ความคิดเห็นที่ 1 โหให้ใช้ร้อยยูโรนี่ต่อเดือน หรือต่ออาทิตย์ค่ะ แฟนคงจะเป็นคนขี้เหนียวมากและคิดเห็นแต่ตัวเองเป็นใหญ่ซะด้วย แบบนี้ต้องประท้วงค่ะ ยอมมากไปไม่ดีกับคุณแน่ๆ และคุณจขกทลองคุยกับแฟนดูหรือยังค่ะ ถ้าคุยแล้วอธิบายแล้วยังไงๆก็ไม่ยอมท่าเดียวแบบนี้คงต้องงัดข้อแล้วล่ะค่ะ จากคุณ : แฟนไม่งกแต่ไม่รวยอ่ะ - [ 4 ม.ค. 51 04:15:42 A:88.117.91.229 X:195.3.113.76 TicketID:122513 ]

ความคิดเห็นที่ 2 200,000 Has he got the mortgage? I mean even he sold it for that money but don't forget that he has to pay off the mortgage too unless the house is mortgage free. In that case he will make a bit of the profit but there will be a capital gain tax as well. You have to talk to him , talk about your future and his. what is he going to do in Thailand? He wants to buy a place or rent for every six month while he is living there? How much money has he got towards all the expenses in both countries? i am sure he will receive the pension as well as other assets if he has. I can't say that I am sure you and him will live happily when he retires as I don't know how much savings you have and so on. But having read what you have siad. I think he may have already planed for his future. He may know that you don't have to work but he will be able to look after you in both countries. I know nothing about you and your husband , is he selfish?, is he unkind? So I may get it wrong but you are the one who live with him and spend your life with. You should know better. แก้ไขเมื่อ 04 ม.ค. 51 06:06:43 แก้ไขเมื่อ 04 ม.ค. 51 06:06:07 จากคุณ : PoomPim..TMB - [ 4 ม.ค. 51 05:37:49 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ไม่มีความเห็นค่ะ เรื่องเงินๆ ทองๆ ของคนอื่นไม่ชอบยุ่งค่ะ แต่แต่งงานกันแล้ว เขาเป็น สามี ของคุณนะคะ ไม่ใช่แฟน ค่ะ   FYI  & best wishes. จากคุณ : Siamese Girl - [ 4 ม.ค. 51 10:43:19 ]

ความคิดเห็นที่ 4 อ่านแล้วรู้สึกว่า ที่ดินที่คุณอยากซื้อทำธุรกิจบ้านเช่าหรือหอพัก น่าจะอยู่ใกล้ๆ บ้านเราแฮะ แต่อยากจะบอกว่า ที่ดินแถวๆ นี้ไร่ละ 5 ล้านขึ้นนะคะ ยิ่งถ้าเป็นเส้น main ใกล้ๆ นิคมฯ ไร่ละ 8-10 ล้าน อันนี้ยังไม่รวมค่าสิ่งปลูกสร้างตัวอาคาร แต่เห็นด้วยเรื่องคิดที่จะทำธุรกิจนี้ เพราะเรามองเห็นโอกาสดีๆ ตั้งแต่สมัยย้ายมาอยู่ที่นี่ใหม่ ๆ ตอนที่ สองข้างทางยังเป็นทุ่งหญ้าอยู่เลย แต่บังเอิญในตอนนั้น เราไม่มีทุนทรัพย์มากพอจะลงทุน มองเห็นโอกาส มีไอเดีย แต่ไม่มีตังค์ พ่อแม่ก็กลัวไม่กล้าลงทุน เราเลยเสียโอกาสไป   เดี๋ยวนี้ 5-6 ปีให้หลังเอง ไม่มีทุ่งหญ้าให้เห็นแล้ว กลายเป็นเมือง เป็นตึก เป็นธนาคารไปหมดแล้ว อาคารพาณิชย์ที่ติดหน้าถนน หน้ากว้าง 4-5 เมตร 3 ชั้น ห้องละ 4-5 ล้าน.. หอพักให้เช่ากันก็ขึ้นกันอย่างกับดอกเห็ด ตึกสร้างยังไม่ทันเสร็จเลย คนจองกันเต็มหมดแล้ว เพราะแรงงานทะลักมาจากต่างจังหวัด และกรุงเทพเยอะมาก คู่เราก็เคยคิดเหมือนสามีคุณที่บอกว่าจะอยู่เมืองไทย 6 เดือน เมืองนอก 6 เดือน หากธุรกิจที่เราทำไปได้ดี และมั่นคงพอ แต่ตอนนี้พับไปแล้ว แผนเปลี่ยน ต้องย้ายไปอยู่แคนาดาจนกว่าลูกจะเรียนจบ อย่างน้อยๆ ก็ 22-23 ปี เพราะเราให้น้ำ้หนักเรื่องการศึกษา และอนาคตของลูกมากกว่า ของเราเอง.. ส่วนเรื่องสามีคุณ หากอ่านตามที่คุณเขียน จะว่าเขาเห็นแก่ตัว ก็อาจเป็นไปได้   แต่ถ้ามองอีกมุม  เขาอาจจะกลัวว่า พอซื้อที่ ซื้อบ้านให้คุณแล้ว คุณอาจทิ้งเขาก็ได้ เขาอาจจะยังไม่แน่ใจก็ได้ว่า คุณจริงใจกับเขาแค่ไหน เพราะเห็นว่าเพิ่งอยู่กัน 1 ปีเอง แล้วอายุขนาดนี้แล้ว เขาก็คงไม่อยากลำบากหลังเกษียณ หากเหตุการณ์มันไม่เป็นอย่างที่เขาอยากให้เป็น อันนี้สมมตินะคะ ... สมมติว่า แฟนคุณได้ยินมาเยอะเกี่ยวกับ วัฒนธรรมบางอย่างของหญิงไทยบางกลุ่มที่น่ากลัว มันอาจทำให้เขากลัวว่า จะโดนคุณทิ้งเหมือนที่เขาอ่าน เขาได้ยินมาก็ได้ อันนี้เราไม่ได้ดูถูก หรือตำหนิอะไรนะคะ เพราะเราเองไม่ได้อยู่ตรงนั้นกับคุณ เราไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของคุณเป็นอย่างไร คุณอาจจะรักเขาจริงก็ได้ ซึ่งเราก็คิดว่าน่าจะเป็นยังงั้น แต่ปัญหามันอยู่ตรงที่ว่า  แฟนคุณอาจยังไม่มั่นใจในตัวคุณมากกว่า เขาถึงได้ออกอาการแบบนี้... ไม่อยากให้คุณรู้เรื่องเงินๆ ทองๆ ของเขาว่า มีเงินเก็บเท่าไหร่ ตรงไหนบ้าง .. เราว่า เขาคงแค่กลัวอนาคต และยังไม่มั่นใจมากกว่า อย่างอื่นคะ... แก้ไขเมื่อ 04 ม.ค. 51 19:10:13 จากคุณ : เพนนี (MiniPenzman) - [ 4 ม.ค. 51 19:07:46 ]

ความคิดเห็นที่ 5 คนเราแต่งงานกันแล้ว ถ้าไม่จำเป็นจริงๆก็ไม่ควรจะแยกกันอยู่ ยังไงก็ลองคุยกับเขาดูสิว่า สมัยนี้เมืองไทย ค่าครองชีพมันแพงขึ้นเยอะ ลำพังจะกินแค่เงินเกษียณกันสองปากท้องจะพอหรือ ไหนต้องเผื่อค่ารักษาพยาบาลอีก โรงพยาบาลเอกชนที่เมืองไทยนี่ก็แพงเท่าเมืองนอกเลย รัฐไม่จ่ายด้วย จะอยู่เมืองไทยหกเดือนก็ต้องคิดค่าวีซ่าค่าตั๋วบินออกนอกประเทศทุดสามเดือนด้วย หรือถ้าจะขอวีซ่าถาวร อันนั้นยิ่งต้องมีเงินอย่างต่ำปีละสีแสนน่ะ สนับสนุนให้เขาเอาเงินบางส่วนไปลงทุน แต่จะลงทุนที่เมืองไทยในโครงการคุณหรือของเขา นั่นก็ต้องคุยกัน ถ้าเขากังวลกลัวว่าคุณจะโกง ก็ให้หาทนายมาร่างสัญญาไป จากคุณ : yuy - [ 4 ม.ค. 51 20:10:19 A:124.121.17.210 X: TicketID:124751 ]

ความคิดเห็นที่ 6 การขายบ้านได้ในฝรั่งเศสนั้น ก็ต้องเสียภาษีนะคะ สามีคุณอาจจะมีรายจ่ายอย่างอื่นที่ไม่ได้บอกคุณหรือเปล่าคะ คิดในแง่ดีค่ะ ส่วนเรื่องของความไม่ไว้ใจก็เป็นส่วนหนึ่งนะคะ เพราะคุณเองก็เพิ่งจะแต่งงานกับสามีคุณ คุยกันดีๆ ค่ะ แล้วอีกอย่างคุณควรให้เหตุผลเค้าด้วยว่า คุณต้องทำงาน ถ้าวันหนึ่งสามีคุณไม่อยู่แล้ว ใครจะมาดูแล คุณต้องทำงานเพื่ออนาคตของตัวคุณเองเช่นกันค่ะ คุยกันด้วยเหตุผลค่ะ เรามีเหตุผลที่ดี เค้าย่อมต้องฟังเรา อีกเรื่องหนึ่งค่ะ เมื่อสามีคุณเกษียณแล้ว จริงอยู่ว่าทุกเดือนเค้าจะได้รับเพนชั่นในส่วนของเขา แต่ว่าเค้าก็ยังต้องจ่ายภาษีนะคะ ที่ฝรั่งเศสจ่ายยุบยับนะคะ ยังงัยก็เข้าใจสามีคุณด้วยนะคะ ปล. เราไม่ได้อยู่ฝรั่งเศสแต่เรียนหนังสือที่นั่นและมีเพื่อนที่ดีที่ให้ความรู้ในเรื่องต่างๆ ของประเทศนี่เยอะพอสมควรค่ะ จากคุณ : amore mio - [ 5 ม.ค. 51 19:23:55 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เราคิดเหมือนคุณเพนนีกะคุณ amore mio นะ คุณทำอะไรให้เค้ายังไม่ไว้วางใจคุณรึเปล่า... ดูคุณจะสนใจเรื่องเงินทองของเค้ามากจัง... แล้วอีกอย่างนึง อย่าไปเปรียบเทียบกับคนอื่นเลยค่ะ ไม่สบายใจเปล่าๆ เค้าไม่ให้ทำงาน..แล้วถ้าขอเรียนได้มั้ยคะ หาความรู้ด้านภาษาเพิ่ม...กลับมาเมืองไทยจะสร้างอาชีพให้คุณได้ สอนพิเศษภาษาเป็นอาชีพที่รายได้ดีนะ... แก้ไขเมื่อ 06 ม.ค. 51 11:44:05 จากคุณ : Sao'Padlung - [ 6 ม.ค. 51 10:55:04 ]

ความคิดเห็นที่ 8 คิดว่าเขาอาจจะยังไม่ไว้ใจคุณค่ะ เพราะเงินจำนวน 2 ล้าน สำหรับดิฉันก็ไม่น้อยนะคะ ทำงานของคุณเองดีกว่า ไม่ต้องไปรอใช้เงินเขาให้อึดอัดใจ อีกตั้ง 3 ปีแหนะ จากคุณ : Tigerish - [ 7 ม.ค. 51 21:57:15 ]