ความคิดเห็นที่ 1 ผมไม่ขอเปรียบเทียบนะครับ เพราะเคยเรียนแต่ที่ Kaplan เลยขอพูดถึงแต่ที่ Kaplan Part : Math ถือว่าดีมากครับ เรียนกับพี่เอ๋ สอนเหมือนตอนติวเอนทรานซ์อะไรประมาณนั้นครับ ทำให้เราเข้าใจในภาพรวมทั้งหมด แล้วก็แนวทางในการรับมือกับข้อสอบแต่ละประเภท แถมมีตัวอย่างประเภทของข้อสอบบางข้อที่เราอาจโดนหลอกได้ง่ายๆ ประเภทลองให้ทำทั้งห้องก็ผิดกัน 100% ก็มีครับ ทั้งๆที่การคำนวณแสนง่าย แต่ Check ว่านิยามแม่นแค่ไหน และที่สำคัญก็คือ ข้อสอบ math แต่ละประเภทเค้าก็ทำให้รู้ว่าควรใช้การคำนวณแบบไหนจะเหมาะสม เพราะบางข้อเหมือนยาก แต่ถ้าเราทำดีๆจะรู้ว่ามันแป๊บเดียว ที่พูดไปผมไม่ขอเรียกมันว่าทริคในการทำข้อสอบนะครับ เพราะผมก็ไม่ค่อยชอบสูตรลัดอะไรประมาณนั้นอ่ะ ผมเรียกว่ามันเป็นการเข้าใจวิธีทำข้อสอบ math ที่ดีที่สุดดีกว่าครับ แต่สุดท้ายก็ต้องทำข้อสอบเองเยอะๆๆๆๆๆ มากๆ ครับ ในส่วนของ Part : Verbal ผมถือว่าโอเคดีครับจะสอนโดยใช้อาจารย์หลายท่านหมุนเวียนกันครับ แต่ก็ทราบกันอยู่แล้วครับว่า Part นี้นั้นยากมากๆสำหรับ GMAT ผมเลยไม่รู้จะวิจารณ์ยังไง แต่บอกได้ว่า Kaplan เค้าก็สอน Part นี้ได้เข้าใจดีใช้ได้ครับ แต่ถ้าจะเอาคะแนนสูงๆคงต้องไปทำแบบฝึกหัดอย่างหนักหน่วง แล้วก็พัฒนา Skills ด้านภาษาอังกฤษให้ดีมากทีเดียวครับ สุดท้ายผมว่าสำหรับ Kaplan เรียนแค่ math อย่างเดียวก็คุ้มแล้วครับ(ความเห็นส่วนตัวนะครับ ไม่ได้โฆษณา) Princeton อาจดีกว่าที่ผมบอกก็ได้นะครับ คนที่เคยเรียนอาจชี้แจงได้ดีกว่านี้ครับ จากคุณ : บี - [ 22 ม.ค. 51 14:16:33 A:61.7.134.165 X: ]

ความคิดเห็นที่ 2 สำหรับผมแล้ว แคปแลน ดีแค่ math ครับ verbal ไม่ค่อยดีเอาเลย แต่ เป็นอาจารย์คนไทยนะครับทั้งสองพาร์ท ถ้า math ย้ำต้องพี่เอ๋ เท่านั้นครับ ส่วน verbal นี่ผม ได้จากการทำข้อสอบเองทั้งนั้น เลย ส่วน Princeton ได้ยินว่า Verbal ดีกว่าครับ แต่ผมไม่เคยเรียนเบน ปล มี คอมมิวนิตี้ เอ็มบีเอ คนไทย แล้วนะครับ www.gomasterdegree.com อาจจะได้คำตอบได้หลากหลายกว่านี้ครับ จากคุณ : เอ - [ 22 ม.ค. 51 15:36:44 A:203.156.142.66 X: TicketID:163167 ]

ความคิดเห็นที่ 3 จากประสบการณ์ที่เรียนทั้ง Kaplan และ Princeton นะครับ แต่ว่าเรียนแต่ละทีนานห่างกันพอสมควร Kaplan หากเป็น math ต้องพี่เอ๋ เท่านั้นครับ ยืนยัน 100% แต่ verbal แล้วแต่คนสอนครับ อาจเพราะตอนนั้นทำงานด้วยเลยแทบไม่ได้ทบทวน verbal อะไรเลย Princeton เรียนกับ tutor ที่เป็นอเมริกันคนเดียว เรียนเป็นภาษาอังกฤษ หากคุณฟังพูดภาษาอังกฤษยังไม่คล่องที่จะฟังทีเดียวเข้าใจทันที หรือ พูดโต้ตอบได้ทันที เมื่อสงสัยหรือถูกถาม...ส่วนตัวแนะนำว่า อย่าเลือกเรียนที่นี่เลยครับ ไม่ได้บอกว่าสอนไม่ดี แต่อุปสรรค์ของการฟังพูดจะทำให้สิ่งที่ควรได้รับ 100 เหลือแค่ 80 70 หรือลดไป 50% แล้วแต่คนนะครับ ที่สำคัญ อยากให้อ่านด้วยตัวเองก่อน ว่า GMAT คืออะไร ข้อสอบแบ่งเ็ป็นกี่ประเภทบ้าง อย่างไร สอบกี่นาที แต่ละส่วนมีกี่ข้อ เขาวัดผลกันอย่างไร (หาอ่านจากหนังสือติวต่างๆ ก็พอทราบได้บ้าง) อ่านเนื้อหาไปก่อนได้ก็จะดีมาก หากไม่เข้าใจก็ถาม คนสอนได้เลยอย่าอายที่จะถาม เพราะค่าเรียนแพง หน้าที่เขาต้องตอบคำถามเราให้เคลียร์ หน้าที่เราก็เก็บเกี่ยวความรู้ให้ได้เต็มที่ อย่า !!! ..ไปเรียนแบบ ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับ GMAT เพราะตอนสอนเขาจะสอนค่อนข้างเร็ว เน้นพวก trick ต่างๆ ทำไงให้ทันและีมีโอกาสถูกต้องมากที่สุด สอนโอกาสตัด choice ที่น่าจะผิดมากที่สุดไปเรือยๆ จนเหลือ Choice ที่น่าจะถูกมากที่สุด แล้วก็เดาจากนั้น(หากต้องเดา) หากคุณไม่มีพื้นบ้างหรือพอเห็นข้อสอบโจทย์ต่างๆ บ้าง จะทำให้ได้รับประโยชน์ไม่มากเท่าไร เรียนเสร็จ กลับมาฝึกหัดทำโจทย์ด้วยตนเอง จับเวลาแบบของจริง เน้นทำโจทย์เยอะๆๆๆๆๆๆๆๆๆ มากกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แต่อย่าเอาแต่ตะบี้ตะบันทำเยอะอย่างเดียว ทุกครั้งที่ทำต้องพิจารณาคะแนนที่ได้ ข้อที่ถูกข้อที่ผิดด้วย (เสียเวลาแรงกายแรงใจแล้วนิ ต้องวัดอะไรได้บ้าง) ้ข้อไหนคิดนาน (เกินกว่าสามนาที)  ข้อไหนคิดเร็ว ข้อไหนเดา เดาแล้วถูกหรือผิด เพราะอะไร ข้อไหนคิดนานแล้วผิด เพราะอะไร อาจเพราะ ไม่แม่นในคอนเซปเรื่องนั้นๆ ก็ทบทวนใหม่ให้รู้อย่างชัดเจน หรือ อ่านโจทย์ผิด ถาม not ตอบ ไม่ not ถาม more than ตอบ less than เป็นต้น ก็ให้ระวังไว้มากๆ อย่ารีบเิกินไปอ่านให้เข้าใจถามอะไรจะได้ตอบตรงคำถาม ข้อไหนคิดเร็วแล้วผิดเพราะอะไร อาจเพราะอาจเพราะคิดเลขผิด ลองหาวิธีคิดคำนวณเลขแบบลัดๆ ทำให้คิดเร็วขึั้น ทั้งหมดเป็นแค่ความคิดเห็นส่วนตัว อาจใ้้้ช้ไม่ได้จริงสำหรับบางคนก็เป็นได้ ยังไงก็ลองไปปรับใช้กับตัวเองดู และก็โชคดีครับ ^^ จากคุณ : ksomboon - [ 22 ม.ค. 51 16:38:17 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เราเคยเรียนแต่ Princeton Review ไม่เคยเรียน Kaplan ดังนั้นก็จะเล่าให้ฟังเฉพาะของ PTR นะ อาจารย์ที่นี่เป็น native speaker ทั้งหมด เราค่อนข้างชอบ verbal ของ Princeton หลักเกณฑ์ในการทำโจทย์ที่เค้าบอกชัดเจน กระชับ ตรงประเด็น โดยส่วนตัวเราว่า part ที่เป็น verbal ของ GMAT โดยเฉพาะ critical resoning ควรจะให้ native speakers สอน ไม่ได้ว่าหัวสูงหรืออะไรแต่การที่ได้ฟังเค้าให้เหตุผลเป็นภาษาอังกฤษ จะทำให้เรามี mindset ในการทำโจทย์โดยเข้าใจ logic ของฝรั่งด้วย เรื่องฟังคนสอนออกไม่ออกนี่เราว่าไม่ได้เป็นอุปสรรคมากมาย เพราะเค้าก็ไม่ได้พูดเร็วมาก (listening ของ TOEFL ยังฟังยากกว่านะเราว่า) ไม่เข้าใจก็ยกมือถามอย่านั่งเงียบ อีกอย่างเราว่าฟังเค้าพูดก็ทำให้อ่านโจทย์คล่องกว่าฟังคำอธิบายเป็นไทยแล้วไปอ่านอังกฤษ สำหรับ sentence correction เค้าก็จะบอกประเภทข้อสอบที่ออกบ่อยๆ reading เค้าจะไม่สอนมากนัก ไม่ได้มีการมาแจกศัพท์ที่ออกบ่อยอะไรอย่างนั้น แต่เน้นเทคนิคในการอ่านมากกว่า ทั้งสอง part นี้เราเห็นว่าถ้าจะทำได้ดีต้องอยู่ที่ตัวคนสอบว่าฝึกฝนทำโจทย์บ่อยแค่ไหน เพราะเทคนิคช่วยได้ในระดับหนึ่ง แต่ตัวคนสอบต้องมีความชำนาญและได้เห็นได้อ่านบ่อยๆ เราคิดว่า strength อย่างหนึ่งของ PTR คือ Analysis of Argument การใช้่เหตุผลเค้าดีมาก บอกหลักที่ตรงประเด็น สอนให้เราเขียนสิ่งที่สำคัญ ไม่โอเวอร์หรือใส่ detail ที่ไม่จำเป็นเข้าไป และมี template ให้นักเรียนเอาไปปะรยุกต์ใช้ได้จริงอย่างประหยัดเวลาด้วย ส่วนว Analysis of Issue เราว่าเค้าสอนน้อยไปหน่อย แต่เราว่า part นี้มันขึ้นกับคนสอบจริงๆว่ามีความรู็กว้างขวางแค่ไหน เพราะเทคนิคใครก็บอกได้แต่เนื้อหาที่เขียนมันต้องมาจากคนสอบเอง Part Math นั้นเราว่า PTR ก็สอนใช้ได้ มีการทวนนิยามต่างๆอย่างชัดเจน group ประเภทโจทย์ที่ข้อสอบออก ข้อสอบค่อนข้างใกล้เคียงของจริงไม่ได้ยากเกิน ยังงัยก็ตามหากคุณชอบแนวติวเตอร์ไทยที่นี่อาจไม่ใช่แนวประมาณนั้น เคยได้ยินมาอย่างที่ข้างบนบอกว่า math ของ Kaplan นั้นสอนแนวที่คนไทยเราคุ้นเคยและใช้ได้ผล และใช้แบบฝึกหัดที่ยากกว่า ซึ่งก็อาจจะดีกว่า PTR ก็ได้เราไม่รู้เหมือนกัน Online test ของ PTR ค่อนข้างดี มีให้เยอะพอควร และคล้ายของจริง สรุปแล้วเราค่อนข้างมั่นใจว่า verbal ของที่นี่ดีนะถ้าเทียบกับที่อื่นๆ อย่างไรก็ตามคนสอบเองต้องฝึกเยอะมากๆ อย่ามาหวังในห้องเรียนอย่างเดียวเพราะมันต้องใช้ความชำนาญและความเคยชินด้วยนะ ไม่งั้นอย่าว่าแต่เลือกข้อถูกเลยอ่านโจทย์ก็ไม่รู้เรื่อง อ้อข้อเสียอย่างหนึ่งที่ต้องบอกของที่นี่คือค่าเรียนแพง (ตอนนี้ประมาณ 30,000) แต่ถ้าคุณเก่งเลขแล้วจะมาเรียนแต่ verbal ก็ได้เพราะเค้ามีให้ลงเรียนแบบ verbal อย่างเดียว ขอให้โชคดีในการสอบ จากคุณ : Peace Out - [ 22 ม.ค. 51 19:06:11 A:61.91.164.20 X: TicketID:162819 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ผมไม่เคยเรียนทั้งสองที่ครับ แต่ผมเคยเรียนของ BB&C กับ อ.ธันยวัต สอนดีครับ จากคุณ : yort RR - [ 23 ม.ค. 51 18:38:59 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ส่วนตัวแล้วยังไม่มีโอกาสได้เรียนทั้ง 2 ที่นะ แต่เพื่อนๆ เราหลายคนที่เคยเรียน GMAT กับ TOEFL ที่ Princeton และ Kaplan มาแล้ว เขาก้อมาเล่าให้ฟัง จะเปรียบเทียบให้ดูเลยละกัน จะได้เห็นชัดๆ ก้อพิจารณาล่ะกันนะว่าอันไหนดีกว่า (P = Princeton, K = Kaplan) ครูผู้สอน: P - เป็น native speaker ทั้งหมด ข้อดีคือ ทำให้เข้าใจโจทย์ได้ดีขึ้นเพราะคำอธิบายทุกอย่างเป็นภาษาอังกฤษ และทำให้เราคุ้นเคยกับวิธีพูด วิธีคิดของฝรั่งด้วย (ไม่ต้องกลัวว่าจะฟังไม่รู้เรื่อง เพราะสำเนียง American พูดไม่เร็วมาก) K - ส่วนใหญ่เป็นคนไทย ข้อดีคืออธิบายเป็นภาษาไทย ทำให้เข้าใจได้ดี แต่ข้อเสียคือ เราต้องมาแปลคำอธิบายเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อตีโจทย์อีกน่ะซิ คุณสมบัติครู: P - ต้องเป็นคนที่ผ่านการ train และเคยทำข้อสอบ GMAT, TOEFL มาแล้ว และต้องได้คะแนนสูงด้วย ไม่งั้นเขาไม่ให้สอนจนกว่าจะผ่านขั้นตอนพวกนี้ก่อน K - อันนี้มีข้อมูลไม่มากเท่าไหร่ เพราะครูที่นี่ไม่เคยพูดถึงว่าได้คะแนนเท่าไหร่ (หรืออาจจะได้ไม่สูง ก้อเลยไม่พูดถึง??) เนื้อหาและเทคนิค: ทั้ง 2 ที่ก้อมีเนื้อหาและเทคนิคคล้ายๆ กันนั่นแหละ ที่สำคัญคือ อาจารย์ผู้สอนจะมีวิธีการ deliver ให้นักเรียนเข้าใจได้อย่างไรมากกว่า Practice Test: P - มีให้ทำเยอะ และเหมือนของจริง มีตัวอย่างข้อสอบเป็นหมื่นๆ ข้อ K - ก้อมีเยอะ แต่ไม่เยอะเท่า P และส่วนใหญ่จะให้ไปดูเทปเอาเอง (ซึ่งจะกล่าวในหัวข้อถัดไป) สิ่งสนับสนุนอื่นๆ ที่จะช่วยเราให้ทำข้อสอบได้ดีขึ้นได้: P - มีระบบ online ที่ link กับ Princeton Review ที่อเมริกา เขาจะให้ username, password มา แล้วเข้าไปฝึกทำได้ 24 ชม. แถมยังมีให้ search หา B-school ที่น่าสนใจและเหมาะสมกับตัวนักเรียนด้วย (ซึ่งเราคิดว่ามันก้อดีนะ เพราะเราเองก้อยังไม่รู้ว่าจะไปเรียนที่ไหนดีเลย) K - ไม่มี online 24/7 แต่มีเทปที่ถ่ายจาก class ใด class หนึ่ง มาให้เราดู แต่ต้อง book ล่วงหน้าก่อนนะ ซึ่งรอค่อนข้างนาน เพื่อนเราบอกว่าเทปเป็นเทปเก่าที่เขาถ่ายมาตั้งหลายปีแล้ว จำนวนชั่วโมงเรียน: P - 39 + test 17.5 + extra help 5 K - 42 + test 7 + vdo จำนวนนักเรียนให้ห้อง: P - maximum 15 คน (แต่ได้ยินมาว่าล่าสุดเขาลดเหลือ 12 คนแล้ว ไม่รู้ว่าดีกว่ายังไงเหมือนกัน) K - maximum 20 คน Guarantee score: P - minimum improvement 50 คะแนน K - ไม่มี ราคา: P - 31,000 (เพิ่ง check มาอาทิตย์ที่แล้ว) K - 22,000 (ยังไม่ได้ check ว่าปีนี้ขึ้นหรือยัง ถ้ารู้ช่วยบอกด้วยนะ) หวังว่าคงช่วยได้ไม่มากก้อน้อยล่ะนะ เราเองก้อยังต้องตัดสินใจเหมือนกันว่าจะเรียนที่ไหนดี (แต่คิดว่าคงเป็นที่ Princeton แหละ แพงหน่อยแต่ดูดีกว่า ยังไม่แน่ใจเหมือนกันนะ) ยังไงบอกกันบ้างว่าคุณเลือกเรียนที่ไหน จากคุณ : Not so sure girl - [ 25 ม.ค. 51 12:46:33 A:203.156.80.3 X: ]

ความคิดเห็นที่ 7 ^ ^ ^ เรียน 2 ที่เลยจิ ขำๆ จาได้ไม่ต้องให้เพื่อนเปรียบเทียบให้ฟัง เพราะความจริง มุมมอง และความคาดหวังแต่ละคนจากการเรียน ไม่เหมือนกันนางับ จากคุณ : :::GANTZ::: - [ 25 ม.ค. 51 13:39:42 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ตลก... ออกตังค์ให้ป่ะล่ะ มุมมองไม่เหมือนกัน ก้อจริง แต่ทุกคนที่ไปเรียนก้อคาดหวังให้สามารถทำคะแนนให้ได้สูงๆ เหมือนกันจริงไหม? ไม่ว่าจะเป็นสถาบันไหน ถ้าเขาช่วยเราได้มากที่สุด ก้อน่าจะพิจารณา จากคุณ : Not so sure girl - [ 25 ม.ค. 51 18:05:57 A:203.156.80.3 X: ]

ความคิดเห็นที่ 9 T-T  ดุจัง แค่แซวเล่นเอง ... รู้ว่ามันไม่ถูก แต่ที่พูดงี้ได้ เพราะมีคนที่รู้จักเขาบอกเรียนทั้ง 2 ที่เลย จริงๆ ทั้ง 2 ที่ ก็มีข้อดีข้อเสียแหละ แต่ผมไม่เชียร์ละกาน - จุดแข็งของทั้งสองที่ก็ไม่เหมือนกันครับ จากคุณ : :::GANTZ::: - [ 27 ม.ค. 51 00:04:50 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เอ่อผม post ไว้ในความคิดเห็นที่ 2 นะครับ เท่าที่อ่านจากกระทู้เพื่อนๆหลายคน post มาเป็นช้อมูลที่ดีมากครับในการตัดสินใจเลือกเรียน แต่ผมขอเสริมตามความคิดและประสบการณ์หน่อยครับ ผมลืมไปหน่อยครับว่าเจ้าของกระทู้ต้องการทราบเรื่องของผู้สอนว่าเป็น Native Speaker หรือไม่ เลยไม่ได้ตอบไป จริงครับตอนผมเรียนที่ Kaplan คนไทยล้วนๆครับ Part Math ผมได้นั่งคิดไปคิดมาแล้ว ผมว่าไม่มีความจำเป็นเลยแม้แต่น้อยที่จะต้องให้ Native speaker มาสอนครับ ย้ำ!!! ครับไม่จำเป็น เพราะโจทย์มันชัดด้วยตัวของมันเองอยู่แล้ว แต่ที่ Kaplan ผมแนะนำ พี่เอ๋ ผมจะบอกว่าสอนได้ดีมากๆครับ (พี่เค้าสอนเด็กสอบเอนทรานซ์มาหลายปีครับ เพราะฉะนั้น GMAT ง่ายกว่าอีกครับ) การทำโจทย์ Math ใช้ความเข้าใจในคณิตศาตร์เป็นเรื่องสำคัญที่สุดครับ เรื่องภาษา หรือศัพท์นั้นขอเพียงทำโจทย์ครบทุกรูปแบบแล้วก็จะแปลโจทย์ออกได้แน่นอนครับ เพราะผมเรียนวิศวะมายืนยันได้ครับว่า ถ้าเป็นข้อสอบคำนวณ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่โจทย์มากนัก มันอยู่ที่ตรรกะและการคำนวณครับ(แต่ต้องทำโจทย์บ่อยๆ เพื่อจะได้รู้ศัพท์ส่วนใหญ่ของคณิตศาตร์ มันก็วนไปวนมาครับ) ส่วน Verbal เท่าที่ไปถามเพื่อนๆที่เรียนที่ Princeton มาก็บอกว่าที่ Princeton สอนได้ดีทีเดียวครับ ค่อนข้างจะเข้าใจถึงหลักการในการวิเคราะห์โจทย์แบบที่ฝรั่ง(เจ้าของข้อสอบ) ต้องการจริงๆครับ งั้นผมว่าถ้ามีทุนทรัพย์ลงมัน 2 ไปเลยครับ แต่ถ้ามองว่าเกินไปผมว่าลงที่ใดที่นึงก็ได้ เพราะสุดท้ายไม่ว่า Math หรือ Verbal ทุกคนที่ผมคุยมาก็ต้องไปทำโจทย์มากๆๆๆๆๆๆ อ่านหนังสือเพิ่ม Skill ต่างๆ เยอะๆ อยู่ดีครับ จากคุณ : บี - [ 27 ม.ค. 51 16:13:05 A:58.136.61.196 X: ]

ความคิดเห็นที่ 11 หวัดดีครับ อ่ะ ผมมาสรุปให้จากที่อ่านมา ฟังมา ถามมานะ เรียน GMAT น่ะ kaplan 2 หมื่นกว่า , princeton 3 หมื่นกว่า kaplan เรียน ทั้ง 2 part แยกไม่ได้ pr เรียนอย่างเดียวได้แต่แพง kaplan เด่น part quantitative เพราะจริงๆ ติวเลข คนไทยติวได้ดีกว่าฝรั่งอีก เพราะพี่ ที่ สอนใช้ trick ที่เหนือกว่าในตำราที่ให้มา ถ้าสอนตามตำรารับรอง ธรรมดามาก .. อันนี้บอกได้ว่า ระดับเทพ จริงๆ PR เด่น verbal ด้วยเหตุผลหลายๆอย่างคนที่เรียน ว่าดีทั้ง material และ แนวทางการสอน ส่วนของ support เช่น computor ,cat test น่าจะพอๆกัน เรียนสองที่ ใช้ งบ 50,000 แต่ถ้าซื้อเวลา นับจากถ้าเริ่มอ่านเองจาก 0 น่าจะคุ้มค่า ใครที่บอกอ่านเองได้ ทำเอง ฝึกเยอะๆ ..ใช้ไม่ได้กับทุกคนหรอก เลือกเอาครับ ระหว่าง ลองผิดลองถูกเรียนเอง กับ เข้าถึงแก่นไปก่อน แล้วมาฝึกฝนเพิ่มเติม จากคุณ : noname is myname - [ 28 ม.ค. 51 17:32:07 A:58.9.95.113 X: TicketID:166728 ]

ความคิดเห็นที่ 12 opps! อยากทราบคุณ บี ทำยังไง ถึงไม่ต้องโชว์ ticket id ได้ด้วย เท่ห์โครตๆๆๆ จากคุณ : noname is myname - [ 28 ม.ค. 51 17:34:46 A:58.9.95.113 X: TicketID:166728 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เรียนที่ kaplan ค่ะ ไม่เคยเรียนที่ Princeton ค่ะ - Math เรียนกับพี่เอ๋ค่ะ เค้าสอนเรื่อง trick ค่อนข้างดีค่ะ (แต่เนื่องจากส่วนตัวมีพื้นฐานเลขค่อนข้างดีค่ะ) แต่ก็ชอบ trick หลายๆอย่างของพี่เค้านะคะ เอาไปใช้ได้จริงค่ะ ถ้าอยากได้เลขคะแนนดี คิดว่าเรียนกับพี่เอ๋ น่าจะได้คะแนนค่อนข้างเยอะนะคะ แถมยังดู VDO ซ้ำเพื่อทบทวนได้ด้วยค่ะ - Verbal - Sentence Correction เรียนกับพี่อ้อค่ะ พี่เค้าสอนเร็วมากค่ะ จดจนมือหงิกเลยค่ะ แต่เรียนกับพี่อ้อนี่ช่วยได้เยอะเหมือนกันนะคะ เอาไปใช้ในการวิเคราะห์ตัวเลือกได้มากเหมือนกันค่ะ พี่เค้าอธิบายดีนะคะ เข้าใจดีด้วยค่ะ แนะนำให้ดู VDO อีกรอบค่ะ เพื่อให้เข้าใจมากขึ้น เพราะส่วนตัวไปดู VDO ที่พี่อ้อสอนอีกรอบแล้วเข้าใจได้มากขึ้นสุดๆๆๆ เลยค่ะ รอบแรกเหมือนกับว่ามัวแต่จดๆๆๆรึป่าวก็ไม่แน่ใจค่ะ :P - Critical Reasoning เรียนกับพี่(จำชื่อไม่ได้ค่ะ) แต่ก็สอนโอเคนะคะ แบบดูตั้งใจสอนค่ะ เค้าจะคอยถามว่าเราไม่รู้เรื่องรึป่าว กลับไปฝึกทำบ้างป่าว แล้วเป็นไงบ้าง ดีขึ้นมั้ย ไรแบบนี้ค่ะ ค่อนข้างใส่ใจ แต่มีคนบอกว่าพี่เอกสอนดีค่ะ ก็เลยได้ทบทวนโดยขอดู VDO ที่พี่เอกสอนค่ะ ก็เข้าใจมากขึ้นนะคะ แต่เพราะฟังรอบที่ 2 รึป่าวก็ไม่แน่ใจค่ะ - Reading Comprehension part นี้พี่เอกสอนค่ะ แต่คิดว่า part นี้น่าจะเป็นแนวคนที่ฝึกฝนมาเยอะค่ะ เช่น อ่านหนังสือภาษาอังกฤษเยอะ ไรแบบนี้ค่ะ มาเรียนก็พอได้นิดหน่อย(ความคิดส่วนตัวนะคะ) แต่ไม่เยอะมากค่ะ ต้องฝึกอ่านเยอะๆจริงๆ - Writing พี่อ้อสอนค่ะ สอนดีเหมือนกันค่ะ รู้ trick ในการเขียน แล้วก็มี pattern ในการเขียนค่ะ โดยส่วนตัวชอบที่ Kaplan นะคะ เพราะว่าชั่วโมงเรียนก็เยอะกว่าที่ Princeton แล้วก็ถูกกว่าค่อนข้างเยอะ แต่ก็ไม่เคยเรียนที่ Princeton ค่ะ จริงๆที่เลือกเรียน Kaplan เพราะมีเพื่อนเรียนแล้วได้คะแนนดีด้วยค่ะก็เลยเลือกเรียนที่นี่ค่ะ แต่จริงๆก็ต้องขยันทำแบบฝึกหัดแล้วก็ทำความเข้าใจกับมันค่ะ :D จากคุณ : ^ v ^ - [ 9 ก.พ. 51 22:25:53 A:124.120.108.19 X: ]