ความคิดเห็นที่ 8
สำคัญที่สุด คือ สามีของคุณค่ะ หากสามีไม่เห็นด้วย โครงการซื้อบ้านก็คง ต้องรอไปก่อน
เมื่อ 2 ปีก่อนดิฉันก็อยู่บ้านเช่าค่ะ เป็นบ้านหลังที่กำแพง 2 ข้างติดเพื่อน บ้าน มีสวนด้านหน้านิดนึง สวนด้านหลังอีกหน่อย รวมค่าเช่า+ที่จอดรถตก เดือนละ 165,000 เยนค่ะ เดินจากสถานีประมาณ 12-15 นาที
ส่วนตัวดิฉันคิดว่า ควรจะมีเงินเก็บเพื่อดาวน์ให้ได้มากที่สุด...ยิ่งดาวน์มากก็ ยิ่งผ่อนน้อย กู้นานสุด 35 ปี (คิดดูสิคะว่าหากกู้เต็มจำนวนปีที่ธนาคารให้ สามีเกษียณแล้วยังผ่อนกันไม่หมดเลย...ต้องโปะเงินก้อนใหญ่เข้าไป)
หากคิดจะซื้อบ้าน ภาระจะตามมาทันที นอกเหนือไปจากที่น้องTokyo Delightบอกว่าหากถูกส่งไปทำงานตปท. ทำให้มีรายจ่าย 2 ทางแล้ว....
แม้จะคิดว่าเงินที่ผ่อนบ้านเดือนละ 150,000 เยน น่าเสียดายสู้เอามาจ่าย mortgageให้ธนาคารดีกว่า แต่จริง ๆ แล้ว เงินเดือนละ 150,000 เยนนั้นเป็น เพียงรายจ่ายขั้นต่ำสุดของการผ่อนบ้านค่ะ(หากซื้อบ้าน) สิ่งที่ยังต้องคำนึง ถึงคือ....
- โบนัสกลาง-ปลายปีที่ต้องจ่ายเป็นmortgage (หากเงินดาวน์ไม่ท่วมท้น เงินโบนัสที่จะโดนเฉือนไปหลีกเลี่ยงไม่ได้แน่นอน) - ค่าภาษีบ้าน - ค่าประกันอัคคีภัย - ค่าประกันแผ่นดินไหว - ค่าซ่อมแซมบ้านครั้งใหญ่
ฯลฯ
ยกตัวอย่างกรณีดิฉันนะคะ เนื่องจากเงินดาวน์มีไม่มาก (จ่ายmortgageแต่ ละเดือนไม่สูง) + ค่าmanagement fee(เนื่องจากซื้อเป็นแมนชั่น) + ค่าที่ จอดรถ จึงต้องจ่ายโบนัสแพงค่ะ ทุกครึ่งปีเราต้องเฉือนโบนัสครั้งละ 400,000 เยนให้ธนาคาร (ปีละ 800,000 เยน)
ค่าภาษีบ้านมาเก็บทุก 3 เดือน ครั้งละ 45,000 เยน (1 ปีก็ 200,000 เยน)
ยังไม่รวมค่าประกันบ้านเลย...รายจ่ายคงที่นอกเหนือไปจากการผ่อนทุก เดือนก็ 1 ล้านเยนแล้ว หากดิฉันยังเช่าบ้านต่อไป รายจ่ายส่วนนี้ก็ไม่เกิด สามารถเอาเงินไปซื้อของ ไปเที่ยวตปท.ได้อย่างสบาย ๆ อย่างน้อยก็ปีละ ครั้งเลยแหล่ะ....แต่พอซื้อบ้านแล้วทำไม่ได้ค่ะ เพราะภาระมันมี....
ฉะนั้นคุณจขกท.ต้องคุยกับสามีดี ๆ ค่ะ ปรึกษากันให้ดีก่อนตัดสินใจ เพราะ เมื่อตัดสินใจซื้อบ้านแล้ว บอกได้เลยว่า อีก 1-20 ปีข้างหน้า คุณจะเลี่ยงการ แบกรับสภาพเป็นหนี้ธนาคารแบบนี้ไม่ได้เลยค่ะ
จากคุณ :
fudge-a-mania
- [
22 ธ.ค. 50 15:27:50
]
|
|
|