล้วค่ะ สงสัยอะไรก็ถามมาอีกแล้วกันนะคะ จากคุณ : Mnki - [ 22 ธ.ค. 50 08:00:40 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ขอบคุณทุกคนอีกครั้งนะคะ ได้ข้อมูลมากขึ้นจริงๆ จากข้อมูลที่ให้มาคิดว่าชีวิตประจำวัน ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า น่าจะรอดปลอดภัยไปได้ ดีใจที่มีห้องสมุดให้ไม่งั้นคงเหงาแย่ คิดว่าภาษาไืืทยคงหายากอยู่ แล้วในห้องสมุดมีหนังสือภาษาิอังกฤษไหมคะ เรื่องรถ ราคาไม่แพงเท่าไทย เพราะไทยจะแพงภาษีรถยนต์ แต่ค่าน้ำมันที่โน่นแพงมากเลยใช่มั้ยคะ อ่อ สงสัยอีกอย่างหนึ่งคือ แฟนบอกว่าให้ไปสอบใบขับขี่ไว้ เพราะสามารถใช้แทน ID card อันนี้งงค่ะ แล้วถ้าคนที่เค้าขับรถไมไ่ด้ นี่ต้องทำไงล่ะคะเค้าก็ต้องมี ID cardแยู่ดีไม่ใช่เหรอคะ แถวบ้านดิฉันเป็นบ้านจัดสรร เวลาจะไปไหนมาไหนก็ขี่จักรยานตลอด ขี่มาต้ังแต่เด็ก เคยบอกแฟนว่า อยากขี่จักรยานเหมือนอยู่ที่นี่ เรียบง่ายดี แฟนบอกว่า แถวบ้านมีวัวเยอะ??? ชิบะ นี่มีวัวเยอะเหรอคะ แล้วมีวัวขี่ไมไ่ด้เหรอคะ วัวจะขวิด?? ขออภัยที่ถามอะไรเฉิ่มๆนะคะ ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนนะคะ ถ้าไปอยู่แล้ว ขอไป meetingแบบที่เห็นมี reviewด้วยคนได้ไหมคะ อยากมีเพื่อนที่พูดภาษาเดียวกัน และคิดว่าทุกคนในห้องนี้ดูจริงใจต่อกันและมีน้ำใจดี สังเกตจากเวลามีใครมาโพสถามอะไรก็มาตอบให้อย่างดีทุกครั้ง ขอบคุณมากนะคะ คราวหน้าคงได้มีเรื่องสงสัยมารบกวนถามอีกแน่นอนค่ะ สวัสดีปีใหม่นะคะทุกคน ขอให้สุขภาพแข็งแรง และมีความสุขตลอดปี 2551 นี้ค่ะ จากคุณ : photographer - [ 22 ธ.ค. 50 10:11:09 A:125.26.160.52 X: TicketID:163689 ]

ความคิดเห็นที่ 10 คุณพี่ปลิวลมฯ ความคิดเห็นที่ 6   "ชีวิตต่างแดนไม่เลวร้ายอย่างที่คิด หากแต่เราอยู่อย่างพอเพียงและพอใจในสิ่งที่เรามีอยู่" ขอสนับสนุนอย่างยิ่งในความคิดนี้ค่ะ คุณ จขกท. ดิฉันก็เป็นแม่บ้านต่างแดน(ต่างดาว) ธรรมดาคนหนึ่งค่ะ ถึงแม้สามีจะมีรายได้กี่แสนก็ตาม แต่เราอยู่กัน กินใช้อย่างประหยัดสุดฤทธิ์ค่ะ ด้วยความที่เราอยากมีเงินเก็บมากๆ ไว้ก่อร่างสร้างตัวในอนาคตร่วมกันค่ะ อย่างไรก็ตาม เอาใจช่วยนะคะ จากคุณ : แม่บ้านต่างแดน (โซบะคุง) - [ 22 ธ.ค. 50 15:00:00 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เรื่องห้องสมุดนะคะ ดิฉันก็ใช้ชีวิตวนเวียนอยู่กะห้องสมุดบ่อยเหมือนกัน มีหนังสือภาษาอังกฤษมากมายหลายแขนงให้ยืมค่ะ ดิฉันชอบยืมหนังสือนิยายมาอ่าน ^^ (ไม่มีสาระดีค่ะ ชอบ) ระบบห้องสมุดในญี่ปุ่นเป็นแบบเครือข่ายทันสมัยค่ะ หากคุณมีหนังสือที่อยากอ่าน แต่ที่ห้องสมุดนั้นๆไม่มี คุณสามารถไปค้นใน intranet ของห้องสมุดได้ค่ะ ถ้าเจอปั๊บก็ print ใบสั่งจองไปให้เจ้าหน้าที่ เค้าก็จะโทรไปแจ้งให้ทราบ ภายหลังเมื่อหนังสือที่เราจองไว้มาถึงแล้ว มีหนังสือแบบเรียนภาษาญี่ปุ่น เวอร์ชั่นไทย ด้วยนะคะ ปล.ปกติดิฉันจะไปห้องสมุด sakuragicho ค่ะ เพราะว่าใกล้บ้านสุดๆแล้ว ห้องสมุดใหญ่มากๆ มีห้า หรือ หกชั้นได้มั้ง ถ้าจำไม่ผิด ยืมได้ครังละสองสัปดาห์ คุ้มค่ะ แค่นี้ดีกว่าค่ะ เพ้อเจ้อมากไปแล้วเรา ^^ จากคุณ : แม่บ้านต่างแดน (โซบะคุง) - [ 22 ธ.ค. 50 15:19:46 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เข้ามาถามค่ะ คงไม่ได้ให้ขอมูลอะไรหรอกค่ะพี่ๆข้างบนเค้าบอกกัน หมดแล้ว อยู่ชิบะเหมือนกันเลยอยู่เขตไหน? หรอค่ะ เราอยู่ไม่ไกลจากวัดปากน้ำอะ อายุเท่ากันเลย จากคุณ : อาไรDน่า - [ 22 ธ.ค. 50 20:51:42 A:60.62.0.70 X: ]

ความคิดเห็นที่ 13 ขับรถยนต์เป็นไหมคะ ถ้าเป็นก็ไม่ต้องทำใบขับขี่สากลมา มาสอบใบขับขี่ญี่ปุ่นเลยค่ะ ข้อมูลแนวข้อสอบก็หาเอาในห้องนี้แหล่ะค่ะ เป็นข้อสอบภาษาอังกฤษสิบข้อ กับสอบขับจริง เกียร์ธรรมดา  ใบขับขี่ที่นี่แทนบัตรประชาชนได้ค่ะ ถ้าคนที่ไม่มีใบนี้ก็จะใช้บัตรประกันสุขภาพหรือพาสปอร์ตแทนในการติดต่องานต่างๆค่ะ น้ำมันจะว่าแพง บ้านเราก็แพงค่ะ ถ้าเทียบค่าเงิน ก็ไปเติมปั๊มที่เขียนว่าบริการตัวเองน่ะ จะถูกกว่าค่ะ เติมเองค่ะ สะดวกดี ปั๊มแบบมีเด็กปั๊มก็มีค่ะแต่ก็แพงขึ้นมาหน่อย คนที่ชอบสะดวกก็ไปค่ะ ก่อนมา แนะนำไปเอาประวัติใบขับขี่มาด้วยนะคะ เพราะต้องกรอกข้อมูลด้วยว่าได้ใฝบขับขี่ครั้งแรกวันที่เท่าไหร่  ก็ของไทยมันให้คืนมาซะที่ไหนเนอะ ได้ใหม่ก็คืนเก่าไป  จำไม่ได้หรอก และทำใบขับขี่ญี่ปุ่นก็ต้องเตรียมเอกสารด้วย แฟนคุณคงมีข้อมูลแล้ว แต่ก่อนอื่นคงต้องไปทำบัตรต่างด้าวก่อนค่ะ แฟนคุณคงรู้น่ะ ใช้แทนบัตรประชาชนแหล่ะ มีรูปเราด้วย ห้องสมุดมีหนังสือหลายแบบค่ะ ถ้าขับรถได้แล้ว ก็ขับไปอำเภอใกล้ๆกันก็ได้ค่ะ ส่วนใหญ่แต่ละอำเภอจะมีค่ะ  จะขับรถต้องมีประกันด้วยนะคะ เดี๋ยวแฟนคุณคงจัดการให้เองค่ะ  คนที่นี่ถ้ามีอุบัติเหตุแล้ว ประกันรับผิดชอบทุกอย่างค่ะ ไม่ต้องมานั่งเรียกร้องค่าสินไหมกันอีกค่ะ คงแล้วแต่น้ำใจส่วนตัวมากกว่า เวบอาหารไทยก็มีให้สั่งซื้อค่ะ ไปซื้อตามห้างใหญ่ๆก็คงมีบ้างค่ะ มาอยู่แล้วก็จะรู้ช่องทางเองค่ะ ถ้ามาแล้วยังว่างอยู่ พยายามเรียนภาษาญี่ปุ่นให้ได้มากที่สุดนะคะ มีลูกแล้วคงไปเรียนไม่สะดวก เพราะต่อไปต้องไปติดต่อโรงเรียนลูกเองค่ะ เด็กๆญี่ปุ่นมีกิจกรรมเยอะค่ะ ต้องพึ่งตัวเองให้ได้มากที่สุดค่ะ พยายามทำอะไรด้วยตัวเองนะคะ ต่อไปจะเก่งขึ้นและอยู่ญี่ปุ่นแบบสบายๆค่ะ จากคุณ : Mnki - [ 22 ธ.ค. 50 20:56:46 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณ คุณแม่บ้านต่างแดนเรื่องห้องสมุดด้วยนะคะ คงช่วยให้หายเหงา และสร้างภูมิต้านทานก่อนสมองจะฝ่อได้เยอะ วันนี้ไปสวนจตุจักร อากาศร้อน เหมือนได้เดินเล่นในห้องเซาว์น่า แถมได้คลุกคลีตีโมงกับผู้คนมากหน้าหลายตา จตุจักรของเยอะขึ้นทุกวัน คุณๆที่อยู่ที่โน่นคิดถึงจตุจักรกันมั้ยคะ^^ คุณ อาไรDน่า อยู่ชิบะเหมือนกันเหรอคะ อายุเท่ากันอีก ดีเลยไว้มาเป็นเพื่อนกัน แต่เราเป็นคนตลาดๆ บ้านๆ แอ๊บไฮโซไม่ค่อยเก่ง เคยดูในหนังเห็นแม่บ้านญี่ปุ่นดูเหมือนคุณนายตัวจริง ที่ผ่านการอบรมบุคลิกภาพมาจาก จอห์น โรเบิร์ตพาวเวอร์ มองภาพตัวเองแล้ว เราดูเหมือนคนใช้ไปเลยค่ะ 555 แฟนเคยจะซื้อแหวนให้ เรายังปราม บอกว่า "อย่าเลยเธอ พอมาอยู่บนนิ้วฉัน เดี๋ยวแหวนมันจะดูเหมือน 3วงร้อย ^_^" ยังไงก็ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ บ้านแฟนเราอยู่ที่ nagareyama-shi ใกล้ๆสถานี hatsu ishi ค่ะ สิ้นเดือนเมษา สั่งลากับสงกรานต์เสร็จก็จะไปแล้ว ขอให้เราได้มาเจอกันนะคะ ขอบคุณทุกคนอีกครั้งนะคะ จากคุณ : photographer - [ 22 ธ.ค. 50 21:23:51 A:125.24.14.97 X: TicketID:163689 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เราก็อยู่ Chiba เหมือนกันจ๊า  อายุเท่ากันด้วย อิอิ แอบเขิลลลลลลลลล จากคุณ : My life in Japan. - [ 23 ธ.ค. 50 01:32:59 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ว้าย ใช่พี่หมีที่เรารู้จักหรือเปล่าเนี่ย จากคุณ : akebi1 - [ 23 ธ.ค. 50 07:37:41 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ขออนุญาตโพสนิดนึงนะคะ " ดิฉันเรียนเกี่ยวกับด้านที่ต้องเจอคนจน, โสเภณี, ชาวเขาชาวดอย เข้าใจ ความหมายของคำว่า "ลำบาก" ถึงแก่นแท้เลยค่ะ " " ที่เมืองไทยดิฉันเป็นแค่นักศึกษาธรรมดาม. รัฐบาล .... " อ่านแล้วรู้สึกว่าคุณเป็นรุ่นน้องคณะเดียวกันหรือเปล่าคะเนี่ย เท่าที่รู้ ม รัฐบาลที่สอนวิชาที่ต้องเจอแบบนี้นี่ มีที่เดียวในประเทศไทย ( อีกที่เป็นม เอกชน ) ถ้าใช่จริงๆ ก็แอบดีใจค่ะ ( ไร้สาระจังเรา ) มีอะไรให้ช่วยได้บอกมาได้นะคะ ( แต่ถึงไม่ใช่ก็บอกมาได้นะคะ ) มาแรกๆคงจะเหงา มีพี่ๆคนไทยที่แต่งงานอยู่ที่นี่หลายคนใจดีมาก คงจะช่วยให้คำแนะนำได้เยอะเลย ยังไม่ได้แต่งงาน เลยไม่ทราบว่าต้องทำยังไงบ้าง แต่ของกรณีพี่สาวเรา เค้าต้องแต่งแบบมีหน้ามีตา ทั้งที่ไทยและที่นี่ งานที่นี่อย่างเดียวรู้สึกว่าประมาณเก้าล้านเยนค่ะ เพราะแต่งแบบญี่ปุ่น ( คือ ครอบครัวคุณสามีพี่สาวต้องการจัดแบบนั้นน่ะค่ะ เราว่ามันเปลืองนะ ) ส่วนเพื่อนญี่ปุ่นที่นี่ ถ้าเค้าต้องการประหยัด ก็จะแต่งแบบเข้าโบสถ์ จัดกันในหมู่ญาติพี่น้องเพื่อนสนิท ก็จะถูกหน่อยและอบอุ่นมากๆ ไม่กี่แสนเยน แต่อย่างที่คคหด้านบนบอกนะคะ อย่าไปคำนวณกลับเป็นค่าเงินไทย แรกๆก็ตกใจที่อะไรๆก็แพง แต่อยู่ไปๆก็จะปรับตัวได้เองนะคะ สู้ๆค่ะ ถ้าเหงาหรือมีอะไรสงสัย มาตั้งกระทู้ที่นี่อีกได้นะคะ โชคดีค่ะ จากคุณ : มอนจะ - [ 23 ธ.ค. 50 09:01:32 ]

ความคิดเห็นที่ 18 จขกท.ค่ะ หนูคงเป็นรุ่นน้องพี่ล่ะค่ะ ไม่ผิดเพี้ยน คณะที่มีนักศึกษาชายน้อยๆ กะเทยสวยๆ จนชะนีแท้ขอยกธงขาว ที่ๆห้องสมุดอยู่ใต้ดิน... ที่ๆเราไม่ใส่ชุดนักศึกษาแต่มาแนวแฟชั่นนิสต้า.... ดีใจจังเลยนะคะ ได้เจอรุ่้นพี่ที่คณะ จริงๆหนูก็เป็นหลืบคณะน่ะค่ะ ไม่ใช่เด็กเรียน เืพื่อนส่วนมากก็อยู่JCกับสินสาดมากกว่า เรื่องแต่งงาน..9ล้านเยนจริงๆหรือคะ โอ้ว!! แม่เจ้า คือการไม่จัดงานแต่งนี่มันก็เป็นความคิดที่เราคิดขึ้นมาเองค่ะ ไม่มีเหตุผลไรอื่นนอกจาก เสียดายเงิน แม้เราจะจ่ายได้แต่มันก็เป็นค่าเสียโอกาสที่ไม่คุ้ม เอาไปใช้เรื่องอื่นดีกว่า แต่ใึครมีงานแต่งเราก็ยินดีค่ะ ชอบไปซะอีก แต่งานเราขอเล็กให้คนสนิทมากๆรับรู้พอ โดนแม่ค่อนขอดเหมือนกันว่า ไม่หอบผ้าหนีตามไปเลยล่ะ ไมต้องบอกก็ได้.. พูดแล้วก็อ่อนใจ..แต่ก็เป็นทางที่เลือกแล้ว ชีวิตเราเองก็ตัดสินใจเอง มีลูกก็ตั้งใจเลี้ยงเอง ตามลักษณะความคิด ตามที่เรียนมา ช่วงนี้ก็มึนตึงกับแม่ไป ไม่ค่อยพูดกัน เพราะพอพูดแล้วก้กลายเป็นทะเลาะกัน เราว่ายุคสมัยมันเปลี่ยนไปนะคะ แม่ก็เลี้ยงมาแบบสมัยแม่ ตามสัญชาติญาณ  แต่ยุคเรากตั้งใจจะเลี้ยงตามแบบสมัยเรา แม่เค้าไม่อยากให้แต่งกะคนญี่ปุ่นค่ะ แม่เค้ากลัวเป็นเหมือนดาราชื่อวาสนา (ซึ่งหนูก็ยังไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร??) แม่บอกว่าผู้ชายญี่ปุ่นขี้งก....จริงหรือคะ เรื่องนี้เราก็สงสัย ขอเสียงยืนยันหน่อยได้มั้นคะ เราไม่เคยพูดเรื่องเิิงินเลยจริงๆ ไม่รู้ว่าการขอเงินคนที่ไม่ใช่แม่ใช้นี่มันเป็นไง เค้าจะเต็มใจให้เรามั้ยนะ เค้าไม่ใช่พ่อแม่เรา... ปล. แม่ก็ไม่เคยแต่งงานหรือมีแฟนเป็ฯคนญี่ปุ่นค่ะ แต่แม่บรรยายได้เป็นฉาก เราเริ่มหวั่นไหวและเกิดการคล้อยตาม  ช่วยอธิบายตรงนี้หน่อยได้มั้ยคะ คนที่เค้าแต่งงานกันนี่เค้าแบ่งเงินกันใช้ยังไงอ่ะคะ แล้วถ้าเราอยากได้อะไร เราจะกล้าพุดหรือคะ การที่เราต้องขอเงินแฟนใช้ มันต้องเกิดความเกรงใจ แล้วพาลทำให้การเคารพตัวเองต่ำไปอีกใช่มั้ยคะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะสำหรับคำตอบดีๆ สวัสดีปีใหม่ค่ะ จากคุณ : photographer (~ titled147 ~) - [ 23 ธ.ค. 50 10:58:58 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ความคิดเห็นที่ 18 "แม่บอกว่าผู้ชายญี่ปุ่นขี้งก....จริงหรือคะ เรื่องนี้เราก็สงสัย ขอเสียงยืนยันหน่อยได้มั้นคะ" ได้ค่ะ ^^ ไม่เรียกว่าขี้งกดีกว่า คนญี่ปุ่นเค้าค่อนข้างรู้จักค่าของเงินมากกว่าค่ะ เค้าทำงานหนัก (ย้ำว่าหนักจริงๆ) กว่าจะได้เงินมาเหนื่อยมาก ขนาดป่วยยังไม่ยอมลางานกันเลย และค่าครองชีพก็สูงปรี๊ดดด อะไรๆก็ต้องเสียต้องจ่ายไปหมด ฉะนั้นเวลาจะใช้เงินที ก็ต้องคิดนานหน่อย เดี๋ยวจะได้ไม่คุ้มเสียน่ะค่ะ แต่ไม่ยืนยันนะว่าเป็นทุกคนหรือเปล่า รักกันที่ใจก็สุขใจค่ะ ได้อยู่กับคนที่เรารัก อะไรๆ ก็สวยงามไปหมด เรื่องคุณแม่ แน่นอนที่ท่านต้องเป็นห่วงคุณ แต่ถ้าคุณมั่นใจและเชื่อว่าคุณเลือกถูกทางแล้ว ก็พิสูจน์ให้ท่านเห็นได้ว่าคุณสามารถอยู่กับคนรักที่ญี่ปุ่น ได้อย่างมีความสุข ของอย่างนี้คงต้องอาศัยเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ สู้ๆ เนอะ จากคุณ : แม่บ้านต่างแดน (โซบะคุง) - [ 23 ธ.ค. 50 13:28:54 ]

ความคิดเห็นที่ 20 อ่านแล้วแอบยิ้ม ชอบเจ้าของกระทู้ค่ะ อายุยังน้อย  คิดอะไร ได้ดีค่ะ น่ารัก คือไม่รู้จะอธิบายยังไง คืออ่านแล้วสัมผัสได้ว่าน่ารัก เอาเป็นว่า ชมว่าคุณพ่อคุณแม่เลี้ยงมาได้น่ารักละกัน เรื่องค่าใช้จ่ายที่ญี่ปุ่นก็อย่างที่หลายๆคนตอบนะคะ และก็ขึ้นอยู่กับไสตล์การใช้ชีวิตของแต่ละคน เพราะถึงแม้อยู่โตเกียว คนที่มีค่าใช้จ่ายน้อยกว่านั้นก็มี เช่นเช่าบ้านราคาถูกกว่า  เรื่องอาหารการกินก็ประหยัด เสื้อผ้า ข้าวของไม่ค่อยซื้อ อะไรทำนองนี้ค่ะ แต่เปรียบกับคนที่อยู่ต่างจังหวัด ที่เรียกได้ว่าค่าครองชีพต่ำกว่าที่อื่น แต่การใช้ชีวิตค่อนข้างต่างออกไป ค่าใช้จ่ายก็ค่อนข้างสูง ที่สูงไม่ใช่ค่าครองชีพ  แต่ครองชีพตัวเองด้วยราคาที่สูงหน่อย   ก็ตามศักยภาพรายได้ค่ะ  เรื่องเงินๆทองๆ แล้วแต่คนแล้วแต่ครอบครัว ไม่ก้าวก่ายซึ่งกันและกัน ถ้ามาใช้ชีวิตที่ญี่ปุ่น ก็จะค่อยๆเรียนรู้ค่ะ ว่าต้องใช้จ่ายอย่างไร รายรับของครอบครัว กับรายจ่ายของครอบครัว แม่บ้านมีส่วนช่วยในการควบคุม เพื่ออนาคตของครอบครัวค่ะ ถ้าอยากมีรายได้เพิ่มก็ช่วยสามีทำงานอีกแรงค่ะ จากคุณ : อดีตนักกินจุก - [ 23 ธ.ค. 50 15:46:43 ]

ความคิดเห็นที่ 21 9 ล้านเยน!!!! เลิกแต่งดีกว่าเรา T_T เราก็อยากแต่งแบบญี่ปุ่นนะ อิอิ ^^" จากคุณ : แพนด้าหน้าใส - [ 23 ธ.ค. 50 23:36:50 ]

ความคิดเห็นที่ 22 คิดว่าเอาเงินไปผ่อนบ้านดีกว่า T_T บ้านราคา 42 ล้านผ่อน 30 ปี ซิกๆๆ 9 ล้านนี่หายไปเกือบ 1/4 เลยทีเดียว :P จากคุณ : แพนด้าหน้าใส - [ 23 ธ.ค. 50 23:41:48 ]

ความคิดเห็นที่ 23 เอ้า เอาใจช่วยจ้า ขอให้มีความสุขน้า (แอบตาร้อน แง่งๆๆ ) จากคุณ : ปลิวลมนมแบน (Nada Sousou) - [ 24 ธ.ค. 50 02:16:12 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ป้าจำแฟนหนูได้ เขาน่ารักมากๆเลย ตามสายตาของป้าหนูโชคดีแล้วทีได้แฟนใจดีแบบนี้ ขนาดป้าที่่ไม่เคยรู้จักม้าาก่อนยังชอบเขาเลย ดูเขาเป็นคนจริงใจดี คงฝากชีวิตไว้ไดั ส่วนการแต่งงานคิดว่าแต่งที่ไทยแบบล้านนาก็สวยดี แต่งที่ไทยไม่แพงมากเก็บเงินเอาไว้ทำอย่างอื้่นดีกว่า ถ้าเขาอยากแต่งที่ญี่ปุ่นก็แต่งที่โบสถ์อย่างที่เขาบอกก็ดี ไม่ต้องเลี้ยงอะไรมากๆ จัดงานใหญ่โต อยู่กันไม่ยืดก็เห็นอยู่มากมาย การแต่งงานเริ่มชีวิตใหม่ควรทำแต่พอดี อย่าไปตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ส่วนเรื่องผู้ชายญี่ปุ่นงก นั้น ไม่แน่เสมอไปเป็นบางคน เขารู้จักใช้เงินมากกว่า อีกหน้อยก็เรียนรู้กันไป จากคุณ : พนอจัน - [ 24 ธ.ค. 50 07:18:02 ]

ความคิดเห็นที่ 25 กลับมาอ่านอีกที  ก็ยังคิดว่าเป็นพี่หมีแหละ   พี่หมีแกเพิ่งประกาศกับพวกพ้องว่าจะแต่งงานเดือนนี้เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมานี้เอง พร้อมทั้งโชว์รูปในมือถือให้พวกพ้องดู   พี่หมีสัญญาว่าจะพาเจ้าสาวไทยมาให้ดูตัวเดือนเมษา พี่หมีบินไปกรุงเทพฯเมื่อคืนนี้ใช่บ่   ถ้าใช่ ก็แม่นแล้ว พี่หมีคนดังในหมู่คนไทยในญี่ปุ่น จากคุณ : akebi1 - [ 24 ธ.ค. 50 07:49:25 ]

ความคิดเห็นที่ 26 เรื่องค่าครองชีพ นั้นก็สูงเหมือนที่คห. บนๆว่ามาล่ะค่ะ แต่ถ้าใช้จ่ายดีๆคิดเยอะๆ ก็จะประหยัดได้มากเหมือนกัน (พูดดีไปงั้นล่ะ คนเขียนยังทำไม่ค่อยจะได้เลย ๕๕๕) ส่วนเรื่องการเงิน ถ้าตั้งใจลงหลักปักฐานกันแล้ว ก็ควรที่จะคุยกันก่อนนะคะ ว่าจะเอาอย่างไร จะให้เราเป็นคนบริหารการเงินภานในบ้าน เช่นเรื่อง กับข้าวต่างๆ ข้าวของเเครื่องใช่จิปาถะ เอง หรือว่าจะใช้แบบการ์ดรูด แล้วไปคำนวนเอาตอนสิ้นเดือน ก็ตกลงกันก่อน ส่วนเรื่องคุณแม่นั้นเราก็เข้าใจค่ะ เพราะตอนเราแต่งออกมา ก็ยังเด็กๆเหมือนคุณนี่ล่ะ แถมคุณแม่เล่าเรื่อง คุณวาสนา(เราก็ไม่รู้จักเหมือนกัน)ให้ฟังอยู่บ่อยๆ แต่ดีที่เราอยู่กับแฟนก่อนหน้านั้นแล้ว(บ้านเราหัวสมัยหน่อยไม่ค่อยคิดมากแต่เป็นห่วงตามประสาพ่อแม่ล่ะค่ะ) เราจึงค่อนข้างวางใจในตัวแฟนเราพอสมควร ยังไงก็รักกันนานๆนะคะ จากคุณ : บัตรผ่านนี้มีอมยิ้ม (^_^) - [ 24 ธ.ค. 50 11:14:49 A:219.125.199.208 X: TicketID:154519 ]

ความคิดเห็นที่ 27 อยากเสนอมุมมองของเราเฉยๆ ค่ะ... บางทีมันอาจไม่เลวร้ายหรือน่ากังวล อย่างที่คุณกลัว เราเป็นคนหนึ่งที่ใช้เงินคุณสามี แต่คุณสามีบอกว่า มันคือเงินของเรานะ แต่สำหรับเราเราก็ว่าเงินคุณสามีนะแหละ เพราะเราไม่ได้ทำงาน ช่วงแรกเคยเครียดเหมือนกัน เพราะสามีไม่ใช่พ่อแม่ ไม่รู้เริ่มยังไง แต่คุณสามีรู้จักเราตั้งแต่ไทย ก็รู้ว่าเรากินอยู่ ใช้อะไร เสื้อผ้า เครื่องสำอางค์ เงินส่วนตัว... เขาจะให้ไหม เพราะเป็นคนใช้ เครื่องประทินผิวเยอะมากๆ... แต่เขาเข้าใจนะ ก็ไม่มีปัญหา เราก็ฟังมาเหมือนกันเรื่องคุณวาสนา แม่บอกว่าเค้าอยู่กันไม่ยืด สาเหตุไม่ใช่จากการเงินอย่างเดียวนะค่ะ แต่เป็นเพราะเหตุผลของความเหงา ของผู้หญิงด้วย เมื่อครอบครัวมีมือที่สาม และความไม่ซื่อสัตย์ก็ไปไม่รอด และแม่เล่าให้เราฟังอีกคน (จำชื่อไม่ได้ค่ะ) เป็นผู้ชายแต่งงานกับหญิงญี่ปุ่น ก็อยู่กันมาถึงทุกวันนี้ เรื่องการเงิน... สำหรับมุมมองของเรา เราว่าสามีเข้าใจนะ แนะนำว่าให้คุย กันค่ะ คนญี่ปุ่นมีเหตุผลการใช้เงินนะ แต่ไม่ใช่งก (อันนี้จากคู่เรานะ) สามี เข้าใจว่าภรรยาต้องมีเงินเก็บสำรอง ค่าใช้จ่ายส่วนตัวต่างๆ เสื้อผ้า เครื่อง สำอางค์ต่างๆ ก็ควรคุยกันและตกลงกัน ส่วนเรื่องงานแต่งงาน ค่าใช้จ่ายสูงจริง แต่พ่อแม่ฝ่ายชายจ่ายค่ะ บางทีที่เขาจัดงานไม่เพียงแต่การให้เกียรติฝ่ายหญิง แต่เพื่อให้เกียรติครอบครัวเขาด้วยนะ อันนี้จากประสบการณ์ตรง ตอนแรกก็ว่าจะจัดเล็กๆ ที่ญี่ปุ่น แต่พ่อแม่สามีบอกว่าเขาเป็นลูกชายคนเดียว ก็ทะเลาะกับคุณสามีพอประมาณ สุดท้ายเลยจัดตามประเพณี ลองคุยกับฝ่ายชายก่อน ว่าจะจัดยังไง บางทีพ่อแม่ฝ่ายชายเขาคิดไม่เหมือนกับเรา เพราะถ้าเราต้อง จ่ายเงินก้อนใหญ่ขนาดนั้น เราก็คงไม่อยากัดแหละ แต่บางทีเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ เรื่องความทุกข์ของพ่อแม่เมื่อลูกไปไกล ลูกควรเข้าใจนะเพราะพ่อแม่ ไม่รู้ ไม่เห็นว่าเราเป็นอยู่อย่างไรนะค่ะ สำหรับเราคุณสามีให้เราโทรกลับบ้านทุกวัน ก็โทรไปหาแม่ได้ทุกวันจนทุกวันนี้ โทรไปบ่อยๆ ให้แม่รำคาญไปเลย ให้แม่รู้ว่าเราเป็นอยู่ยังไง กินอะไร ไปไหน ทำอะไร เดี๋ยวนี้ก็เลิก กระแหนะกระแหนคุณสามีเรา ไม่งั้นช่วงแรกๆ ก็ทะเลาะกับคุณสามีเพราะแม่ นี่แหละ แม่ไม่ไว้ใจ เวลาคุยกับแม่... เราเครียดก็หาเรื่องสามี ก็ลองดูค่ะ พยายามติดต่อและให้ท่านรับรู้นิดหนึ่ง โดยเฉพาะช่วงแรกๆ ที่มาอยู่ ปัญหาทุกปัญหาแก้ไขได้โดยการพูดเจรจานะค่ะ การอยู่ร่วมกันต้องมีปัญหา ไม่ว่าไทย ฝรั่ง หรือญี่ปุ่น รวมไปถึงพ่อแม่เรา แต่สิ่งสำคัญคือ อย่าลืมว่าเขาคือคนที่เรารัก เขารักและเป็นห่วงเรา ฉนั้นก็พูด แต่ทุกคำที่พูดก็คือนิดหนึงนะ แล้วมันะผ่านไปค่ะ ยินดีด้วยค่ะ สวัสดีปีใหม่ค่ะ ขอให้มีความสุขตลอดปีนะค่ะ จากคุณ : noot (thangthai_ladypink) - [ วันคริสต์มาส 11:19:02 ]

ความคิดเห็นที่ 28 เรื่องการเเต่งงานของบ่าวสาวญี่ปุ่นในปัจจุปัน ค่บ่าวสาวจะร่วมกันเก็บเงินเป็นค่าพิธีเเต่งงานโดยไม่รบกวนญาติฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ( ต่างกับไทยที่ฝ่ายหญิงจะเป็นผู้รับสินสอด ) ในกรณีที่ฝ่ายชายมีหน้าที่การงานดี ( ซึ่งตรงข้ามกับฝ่ายหญิง ) ประกอบกับฐานะครอบครัวดี ก็จะเป็นฝ่ายออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด เมื่อได้ทำการสมรสเเล้ว จะให้เงินฝ่ายหญิงเกือบทั้งหมดเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายภายในบ้าน ปันจุป้นได้เปลี่ยนเเปลงไป เนื่องจากภรรยาได้มีรายได้นอกบ้าน การเเบ่งค่าใช้จ่ายจึงเเตกต่างออกไปเเต่ละครอบครัว ขอเเสดงความยินดีด้วยค่ะ กับการเริ่มต้นชีวิตใหม่ ปัญหาต่างๆจะมีอีกมาก ขอให้สู้ผ่านอุปสรรคทั้งปวงค่ะ จากคุณ : YURI_KAWA - [ วันคริสต์มาส 16:03:49 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ใช่แล้วล่ะ   คนญี่ปุ่นรู้จักใช้เงินค่ะ   ถ้ามาอยู่ญี่ปุ่นแล้ว   ต้องศึกษาพวก   การแยกขยะ  เทขยะ  แล้วก็ขยะอะไร  ทิ้งวันไหน   อัญนี้สำคัญค่ะ  ห้ามทิ้งผิดเด็ดขาดเลย   ถ้าจะแนวแม่บ้านหน่อยก็พยายามศึกษา   เรื่อง  สินค้าราคาถูกค่ะ   อย่างอัญเนี๊ยะ   เดือนแรก  จะพยายามตระเวณ  ดูตามซุปเปอร์  ที่อยู่ในระยะ  รอบๆ ตัว  ว่าที่ไหน  ราคาเท่าไหร่  อะไรถูกบ้าง  และ  แต่ละที่ราคาแตกต่างกันมากไหม   เค้าลดราคากันเมื่อไหร่   วันไหนมีอะไรถูกๆ บ้าง  555555     และ  ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับค่าอาหาร  ของอัญนี่ก็ประมาณ   3 หมื่นเยนค่ะ    1  เดือน  ต้องนั่งคิดจนปวดหัว  ว่าจะทำยังงายยยยให้มันใช้ได้ถึงเดือน   หุหุหุ     (  ไม่รวมค่า ของใช้นะคะ  มีบ้างนิดหน่อย )     แต่ว่า   ในเมืองใหญ่เนี๊ยะ  3  หมื่นเยนไม่อยู่หรอกนะคะ   ประมาณ    4-5  หมื่นล่ะม้าง      แรก ๆ  ก็ยังไม่รู้ค่ะว่าอะไรมันถูกหรือ  มันแพง  ยังแยกไม่ออก  แต่พอนานๆ  ไป   สันชาตญานความเป็นแม่บ้านมันจะบอกเองอ่ะค่ะ   เอ  ฟังดูเหมือนจะทรหดมากๆ  เลยน้า  ถ้าสนใจเรื่องกับข้าวหรือหัดทำ  เข้าไปดูที่บล็อคได้นะคะ  ยินดีแนะนำ  ค่ะ  ถ้าทำเป็นอ่ะนะ จากคุณ : มันอยู่ในปอด - [ วันคริสต์มาส 16:09:34 ]

ความคิดเห็นที่ 30 มาอยู่ก็ชินค่ะ ไม่ต้องคิดอะไรมากค่ะ เข้ากันได้ไหม นิสัยเค้าดีไหม รักเรามากไหม เรารักเค้าหรือเปล่า เคารพกันดีไหม เงินไม่ใช่เรื่องสำคัญมากที่สุดค่ะ แต่จำเป็นในญี่ปุ่น ฮ่าๆ จากคุณ : คนไทยก็ทำได้ - [ 26 ธ.ค. 50 10:55:01 ]

ความคิดเห็นที่ 31 เห็นด้วยกับคุณ "บัตรผ่านนี้มีอมยิ้ม"  ว่าถ้าจะแต่งงานกันแล้ว ควรคุยเรื่องการเงินกันก่อน  ตกลงกันให้เข้าใจ จะเป็นการดี เรื่องที่ถามว่าคนญี่ปุ่น"งก"ไหม  ขอตอบเป็นความรู้สึกส่วนตัวตามลำดับนะค่ะ ก่อนแต่งงานสามีไม่ค่อยเสนอซื้ออะไรให้  เราก็ไม่ได้รู้สึกว่าเขางก เพราะคิดว่า"ฉันไม่ได้หวังได้ของอะไรจากเธอ"   พอแต่งงานใหม่ ๆ ย้ายมาอยู่ญี่ปุ่น  เขาเริ่มซื้อของให้เท่าที่จำเป็น(ในความคิดเขา) แต่ของบางอย่างเราอยากได้ (แต่ไม่จำเป็นในความคิดเขา)เขาก็ไม่ค่อยซื้อให้ ตอนนั้นเริ่มรู้สึกว่าเขางก และเขาก็ยอมรับค่ะ ฮ่า ๆๆ แต่สาเหตุที่เขาต้อง"งก"ก็เพราะว่า  ตั้งแต่ก่อนแต่งงานจนถึงเมื่อวาน(25 ธค.) สามีเราไม่มีงานทำ เนี้ยแหละค่ะที่เป็นเหตุผล แต่เราก็แอบดีใจเหมือนกันที่เขาไม่ฟุ่มเฟื่อย  จะว่าเขา "ขี้งก" เฉพาะตอนงอน ที่ไม่ให้ซื้อของ วันนี้ทางบริษัทที่เขาสมัครไว้  เพิ่งตอบรับเขาเข้าทำงาน  หลังจากที่เขารู้ว่าได้งานทำแล้ว เขาก็บอกกับเราว่า "ไปซื้อของกัน  เธออยากได้อะไร ซื้อให้หมดเลย " เราก็เลยได้ดีใจสองเด้ง  สามีมีได้งาน  เราก็ได้ซื้อของที่อยากได้ เราว่าความงก ไม่งก มันขึ้นอยู่กับคุณสองคน ถ้าสไตล์การใช้เงินไม่เหมือนกัน  ความรู้สึกว่า"คนนี้งก"อาจจะเกิดขึ้นได้กับคนใดคนหนึ่งได้ แต่สำหรับเรา ขอยืนยันเหมือนข้างบนค่ะว่า " คนญี่ปุ่นใช้เงินเป็น" ไม่ใช่เพราะว่า สามีเอ่ยปากจะซื้อของให้  ถึงรู้สึกอย่างนี้นะ   แต่มันเป็นความรู้สึกที่ค่อย ๆเพิ่มขึ้น  เมื่อเรานึกถึงอนาคตของครอบครัวเรา จากคุณ : ก้อยปลา - [ 26 ธ.ค. 50 16:39:02 ]