ความคิดเห็นที่ 3
Private sector พึ่งมีบทบาทที่เป็นน้ำหนักใน mortgage bond ในช่วงห้าปีหลัง เป็นบทบาทที่เข้ามาแทนที่รัฐ เพราะว่า Bank ไม่สามารถรอให้กู้ได้ตามกลไกลตลาด ถึงได้หันไปใช้ระบบ bond market Bank เค้าไม่สนใจปัจจัยพื้นฐาน เค้า prioritize ตัวเลข ทำยอด เค้ามองตรงนี้เป็นหลัก คุณลองสังเกตุดู พวก Bankers พวกที่เป็น Chairman พวกตำแหน่งสูงๆ จะพูดอะไรเหมือนๆกันไปหมด เวลาแสดงทัศนะจะคล้ายๆกัน แต่พวกที่อยู่ในระดับล่างๆลงมา จะพูดอีกอย่าง (ตรงนี้ไว้ค่อยอธิบาย )
แต่ปรากฏการณ์ subprime เป็นความผิดของ FED เพราะพวกนี้ใจร้อน เล่นกับตัวเลข แล้วเวลาเราพูดถึงเศรษฐกิจไม่ว่าของประเทศไหน มันหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะดูที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก ใช่มั้ย แต่คุณลองสังเกตุดูนะ เวลา FED ออกมาประกาศอะไร คุณเคยได้ยินได้ฟังการพูดถึงตรงนี้มั้ย แทบไม่มีเลย เค้าพูดแต่ตัวเลข เค้าเอาตัวเลขตรงนั้นตรงนี้มาแล้ว ก็บอกเป็นบทสรุปย่อให้เราฟังแค่ว่า แนวโน้มจะเป็นอย่างนี้ๆนะ ซึ่งเมื่อกลางปีก่อน ก็บอกว่า subprime จะไม่มี hurt เศรษฐกิจอเมริกา ทุกอย่างอยู่ในการดูแล นี่ไง cover up
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เพราะว่า ปัญหา subprime จะไม่เกิดเป็นปัญหาเลย ถ้า (ย้ำ) ถ้า assets มันไม่ overvalued และ assets จะไม่มีทางถูกทำให้ overvalued ได้ ถ้า housing market มันไม่ overpriced
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ที่ผ่านมา เราทำให้ถูกเข้าใจว่า เมื่อการซื้อขายบ้านยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ ก็แสดงว่าเศรษฐกิจดี ( นี่คือความเข้าใจผิดอย่างมาก เป็นมิจฉาทิฎฐิทางการเงินอย่างรุนแรง )
เพราะว่า คนที่ profit จากตรงนี้คือ bankers และ brokers ( real estate brokers) ได้สองดอกเลย ดอกที่หนึ่ง ได้ตอนที่มีการซื้อขาย ดอกที่สองก็ยังได้อีก ตอนไหนรู้มั้ย ก็ตอน repo ไง คนที่เสียลูกเดียวเลยคือ buyers ทั้งหลาย ซื้อบ้านแพงกว่าราคาที่เป็นจริง
ทีนี้ ถามว่าทำไมความผิดอยู่ที่ FED ก็เพราะว่า เค้ามี full control over monetary policy เค้าจะใช้มาตรการทางการเงินต่างๆ ออกมาป้องกันก็ได้ จะบอกเหรอว่า overvalued assets เป็นสิ่งที่ เกิดขึ้นโดยไม่รู้สาเหตุ และไม่รู้ว่าจะป้องกันยังไง เพราะทฤษฏีทางการเงินก็เรียนกันมาเหมือนๆกัน เครื่องมือในการควบคุมตัวแปรต่างๆ มันมีอยู่ อยู่ที่ว่าจะใช้หรือไม่ และใช้อย่างไร *** เวลาไหน ***
แต่ไม่ทำ ไม่ใช่เพราะทำไม่ได้ หรือไม่อยู่ในข่ายในอำนาจที่จะทำได้
สาเหตุที่แท้จริง ก็เพราะว่า มันมี big guys ที่ควบคุม FED และ (ย้ำ)ควบคุมรัฐบาลอีกทีหนึ่ง Mr.Big ตัวจริงคือ นั่นคือ MNC คือ กลุ่มทุนข้ามชาติ พวกนี้ไม่มีสัญชาติ( ความหมายก็คือ มันไม่แคร์เรื่องชาติ) นี่คือตัวการที่ dictate มาตรการทางการเงินต่างๆผ่าน FED ผ่านรัฐ ดังนั้นเวลาเราฟังการวิเคราะห์หรือข้อมูล ทางเศรษฐกิจจากบุคคลสำคัญในตำแหน่ง มันถึงออกมาในแนวทางเดียวกัน เพื่อให้เราเชื่อเหมือนๆกัน
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พวกเราคงเคยได้ยินคำว่า The Corporate Takeover of America ถ้าเข้าใจความหมายตรงนี้ เราจะอธิบายเหตุผลและแนวโน้มของสถานการณ์ต่างๆได้ ไม่ว่า subprime crisis, Tax Policy, War on Terror, ect.
Corporate Takeover คือคำตอบของคำถามที่ว่า ทำไม college loan program ของอเมริกา ถึงได้ screwed-up เพราะอำนาจรัฐไม่ได้มีอยู่จริงแล้ว เป็นเพียง nominee เป็นตัวแทนของอำนาจกลุ่มทุน ประเทศที่ชูธงว่าเป็น ผู้นำในทุกๆด้าน แต่นโยบายทางการศึกษา screwed-up ด้วยเหตุผลที่ว่า มันถูก privatized นั่นเอง
เรื่อยไปจนถึงคำถามที่ว่า ทำไม Bush ถึงได้ Electoral votes มากกว่า Gore ในปี 2000 ทั้งๆที่ popular votes น้อยกว่า (แม้จะเป็นตัวเลขไม่มากก็ตาม แต่โดยระบบการเลือกตั้งของอเมริกาแล้ว E-votes จะต้องตอบสนองโดยตรงกับ P-votes) War on Terror ไม่ได้เกิดจาก Bush ไม่ได้เกิดเพราะ Reps และไม่ได้เกิดเพราะ Rumsfeld แต่เป็นเพราะ MNC เพราะกลุ่มทุนที่สนับสนุน Reps เป็นกลุ่มที่เกี่ยวเนื่องกับผลประโยชน์จากสงครามใน MidEast
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เราจะรู้ได้เลยว่า ทำไม Bush ถึงบินไป MidEast ในช่วงนี้ แล้ว visit เกือบครบทุกประเทศที่เกี่ยวข้อง ข่าวบอกเราว่า ไปเจรจา peace deal แต่ความจริงคือ ไปพยายาม tie up all the lose ends ต่างหาก เพราะ กลุ่มทุนที่ได้ประโยชน์จากสงครามครั้งนี้ เขาได้ไปเกินคุ้มแล้ว 6 ปีของสงคราม บริษัทที่ผลิตและขายอาวุธ ให้กับกองทัพ บริษัทที่เกี่ยวข้องกับ oil trade รวมไปถึง กองทัพของสหรัฐเองที่ได้ระบายอาวุธในคลัง พูดสั้นๆ ก็คือ mission completed แล้ว กลุ่มทุนที่สนับสนุน Reps กำลังคำนวณสถานการณ์ว่า หากยืดเวลาของ การมีสงครามครั้งนี้ต่อไป protential profits คือเท่าไหร่ และหากประกาศ rapid pull-out ผลที่ได้คือเท่าไหร่ ถึงต้องให้ Bush บินไปเจรจา เพื่อตกลง deal ต่างๆ เพื่อประเมินข้อมูลที่เป็นจริงที่สุดก่อนที่จะตัดสินใจอะไร หากว่ากระแสมวลชน เหวี่ยงมาทาง Dems มากเกินไป จนถึงจุดที่ว่าเสี่ยงต่อการแพ้เลือกตั้ง สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็ต้องมาดูที่ตัวเลข ( ซึ่งเราไม่มีทางรู้) การคำนวณตรงนี้ว่า การยุติสงครามจะ profit มากแค่ไหน หากว่า deal ต่างๆยังไม่ลงตัว และการมีอยู่ของสงครามยังได้ profit มากกว่า สงครามก็จะดำเนินต่อไป โดยไม่เกี่ยวเลยว่า Dems หรือ Reps จะได้ ไม่เกี่ยวเลยว่า คนดำ คนขาว ชายหรือหญิงจะอยู่ในตำแหน่งในเวลานั้น
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Subprime crisis จะนำไปสู่ The Great Depression หรือไม่ คำตอบอยู่ที่ความโลภ และความแม่นในการคำนวณ ของกลุ่มทุนในภาคเอกชน ไม่ได้อยู่ที่ FED หรือที่ bankers or brokers หากว่า การคำนวณตรงนี้แม่นยำ และ ไม่มีตัวแปรภายนอกอื่นๆที่ไม่ได้อยู่ในสมการเพิ่มเข้ามา มันก็จะเป็น balloon ที่ยังไม่แตกทันที ( ทำไมถึงต้องคำนวณ ก็เพราะว่า ภาวะที่ out of balance มันมี threshold มี time factor ของมันในแต่ละส่วน อะไรก็ตามที่มันยังได้ profit โดยที่ระบบทั้งหมดยังไม่ถึงเวลาล้มครืน มันก็ยัง squeeze off a bit more ไปเรื่อยๆ --> นี่แหล่ะ ทำไม Bush ถึงได้ขาย 20 billions arm deal ให้ Saudi ในระหว่าง trip ของการเจรจา peace deal !!! )
แต่หากว่า balloon มันจะแตก ด้วยสาเหตุอะไรก็ตาม คนที่ล้มก่อนคือพวกที่ทำธุรกิจบนตัวเลข แต่มันจะล้มบนฟูก ตัวใหญ่ๆ จะล้มบนฟูก เพราะมันคือคนที่ dictate อยู่เบื้องหลังสถานการณ์ทุกๆอย่าง มันรู้ก่อนว่าอะไรจะเป็นอะไร พวกที่ล้มจริงๆคือ ระดับกลางและล่าง ส่วนพวกที่จะได้รับผลกระทบน้อยที่สุด คือส่วนที่มีการผลิตจริงๆ ธุรกิจที่มี productivity จริงๆ ในส่วนที่ไม่ใช่ high-end market จะโดนผลกระทบน้อยที่สุด
จากคุณ :
- 072648
- [
19 ม.ค. 51 01:34:51
A:58.136.50.214 X: TicketID:072648
]
|
|
|