ความคิดเห็นที่ 1 You and your family are Kai-ka but your boyfriend is Ching-chai. จากคุณ : Little pearl - [ 18 ม.ค. 51 17:54:21 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เป็นเราเราก็คงตกใจ สองล้านเลยหรือ คงถอยหลังกลับไปตั้งหลักเหมือนกัน ทางคุณอ้อมไม่มั่นใจในตัวเขา ส่วนเขาก็คงไม่มั่นใจในตัวคุณแล้วเหมือนกัน รักกันอยู่ดีๆ มีแต่เธอกะฉัน พอจะแต่งงานกัน ดันมีเรื่องเงินมาเกี่ยวด้วยซะนี่ ก็เข้าใจพ่อแม่คุณนะคะ ว่าคงไม่อยากให้ลูกไปลำบาก ถ้าขอสองล้าน แล้วเอาให้ลูกไปสร้างเนื้อสร้างตัวด้วยกัน ยังไงลูกก็ไม่ลำบาก คุณกลับมาคบกันอีกครั้ง ก็แสดงว่ายังรักกันอยู่ เขาก็คงจริงใจกับคุณ เพราะดูท่าแล้ว เขาเองก็ไม่น่าจะหาแฟนใหม่ยาก ลงทุนขนาดนี้ ส่งตังค์ให้คุณใช้อีก ฝรั่งบางคน ภรรยาแท้ๆยังไม่เคยให้ใช้เล๊ย กระเป๋าใครกระเป๋ามัน อย่างเนี๊ยะ สาวๆชอบ ขนาดคุณมีหนุ่มอื่นๆมาติดพัน คุณก็ยังเลือกเขา เขาก็ต้องมีอะไรดีๆ ใช่ไหมคะ ลองคบกันดูต่อไป ไม่พูดเรื่องเงิน เพราะถ้ารักกันจริง อยากใช้ชีวิตร่วมกันแล้ว ไม่ว่าความลำบาก หรือความจน หรือแม้แต่เขาพิการ ก็ยังรักกันได้ พ่อแม่คุณก็ต้องเห็นว่า ลูกเรารักเขา อยากแต่งงานกับเขา อย่าไปคิดเลยค่ะว่าคนแถวบ้านยังได้ล้านนึง ลูกเราต้องได้มากกว่า แถวบ้านดิฉัน แต่งกัน ๑๕ ล้าน หนุ่มลูกครึ่งญี่ปุ่นอังกฤษ หล่อลากดิน เราก็คิดแต่ว่า โชคดีจัง บุพเพสันนิวาสจริงๆ พ่อแม่เราก็ว่า วาสนาเขาดี ทำบุญมาดี ก็แค่นั้น คงน่าเสียดายนะคะ ถ้าคนรักกัน แต่ลงเอยด้วยกันไม่ได้ เพราะตกลงเรื่องค่าสินสอดไม่ได้เนี่ย ไม่ว่าเราจะอ้างว่าเป็นเรื่องของวัฒนธรรมก็ตาม แต่ในสายตาของต่างชาติบางคน มันก็คือการเอาเงินและทรัพย์สินไปแลกกับผูหญิงนะคะ ยกเว้นไว้อย่างที่บอกคือ ถ้าพ่อแม่ไม่ได้เอาสินสอดไว้ทั้งหมดน่ะค่ะ จากคุณ : ZOMG - [ 18 ม.ค. 51 18:08:17 ]

ความคิดเห็นที่ 3 สงสัยน่ะค่ะ เห็นบอกว่าคบกันกลางปีที่แล้วใช่มั้ยคะ  คุณ จขกท. เคยไปเห็นสภาพความเป็นอยู่ของผู้ชายที่อเมริการึยังคะ ส่วนตัวคิดว่าเร็วไปค่ะ รู้สึกว่าคุณยังไม่ทันรู้จักเค้าครบทุกด้าน แล้วเพิ่งเจอกันแค่ครั้งเดียวด้วย แต่ตอนนี้พูดเรื่องแต่งงานแล้ว (ดูท่าทางคุณก็อยากแต่ง ใช่มั้ยคะ) ยังไงคิดให้ดีๆนะคะ ค่อยๆเป็นค่อยๆไปจะดีกว่ารึเปล่า ส่วนเรื่องที่เค้าขอเลิกง่ายๆ มันเป็นไปได้หลายกรณีนะ หนึ่งคือเค้ายังไม่ผูกพันเท่าที่ควรเพราะฉะนั้นเค้าก็ไม่เจ็บมาก สองคืออย่างที่เค้าบอกว่าจบซะแต่ตอนนี้ก็ดีกับทั้งสองฝ่าย สามคือ ยังไงก็ไม่สู้ค่าสินสอด ฟันธงลงไปตรงๆไม่ได้หรอกค่ะเพราะมีคุณคนเดียวที่รู้จักแฟนคุณ ขอพูดเรื่องสินสอดหน่อยนะคะ คือว่าก็ไม่รู้ว่าเดี๋ยวนี้เค้าเรียกกันเท่าไหร่ แต่คิดว่าสองล้านนี่ไม่ใช่น้อยนะคะ ทองอีกสิบบาทนี่ก็แสนสี่เข้าไปแล้ว ถ้าอยากให้แน่ใจว่าเค้าจะเลี้ยงลูกสาวได้ ควรจะไปทำความรู้จักกับฝ่ายชายให้มากกว่านี้จะดีกว่า (จ่ายค่าสินสอดมากๆไม่ได้แปลว่าเค้าจะเลี้ยงเราได้ดีนะคะ) แล้วอีกอย่าง เหตุผลข้อที่สองที่เรียกสองล้านเนี่ย โดยส่วนตัวนะคะ รับไม่ได้ค่ะ เวลาจะเรียกค่าสินสอด อย่าเอาลูกสาวไปเทียบกับคนอื่นเลยค่ะ ดูว่าแค่ไหนพอสมควรก็พอแล้วค่ะ จากคุณ : ...hamster... - [ 18 ม.ค. 51 18:23:13 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ว่าไปแล้ว  มันก็เป็นค่าสินสอดที่สูงมากเลยนะคะ   คนต่างประเทศ เสียภาษีสูงมากๆ เดือนๆเหลือ มีพอแค่ซื้อข้าวของจะเป็น  ส่วนที่เหลือไว้เก็บแทบจะน้อยนิด     คุณอ้อมน่าจะลองพูดกับคนเจมส์เค้าอีกครั้ง      จะแนะนำให้ถามลองเชิงว่าเท่าไรที่เค้าพอจ่ายเป็นคาสินสอดได้   จะสายไปไหม?    ถ้ารักกันจริงๆ อยากอยู่กับเราจริงๆ เค้าก็ต้องยอมรับที่จะฟังเราพูด    ไม่ใช่แค่อยากมีแฟนคนไทย เพราะค่าสินสอดไม่แพง แถมบริการเสริมหลังแต่งดี   ไม่มีมาตรฐานที่แท้จริงของการวัดค่าสินสอดว่าจะได้สูงหรือต่ำหรอกค่ะ   เพราะว่าสิ่งเหล่านี้  มันไม่ได้หมายถึง การที่เราจะอยู่ร่วมกันแบบยาวนาน และรักกันตลอดไป   บางคนอาจจะกู้ธนาคารมาเพื่อ แต่งงาน แต่ก็ไม่ได้หมายถึงเค้ารักจริง  แต่กลับนำพาหนี้สินมาให้ครอบครัวตะหาก    เราเอง  ก่อนที่เราจะบอกจำนวนสินสอดที่แน่นอนลงไปกับแฟนเรา  เราถามเค้าก่อนว่า เท่านั้น เท่านี้  มากไปไหม ?  น้อยไปไหม?   มันไม่ใช่การต่อรองสินค้า  แต่เป็นการทำให้สบายใจทั้งสองฝ่าย       เราได้สินสอดไม่มากไม่มาย  แต่ได้ความรักและการดูแลเอาใจใส่ที่มากเหลือเกิน     ลองคุณอ้อม  พยายามพูดกับแฟนอีกสักครั้งนะคะ   เราคิดว่าเค้ารักจริงนะ  บอกเค้าว่า เรื่องสินสอดที่เค้ารับรู้มา  มันไม่ใช่ทั้งหมด   บางคนแถวบ้านเรา ได้สิบกว่าล้าน (ถ้าจะเอามาตรฐานไทยๆ  คนนี้ เรียนจบปอ หก  ทำงานบาร์   แต่ก็เป็นคนดีคนหนึ่ง  กตัญญูและรักพี่น้อง)   เป็นกำลังใจให้ค่ะ จากคุณ : violetsand - [ 18 ม.ค. 51 18:23:47 ]

ความคิดเห็นที่ 5 อืม ถ้าคบกันมานานก็ว่าไปอย่าง เราว่าศึกษากันสั้นไปนิดนะคะ ถ้าประมาณครึ่งปี เพราะมันมีความแตกต่างหลายอย่าง หลักๆก็ภาษาและวัฒนธรรม ตัวเราและเพื่อนที่เรารู้จักหลายคนก็ไม่ได้สินสอดนะคะ มันเป็นเรื่องที่ทางสามีเราเค้ารับไม่ได้ เค้าบอกว่าเหมือนการซื้อขายกัน กว่าจะคุยกับพ่อแม่เราและสามีรู้เรื่องก็หนักพอควร เราก็เลยแต่งแบบไม่มีสินสอด ถ้าพูดถึงเรื่องความมั่นคง เมื่อแต่งงานจดทะเบียน โดยตามกฎหมายเค้า เราก็ได้รับการดูแลอยู่แล้ว นอกจากเราจะไปเซ็นสัญญาก่อนแต่งว่าจะไม่เอาทรัพย์สินจากเค้า สาวไทยก็มีชื่อเสียเยอะ ถ้าคุณศึกษาดูใจกันไม่นาน เค้าก็อาจจะฟังมาจากคนอื่นด้วยก็เป็นได้นะคะ เราว่าอย่าคิดเปรียบเทียบเลยนะคะ ว่าคนนั้นได้เท่านี้ เราคุณสมบัติสูงกว่าก็ต้องได้มากกว่า แล้วถ้าว่าที่สามีเราไม่ได้มีฐานะ ต้องไปกูเงินมาให้ค่าสินสอด หลังแต่งงานมิต้องไปใช้หนี้บานเลยหรือค่ะ เงิน 60,000 เหรียญ ถือว่าเยอะมาก สำหรับคนชนชั้นกลางอเมริกานะคะ ถ้าว่าตามสถานะการณ์หากจะกลับมาคบกันก็ขอให้ศึกษากันนานๆกว่านี้ก่อนที่จะตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกัน จากคุณ : where ever - [ 18 ม.ค. 51 18:41:06 ]

ความคิดเห็นที่ 6 อยู่ทีว่า ความหมายของคำว่า จริงใจสำหรับคุณคืออะไร ถ้าเขาจะมาหลอกคุณ มาหลอกคุณเอาอะไร หลอกให้คุณรักเพื่อคุณจะได้แต่งงานด้วย แล้วยังไงต่อ สองล้าน เป็นเงินดอลล่าร์นะเวลานี้ เท่าไหร่นะ หกหมื่นกว่าเหรียญ ใช่หรือเปล่า คุณไม่ได้บอกว่าแฟนน่ะอายุเท่าไหร่ ทำงานอะไร แต่เงินหกหมื่นกว่าเหรียญ สำหรับมนุษย์เงินเดือนทั่วไป มันเยอะนะคะ มีไม่มากนะที่ใครคนหนึ่งจะมีเงินสดจำนวนนั้นนอนเฉยๆ ในแบงค์โดยที่ไม่ได้คิดจะเอาไปซื้อบ้าน หรือทำอะไรอื่น คนไทยเวลาเขาเรียกสินสอด มีนะคนที่เรียกสอง สามล้าน หรือเป็นสิบล้าน คือมันอยู่ที่ฐานะครอบครัวด้วย คนรวยๆ เขาเรียกกันเยอะเพราะมันสมฐานะเขา แล้วเขาก็โปะเงินสองฝ่าย แบบฝ่ายเจ้าบ่าวให้สินสอดเท่านี้มาวาง ฝ่ายเจ้าสาว Top up เข้าไปอีกเท่าตัว เพื่อให้สมเกียรติกัน ไม่ให้เป็นที่ครหา ที่เขาไม่ให้ เพราะเขาไม่รู้จะไปหาที่ไหนมาให้ด้วยหรือเปล่า หรือถ้าเขาไปกดเงินสดออกมาจากบัตรเครดิต สิบใบ เอามาแต่งกับคุณ แล้วทีนี้จะกินอะไรหลังแต่งงาน พ่อแม่เห็นเงินเเล้ว เบาใจว่าเขาดูแลคุรได้ เเล้วเอาเงินนั้นคืนมาหรือเปล่า หรือจะทำนองเก็บไว้ให้ เผื่อหย่า จะได้กลับมาใช้เมืองไทย ระหว่างนั้น สามีก็ทำงานหน้ามืดใช้หนี้ดอกเบี้ยท่วมหัวต่อไป อันนี้มันก็ต้องคิดนานๆ ถ้าดิฉันเป็นแฟนคุรดิฉันคงเลิกเหมือนกัน แอฟฟอร์ดไม่ไหว ในมหาสมุทรมีปลาหลายตัว ตัวนี้ไม่เหมาะเดี๋ยวก็มีตัวใหม่ จากคุณ : mrs.night owl - [ 18 ม.ค. 51 18:46:48 ]

ความคิดเห็นที่ 7      คุณโชคดีแล้วนะคะ ที่เขากลับมา เขาคงช็อคนะ รักกันอยู่ดีๆ จนถึงขั้นเขาขอแต่งงาน แต่สินสอดสองล้าน ดิฉันว่าไม่น้อยนะคะ และที่เขาบอกเลิกเขาคงไม่แน่ใจว่าคุณรักเขาหรือเปล่า หรือเพราะอย่างอื่น      ถ้าดิฉันเป็นแฟนคุณก็คงเลิกอะ เพราะถ้าไม่สามารถให้สินสอดขนาดนั้นได้ คุณคงไม่มีความสุข สู้ปล่อยคุณไปเจอคนที่ดีกว่าและรวยกว่า !!!      การพักโรงแรม marriott และพาไปร้านอาหารดีๆ หรูๆ อย่างvertigo ไม่ได้ความว่า เขารวยมหาศาล ธรรมดาก็ไปได้ คิดว่าแฟนคุณคงอยากให้คุณประทับใจ และพยายามให้สิ่งที่ดีที่สุด      โชคดีคะ แก้ไขเมื่อ 18 ม.ค. 51 19:25:37 จากคุณ : fiony (fiony) - [ 18 ม.ค. 51 19:00:11 ]

ความคิดเห็นที่ 8 กำลังสงสัยว่า คุณเจมส์อายุเท่าไร มีอาชีพการงานอะไรและมีรายได้เท่าไร 2 ล้านนี่ไม่ใช่น้อยๆ อ่านแล้วนึกถึงตัวเอง ถ้าเพื่อนคุณเจมส์เข้าใจว่า ค่าสินสอด 2 ล้าน ฝ่ายเจ้าสาวน่าจะมีเชื้อเจ้า อย่างนั้นดิฉันคงจะเป็นยาจกแน่นอน เพราะไม่มีสินสอดใดๆ เลย แม่ไม่เรียกด้วย ตอนดิฉันแต่ง สามียังเพิ่งเริ่มงานประจำเลย อพาร์ทเมนต์ก็ยังเช่าอยู่ รถเพิ่งซื้อ มีรายจ่ายที่ต้องเอามาคิด เรียกว่า ถ้าต้องมีค่าสินสอด เขาต้องไปหยิบยืมใครมาแน่ๆ และดิฉันต้องไม่ตกลงให้เขาไปหยิบยืมเพื่อมาแต่งแน่นอน เพราะว่าแต่งไปแล้วก็ต้องมาใช้หนี้อีก แล้วจะทำไปทำไม แล้วเขาคงจะไม่ไปขอพ่อแม่เขาเพื่อเอาเงินมาจ่ายให้ผู้หญิงหรอก เพราะเราคิดกันอยู่แล้วว่า มาอยู่ด้วยกันก็ต้องมาสร้างครอบครัว เป็นที่พึ่งซึ่งกันและกัน ฯลฯ อะไรก็ว่าไป จึงได้อยากรู้ว่า คุณเจมส์อายุเท่าไร ทำงานอะไร เพราะถ้าเขายังเด็กๆ อยู่ เขาจะไปเอาที่ไหนมาจ่ายคะ 2 ล้านบาท เรื่องเงินๆ ทองๆ นี่ของบาดใจ แต่ไม่พูดก็ไม่ได้เหมือนกัน ถามว่า ถ้าเขาไม่มีสินสอดเลย ตัวคุณเอง (ถ้าไม่คิดถึงพ่อและแม่นะ) อยากจะแต่งงานไปกับเขาหรือไม่? และเพราะอะไร? แล้วคุณจะได้คำตอบว่า จริงใจหรือไก่กาด้วยตัวคุณเองนั่นแหละ ส่วนเรื่องว่าเขาเป็นยังไง ดิฉันไม่ทราบ เพราะว่าไม่เคยแชท ไม่เคยรู้จักกับใครแล้วเรียกว่าสนิทสนมกันด้วยกันคุยกันทางอินเตอร์เนท แล้วนี่แค่แชทกัน แล้วเรียกว่าเป็นแฟน ส่งเงินกันให้อะไรแบบนี้ (ซึ่งเดี๋ยวนี้ก็เห็นเขาทำกันแบบนี้) ดิฉันก็ยังนึกไม่ออกว่าจะเป็นไปได้อย่างไร จึงบอกไม่ได้ว่า เขาจริงใจหรือไก่กา ถ้าคุณบอกว่า คุณกลัวเขาหลอก เขาก็ตอบแบบเดียวกันนั่นแหละ ว่าเขาก็กลัวคุณหลอกเอาตังค์เหมือนกัน จากคุณ : พธูไทย - [ 18 ม.ค. 51 19:24:01 ]

ความคิดเห็นที่ 9  "จริงใจหรือไก่กา อ้อมรู้จักกับชาวต่างชาติคนหนึ่ง (เจมส์) ชาวสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่เดือน พฤษภาคม 2550 ทางอินเตอร์เน็ต แล้วก็คบดูใจกันมาเรื่อยๆ สำหรับอ้อมก็มีความรู้สึกดีๆ และคิดว่าเขาเป็นคนที่ดีคนหนึ่ง" ^^ ^^ ไม่ได้บอกว่าการคบหากับคนใน Internet หรือ ที่รู้จักจาก Internet เป็นเรื่องเสียหายนะคะ แต่อย่างไรก็ตามรู้หน้าก็ยังไม่รู้ใจค่ะ อย่าไว้ใจทางอย่าวางใจคนในอินเทอร์เน็ท ต่อให้ Chat กันทุกวัน วันละหลายๆ ชั่วโมงก็ยังไว้ใจไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นคนไทยด้วยกันพูดภาษาเดียวกัน หรือกับชาวต่างชาติค่ะ พี่ก็เคยโดนมากับตัวเองเลย กับคนไทยด้วยกันนี่แหละ ++++++++++++++++++++++++++++++++ "แม่เราเรียก 2 ล้านเพราะว่า หนึ่งเพื่อจะดูว่าเขามีศักยภาพที่จะเลี้ยงดูเราให้อยู่ดี มีความสุขดี จริงตามที่เขาพร่ำบอกหรือเปล่า ยอมรับว่าเงินไม่ได้เป็นตัวที่เช็คว่าคนนั้นจะเลี้ยงดูลูกสาวได้ดีหรือเปล่า แต่มันก็คือเครื่องมือด้านแรก ที่พ่อแม่จะเช็คได้ เพราะว่าท่านไม่ได้เคยเห็นบ้าน หรือรู้จักเจมส์มาก่อน และระยะของการเรียนรู้ของอ้อมกับเจมส์ก็ค่อนข้างสั้น ท่านเลยกลัวว่าลูกสาวจะถูกหลอก แต่อ้อมเองก็ได้ พรีเซนต์สิ่งดีๆ ในตัวเจมส์ให้ท่านฟัง (อ้อมเข้าใจความรู้สึกของพ่อกับแม่ ท่านเลี้ยงอ้อมมาด้วยความรัก)" ^^ ^^ ข้างบนนี้อ่านแล้วเข้าใจความรู้สึกค่ะ แต่คุณเองก็ยังไม่เคยไปบ้านเขาเลย ไม่เคยไปดูที่อเมริกาก่อนว่าคุณจะอยู่ได้หรือเปล่า และ รู้จักกันไม่นาน อ่านแล้วมีความเห็นว่าตัดสินใจแต่งงานเร็วจัง +++++++++++++++++++++++++++++++++ "สอง . มีคนแถวบ้านแต่งกับคนแต่งชาติเช่นกัน ซึ่งผู้หญิงคนนั้นมีคุณสมบัติไม่ดีเท่าอ้อม แต่พ่อแม่เขาได้ เป็น ล้าน เช่นกัน แม่เลยคิดว่าอ้อม เรียนจบสูง หน้าที่การงานดี ประพฤติตัวไม่มีดีไม่มีเรื่องเสียหาย" ^^ ^^ แต่ตรงนี้อ่านแล้วรู้สึกว่า เหมือนการขายสินค้า โดยการเปรียบเทียบคุณภาพ และ ราคาค่ะ ไม่ได้ว่าอะไรนะคะ แต่อ่านแล้วรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ ขออภัยที่พูดตรงๆ ++++++++++++++++++++++++++++++++ "แต่แฟนไม่เข้าใจว่าทำไมแม่ต้องเรียกถึงสองล้าน และถ้าเขาจ่าย 2 ล้าน เขาจะดูโง่ในสายตาคนอื่น เหนื่อยที่จะอธิบายแล้ว เพราะว่าเจมส์มีอคติกับครอบครัวอ้อมแล้ว อธิบายที่ไร ก็จะเป็นสาเหตุที่ต้องให้ทะเลาะกัน แต่อ้อมเองก็ได้บอกทางบ้านไปแล้วว่า 2 ล้านมันสูง ลดได้ไหม ซึ่งทางแม่ก็ไม่ได้ว่าอะไร บอกว่าขึ้นอยู่กับลูก ซึ่งอ้อมบอกเจมส์ให้รับรู้แล้ว มาตอนนี้อ้อมไม่แน่ใจว่าเจมส์รักอ้อมจริงตามที่เขา พร่ำบอกหรือเปล่า ทำไมเขาถึงตัดสิ้นใจบอกเลิกกับอ้อมง่ายขนาดนี่ โดยที่ไม่คุยปรึกษากับอ้อมก่อน อ้อมสัมผัสได้ว่าเขาเปลี่ยนไป 3 วันก่อนที่เขาจะพูดบอกเลิกอ้อม ทำไมเขาถึงตัดสินได้ง่ายขนาดนั้น เขาไม่ได้แคร์ว่าอ้อมจะรู้สึกอย่างไร" ^^ ^^ ความสัมพันธ์มาถึงทางตันแล้วค่ะ ต้องคุยกันให้รู้เรื่องรู้ดำรู้แดงไปเลย และ ถ้าต้องจบก็ต้องจบค่ะ คงได้แผลกันคนละแผล.....แต่เวลา และ ความเด็ดเดี่ยว เด็ดขาดจะช่วยเยียวยาคุณเองค่ะ ผู้ชายไม่ได้ไร้เท่าใบพุทรา ++++++++++++++++++++++++++++++++++ "แต่เราก็กลับมาคบกันอีกครั้ง แต่ว่าอ้อมเองที่กลับไม่หมั่นใจในตัวเขาแล้ว ว่าเขาจริงใจกับอ้อมจริงหรือเปล่า หรือว่าทุกอย่างที่ทำดีกับอ้อมเป็นแค่การแสร้งทำให้เราหลงเชื่อว่าเขาเป็นคนดี" ^^ ^^ ก็ต้องดูทั้งการกระทำและคำพูดประกอบกันค่ะ ของพี่ที่เคยโดนมานั่น ต้องขอบอกว่าสะตอเบอแหร๋ระดับชาติ ติดอันดับโลกเลย ชนิดที่ควรจะเฉลียวใจอัดเทปเป็นหลักฐานเอาไว้เลย เวลาที่คุยอะไรกัน อย่าเชื่อคนอื่น แต่ขอให้เชื่อสัญชาติญาณของตนเองค่ะ เท่าที่พี่อ่านดู คุณเป็นสาวมีสมอง และ รู้จักวิเคราะห์ตัวเอง วิเคราะห์เหตุการณ์เป็น ถ้าไม่มีความสุข ถ้ามันไม่เวิร์คก็พยายามหาทางพาตัวเองออกมาค่ะ โชคดีค่ะ     การมีทรัพย์สินเงินทองเป็นสิ่งดี แต่มีในแบบที่ได้มาอย่างบริสุทธิ์ หรือ ได้มาโดยที่คนอื่นเต็มใจให้ดีกว่าค่ะ   จากคุณ : สะใภ้นอกกฏหมายของUKโดยสมัครใจ (Siamese Girl) - [ 18 ม.ค. 51 20:09:46 ]

ความคิดเห็นที่ 10 คิดว่าเขาจริงใจนะคะ ไม่งั้นเขาคงไม่บอกคุณว่า เราเลิกคบกันดีกว่า และเป็นทางออกที่ดีสำหรับทั้งสองฝ่าย คือ ไม่ให้คุณไปเสียเวลา คบกับคนที่ไม่มีเงินค่าสินสอด หรือพูดง่าย ๆ คือ ไม่รวยพอ ถ้าเขาไก่กา .. เขาก็หลอกคบคุณไปเรื่อย ๆ ไม่ตกไม่แต่งหรอกค่ะ หรือถ้าแต่ง .. ก็คงแต่งแบบไปกู้เงินมาให้ พอคุณมาถึงต่างประเทศ ก็ให้ฝ่ายหญิงไปหางานทำให้ได้ ไม่ว่างานจะดีหรือจะแย่แค่ไหน (ก็มันจำเป็น... ใช่ไหมคะ) พอได้เงินมาก็เอามาหักใช้หนี้สินที่ไปกู้มา เรื่องนี้ไม่ใช่มีแค่คู่รักต่างแดน ชายหนุ่มหญิงสาวที่รักกันในเมืองไทย ก็มีปัญหาเรื่องนี้คล้ายกัน คือ บางคู่ต้องไปกู้เงินมาแต่ง แล้วก็มาใช้หนี้กันบานเบอะ .... เลือกคนมาเป็นเพื่อนคู่ชีวิต  อยากให้มองคน ๆ หนึ่งในหลายมิติหน่อยนะคะ เงินไม่ใช่ตัวดัชนีชี้บ่งความจริงใจ หรือไก่กา หรือไม่ใช่ตัวชี้บ่ง ว่าจะสามารถดูแลคู่ชีวิตให้มีความสุขได้ ส่วนคำถามที่ว่า ทำไมคู่รัก (เจมส์) ถึงบอกเลิกคุณได้โดยง่าย จากเนื้อหาที่ให้มา .. เข้าใจว่าเขาก็คงมีปัจจัยให้คิดเหมือนคุณ โดยเฉพาะที่ว่า เขาไม่ได้มีเงินมาสู่ขอคุณ สู้ตัดใจ ตัดปัญหาซะแต่เนิ่น ๆ ดีกว่าปล่อยให้เนิ่นนานออกไป .... จากคุณ : บีพี - [ 18 ม.ค. 51 20:24:19 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เขามีแต่ให้คุณมาตลอดเลยนะนี่ ถึงขนาดนี้แล้ว เขายังกลับมาหาคุณอีก ไม่ไปหาสาวเน็ตคนอื่น คุณโชคดีมาก ยังไม่รู้ตัวอีกเหรอ หาฝรั่งที่เจอในเน็ตที่มีแต่ให้ๆๆ แถมยังเข้าใจประเพณีไทย (ก่อนที่จะหงายหลังเพราะเจอเรียกเข้าไปตั้งสองล้าน) นี่ยากมากๆ ใครๆก็รู้กิตติศัพท์สาวไทย เขาก็คงกลัวว่าคุณจะหลอกเขาเหมือนกันนั่นแหล่ะ คบไปเรื่อยๆก่อน เขาอาจจะเป็นพ่อพระตลอดก็ได้ แต่ลงว่าไม่ไว้ใจกันเรื่องสินสอดเสียแล้ว ก็คงจะเปลี่ยนทัศนคติเขาที่มีต่อคุณและครอบครัวคนไทยได้ลำบาก สรุปว่า เราว่าเขาจริงใจนะ แต่มเสียตรงที่คุณเองนี่แหละ ที่ไปเรียกเงินเขาเสียเยอะ ยกเว้นว่าคุณจะสวยมากๆ คุ้มค่าเงินลงทุนที่จะหลอกคุณไปเป็นโสเภณี จากคุณ : yuy - [ 18 ม.ค. 51 20:58:17 A:124.121.17.150 X: TicketID:124751 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ตอบในฐานะที่เป็นลูกสาว  และก็เป็นแม่ที่มีลูกสาวโตเป็นสาวแล้วนะคะ คงเป็นอย่างที่คห. ข้างบน ๆ ว่าไว้  เรื่องสินสอดน่ะค่ะ  ได้ยินเข้า  คุณเจมส์ของคุณคงตกใจ สยองขวัญ หนีไปเลย  เงินไม่ใช่น้อย ๆ นะคะ  ตั้งสองล้าน  แถมยังมีทองอีกสิบบาทพ่วงมาอีก อย่าลืมว่า  ฝรั่งไม่ได้มีธรรมเนียมแบบไทยเรา  เรื่องค่าสินสอดทองหมั้น  แต่เมื่อเขายินดีที่จะทำตามประเพณี  อันนี้คุณอ้อมคงคิดได้ว่าเขาจริงใจหรือไก่กา เมื่อได้ทำการศึกษามาว่า  สินสอดน่าจะอยู่ในประมาณที่เขากล่าวมา  ถ้ามากกว่านั้นนิดหน่อย  ดิฉันว่าคงพอพูดกันได้  แต่เท่าที่อ่านมา  เห็นมีการเอาไปเทียบกับคนอื่นด้วย  บวกด้วยคุณสมบัติของตัวคุณเอง....อันนี้ดิฉันเห็นว่า  มันเหมือนเป็นการเปรียบเทียบ  เข้าทำนองว่า  ของเราดีกว่า...เราต้องได้มากกว่า ตอนนี้คุณคงน่าจะเข้าใจแล้วว่าเหตุผลที่คุณเจมส์ขอเลิกน่าจะเป็นเพราะอะไร เมื่อกลับมาดีกันอีกครั้ง  คุณคงต้องถามใจตัวคุณเองก่อนว่าอยากจะคบกับเป็นแฟนเฉย ๆ หรือหวังจะแต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝา   ถ้าเช่นนั้นอาจจะต้องลดปริมาณสินสอดลงบ้าง  ให้พอสมน้ำสมเนื้อที่สามีในอนาคตสามารถจะจ่ายได้  ไม่ต้องเป็นหนี้เป็นสิน  และมีทุนรอนให้ครอบครัวที่ตั้งใหม่ด้วย หากใครมาขอลูกสาวดิฉัน  ก็คงจะต้องทำแบบที่แม่ดิฉันทำ  ก็คือให้ทางฝ่ายชายจัดมาตามสมตามควร  ไม่เรียกร้องจำนวนเงิน  แล้วแต่กำลังทรัพย์ที่มี  ทองหยองเครื่องประดับ  จัดมาให้เท่าไหร่ก็ไม่ว่า  ขอเพียงมีแหวนหนึ่งวง (ไม่ได้พูดว่าแหวนเพชรด้วยซ้ำ) แม่อยากเห็นดิฉันเป็นฝั่งเป็นฝากับผู้ชายที่รักลูกสาวจริง ๆ สามารถเลี้ยงดูให้สุขสบายตามสมตามควร  และซื่อสัตย์   ตอนแต่งงาน  มีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งให้พรว่า  เมื่อแต่งงานเป็นครอบครัวกันแล้ว  ก็ขอให้ช่วยกันทำมาหากิน  สร้างครอบครัวให้มั่นคง เป็นปึกเป็นแผ่น  ค่อย ๆ ไปทีละน้อย ๆ ต่อไปก็จะมั่นคง  ข้อสำคัญให้รัก ซื่อสัตย์ เห็นใจ ให้อภัยกันและกันก็พอ ผู้ใหญ่ท่านนั้นปัจจุบันเสียชีวิตไปนานแล้ว  ท่านเป็นอดีตเศรษฐีคนหนึ่งของเมืองไทย  ที่สร้างตัวเองขึ้นมาโดยแท้  ไม่ได้โกงใคร  และที่สำคัญ  ท่านรักและซื่อสัตย์ เลี้ยงดูภรรยาและลูกอย่างดี  ไม่มีนอกใจจนวันท่านเสียชีวิตไป ลองถามใจตัวเองดูนะคะ  ว่าคุณต้องการอะไร  ค่อย ๆ คิด   เรื่องนี้มีทางออก  เพียงแต่อยู่ที่ว่าคุณจะมองมันมุมไหนเท่านั้น จากคุณ : Amber n the Gang - [ 18 ม.ค. 51 21:01:04 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เห็นด้วยกับทุกท่านข้างบนค่ะ เท่าที่อ่านดูคือคุณเจมส์ค่อนข้างจะใจกว้างพอสมควร แต่ทางคุณก็เรียกร้องมากเหลือเกินค่ะ ลองคิดในมุมกลับดูนะคะว่าถ้าคุณมีแฟนเป็นคนไทย ทางครอบครัวคุณจะเรียกสินสอด 2 ล้านหรือเปล่า ฝรั่งไม่ได้รวยทุกคนนะคะ เค้าก็ทำงานเหมือนกับเรา ๆ นี่แหล่ะ เพียงแต่ว่าค่าเงินของเค้ามากกว่าเรา พอมาเมืองไทยเลยดูเหมือนว่าจะมีสตางค์มา จับจ่ายใช้สอยมาก อีกอย่างคือเค้าเป็นคนฉลาด รู้จักใช้เงิน เมื่อเค้าไปหาข้อมูลแล้วได้ใจความมาว่าคุณเรียกสินสอดมากเกินความจำเป็น เค้าก็เลยเสียความรู้สึก การที่เรียกสินสอดมาก ๆ ไม่ได้เป็นหลักประกันว่าเค้าจะดูแลคุณดีนะคะ หากทางครอบครัวไม่แน่ใจ ว่าเค้าจะมาหลอกเราหรือเปล่า ก็น่าจะชลองานแต่งไปก่อน คบกันให้นานหน่อย ตัวหมูหวานเอง ก็คบกับพ่อบ้าน 5 ปีก่อนที่จะแต่งงานค่ะ เป็นเพื่อนกัน 1 ปี เป็นแฟนกัน 4 ปี เค้าขอแต่งงานตั้งแต่ 2 ปีแรก ที่รู้จักกัน ทางบ้านของหมูหวานก็บอกว่าให้รอไปก่อนเพราะว่าเพิ่งรู้จักกัน เราก็คบกันมาเรื่อย ๆ จนถึงเวลาที่คิดว่าโอเค คบกันมานานพอสมควร เราก็หมั้นกัน แล้วทำวีซ่าคู่หมั้นมาแต่งงานที่อเมริกา แล้วก็กลับไปจัดงานแต่งงานที่เมืองไทยอีกรอบ ส่วนเรื่องสินสอดนั้น ที่บ้านบอกว่ายังไงก็ต้องมีตามประเพณี แต่ไม่ได้เรียกแพง ค่าใช้จ่ายทั้งงานหมั้นและงานแต่ง หมูหวานกับพ่อบ้านช่วยกันออกค่ะ  หลังจากงานแต่งงานแล้วทางบ้านก็คืนสินสอดมาให้หมดเลยค่ะ ถ้าหมูหวานมีลูกสาว ก็จะทำแบบเดียวกันนี้ ไม่ว่าจะไทยหรือว่าฝรั่ง คบกันให้นาน ๆ ดูใจกันให้ดี มั่นใจแล้วค่อยแต่ง ส่วนค่าสินสอดนั้น ก็ทำตาม ประเพณี ไม่จัดงานใหญ่โต หลังจากงานแต่งก็ยกสินสอดให้เป็นทุนติดตัวไปค่ะ จากคุณ : หมูหวาน - [ 18 ม.ค. 51 22:13:26 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ถ้าดิฉันเป็นเจมส์ดิฉันก็จะขอเลิกค่ะ  เหมือนกับแม่คุณน่ะงกเห็นแก่เงิน (ขอโทษนะคะที่พูดแรงไปเพราะอ่านแล้วไม่สามารถจะคิดเป็นอย่างอื่นได้)  ดิฉันก็มีสามีฝรั่งมาสิบปีแล้วทุกวันนี้เวลาสามีคุยกับแม่ดิฉัน  แม้แต่แม่จะพูดเล่น ๆ ไม่ว่าอะไรที่ต้องเกี่ยวข้องกับเงินเขาก็ค่อนข้างไม่พอใจค่ะ  ซึ่งเขาบอกดิฉันตั้งแต่ก่อนแต่งแล้วว่าทุกอย่างเรื่องเงินให้ดิฉันจัดการ  ทางครอบครัวดิฉันจะมาคุยกับเขาเรื่องเงินไม่ได้เด็ดขาด   แต่ก็เถอะนะอย่าว่าแต่แม่ของคุณเลย  ของดิฉันนี่บางทีโทรไปยังมีบอกอีกว่าลูกคนบ้านนั้นได้สินสอดมากมาย  ลูกบ้านโน้นส่งเงินมาให้ครอบครัวเดือนละเป็นแสน  หลาย ๆ ครั้งเข้าดิฉันก็ถามว่า  แล้วเขาแบ่งให้แม่ใช้ด้วยหรือเปล่าล่ะจ๊ะ  หนูส่งมาให้แม่น่ะเดือนละหมื่นน่ะก็เกินพอนะ  ลูกหนูสองคนน่ะไม่ได้กินหญ้าเป็นอาหารนะคะแม่ขา   (แม่ดิฉันก็อืั้ง และเลิกพูดตั้งแต่บัดนั้นเลยค่ะ) นี่หากลูกชายดิฉันสองคนเกิดอยากหาสะใภ้ไทยให้แม่  แม่จะต้องเตรียมไว้สักกี่ล้านหนอ  เพราะคนมีลูกสาวก็บอกว่าขอสินสอดเป็นค่าน้ำนม  อ้าว แล้วคนมีลูกชายแม่เขาไม่ได้เอาน้ำนมเลี้ยงลูกหรือคะถึงไม่มีค่าน้ำนม  ดิฉันก็งงนะนี่ จากคุณ : CK@fort. - [ 18 ม.ค. 51 22:34:46 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เห็นด้วยกับความเห็นทั้งหมด กรณีของคุณคล้าย ๆ กับของเรา ทีแรกเราก็คิดแบบนี้(คิดเองที่บ้านยังไม่รู้ว่าคบกับฝรั่ง) ชั้นจบปริญญาไม่เคยมีประวัติด่างพ้อย ชั้นต้องได้ดีกว่าเด็กสาวที่ไปทำงานบาร์แล้วเผอิญโชคดีได้ฝรั่งรวยมาขอแต่งงานและได้บอกค่าสินสอดไปเรียบร้อย แฟนก็มีปฏิกิริยาสะท้อนกลับนิดหน่อย เพราะจุดประสงค์การแต่งงานของเขาก็เพื่อจะได้ใช้ชีวิตอยู่กับเราเพราะเห็นว่าเราเป็นคนดี และอยากให้เรามีโอกาสดี ๆ ในอเมริกา เพื่อน ๆหลายคนก็ให้ความคิดเห็นว่า ทำไมไม่ลองคบดูก่อน คิดถึงอนาคตวันข้างหน้าเอาไว้ เผื่อได้มีโอกาสเรียนต่อ หรือทำงานดี ๆ ในอเมริกา มีโอกาสเก็บเงินส่งให้พ่อแม่จะไม่ดีกว่าหรือ เราเลยตัดประเด็นเรื่องค่าสินสอดไป คบกันไปจนต้องเดินทางมาจดทะเบียนที่อเมริกา หลังจากแต่งงานแฟนก็พยายามผลักดันให้ได้เรียนภาษา และพยายามผลักดันให้ได้เข้าเรียนในยูของอเมริกา ต้องการให้เรามีโอกาสทำงานดี ๆ และช่วยเหลือตัวเองได้หากไม่มีเขา แต่ยอมรับว่าภาษาอังกฤษของเราไม่ได้เรื่องเลย แต่ความพยายามก็ยังไม่หมด กรณีของคุณคิดว่าเขาเป็นคนดีพอสมควรนะ ที่อุตส่าห์พาพ่อแม่ไปเที่ยวด้วยขนาดนั้น เมื่อรู้ราคาสินสอดมากมาย เขาก็บอกขอเลิก เผื่อเราจะมีโอกาสไปเจอคนใหม่ รู้สึกว่าเขาแฟร์มาก ๆ ถ้าเขาคิดหลอกคุณ เขาไม่ยอมเสียตังค์หรอก เรื่องค่าสินสอดอาจจะไม่ถามด้วยซ้ำ คิดว่าเขาคงศึกษาประเพณีไทยมามากพอสมควร น่าจะลองคบกันไปนาน ๆ หน่อย ถ้าเขายืนยันว่าจะให้สินสอดก็ตามแต่เขาจะเห็นสมควร ถ้าพ่อแม่เป็นห่วงกลัวเลี้ยงเราไม่ได้ หรือกลัวโดนหลอก ก็อย่าพึ่งเดินทางไปอเมริกาสิ ให้เขาซื้อบ้านหรือซื้อที่ดินที่เมืองไทยให้ เพราะยังไงซื้อต้องเป็นชื่อเราคนเดียวอยู่แล้ว เรื่องข้อเปรียบเทียบกับเด็กสาวชาวบ้านคือปัญหาโลกแตก ลูกสาวคนนั้น ลูกสาวคนนี้จบแค่ป.6 ไปทำงาน...... สุดท้ายมีคนมาขอแต่ง ล้าน สองล้าน คนนั้น คนนี้ ปลูกบ้านให้พ่อแม่หลังใหญ่โต มากมายเยอะแยะเต็มไปหมด บางคนก็อยากอวด ได้แสนก็บอกว่าได้ล้าน ถ้าเขาได้จริง ๆ ก็คิดว่าเป็นวาสนาของเขาและก็ยินดีด้วย ญาติพี่น้องเราก็อินไปกับเขาด้วยทั้ง ๆ ที่สามีเราช่วยและหยิบยื่นให้ทุกคนเราไม่เคยบอกใครว่าสามีเรามีเท่าไหร่ เพราะเหตุผลหลาย ๆ อย่าง ทุกคนต่างเห็นว่าเราได้ผัวฝรั่งจน ๆ แต่แล้วความก็ต้องแตกเมื่อเด็กสาวในหมู่บ้านไปทำงานร้านอาหารในกรุงเทพและเจอคนอเมริกันขอแต่งงานพามาอยู่อเมริกาด้วย เธอและสามีมีโอกานมาเยี่ยมเราที่บ้าน มาเห็นสภาพความเป็นอยู่ของเรา ซึ่งต่างกับเธอราวฟ้ากับดิน เธอเดินทางกลับไปเยี่ยมบ้านเมื่อปีที่แล้ว หลังจากนั้นเราได้รับทั้งโทรศัพท์ทั้งอีเมล์ เผื่อมาขอยืมเงินนนนนนนนนนนนนนนนนนนน จากคุณ : ขอแจม - [ 18 ม.ค. 51 22:37:25 A:98.20.133.237 X: TicketID:137285 ]

ความคิดเห็นที่ 16 คุณเจมส์ จริงใจแน่นอน เค้าคบกับคุณ ยังรู้ว่าแต่งงานต้องจ่ายสินสอด เคารพผู้หลักผู้ใหญ่ พาครอบครัวคุณไปทานข้าวไปเที่ยว  ส่งเงินให้คุณใช้ทุกเดือน ส่วนทางคุณ น่าจะไก่กา เพราะว่าวัดความจริงใจของคุณเจมส์ที่เม็ดเงิน ถ้าหาเงินมาเป็นสินสอดสองล้านไม่ได้ แสดงว่าจริงใจไม่พอ  เลี้ยงคุณไม่ได้ คิดว่าคุณอ้อมปล่อยเขาไปเถอะค่ะ  ให้เขาไปเจอคนที่จริงใจตอบ และรักกันและกันด้วยความบริสุทธิ์ใจ ส่วนคุณเอง ผู้ชายมีมากมายเหมือนฝูงหมา เลือกที่ถูกใจ ที่พอใจ แล้วชีวิตคู่จะมีความสุขค่ะ ไม่งั้นแต่งงานกับเจมส์ไปโดยที่เจมส์หาเงินค่าสินสอดให้ไม่ได้ คุณจะยกประเด็นนี้มาคิดมากเสียเปล่าๆ จากคุณ : นู๋ก้อย - [ 18 ม.ค. 51 22:59:54 ]

ความคิดเห็นที่ 17 อ่านที่คุณ CK@fort เขียน เลยทำให้นึกขึ้นมาเลยเหมือนกัน ในฐานะที่ก็มีลูกชาย แต่ไม่เคยคิดอะไรเรื่องนี้มาก่อนด้วยว่าลูกก็ยังเด็ก แค่ตอนนี้บอกว่า พอโตไป เดี๋ยวก็ต้องแยกบ้านไปอยู่เอง มันก็ร้องไห้แล้ว เลยไม่ต้องคิดถึงขนาดว่ามันจะไปขอใครแต่งงาน กลับมาเข้าเรื่อง พอคิดแบบคุณว่า คือ แล้วนี่เกิดลูกดิฉันไปรักชอบถึงขั้นจะแต่งงานกับฝ่ายหญิงสัญชาติไหนก็ยังไม่รู้ แต่ต้องมีค่าสินสอด แล้วดิฉันเองจะมีปัญญาหาเงินมาช่วยลูกไปแต่งหรือเปล่าเนี่ย ถ้างั้นดิฉันจะต้องบอกลูกว่า ให้ลูกทำงานๆๆๆๆๆ จนอายุเยอะๆ สักหน่อยก่อนนะ ให้มีเงินเก็บเยอะ แล้วจึงไปขอแต่งสาว ส่วนแม่ ขอเก็บเงินที่แม่ทำงานมาตลอดชีวิต (เสียภาษีก็เยอะ) เพื่อใช้ตอนแก่บ้างเถอะ ถ้าเอาไปให้พ่อแม่ฝ่ายหญิงหมด ก็คิดว่าให้ลูกไปเป็นลูกเขาเสียแต่ตอน 7 ขวบนี้เลยละกัน เพราะแม่ก็เลี้ยงลูก(ชายคนนี้)มาอย่างดี ให้ได้เล่าเรียน เสียเงินเสียทองไปเยอะเหมือนกันนะ แล้วก็คิดว่าลูกก็เป็นชายที่มีคุณภาพคับแก้วเหมือนกัน แล้วเขามาเอาลูกไปเป็นเขยเขา แล้วนี่แม่ยังต้องจ่ายเงินให้เขาอีกหรือ? เขาก็น่าจะจ่ายเงินแม่บ้างเหมือนกันนะที่จริงแล้ว เออแน่ะ พอคิดแบบนี้ มันก็ทำให้มองภาพอีกแบบหนึ่งเหมือนกันนะ คิดแบบนี้ก็ไม่เคยคิดเลยเหมือนกัน จากคุณ : พธูไทย - [ 19 ม.ค. 51 00:20:23 ]

ความคิดเห็นที่ 18 กลับมาดูอีกที.. คุณพธูไทยคะ .. คิดแบบนี้ คือ เอาแบบวัฒนธรรมอินเดียไง ฝ่ายเจ้าสาว ต้องไปหาสินสอดมาแต่งกับฝ่ายชาย ผู้หญิงหลายคนก็ไม่ได้แต่ง เพราะฐานะทางบ้านฝ่ายหญิงไม่มีเงินพอ ที่จะไปสู่ขอฝ่ายชาย เรื่องนี้เป็นเรื่องอมตะนิรันดร์กาล ถ้าครอบครัวเอาสินสอดทองหมั้นเป็นตัวเกณฑ์ หลักเดียว ก็ต้องหาคนที่มีฐานะดี .. ประการเดียวจริง ๆ ไม่เช่นนั้นแล้ว เกิดแต่งไปอยู่มา (ชีวิตมันมีขึ้นมีลงนะคะ) แล้วลำบาก (ด้านเศรษฐกิจ) พ่อแม่ก็จะว่าคุณได้ ว่า บอกแล้วไม่เชื่อ ... จากคุณ : บีพี - [ 19 ม.ค. 51 01:40:13 ]

ความคิดเห็นที่ 19 คุณลอง position ตัวคุณว่า ถ้าคุณเป็น เจมส์ คุณจะรู้สึกยังงัย (ระลึกไว้ในใจก่อนว่า ฝรั่งไม่ได้รวยทุกคน) เราว่าเป็นเราคงรู้สึก กำลังโดนปล้นนะ คนเราถ้าจะทำอะไร หัดเอาใจเค้าใส่ใจเราซะบ้าง ความรักมันจะสวยงามและยืนยาวขึ้นอีกเย็อะ ปล เข้าใจเหตุผลของแม่คุณ แต่ถามแม่คุณให้แน่ชัดก่อนนะคะ ว่าแม่เห็นด้วยมากน้อยแค่ไหนที่คุณจะแต่งงานกะฝรั่งคนนี้ อ่านจากที่คุณเล่า คิดได้อีกแบบว่าแม่คุณคงไม่อยากให้คุณแต่งกะฝรั่งคนนี้ หรืออาจจะไม่อยากให้คุณจากอ้อมอกไปอยู่ต่างบ้านต่างเมือง ถึงได้เรียกสินสอดไปแบบนั้น จากคุณ : hamble pie - [ 19 ม.ค. 51 01:59:30 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เข้าใจทั้งสองฝ่าย แต่ดิฉันกลับเห็นว่าคุณเพิ่งรู้จักเขาไม่นาน ถ้าคุณเดทแบบเจอตัวกันทุกวัน ก็ว่าไปอีกอย่าง การที่เขามาพักที่มาริออทได้ไม่ได้แปลว่าเขารวย เพราะการซื้อแพคเกจทัวร์มาจากอเมริกานั้นถูกมาก และยิ่งถ้าจองล่วงหน้ามาก่อนหลายเดือนยิ่งถูกลง การไปทานข้าวที่บันยันทรี ก็ไม่ต่างกับ การไปทานตามภัตตาคารระดับกลางในอเมริกา ดังนั้นการที่คุณพ่อคุณแม่คุณเป็นห่วง ก็อย่าไปว่าท่านอย่างโน้นอย่างนี้เลยค่ะ เพราะสถิติผู้หญิงไทยแต่งงานกับคนอเมริกัน มาเจอปัญหาครอบครัวตกยากในอเมริกา มีจำนวนมากจนน่าตกใจ และไม่ได้มีเฉพาะ ในรายที่สามีไม่รวย มีทุกระดับค่ะตั้งแต่ VIP แบงค์ชื่อดังไปจนคนที่เกษียณแล้วมีรายได้ไม่มาก อยากแนะนำคุณ จขกท ว่า อย่าเพิ่งรีบร้อน ดูใจกันไปนานๆ ระหว่างนี้ก็ต้องหัดสังเกต หัดถาม ศึกษาหาข้อมูล ไม่ใช่พร่ำคำรักไปวันๆ คุณสามารถจับผิดไ้ด้ไม่ยาก ถ้าจะทำ อย่างน้อยจะได้รู้ว่า มีอะไรบ้างเกี่ยวกับตัวเขาที่คุณไม่รู้ เช่น เคยมีแฟนมาก่อนหรือเปล่า เคยแต่งงานมาก่อนหรือเปล่า ถ้าเคย หย่าหรือยัง มีลูกไหม เคยมีประวัติว่าทุบตีทำร้ายคู่สมรสหรือเปล่า เคยถูกจับหรือมีประวัติ ขับรถตอนเมาหรือเปล่า มีหนี้หรือเปล่า หนี้เกิดจากอะไร ยังมีหนี้จาก student loan หรือเปล่า ใช้หมดหรือยัง เคยมีประวัติไม่เสียภาษีหรือเปล่า เคยมีแฟนเป็นผู้หญิงต่างชาติหรือเปล่า ถ้าเคยมี เขาเคยทำเรื่องขอวีซ่าคู่หมั้น หรือวีซ่าถาวรให้หรือเปล่า ฯลฯ คำถามทั้งหมดที่ดิฉันว่ามานี่ เป็นสิ่งที่คุณต้องทราบก่อนที่จะพูดเรื่องแต่งงานนะคะ เพราะมีผลในแง่ของอิมมิเกรชั่น อย่าคิดแค่ว่า แต่งงานกับผู้ชายอเมริกันแล้วจะขอกรีนการ์ดได้เสมอไป ไม่ได้ก็มีมากค่ะ คุณจะรู้ว่าเขาจริงใจหรือเปล่า ก็ต้องวัดกันที่ความอดทนค่ะ ถ้าเขารักคุณจริง เขาต้องรอได้ค่ะ และพอถึงตรงนั้นแล้ว ดิฉันว่าคุณพ่อคุณแม่ก็คงไม่ขัดหรอกค่ะ เผลอๆ จะแถมข้าวสารให้ลูกเขยด้วยซ้ำ จากคุณ : Lawanwadee - [ 19 ม.ค. 51 03:21:33 ]

ความคิดเห็นที่ 21 อ่านแล้วคันมือ อยากพิมพ์ เอ...เราจะแต่งปลายปีนี้ เรียกสินสอดเท่าไหร่ดีน้าาา   ถ้าเรียกเท่าคุณ แฟนเราคงเลิกกับเราแน่ ๆ ค่ะ   เท่าที่คิดไว้คือ เราจะไปพูดกับพ่อแม่เรา พาแฟนเราไปให้ที่บ้านรู้จัก  คาดว่าที่บ้านคงไม่เรียกสินสอด เพราะพ่อเราเป็นคนหยิ่งในศักดิ์ศรี และหัวสมัยใหม่  ไม่ยอมรับเงินจากคนอื่น แม้แต่จากญาติพี่น้อง  แต่ถ้าเกิดที่บ้านเรียกสินสอด เราคงคุยกับที่บ้านว่า เรียกเป็นพิธีก็พอ เป็นจำนวนที่พอเหมาะ  เพราะเราต้องเคารพวัฒนธรรมของแฟนเราด้วย ชาติเค้าไม่มีสินสอด  ถ้าจะให้เค้ามาปรับและยอมรับวัฒนธรรมไทยฝ่ายเดียว โดยที่เราไม่ยอมรับวัฒนธรรมเค้า มันก็ไม่ยุติธรรมสำหรับผู้ชายเลย กรณีคุณ ก็ถือว่าเป็นคนมีการศึกษา ทำงานออฟฟิศ รู้จักหาเลี้ยงตัวเอง  แล้วทำไมถึงไปยอมรับตังค์จากแฟนคุณทุกเดือนล่ะคะ ยังไม่ได้แต่งงานกันสักหน่อย ศักดิ์ศรีหายไปไหน  ไม่น่าเชื่อนะ ว่าผู้หญิงไทยสมัยนี้จะเป็นแบบนี้ไปได้  รู้จักผู้ชายแค่ทางเน็ต  ทั้ง ๆ ที่ตัวเองมีการมีงานทำ ยังไปยอมรับเงินจากผู้ชาย ใช้อะไรคิดกันเนี่ย....  พอจะแต่งงานคุณก็เรียกสินสอด 2 ล้าน  กับทองอีก 10 บาท  ที่คุณได้ไปจากแฟนน่ะ ยังไม่พออีกหรือคะ   ถ้าที่บ้านคุณจะเรียกก็เรียกให้มันพอเหมาะพอควรหน่อย  ไม่งั้นก็เหมือนกับขายลูกสาวนะคะ  รักศักดิ์ศรีหน่อย แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 51 03:30:45 จากคุณ : ทนไม่ได้ ต้องพิมพ์ (Sonnenschein) - [ 19 ม.ค. 51 03:25:43 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เห็นด้วยกับคุณนู๋ก้อยค่ะ ว่าคุณและครอบครัวน่ะ ไก่กา ถ้าคุณมีดีอย่างที่คุณว่าจริง คุณก็คงไม่รับเงิืนที่เค้าให้มาทุกเดือน นี่แค่เป็นแฟนนะคะ แถมตอนนั้นยังไม่เคยเจอตัวกันจริงๆ สักหน่อย ลองถามตัวเองดีไหมว่า หวังอะไรจากคุณเจมส์ เค้าแน่ ว่าการที่คบกับเค้าคาดหวังอะไรบ้าง ถ้าเรื่องเงินเป็นเรื่องใหญ่แล้วละก้อ ปล่อยเค้าไปเถอะค่ะ รอรายใหม่ที่จะตอบสนองทางการเงินให้คุณและครอบครัวได้มากกว่านี้ เพราะุถ้าดันทุรังไป คุณและครอบครัวจะผิดหวังมากกว่านี้แน่ๆ   ถ้าไม่ใช่ คุณไม่ควรตอบรับการแต่งงานตั้งแต่แรก จะแต่งงานทั้งที ไม่หวั่นใจบ้างเหรอ ไม่อยากจะเจอเพื่อนฝูง ญาติพี่น้องพ่อแม่ เค้าก่อนเหรอ ไม่อยากรรู้จักบ้านช่อง ที่ทำงานว่าเป็นอย่างไร ก่อนที่จะตัดสินใจตอบรับการแต่งงานเค้าน่ะ ดิฉันเชื่อว่าุถ้าคุณจะแต่งงานกับคนไทยด้วยกัน คุณคงไตร่ตรองสิ่งที่ดิฉันว่ามา อาจจะยิ่งกว่า อย่าทรีตคุณเจมส์เค้าให้แตกต่างไปกว่าที่คุณจะทำหากคุณมีแฟนเป็นคนไทยเลยค่ะ คิดให้ดีๆ ดูให้มากๆ กว่านี้หน่อยนะคะ จากคุณ : MidNite - [ 19 ม.ค. 51 03:49:43 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ขอแจมหน่อยค่ะ ไม่ค่อยได้ตอบกระทู้ เข้ามาอ่านอย่างเดียว ตอนดิฉันคบกับแฟนเก่า(ยังไม่ได้แต่งงานกัน) ยังไม่เคยเห็นเค้าส่งเงินมาให้ใช้ซักบาทเลย น่าอิจฉานะคะ มีไม่เยอะนะคะสมัยนี้ผู้ชายจะใจกว้างส่งเงินให้แฟนตัวเองใช้ ส่วนค่าสินสอดสองล้าน คงเรียกว่าเข้าขั้น หน้าเลือด เลยล่ะคะ (คิดในฐานะที่ดิฉันมีลูกชายกำลังจาเป็นหนุ่ม อิอิ) เกือบสิบปีที่แล้ว ดิฉันจบปริญญาตรี ทำงานเป็นเลขาฝรั่งแถวๆหลักสี่ เงินเดือนถือว่าดีมาก สำหรับคนเพิ่งจบใหม่ เจอกับกับแฟน เสียความบริสุทธิ์ก็กับแฟนฝาหรั่งคนนี้แหละ แล้วก็แต่งงานกัน ถามว่าพ่อแม่เรียกร้องอะไรไหม ไม่เลยค่ะ สามีไม่ได้เสียเงินซักบาทเดียว  เค้าขออย่างเเดียวให้รักลูกสาวเค้าและดูแลให้ดี   ลองเอาคุณสมบัติดิฉันมาเทียบกับเจ้าของกระทู้ดู เผื่อว่าพ่อแม่จะลดค่าสินสอดให้ว่าที่ลูกเขยบ้างนะคะ จากคุณ : ออน (amiwhoiam) - [ 19 ม.ค. 51 04:11:02 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ซ้ำ แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 51 04:33:49 จากคุณ : Oh!_Bo_BaBy - [ 19 ม.ค. 51 04:31:23 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ความสัืมพันธ์นี้มีเงินมาเป็นตัวแปรตั้งแต่แรกแล้ว ลองไล่อ่านดูตั้งแต่บรรทัดแรกๆ และต่อมาพูดถึงเรื่องอะไรต้องมีส่วนเกี่ยวกับเงินๆๆๆๆ (เช่นไปกินข้าวที่นี่ พักโรงแรมนี้) วัตถุประสงค์ของการคบกันนี้เพื่ออะไรกันแน่ ไม่เข้าใจ จากคุณ : Oh!_Bo_BaBy - [ 19 ม.ค. 51 04:31:38 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ขออนุญาตเตือนสติน้องอ้อมว่า "Love is give and take" นะคะ ถ้าขาด สิ่งใดสิ่งหนึ่งแล้วคงดำเนินชีวิตร่วมกันลำบากค่ะ จากคุณ : มายา - [ 19 ม.ค. 51 05:08:19 A:87.177.55.167 X: TicketID:159733 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ตอนแต่งไม่มีอะไรเลย  สามีจ๊นจน  วันแรกไปบอกพ่อกับแม่ว่าจะแต่งงาน  พ่อกับแม่แค่ถามว่าจะทำอะไรมั่ง  พ่อแม่จัดให้ สามีไม่ได้จ่ายเลยสักบาท เป็นงานเล็กๆ  พ่อบอกว่าเอาไปแล้ว ห้ามเอามาคืน แต่ถ้าลูกอยู่ไม่ได้ก็ให้กลับมาบ้าน พ่อแม่ยังอยู่  แค่เงินสินสอดมันไม่ได้พิสูจน์ว่าเค้าจะดูแลคุณได้ดีมีความสุขเสมอไป  มันขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นอีกหลายๆ อย่าง  หลังจากดิฉันแต่งงานแล้วย้ายมาอยู่แคนาดา สองคนกับสามีเรียนไปด้วย ทำงานไปด้วย และมีแค่กระเป๋าเสี้อผ้าคนละสองใบ ไม่มีอะไรเลย บ้านก็ต้องเช่า  มาหาเอาใหม่หมด ช่วยกันทำมาหากิน จนทุกวันนี้ ก็ยังจนอยู่ สามีเรียนจบแล้ว ตอนนี้สามีหาเงินส่งให้เรียน  รอดิฉันเรียนจบก็คงจะดีขึ้น  แต่ก็มีความสุขดี  พ่อแม่ดิฉันไม่ได้มีอิทธิพลในการตัดสินใจของลูก  แค่คอยดูอยู่ห่างๆ และสนับสนุน ช่วยเหลือเมื่อลูกร้องขอ   ถ้าดิฉันเป็นคุณเจมส์  ก็คงต้องขอตัวไปตั้งหลักก่อน  ตอบไม่ได้ว่าจริงใจหรือไก่กา ต้องถามตัวคุณเองแหละ น่าจะรู้ดีที่สุด   แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 51 05:53:36 จากคุณ : FinchS - [ 19 ม.ค. 51 05:24:08 ]

ความคิดเห็นที่ 28 You should try to go to see him in his country. Time doesn't matter but at least you should be able to know a lot more about him. What does he do for a living? Where does he live? and many things that you should know about him. Not just being some one special but you never know anything behind him. Regarding to your story, I think you are lucky that you had someone to care for you and support you even though you and him being just a boyfriend and girldfriend. One thing I don't understand is how can he afford to pay a lot for you?, I mean all the money he sent to you while you are in Thailand. How can he afford to take you and your family to a nice hotel and spent time in a very expensive place. But he can't afford to pay for the dowry? I don't mean that he has to pay your mum that much money but I just don't get it. Does he has something hidden behind? My husband and I knew each other in a very short period of time but we had spent time together in both countries for a certain peroid of time before we got married. He never had to pay any cents for me in Thailand. He never buy any expensive stuff for me. I paid for my plane ticket. I spent my own money to look after him while he was visiting me in Thailand and he spent his money take care of me while I was visiting him in his country. We got married without a dowry and without a big wedding party(just close friends), my family was fine with that as they know that he will be able to look after me even thouhg he never has to show how much money he has. One thing I know was he is a good person and my family loves him as I do. Try to explain to your family and try to be the same with him. I think he is kind of not sure that you and your family want him to look after you or want his money. I am sure if he is sincere with you he will be the same and still love you as you love him. แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 51 07:03:18 จากคุณ : PoomPim..TMB - [ 19 ม.ค. 51 06:57:53 ]

ความคิดเห็นที่ 29 จริงๆเพื่อนๆความเห็นต่างๆข้างบนก็ตอบตรงใจเรากันไปเยอะแล้ว โดยเฉพาะุคุณLawanwadeeเรื่องประวัติส่วนตัวของแฟนคุณนะคะ เพราะว่าการขอgreencardอาจไม่สำเร็จถ้าคุณสมบัติของแฟนคุณนั้นไม่ผ่าน ยังไงเราก็คันมืออยากพิมพ์เช่นกัน.. ขอสักหน่อยนะคะ - ขอแนะนำให้คุณจขกท.บินไปหาแฟนที่อเมริกาก่อนนะคะ คุณมีงานทำดีบริษัทเอกชน ไม่น่าจะมีปัญหาตอนขอวีซ่าท่องเที่ยวนะคะ (แต่คงบอกไม่ได้ตอนขอวีซ่าว่ามีแฟนที่นั่น) บินไปเพื่อดูว่าครอบครัวเขาเป็นอย่างไร อยู่อย่างไร รับได้ไหม เรื่องนี้เราว่าสำคัญเช่นกัน - จากที่คุณจขกท.เล่ามา เราเชื่อว่าคุณเจมส์นั้นจริงใจกับคุณ - เรื่องสินสอด..คนอเมริกา(ถ้าไม่ได้รวยล้นฟ้า)ก็เป็นคนธรรมดาทำงานหนักเสียภาษีเยอะ(อันนี้โดนเอง..เฮือก..)  ค่าใช้จ่ายก็เยอะค่ะ่ เพราะว่าไหนจะต้องเก็บเงินดูแลตัวเองตอนเกษียณ ตอนเจ็บป่วย(ซึ่งแพงมหาโหด)  ซึ่งตรงนี้พอคิดจะแต่งงานกับสาวไทยที่เรียกค่าสินสอดมากมายเขาก็คงต้องคิดหนัก   ตอนเราแต่งพ่อแม่เราไม่ได้เรียกร้องอะไรเลย สงสัยถ้าแถมข้าวสารให้ได้คงทำไปแล้ว(เพราะรู้ว่าลูกเขยไม่มีตังค์อ่ะ มีแต่student loanให้เราช่วยผ่อนซะนี่) ยังไงก็ขอให้คุณจขกท.โชคดีนะคะ แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 51 08:19:23 จากคุณ : forbidden donut - [ 19 ม.ค. 51 08:16:57 ]

ความคิดเห็นที่ 30 คุณ forbidden donut  เหมือนบ้านดิฉันเลย  หนี้อื่นไม่มี มีแต่ student loan จากคุณ : FinchS - [ 19 ม.ค. 51 08:26:47 ]

ความคิดเห็นที่ 31 เท่าที่อ่านข้อมูลที่คุณเล่ามา.... เริ่มตั้งแต่ต้น เจมส์จริงใจกับคุณ... ส่วนคุณก็คง "จริงจัง" กับเงินคุณเจมส์มาตั้งแต่ต้นล่ะ...ไม่งั้นคงไม่รับเงินที่เค้าส่งให้ คุณพยายามบอกว่า "ไม่มากแต่ก็ใกล้เคียงกับเงินเดือนที่เราได้รับ"...... แต่คุณบอกอีกว่า คุณเรียนจบสูง ทำงานดี บริษัทเอกชน ซึ่งเงินเดือนคุณน่าจะไม่น้อยกว่าสองหมื่น ....เงินเกือบเท่าเงินเดือนคุณนี่มันต้องมากสิ...สงสัยคุณคงคิดเป็นค่าเงินเค้าล่ะมั้ง ตอนพ่อแม่เรียกสินสอดสองล้านกับทองอีกสิบบาท เลยคิดว่าไม่เยอะ.... และที่คุณสงสัยว่า ทำไมเค้าถึงบอกเลิกคุณ...ลองคิดกลับเอาใจเค้ามาใส่ใจเรา ลองคิดว่าถ้าคุณเป็นเจมส์ดูสิว่า เค้าคิดยังไงที่เจอผู้หญิงทำแบบนี้ ตอนนี้เจมส์บอกเลิกคุณ แล้วกลับมาคบกันอีก... คุณบอกว่า "อ้อมเองที่กลับไม่มั่นใจในตัวเขาแล้ว ว่าเขาจริงใจกับอ้อมจริงหรือเปล่า หรือว่าทุกอย่างที่ทำดีกับอ้อมเป็นแค่การแสร้งทำให้เราหลงเชื่อว่าเขาเป็นคนดี" ลองถามตัวเองย้อนกลับไปหาจุดเริ่มต้น ตั้งแต่ตอนเริ่มคบกัน ว่าถ้าเจมส์ไม่ให้เงินคุณ คุณจะคบเค้ามั้ย..ให้เกียรติเค้ามั้ย ส่วนเจมส์ ก็คงกำลังคิดเหมือนกันค่ะ คุณรักเค้าหรือรักเงินเค้ากันแน่ ทีนี้ ใครจริงใจหรือไก่กา....คุณรู้คำตอบด้วยตัวคุณเองแล้วค่ะ จากคุณ : Sao'Padlung - [ 19 ม.ค. 51 10:07:15 ]

ความคิดเห็นที่ 32 เจมส์หล่อไหมคะ ถ้าหล่อส่งเจมส์มาให้ดิฉัน ดิฉันอยู่ไม่ไกล มีคุณสมบัติพร้อม แถมมีลูกติดด้วยนะ แล้วยังมีค่าเลี้ยงดูจากสามีเก่าอีกตะหาก    ล้อเล่น ค่ะ ดิฉันช่วยออกความเห็นอะไรแบบนี้ไม่ค่อยเป็น มันดูซีเรียสมากไป  มาป่วนให้คลายเครียดเฉยเฉยยยยย จากคุณ : ไอซ่า - [ 19 ม.ค. 51 13:01:28 ]

ความคิดเห็นที่ 33 หากการศึกษา อาชีพการงาน ของผู้หญิง เป็นตัวชี้วัดว่าควรจะได้สินสอดเท่าไหร่อย่างที่คุณคิด ดิฉันว่าแม่บ้านหลายๆ คนในห้องนี้ที่แต่งงานกับชาวต่างชาติ คงจะได้สินสอดหลักสิบล้าน เนื่องด้วยก่อนจะตัดสินใจแต่งงานด้วยความรัก เขาเหล่านั้นมีการศึกษา หน้าที่การงาน และประวัติการเจริญเติบโตที่เรียกว่า ดีมาก สิ่งที่จะเป็นหลักประกันว่าคุณเจมส์จะเลี้ยงดูได้อย่างสุขสบายหรือเปล่า สิ่งสำคัญคือคุณต้องใช้เวลาเรียนรู้และทำความรู้จักกันให้มากกว่านี้ การคุยทางอินเตอร์เน็ตเพียงครึ่งปี บวกกับการเจอตัวเป็นๆ กันครั้งเดียว และเงินสองล้าน ไม่เพียงพอที่ทำนายอนาคตได้ว่าจะอยู่ได้สุขสบายเพียงไร ถ้าดิฉันบอกกับแฟนดิฉันว่า พ่อแม่ดิฉันเรียกสินสอดเขาสองล้าน เนื่องด้วยดิฉันเป็นลูกคนเดียวของท่าน เรียนหนังสือมาไม่น้อย หน้าที่การงานไม่น่าเกลียด ดิฉันเชื่อขนมกินได้เลยว่า แฟนดิฉันต้องบอกเลิกกับดิฉันในทันที เหมือนที่คุณเจมส์ทำกับคุณ เพราะขนาดดิฉัน ซึ่งเป็นคนไทย เติบโตมากับวัฒนธรรมนี้ ดิฉันยังรับไม่ได้ กับการเรียกเงินสินสอดแพงๆ โดยอ้างว่าเป็นค่าน้ำนม ประสาอะไรกับคนต่างชาติ ซึ่งไม่เคยรู้วัฒนธรรมนี้มาก่อน จะไม่รู้สึกตกใจ และเข้าใจไปว่าคุณกำลังหวังเงินจากเขา แปลกดีค่ะ ที่เราจะวัดค่า ตีราคาคน ด้วยการศึกษา หน้าที่การงาน และประวัติที่ผ่านมา คำนวณออกมา เป็นกำไร ที่พ่อแม่จะได้รับ หลังจากเฝ้าเลี้ยงดูลูกสาวมานาน (เหมือนแม่พันธุ์อเมริกัน บรามัน ที่ชนะการประกวด) แม่ดิฉันบอกว่า แม่จะไม่เรียกสินสอดใดๆ ถ้าดิฉันจะแต่งงาน หลายคนบอก ได้อย่างไร มีลูกสาวเพียงคนเดียว กว่าจะเลี้ยงมาจนโต แม่ดิฉันบอกว่า เลี้ยงมาด้วยความรัก และเมื่อได้ให้การเลี้ยงดูไปแล้ว ไม่เคยคิดอยากเรียกสิ่งใดคืน (ถึงแม่จะเรียก ดิฉันก็ไม่ยอมให้เรียกอยู่ดี) จากคุณ : Dextrocardia (DexTroCadiA) - [ 19 ม.ค. 51 13:14:20 ]

ความคิดเห็นที่ 34 Everything I want to say about dowry others already said. Only one thing I wonder though, if you said you come from a good family and have a good job...why do you accept his money every month??? Where is your dignity??? Does your family say anything about you taking money or they are happy for you to do so? No wonder why he thinks you and your family like him because of his money. I know one thing for sure that well-raised woman from good family will not take money from any man even though that person are willing to give it to her!!! My friends' families who married to foreigner don't care about dowry. All they really care about is the happiness of their daughters...and all of my friend are now happily married with wonderful husbands (and none of them got $60k dowry)!!!!! จากคุณ : SFbay - [ 19 ม.ค. 51 14:28:53 A:75.6.224.191 X: TicketID:164020 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ตอนที่เราแต่งเรายังไม่กล้าพูดถึงเรื่องสินสอดเลย เราไปหาหนังสือมาให้แฟนอ่านว่า ค่าสินสอดมีความหมายว่าอย่างไร แล้วแต่เค้าจะเสนอมา สองล้านไม่ไช่น้อยๆนะ แฟนคุณคงตกใจ จากคุณ : ลายตา - [ 19 ม.ค. 51 15:18:38 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ลองคิดในอีกแง่ถ้าคุณอ้อมแต่งงานกับคนไทย แม่คุณจะเรียกมากขนาดนี้มั๊ยคะ เข้าใจอยู่ว่าแม่ทุกคนย่อมรักและเป็นห่วงลูกอยู่แล้ว แต่ถ้าเค้ามาแต่งคุณสองล้าน คิดบ้างมั๊ยคะว่าถ้าเค้าไปกู้หนี้ยืมสินมาแต่งล่ะ คุณไม่ต้องกลับไปช่วยเค้าใช้หนี้กันตาเหลือกหรอคะ อีกอย่างฝรั่งเค้าก็ไม่ได้มีสินสอดเวลาแต่งงาน แต่เค้าเข้าใจวัฒนธรรมของเราขนาดนี้ ก็เรียกสักพอเป็นพิธีเถอะค่ะ ในเมื่อคิดจะมีคู่ครองแล้ว จะไปเปรียบเทียบกับชาวบ้านเค้าทำไมกันค่ะเรื่องสินสอด ทำไมไม่คิดเปรียบเทียบเรื่องอื่นบ้าง เช่น สามีเป็นคนดี รักครอบครัว เป็นต้น อีกอย่างฝรั่งนี่ไม่ใช่ทุกคนนะคะ ที่จะอยากมาคลุกคลีกับครอบครัวใหญ่ๆ ไปไหนมาไหนก็ต้องมีพ่อแม่พี่น้องไปด้วยเสมอไป ดิฉันว่าเค้าจริงใจกับคุณอ้อมนะคะ อุตส่าห์พาครอบครัวไปเที่ยวด้วย อีกทั้งยังส่งเงินให้คุณใช้ ตั้งแต่ยังไม่เคยเจอกันด้วยซ้ำ คิดถึงอนาคตที่จะตามมาดีกว่าค่ะ ถ้าได้ไปทำงานอยู่เมืองนอก เงินที่ได้มามันจะมากกว่าสินสอดของคุณเป็นไหนๆ ดิฉันแต่งงานแม่ก็ไม่ได้เรียกสินสอด แต่สามีรู้วัฒนธรรมไทยว่ายังไงก็ต้องมี ก็ให้เองพอสมน้ำสมเนื้อ แต่ถ้าคิดเอาคุณสมบัติมาบ่งชี้เรื่องสินสอดอย่างคุณว่า ดิฉันก็น่าจะได้หลักล้านเหมือนกันค่ะ จากคุณ : KungGuenter - [ 19 ม.ค. 51 18:22:53 ]

ความคิดเห็นที่ 37 เฮ้ออ เห็นด้วยกับทุกความเห็นเลยนะ นานๆ จะเห็นกระทู้ที่เห็นไปในทางเดียวกัน ปลายปีเราก็กำลังจะแต่งงานกับฝรั่ง ที่บ้านเราก็ไม่ได้เรียกสินสอดอะไรเลย ทั้งที่แฟนเราบอกว่าเค้าพร้อมจะจ่าย พอมาเที่ยวเมืองไทยแต่ละครั้ง ที่บ้านเราพี่ๆ แทคแคร์ทุกอย่าง เราก้ช่วยเค้าจ่ายเวลาไปเที่ยวกัน ทั้งๆที่เค้าให้เราเป็นคนถือเงินเค้า เราก็ไม่เคยเอาเงินเค้ามาใช้จ่ายฟุ่มเฟือย เค้าเคยุมเราว่ามีเงินมั้ย เค้าอยากจะไห้ แต่เราก็ไม่เคยรบกวนเค้า เงินเดือนเราก็ไม่ได้เยอะอะไร เค้ายังบอกว่ายากนะที่จะหาผู้หญิงไทยดีๆแบบเรา ปล.ค่าของคนไม่ได้วัดกันที่ที่การศึกษา นะคะ วัดที่จิตใจ อย่างที่บอก ถ้าคุณมีจิตใจที่ดี มีศักดิ์ศรีคงไม่ไปรบกวนเงินเค้าทุกเดือน ทั้งๆที่คูนก็มีงานทำ และคงไม่เรียกสินสอดเค้าขนาดนั้น สงสารแฟนคุณนะ จากคุณ : Jan - [ 19 ม.ค. 51 21:07:15 A:124.120.129.150 X: ]

ความคิดเห็นที่ 38 ตามอ่านตั้งแต่ต้นเงียบๆ หวังว่า จขกท คงได้แง่คิดจากเพื่อนๆ ที่นี่บ้างไม่มากก็น้อย หลายๆ ท่าน ให้แง่คิดที่เป็นประโยชน์ ดิฉันสนับสนน ความเห็น คณ Lawanwadee เพราะดิฉันเคยได้ยินเพื่อนเล่าให้ฟัง ว่ามีเพื่อนมีแฟนเป็นชาวอเมริกัน ไปเยี่ยมที่เมืองไทยฝ่ายชายพาไปเที่ยวใช้จ่ายอย่าง หรหรา ส่งเงินให้ใช้  แต่ปรากฏว่าทำวีซ่าค่หมั้นมาอย่ด้วยกันไม่เท่าไหร่ผ้หญิงต้องรีบเผ่นกลับเมื่องไทย เมืีอพบว่าฝ่ายชายมีหนี้บานเบอะ ทั้งบัตรเครดิต ทั้ง loan ต่างๆ ฝ่ายหญิงคิดว่าจะมาอย่สบายๆ กลัีบต้องทำงาน 2-3 job ยังไม่พอจ่ายหนี้ที่ผ้ชายสร้างไว้ เลยตัดสินใจกลับ อีกราย ฝ่ายชายทำงานทำการดี  ตอนไม่ได้อย่ด้วยกันที่เมกา ฝ่ายชายเช่าอพาทเมนท์หรหราให้อย่ ส่งเงินให้ใช้  แต่พอทำเรื่องมาอย่ด้วยกัน ที่อเมริกา  ฝ่ายชายผ้เรียกว่ามีเงินมีทองไล่ให้ฝ่ายหญิงไป หางานทำตั้งแต่อาทิตย์แรกที่เหยียบแผ่นดินอเมริกา พร้อมทั้งด่า ต่อว่าต่างๆ นาๆ ว่ามาเกาะกิน พดจาดถกเหยียมหยามตลอดเวลา จนฝ่ายหญิงต้องหนีกลับเมืองไทยอีกคน ดิฉันได้สินสอดแสนเดียว แต่ชิวิตแต่งงานเหมือนกับที่ดิฉันวาดฝัน มีบ้านหลังเล็กๆ ริมทะเล แค่เดินออกไปหน้าบ้านก็ถึง   อยากออกกำลังกายก็มี board walk ยาวเหยียด ให้วิ่ง ให้ปั่นจักรยาน พาหมาไปเดินเล่น  มีชีวิตสขสงบ  สามีบอกรักเช้า-เย็น ให้เกียรติ และรักครอบครัวดิฉัน   ถึงเราไม่ได้มีเงินมากมาย  แล้วสามีดิฉันไม่มีค่าสินสอดเป็นล้าน  แต่ถ้าถามว่าความสขที่ดิฉัน ได้รับขณะนี้บางทีมีเงินเป็นล้านก็ซื้อไม่ได้ สินสอดเป็นล้านๆ ไม่ได้เป็นตัวบ่งชี้การันตรีชีวิตแต่งงานคณจะมีความสข ลองบินไปดชีวิตความเป็นอย่ของเค้าก่อนว่าเค้าอย่อย่างไร นิสัยใจคอเป็นอย่างไร เข้ากันได้มัย ศึกษากันอีกซักพัก  แล้วค่อยกลับมาคิดตัดสินใจอีกที ต้องขอโทษนะค่ะที่สระ u ดิฉันเสีย อาจจะอ่านยากนิดนึง แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 51 21:22:27 แก้ไขเมื่อ 19 ม.ค. 51 21:12:48 จากคุณ : chuamalee - [ 19 ม.ค. 51 21:09:22 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ตอนแต่งงานกับแฟนฝรั่ง แม่บอกขอสองแสนบาท แฟนก็โอเค ทองอีก 5 บาท แม่ออกเองค่ะ( กลัวลูกสาวไม่ได้แต่งหรือยังไงไม่รู้ ) ชาวบ้านเขาอยากรู้มากแต่งกับฝรั่งสินสอดเท่าไหร่ ทองกี่บาท หลังแต่งงานเสร็จเงินสินสอดสองแสนบาทแม่ก็คืนให้ดิฉันกับแฟนค่ะ( อันนี้เราไม่บอกชาวบ้าน )ก็เหมือนกับแต่งเป็นพิธีค่ะ  ดิฉันมารู้ทีหลังเงินสินสอดน่ะแฟนกู้จากแบงค์ค่ะ ทั้งๆที่แม่ให้คืนแต่กู้เงินจากแบงค์เมกาดอกเบี้ยมันแพงมาก....  เล่าให้ฟังจากเรื่องจริงค่ะ  ตอนนี้มาอยู่นี่หลายปีแล้วคิดๆแล้วส่งเงินก้อนเล็กๆให้แม่รวมดูได้มากกว่าที่แม่ขอเป็นค่าสินสอดเสียอีก..... ขอให้คุณเจ้าของกระทู้โชคดีค่ะ จากคุณ : underdusty - [ 19 ม.ค. 51 22:39:57 ]

ความคิดเห็นที่ 40 เห็นด้วยกับคำตอบของคุณ  Lawanwadee ที่สุด เท่าที่อ่านถ้าคุณได้อธิบายให้เขาฟังว่า เหตุผลที่แอบแฝงอยู่ของการขอสินสอดสองล้านของแม่คุณคืออะไร ถ้าเขารับฟังด้วยสติ ทางออกอื่นก็น่าจะมี คือการแสดงให้เห็นว่าฐานะการงานที่แท้จริงของเขาคือยังไง ทำไมถึงมั่นใจว่าจะดูแลคุณได้ พึ่งคบกันยังไม่ถึงปีเลย จะรีบร้อนไปทำไม จากคุณ : Appreciator - [ 20 ม.ค. 51 00:03:06 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ความเห็นเพื่อนๆข้างบนโดนใจมาก แต่แหม 2 ล้านเลยเหรอ เยอะไปนะเราว่า...แล้วเมื่อใหร่ไอ้วัฒนธรรมที่ว่าลูกสาวบ้านนั้นบ้านนี้แต่งแล้วรวย เนี๊ยะแล้วเราก็ต้องได้อย่างที่เค้าได้กันหรือไงคะ..ฝรั่งไม่ได้รวยทุกคนนะคะต้องดูให้ดี...ไปเจอบางคนที่กินเหล้า กินเบียร์แทนน้ำก็แย่..เราดีใจที่วันที่เราบอกแม่ไปว่าหนูจะแต่งงาน แม่ถามมาว่าแต่งกับใคร แล้วเป็นคนดีใหม..แต่ญาติพี่น้องเรานี่ไม่ใหวถามแต่เรื่องรวยกับเงินๆทองๆ..แรกๆก็ฟังแต่ไม่อยากพูดอะไรมาก ใหนๆก็ญาติพี่น้อง แต่ช่วงหลังๆนี่ไม่ใหว ต้องตอกกลับไปบ้าง เนื่องจากว่ากลับไปเยี่ยมบ้านทีไรต้องมา ขอยืมเงิน ไม่ให้ก็หาว่าได้ดีแล้วหยิ่ง เราบอกว่าเราไม่ได้หยิ่งแต่อันเก่าก็ยังไม่คืน..เรื่องอะไรจะให้.. เฮ้อ..ขอพร่ำแค่นี้ละกัน..ไม่งั้นเดี๋ยวยาว...ชีวิตแต่งงานมันแค่เริ่มต้น ไม่ใช่จุดสิ้นสุดของชีวิต.. ตอนนี้เราก็ทำงาน แถมยังต้องไปเรียนภาคค่ำอีก วุฒิปริญญานะเหรอเอาเก็บใส่ตู้ล็อกกุญแจไว้ได้เลยไม่ต้องใช้ ต้องมาเรียนเอาใบประกาศอันใหม่เอาที่นี่ ไม่เรียนก็ไม่ได้ ถ้าอยากทำงานออฟฟิศก็ต้องเรียน ต้องทน ไม่งั้นก็ ต้องไปทำงานพวกใช้แรงงาน... อยากแนะนำว่าให้คุณขอวีซ่าท่องเที่ยวไปเที่ยวบ้านเมืองเค้าก่อนดีใหมคะ หลังจากนั้นค่อยพูดเรื่องแต่งงานไม่ดีกว่าเหรอคะ อันนี้สำคัญนะคะโปรดอย่ามองข้าม คิดเสียว่ามาเที่ยวก็ได้ แต่จริงๆแล้วเป้าหมายก็คือมาดูอะไรหลายๆอย่างตามที่เพื่อนๆข้างบนบอก จากคุณ : พูดจากใจ (สร้อยอินเดีย) - [ 20 ม.ค. 51 09:56:53 ]

ความคิดเห็นที่ 42 เห็นด้วยกับคำตอบของคุณ  Lawanwadee อีกคนค่ะ... จากคุณ : แม่ขา - [ 20 ม.ค. 51 13:55:13 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ผชจริงใจ ผญไก่กา อ้อมยังไม่มาตอบทู้เลย? มีส่งค่างวดรายเดือนด้วย? เรียกเขาสองล้าน ถ้าบ้านเราหมายถึงตัวเรามีถึงสองล้านด้วยนะ เรียกเขาเท่าไรบ้านเราต้องมีมากกว่านั้นสองสามเท่า เคยเห็นคนเรียกสินสอดแล้วก็งงค่าอะไรกันนักหนา บางบ้านผญจนแต่เรียกแพงน่าเกลียด ค่าตัวยังกะนักวิทยาศาสตร์ ผู้มีความสามารถจะค้นพบสิ่งวิเศษในโลกได้อีกสักชิ้นก็ไม่ปาน มีบ้านนึงเรียกสินสอดลูกสาวแพง ผชก็ไปหามาได้ แต่การได้เงินมาคือการเอาท่ีพ่อแม่ไปจำนอง ในที่สุดที่หลุดจำนองพ่อแม่ผชก็เลยต้องไปเช่าเขาอยู๋ โอยช่างคิด ฝ่ายหญิงไม่คิดถึงใครเลยจะเอาสิ่งที่ตัวอยากได้อย่างเดียว อย่างนี้เอาไหม หรือเผ่นแต่แรก ไม่รู้ผชรวยหรือไม่นะ แต่ไม่เกีียวกับเรื่องนี้ รักจริงไม่เห็นแก่ได้ รักลวงมีแต่จะเอา เอา เอา ให้เขาบางซี ให้เป็นไหม? ยุคนี้ไม่น่ามีเรื่องสินบ้าสินนี่แล้ว ทุกคนเท่าเทียมกัน เลี้ยงเสียค่าน้ำนมแพมเพิร์สเหมือนกัน เข้าใจป่ะสาวอ้อม จากคุณ : แจ่ม - [ 20 ม.ค. 51 15:08:51 A:124.121.31.233 X: ]

ความคิดเห็นที่ 44 ความเห็นข้างบนโดนใจไปเยอะแล้วค่ะ  สำหรับตัวเอง ตอนนั้นเพิ่งเรียนจบโทใหม่ แม่เพิ่งส่งเสียให้เรียนนอกจบ ดันจะมาแต่งงาน เรื่องสินสอด แม่เราก็เรียกนิดเดียวเอง ถ้าจะเอามาเทียบกับค่าสินสอดแพงๆของคนอืน เทียบบัญญัติไตรยางค์้นั้น เราคงเป็นคนไม่มีคุณค่า อ่านความเ็ห็นของเพื่อนๆแม่บ้านห้องนี้แล้วก็รู้สึกดีค่ะ ไม่ได้เป็นแบบเราคนเดียว  สำหรับเราการแต่งงานก็เป็นเรื่องของคนสองคนที่ตกลงจะมาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันนะคะ เงินทองเป็นแค่ปัจจัยในการดำรงชีวิต อย่าเอามาตัดสินความจริงใจกันเลยค่ะ เจ้าของกระทู้อาจแล้วคงได้คิดนะคะ ลองคิดทบทวนดูดีๆนะคะ ถ้าพลาดไปแล้วจะแก้ไขอย่างไร ถ้าคู่กันแล้ว คงไม่แคล้วกันหรอกค่ะ จากคุณ : moomin - [ 20 ม.ค. 51 16:43:36 ]

ความคิดเห็นที่ 45 เรียกเวอร์เลยค่ะ 2 ล้านนะ ทำไมฝ่ายคุณอ้อมไม่คิดเสียค่าสินสอดให้ฝ่ายชายบ้างละคะ สักล้านสองล้าน พ่อแม่เขาก็คงเลี้ยงลูกอย่างดี ให้การศึกษาดีๆ จนมีงานดีๆ มีเงินเดือนหากินเองได้ คงหมดไปไม่น้อยเหมือนกัน มีค่าน้ำนมให้ฝ่ายชายมั่งก็ดีนะ มันยุติธรรมดีเพราะเขา ต้องเลี้ยงดูคุณอ้อมตลอดชีวิตนะ หากมีปัญหาชีวิตคู่แยกทางกันภายหลังกฎหมายอเมริกา เขาคงต้องส่งเสียคุณอ้อมไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ หากคุณอ้อมไม่แต่งงานใหม่ มันจะได้เป็นเครื่องการันตีว่า เขาจะเก็บเงิน 2 ล้านที่คุณอ้อมให้ตอนแต่ง เอาไว้เป็นทุน เพื่อเป็นหลักประกันของชีวิตเขาไงคะ **** หากรักกันจริง เขามีเท่าไหร่ หรือพอใจให้เท่าไหร่ก็เอาไปเถอะ ให้เรื่องเงินเป็นเรื่องรอง เรื่องรัก เป็นเรื่องหลัก ดิชั้นแต่งงาน สินสอดไม่มีแม้แต่บาทเดียว แต่หลังแต่งงาน สามีให้มากกว่าค่าสินสอดของคุณอ้อมหลายเท่าตัว อยู่ไปรักกันมากขึ้น ความเชื่อใจมากขึ้น ในเมื่อไม่หวังเรื่องเงินของเขา มีแต่ความจริงใจ ผลที่ได้มันมากมายกว่าที่คิดค่ะ เพราะฉะนั้น หากคุณอ้อมจริงใจ ไม่ไก่กา อย่าพูดเรื่องเงินอีก จากนั้นก็ทำตาม ที่พี่ Lawanwadee แนะนำ เพื่อเช็คดูสถานะคุณเจมส์เขา เพื่อความแน่นอน ของอนาคตของตนเองค่ะ ขอให้โชคดีค่ะ จากคุณ : noyne - [ 20 ม.ค. 51 19:55:21 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ดิฉันว่าเขาจริงใจนะคะ แต่เขาคงช็อคเรื่องการเรียกสินสอดค่ะ ตามประเพณีฝรั่งทางฝ่ายเจ้าสาวเป็นคนออกเงินจัดงานแต่งฝ่ายเดียว อีกต่างหาก เจอแบบนี้คงเหวอไปเลย ดิฉันว่าถ้าคุณรักเค้ามาก และตัดสินใจที่จะแต่งกับเค้าแล้ว ก็อย่าเอาเรื่องสินสอดมาเป็นอุปสรรคเลยค่ะ พูดกับคุณแม่ให้เข้าใจ ดิฉันว่าท่านน่าจะมีเหตุผลพอ ส่วนเรื่องขี้ปากชาวบ้าก็อย่าไปสนใจเลยค่ะ สุดท้ายก็เราที่จะมาอยู่กับเขานะคะ ไม่ใช่ใครอื่น คุณจะแต่งงานเริ่มชีวิตสร้างครอบครัว ก็ไม่ควรที่จะใช้จ่ายอะไรที่มันเกินกำลัง อันนี้คนเป็นพ่อแม่ผ่านชีวิตมาก่อนเขาก็ต้องเข้าใจ ลองคิดดูว่าเงิน2ล้านนั่นเอามาซื้อบ้านหรือดาวน์บ้าน หนือเอามาลงทุนทำธุรกิจ อนาคตครอบครัวจะมั่นคงขนาดไหน ตอนดิฉันแต่งก็ไม่ได้มีสินสอดอะไร ที่บ้านก็เข้าใจแถมพูดไว้ก่อนเลยว่าถึงให้มาก็จะให้คืนอยู่แล้ว แนะว่าให้ไปแต่งที่เมืองนอกดีไหมคะ จะได้ไม้ต้องยุ่งยากเรื่องนี้ พาคุณพ่อคุณแม่ไปร่วมงานด้วย ท่านจะได้ถือโอกาสไปดูความเป็นอยู่ของเราด้วย จะได้ไม่ต้องเป็นห่วงมาก ดิฉันว่าการที่เขาพาครอบครัวคุณไปเที่ยวพักโรงแรมแพงๆทานอาหารแพงๆนั้น อาจได้หมายความว่าเขารวยเสมอไป แต่เขาแสดงออกถึงการให้เกียรติคุณมากกว่า อย่าให้คนดีๆหลุดลอยไปเพราะเรื่องแค่นี้เลยค่ะ จากคุณ : Bing - [ 20 ม.ค. 51 20:01:05 A:217.86.107.202 X: ]

ความคิดเห็นที่ 47 อ่านแล้วมึน... ข้าพเจ้าก็เพิ่งมีลูกชายกะเขาเหมือนกัน สงสัยต้องสอนลูกว่า ไม่ให้เอาหญิงไทยที่เห็นแก่เงินสินสอดมาทำเมีย หรือไม่ก็ ภาวนาให้ลูกชายเป็นตุ๊ดเป็นแต๋วไปเลย หมดปัญหา 555.... จากคุณ : เพนนี (MiniPenzman) - [ 20 ม.ค. 51 23:46:32 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ถ้าคุณคิดว่ารักเขา แล้วคิดว่าเขาเป็นคนดี ก็ลองสู้สักตั้งสิ ..ให้บอกเขาว่า เป็นแค่ "หน้าตา" ของพ่อแม่เท่านั้น แต่งเสร็จ โชว์เสร็จแล้วก็คืนให้ ..แต่ถ้าเขาไม่มีก็ไม่เป็นไร เอาเท่าที่มีมาโชว์เท่านั้น  ..มันยังอาจจะพอ "กู้"ความรู้สึกดี ๆ กลับมาได้บ้างนะ แต่ถ้าไม่รักเขา ก็ปล่อยเขาไปเถอะ ..สงสารเขาน่ะ จากคุณ : NATTI นัทตี้ - [ 21 ม.ค. 51 07:42:57 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณทุกความคิดเห็นดีๆ นะค่ะ หยุดเสาร์-อาทิตย์ ไปงานแต่งเพื่อนที่ต่างจังหวัดมา เลยไม่ได้เข้ามาอ่านกระทู้ จริงๆแล้วยอมรับว่าเวลาที่รู้จักกันค่อนข้างสั้น และอยากที่จะคบดูกันไปสักพักก่อน ทางบ้านก็เห็นด้วยว่าควรคบกันไปก่อน แต่เจมส์ให้เหตุผลว่า เขาเองอายุมากแล้ว ในเมื่อเจอคนที่ใช่ก็ออกแต่งงานและอยากมีลูก ตอนนี้ อ้อม อายุ 28 ปี เจมส์ 50 ปี (แต่หน้าตาเหมือน 35-36 ปี) เจมส์ให้เหตุผลว่าถ้าแต่งานกันตอนปีนี้ กว่าลูกเข้ามหาลัย ตอนนั้นเขาก็ 70 แล้ว เลยไม่อยากที่จะรอนานไปอีก เจมส์ทำงานในตำแหน่ง senoir derector บริษัททำ soft ware ที่อเมริกา เขายังไม่เคยแต่งงานหรือมีครอบครัวมาก่อน ก็ลองไปเช็คข้อมูลส่วนตัวที่เจมส์บอกในเน็ต เรื่องหน้าที่การงานก็เป็นจริงตามที่เขาบอก แต่ว่าเรื่องอื่นๆ ตามที่ทุกความคิดเห็นแนะนำ อ้อมยังไม่รู้เกี่ยวกับตัวเจมส์ดีพอ และที่อ้อมบอกเรื่องที่เจมส์ส่งตังค์มาให้ใช้หรือว่าพาไปสถานที่ต่างๆ เพื่อที่จะให้ทุกความคิดเห็นได้เห็นว่าเจมส์แสร้งทำให้อ้อมประทับใจในตัวเขาหรือเปล่า เพราะอ้อมคิดว่าเจมส์น่าจะมาปรึกษากับอ้อมเพื่อหาทางออกกันก่อน ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ ก็มาบอกว่าเลิกกันเถอะ แล้วก็ว่างสายไป ซึ่งตัวอ้อมเองก็ได้คุยกับที่บ้านแล้วว่าเงิน 2 ล้านมันมากไป ทางพ่อแม่อ้อมก็ไม่ได้ฟังธงว่า จะต้องเป็นจำนวนเท่านั้นเลย และอ้อมก็ตั้งใจว่าจะคุยให้ท่านเข้าใจ แต่เจมส์บอกเลิกอ้อมก่อน ที่อ้อมจะได้พูดคุยท่าน ขอบคุณทุกความคิดเห็นที่ทำให้เห็นหลายๆ มุมมองที่กว้างขึ้น จากคุณ : NTS เจ้าของกระทู้ - [ 21 ม.ค. 51 16:01:57 A:58.10.170.226 X: ]

ความคิดเห็นที่ 50 น้องอ้อมคะ ในความคิดของพี่คิดว่าอายุของน้องกับของเจมส์ต่างกันมาก จะเป็นอุปสรรคหรือเปล่าคะ น้องลองคิดดู สมมุตเจมส์เป็นคนไทย อายุ ห้าสิบ มาส่งเสียน้องอย่างนี้ น้องคิดว่าพ่อแม่ของน้องจะคิดยังไง จะยอมให้น้องแต่งงานกับคนไทยคนนี้หรือเปล่า ถ้าสมมุตพี่มีลูกสาวอายุเท่าน้องแล้้ว มีตาแก่ (ซึ่งอาจจะดูไม่แก่) มาชอบลูกสาวพี่ พี่คงไม่ยอมให้แต่งงานกับไม่ว่าเค้าจะเป็นชาติอะไรหรือว่ามีเงินเท่าไหร่ก็ตาม อันนี้อาจจะเป็นความคิดที่มองโลกในด้านลบไปนิดหนึ่งแต่พี่ิคิดว่าถ้าแต่งงานกันไปแล้วคงต้องมีปัญหาตามมาอย่างแน่นอน หรือสมมุตถ้าพี่เป็นน้อง ไม่ก็ไม่ยอมแต่งกับผู้ชายที่รุ่นราวคราวเดียวกันกับพ่อพี่แน่นอน ส่วนตัวของพี่ พี่อายที่ต้องแนะนำว่าเค้าเป็นแฟน ถ้าน้องไม่อายที่จะควงก็แล้วไป ในฐานะที่พีี่ก็อยู่เมืองนอกมาพอสมควร พี่อยากจะแนะนำว่าให้น้องลองเปิดใจลองคบกับฝรั่งคนอื่นบ้าง สมัยนี้การพบรักทางอินเตอร์เนตไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันอีกต่อไป คนดีไม่ดีมีทุกสังคม ไม่ต้องกลัว น้องทำไมไม่ลองคบคนรุ่นราวคราวเดียวกันกับน้องบ้าง เผื่อน้องจะได้มุมมองที่ต่างกันออกไป น้องคบกับคนแก่ก็ดีในแง่ที่เค้ามีพร้อมแล้วฐานะ การงานแล้วอย่างอื่นล่ะ จะเข้ากันได้หรือเปล่า ถ้าน้องกับเจมส์ัรักกันจริงๆ พี่แนะนำให้คบกันไปนานๆ ไปดูบ้านเมืองเค้าก่อน ดูนิสัยใจคอถ้าต้องอยู่กันสองคน ลองเข้าไปอ่านในกระทู้อื่นๆกรณีสาวไทยแต่งงานกับฝรั่งแล้วไม่เป็นไปตามที่คิดไว้ น้องจะได้ข้อคิดเยอะเลย พี่ๆในห้องแม่บ้านนี้ต่างก็ให้คำแนะนำน้องอย่างดี พี่อยากให้น้องเอาไปคิดให้ดีๅ ถึงแม้เค้าไม่รู้จักน้องมาก่อน แต่ต่างคนต่างให้ข้อคิดกับน้องอย่างมีเหตุผลและพี่คิดว่าทุกคนมีความหวังดีกับน้องอย่างจริงใจ ยังไงก็ตาม พี่ขอให้น้องโชคดีจ๊ะ จากคุณ : ออน (amiwhoiam) - [ 21 ม.ค. 51 22:14:15 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ตอบกลางๆนะคะ ที่ขอสินสอดสองล้านเนี่ยไม่ทราบว่าแต่งไปแล้วทาง ครอบครัวเจ้าของกระทู้คืนเงินให้คุณไปสร้างครอบครัวหรือเปล่าค่ะ ถ้าใช่ก็คงถือว่าอยากให้ลูกสาวได้หน้าตาอุตส่าห์เรียนมาสูง ขอไปเท่าไหร่ก็คงไม่เป็นไรหรอก(แต่ว่าถ้าสองล้านถึงให้คืนแต่เจ้าบ่าวต้องไปกู้เงินมาแบบท่านข้างบนเนี่ย แต่งไปแล้วต้องไปใช้หนี้ดอกธนาคาร คุ้มไหมค่ะ) ถ้าสินสอดสองล้านแต่งแล้วทางบ้านเจ้าของกระูทู้อุ๊บอิ๊บเอาหมดเนี่ย เจ้าของกระทู้ก็น่าจะคิดได้ไม่ต้องมาตั้งกระทู้ถามคนอื่นหรอกค่ะ คำตอบตัวคุณก็รู้ดีอยู่แล้ว ถามนิดนึงค่ะว่าถ้าคุณแม่เจ้าของกระทู้มีลูกชาย เกิดลูกชายไปชอบลูกสาวชาวบ้านแล้วพ่อแม่เค้าขอสินสอดสองล้าน คุณแม่เจ้าของกระทู้จะรู้สึกยังไงค่ะ อ้อ อีกอย่างถ้าเกิดเปลี่ยนคุณเจมส์เป็นหนุ่มไทยนี่ คุณแม่คุณจะยังขอสองล้านไหมค่ะ ขอแบบนี้ไม่ต้องถามคนอื่นหรอกค่ะ คำตอบมีในตัวอยู่แล้ว จากคุณ : Nerine - [ 22 ม.ค. 51 00:48:21 ]

ความคิดเห็นที่ 52 คนอื่นพูดไปหมดแล้วถึงเหตุผล   เราว่าคุณน่ามองเห็น อะไรขึ้นมาบ้าง....ขอเพิ่มเติมอีกนิดแล้วกันค่ะ คุณเข้าใจแต่พ่อแม่คุณครอบครัวคุณว่าคิดยังไง? คุณเคยสมมุติว่าตัวเองเป็นเขามั่งไหมคะ? แล้วลองมาดูสิ่งที่ทางครอบครัวคุณเรียกร้องไป ใครจะไม่เครียด  มันทำให้เขาเกิดความไม่มั่นใจ ในความรักของคุณ   รวมถึงมองครอบครัวคุณไม่ดีด้วย รู้สึกเหมือนตนเองเป็นไอ้โง่ที่ถูกหลอกเลย ที่เขียนมาไม่มีตรงไหนเลยที่คุณบอกว่าคุณเข้าใจเขา หรือแม้กระทั่งคุณได้อธิบายให้พ่อแม่คุณฟังหรือไม่ คุณไม่ได้ค้านเลยกับค่าสินสอดเสียด้วยซ้ำ   สิ่งที่คุณได้รับตอบแทนกลับมา...มันก็ไม่น่าแปลกนี่ เขาส่งเงินให้คุณใช้ทุกเดือนทั้งที่เป็นแฟนเฉยๆ เอาง่ายๆ  ถ้าเป็นผู้หญิงปกติยังไม่ได้เป็นเมีย เขาไม่รับเงินกันง่ายๆ หรอกค่ะ  กลัวผู้ชายดูถูก นี่คุณเต็มใจรับ   พ่อแม่บอกจะเรียก 2 ล้าน คุณก็ไม่ค้าน     ต้องถามว่าคุณรักเขาเท่าที่เขารักคุณหรือไม่? คุณหลงประเด็นในความรักหรือเปล่า? แล้วคนภายนอกที่มองจะบอกกับเขาอย่างไร? ผู้หญิงรักตัวเขาหรือเงินของเขา? จากคุณ : คิงเพนกวิน - [ 22 ม.ค. 51 03:57:44 ]

ความคิดเห็นที่ 53 การที่คนสองคนจะอยู่ด้วยกันได้ มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับเงินสินสอด หรือการแต่งงานที่หรูหรา เพื่อเชิดหน้าชูตาครอบครัวนะคะ คนเราต้องเรียนรู้กันและกัน เนื่องจากความแตกต่างทางด้านภาษา วัฒธรรม นิสัยส่วนตัว และอื่นๆ อีกเยอะแยะ หากเขาต้องแต่งจริงๆ น้องอ้อม และครอบครัวจะมั่นใจได้ยังไงว่าเงินที่เขาจะให้เป็นสินสอดนั้น ไม่ได้กู้มา เพราะสุดท้ายน้องอาจจะต้องไปนั่งใช้หนี้สำหรับสินสอดของตัวเองก็ได้ ฝ่ายน้องคิดในแง่ของธุรกิจเกินไป ถ้ารักกันจริงน่าจะลองศึกษากันไปก่อน ยังไงก็ขอให้โชคดีค่ะ จากคุณ : Thaiger (Tigerish) - [ 22 ม.ค. 51 05:22:33 ]

ความคิดเห็นที่ 54 หาใหม่ จากคุณ : เสียงซึง - [ 23 ม.ค. 51 20:23:00 ]

ความคิดเห็นที่ 55 เเละคุณรักเขาจริงเปล่า ถ้ารักกันจริงจะเเคร์อะไรกะสินสอด หรืิอเำพื่อนบ้าน ว่าเขาได้เท่าไร จากคุณ : remy&chanel - [ 24 ม.ค. 51 05:36:33 ]

ความคิดเห็นที่ 56 As you said again......I think he has some one already. He doesn't want to give you a chance as he may have many of them (girls) to choose for. If this is not a reason so he would at least give you a chance to explain and try to compromise. Forget about him. Move on....!!!!Don't be sad, I am sure you will find someone who cares for you and would like to be with you for his entire life. จากคุณ : PoomPim..TMB - [ 25 ม.ค. 51 11:49:16 ]

ความคิดเห็นที่ 57 แม่อิฉ้าน น ไม่เอาสักบาทค่ะ ขอแค่ปั๋วขา เลี้ยงอิฉ้านน กับ ลูก รอดเป็นพอ แม่ไม่กลัวอายด้วย เพราะว่าอิฉ้านเป็นลูกคนโต แต่แม่บอกว่าไม่รู้จะเอามาทำไม เอามาแล้วเดี๋ยวลูกก็ต้องไปลำบากหาเงินกันใหม่อีก เดี๋ยวต้องมานั่งสงสารลูกสงสารหลานอีก แต่ตอนนี้ให้แม่ใช้เดือนละ 8000 แม่ยังไม่เคยใช้เลย ดองอยู่ในธนาคารมาหลายปีแล้ว เห็นแกว่าจะเก็บไว้แต่งเมียให้หลานชาย ก็ลูก ๆ อิฉ้านน นี่แหละค่า ถ้าคุณรักกันจริง เงินทองไม่ใช่ประเด็นสำคัญในความรัก รัก ต้องเกิดมาจาก ข้างใจจริง ๆ จากคุณ : hoshi_nao - [ 25 ม.ค. 51 23:30:29 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ผมไม่แน่ใจอะ ว่ากระทู้นี้เรื่องจริง อิอิ จากคุณ : R-NO - [ 27 ม.ค. 51 02:34:41 ]