Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    ไปขอวีซ่าท่องเที่ยวออสเตรเลียมาค่า...

    ไม่ได้ตั้งกระทู้มาเพื่อสอบถามหรอก search หาข้อมูลเอง แล้วก็ ได้คำแนะนำจากพี่สาวที่แสนดีและน้องชายที่น่ารัก (เก็บได้จากบอร์ดห้องไกลบ้านนี่แหละ เหอๆ) อารมณ์ประมาณนี้มิใช่ว่าได้วีซ่ามานอนกอดแล้วนะคะ ยังค่ะ ยังกระวนกระวาย จนต้องมาระบายบนบอร์ดนี่แหละ

    ด้วยรู้ตัวเองดีว่า ไม่มีคุณสมบัติอันใดเลย ที่เหมาะสมควรค่าแห่งการขอวีซ่าท่องเที่ยวต่างประเทศ งานก็ไม่มี เงินในบัญชีก็โบ๋ สินทรัพย์มั่นคงอันจะเป็นหลักฐานใหญ่โตก็ไม่มีทั้งสิ้น ใช้ชีวิตล่องลอยไปวัน ๆ นะเนี่ย. แต่คุณแฟนสิคุณแฟน ทั้งเสนอ+เจ๋อ มารับหน้าเป็นสปอนเซ่อให้ ทั้งที่ตัวอยู่ไกล๊ไกลตั้งเยอรมันโน่น.. ทำไงได้นิ มีคนเสนอให้ตั้งขนาดนี้ แต่เดินเข้าไปยื่นเอกสารจะไปยากอะไร๊...ดาวน์โหลด application มากรอกเอง ด้วยภาษาปะกิด สเน๊คๆ ฟิชๆ ของตัวเองนี่ล่ะ ครั้นเอกสารของแฟนเดินทางมาถึงปุ๊บ อันได้แก่
    1 หนังสือรับรองการทำงาน ใบอนุญาตพักร้อน ในช่วงเวลาที่จะเดินทางไปท่องเที่ยว
    2 ใบแสดงรายได้ย้อนหลัง 1 ปี คือเงินเดือนของเค้า (วาว.. สี่หมื่นห้าพันยูโร) เอ่อ.. มันเยอะป่ะเนี่ย.
    3 Statement มียอดเงินรวมหมื่นสามพันกว่ายูโร (แฟนบอกเป็น extra account เอาแค่นี้ก็พอแล้วเอาทั้งหมดมาโชว์มันเว่อร์ไป)
    4 สำเนาพาสปอร์ตหน้าแรก และหน้าที่เดินทางเข้าออกประเทศไทยกี่ครั้งในรอบปีที่ผ่านมา
    5 จดหมายบรรยายรัก เอ๊ย.. ไม่ใช่ ระบุความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นว่าเรามีโครงการจะแต่งงานกันด้วย รับรองว่าจะจ่ายยย... ให้เราหมดทุกอย่าง แบบไม่ต้องกลัวเลยว่าเราจะไปหาจ๊อบพิเศษ (แห่ะ เว่อไปหน่อย)
    6 เอกสารหลักฐานการส่งค่าเลี้ยงชีพมาให้ อิอิ อันนี้สำคัญ (ไม่งั้นอิชั้นอดตาย)
    7 Booking flight

    ส่วนตัวเราก็แค่ไปถ่ายรูป และพกพาสปอร์ตหน้าขาว ๆ ไปอย่างเดียว โห... มันจะได้เร้อออ.... พอดีได้พี่สาวที่แสนดีช่วยให้คำปรึกษา ว่าน่าจะหาหลักฐานการเป็นแฟนไปให้เค้าด้วย เป็นต้นว่า อีเมล รูปถ่าย บิลค่าโทรศัพท์ หรือบิลค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ร่วมกันเงี๊ยะ โห.. ด้วยความที่ไม่เคยคิดถึงสิ่งนี้มาก่อนในชีวิต ไม่เคยเก็บหลักฐานอะไรไว้เล๊ยยย.. ถามแฟนก็บอกว่า ไม่มีอ่ะ ทิ้งหมด อีเมลก็ไม่ค่อยส่งหากันหรอก chat อย่างเดียว บิลค่าโทร. ก็ไม่มี คุณเธอใช้การ์ดแบบโทรพิเศษในราคาถูกโทร. มา อ่ะทำไง คงมีแต่รูปถ่ายหวานแหววตอนมาเที่ยวอยู่เมืองไทยด้วยกันนี่แหละ อิชั้นก็เลือกเอาที่แหววที่สุดปริ๊นออกจากเครื่องคอมตัวเองนี่แหละ ไปเกือบ 10 ภาพ วุ้ยย.. ถ้ายังไม่พอ กะจะยก handy drive ขนาด 2G ให้เลยล่ะ แต่หมดนี้ก็ไม่มั่นใจอยู่ดีว่า เค้าจะเชื่อเร้อออ.. มันดูแปลก ๆ ง่ะ

    แต่ทำไงได้ล่ะ ก็เตรียมเอกสารเท่าที่มีนั่นแหละ ไปเลย เอ๊ย ไปสำนักงานเพื่อการขอวีซ่าออสเตรเลีย อยู่ตึก ไทย ซี ซี ทาวเวอร์ ลงรถไปฟ้าตรงสถานีสุรศักดิ์พอดี๊พอดี เดินเข้าไปเห็นลิฟต์เปิด มีคนเข้าพอดี ก็รีบแจ้นเข้าไปเลย เข้าไปยืนเจ๋ออยู่ตรงกลาง จำได้ว่า(ท่องมา) สำนักงานที่ว่านั้นอยู่ชั้นที่ 34 แต่ไหงตัวเลข 34 มันถึงไม่มีหว่า ข่มความอายถามคนยืนข้าง ๆ ว่า เอ่อ... จะไปชั้น 34 ต้องกดยังไงคะ ได้รับคำตอบว่า อ๋อ..... คุณขึ้นลิฟต์ผิดนะ เดี๋ยวพอพวกเค้าออกกันหมดแล้ว คุณกดลงไปชั้น 1 แล้วไปขึ้นลิฟต์อีกตัวซึ่งอยู่ถัดเข้าไปข้างในอีกหน่อยนะ โห.. หน้าแตกอีกแล้วตู ทำตามคำบอกเล่าของผู้มีน้ำใจคนนั้น ทะเร่อทะร่าออกมาหาลิฟต์ตัวใหม่ โชคดี๊โชคดีเห็นหนุ่มใหญ่มาดดีคนนึง เข้าลิฟต์มาด้วย แล้วเค้าก็กดปั๊บไปที่เลข 34 เฮ่อ... ไปชั้นเดียวกัน ค่อยยังชั่ว

    พอถึงชั้นที่ 34 เดินออกลิฟต์มาไม่กี่ก้าว ก็เห็นแล้วค่ะ สำนักงานเพื่อการขอวีซ่าออสเตรเลีย เห็นยามผู้หญิงคอยตรวจค้นสัมพาระอยู่คนเดียว ใจสั่น ๆ ว่าจะดุเหมือนยามที่สถานทูตเยอรมันรึป่าวน้อ.. เอ้อ..ไม่ดุแฮะ ผ่านเข้าไปรับบัตรคิว ซึ่งเข้าแถวรอลงชื่อกันอยู่หลายคนข้างหน้าเราเป็นคนไทย ผ่านไป ข้างหลังเราเป็นฝรั่ง เจ้าก๊ำ.. รปภ. ผู้แจกบัตรคิว คิดว่าเราควงฝรั่งมาซะนั่น หน้าแตกไปเลย หุหุ เสร็จสิ้นกระบวนการตรวจสอบ ก็มานั่งรอคิวใจตุ๊มๆ ต่อมๆ อีกแล้วชั้น มองไปทางไหน ส่วนใหญ่เค้าก็มากันเป็นคู่ มีคนคอยปรึกษา แต่อิชั้นฉายเดี่ยวมาตามเคย ประสบการณ์จากสถานทูตเยอรมันครั้งนั้น ยังไม่เคยลืม

    เมื่อได้ยินเสียงเรียกเบอร์ตามบัตรคิว ก็รีบลุกทันที ชักช้ากลัวเจ้าหน้าที่เค้าอารมณ์เสีย ไปถึงหน้าเคาเตอร์ก็พยายามยิ้มอย่างที่คิดว่า น่าเอ็นดูเป็นที่สุด อู๊ยยย... ประหลาดค่ะ ได้รับยิ้มหวานตอบกลับมาเชียว น้องเจ้าหน้าที่ตรวจรับเอกสารหน้าตาสะสวยมาก พูดจาอย่างกันเองเรียกเราว่าพี่ด้วย พูดเพราะอย่างนี้จะเรียกเราว่าป้าก็ไม่โกรธหรอกนะ เหอๆๆ พอน้องเค้าตรวจเอกสารที่สำคัญเสร็จ ก็ถามหาเอกสารที่จะทำให้เชื่อได้ว่าสปอนเซ่อเป็นแฟนกันกับเราจริงแท้แค่ไหน ดีน๊า.. ว่าเตรียมเอาไปอย่างที่พี่ในไซเบอร์สาวแนะนำ พอคุณน้องเค้าเห็นรูปหน้าแฟนเราในพาสปอร์ต ทำหน้าตกใจนิดนึง หันไปหัวเราะคิกกับเพื่อนที่นั่งข้าง ๆ พูดกับเพื่อนซึ่งเราก็ได้ยินว่า “ตกใจ เห็นรูปแฟนพี่เค้า นึกว่า ไรอันกิ๊ก” เล่นเอาเราขำกิ๊กไปด้วย เพิ่งรู้นะเนี่ย. ว่าไรอั้นกิ๊ก หน้าเหมือนแฟนเรา เหอๆๆ

    ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี อยากปรบมือให้เจ้าหน้าที่สำนักงานเพื่อการขอวีซ่าออสเตรเลียว่า ว่าน่ารักมาก มีหัวใจในการทำงานอย่างเยี่ยมยอด ถึงแม้เราจะไม่ได้วีซ่า เราก็ไม่เสียความรู้สึกกับการมาติดต่อเลย ระหว่างที่รอผลวีซ่าอยู่นี้ ใจเราก็ตุ๋มๆ ต่อมๆ กระวนกระวาย สงสารแฟนที่พยายามทำให้ทุกอย่าง อย่างที่คิดว่าดีที่สุด แต่เราก็รู้ตัวดีว่ามันคงยาก เพราะเราก็แค่แฟนกัน อยู่กันคนละประเทศอย่างนี้จะให้สถานทูตเค้าเชื่อได้ยังไง พยายามทำใจยอมรับนะ แต่คงอดร้องไห้ต่อหน้าแฟนไม่ได้แน่ ๆ แฟนก็คอยปลอบ บอกว่า ถ้าสถานทูตเค้าต้องการอะไรก็ให้รีบบอก เค้าจะรีบจัดหามาให้( ยกเว้น บิลค่าโทรศัพท์ และในเสร็จค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่มาเมืองไทย เค้าทิ้งหมดแล้ว) แถมสั่งให้บอกเจ้าหน้าที่สถานทูตไปอีกนะ ว่า บอกเค้าด้วยว่าเราจะเอาเงินไปทิ้งที่ออสไม่ต่ำกว่าห้าแสนบาทเชียว อ่ะจ้า.. พ่อคู๊ณ.. แหม... มีโอกาสได้พูด ได้ต่อรองอะไรมั่งก็ดีน่ะสิ เค้าจะโดนปฏิเสธแบบไม่มีเยื่อใยแบบสถานทูตของประเทศยูนั่นปะไร ฮึ.

    แล้ววันนี้เราก็ได้รับโทรศัพท์จากสถานทูต สอบสวนความสัมพันธ์กับแฟนจริง ๆ นั่นปะไรล่ะ ว่าแล้วไม่มีผิด ยังดีที่เค้ายังยื่นโอกาสอันน้อยนิด ให้เราติดต่อขอเอกสารเพิ่มเติมจากแฟน (แต่ใช่ว่าจะได้วีซ่าแน่นอนนะ ขอโทษ) เราก็ไม่รอช้ากดโทรศัพท์ โทร.หาแฟนทันที ทั้งที่ปกติ ไม่เค๊ยไม่เคย (ก็ค่าโทร.มหาโหดอ่ะ) พอแฟนรับสายปุ๊บ ก็รายงานด้วยเสียงอันสั่นเครือว่า โอ้.. my dear.. I may be don’t get the visa.. I need some your document…and the Australia embassy.. they don’t believe our relationship… โฮๆๆ แฟนเราอุทานอย่างตกใจว่า... “Why???.. please tell me baby! What I can do?” “I don’t know.” .ho.. ho.. แห่ะ อ้อนเอาไว้ก่อน แล้วจึงบอกว่าสถานทูตต้องการเอกสารเพิ่ม แต่นี่ไม่ชัวร์ นะ ไม่ได้หมายความว่าเอกสารที่ยูจะส่งให้อีกนี่ แล้วไอจะได้วีซ่าชัวร์ๆ นะบอก.. เฮ้อ....

    แต่งานนี้เราต้องขอชมเจ้าหน้าที่ผู้รับโทรศัพท์ของสถานทูตออสเตรเลียเลยว่า รับโทรศัพท์ได้ดีมาก (เราโทร.เข้าไป) สอบถามเพิ่มเติม เสร็จแล้วเรากลาวคำขอบคุณ เสียงผู้หญิงผู้รับสายตอบกลับมาว่า “ไม่เป็นไรค่ะ ยินดีรับใช้” โอ้... พระเจ้า.... งานนี้ใครเคยเจอมายังไงดิฉันไม่สนแล้วค่ะ ขอชมจากใจจริงเลยว่า เค้าเยี่ยมมาก.. แค่ได้ยินคำนี้ ก็ประทับใจสุด ๆ แล้ว สถานทูตอื่น ๆ จะเอาเป็นเยี่ยงอย่างบ้าง ก็น่าจะดีนะ


    ขอบคุณพี่สาวที่แสนดีในไซเบอร์ ที่คอยให้คำแนะนำและคอยส่งกำลังใจให้อย่างท่วมท้น รวมทั้งน้องชายอีกคนที่คอยตอบคำถามที่ยิงไปหาเสมอ มิเคยที่จะปฏิเสธ ได้คำแนะนำและกำลังใจดีๆ กลับมาทุกครั้ง

    ขอบคุณผู้ตั้งกระทู้สอบถามข้อมูลการขอวีซ่าออสเตรเลีย และผู้ที่เข้าไปตอบทุกท่าน (เราแอบไปอ่านมา) และหากประสบการณ์ในการไปยื่นขอวีซ่าท่องเที่ยวออสเตรเลีย(ในเคสของเรา) ครั้งนี้ จะพอมีเกร็ดความรู้อะไรที่เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นบ้าง เราก็ยินดี(ถึงแม้จะขี้โม้ใส่ feel เยอะไปหน่อย แต่ก็เรื่องจริงนะค้า)

    พลุพลุพลุ

    จากคุณ : คนขี้บ่น+คนไม่เอาไหน - [ 26 ก.พ. 51 05:57:21 A:202.91.19.204 X: TicketID:167489 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom