ความคิดเห็นที่ 1 เอ่อ...ไม่ทราบว่าจะแนะนำยังไง ไม่มีประสบการณ์เหมือนกันค่ะ เอาเป็นว่าเข้ามาอยู่เป็นเพื่อน มานั่งให้กำลังใจค่ะ รอคห.ต่อไปนะคะ จากคุณ : songjaree - [ 29 ม.ค. 51 19:46:42 ]

ความคิดเห็นที่ 2 พูดในแง่ของคนที่ตัดสินใจไม่มีนะคะ ดิฉันกับสามีอยู่ด้วยกันมา 10 ปีแล้ว เขาอายุ 40 ดิฉัน 33 .... ทั้ง 2 คนมีงานทำและไม่มีลูกเหมือนคุณเลยค่ะ เนื่องจากสามีไม่อยากรับผิดชอบชีวิตใครและดิฉันไม่รักเด็ก มีบ้างที่เห็นคนอื่นมีลูกเล็กแล้วดูน่ารัก ดูครอบครัวอบอุ่น แต่หลายครั้งที่เห็นพ่อ-แม่ทั้งหลายต้องมาปวดหัวเรื่องลูกๆ ... บางทีมาทะเลาะกันเองอีก มันดูสับสนวุ่นวาย ชีวิตไม่มีความสุขเอาซะเลย ก็มาชั่งใจดู ... ชีวิตที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ก็ไม่ได้ขาดสาระอะไรไป มีกันอยู่ 2 คน มีหมา 1 ตัว แมว 2 ตัว เราก็มีความสุขดี นึกอยากทำอะไรก็ทำได้ นึกอยากไปไหนก็ไป แค่เอาหมาแมวไปฝากสถานรับเลี้ยง อีกอย่าง ... สังคมรอบตัวมันแย่ลงเรื่อยๆ ดิฉันเห็นเด็กเกเรเยอะไปหมด บางคนอยู่คนเดียวก็ไม่มีปัญหา แต่พอจับกลุ่มกันเมื่อไหร่ เป็นต้องเกะกะเกเร เฮตามกันไป ดิฉันไม่ได้คิดแค่ว่ามีลูกแบเบาะ เด็กต้องโตขึ้นทุกวัน คิดไปเรื่อยๆ เวลาเห็นเด็กๆ แต่ละช่วงวัย แล้วมานึกถึงว่าลูกเราจะเป็นอย่างไร ดูพฤติกรรมรวมๆ ... ดูแล้วปวดหัว เรื่องมีลูก มันเรื่องใหญ่ ต้องรับผิดชอบและดูแลลูกของคุณ ไม่ใช่แค่ถึงอายุ 17 แต่มันตลอดชีวิตของคุณเลยทีเดียว คุณคงต้องถามตัวเองว่าพร้อมที่จะเป็นแม่จริงๆ รึเปล่า และถ้าสามีไม่ช่วยเลี้ยง หรือจะมีปัญหาตามมา คุณสามารถเลี้ยงเขาได้คนเดียวรึเปล่า พร้อมรับมือกับปัญหาที่ตามมาได้แค่ไหน ดิฉันมันผู้หญิงใจร้าย ไม่รักเด็ก ก็บอกเล่าไปตามที่คิดนะคะ จากคุณ : ม.แมว - [ 29 ม.ค. 51 20:33:40 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ยิ่งอายุมากขึ้นก็ยิ่งเจ็บ เห็นคนที่มีลูกแล้วอิจฉามากคิดว่าตัวเองคงไม่มีโอกาสอย่างนั้น ไม่มีโอกาสได้ทำหน้าที่ที่สำคัญอย่างหนึ่งของการเกิดเป็นมนุษย์ ชีวิตมันไม่สมบูรณ์มันขาดไปอย่างหนึ่ง ไปไหนก็เจอคำถามว่าเมื่อไรจะมีลูก ซะที บางทีคนก็แสดงความเห็นว่าเราเห็นแก่ตัว ถึงไม่ยอมมีลูก ซึ่งน้อยคนที่รู้ความจริงว่ามันเป็นอย่างไร ใครไม่โดนกับตัวเองจะไม่ทราบเลยว่ามันเจ็บปวดขนาดไหน จากคุณ : Gisele - [ 29 ม.ค. 51 20:39:51 ]

ความคิดเห็นที่ 4 คุณ ม แมวคะ ดิฉันพร้อมแล้วค่ะมั่นใจว่าจะเป็นแม่คนได้ การเลื้ยงเด็กไม่ไช่ง่าย แต่ก็ไม่ไช่ว่าจะอยู่ที่เด็กอยู่ที่ตัวเราค่ะว่าจะเข้าใจ เค้ามากแค่ไหน อยู่ที่พ่อแม่ค่ะเราต้องเลี้ยงเป็น เลี้ยงลูกแบบไหนก็ได้อย่างนั้น    ดิฉันก็ไม่ไช่คนรักเด็ก  แต่ตอนนี้เริ่มคิดว่าตัวเองเหงามากอยากมีงานใหญ่ๆสักงานมาให้ทำ เห็นใครคนนึงที่เป็นผลงานของเรา มันน่าภูมิใจนะคะ แม้จะเป็นช่วงเวลาแค่ 17-18 ปี งานที่ดิฉันทำทุกวันนี้เปิดตาให้ดิฉันมองโลกในอีกด้านนึง ว่าเวลาที่เราสองคนแก่มากๆแล้วไม่มีลูกหลานใกล้ๆ ไม่มีใครสนใจเหลียวแล มันเศร้านะคะ จากคุณ : Gisele - [ 29 ม.ค. 51 21:04:33 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เคยคิดว่าจะไม่มีลูกเหมือนกัน แต่พอหลังแต่งงาน ยิ่งอยู่ไปยิ่งอยากมี อยากน้อยคนนึงก็ยังดี อยากมีลูกเป็นเหมือนเพื่อน คอยคุย คอยปรึกษากัน เวลาเค้าโตขึ้น แล้วดิฉันแก่ลง มาวันนี้คิดว่า อยากมีคนที่สองเหมือนกัน แต่สามีไม่อยากรีบมี ก็ไม่เป็นไร คิดว่าให้เวลาตัวเองกับสามีอีกหน่อย แต่คิดว่าคงมีลิมิท ประมาณว่าถ้าเกินจากนี้ 5 ปี สามียังไม่อยากมีอีก ก็คงพอแล้วค่ะ เห็นใจคุณ Gisele นะคะว่า อยากมีแต่เรื่องแบบนี้มันเป็นความรับผิดชอบของคนสองคนจริงๆนะ ไม่อยากนั้นอีกคนนึงจะคิดว่า เป็นภาระ  เพราะเวลามีปัญหาต้องช่วยกันแก้ไข คิดว่าคุณน่าจะลองให้เวลาสามีอีกหน่อยเผื่อเปลี่ยนใจ แล้วลองชั่งใจดูว่า ยังอยากมีอยู่หรือเปล่า ลองคุยจริงๆจังๆ บางทีสามีคุณอาจจะกลัวว่า หลังมีลูกแล้ว กิจกรรมที่ทำอยู่เป็นประจำจะไม่ได้ทำอีก แต่ก็จริงนะ บางอย่างหลังมีลูกนี่ จะสมบุกสมบันมากก็ไม่ได้แล้ว คงต้องรอให้ลูกโตอีกหน่อยแล้วค่อยเที่ยวด้วยกันอีก คุณอายุ 35 ยังเผื่อได้อีก 3 ถึง 4 ปีนะคะ จากคุณ : Walcher - [ 29 ม.ค. 51 21:04:56 ]

ความคิดเห็นที่ 6 They say your biological clock is ticking. ดิฉันเห็นสามีภรรยาหลายคู่เลยที่ตกกันว่าจะไม่มีลูกเป็นห่วงคล้องคอ แต่ตอนหลังเปลี่ยนใจก็มี พอมีลูกแล้วก็มีความสุขกันดีค่ะ ขออวยพรให้สามีคุณ Gisele เปลี่ยนใจในเร็ววันนะคะ ตอนนี้ยังไม่มีลูกไม่แปลกที่เขายังไม่อยากมีไม่อยากรับภาระ (ยังไม่มีสัญชาติญาณความเป็นพ่อ)แต่ถ้ามีขึ้นมาแล้ว ลูกเกิดขึ้นมาเป็นตัวเป็นตนแล้วทัศนคติของเขาอาจจะเปลี่ยนไปนะคะ (จะเปลี่ยนไปอย่างมากเลยด้วย) เพราะถ้าไม่มีลูกย่อมไม่่รู้สึกแน่นอนว่าการเป็นพ่อเป็นแม่คนนั้นมันรู้สึกอย่างไร อธิบายไม่ถูกค่ะ บางคนตั้งข้อแม้ไว้มากมายว่าถ้ามีลูกแล้วจะทำอย่างนั้นอย่างนี้ ฯลฯ แต่พอลูกออกมามันไม่เป็นอย่างที่คิดค่ะ สำหรับดิฉันนะการมีลูกน่ีสอนอะไรกับชีวิตได้มากเลยค่ะ มีหนังสือ I Was a Really Good Mom Before I Had Kids อ่านแล้วพยักหน้าหงึกๆเห็นภาพเลยว่า ก่อนมีลูกและพอมีจริงๆแล้วมันต่างจากที่จินตนาการไว้เยอะเลย ตอนนี้ดิฉันมีลูกแล้ว นึกภาพตัวเองตอนไม่มีลูกไม่ออกค่ะ ลูกๆเป็นชีวิตจิตใจของเราสองคนเลย ดิฉันไม่ปฎิเสธว่ามีลูกแล้วมันลำบาก แต่ได้รับผลตอบแทน ยามลูกยิ้มให้ ตอนเค้าเรียกแม่ ตอนเค้าบอกว่าหนูรักแม่ มันเป็นน้ำหล่อเลี้ยงหัวใจดีจัง ดิฉันมีเพื่ิอนหลายคนเลยเพิ่งมีลูกคนแรกตอนอายุ 40 ค่ะ พอมีแล้วอยากมีคนที่สองอีกก็จะเริ่มยากแล้ว น่าเสียดายแทนค่ะ แก้ไขเมื่อ 30 ม.ค. 51 03:33:29 จากคุณ : yinnerella - [ 29 ม.ค. 51 21:52:48 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เคยฟังรายการวิทยุ Dr.Joy (ถ้าจำชื่อไม่ผิด) เขาเป็นนักจิตวิทยาหรือจิตแพทย์นี่แหละ มีผู้ชายคนหนึ่งโทรมา เพราะมีปัญหากับภรรยาซึ่งแต่งกันมา 15 ปี ปัญหาทะเลาะกันบ่อยๆถึงขั้นว่าจะอยู่หรือจะไป หย่าหรือไม่หย่าดี คุยไปมา ก็พบว่าปัญหาความขัดแย้งจริงที่นำไปสู่การทะเลาะกันเรื่องโน้นนี้ คือ เมื่อสองสามปีก่อนภรรยาเกิดพูดขึ้นมาว่า อยากมีลูก ตัวสามีก็พูดทำนองไม่สนใจ ไม่อยากมี ภรรยาบอกให้สามีไปหาหมอตรวจเพื่อดูถึงการมีไม่มี(ลูก) สามีก็ไม่สนใจไม่ไป ต่อมาภรรยาไม่ถามอีก แต่นับแต่นั้น หลายอย่างเปลี่ยนไป เริ่มทะเลาะกันเรื่องโน้นนี้ Dr.Joy เขาก็บอกว่า เรื่องนี้มันสำคัญ การที่สามีพูดปัดๆไป มันแสดงถึงว่าเขาไม่คำนึงถึงและไม่แคร์ในความต้องการของคู่ของเรา ตัวสามีแสดงให้เห็นว่าสิ่งที่ภรรยาต้องการไม่มีคุณค่า ไม่มีความสำคัญอะไร ซึ่งก็นำไปถีงที่ว่าตัวภรรยาให้รู้สึกว่าตัวเองไม่มีความสำคัญอะไรในความสัมพันธ์อันนี้ ตอนท้าย Dr.Joy เขาถามตัวสามีตรงๆเลยว่า ต้องการin or out of this marriage เพราะคำตอบนั้นอย่างเดียวจะช่วยบอกได้เลยว่า ตัวสามีต้องหรือควรทำอะไร อย่างไร อาจไม่ตรงกับที่จขกทถาม แต่อ่านแล้วทำให้นึกถึงที่ได้ฟังมานี้ จากคุณ : Overseas - [ 29 ม.ค. 51 23:04:59 ]

ความคิดเห็นที่ 8   เข้ามาดูนะ เพราะคู่เราเหมือนคู่ของคุณ จขกท. ในแง่ที่ว่า เป็นคู่เดี่ยวๆ นึกอยากจะทำอะไร จะไปไหน จะซื้ออะไรก็ทำ ชอบเที่ยว ชอบกิน ชอบแต่งตัว ชอบแต่งบ้าน เพราะมีกันอยู่แค่สองคน และ ไม่เคยคิดที่จะหาห่วงมาผูกคอ การที่คุณเข้ามาตั้งกระทู้ ก็เหมือนกับว่าคุณได้เข้ามาระบาย มาหาความคิดเห็นที่แตกต่าง แต่เราเชื่อว่าลึกๆ แล้ว คุณ จขกท. เองก็ต้องมีคำตอบอยู่ในใจบ้างแล้วไม่มากก็น้อย เรื่องชีวิตคู่เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ถ้าอยู่กันไม่ได้ความเห็นไม่ลงรอยกันอีกต่อไป ก็ต้องตัดสินใจแล้วค่ะ....เท่าที่อ่านมาในหลายๆ กระทู้ และ ดูใน Blog คุณ จขกท. เป็นสาวมั่น ไม่สวย แต่เก๋ไก๋ ฉลาด พูดจาตรงไปตรงมา เป็นพยาบาลอีกต่างหาก....ซึ่งไม่เข้ากับบุคลิกเลย  (ยังจำได้ที่คุณเล่าที่กระทู้หนึ่งเรื่องมีกิ๊ก....อ่านแล้วก็อืมมม.....แม่คนนี้ ซ่าส์เหมือนกันเลยวุ๊ย กล้าทำ และ กล้ารับเหมือนกันด้วย ) ดิฉันไม่มีความเห็นอะไรมาก เพราะตัวเองก็เพิ่งมีเรื่องที่ทำให้ทุกข์ใจ จากการเลิกกับกิ๊กคนไทยที่เคยเป็นกิ๊กคนโปรดมาหมาดๆ (เคยโปรด เพราะเป็นอะไรแปลกใหม่ เป็นสีสันในชีวิต ในแบบที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนจากหนุ่มๆ ฝรั่งที่คุ้นเคย    ) ดิฉันเพิ่งกลับมาจากทริปพักผ่อนใจ เป็นทริปเอาใจตัวเองที่ต่างประเทศในเอเชียแห่งหนึ่งเมื่อวานนี้เอง....ไม่ทำอะไรเลย นอกจาก รับประทาน ออกไป Shopping ไปสปานวดตัว นวดหน้า นั่งอ่านหนังสือที่สระน้ำ เข้า gym ออกกำลังกาย หายไปจากหน้าจอ Notebook ของตัวเอง (แต่ยังไม่วายใช้ Notebook ที่โรงแรม และ ที่สนามบินเข้าพันทิปจนได้.....ฮา    )หายไปจากชีวิตประจำวันที่กรุงเทพฯ เกือบ 1 สัปดาห์ กลับมาอย่างสบายใจ มีความสุข พร้อมก้าวต่อไป กับประสบการณ์ชีวิตที่มากขึ้น เราแนะนำให้คุณเจ้าของกระทู้ ลางานไปเที่ยวสักอย่างน้อย 1 เดือนนะ ไปในที่ๆ คุณไม่เคยไปมาก่อน....ไปละตินอเมริกาก็ได้ ไปคนเดียว แยกตัวออกมาจากสามีสักพัก ให้ต่างคนต่างได้มี Space ส่วนตัว ได้ออกมาอยู่คนเดียว เจอผู้คนใหม่ๆ ออกมาคิดด้วยค่ะ ว่าจะเอายังไงกับชีวิตต่อดี ปล. ถึงคุณจะไม่ค่อยได้เข้ามา แต่เราชอบอ่าน คห. ของคุณนะ เพราะเรามีความเห็นส่วนตัวว่า คุณเป็นอีกคนในห้องไกลบ้านที่ไม่เหมือนใคร   Cheers! and take care ค่ะ     จากคุณ : Siamese Girl - [ 29 ม.ค. 51 23:07:19 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ไช่ค่ะ คุณ Walcher เข้าใจสถานะของดิฉันได้ถูกต้องเลยค่ะ สามีกลัวว่านึกๆจะเดินทางไปไหนไกลๆก็คงจะไม่สะดวก ถ้ามีลูกมันเป็นภาระของเค้าด้วย กิจกรรมที่เคยทำประจำก็ต้องลดลง หรืองดไปเลย คุณหยินก็พูดถูกอีก ไช่เลยค่ะนาฬิกาดิฉันมันบอกว่าเหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว รีบๆหน่อยก็ดี ดิฉันคิดว่าจะยื่นคำขาดเร็วๆนี้ว่าถ้าอยากใช้ชีวิตร่วมกันต่อไป ก็ต้องบอกมาว่าเมื่อไรจะพร้อม ส่วน คุณ Overseas ก็ถูกต้องค่ะ ดิฉันไม่พอใจสามีเรื่องนี้มาสองสามปีแล้ว วิธีแสดงออกของดิฉันคือจะเริ่มเย็นชากับสามี ไม่หวานเหมือนเดิม ออกจะแค้นๆด้วยช้ำ ดิฉันคิดว่าต้องบอกเค้าไปตรงๆว่าถ้าไม่อยากมีลูกก็ต้องแยกทางกัน เพราะดิฉันไม่สามารถทนรอแบบไม่มีจุดมุ่งหมาย ถ้าบอกว่าอีกสองปี ดิฉันรอได้ จากคุณ : Gisele - [ 29 ม.ค. 51 23:41:01 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เข้าใจความรู้สึกของสามีจขกท.ดี มีลูกใช่ว่าจะดีมีความสุข เดี๋ยวนี้สังคมเปลี่ยนแปลงไปมาก สมัยนี้มีลูกก็ไม่สามารถหวังให้ลูกเลี้ยงเราตอนแก่ได้หรอก นอกจากอยากจะมีเพราะความรักเเละความต้องการจริงๆถึงจะมีลูกเเล้วทนอะไรต่อทุกสิ่งทุกอย่างในโลกได้ ตั้งแต่ตอนอุ้มท้องต้องกังวลว่าจะเกิดมาพิกลพิการรึป่าว เกิดมาเสร็จก็ใช่ว่าจะหมดห่วง อย่างหลานเพื่อนเรา ตอนลูกเกิดมาเป็นเด็กทารกก็ดูปกติดี พอ2ขวบไหนมันกลายมาเป็นเด็กออทิสติกได้ซะงั้น พอย่างเข้าร.ร.ก็ต้องคิดอีก ให้ลูกเข้าร.ร.ดีๆที่ไหน.................พอเข้าร.ร.ได้ก็คิดอีกว่าลูกมันจะไปติดนิสัยไม่ดีๆจากเพื่อนรึป่าว........พอลูกย่างเข้าสู่วัยรุ่น ถ้าเป็นผู้หญิงก็กลัวเป็นห่วงว่าจะตั้งท้อง ตามเพื่อน มั่วผู้ชายรึป่าว มีลูกชายก็กลัวติดยา ตั้งแก็งค์.... ฯลฯ ไม่รู้จะบรรยายอะไรยังไงสารพัด เอาเป็นว่าการเป็นแม่คนเป็นอาชีพที่ต้องทำงานหนักตลอด24ช.ม.ไม่รู้จบจนกว่าจะถึงวันตายเเหล่ะถึงจะหมดห่วง จากคุณ : เล็กไม่งอก - [ 29 ม.ค. 51 23:44:32 ]

ความคิดเห็นที่ 11 แต่มีลูกก็มีข้อดีเยอะคะ คนทีเป็นแม่เท่านั้นทีจะรับรู้ความรู้สึกนี้ได้ มีความสุขแค่ไหน เมือลูกยิ้มไห้ สวรรณ์  น้อยๆๆ เลยคะ รู้สึกวาโลกนี้ สวยขึ้น มีความหัวังกับอนาคต แคมองเจ้าตัวเล็กก็มีความสุขแค่  กอนแต่งงาน เรากะสามีกะจะไม่มีลูกกัน จะอยูกัน แบบตายาย 2 คน พอเจ้าตัวเล็กมาเกิด มีความสุขมากมายเลย สามีก็หลงลูกสาวหัวปักหัวป้ำ ชีวิต สมบูรณ์ขึ้นเลยคะ เข้ามาไห้กำลังใจคะ จากคุณ : แม่น้องอริสา (UglyMonster) - [ 30 ม.ค. 51 00:46:59 ]

ความคิดเห็นที่ 12 แนะนำไม่ได้เช่นกันค่ะ แต่เคยดูรายการ Dr. Phil เขามีแขกมาในรายการ ทำนองคุณ จขกท เดี๊ยะเลยค่ะ แขกในรายการเขาถึงข้นที่ว่า ถ้าสามียังไม่ยอม เธอจะหย่า ไรทำนองนี้แหล่ะค่ะ ผู้ชายก็รักผู้หญิงมาก ดิฉันดูไม่จบ ไม่รู้ว่าเขาตกลงกันยังไงค่ะ ถ้าสนใจจริงๆ ลองเซิสดูนะคะ เห็นออกรายการเดือนมกราคม 2008 เนี่ยแหล่ะค่ะ โชคดีนะคะ จากคุณ : แอนนาค่ะ (แอนนาค่ะ) - [ 30 ม.ค. 51 01:13:54 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เล่าต่อค่ะ ดิฉันมีคนรู้จักคนนึง เธออยากมีลูกมากเช่นกันค่ะ เธอไปตรวจร่างกาย แข็งแรงทุกอย่าง หมอบอกว่าให้สามีไปตรวจเสปิ์รม แต่สามีเธอบอกว่า ถ้ามีลูกโดยธรรมชาติไม่ได้ เขาก็จะไม่มี จะไปอะด๊อบเด็ก เขาก็ไม่เอา...สามีคิดว่าชีวิตของเขาสองคนไม่จำเป็นต้องมีลูกเหมือนครอบครัวอื่นๆ ฯลฯ (เพื่อนๆคิดกันว่า เพราะฝ่ายชายเขาเอ็นจอยกับการที่ไม่ต้องมีภาระผูกพัน เขารักเด็กนะคะ หลานๆเขาก็รักมาก เล่นกันเด็กทุกอย่าง) ฝ่ายหญิง ดีเพลสไปนานเลยค่ะ เธอบังคับสามีก็ไม่ได้... มาตอนนี้ก็รักกันดีนะคะ ช่วงที่เธอดีเพลส เธอหาหนังสือดีๆมาอ่าน ค้นหาตัวเองว่าอะไรที่ทำให้เธอมีความสุข เพราะการมีลูกไม่ใช่ choice ที่มีอยู่ต่อไปแล้ว อายุมากขึ้นทุกวัน....สุดท้ายเธอยอมรับในความคิดของฝ่ายชาย (เธอรักสามีเธอค่ะ เขาเป็นคนดี เพียงแต่เขาไม่อยากมีลูก) ตัดใจค่ะ เธอแฮบปี้กับการทำงาน สังสรรกับเพื่อน ยุ่งกับญาติพี่น้อง พ่อแม่ของเธอ จากคุณ : แอนนาค่ะ (แอนนาค่ะ) - [ 30 ม.ค. 51 01:23:10 ]

ความคิดเห็นที่ 14 คนไม่มีและก็ไม่อยากมี ก็มีเหตุผลของตัวเอง ส่วนคนอยากมีลูก ก็มีเหตุผลของตัวเอง กรณีคุณอยากมี อ่านแล้วก็เห็นว่า คุณพร้อม เจ้าความพร้อมนี่ เจ้าตัวจะรู้เองนะ ว่าเราพร้อมแล้ว เราทำได้ เราต้องการจะมี ถ้ารู้สึกแบบนี้แล้ว ก็มีเลย ครั้งสุดท้ายที่คุณคุยกับสามีเรื่องนี้ คือเมื่อไรหรือคะ? บางทีผู้ชายไม่อยากมีเนี่ย หลายครั้งไม่ใช่ความไม่พร้อมนะ แต่เป็นความกลัวและความไม่มั่นใจ กลัวจะต้องรับผิดชอบเพิ่มขึ้น กลัวว่าชีวิตที่เป็นอยู่ที่สุขอยู่แล้วจะต้องเปลี่ยนแปลงไป ฯลฯ จากคุณ : พธูไทย - [ 30 ม.ค. 51 01:48:05 ]

ความคิดเห็นที่ 15 คุณ Gisele เราเข้าใจคุณค่ะ ขอบอกว่าเข้าใจจริงๆ แต่ เราต่างกันอยู่นิดหน่อย คือสามีดิฉัน อยากมี ดิฉัน บางครั้งอยาก บางครั้งไม่อยาก มันเหมือนแบบเบื่อๆ อยากๆ บอกไม่ถูก เคยตั้งใจว่าถ้า สามสิบสี่ไม่มี คือไม่มี ตอนนี้อีกแค่ไม่กี่เดือนก็สามสิบสี่แล้ว  ยังไม่คิดว่าตัวเองอยากมีจริงๆสักที บางครั้งรู้สึกว่าลูกคนอื่นน่ารัก อยากมีบ้าง แต่มานั่งคิดถึงความรับผิดชอบ กับโลกที่มันเปลี่ยนไป(ในทางที่เลวร้าย) อย่างทุกวันนี้ ดิฉันก็คิดว่า แล้วลูกเรามันจะรอดรึเปล่า หลายๆท่านคงบอกว่า มันก็เป็นไปตามวาระ ของมัน เด็กปรับตัวได้เอง แต่ดิฉันเกรงว่าถ้าคนสองคน คือทั้งพ่อ หรือ แม่ คนหนึ่งคนใด ไม่พร้อมจริงๆ มันมีปัญหาตามมานะคะ ทุกครั้งที่คุยกับสามีเรื่องลูก ก็มาจบตรงที่ว่า เราต้องเปลี่ยนสไตล์การดำเนินชีวิตของเราไปเลยน้ะ เราคงไม่มีโอกาสได้ออกไปดูหนัง กินข้าวนอกบ้านกันบ่อยๆแล้ว เราต้องเก็บตังค์ไว้ให้ลูกเสื้อผ้าก็ซื้อใหม่บ่อยๆไม่ได้แล้วน้ะ มีเวลาเราก็ก็ต้องทุ่มให้ลูก จะไปเที่ยวต่างประเทศโรแมนติกกันอย่างเคย คงต้องลืมไปก่อน เพราะไม่มีคนช่วยเลี้ยง พอคิดมาถึงตรงนี้ สามีดิฉันก็จอดเหมือนกันนะ ด้วยความเข้าใจคุณอายุมากกว่าเราปีนึง น่าจะยังมีความคิดลังเลอยู่ในใจเหมือนเรา(หรือไม่ลังเลแล้ว) เราเคยคิดว่า ถ้าเราไม่มีลูก แม่เราจะเสียใจ แม่สามีจะเสียใจ แต่ก็อีกล่ะถ้ามีลูกแล้ว แต่เรากลับคิดว่าถ้ามีลูกแล้วเกิดเราเลี้ยงเค้าไม่ดี หรือ มันเกิดการผิดพลาดตรงไหน แล้วลูกเราเกิดเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่ดีในสังคม เราว่าทุกคนในครอบครัวเราและสามีคงเสียใจมากกว่าการไม่มีลูกเลยนะ คิดดูน้ะ คุณบอกว่าสามีคุณเข้ากันดี มีความชอบในสิ่งเดียวกัน ไม่มีปัญหามาทะเลาะกันให้หนักอก(ก่อนที่จะมาถกปัญหาเรื่องลูก) สรุปว่าเป็นคู่ที่ดี คู่ที่ดีหายากนะคะ  ที่คุณอยากมีลูกน่ะ มีเหตุผลลึกๆอะไรในใจรึเปล่า  ถ้าอยากมีเพราะแค่อยากมี คิดดีๆนะคะ ที่คุณบอกว่าถ้าแก่ไปสองคนไม่มีใครมาเหลียวแล มันเศร้า ดิฉันว่า ไม่เศร้าหรอก คนรักกันสองคนอยู่ด้วยกัน ตอนแก่ ไม่เศร้าแน่ๆ แต่ถ้ามีลูกแล้วลูกไม่มาเหลียวแล เศร้ากว่านะ อีกอย่างคือเรื่องที่คุณบอกว่างานคุณดี ลาได้หกเดือน ถึงปี ดิฉันว่าพอคุณมีลูก คุณไม่ลาแค่นั้นหรอก อาจจะลายาวเลยใครจะรู้ คุณจะเอาลูกไปฝาก Child care ได้ลงเหรอ เค้าดูแลลูกเราดีแค่ไหนก็ไม่รู้  เอาอะไรมาใส่หัวลูกเราก็ไม่รู้ ค่าเลี้ยงหรือก็แพง คุ้มกันเหรอกับที่เราทำงานแล้วเอาเงินมาจ่ายค่าคนเลี้ยงลูก(ถ้าดีก็ดีไป แต่ถ้าไม่มีเสียเงินไปโดยเปล่าประโยชน์) มาถึงตรงนี้คุณก็ต้องออกมาเลี้ยงเองเพราะว่า คิดรวมจิปาถะแล้ว เราว่ายังไงๆ เลี้ยงลูกเองก็คุ้มกว่าอยู่ดี ดิฉันว่าดิฉันคงเป็นแม่ที่ประสาทรับประทานมากที่สุดในโลกคนนึงเลยน้ะ พิมพ์มาซะยาว ไม่ได้มาหว่านล้อมให้เปลี่ยนใจ เพราะรู้ว่าถ้าคุณคิดมาถึงจุดนี้แล้วคุณคงตั้งใจอยากมีจริงๆนั่นแหล่ะ แต่อยากให้คุณคิดให้รอบคอบนะ คู่แท้น่ะหายากนะคะ ถ้าด้วยว่าเหตุผลเรื่องทัศนะคติการมีลูกไม่ตรงกัน แล้วต้องเลิกลากันจริงๆ มันก็น่าเสียดายนะ เราว่า แก้ไขเมื่อ 30 ม.ค. 51 02:04:55 แก้ไขเมื่อ 30 ม.ค. 51 01:58:38 จากคุณ : hamble pie - [ 30 ม.ค. 51 01:56:28 ]

ความคิดเห็นที่ 16 แถมอีกอย่างนะ ถ้าคุณเกิดนึกฮึด เลิกกับสามีเพราะเรื่องนี้จริงๆ คุณก็ต้องไปหาแฟนใหม่ที่มีทัศนะคติตรงกัน แถมยังต้องรักคุณและเข้าใจคุณ ชอบในสิ่งที่คล้ายๆกัน ซึ่งมันไม่ได้ใช้เวลาแค่เดือนสองเดือนนะคะ (ยกเว้นว่าคุณมีตัวเลือกไว้ในใจอยู่แล้ว)   ถึงเวลาที่คุณจะเรียนรู้กันและกันใหม่ จนถึงขั้นตัดสินใจจะมีลูกกับเค้าก็คงจะร่วมๆปีหรือสองปี ป่านนั้น คร่าวๆคุณน่าจะประมาณสามสิบเจ็ด เสียเวลาเข้าไปอีก ลองรออีกสักปีเผือว่าคุณสามีคุณจะเกิดเปลี่ยนใจอยากมีเองดีกว่า ...อยู่ดี จากคุณ : hamble pie - [ 30 ม.ค. 51 02:13:57 ]

ความคิดเห็นที่ 17 These are the reasons why my husband doesn't want to have children. He said to me that if we have children then i will have no time for him anymore. We will not love eachother as we do anymore as there is someone I care more than him. He wants to go sailing. He wanst to do what he is dreaming about. We like travelling. We always do when we feel like. He doesn't like baby cries. He doesn't want our child to be born in this messy world. ........................... Now why I would like to have children. just a couple reasons. I would like to take care and raise them up as I know my capability that we will be able to give someone a good life but not spoil. I would like to have friend when I get old as my husband is a lot older than me. .......................... I sometimes ask my husband to make a baby( seems easy.....5555) he said the same thing again and again. So not bother ask. I am still afraid about so many things even though I just want to have only one. So last month hy husband said ....ok..let's have a baby. Stop taking the pill. If we can have it would be good but if we can't so we will be happy with we are now. I hope your husband will change his mind one day. He is a lot younger than my husband though. แก้ไขเมื่อ 30 ม.ค. 51 02:52:24 จากคุณ : PoomPim..TMB - [ 30 ม.ค. 51 02:48:44 ]

ความคิดเห็นที่ 18 มีเพื่อนสองกรณีค่ะ กรณีแรกเพื่อนสนิทของแฟนไม่เคยอยากมีลูก แต่งงานมาหนึ่งครั้งก็ไม่มี จนภรรยาเสียชีวิต ก่อนเสีย ภรรยาเค้าก็ขอมีลูกก่อนเพราะไม่อยากให้สามีอยู่คนเดียว เค้าก็ไม่ยอมมี เค้าบอกว่าไม่มีวันเปลี่ยนใจเด็ดขาดว่าจะไม่มีลูก เมื่อมาถึงเวลาที่จะมีแฟนใหม่ ข้อนึงที่อยู่ในคุณสมบัติของภรรยาในอนาคต คือ ต้องไม่มีความคิดที่จะมีลูก เค้าบอกว่าเค้าไม่พร้อมรับผิดชอบอีกชีวิตนึง ทีนี้จับพลัดจับผลู ดันไปรักกับคนอยากมีลูกเข้า แล้วผู้หญิงยืนกรานว่า ฉันรักเธอ แต่ฉันอยากมีลูก ถ้าหากว่าไม่มี ฉันคงเป็นแค่แฟนเธอ แต่คงไม่มีการแต่งงานกัน พร้อมทั้งให้เหตุผลร้อยแปดพันเก้าว่าทำไมเค้าถึงอยากมีลูก สุดท้าย ตอนนี้ออกมาหนึ่งหน่อ น่ารัก ตาพ่อเห่อลูกสุดๆ  (ประนีประนอมกันว่าจะมีแค่คนเดียว) เคยถามเค้าว่าถ้าให้ย้อนกลับไปได้ ความคิดที่ไม่อยากมียังอยู่อีกมั้ย เค้าบอกว่า เค้ายืนยันว่าเค้าก็ยังไม่อยากมีลูกอยู่ดี แต่เมื่อมี เค้าก็รู้สึกดี และต้องรับผิดชอบชีวิตลูกกับภรรยาเค้าต่อไป ทำไงได้ กรณีที่สองเป็นเพื่อนรุ่นพี่ ที่อยากมีลูกมาก แต่ไม่มี พยายามทุกอย่างก็ไม่มี คู่นี้จบลงด้วยการหย่าร้างด้วยเหตุผลที่ผู้หญิงดีเพลสมากๆ จากการไม่มีลูก ต่อว่าผู้ชาย ตัวเค้าเปลี่ยนไป ชีวิตไม่มีความสุข จนทำให้ผู้ชายทนไม่ได้ขอหย่า ที่น่าช้ำใจกว่านี้ ผู้ชายแต่งงานไปไม่ถึงปี ภรรยาใหม่ตั้งท้อง รุ่นพี่ของเราช้ำใจมากๆ โทษตัวเองต่างๆ นานา และที่สำคัญ เค้าระลึกได้ว่ายังรักสามี(เก่า)อยู่ และคิดว่าคิดผิดที่หย่ากับสามี ทุกวันนี้ เค้าต้องไปอยู่ใน รพ. เคยฆ่าตัวตายมา 3 รอบ จนสุดท้าย เค้าไม่ออกมาอยู่ในโลกความเป็นจริงอีก สามีเก่าก็มาดูแลบ้าง เพราะกรณีรุ่นพี่คนนี้ ทำให้เราคุยกับสามีก่อนแต่งงานเลยว่า อยากมีลูกกันมากแค่ไหน ก็ได้ข้อสรุปว่า เราสองคนอยากมีลูก แต่ถ้าวันนึงเรามีไม่ได้จริงๆ เราสองคนก็จะอยู่กันไปสองคนตายาย จากที่เล่า คือ ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม อยากให้คุณชั่งใจ นึกถึงข้อดีข้อเสียที่จะตามมา จากคุณ : Angel N. - [ 30 ม.ค. 51 03:44:31 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ก่อนอื่นต้องขอบคุณทุกท่านที่กรุณาเข้ามาออกความเห็น ดิฉันอยากมีลูกเพราะอยากมีใครมากินข้าวด้วยเวลาดิฉันแก่ อยากทำอะไรที่มันมีค่ากับชีวิตของดิฉัน การทำงานใน รพ ดิฉันได้ซึมซับอะไรหลายๆอย่างได้เห็นอะไรที่ไม่เคยนึกมาก่อน เคยคิดมาตลอดว่าการมีลูกมันยุ่งยาก มันเลวร้าย เป็นภาระ และน่ากลัวที่สุด ตอนนี้ดิฉันพร้อมและมั่นใจค่ะ ว่าจะทำได้ดี ถ้าจะให้อธิบายคงจะยาวว่าการมีลูกนั้นไม่ไช่ว่าจะหวังผลอะไร เพียงแต่มันเป็นความต้องการที่จะรักใครสักคนและอยากได้มีประสบการณ์ที่ได้ถูกรัก  ชีวิตคนเรามันก็เหมือนกับบันได เป็นขั้นตอน ขั้นตอนของดิฉันมันจบลงแค่มีสามี ไม่มีขั้นตอนอื่นๆ เช่นส่งลูกไปโรงเรียน ลูกโต มีแฟน แต่งงาน มีอะไรให้ชื่นชมต่อไป ระหว่างนั้นอาจจะไม่ราบรื่น มีปัญหาให้แก้ให้ปวดหัวมากมาย แต่ดิฉันก็ยังยืนยันค่ะว่าอยากมี พร้อมที่จะรับมือกับทุกอย่างทีจะเกิดขึ้น อย่างน้อยก็ได้ทำสิ่งที่ต้องการ ยอมรับว่าหาแฟนใหม่คงจะยาก สามีเหมาะสมกับดิฉันทุกๆด้าน เคยเลิกกันมาแล้วครั้งนึงเพราะคิดว่าตัวเองจะหาได้ดีกว่า แต่ก็ไม่ไช่อย่างที่คิด จะว่ามีกิ๊กก็ไม่เชิงเพราะโหดกว่านั้นเยอะ กลับมาถึงบ้านเย็นวันหนึ่งบอกสามีเลยว่าไม่รักแล้ว ขอเลิก จะมีแฟนใหม่ แล้วก็ไปเลย ที่กลับมาอยู่ด้วยกันอีกก็เพราะ สามียอมเปลื่ยนนิสัยบางอย่าง เพื่อให้อะไรๆมันดีขึ้น ที่สำคัญคือเรามีความรักเป็นทุนเดิม ได้ทำอะไรร่วมกันไว้มาก มีความทรงจำที่ดีต่อกัน ถ้าหากเราไม่มีลูกด้วยกันคงจะน่าเสียดายมาก เพราะดิฉันจะเริ่มเบื่อ ถ้าไม่มีอะไรที่ดีไปกว่าไปเที่ยวปีละหลายครั้ง ซื้อเสื้อผ้า กินข้าวนอกบ้าน ทำตัวไร้สาระ กินเหล้าแข่งกับเพื่อน กลับบ้านตี่สี่ตีห้า ทำอยู่แค่นี้มาหลายปีแล้ว จะอ้วกแล้ว งานบ้าน ทำกับข้าวให้สามี มันก็แป๊บเดียวเสร็จ อยากมีเด็กไว้เล่นด้วย ได้เห็นวิวัฒนาการของมนุษย์คนนึง  ออกจะน่าตื่นเต้น ถ้ามันเลวร้ายมาก ไอ้การมีลูกทำไมใครๆก็บอกว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตเท่าที่เคยทำมาล่ะคะ มันไม่ได้แย่ขนาดนั้นหรอกถ้าเราเตรียมพร้อม ที่จะรับมือกับการเปลื่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต                    จะพูดกับสามียังไงนี่สิ ให้เค้าเห็นด้วย ถ้าเค้ายังยืนยันไม่อยากมีตอนนี้ดิฉันต้องทำใจไช่ไหมคะ เพราะเราเองที่เปลื่ยนใจ จากคุณ : Gisele - [ 30 ม.ค. 51 05:11:04 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ไม่รู้จะแนะนำเจ้าของกระทู้อย่างไรดี คงต้องถามตัวเองให้แน่ว่า คุณต้องการอะไร ถ้าการมีลูก เป็นสิ่งที่คุณต้องการมากที่สุด ก็ตัดสินใจเถอะค่ะ ตอบในฐานะคนที่มีลูก ว่าลูกเป็นความชื่นใจ ความสุขใจ และถึงแม้เราต้องลำบากมากขึ้น ประหยัดอดออมมากขึ้น เพื่อเค้า เราก็ทำได้และเต็มใจด้วยค่ะ เห็นด้วยกับคุณหยิน ว่าคนที่เป็นแม่คนแล้วเท่านั้นที่จะเข้าใจว่าความรู้สึกนี้เป็นเช่นไร เมื่อก่อนตอนยังไม่มีลูก ก็กังวลต่างๆ นานา คล้ายๆ คุณ hamble pie  ไม่แน่ใจว่า อยากมีลูกหรือเปล่า ทั้งดิฉันและสามี จนกระืัทั่งเริ่มรู้สึกว่าตัวเองอายุมากขึ้น ก็เลยถามสามีไป ตรงๆ ว่า ถ้าอยากมีลูก ก็ต้องมีตอนนี้ล่ะ เพราะแต่งงานกันมานานแล้ว และดิฉันก็เริ่มแก่แล้ว ถ้าไม่อยากมี ก็คื่อ ชีวิตนี้มีกันแค่สองคนน่ะ สามีอึ้งไปสักพัก แล้วก็บอกว่าอยากลองมีลูกสักคน พอมีแล้ว เราก็พยายามทำืทุกอย่างให้ดีที่สุด และก็หวังว่าทุกๆ อย่างจะดีตามมาเอง เช่น เราก็อบรมเค้า ดูแลสั่งสอนเค้า พยายามหาสิ่งแวดล้อมที่ดีที่สุดให้เค้า และก็หวังว่าสิ่งที่เราืำทำ จะทำให้เค้าเติบโตมาเป็นคนที่มีคุณภาพของสังคม และเป็นความภาคภูมิใจของเรา ตอนนี้ลูกคนแรกเพิ่งอายุ ๑๙ เดือนเอง สามีบอกอยากมีลูกคนต่อไปแล้ว เธอว่า ถ้ารู้ว่า การมีลูก แล้วมีความสุขอย่างนี้ เราน่าจะมีลูกตั้งแต่แต่งงานใหม่ๆ ตอนอยู่กันสองคน ก็ว่าชีวิตนี้มีความสุขดี แต่ตอนนี้ต้องบอกว่า ไม่สามารถ imagine our lives without our daughter จากคุณ : MidNite - [ 30 ม.ค. 51 05:32:40 ]

ความคิดเห็นที่ 21 อ้อคุณ Siamese Girl  ดิฉันน่ะมันคนประหลาดค่ะ ยอมรับว่าตัวเองแปลกมีความคิดพิสดารจากคนอื่นในบางเรื่อง และไม่ไช่คนเรียบร้อยแน่นอน ชอบอะไรที่มันตรง ใครจะพูดอะไรดิฉันรับฟังหมดไม่อคติ คุณไปเที่ยวพักผ่อนคนเดียวน่าอิจฉาจัง อยากทำได้อย่างคุณบ้าง ดิฉันไม่ไช่สาวมั่นหรอกค่ะดิฉัน เป็นคนที่มีความคิดเป็นของตัวเอง มาตั้งแต่เกิด อยากทำอะไรก็ทำ ทำผิดก็ไม่มีแอบๆยอมรับอย่างเต็มๆ ไม่ชอบโกหกเสียเวลา ไม่กลัวเสียภาพพจน์ด้วย เป็นคนเปิดเผย และจริงใจค่ะ จากคุณ : Gisele - [ 30 ม.ค. 51 05:41:08 ]

ความคิดเห็นที่ 22 คนไม่มีลูก โดยความรู้สึกส่วนตัวเป็นคนน่าสงสารน่ะ ส่วนตัวเองมีแล้ว 1 กำลังตัดสินใจว่า จะมีอีก 1 เพราะ แค่ 1 ไม่พอ ช่วงนี้เราทำงานบ้านพักคนชรา เข้าใจสัจจะธรรมมากขึ้น คนแก่บางคน รอใครสักคนมาเยี่ยม แต่ก็ไม่มา เราเองเป็นคนมาทำงาน แกเห็นเรามา ดีใจแทบน้ำตาลไหล มีคนมาคุยด้วย ต่างกับ พ่อแม่สามีเรา เขาทั้งคู่ก็แก่ แต่ก็มีความสุข ได้เลี้ยงหลาน เย็นวันอาทิตย์กินข้าวพร้อมหน้ากัน  มีความสุขมากมาย สามีคุณเห็นแก่ตัว ไม่นึกถึงว่า ตัวเองจะต้องแก่ขึ้นทุกวัน และเมื่อถึงวันนั้น ใครสักคนตายไป แล้วคุณจะเหลือใคร  เป็นยายแก่อยู่กับหมากับแมว เหงา พิลึก   วันหลังก็พาสามีไปแถวย่านที่พักคนชรา เห็นคนชราเดินมาคนเดียวแล้ว ชี้ให้สามีดู แล้วก็บอก ถ้าแก่ตัวไป เธอไม่มีลูก เธอจะเหมือนกับคนแก่เหล่านั้น โดดเดี่ยวน่าดู จากคุณ : Kofschip - [ 30 ม.ค. 51 05:57:52 ]

ความคิดเห็นที่ 23 Don't give up.....I believe that he will want it one day. In our case is a bit different from you as I have not many firends to hang out...555! We live ordinary life. We travel overseas once a year or twice if our business is not so busy. We like party but just having dinner with friends and meeting people. We like 4WD camping alot too and most of the time we go I feel that it would be nice if I can have a child like anybody else in the club that they take their children with them and the children seem to have a good time. My husband loves sailing. It is his dream that we will go out exploe the world by sailing to many countries and to many places around the world with our little boat. This is the most important reason why he doesn't want a baby. We travel in the country a lot. We like going out to have a nice meal just to have a good time. I convinced him that even though we he would like to go sailing but we can still take our child with us. He or she will be able to learn a lot from what we take them to. It will benefit them a lot in the future as they have seen a lot of things and have met a lot of people and learn from so many different cultures. As well as we like travelling so we can take him/her where ever we like to go and share a good time with our child. Now my husband seems to be ok and he once mentioned to me that sometimes he would like to retire(early retire) like his best friend when they had a first child then this couple retired from work and put a lot of time looking after their child and a second one later on. He is so afraid of lacking of his privacy life. He wants to go sailing before he gets old and won't be able to do it anymore. Anyway talk to your husband again. Try to convince him with good reasons (as you sound very ready to have one indeed). One day he will change his mind . I believe!!!!! จากคุณ : PoomPim..TMB - [ 30 ม.ค. 51 06:02:05 ]

ความคิดเห็นที่ 24 คุณ Gisele - อย่าเพิ่งให้ถึงกับขั้นหย่าร้างกันเลย ค่อยๆคุยปรึกษากันก่อน เชื่อว่า คุณก็อยากให้คนที่คุณรักและเห็นว่าเป็นคนดี มาเป็นพ่อของลูก มีพรายกระซิบว่า บอกเขาซิคะว่ารักเขา และอยากเห็นเขาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของลูกคุณ มันแสนจะน่ารักและโรแมนติกเวลาเห็นส่วนหนึ่งที่เป็นเขา -คนที่เรารัก-และเราในตัวลูก จริงอย่างที่หลายคนว่าผู้ชายเกรงว่าชีวิตที่เป็นสุขและน่าพอใจอยู่แล้วจะหายไป แก้ไขเมื่อ 30 ม.ค. 51 07:50:09 จากคุณ : Uwa - [ 30 ม.ค. 51 07:47:27 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ยกตัวอย่างในกรณีของเพื่อนดิฉัน สามีไม่อยากมีลูก เพื่อนอยากมีลูููก เพื่อนเลยยื่นคำขาดว่าถ้าไม่มีจะขอหย่่า ( จริงๆ เพื่อนบอกว่าแค่ขู่สามี) ตอนหลังสามีก็ยอมค่ะ เพื่อนได้ลูกสาวน่าตาน่ารักน่าชัง สามีเค้าตอนนี้เค้าบอกว่าดีใจ และภมิใจที่สุุดในชีวิตที่ตัดสินใจมีลูก ดิฉันแต่งงาน 35  ตอนนี้ 39 สามี 53 ปี โอกาสคงริบหรี่แล้วค่ะ  คิดๆ ก็ไปน่าใจหาย หวังมาตลอดชีวิตว่าสักวันต้องมีลููกไว้เชยชม  แม่สามีและสามีก็บอกว่าถ้าไม่มีจริงๆ ก็ไปรับ เด็กที่เมืองไทยมาเลี้ยง แต่ดิฉันก็ยังอยากพยายามเองให้ถึงที่สุด เพราะยังงัยก็คิด ว่ายังมีหวังถึงจะริบหร่ีก็เถอะ เพราะเห็นตัวอย่าง  คนที่เป็นเลขา ของทำ tax  อาย 40 ยังสามารถตั้งครรภ์แรก  ก็หวังว่าดิฉันคงจะโชคดีอย่างเค้าบ้าง คุุุุุณ  Gisele  ตอนนี้อายุุุของคุณก็ยังไม่สายที่จะมีลูกพราะถ้าไม่เกิน 37 ปีโอกาสก็ยังมีมาก แต่ต้องรีบๆ หน่อย สายน้ำไม่รอท่า กาลเวลาไม่รอใคร ก็ขอให้เรื่องคณและสามีลงเอยด้วยดีนะค่ะ  เผื่อยังงัยในอนาคตจะได้มีสมาชิกแก็งค์เด็กนอก เพิ่มขึ้นในห้องแม่บ้านอีกคน ยังงัยก็เอาใจช่วยคนอยากมีลูููก สูู้ๆ ค่ะ แก้ไขเมื่อ 30 ม.ค. 51 08:24:35 แก้ไขเมื่อ 30 ม.ค. 51 08:16:26 จากคุณ : chuamalee - [ 30 ม.ค. 51 08:12:49 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ตอนแรกก็คิดจะไม่มีลูกเหมือนกันค่ะ อยากใช้ชีวิตแบบคู่คุณเลย แต่ไม่รู้ทำไมปีที่แล้วจู่ๆลุกขึ้นมาอยากจะมีลูกมาก แต่ตัวสามีดิฉันไม่อยากมีลูก ดิฉันหยุดกินยาไปแค่วันสองวันเองค่ะ ปรากฏว่าท้องสมใจดิฉัน แต่ว่าขัดใจสามีมาก แรกๆที่เค้ารู้ว่าเราท้องนี่ เค้าทำหน้าเครียดใส่ดิฉันเป็นเดือนค่ะ จนดิฉันรำคาญ บอกไปว่าถ้าไม่พอใจชั้นจะเลี้ยงลูกคนเดียว แล้วอย่ามาขอดูหน้าลูกนะ ไปไม่กลับจริงๆ เค้าบึ้งอยู่ช่วงสองสามเดือนแรกค่ะ หลังๆเค้าก็ทำใจได้มากขึ้น แต่ก็ไม่ค่อยคุยเรื่องท้องเท่าไร เวลาเราชวนคุยให้เค้ามีส่วนร่วมด้วย เค้าก็พยายามเลี่ยงๆ แต่พอลูกเกิดมา วินาทีแรกเค้าก็เห่อ อุ้มไม่วาง ยิ้มแล้วยิ้มอีกจนกระทั่งทุกวันนี้ค่ะ หลังจากมีลูกแล้วเค้าบอกขอโทษด้วยที่ทำหน้าบึ้งใส่ยูตอนท้อง เพราะเค้าสับสน เค้าช็อคที่ชีวิตกำลังจะเปลี่ยน การมีลูกมันทำให้เค้ารู้สึกว่าตัวเองเป็น family man เต็มตัว ต้องรับผิดชอบชีวิตลูก (เฉพาะชีวิตเมียไม่ค่อยเท่าไร ดูแลตัวเองได้ 55) ไม่ได้แนะนำอะไรเลย แต่อยากจะบอกว่า เวลาเค้าเห็นหน้าลูกแล้ว เค้าจะรักลูก และไม่คิดเสียใจที่มีลูกเลยค่ะ โดยเฉพาะมีลูกกับคนที่เค้ารัก อยู่กินกันมาเป็นสิบปีแบบคุณ จากคุณ : SFO-CNX - [ 30 ม.ค. 51 08:48:54 ]

ความคิดเห็นที่ 27 พี่ปุ๋มปิ๋ม ท้อปมีเพื่อนคนหนึ่งที่พ่อแม่เค้าชอบล่องเรือมาก เพื่อนคนนี้ชีวิตน่าสนใจมาก เพราะว่า Home school บนเรือตั้งแต่เล็กๆ ตัวเค้าพึ่งจะมาอยู่บนบก บนบ้านธรรมดาๆทั่วไปตอนอายุ 18 ตอนจะเข้า college เอง ดูแล้วเค้าเรียนรู้อะไรมากกว่าในห้องเรียนเยอะอ่ะ เป็นคนที่น่าคุยด้วยมาก เล่าให้ฟังเพราะรู้ว่าพี่ปุ๋มอยากมีลูก จะได้ไปบอกลูกพี่ว่า home school ลูกบนเรือก็ได้จ๊ะ จากคุณ : SFO-CNX - [ 30 ม.ค. 51 08:53:23 ]

ความคิดเห็นที่ 28 อ่านความเห็นของคุณ Uwa แล้วเข้าท่า เห็นด้วยอย่างแรงเลยค่ะ ลองบอกเขาไปสิคะว่า คุณ Gisele อยากได้ตัวแทนของเขา ถ้าเกิดฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องจากกันไปก่อน ก็ยังมีหน่อเนื้อเชื้อไขไว้เป็นเพื่อนไม่ให้โดดเดี่ยวเดียวดาย พูดบ่อยๆ อาจจะใจอ่อนนะคะ จากคุณ : yinnerella - [ 30 ม.ค. 51 09:50:31 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ปีที่แล้วเพื่อนของแฟนเราก็หย่ากันไปเพราะผู้ชายไม่อยากมีลูกนี่แหละค่ะ ผู้หญิงอายุ 30 ผู้ชายอายุ 40 เป็นคนเยอรมันทั้งคู่  ด้วยความที่เราอยากรู้อยากเห็น (เจือกเรื่องชาวบ้าน) เลยบอกให้แฟนเราตะล่อมถามฝ่ายชายว่าเหตุผลที่หย่ากันเพราะอะไร  เพราะเรางงมากเลย คู่นี้สวีทหวานแหววกันมาก จู่ ๆ ลุกขึ้นมาหย่า  ผู้ชายบอกแฟนเราว่า เค้าไม่อยากมีความรับผิดชอบกับชีวิตที่จะเกิดขึ้นใหม่ พอมีลูกแล้ว เค้าไม่สามารถทำอะไรที่เค้าอยากทำได้   เคยอ่านในฟอรั่มของฝรั่งค่ะ มีคนมีปัญหาแบบคุณเขียนเข้ามา  ผู้ชายบางคนบอกกับภรรยาว่าเค้าไม่อยากมีลูก เพราะไม่อยากมีภาระ  พอทั้งคู่อายุมากขึ้น ฝ่ายชายดันไปมีกิ๊ก แล้วผู้หญิงจับได้       ผู้ชายเลือกกิ๊ก เพราะสาวกว่า สดกว่า ไม่เหมือนน้ำพริกถ้วยเก่าที่บ้าน  ผู้ชายขอหย่าจากเมียแล้วมาแต่งกับกิ๊ก หลังจากนั้นไม่นาน ทั้งคู่ก็มีลูกเล็ก ๆ เป็นครอบครัวที่อบอุ่นน่ารัก  ส่วนภรรยาเก่าน่ะหรือคะ ก็เป็นสาวแก่ อยู่ตัวคนเดียว ความหวังที่จะมีลูกก็ไม่มีแล้ว เพราะอายุเกิน 40 ไปหลายปีแล้ว จะหาแฟนใหม่ก็ยังเข็ดสามีเก่าอยู่ จากคุณ : Sonnenschein - [ 30 ม.ค. 51 09:57:32 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ขอเล่าเกี่ยวกับเพื่อนนะคะ เพื่อนแต่งงานมาได้สี่ปีแล้ว เธอคิดอยากมีลูกแต่สามียังไม่อยากมี เพราะยังรักสนุก ยังอยากเที่ยว เมื่อปีที่แล้วเธอน้องโดยไม่ได้ตั้งใจ(ของสามี แต่เพื่อนเราแอบเตรียมพร้อม) ตอนรู้ว่าได้น้อง สามีเพื่อนยังไม่ค่อยจะดีใจซักเท่าไหร่ แต่พอลูกดิ้นได้ ว่างเมื่อไหร่จับแต่พุงเพื่อนเรา ตอนนี้เพื่อนบอกว่า สามีเห่อลูกมากๆ จขกท ลองปล่อยธรรมชาติดูสิคะ  อย่ามานั่งงอนกันเลยค่ะ มายลี มายลี เป็นสามีภรรยากันแล้วต้องดูแลกันและกัน เป็นหุ้นส่วนชีวิตกันแล้ว ก็ต้องมีบางครั้งตัดสินใจแทนกัน แอบมีไปเลย พอลูกออกมาคนที่บอกว่าไม่อยากได้จะต้องหลงรักอย่างแน่นอนคะ จากคุณ : ลายตา - [ 30 ม.ค. 51 12:46:22 ]

ความคิดเห็นที่ 31 สนับสนุน อยากมีก็มีเลย ปล่อยเลย เอาสามีคนนี้แหละ ถ้าสามีไม่เอาด้วย ค่อยหย่าทีหลัง แล้วหาใหม่ ง่ายกว่า โชคดี อย่าเครียดน้า จากคุณ : ผ่านมา - [ 30 ม.ค. 51 13:26:09 A:58.8.11.89 X: TicketID:098315 ]

ความคิดเห็นที่ 32 เข้ามาเป็นกำลังใจนะคะ.... จากคุณ : แม่ขา - [ 30 ม.ค. 51 13:28:28 ]

ความคิดเห็นที่ 33 เพิ่มเติม คห. 31 คือเท่าที่เคยเห็นคนที่ไม่อยากมีลูกแล้วมี และอ่าน คห. ทั้งหมดของคนที่มีลูกแล้ว คิดว่าไม่มีใครสักคนที่เห็นหน้าลูกแล้วจะเกลียด อีกอย่างคิดว่าคุณ Gisele ก็หนักแน่นว่าต้องการอะไรในชีวิต ไม่แปลกหรอกที่คุณจะเปลี่ยนไป หลายคู่ที่รักกันดีพอมาถึงจุดนึงแล้ว เค้าเรียกว่า growing apart เพื่อให้แฟร์กับสามี ก็บอกเค้าแล้วกันว่าคุณจะไม่คุมแล้ว แต่อย่าเลิกกันโดยที่ยังไม่ได้ลองเลย ถ้ายังรักกันอยู่ จากคุณ : คห. 31 - [ 30 ม.ค. 51 17:06:10 A:58.8.11.89 X: TicketID:098315 ]

ความคิดเห็นที่ 35 คนที่มีลูกกันง่ายๆ นี่นับว่าโชคดีมากเลยนะ อย่างดิฉัน ดิฉันไม่เคยคุมเลย คนแรกกว่าจะมานะ ก็แต่งไปแล้ว 5 ปี จนเกือบๆ จะตัดใจว่าไม่เอาก็ได้แล้ว แล้วก็มา... ถึงจะมาแบบมีปัญหาหนัก แต่ก็มา พอว่าจิตใจพร้อมว่าอยากมีอีกคนที่สอง ก็ไม่ใช่ว่ามาเลยง่ายๆ นะ 4 ปีอยู่เหมือนกันนะ ขออวยพรให้ คนที่อยากมี ก็ขอให้มีได้ง่ายๆ เพราะเวลาเราอยากมี แล้วไม่มีเสียที ทั้งๆ ที่พร้อมหมดทุกอย่าง มันก็เป็นความทุกข์นะ จากคุณ : พธูไทย - [ 30 ม.ค. 51 19:35:24 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ลองเลี้ยงลูกหมาก่อนดีไหมคะ แก้เบื่อ ทดสอบความอดทนของตัวเองด้วยค่ะ ถ้าเลี้ยงลูกหมา ดูแล เทรนให้เป็นหมาที่ดีได้ ถึงตอนนั้นถ้าสามีคุณยังไม่อยากจะมีลูก ขอสเปิร์มเขาแล้วมาเป็น single mom ยังไม่สาย จากคุณ : yuy - [ 30 ม.ค. 51 21:09:46 A:124.121.27.27 X: TicketID:124751 ]

ความคิดเห็นที่ 37 เห็นด้วยกับคุณพธูไทยค่ะว่า คนที่มีลูกกันง่ายๆ นี่นับว่าโชคดีมาก ดิฉันแต่งงานมาจะเข้าปีที่ 6 แล้ว ตอนแต่งงานใหม่ๆ ก็คิดถึง future career ตลอดว่าจะต้องทำตรงนี้ให้สำเร็จก่อนที่จะมีลูก แล้วก็ชอบการท่องเที่ยวมากๆ ปีนึงต้องเที่ยว 2-3 ครั้งกับสามี ให้สำเร็จก่อนมีลูก หลังๆ เริ่มเปลี่ยนทัศนคติว่า ถ้ามีไปแล้วตามที่ต้องการแล้วค่อยต่อสู้เพื่อ career ของเราต่อไป ก็เลยลองปล่อย แต่ว่าผ่านมาหลายปีก็ไม่สำเร็จ ท้อมากเลยค่ะ จากคุณ : MingDK - [ 30 ม.ค. 51 21:18:49 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ดิฉันมีลูกตอนอายุ 27ปี ยังนึกเสียดายเลยค่ะ เสียดายว่ามีลูกตอนอายุเยอะแล้ว <น่าจะมีตั้งแต่ 20-21 ก๊ากกก> แบบว่าดิฉันอยากออกไปเปรี้ยวกะลูก แม่กับลูกสวยแข่งกันประมาณนี้อ่ะค่ะ ถ้าดิฉัน 47 ลูกก็ 20ปี ถึงตอนนั้นไม่รู้จะรักษาใบหน้าให้อ่อนเยาว์รอเปรี้ยวพร้อมลูกอยู่ได้ไหม ดิฉันมีลูกโดยไม่ได้วางแผนครอบครัวค่ะย้ายมาประเทศสามียังไม่มีงานทำป่องซะแล้ว แต่ดิฉันไม่เคยเสียใจที่มีเค้ามาเกิดด้วย ไม่เคยคิดว่ามีลูกเป็นห่วงผูกคอ คิดเหมือนคุณ yinnerella ได้เห็นรอยยิ้มเห็นพัฒนาการณ์ต่างๆของเค้าแล้ว มันทำให้ชีวิตมีชีวา เอาใจช่วยคุณGiseleน่ะค่ะขอให้สามีคุณเปลี่ยนใจอยากมีลูก จากคุณ : DUNHILL - [ 30 ม.ค. 51 21:50:07 ]

ความคิดเห็นที่ 39 อ่านคห.ของคุณ hamble pie แล้ว รู้สึกอย่างกับคุณเอาชีวิตดิฉันมาเขียนเลย เป็นประเภทเดียวกัน เบื่อๆอยากๆ กลัวแม่เสียใจที่ไม่ได้เป็นยาย อะไรเทือกนี้ เห็นด้วยมากๆที่คุณhamble pie ว่า "คู่แท้น่ะหายากนะคะ ถ้าด้วยว่าเหตุผลเรื่องทัศนะคติการมีลูกไม่ตรงกัน แล้วต้องเลิกลากันจริงๆ มันก็น่าเสียดายนะ" แต่ขอเพิ่มเติมนิดนะ เราว่าคุณGisele น่าจะเปิดใจกับสามีนะคะ ถ้ามันสำคัญกับคุณถึงขนาดที่ทำให้คุณคิดอยากเลิกกับสามี สามีคุณควรต้องฟังความต้องการของคุณด้วย เอากระทู้นี้ไปเล่าให้สามีฟัง เค้าบอกว่า มันไม่ใช่ความผิดของใครทั้งสองฝ่ายที่เปลี่ยนไป ถ้าคิดจะอยู่กันต่อไปก็จำเป็นต้องหาจุดที่ agree ได้ และถ้า agree ที่จะตัดสินใจทำอะไรไปแล้ว ไม่ว่าจะมีผลอะไรตามมาก็ต้องไม่โทษกันเด็ดขาด ดิฉันเห็นด้วยกับความเห็นของสามีนะคะ เลยอยากเล่าให้คุณฟัง อยากบอกว่าเข้าใจคุณมากๆ ขอเป็นกำลังใจให้ค่ะ โชคดีนะคะ ปล. แวะไปเยี่ยม Blog ของคุณมา น่าอ่านมากค่ะ จากคุณ : Bing - [ 30 ม.ค. 51 22:14:31 A:217.86.75.4 X: ]

ความคิดเห็นที่ 40 เห็นใจคุณพี่ จขกท นะคะ แต่เรื่องแบบนี้บางทีก็เหมือนความรักแหละค่ะที่แบบว่า บังคับใจกันไม่ได้ ตัวเองก็มีเพื่อนรุ่นพี่ที่อยากมีลูกมากๆอยู่กะแฟน 6 ปีไม่มีลูก จนตอนนี้เจ๊เเก จะ 35 แล้วเหมือนกัน ก็ทะเลาะกะแฟนเขาเรื่องนี้เพราะแฟนเค้าเป็นหมัน เค้าเลยไปมีกิ๊ก แล้วก็อยากมีลูกกับกิ๊กถึงขนาดบอกกิ๊กว่าทำลูกให้หน่อย จากนั้นจะไปไหนก็ไป กิ๊กนี่ฝรั่งนะคะ กิ๊กบอกว่าไม่ได้หรอกถ้ามีลูกแล้วต้องรับผิดชอบร่วมกันและเค้าก็ยังไม่อยากมี สรุปแล้วรุ่นพี่คนนี้ก็ยังไม่มีลูกซักที ทั้งที่แกพร้อม แบบว่าด้านการเงินดีที่จะเลี้ยงลูกคนเดียวได้เลยล่ะ แต่ไม่มีซักที  อีกอย่างตัวแกเพิ่งไปตรวจมาหมอบอกว่าแกไม่มีไข่ คือมีลูกยากนั่นแหละ น่าสงสารอีก ไม่รู้ตอนนี้เป็นงัยแล้ว เท่าที่อ่านมารู้สึกว่าตัวเองยังเด็กมากๆเลยค่ะ ก็ไม่รู้ว่าอีก 10 ปีจะคิดเรื่องลูกมั้ย แต่ตอนนี้ยังไม่ได้คิดเลย แต่ยังงัยก็เอาใจช่วยนะคะ จากคุณ : mon kiwi - [ 30 ม.ค. 51 22:25:38 ]

ความคิดเห็นที่ 41 มีอีกวิธีนึงคือ ไปแอบกระซิบแม่สามีดิคะ ถ้าแม่สามีอยากมีหลาน เค้าก็ไปช่วยหว่านล้อมลูกชายเค้าอีกแรง ลองดูนะ เอาใจช่วยคนอยามีลูก จากคุณ : hamble pie - [ 31 ม.ค. 51 02:26:01 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ของดิฉันหนักกว่าอีกคะ  ตอนนี้ดิฉัน 37 สามี 33 สามีไม่เคยแต่งงานและมีลูกมาก่อน  สามีไม่อยากมีลูก ก็เลยทำหมันซะหลังจากแต่งงานได้หนึ่งปี (ที่แคนาดานี่เค้าทำหมันให้กับหนุ่มๆ สาวๆ ที่ยังไม่เคยมีลูกด้วย) ส่วนตัวดิฉันก็ไม่อยากมี  เพราะยังไม่ได้ทำอะไร อย่างที่ตัวเอง และสามีอยากจะทำ  เป็นคนรักเด็กทั้งคู่ ชอบไปเล่นกับลูกชาวบ้าน แต่ให้มีเอง เลี้ยงเอง ยังไม่อยากมี   แต่กลับมาคิดอีกที ถ้าในอนาคตสิ่งที่อยากจะทำได้ทำหมดแล้ว เหมือน จขก แล้วอยากมีลูก  ดิฉันก็มีไม่ได้อีก  เพราะสามีไม่มีน้ำยาแล้ว  ส่วนดิฉันก็แก่ไปแล้ว  หรือถ้าอยากมีจริงก็คงต้องหาพ่อพันธุ์ใหม่   คิดหนักเหมือนกันนะเนี่ย  แต่ก็ช่างมันเถอะ อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด ยังไงก็ขอให้ จขก สมหวังนะคะ จากคุณ : FinchS - [ 31 ม.ค. 51 02:47:15 ]

ความคิดเห็นที่ 43 คุณ Kofship ไช่ค่ะนี่คือสิ่งที่ดิฉันเพิ่งค้นพบคนไข้ดิฉันที่ไม่มีลูกเพราะไม่อยากมีภาระ สุดท้ายต้องนั่งโดดเดี่ยวรอความตาย สามีหรือภรรยาของตนก็ตายไปนานแล้วเพื่อนฝูงหรือญาติก็ยุ่งไม่มีเวลามาเยี่ยม ได้แต่นั่งมองคนอื่นที่มีทั้งลูกหลานมาเยี่ยม ตัวเองไม่มีใคร ดิฉันไม่อยากตกอยู่ในสภาพนั้นค่ะ ถึงแม้ดิฉันจะจากพ่อกับแม่มาอยู่ซะไกลแต่ท่านก็รู้ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นดิฉันก็รักพวกเค้า  คุณ PoomPim คะสามีดิฉันชอบกีฬากลางแจ้ง อุปกรณ์บ้าๆเค้ามีเยอะมาก ไปไหนทีต้องขนสมบัติบ้าไปด้วยเช่นพวก ร่มชูชีพ กระดาน surf แล้วก็อุปกรณ์ดำน้ำบางชนิด เค้าบ้าอยู่สามอย่าง skydiving kite surfing scuba diving เค้ากลัวว่าถ้ามีลูกเค้าจะไม่สามารถทำสิ่งที่เค้ารักได้อีก  คุณ Uwa กับ คุณ Yin แหมมุขนี้ดิฉันไช้มานานแล้วค่ะ แต่มันไม่ได้ผล เค้าฟังแล้วก็ยิ้มเขิน เปลื่ยนเรื่องพูดไปเลย  คุณ chuamalee คะญาติดิฉันก็มีลูกคนแรกตอน 39 น่ารักมาก พยามทานอาหารที่มีประโยชน์นะคะ ขอให้คุณสมหวังในเร็ววัน   คุณ SFO-CNX อ่า นี่ไงเหมือนกันเลย สามีดิฉันแบบนี้เลยเคยสงสัยว่าท้อง สามีดิฉันเครียดเลยไปหาข้อมูลมาปาใส่หน้าดิฉัน ว่าค่าเลี้ยงดูเด็กมันตกเดือนละเท่าไร กรี๊ดใส่ดิฉันว่าทำไมทำกับเค้าอย่างนี้ ต่อไปนี้เค้าต้องไส่แต่เสื้อผ้าเก่าไปตลอดชีวิต (เว่อร์ มาก) ดิฉันได้แต่มองหน้าแล้วปลง ทำยังกะเราจะไปทำลายชีวิตยังงั้นแหละ   คุณ พธู เคยคุยกันเมื่อสองเดือนที่แล้วค่ะ ดิฉันร้องไห้เลย แค้นมาก เค้าบอกเลยว่าเค้าเข้าใจดิฉันเข้าใจเหตุผลของดิฉัน แต่เค้าไม่อยากมีไม่ชอบเด็กรำคาญ ชีวิตเค้าอยู่ได้โดยไม่มีลูก   คุณ ยุ้ย บ้านดิฉันห้ามเลี้ยงสัตว์ค่ะ สามีไม่ชอบเพราะกลัวเชื้อโรค กลัวเห็บ หมัด กลัวหมากัดเฟอร์นิเจอร์ในบ้าน หรือทำสกปรก กลัวไปหมด เพราะเค้าไม่เคยเลี้ยงหมาน่ะค่ะ แม้แต่แมวยังไม่ให้เข้าบ้านเลย เค้ารักสัตว์นะคะ เพียงแต่ไม่ชอบที่จะมีสัตว์เลี้ยงในบ้าน เคยมีหนูตัวเล็กๆหลุดเข้ามาในครัว เค้าล้างครัวหมด ของกินนี่ทิ้งหมดตู้เลย เค้าบอกว่าหนูมันฉี่ใส่หมดแล้ว เรื่องหมาหมดหวังค่ะ  คุณ MingDK อย่าท้อนะคะ ดิฉันยังไม่ท้อเลย บางทีเสียวมากว่าถ้าอยากมีแล้วมีไม่ได้จะทำยังไง คงทุกข์มากอย่างที่คุณพธูว่า  คุณ DUNHILL เหมาะสมแล้วค่ะมีตอนนั้นกำลังดี ดิฉันกว่าจะมีคงวิ่งตามลูกไม่ไหว  คุณ Bing ขอบคุณค่ะที่เข้าใจ ดิฉันคิดไม่ตกเหมือนกันถ้าสามียืนยันคำเดิม  น้อง Mon Kiwi พี่ไม่เคยคิดจะมีสามีด้วยซ้ำ อะไรมันไม่แน่นอนค่ะ มันเปลี่ยนแปลงไปตามวัยและสิ่งแวดล้อม และอะไรหลายๆอย่าง แก้ไขเมื่อ 31 ม.ค. 51 03:36:38 จากคุณ : Gisele - [ 31 ม.ค. 51 03:35:04 ]

ความคิดเห็นที่ 44 Hamble pie แม่สามีอยากยิ่งกว่าเราอีก เจอกันทีไรจะชอบเปรยๆตลอดว่าถ้าเรามีลูกต้องออกมาเริ่ดแน่ เพราะพ่อแม่หน้าตาเข้ม แต่เค้าจะไม่เข้ามาก้าวก่ายใดๆในเรื่องส่วนตัวของลูกเค้าทั้งสิ้น นอกเสียจากลูกเค้าจะขอความคิดเห็น จากคุณ : Gisele - [ 31 ม.ค. 51 03:43:23 ]

ความคิดเห็นที่ 45 พูดยากเหมือนกันนะ เพราะอย่างดิฉันเนี่ย ก็เหมือนคุณ ที่ว่า ถ้าจะมีแล้วจะมาปล่อยให้เลี้ยงคนเดียว ดิฉันก็ไม่เอา ร่วมกันทำ ก็ร่วมกันรับผิดชอบ คือ ฝ่ายสามีก็ต้องมาช่วยด้วย แต่อย่างกรณีดิฉันนี่ มันชัดเจนตั้งแต่ก่อนแต่งงาน ว่า เราจะสร้างครอบครัว มีลูกมีหลาน เป็นกำลังใจซึ่งกันและกัน ฯลฯ (คำหวานต่างๆ นานา วุ้ย เขิน แก่แล้วก็เขินเป็น) มีเพื่อนสนิทอยู่เมืองไทย เป็นรุ่นน้องดิฉัน 2 ปี เขาเห็นดิฉันมีลูก เขาก็บอกว่าเขาอยากมีนะ แต่ตัดสินใจไม่มี ด้วยเหตุผลว่า สามีของเขาเคยมีภรรยาฝรั่ง มีลูกกันด้วย แล้วสามีก็บอกว่า ก็ฝ่ายภรรยาเก่าอยากมีลูก ก็ตามใจ แต่ตัวเขาไม่อยากมี เรียกว่า เขาชัดเจนมาก บอกว่า ให้เงินให้ทองน่ะ ให้ได้ แต่ว่าให้เวลาน่ะ ให้ไม่ได้ จะให้เขาเอาเวลาของเขาเพื่อมาดูแลเด็กตัวเล็กๆ ที่มีคำนิยามว่า "ลูก" นี่ เขาให้ไม่ได้ และเขาก็บอกกับเพื่อนดิฉันซึ่งเป็นภรรยาใหม่ว่าอย่างนี้ คือ ถ้าอยากมีก็มีได้ แต่เขาไม่เลี้ยงนะ เขาอยากไปเที่ยว อยากไปทำอะไรๆ ให้กับชีวิตเขามากกว่า และฝ่ายผู้ชายก็ทำแบบที่เขาพูดจริงๆ นะ คือ มีลูก 2 คนกับภรรยาเก่า แต่ไม่เคยเลี้ยงดูเลย แต่บอกว่า เวลาลูกขออะไร ไม่เคยขัด ถ้าเป็นเงินทอง ข้าวของ แต่ห้ามขอ "เวลา" เด็ดขาด ให้ไม่ได้ เพื่อนดิฉันก็เลยไม่เอา บอกว่า ถ้ามีแล้วต้องมาเลี้ยงเองอยู่คนเดียวเนี่ย ไม่เอาแน่นอน ทำไปทำมา ก็ไปรับเอาลูกภรรยาเก่ามาเลี้ยงด้วย เวลาเขากลับมาเที่ยวเมืองไทย ต้องคนที่อยู่ด้วยกันแหละนะ ที่จะรู้ว่า สิ่งที่เขาบอกว่า "ไม่อยากหรือไม่ต้องการจะมีลูก" มันหมายถึงอย่างนั้นจริงๆ หรือเป็นเพียงแค่ความกลัวหรือความกังวล เพราะถ้ามันหมายถึงเช่นนั้นจริงๆ ว่า อย่านะ อย่าเอาเด็กๆ มาให้เด็ดขาดเลย หัวเด็ดตีดขาดห้ามเลย อย่างนี้มันก็หมายถึงอย่างนั้นจริงๆ แต่ถ้าแค่กลัวหรือกังวล แบบกล้าๆ กลัวๆ นี่ยังพอมีลุ้นนะ ก็ต้องทำให้เขามั่นใจ เชื่อใจ ไว้วางใจว่า สิ่งมีชีวิตน้อยๆ ที่จะสร้างขึ้น มันไม่ใช่ มารร้ายที่จะมาบ่อนทำลายเอาความสุขส่วนตัวไป เพียงแต่มันอาจจะทำให้เกิดความสั่นคลอนของสมดุลย์ และเมื่อปรับตัวกันได้แล้วก็เข้าสู่สมดุลย์ใหม่ที่ไม่เหมือนเดิม อย่างสามีดิฉัน ใครจะไปคิดว่าคนที่บ้างาน จะยอมเสียเวลาอาทิตย์ละ 3 ชม. ครึ่ง เพื่อพาลูกไปตีปิงปอง เพื่อไปดูว่า ลูกมีความก้าวหน้าขนาดไหน เพื่อไปให้กำลังใจลูก ฯลฯ และแน่นอนสิ่งที่เขาทำนี่ ไม่ใช่เพื่อให้ลูกมีความสุข แต่เป็นเพราะเขามีความสุขที่ได้ทำสิ่งนี้ให้กับลูก และเห็นพัฒนาการของลูก มันแตกต่างกันนะ ดิฉันถึงได้บอกเสมอๆ ว่า เวลาเรามีลูกแล้ว เรารักตัวเองน้อยลง และเรียนรู้ที่จะรักคนอื่นมากขึ้น และคนอื่นนี้คือคนที่เราเรียกว่าลูก และรักนี้ เป็นรักที่เราไม่ได้หวังสิ่งตอบแทนเลย จากคุณ : พธูไทย - [ 31 ม.ค. 51 05:22:31 ]

ความคิดเห็นที่ 46 เล่าให้ฟังเพราะรู้ว่าพี่ปุ๋มอยากมีลูก จะได้ไปบอกลูกพี่ว่า home school ลูกบนเรือก็ได้จ๊ะ Nong Top...... SFO-CNX I was thinking about that too.....5555 and he seems to be ok as he doesn't like the school system on Australia( he likes switzerland or France). Well better try( to make one) hard then.....hehehe! How is your girl? and how are you doing ka? จากคุณ : PoomPim..TMB - [ 31 ม.ค. 51 06:47:53 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ไม่มีลูแเหมือนกัน เคยอยากมี แต่สามีไม่อยากเหมือน จขกท เลย ถามที่ไรก็บอกปัดๆ  ทั้งๆ ที่เรารักเด็กนะคะ ตอนนี้เลยทำใจ ไม่มีก็ไม่มี ้พราะดิฉันเองก็อายุเกินสี่สิบแล้ว  กลัวเด็กจะมีปัญหา เพราะหากมีก็เป็นลูกคนแรก จึงไม่อยากเสี่ยง จากคุณ : Weka - [ 31 ม.ค. 51 15:35:15 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ดิฉันรู้จักสามีดี เค้าเป็นพวกที่เห็นปัญหาอะไรๆเป็นเรื่องใหญ่ไปหมด กลัวการมีลูก แต่ดิฉันไม่เลย มาสิปัญหาอะไรดิฉันรับได้หมด ทำทีละอย่างเดี๋ยวก็แก้ได้เองไม่มีอะไรที่แก้ไขไม่ได้ อาจต้องใช้เวลาหน่อยเท่านั้นเอง     เมื่อคืนทนไม่ไหวปล่อยระเบิด ปรมาณูไปหนึ่งลูกบอกสามีไปแล้วว่าถ้าอยากจะอยู่ด้วยกัน ดิฉันอยากมีลูกให้เลือกเอาระหว่างกลับไปเป็นโสด ไม่มีดิฉันอีกต่อไป หรือถ้าเลือกชีวิตคู่เราก็ต้องมีลูกด้วยกัน                      เค้าเข้านอนเลยค่ะ บอกว่าเหมือนโทษประหาร เมื่อเช้าโทรมาบอกดิฉันว่าเค้ายอมแล้ว ถึงจะเกลียดการมีลูกแต่ก็ไม่แย่เท่ากับที่ต้องอยู่คนเดียวไม่มีภรรยา เค้าเห็นเพื่อนบางคนที่หย่าแล้วอยู่ตัวคนเดียวน่าสงสารมาก เค้าไม่อยากจบลงเหมือนเพื่อนๆ   ดิฉันโล่งใจแล้วค่ะ ขอบคุณทุกๆท่านที่กรุณาเข้ามาแนะนำนะคะ ได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างมากขึ้นด้วย ที่สำคัญได้พบสัจธรรมว่า ไม่ได้มีเราคนเดียวที่เจอปัญหานี้ และสาวๆห้องนี้น่ารักเหมือนเดิม จากคุณ : Gisele - [ 31 ม.ค. 51 21:48:16 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ยินดีด้วยค่ะ ไม้แข็งตูมเดียวอยู่เลย ฮา รีบรวบหัวรวบหางโดยไวค่ะ จากคุณ : yuy - [ 31 ม.ค. 51 22:13:24 A:124.122.192.8 X: TicketID:124751 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ถ้าเช่นนั้น... คืนนี้เผด็จศึกเลยค่ะ ตามโบราณเขาว่า ตีเหล็ก ต้องตีตอนร้อนค่ะ จากคุณ : พธูไทย - [ 31 ม.ค. 51 22:27:45 ]

ความคิดเห็นที่ 51 เห็นด้วยกับคุณพธูค่ะ ดีใจด้วยนะคะ ที่ได้คำตอบที่ปรารถนา ถ้ามีลูกแล้วอย่าลืมเอารูปมาโชว์นะคะ จากคุณ : MidNite - [ 31 ม.ค. 51 22:33:01 ]

ความคิดเห็นที่ 52 อ่านแล้วดีใจด้วยค่ะ อย่างนี้คุณต้องเตรียมสุขภาพให้แข็งแรง ทานวิตะมินสำหรับ ตั้งครรภ์ไปก่อนเลย  ออกกำลังกายบ้าง คงต้องเอาใจสามีคุณเยอะๆแล้วล่ะช่วงนี้  แสดงว่าเค้ารักคุณมากนะคะ เอาใจช่วยให้ท้องเร็วๆ นะคะ แก๊งค์เด็กห้องนี้จะได้มีเพื่อนใหม่เร็วๆ จากคุณ : Walcher - [ 31 ม.ค. 51 23:05:48 ]

ความคิดเห็นที่ 53 มาไม่ทันแล้วคะ แต่ขอให้ประสบผลสำเร็จนะคะ เอาใจช่วย รอฟังข่าวดีด้วยคะ จากคุณ : ลิตเติ้ลเกิร์ล - [ 31 ม.ค. 51 23:28:18 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ยินดีด้วยค่ะ เย๊ เย๊ จากคุณ : DUNHILL - [ 31 ม.ค. 51 23:53:26 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ยินดีดัวยคะ ดีใจทีเขาเปลียนใจคะ ขอไห้สมหวังนะคะ   เดียวมีตัวเล็กเมือไหร เอามาอวดดัวยนะคะ จากคุณ : แม่น้องอริสา (UglyMonster) - [ 1 ก.พ. 51 03:59:38 ]

ความคิดเห็นที่ 56 อ้าว... ยินดีต้วยค่ะ   งั้นเดินหน้าเต็มที่!!!!!!!...... รออุ้มหลานน้ะ .... จากคุณ : hamble pie - [ 1 ก.พ. 51 04:05:46 ]

ความคิดเห็นที่ 57 อ่านแล้วมีความสุขไปด้วย  ดีใจด้วยที่ตกลงกันด้วยดี  ขอให้มีลูกเร็วๆ นะคะ ส่วนดิฉัน ต่อไปไม่รู้ว่าจะหมู่ หรือจ่า จากคุณ : FinchS - [ 1 ก.พ. 51 05:14:52 ]

ความคิดเห็นที่ 58 คุณ FinchS การต่อหรือแก้หมันชายก็มีนะ ลองศึกษาและปรึกษาคุณหมอผู้เชี่ยวชาญที่แคนาดาดู จากคุณ : พธูไทย - [ 1 ก.พ. 51 05:39:13 ]

ความคิดเห็นที่ 59 สวัสดีค่ะ คุณพธูไทย  คือตอนนี้ดิฉันยังไม่พร้อมที่จะมีค่ะ  เพราะว่ากำลังเรียนอยู่ และจริงๆแล้วก็ไม่อยากมี  แต่ต่อไปไม่ทราบเหมือนกันว่า เมื่อถึงตอนนั้นแล้ว ดิฉันจะเปลี่ยนไปเหมือน จขก หรือเปล่า  และอายุดิฉันก็คงจะมากกว่า 40 คงจะแก่เกินไป ที่จะมีลูกอีก   เพื่อนๆ ดิฉันก็พูดแบบเดียวกับคุณพธูเลย  ตอนสามีไปทำหมัน ไม่ยอมบอกทางบ้านด้วย มีดิฉันรู้คนเดียว  พอทางครอบครัวแฟนรู้เท่านั้นแหละ  แฟนโดนบ่นยาว จากคุณ : FinchS - [ 1 ก.พ. 51 08:43:14 ]

ความคิดเห็นที่ 60 เสียดายจังคืนนี้เข้ากลางคืน อดเลยเรา รูปน้องเบอร์ 55 บาดหัวใจเหลือเกินอยากได้แบบนั้นน่ะ ทำยากไหมคะมีส่วนผสมอะไรบ้าง ต้นทุนสูงไหมตอนผลิต โอย...เห็นหน้าน้องแล้วหลงรักเข้าไปเต็มๆ           พรุ่งนี้ไปซื้อ Folic acid มากินดีกว่า จากคุณ : Gisele - [ 1 ก.พ. 51 09:43:23 ]

ความคิดเห็นที่ 61   ถ้างั้นก็แล้วแต่เรื่องในครัวเรือนบ้านใครบ้านมัน เอาเป็นว่าถ้า คุณ จขกท. มีความสุข ก็ขอแสดงความยินดีด้วย   จากคุณ : Siamese Girl - [ 1 ก.พ. 51 11:54:54 ]

ความคิดเห็นที่ 62 เรื่องมีลูกไม่มีลูก เราเคยเถึยงกับเพื่อน คืออยากจะมีไม่มีก็เรื่องส่วนบุคคลน่ะ จะไปยุให้เค้ามีเราก็ไม่ได้ช่วยเค้าเลี้ยงซะหน่อย แต่เราชอบเถียงกับเพื่อนที่ไม่อยากมีแล้วบอกว่า โลกทุกวันนี้มันเลวร้ายลงไปทุกวันๆ จะให้เค้าเกิดมาในสิ่งแวดล้อมนี่ทำไม เราเถียงเลยว่าแล้วไม่คิดเหรอว่าลูกเราที่เกิดมาอาจทำประโยชน์ให้โลกนี้ก็ได้ ลูกเราโตขึ้นมาอาจจะเป็นนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม อาจจะเป็นหมอฝีมือเยี่ยม อาจจะเป็นศิลปินมีผลงานสร้างสรรค์ก็ไ้ด้ แต่ถ้าบอกว่าไม่มีเพราะไม่อยากจะมี ไม่อยากรับผิดชอบ ไม่ชอบเด็ก ก็รับฟังโดยไม่โต้แย้งเลยค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการมีลูกเป็นความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่เพราะฉะนั้นการมีลูกเมื่อพร้อมทั้งทางวุฒิภาวะและสถานภาพทางเศรษฐกิจย่อมเป็นเรื่องที่ดี ฟังจากที่จขกทเล่าแล้วเนี่ย แน่ใจเลยว่าปัจจัยเหล่านี้พร้อมแล้ว ยินดีด้วยนะคะที่คุณสามียินยอม เราเชื่อว่าเมื่อเจ้าตัวน้อยเกิดมาคุณสามีอาจจจะเปลี่ยนใจค่ะ อ่านเจอบทความนี้เซฟเก็บไว้นานแล้วเลยเอามาฝาก แล้วก็ขอให้มีเจ้าตัวเล็กสมใจเร็วๆนะคะ ================ อยากมีลูก ทำยังไงให้ท้อง น.พ.อานนท์ เรืองอุตมานันท์ ================ ก่อนหน้านี้เคยเขียนมาเล่าสู่กันเรื่องทำยังไงถึงไม่ท้อง ก็เรื่องราวของการคุมกำเนิด ด้วยวิธีต่าง ๆ นั่นแหละ แต่ทว่าผู้อ่านอีกหลาย ๆ คนที่กำลังคิดจะมีลูกก็มีปัญหาว่า "ทำยังไงถึงจะท้องซะที" วันนี้จะว่ากันถึงเรื่องจังหวะเวลา การปฏิบัติ ความถี่ ที่จะทำให้มีโอกาสตั้งท้องได้สูงสุดกัน ตั้งท้องยุคนี้ดูสวนกระแสเหมือนกันนะครับ เพราะใคร ๆ ต่างก็แห้งเหี่ยวไปตาม ๆ กัน แต่การมีลูกเป็นการลงทุนระยะยาว บางคนอาจจะคิดว่าอายุก็มากแล้ว รอไปอีกก็ไม่เห็นอนาคต ไม่รู้ว่าเมื่อไรจะเป็นยุคทองของไทยอีก ปล่อยให้ท้องซะตอนนี้หมดเรื่องหมดราว บางคนมีลูกมาแล้วก็อยากมีไปที่เดียวเลย เลี้ยงโตขึ้นมาด้วยกัน ใช้ของร่วมกันได้ ถือเป็นการประหยัดอีกด้วย เหนื่อยทีเดียวจบกันไปเลย มีลูกห่างเกินไปก็ไม่ดี ปกติแล้วควรมีลูกห่างกันประมาณ 2-3 ปีกำลังดี ถ้าห่างไปกว่านี้ลูกจะต่างวัยกัน มากเกินไป ลูกคนโตจะเริ่มติดเพื่อนมากกว่าที่จะสนใจน้องซะแล้ว ก็เลยอาจทำให้พี่กับน้องไม่ค่อยสนิทกันก็ได้ เอาล่ะจะยังไง ถือว่าตอนนี้ตัดสินใจจะมีลูกอีกคนก็แล้วกัน ต้องเตรียมพร้อมอะไรบ้างล่ะ ก่อนที่เราจะมีลูกอีกคนก็ต้องคิดกันก่อนว่าจะเลี้ยงไหวหรือเปล่ า มีเวลาเลี้ยงหรือเปล่า มีเงินเพียงพอที่จะเลี้ยงดูได้ดีหรือเปล่า เดี๋ยวนี้นะแค่ผ้าอ้อมสำเร็จรูปยี่ห้อฝรั่ง ไทยใช้ ห่อหนึ่งก็ตั้งห้าร้อยกว่าบาทแล้ว เลี้ยงลูกอย่างเดียวเงินเดือนก็หมดซะแล้ว คงต้องเก็บหอมรอมริบไว้ล่วงหน้าสักหน่อยนะครับ ก่อนจะเริ่มตั้งครรภ์ ว่าที่คุณแม่ต้องมีสุขภาพที่ดีด้วย จึงควรไปพบคุณหมอ แล้วบอกคุณหมอไปตามตรงเลยนะว่า ตอนนี้อยากมีลูกแล้ว คุณหมอจะให้คำแนะนำ แล้วก็ตรวจร่างกายคุณแม่ว่ามีอะไรผิดปกติ ที่สำคัญก็ต้องตรวจภายใน เช็กมะเร็งปากมดลูก ตรวจดูปีกมดลูกว่ามีก้อนเนื้อหรือซีสต์อะไรผิดปกติหรือเปล่า หากมีอะไรไม่ชอบมาพากล ก็จะได้รีบรักษาให้หายเสียก่อน ดีกว่ามาเจอความผิดปกติ เอาตอนท้อง ซึ่งก็จะทำให้รักษายากเพราะต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อเด็กในท้องอี กคนด้วย ที่สำคัญและลืมไม่ได้ก็คือ ต้องตรวจเลือดด้วย เพื่อหาโรคเอดส์ ซิฟิลิส ไวรัสตับอักเสบบี หัดเยอรมัน ตอนนี้ไว้ใจใครได้ง่าย ๆ ซะเมื่อไหร่ล่ะ เอาเป็ว่าตอนนี้ก็พร้อมเต็มที่ ทุนทรัพย์พร้อม ร่างกายพร้อม มดลูกพร้อม สามีพร้อม ตอนนี้ก็ถึงภาคปฏิบัติทำให้ท้องซะที มูกไข่ตก ช่วงนี้สำคัญเชียวล่ะ ------------------------------- เมื่อเราตั้งใจจะมีลูก ควรให้ความสนใจกับรอบเดือนของตนเองมาก ๆ หน่อย ต้องคอยจดไว้ว่าประจำเดือนมาเมื่อไหร่ หมดเมื่อไหร่ มาสม่ำเสมอดีหรือเปล่าที่ต้องให้จด เพื่อจะได้รู้ว่าไข่จะตกเมื่อไหร่นั่นเองครับ ในผู้หญิงที่มีประจำเดือนมาทุก 28 วัน ถ้านับว่าประจำเดือนมาวันแรกเป็นวันที่ 1 ของรอบ ไข่ก็จะตกในวันที่ 14 แต่สำหรับผู้หญิงบางคนประจำเดือนอาจมาทุก 30 วัน ไข่ก็จะตกในวันที่ 16 ของรอบ หรือประจำเดือนมาทุก 32 วัน ก็จะตกไข่ในวันที่ 18 ของรอบ คือเกิน 28 วันไปเท่าไรก็บวกกับวันที่ไข่ตกไปเท่านั้น ช่วงที่มีไข่ตกจะสังเกตว่ามีตกขาวเป็นมูกใส ๆ ลื่น ๆ เฉอะแฉะออกมาเยอะ อย่างนี้เรียกว่า "มูกไข่ตก" ถ้าลองใช้มือจับเอามูกนี้ติดมือออกมาก็จะพบว่ามันใส ลื่น แล้วก็สามารถจับยืดได้กว่า 10 เซนติเมตรโดยไม่ขาดจากกัน แตกต่างจากมูก ตอนช่วงอื่น ๆ ที่เหนียว ข้น แล้วก็ไม่สามารถจับยืดได้มากนัก ถ้าเจอมูกอย่างนี้จัดการได้เลยครับ ---------------------------------- แต่สำหรับผู้หญิงบางคนประจำเดือนอาจมาไม่ค่อยสม่ำเสมอเป็นปกติน ัก บางทีก็ 30 วัน 35 วัน บางทีหายไป 2 เดือนเลยก็มี กรณีนี้การนับวันก็คงจะลำบากนิดหน่อย ก็คงต้องใช้วิธีสังเกตมูกไข่ตกช่วยด้วย ในช่วงที่มีไข่ตกนี้ บางคนก็อาจมีอาการปวดถ่วง ๆ ระบมในท้องน้อย ปวดร้าวออกไป ข้างหลัง อาการนี้ก็เกิดจากรังไข่เป่งบวม มีไข่ตกแตกทะลุออกมา บางทีก็มีเลือดไหล ซึมออกมาจากรังไข่ไปขังอยู่ในอุ้งเชิงกรานก็ทำให้เกิดการปวดท้อ งน้อยได้ ผู้หญิงบางคนก็มีอาการนี้นาน ๆ ที บางคนก็เป็นบ่อย ส่วนมากแล้วอาการปวดท้องน้อยนี้ จะหายได้เองใน 1-2 วัน ผู้หญิงบางคนพอมีอาการระบมในท้องน้อยอย่างนี้ ก็ไม่อยากที่จะมีเพศสัมพันธ์ในช่วงนี้ เลยไม่ท้องซะที ยุ่งกันถี่ ใครว่าจะมีลูกง่าย ๆ ----------------------------- นอกจากนี้แล้วก็เป็นหน้าที่ของผู้ชายบางล่ะ ผู้ชายก็ต้องทำหน้าที่ของตัวให้ตรงช่วงกับที่มีไข่ตก แต่บางคนกลับขยันเกินไป ช่วงสัปดาห์ที่มีไข่ตกก็จัดการทำการบ้านทุกวัน วันละหลาย ๆ นัด เรียกว่าถล่มปูพรมกะให้ติดให้ได้ ระบมอย่างนี้ไม่ได้เกิดจากไข่ตกนะครับ กลายเป็นยุ่งกันมากจนระบมมากกว่า สุดท้ายก็ไม่ติดครับ การมีอะไรกันถี่มากเกินไปก็ทำให้โอกาสในการตั้งครรภ์น้อยลง หลาย ๆ คนอาจจะเข้าใจผิดคิดว่ายิ่งยุ่งกันถี่ ๆ ยิ่งมีโอกาสท้องได้ง่ายขึ้น ถ้าคุณผู้ชายรู้จักตัวอสุจิลูกหลานของคุณเองก็จะเข้าใจเองนะครั บ ตัวอสุจิสร้างออกมาจากลูกอัณฑะทั้งสองข้าง โดยค่อย ๆ เติบโตจากตัวอ่อนเบบี้ จนโตเต็มที่เป็นหนุ่มใหญ่วัยผสมพันธ์ใช้เวลาประมาณ 48 ชั่วโมงหรือ 2 วัน หลังจากนั้นก็จะค่อย ๆ แก่ตัวลง หมดเรี่ยวหมดแรงไปในที่สุด ดังนั้นหากมีการปล่อยตัวอสุจิออกไปทำหน้าที่ถี่ ๆ ทุกวันทุกคืน ตัวอสุจิที่ออกไป ยังโตไม่ทันเป็นแค่ตัวอ่อนเบบี้ ยังทำอะไรไม่เป็นก็เหมือนเกณฑ์เด็กไปเป็นทหาร มันก็ไม่ได้ประสิทธิภาพสูงสุดหรอกครับ ยุ่งกันบ่อย แค่ไหนมีสิทธิ์ "ติดลูก" ------------------------------------ อัตราการมีเพศสัมพันธ์ที่กำลังดีคือ วันเว้นวัน หรือสัปดาห์ละ 4 ครั้ง ซึ่งตัวอสุจิ ที่ปล่อยออกไปจะเป็นตัวที่โตเต็มที่ แข็งแรงแหวกว่ายเข้าไปได้จนถึงปลายทาง ปกติแล้วตัวอสุจิจะใช้เวลาเดินทางแค่ไม่ถึง 5 นาที นับตั้งแต่ปล่อยออกมาเข้าไปในปากมดลูก ผ่านตัวมดลูก แล้วแบ่งกันวิ่งเลี้ยวเข้าไปในปีกมดลูก จนวิ่งเข้าไปเจอไข่ ที่ล่องลอยอยู่ในปีกมดลูก แต่มีแค่ตัวเดียวที่สามารถเจาะไข่แดงเข้าไปได้ จริง ๆ แล้ว ตัวอสุจิมันไม่รู้หรอกครับว่า ต้องวิ่งเข้าไปยังไง ตรงไป เลี้ยวซ้าย หรือเลี้ยวขวา ไม่มีป้ายคอยบอกทาง ไม่มีแผนที่ดูเอาไว้ก่อน แต่เพราะตัวอสุจิที่ปล่อยออกมา มีจำนวนมากมาย ปล่อยออกมาที่หนึ่งก็เป็นหลายร้อยล้านตัวแต่ละตัวต่างวิ่งไม่รู ้อิโหน่อิเหน่ บางตัววิ่งออกมาข้างนอก บางตัวก็วิ่งวนไปวนมา มีบางตัววิ่งเข้าไปในปากมดลูกได้สำเร็จ และมีแค่ประมาณ 5 พันตัวเท่านั้นเอง ที่สามารถวิ่งไปถึงไข่ แต่ก็มีหนึ่งในห้าพันนี้เท่านั้น ที่เจาะเข้าไปในไข่ เกิดการปฏิสนธิได้สำเร็จ ผู้หญิงบางคนพอมีเพศสัมพันธ์กันแล้ว ก็รีบล้างออกทันทีจนหมด ถ้าอยากมีลูกไม่ควรล้างออกนะครับ ให้นอนหงายนิ่ง ๆ อย่างน้อย 5 นาที เพื่อไม่ให้น้ำอสุจิไหลออกมาข้างนอกหมดเสียก่อน ถ้าอยากมีลูกแล้ว น้ำอสุจิมีค่าทุกหยาดหยดเลยนะครับ น้ำอสุจิของผู้ชายเราไม่ใช่เป็นของที่สกปรก แต่ที่จริงแล้วมันสะอาดปราศจากเชื้อโรคใด ๆ ทั้งสิ้น ยกเว้นในกรณีที่ผู้ชายคนนั้นเป็นกามโรคนะครับ ดังนั้นหากมันตกค้าง อยู่ภายในช่องคลอดชั่วข้ามคืนก็ไม่ได้ทำให้เกิดผลเสียใดตามมาหร อกครับ ตรวจรับผลงาน --------------- คราวนี้ก็ต้องรอดูผลงาน เมื่อถึงครบกำหนดที่ต้องมีประจำเดือนมา แต่กลับเงียบจ้อย หายไปเฉย ๆ ก็ส่อแววว่าจะตั้งครรภ์แล้ว ก็ให้ตรวจครรภ์ด้วยตนเองก่อน หาซื้ออุปกรณ์สำหรับตรวจได้จากร้านขายยาทั่วไป ปัสสาวะที่ใช้ตรวจก็ควรเป็น ปัสสาวะในตอนเช้า เพราะว่ามันจะมีปริมาณฮอร์โมนออกมาค่อนข้างเยอะ ตรวจเจอง่ายกว่า สายๆ บ่าย ๆ กินโน่นกินนี่ ปัสสาวะอาจจะเจือจางลงแล้ว ตรวจไม่เจอก็ได้ ถ้าตรวจครรภ์แล้วปรากฏว่า "ท้อง" ก็ถือว่าสำเร็จตามหลักสูตร -------------------------------------------------------------- ถ้าตรวจดูแล้ว "ไม่ท้อง" ให้รออีกหน่อยรออีก 7 วัน ประจำเดือนยังไม่มา ก็ให้ตรวจปัสสาวะซ้ำอีกครั้ง บางคนมาตรวจเจอเอาครั้งหลังก็มีเหมือนกัน ต้องลุ้นกันหน่อยครับ สำหรับบางคู่ เพียรพยายามมาครบทุกสูตรแล้วก็ยังไม่ท้อง มีเพศสัมพันธ์กันตามปกติ ไม่ได้ว่างเว้น แล้วก็ไม่ได้คุมกำเนิดด้วยวิธีใด ๆ ด้วย หากเกิน 1 ปีไปแล้ว ก็ให้ปรึกษา คุณหมอได้เลยครับ คุณหมอสูติฯ ที่รักษาเกี่ยวกับการมีบุตรยากนั่นแหละครับ ====================================== มีเพื่อนให้ผมไวๆนะครับ จากคุณ : kutepim (kutepim) - [ 1 ก.พ. 51 16:29:42 ]

ความคิดเห็นที่ 63 อ่านตั้งแต่ความเห็นแรก ๆ จนถึงความเห็นที่ตกลงกันได้ด้วยดี ยินดีด้วยนะ คะ ดิฉันก็ยังไม่มีลูกเหมือนกันค่ะ แต่จะพยายามปีนี้ไม่รู้ว่าจะสำเร็จหรือ เปล่า ที่ผ่านมาหลายปีก็มัวแต่กังวลว่ายังไม่พร้อม รอให้ฐานะการเงิน ดีมากกว่านี้ก่อน กว่าจะพร้อมก็อายุเริ่มมากแล้ว ดิฉันอายุมากกว่าคุณ จขกท 2 ปีค่ะ เพื่อนสนิทหลายคนทีเรียนหนังสือมาด้วยกัน มีลูกกันหมดแล้ว จนลูกเค้าเข้าโรงเรียนกัน เราก็ยังไม่มีสักที มาอยู่ต่างแดนหลายปี ก็กลัวว่าจะมีใครช่วยเราหรือเป็นที่ปรึกษาในการเลี้ยง ลูกไหมหนอ กลัวเหมือนกันค่ะ คิดถึงแม่ อยากให้แม่อยู่ด้วย เคยคิดว่าถ้ามี ลูกอยากจะกลับไปคลอดที่เมืองไทยดีมั้ย ก็ยังตัดสินใจไม่ได้เลยค่ะ อยากได้ลูกหน้าตาน่ารักเหมือนน้อง ในคห.55 จังค่ะ จากคุณ : coast girl - [ 1 ก.พ. 51 16:37:50 A:121.219.138.170 X: TicketID:163162 ]

ความคิดเห็นที่ 64 ดิฉันเข้าใจความรู้สึกของคุณ จขกท นะคะ เพราะเคยอยากมีลูกมาก ๆ มาก่อน ทั้งที่ยังไม่ได้แต่งงานและมีแฟนเป็นตัวตน เพราะเคยเลี้ยงหลานมาตั้งแต่เค้าแรกเกิด วิวัฒนการของมนุษย์ มันน่าอัศจรรย์ การให้กำเนิกคน มันเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่ คิดถึงชีวิตเรานะคะ ทำงัยถึงโตมาได้ ดิฉันโชคดีพอพบรักกับสามีคิดว่าแน่แล้วคนนี้ก้อแต่งงานและโชคดีมีลูกเลยอายุก้อไม่น้อยแล้ว แต่ยอมรับอย่างนึงว่า มีลูกแล้วมีทุกข์ทุกขณะจิต นั่นคือความห่วง คิดทุกเรื่อง ไม่ว่าหลับหรือตื่น ห่วงสารพัด แต่ดิฉันคิดว่ามันคงเป็นธรรมชาติของมนุษย์ทุกคนที่ต้องเป็นแบบนี้ แต่สิ่งที่ได้รับมันมากมาย ความรู้สึกคงบรรยายไม่หมด คนที่เป็นพ่อเป็นแม่จะเข้าใจดี ได้เห็นพัฒนาการของลูกน้อย ริมฝีปากเล็ก ๆ วิ่งมาหอมแก้ม แม่ ที พ่อที แล้วปรบมือให้ตัวเอง ตื่นเช้ามา อยู่ดี ๆ ก้อมีปากเล็ก ๆ มาจุ๊บแก้มเราปลุกให้ตื่น และอะไรอีกมากมายที่เราไม่เคยเจอ ถ้าเราไม่มีลูกเราก้อคงไม่ได้มารับรู้ความรู้สึกเหล่านี้ได้ สิ่งที่คาดหวังจากลูกคือ อยากมีเพื่อนคุยตอนแก่ตัวมา ส่วนชีวิตเค้า ก็ต้องเป็นไปตามวถี เช่นคนอื่นทั่วไป ขอให้ จขกท ได้ทางออกที่ดีที่สุดนะคะ ลองคุยกันอีก ให้เหตุผล ดิฉันว่าเค้าอาจจะอยากเป็นพ่อขึ้นมาก็ได้ค่ะ เอาใจช่วยนะคะ จากคุณ : คุณแม่น้องตุลย์ (dtooh) - [ 1 ก.พ. 51 17:25:46 ]

ความคิดเห็นที่ 65 อ้าว...มาอีกที ขอโทษนะคะเพิ่งอ่านมาเจอว่าได้ข้อตกลงแล้ว ดีใจด้วยค่ะ จากคุณ : คุณแม่น้องตุลย์ (dtooh) - [ 1 ก.พ. 51 17:53:33 ]

ความคิดเห็นที่ 66 คุณ Gisele ไปหาหมอ Gyneco หรือยัง ไปหาก็ดีเหมือนกัน ให้ตรวจภายในก่อน แล้วก็วางแผนว่าจะตั้งครรภ์ บางทีไปตรวจเนื้อเยื่อปากมดลูก เพื่อสุขภาพของตัวเองก่อน เพราะพอท้องแล้ว อันนี้จะทำอะไรมากไม่ได้แล้ว ต้องรอหลังคลอดเลย จากคุณ : พธูไทย - [ 1 ก.พ. 51 20:09:28 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ดีใจด้วยค่ะที่ในที่สุดก็ลงเอยด้วยดี วาเลนไทใกล้เข้ามาแล้ว ลางานไว้เตรียมผลิตเบบี๋เลยดีไหมคะ ขอให้สมหวังไวๆนะคะ จากคุณ : Bing - [ 1 ก.พ. 51 20:30:13 A:217.86.64.193 X: ]

ความคิดเห็นที่ 68 ดีใจด้วยนะคะ แอบลุ้นเงียบๆอยู่ คุณสามีเราก็อยากมีลูกสองคน เราไม่อยากมี กลัวรูปร่างเสีย แต่ก็ไม่ปฎิเสธสามีค่ะ แต่ตอนนี้ยังไม่พร้อมจะมีกันค่ะ ดีใจด้วยอีกครั้งนะคะ จากคุณ : Fresita - [ 1 ก.พ. 51 21:30:13 ]

ความคิดเห็นที่ 69 หนูอยากเกิดค่ะ อิ อิ จากคุณ : เสียงซึง - [ 1 ก.พ. 51 21:41:59 ]

ความคิดเห็นที่ 70 เข้ามากรี๊ดเด็กอีกที นัดหมอไว้แล้วค่ะวันศุกร์หน้า มีอะไรเพิ่มเติมก็แนะนำด้วยนะคะ อ่านหมดทุกกระทู้ จากคุณ : Gisele - [ 2 ก.พ. 51 06:26:35 ]

ความคิดเห็นที่ 71 ลูกสาวคุณเสียงซึงรึเปล่าคะ น่ารักมากค่ะ ชื่อน้องอะไรคะ จากคุณ : SFO-CNX - [ 2 ก.พ. 51 12:58:41 ]

ความคิดเห็นที่ 72 ตกข่าวอีกแล้วเรา ยินดีด้วยค้า ขอให้ได้น้องไวๆ นะคะ จากคุณ : chuamalee - [ 4 ก.พ. 51 09:33:58 ]

ความคิดเห็นที่ 73 ยินดีด้วยค่ะ เราซะอีกยังไม่รู้คุณแฟนจะมีวันเปลี่ยนใจนึเปล่า ขานี้ก็ไม่อยากมีลูกค่ะ บอกเป็นภูมิแพ้เด็กทารก เห็นไม่ได้ ได้กลิ่นไม่ได้จะจามไม่หยุด สะตอมากๆๆๆ อิจฉาจังค่ะ ถ้าจนตรอกจริงๆหนูจะยืมวิธีพี่มาใช้นะคะ ยิ่งมีแฟนฝรั่งก็ยิ่งอยากมีลูก ชั้นแต่งกับเธอก็เพราะหัวเชื้อนะ ไม่รู้เรื่องเลย แง๊ๆๆๆๆ อิจฉาค่ะ ขอยืมพื้นที่บ่นหน่อยนะคะ ขอให้สำเร็จไวๆนะคะ จากคุณ : Oshiri - [ 4 ก.พ. 51 11:49:23 ]

ความคิดเห็นที่ 74 เพิ่งได้เข้ามาอ่านกระทู้ อ่านไปทั้งลุ้นและเอาใจช่วย...ดีใจด้วยนะคะ ตรวจสุขภาพก็ขอให้สมบูรณ์แข็งแรง พร้อมที่จะมีน้องไวๆ และขอให้ประสบความสำเร็จคะ จากคุณ : marinesnow - [ 4 ก.พ. 51 14:09:43 ]

ความคิดเห็นที่ 75 อยากให้เจ้าของกระทู้คิดดีๆ ให้รอบคอบ ครั้งหนึ่งเราก็เคยคิดว่าไม่อยากมีลูก เพราะกลัวสูญเสียเรื่องอิสสระ เวลาส่วนตัว แต่มาเปลี่ยนใจเอาเมื่อเกือบจะสายเมื่อเราได้มาทำงานที่บ้านพักคนชรา ...หรืออาจเป็นเพราะเราทำงานที่นี่ทำให้เราเกิดอยากมีลูกขึ้นมา ...คนแก่บางคนแค่ได้รับโทรศัพท์จากลูกว่าจะมาเยี่ยมก็ดีใจแล้ว เข็นรถวีนแชร์ไปโม้กับคนโน้นคนนี้กับเจ้าหน้าที่เขาไปทั่ว เป็นแบบนี้กันทุกคน ...บางคนไม่มีลูก สามีตายไปก่อน นั่งเหงาอยู่ในบ้านคนเดียวรอใครสักคนมาเยี่ยม..เขาเคยบอกเราว่า แค่เราเข้าไปทำงานในบ้าน(ช่วยอาบน้ำ,ช่วยออกกำลังกาย ประมาณกายภาพบำบัด เคสที่ไม่อยากไปอยู่บ้านพัก และสามารถช่วยตัวเองได้บ้าง)เขาก็รู้สึกดีเหมือนมีคนมาเยี่ยม หลายคนเราจะแวะไปเยี่ยมนอกเวลางาน ...ดีใจน้ำตาไหล...การเลี้ยงลูกที่ต่างประเทศ ไม่ใช่ภาระมากมายอะไร ร่วมด้วยช่วยกันสร้างโลกเถอะค่ะ ขอให้โชคดีกับการตัดสินใจนะคะ จากคุณ : นันช่า (นันช่า) - [ 6 ก.พ. 51 08:02:57 ]