ความคิดเห็นที่ 1
ข้อมูลอาจจะไม่ทันสมัยนะคะ แต่ทำเมื่้อสมัยสักสิบปีกว่าโน้น
คือทำงานที่เมืองไทยจนได้เงินเก็บ (เกิน) กว่าที่เขาบอกว่าต้องใช้ (เขาบอกคือการประเมินค่าใช้จ่ายจากหนังสือคู่มือแนะนำของมหาวิทยาลัย) สมัยนั้นก็ไม่ได้เลือกว่าต้องเป็นมหาวิทยาลัยมีชื่อเสียงอะไรมาก เอาที่เรามีความสามารถที่จะส่งตัวเอง คือ ค่าเรียน ค่าครองชีพไม่สูงเกินไป เลือกอยู่สองประเทศ คือ ออสเตรเลีย กับ อังกฤษ แต่ในที่สุดก็ไปอังกฤษ เลือกทางเหนือ เพราะค่าครองชีพถูกกว่าทางใต้ โดยประมาณก็ยี่สิบเปอร์เซ็นต์ (หมายถึงพวกค่าเช่าห้อง)
ไม่ได้ขอทุน และก็ไม่ได้ทำงานระหว่างเรียน เนื่องจากระยะเวลาเรียนสั้น (ประมาณหนึ่งปี) ไม่ได้เครียดกับเงินนัก แต่จะประหยัดการใช้จ่าย โดยการทำอาหารกินเอง ไปเที่ยวกับเพื่อนบ้าง แต่ไม่นิยมไปดื่ม
สรุปใช้จ่ายไปทั้งหมดตลอดปี (เก้าเดือน) ประมาณ 17,500 ปอนด์ กรณีของบีพี .. คุณคงจะไม่ได้ข้อมูลเรื่องทำงานกี่ชั่วโมง ได้รายได้เท่าไหร่ เหลือเท่าไหร่ เพราะอย่างที่บอกคือ ทำงานและเก็บเงิน จากทำงานที่เมืองไทยก่อนไป เพียงแต่เลือกที่จะเรียนอย่างเดียว แล้วก็หาประสบการณ์ในต่างแดน เช่น ท่องเที่ยวไปในเมืองต่าง ๆ และไปยุโรปเมื่อมีเงินเหลือจากการใช้จ่าย ...
จะทำรายการเงินที่นำไปเข้าบัญชีตั้งแต่ครั้งแรกที่ไปเรียน แล้วก็ทำบัญชีรายจ่ายประจำเดือน พยายามควบคุมค่าใช้จ่ายให้อยู่ในกำหนด (ที่เรากะเอาไว้) เป็นต้น แต่ไม่ได้ตึงเครียดถึงขนาดไม่กิน ไม่ใช้ ไม่ซื้อ ไม่ไปไหนเลย คือมีเพื่อน มีสังคม มีเวลาหาความรู้
เวลาเรียนที่อังกฤษ อาจจะดูไม่แน่นทุกวันนัก (คือบางวันไม่มีตารางเรียน) แต่งานที่ต้องทำ นอกเหนือเวลาเรียนจะมากโขอยู่แล้ว ฉะนั้นแทบจะไม่มีนักเรียนที่เรียนโทไปด้วยทำงานไปด้วย (ยกเว้นนักเรียนที่มาเรียนภาษาอย่างเดียว หรือนักเรียนที่เป็นนักเรียน อังกฤษแล้วเรียนพาร์ทไทม์)
อีกอย่างคือเมื่อสมัยสิบปีก่อน รัฐบาลอังกฤษยังไม่อนุญาตให้นักเรียนไทยทำงานได้ ถ้าจับได้ ก็มีถูกส่งตัวกลับ พร้อมประทับตราไม่ให้เข้าประเทศห้าปี แต่ยุคนี้ได้เปลี่ยนไปนานแล้ว นักเรียนมีสิทธิทำงานได้ยี่สิบชั่วโมงต่อสัปดาห์
ที่พิมพ์บอกไว้ ถึงแม้ข้อมูลจะไม่ทันสมัยนัก แต่้ปัจจุบันก็อาศัยอยู่ที่อังกฤษมาแปดปีแล้ว (คือหลังจากเรียนจบ ก็กลับไปทำงานที่ไทย แล้วก็กลับมาที่อังกฤษอีก เพื่อตกงาน แล้วก็ทำงานไป เปลี่ยนงานไป จนปัจจุบันไม่ได้ทำงาน เนื่องจากสุขภาพ)
อยากจะบอกว่า วิธีง่าย ๆ ที่จะทำให้การเงินเราไม่ติดขัด แม้ว่าเราจะประสบปัญหาชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง งาน สุขภาพ หรืออะไรก็แล้วแต่ในชีวิตต่อ ๆ ไป ... คือ เราต้องทำอะไรอย่าให้เกินตัวเรา อย่าหวังน้ำบ่อหน้านัก ต้องมีเผื่อเหลือ เผื่อขาด และคิดทางที่เผื่อไว้เสมอ ชีวิตถึงจะเจอทางอุปสรรค ก็ฟันฝ่าไปได้ ทฤษฎีนี้ก็ใช้มาตั้งแต่วัยสาวเริ่มทำงาน จนถึงปัจจุบันนี้ค่ะ
ขอให้เจอหนทางในการเรียนต่อปริญญาโทสำเร็จนะคะ
จากคุณ :
บีพี
- [
14 ม.ค. 51 01:39:22
]
|
|
|