ความคิดเห็นที่ 1 สวัสดีคุณลุงอิส เรื่องที่เล่ามานี่ช่างอัศจรรย์ดีแท้... ของหนูมีที่เกิดกับตัวเองค่ะ ประมาณ 6 ปีมาแล้ว ฝันว่าเข้าไปกราบท่านพุทธาสที่วัดของท่านที่ภาคใต้ ในฝันท่านนุ่งห่มจีวรสีขาว หนูเข้าไปกราบใกล้ ๆ ท่านก็เอามือลูบหัว แล้วบอกว่า...เออ...มาอยู่กับหลวงพ่อไหม...แล้วหนูก็ร้องไห้ บอกว่าไม่เอา อยากอยู่กับแม่มากกว่า (ตอนนั้นรู้ด้วยว่าตัวเองฝันอยู่) .... แล้วก็ตื่นค่ะ ประมาณสัปดาห์นึงผ่านไป อาเจียนและปวดท้องตัวงอ ไปหาหมอที่รพ.แถวบ้านก็บอกกระเพาะ ฉีดยาแล้วกลับบ้าน ปวดอยู่สามวัน จนวันที่สี่เกือบจะเช้าแล้ว เริ่มไม่ไหว หนาวสั่นอย่างแรง พ่ออุ้มส่งรพ.เดิม อยู่จนเกือบเที่ยงไม่ได้ทำอะไรเลยย้ายรพ. สรุปว่าหมอที่รพ.ที่ใหม่ถามว่าทนมาได้อย่างไร ไส้ติ่งแตกแล้วเนี่ย แตกมากี่วันแล้วก็ไม่รู้ ไม่น่าเชื่อว่ายังอยู่ได้นะเนี่ย...จากนั้นก็นอนรพ.ไปเกือบเดือน... ตั้งแต่นั้นมาเมื่อเห็นภาพท่านจะรู้สึกกลัว ๆ ... บอกไม่ถูก ใจนึงก็รู้สึกว่าโชคดี ที่ได้ใกล้ชิดท่านขนาดนั้น(ในฝัน) อีกใจก็กลัว ๆ นึกอยู่ว่าถ้าเราตอบไปว่าตกลงจะอยู่กับท่าน...ป่านนี้จะได้มานั่งอ่านพันทิพอยู่ตอนนี้หรือเปล่าก็ไม่รู้... จากคุณ : Suweeraya - [ 29 ก.พ. 51 17:58:08 ]

ความคิดเห็นที่ 2 คุณอิสวาสุ อ่านแล้วขนลุกเลยค่ะ จากคุณ : คุณนายเหรียญบาท - [ 29 ก.พ. 51 18:05:34 ]

ความคิดเห็นที่ 3 มีสิ่งมหัศจรรย์เหนือคำบรรยายหลายอย่างในโลกนี้ ที่เจอกับตัวเองคือ มักฝันเห็น เสือ อยู่เสมอ เดินวนรอบเตียงนอน ต่างคนต่างมองกัน แต่ไม่รู้สึกกลัวอะไรเลยค่ะ เฉยๆ มองกันไปมองกันมาอยู่นั่นแหละ ก่อนนั้นคิดว่า หรือเราลืมแก้บนอะไรไม๊ แต่ก็ไม่เคยนะ พอวันหนึ่ง ไปทำบุญที่วัด หลวงพ่อทักว่า มีของรักษา เขาตามมาด้วย ตอนนั้นกลัวมาก ไม่รู้จักของรักษาคืออะไร เคยดูหนังผี เลยคิดว่าเป็นผีที่ไหนตามมา ตกใจมาก แต่หลวงพ่อกลับยิ้มแล้วบอกว่ามี เสือ เป็นของรักษาตัว ประมาณมาคอยคุ้มครอง ค่อยโล่งอก แต่ก็ยังปอดๆอยู่ กลัวถูกคาบกินซะวันใดวันหนึ่งน่ะสิ คุณตาเคยเตือนแม่ว่า ลูกเอ็งมันเกิดเดือนมืด เสาร์ห้า ปีเสือ ถ้าดีก็ดีสุดขั้ว ถ้าชั่วก็สุดขีด หวังว่าดิฉันคงอยู่ประการแรก จากคุณ : jeejeeberry - [ 29 ก.พ. 51 19:46:47 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เคยได้อ่านเรื่องคล้ายๆแบบที่คุณอิสวาสุเล่า ส่วนมากจะเป็นหนังสือที่เกี่ยวกับธรรมมะ ที่บ้านชอบอ่าน จากคุณ : yuy - [ 29 ก.พ. 51 20:11:07 A:124.121.24.195 X: TicketID:124751 ]

ความคิดเห็นที่ 5 สวัสดีค่ะ เึคยแต่ตื่นมาตอนตีห้ากว่าๆ เำพราะกลิ่นธูปหอมฟุ้งทั้งบ้านค่ะ ที่บ้านไม่มีธูป และไม่มีเำพื่อนบ้านที่จะลุกมาจุดธูป ก็ตื่นมาไหว้รับขอบคุณ อีกสองวันต่อมาเำำพื่ิอนตามให้ไปสมัครงาน ไม่ได้หางานอยู่ หลังเรียนจบ ไปเที่ยวนาน และเพิ่งกลับมา หนึ่งอาทิตย์ต่อมา ก็ไปเริ่มทำงาน จากคุณ : frechdachs - [ 29 ก.พ. 51 20:14:03 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ของเจโลเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตอนท้องลูกคนเเรกค่ะ ตอนนั้นทำงานอยู่โรงเเรมแถวรามฯ แล้วเช่าอพารท์เมนท์อยู่ในย่านหมู่บ้านเสรีฯ เรื่องนี้ถึงจะเกิดขึ้นเมื่อ 14 ปีที่แล้ว แต่ก็ยังจำติดหัวแม่นเหมือนเพิ่งเกิดสดๆร้อนๆเลย เมื่อครั้งที่ท้องลูกคนเเรก เจโลอายุราวๆเบญจเพส แต่ก็ยังโลดโผนไม่รู้จักระวังเนื้อตัวนัก ยังใช้มอเตอร์ไซค์ไปไหนมาไหนกับแฟนตลอดยันท้องโย้ใกล้คลอด คนเฒ่าคนเเก่เห็นแล้วก็บ่นกันงึมงำ แต่เราไม่รู้สึกว่ามันอันตรายอะไร คิดว่าสะดวกรวดเร็วดีออกสำหรับชีวิตเมืองหลวง เรื่องมาเกิดตอนใกล้คลอดรอมร่อแล้ว น่าจะท้องราวๆ 7-8 เดือนได้(ลูกชายคลอดก่อนกำหนด 1 เดือน ไม่รู้เป็นเพราะแม่นั่งแมงกะไซค์มากไปหรือเปล่า) วันนั้นกำลังนอนกลางวันตามปกติ เพราะทำงานโรงเเรมต้องเวียนกะ คนท้องก็ไม่เว้น ถ้าเดือนไหนเข้ากะดึกก็ต้องอาศัยนอนกลางวันเอา เเล้วก็ฝันว่ามีคนแก่เดินเข้ามาจากทิศทางประตูรั้วอพาร์ทเมนท์ เดินดิ่งตรงมาหาเราที่ห้องเลย เเล้วก็พูดด้วยน้ำเสียงดังฟังมีอำนาจ(แต่ไม่ใช่เอ็ด)ว่า "ไอ้หนู วันนี้ห้ามออกไปข้างนอกเด็ดขาด" เราก็ถามกลับ "ทำไมเหรอคะ ทำไมไปไหนไม่ได้ล่ะ" คนแก่ตอบ "ไม่ต้องถาม แต่จำไว้ วันนี้ห้ามออกไปข้างนอกเด็ดขาด" แล้วคำสั่งนั้นก็ราวกับว่า มันสะท้อนย้อนไปย้อนมา ก้องอยู่ในกระโหลกเรา โดยเฉพาะคำสุดท้ายว่า "เด็ดขาด ๆ ๆ ๆ" จนสะดุ้งตื่น รู้สึกตอนนั้นจะราวๆบ่ายแก่ๆ ลุกมาล้างหน้าล้างตา หาอะไรกินหยุบหยับตามประสาคนท้อง แล้วก็นั่งเอนหลังดูทีวี สักพักเห็นแฟนเดินกลับมาจากห้องเพื่อนชั้นบน คว้ากุญเเจรถเครื่อง เรา:  เอ้า จะไปไหนล่ะพ่อ แฟน:  ออกไปกดเอทีเอ็มหน้ารามหน่อย เดี๋ยวมา เรา:  เออ ไปด้วยคนสิ ว่าจะไปซื้อของที่โฮมเฟรชมารท์(ในเดอะมอลล์หน้าราม)พอดี แฟน:  ไม่ต้องไปหรอก ขี้เกียจคอยเธอซื้อของ เดี๋ยววันหลังค่อยซื้อ เรา:  ก็เค้าอยากไปวันนี้นี่นา แฟน:  ไม่เอาน่ะ วันนี้ขี้เกียจ ไว้พรุ่งนี้ค่อยไปนะ ถ้าเป็นปกติเราก็คง ง๊องแง๊ง งอดแง่ด จนเขาอ่อนใจยอมตามใจจนได้ แต่วันนั้นไม่รู้ทำไมแฮะ เกิดขี้เกียจเซ้าซี้ซะงั้น เออ ไม่ไปก็ได้ฟะ ทั้งที่ตอนนั้นยังไม่ได้นึกถึงเรื่องฝันนะ เกือบหนึ่งชั่วโมงผ่านไป ขณะที่ดูทีวีไป นึกไปอยู่ ว่ากดเอทีเอ็มแค่หน้ารามฯ ทำไมไปเป็นชั่วโมงหว่า สงสัยอยู่ได้ไม่นาน แฟนก็เปิดประตูห้องเข้ามาพอดี ในสภาพแขนและฝ่ามือถลอกปอกเปิกเลือดซิบๆ แฟนเล่าให้ฟังว่า หน้ารามรถติด(ตามปกติของมันเเหละ) มอเตอร์ไซค์ก็ขี่เลาะตามร่องกันไปเรื่อยๆ จู่ๆยัยคนนั่งหลังรถเก๋งคันนึงเปิดประตูผัวะออกมา คาดว่าคงจะอาศัยติดรถเพื่อนมาลงตรงนี้ พอเห็นรถติดอยู่ เลยเปิดประตูจะลงมันเลนกลางนี่เลย ก็จังหวะแฟนขี่มอเตอร์ไซค์มาพอดี เลยชนเข้าให้โครมใหญ่ รถไปทาง คนไปทาง แต่เนื่องจากที่ไม่ได้ขี่มาเร็ว ก็เลยไม่เจ็บมาก เจ้าของรถลงมาคุย ก็ตกลงกันได้ พอเราได้ยินปุ๊บ ขอบอกว่าขนหัวลุกชัน ความฝันที่เพิ่งจะผ่านไปเมื่อตอนบ่ายและไม่ได้ใส่ใจ รีเพลย์ขึ้นมาในหัวสมองทันที นี่ถ้าเราออกไปด้วยจะเป็นอย่างไร ถึงรถจะวิ่งมาช้า แต่คนท้องแก่ใกล้จะคลอดอยู่แล้ว ถ้าตกกระเด็นลงมาจากรถมอเตอร์ไซค์มดลูกแตก มิตายทั้งแม่ทั้งลูกหรือ? นับตั้งแต่นั้นมา จากที่เคยแค่ยกมือไหว้ศาลพระภูมิตรงประตูรั้วเฉยๆเวลาเข้าออกอพาร์ทเมนท์ เจโลก็เริ่มซื้อพวงมาลัยและผลไม้ถวายพระภูมิทุกวันพระ และเลยไปถึงเริ่มไหว้ศาลพระภูมิบ้านอื่นหรือสถานที่อื่นที่เราต้องเข้าออกด้วย ทุกวันนี้ก็ยังติดนิสัยนี้อยู่ค่ะ ขอยืนยันว่าเรื่องที่เล่ามาเป็นความสัตย์จริงทุกประการค่ะ จากคุณ : Jennifer Lowclass - [ 29 ก.พ. 51 20:49:22 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เด็กๆโตในโรงบาล เคยฝันเห็นหลวงปู่วัดปากน้ำ (หลวงพ่อสด) ตั้งแต่เด็กๆ เล่าให้คนฟัง เขาว่าหลวงปู่มาคุ้มครอง ต่อมา หลวงพ่อเล็ก ตอนเป็นเจ้าอาวาสวัดปากน้ำมาอาพาธที่โรงบาล ทีหลังก็ตาย (คำพระเรียกไร นึกไม่ออก เดี๋ยวก็คงออก) ฝันเห็นอีก เล่าให้คนฟัง เขาว่า หลวงลุงมาคุ้มครอง เลยยึดถือ หลวงปู่ หลวงลุง มาตลอด มีคนให้พระ เหรียญ ห้อยคอมาตลอด ทีนี้จะทำอะไรก็สวดมนต์ขอ มักจะได้ พี่ชายคนโต บวชที่วัดปากน้ำ ตอนนั้นสอบทุน ก.พ. บอกพี่ชายว่า พี่ตู๋ขอหลวงปู่ให้ด้วย ไม่กี่วันพี่ตู๋ บอก หลวงปู่บอกว่าได้ ได้โลด ต่อมาพี่ตู๋เป็นมะเร็ง ทีแรกที่ตับ รักษาหาย ต่อมาลามไปที่กระดูก พ่อเอามาดูแลกันที่บ้าน พี่ตู๋รอจนเราได้กลับไปเจอ วันนั้น ตอนเดินลงมาข้างล่าง ผ่านห้องพระชั้นสอง แวะเข้าไปสวดมนต์ สวดเสร็จบอกหลวงปู่ ถ้าถึงเวลาพี่ตู๋จะไป หลวงปู่มารับพี่ตู๋ไปด้วยนะคะ เดินลงมาข้างล่าง พ่อนั่งเล่นคอมอยู่ห้องทางซ้าย ในใจคิดว่า โผล่หน้าเข้าไปดูพี่ตู๋ ในห้องทางขวาซักหน่อยก่อน เปิดม่านดู เห็นพี่ตู๋หายใจกระตุกๆ เลยไปบอกพ่อ พ่อพ่อ มาดูพี่ตู๋ ทำไมหายใจกระตุกๆ พ่อรีบเข้าไปกอดพี่ตู๋ ตะโกนใส่หู พระอรหังลูก พระอรหัง พ่อร้องไห้ เกิดมาไม่เคยเห็นพ่อร้องไห้ พ่อบอกพี่ตู๋ว่าพ่อกับแม่ภูมิใจที่หนูเกิดมาเป็นลูกของพ่อแม่ ชาติหน้า เกิดมาเป็นลูกพ่อกับแม่อีก พ่อบอกพี่ตู๋ว่าไม่ต้องห่วงน้องต้น (ลูกชายคนเดียว) พ่อจะดูแลให้ พระอรหังลูก พระอรหัง ทีนี้หนูจะไม่ต้องเจ็บอีกแล้ว ...... จนพี่ตู๋เงียบไป ........................... งานสวดพี่ตู๋ น้าตะลุ่ม แม่ชีที่วัดปากน้ำ เห็นหน้าเรา น้าตะลุ่มบอก ไอ้เรานี่มันเก่งนะ เลยรู้แน่ว่า พี่ตู๋ไปอยู่กับหลวงปู่ สบายไปแล้ว ตอนนี้น้าตะลุ่มก็ตายไปสามสี่ปีแล้ว วันนั้น มาถึงวันนี้ 9 ปี เมื่อวันเกิดพี่ตู๋ 29 สิงหาปีที่แล้ว พี่ตู๋มาเยี่ยมที่บ้านใหม่ ที่อังกฤษ เอากะแกดิ อิอิ มรณภาพ นึกออกแล้ว แฮ่ๆ บอกแล้ว เดี๋ยวก็นึกออก แก้ไขเมื่อ 01 มี.ค. 51 01:40:26 แก้ไขเมื่อ 29 ก.พ. 51 21:26:44 จากคุณ : ta/'o-o/' - [ 29 ก.พ. 51 21:23:05 ]

ความคิดเห็นที่ 8 This story happened long time ago when I was still working in Bangkok. I normally went out to smoke in the staircase area between floors of the building where I usually met this cleaning maid (yeah I know smoking is not good but it's not the point here lol). I had a chance to talk to her occationally and we became very acquainted. Well not many people really like to talk to the cleaning maid but I did knew her well. Anyway, one day she told me of a dream she had that she heard a bang on her roof. The next morning she told her husband to look on the roof and he found a buddha amulet. She told me in exitement about this discovery. I assured her that this could have been a good sign. Not long after that something of unexpectation occurred. The story was told of a cleaning maid who was excosied for a moment in the men restroom on the particular floor I worked in. She fainted and someone found her. For a few months after that incident I had to walk up or down or take the elevator to another floor to use the restroom. I wonder this kind of incident has never happened before but why did it happened? But what happended was a big deal as we all know. We had blessing ceremony and the spirit house in the office compound was flooded with offerings. con't next จากคุณ : Thai Texan - [ 29 ก.พ. 51 22:51:00 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ขนลุกไปด้วยค่ะ จากคุณ : thaispicy - [ 29 ก.พ. 51 22:56:50 ]

ความคิดเห็นที่ 10 Anyway, not long after that, the cleaing maid was gone. One day she showed up dressed so much different. She dressed much nicer in more expensive dresses. I talked to her and asked how she had been doing. She told me that she won the first prize lottery. I was so excited and congratulated her. I was so happy that she had a better life now. So that's that. A month passed by and I had a chance to meet here again when she visited the company to meet with her friends. She told me that she won a second prize lotto the next month after she won the first. Holy Molly Sh##! What in the world could this be. Anyway, only a handful of people knew that the maid who got exocised won the lottery. The spirit house (phra phom) is flooded with worshippers. Only few people knew of the dream she had though.  I found this incident very intriguing. Strange indeed!!! แก้ไขเมื่อ 29 ก.พ. 51 23:23:33 จากคุณ : Thai Texan - [ 29 ก.พ. 51 23:04:10 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ของดิฉัน... ไม่ใช่เรื่องประหลาดอ่ะ แต่เป็นเรือ่ง "แปลก" มากกว่า เรื่องเพิ่งเกิดเมื่อบ่ายวานนี้ค่ะ เรียกว่า "พรหมลิขิตบันดาลชักพา" แบบแปลก เมื่อวานนี้ลมแรง หนาวเย็นมาก... กำลังเดินกลับบ้านจากไปจ่ายตลาด สองไหล่หิ้วถุงผ้าดิบใส่ของหนักจนตัวเอียง... พอก้าวเท้าขึ้นบนฟุตปาท ตาก็เหลือบไปเห็น นกพิราบ(ป่วย) ยืนหงอยอยู่ขอบฟุตปาท... ด้วยลมแรงตึงๆ จึงไม่มีนกพิราบตัวไหนบ้าเดินเล่นบนฟุตปาทเลย.. มีแค่นกตัวนี้.. จึงรู้ว่า นกป่วย เพราะคนเดินผ่านกันใกล้ตัวนก ก็ไม่เดินหนี ยืนซึม ในใจเราบอกกับตัวเอง... เดินจากไปซะ อย่าไปมอง จากนั้นก็เดินตัวเอียงหิ้วของหนักไปยี่สิบเมตรได้... ก็ได้ยินเสียงกระพือปีกพรึ่บๆ จึงหันหลังไปมอง... มีนกพิราบตัวหนึ่ง บินมาตกพรุ่บข้างหน้าเรา ท่าบินที่ตกลงมาแบบเสียศูนย์เต็มที่แล้ว เราเห็นปั๊บก็รู้ว่า เจ้านกตัวเดียวกันนี่แหล่ะ... เราก็อุทานมา "โอ โน" ในใจบอกกับตัวเองว่า โอ๊ย.. ไม่เอาแล้วนะ อย่าใจอ่อน เดินจากไปซะ อย่ามอง เราใกล้จะถึงบ้านแล้ว ในหัวเรื่มคำนวนปรี๊ดปร๊าดทันทีว่า... จะลป่อยให้นกตายแบบอนาจข้างถนนแบบนี้.. หรือจะให้เขาตายอย่างอบอุ่นในตึกที่เราอาศัย... คิดๆๆๆๆหนัก ถึงบ้านเราตัดสินใจเอากล่อง(อดีตกล่องนี้เคยไปใส่นกพิราบตัวก่อนหน้ามาแล้วเดือนธันวาคมปีที่แล้ว) เอาถุงพลาสติคสองใบไว้สวมมือเพื่อจับนก... เราเดินหาๆดูว่าอยู๔ไหน... ในใจก็ปลอบใจว่า.. เออ ขอให้นกมันบินไปที่อื่นเหอะ อย่าให้เห้นเลยนะ... ก็ยังเดินมองหาตามหน้าร้าน ไปเจอนกยืนซึมที่หน้าประตูทางเข้าอพาทเมนท์แห่งหนึ่ง จึงไปหยิบใส่กล่อง และ นำมาให้ความอบอุ่น อาหาร และ น้ำ... ในกล่องกระดาษพักสำรอง ที่เคยเลี้ยงนกพิราบตัวแรก ถ้านกตัวนี้อยู่ข้างนอกข้ามคืนก็จะตายไปแล้ว... แต่เราไปเช็คดูมา เขายังมีชีวิตอยู่แล้วเริ่มมีรอยจิกกินอาหารในถวยไปบ้าง.. หวังว่าเขาหายป่วยไปเอง (ค่ารักษาแพงมาก และ สัตวแพทย์ก็คงให้ฉีดยาตายไป) เราจึงต้องเลี้ยงไปแบบเท่าที่เราทำได้ ถ้าจะตายก็ให้เขาตายไปอย่างอบอุ่น เรื่องของความแปลก... ที่ไหงนกต้องบินมาตกตรงหน้าเราด้วย ทั้งๆที่เดินจากมาตั้งไกลมากแล้ว คนอื่นๆก็เดินกันให้ควั่ก... เล่าให้ลูกๆฟัง เขาหัวเราะกันใหญ่ว่า นกคงมีเซ้นส์นะแม่ ปล. ไม่เอาไว้ในบ้านนะ เพราะนกป่วย เอาไว้ข้างนอกในกล่องทรงสูง เราต้องระวังสุขภาพตัวเองด้วย แก้ไขมีตกหล่น แก้ไข... เอารูปนกพิราบแปะไว้ ให้เขามองเป็นเพื่อน จะได้ไม่เหงา แก้ไขเมื่อ 29 ก.พ. 51 23:50:01 แก้ไขเมื่อ 29 ก.พ. 51 23:49:19 จากคุณ : JidNince - [ 29 ก.พ. 51 23:47:27 ]

ความคิดเห็นที่ 12 หรือว่า จากนกพิราบตัวแรกที่ไปช่วยชีวิตมาจากข้างถนน แถวบ้าน... ไปเจอตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่แล้ว... ปัจจุบันกลายเป็น "แขกบ้าน" ที่เราไม่ได้อยากเชิญ แต่จำต้อง... กลายเป็นนกพิราบ "ปีกหัก" ไปแล้ว ตัวแรกตัวนี้ .. กลายเป้นนกที่ปล่อยบินอิสระไม่ได้แล้ว... เขาปกติดี เรานำเขามาเลี้ยงในกรง เอาพลาสติคคลุมกันฝุ่นจากขนนกกระจาย ..ไม่มีที่จะวางกรงแล้ว กรงอยู่ทางเข้าออกบ้าน... เข้าบ้านกันทีก็เบียดๆแทรกๆตัวกัน กำลังหาตามเว้บไซ้ท์ที่ "Rehab Center" ให้นกตัวนี้อยู่ หายากมากๆ ถ้าปล่อยไปก็ตาย เขานไม่ได้แล้ว ตอนไปเจอไม่รู้ว่าปีกหัก มีแต่ขนถูกทึ้งจนเกรียน ท่านใดทราบแหล่ง Rehab Center ในอเมริกา สำหรับ Non releasable feral pigeons ช่วยบอกผ่านด้วย จักขอบคุณในความกรุณา แก้ไขมีสะกดตกหล่น แก้ไขตรวจทานครั้งที่สอง แก้ไขเมื่อ 29 ก.พ. 51 23:59:29 แก้ไขเมื่อ 29 ก.พ. 51 23:57:41 จากคุณ : JidNince - [ 29 ก.พ. 51 23:57:13 ]

ความคิดเห็นที่ 13 พวกที่มีโอกาสสัมผัสสิ่งแปลก  มักจะเป็นคนใจอ่าน  หวั่นไหวง่าย มักเกิดตั้งแต่กลางเดือนตุลาคมถึงปลายธันวาคม  ยิ่งผสมกับเกิดวันพฤหัส  ยิ่งสัมผัสสิ่งแปลกๆได้เร็ว  บางครั้งผ่านสถานที่บางแห่งจะมีความรู้สึกเสี้ยววินาทีว่าเคยมาที่แห่งนี้ทั้งๆที่ไม่เคยมา  แบบนี้เรียกว่าแต่ปางก่อนเคยผ่านที่แห่งนี้   และเป็นช่วงวินาทีที่ระลึกชาติได้  ถ้าจะเห็นผี  คนกลุ่มนี้จะเห็นก่อน บางครั้งหากมีเหตุการณ์ร้ายที่เกิดขึ้นกับคนใกล้ชิด  จิตใจจะมีความรู้สึกแปลกๆคล้ายๆมีความกดดันแบบไม่รู้สาเหตุ บั้ยปลายชีวิตมักจะไปทางพระทางเจ้ามากกว่ากลุ่มอื่น   /หนังสือสัมผัสที่ 6 จากคุณ : BKK (LENTIYO) - [ 1 มี.ค. 51 01:42:50 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ไม่เคยเจอเป็นเหตุการณ์แบบคุณอิวาสุ  เคยแต่ฝันซึ่งเคยเล่าที่นี่แล้ว ขอเล่าอีกทีละกัน เมื่อปีที่แล้วฝันถึงน้องชาย(ลูกลุง)ซึ่งตายไป 7-8 ปีแล้ว  มาเข้าฝันบอกว่าอยากกินแกงส้มมะละกอ เขาบอกว่าเขาไม่ชอบแกงส้มผักที่ทำให้เขา วันรุ่งขึ้นเราก็โทรไปบ้านที่ไทยและบอกน้องสาว  เธอก็อุทาน..อูย...ขนลุก...ขนลุก  เราก็ว่าอะไรว่ะขนลุก..ขนลุกอยู่ได้ เธอก็บอกว่าป้า(แม่เลี้ยงของคนที่ตาย)เพิ่งทำแกงส้มผักใส่บาตรไปเมื่อสองวันก่อน อะไรจะบังเอิญขนาดนน อูย...ขนลุกด้วยคนเลยเรา จากคุณ : ตกตะกอน - [ 1 มี.ค. 51 02:20:14 ]

ความคิดเห็นที่ 15 คุณ : JidNince ต้องระวังนะครับ นกพิราบอาจจะนำโรค แต่ที่ปีกหักอาจจะไม่มีปัญหาก็ได้ ขอให้การช่วยสำเร็จ มีเรื่องแปลกๆกันทั้งนั้นนะครับ ผมเองเคยฝันเห็น เห็น กากะบาด จุดสี่จุด กับ อีก หนึ่งจุด เรียงเป็นแถวกลางอากาศ ซื้อหวย 041 ถูก 2 บาท ได้มา พันสองร้อยบาท! เมื่อราว 10 ปีที่แล้ว มีคนเอากระดูกท่อนแขนของคนมาอเมริกา จากเมืองไทย ถ้าผมจำไม่ผิดเป็นของบ้านเชียง ในท่อนกระดูกมีกำไลสำริด คนที่เอามาคืนวัดญาน บอกว่าไม่สามารถเก็บไว้ที่บ้านได้ต่อไป พอดีมีพระองค์หนึ่งมาจากเมืองไทย ท่านบอกว่าท่านรู้ว่ากำไลนี้ควรจะอยู่ที่ไหน ท่านเอาไปเมืองไทย ให้ผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งยังมีชีวิตอยู่ในขณะนี้ ท่านบอกว่าเป็นเจ้าของเดิม ทุบกระดูกเก่าแตกแล้วเอาไปเผาที่วัด ผู้หญิงคนนั้นสวมกำไลนั้น ถอดไม่ออกอีกเลย (ภรรยาผมสนิทกับพระและผู้หญิงดังกล่าว) จากคุณ : อิสวาสุ - [ 1 มี.ค. 51 02:34:11 A:71.114.84.246 X: TicketID:146114 ]

ความคิดเห็นที่ 16 คห.14 โดนใจค่ะ เพราะเหมือนพี่สาวเรา คือว่า พี่สาวเราน่ะ เขาออกจากบ้านเช้าตรู่ บังเอิญ เช้าๆจะมีพระเดินน่ะค่ะ เขาก็ซื้อของในเซเว่น เลยนึกเอามาม่า ใสบาตรซะงั้น..โดยเห็นพี่สาวเราว่า เขาภาวนา ใสบาตรให้ยายน่ะค่ะ สองสามวันต่อมา แม่เราบอกว่า ยายเข้าฝันว่า ใครมะรู้เอาก๋วยเตี๋ยวมาให้กิน ก๋วยเตี๋ยวไรไม่รู้ ไม่มีลูกชิ้น ผักก็ไม่มี..... เหอะๆๆๆๆ ขนลุกกันทั้งบ้านเลยอ่ะ.......โอ๊วๆๆๆๆ จากคุณ : c_la_vie - [ 1 มี.ค. 51 02:57:23 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ขออีกเรื่องๆๆ (ที่จิงมีอีกเยอะ ที่รู้และเห็นมากับตัวแต่มันยาว เอาแค่นี้ก่อน) มีครอบครัวหนึ่ง อยู่ที่ฝรั่งเศสนี่ล่ะ เขาเล่าให้เราฟังว่า ลูกชายเขาเกิดอุบัติเหตุขั้นโค่ม่า หมอฝรั่งบอกว่า ทำใจได้เลย...นอนเป็นนิ่งไปเดือน จากนั่น มีผู้หญิงไทยคนนึงที่รู้จักเขา เอาสร้อยพระที่ห้อยที่คอให้ยืมเอาไปแคว้นให้ลูกชายเขา แค่นั้นแหระ ไม่ถึง อาทิตย์ ลูกชายเขาฟื้นเลย และก็เป็นปกติ.... ช่วงที่พักฟื้นพี่เขาพูดเหมือนเด็กๆเลย แล้วก็พูดว่า "หนูจะเป็นคนดี ไม่กินเหล้า สูบหรี่"..พอหายแล้ว เขาก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมและล่าให้ครอบครัวเขาฟังว่า..เขาเดินไปทางที่มืดๆ..แล้วไปเจอสัตว์ พวกวัว ควาย และคน ผสมกันไป เรียงต่อแถวกันไปไหนไม่รู้ (แล้วก็มีคน แต่หัวเป็นไก่ เป็น วัวก็มี) แล้วพี่เขาก็กำลังจะเดินไปต่อ แต่มีพระองค์นึงเรียกเขาว่า มาทางนี้ ตรงนั้นยังไม่ใช่ที่ของเอง...ไป เดินกลับไปซะ...แล้วพี่เขาก็ทำตามอ่ะ.... แม่พี่เขาก็ขนลุกไปเลย... แต่พี่เขาก็ยังทำตัวไม่อยู่ในศีล(แบบว่า ไม่เอาไหนอ่ะนะ และก็ออกแนว ฝรั่งๆ พ่อแม่ไม่สน..ชีวิตกรู) สรุป ชีวิตพี่เขาตอนนี้ ลำบากสุดๆ ชีวิตทุกข์น่ะ ชีวิตครอบครัวและการเงิน แย่ไปเลย ... จนประสาทจะเสียอ่ะ)... นี่ขนาดเห็นจะๆ อย่างนี้ยังไม่คิดเปลียนนิสัยอีกอ่ะ ... ว่าไป อยู่ตปท.มาตั้งแต่เด็กๆ เลยไม่เชือเรื่องพระเจ้า...สงสัยอีกไม่นาน ทางที่พระท่านเคยว่า "ยังไม่ใช่ที่ของเจ้า" คงจะเป็นที่ของเข้าอีกไม่นานนี้.......เอยยยยย ปล. เราได้คุยกะพี่คนนี้ด้วย...เรื่องจริงทุกประการ... จากคุณ : c_la_vie - [ 1 มี.ค. 51 03:10:14 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เรื่องประหลาดของผมเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 29 กุมภาฯ 2531 เป็นวันที่ผมเดินทางมาประเทศอังกฤษ มีเพื่อนสนิทมากๆคนหนึ่งชื่อจุ๊บแจง คบกันมา 4 ปีกว่าๆความจริงอยากจะบอกว่าเราเป็นแฟนกัน แต่เธอไม่ชอบคำว่าแฟน สำหรับเธอมีแต่คำว่าเพื่อน และภรรยา เธอก็มาส่งผมที่สนามบินดอนเมืองพร้อมกับคุณพ่อคุณแม่ของเธอ คำอวยพรของเธอมันทำให้ผมอึ้งมากๆ เธอบอกว่า " ถ้าเราไม่ได้แต่งงานกันตามที่เคยตั้งใจเอาไวแจงจะไม่เสียใจเลย แต่จะเสียใจมากๆถ้าลืมว่าเราเคยเป็นเพื่อนกัน " ผมก็คิดในใจว่าอ้าว ทำไมพูดแบบนี้ คือผมบอกกับเธอและคุณพ่อคุณแม่เธอว่าเรียนจบแล้วจะกลับมาหมั้นกับแจง แล้วพร้อมเมื่อไหร่จะแต่งงานกัน ผมถามเธอว่าทำไมถึงจะไม่ได้แต่งงานกันล่ะ กลัวผมจะไปหลงรักแหม่มอังกฤษเหรอ ถ้ากลัวก็บินตามมาเรียนด้วยกันสิ เธอก็บอกว่าไม่ได้กลัวเป็นแบบนั้นแต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงพูดแบบนั้นเหมือนกัน ขอโทษด้วยนะ หลังจากนั้นไม่นาน วันที่ 10 มิถุนายน 2531 ผมก็ได้รับข่าวร้ายจากทางบ้านว่า จุ๊บแจงและครอบครัวประสพอุบัติเหตุ ขณะเดินทางไปทำบุญวันเกิดให้ผมที่จังหวัดเพชรบุรี ขณะที่พิมพ์อยู่นี้น้ำตาไหลเลยครับ อยากจะบอกให้เธอได้รับรู้ว่า ผมไม่เคยลืมเธอเลยตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา และจะจดจำเพื่อนสนิทมากๆคนนี้ตลอดไป ปล. เรียกว่าเรื่องประหลาดไม่รู้ว่าจะเหมาะหรือเปล่า แต่มันแปลกตรงที่มันมีความรู้สึกเหมือนกับจะไม่ได้พบกันอีก ตอนได้ยินคำลาของเธอใจผมมันหวิวๆ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากเพราะตื่นเต้นกับการเดินทาง จากคุณ : CHISWICK - [ 1 มี.ค. 51 04:35:04 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ไม่มีเรื่องเล่าอะค่ะ เข้ามาลงชื่อ ไม่ทราบว่ามีใครเชื่อเรื่องระลึกชาติได้บ้างคะ จากคุณ : Tabbie cat - [ 1 มี.ค. 51 05:15:39 ]

ความคิดเห็นที่ 20 อ่านแล้วขนลุกค่ะ เมื่อเรียนมหาวิทยาลัยปีหนึ่งขึ้นไปเที่ยวเชียงใหม่กับเพื่อนๆหลายคน พักอยู่บังกาโลที่โรงแรมรถไฟ ดึกแล้วซักผ้าจะหาที่ตาก จำได้ว่าเอาเชือกม้วนเล็กๆวางไว้บนเก้าอี้ใกล้เตียง หาไม่เจอค่ะ ช่วยกันหาอยู่ตั้งนาน ขนาดลงคลานกับพื้นเลยก็ไม่เจอ คลานไปคลานมาก็เจอบนเก้าอี้นั่นแหละค่ะ อื๋ย อีกครั้งไปทำศพแม่ค่ะ เช้ามืดได้กลิ่นแกงของโปรดที่แม่เคยทำให้หอมฉุยขึ้นชั้นบน ตกสายถามน้องว่าคนครัวเขาทำกับข้าวอะไรแต่เช้ามืด น้องบอกว่าคนครัวยังไม่มาทำงานเลย อ้าว สงสัยแม่กลับมาเยี่ยมแฮะ จากคุณ : ป้าเองค่ะ - [ 1 มี.ค. 51 06:30:06 A:68.23.168.37 X: TicketID:167239 ]

ความคิดเห็นที่ 21 คุณ : CHISWICK Very sad story indeed krub. คุณ : Tabbie cat อยากฟังครับถ้าเป็นเรื่องของคุณหรือคนที่คุณรู้จัก จากคุณ : อิสวาสุ - [ 1 มี.ค. 51 06:32:03 A:71.114.84.246 X: TicketID:146114 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ความคิดเห็นที่ 13   พวกที่มีโอกาสสัมผัสสิ่งแปลก  มักจะเป็นคนใจอ่าน  หวั่นไหวง่าย มักเกิดตั้งแต่กลางเดือนตุลาคมถึงปลายธันวาคม  ...........................  ถ้าจะเห็นผี  คนกลุ่มนี้จะเห็นก่อน............ จากคุณ : BKK (LENTIYO) ___________________________________________________________________________ เจโลเกิดเดือนตุลาฯค่ะ ขอเห็นผีหลังคนอื่นเห็นกันหมดแล้วได้ไหมคะ?  T T จากคุณ : Jennifer Lowclass - [ 1 มี.ค. 51 08:43:38 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ของเพื่อนที่เขาเล่าให้ฟัง เขาบอกบางทีจะเห็นหรือรู้สึกอะไรแปลกๆ อย่างทีหนึ่ง เห็นผู้หญิงที่ยืนอยู่ที่ฟุตบาท น้องรู้สึกว่าเขา zip กระโปรงแตก พอเขาเดินผ่านมา หันไปดู เขา zip แตกจริงๆ อีกทีเขาบอกว่าฝันว่าขโมยเข้าบ้านพ่อแม่ที่เมืองไทย เข้าทางหลังบ้าน ด้วยความกังวล เพื่อนโทรไปหาแม่บอกให้ระวังไว้ แม่ก็หัวเราะ ต่อมาอีกสองอาทิตย์ แม่โทรมาบอกว่า ขโมยเข้าบ้าน เข้าทางหลังบ้านอย่างที่ลูกบอก พระเครื่องดีๆหายไปเยอะ เสียดายมาก ของดิฉันเคยมีอยู่ครั้ง คือเคยเย็บเสื้อให้หญิงฝรั่งสูงอายุที่ดูดีมากๆคนหนึ่ง อัธยาศัยเขาดีมาก บอกเขาว่า 15 ให้มายี่สิบไรงี้ เย็บเสื้อให้เขาสองครั้งก็ไม่มีเวลาทำให้อีก เวลาผ่านไปนาน คิดถึงเขา แต่แปลกที่คิดว่าจะเจอชื่อเขาใน obituary ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม หลังจากที่ความคิดไม่สบายใจรบกวนอยู่อย่างนั้นสองปีต่อมาก็อ่านเจอชื่อเธอใน obituary จริงๆ ตอนเจอ ยังไปบอกสามีว่า you wouldn't believe.. ยังมีเรื่องหมอฟันอีก หมอฟันดิฉันที่เมืองไทย ไม่รู้แกเก๊กซิมเรื่องไร (หวังว่าคงไม่ใช่เพราะมีเราเป็นคนไข้) สาวด้วย สวยเก่ง แต่แกก็ commit suicideไปเรียบร้อย รู้เรื่องแกแล้วก็เศร้าไปกับครอบครัวเขาด้วย หมอที่เมกา วันหนึ่งไปหาแกก็เจอหมออีกคน ถามว่าอ้าวแกไปไหน ผู้ช่วยบอกแกไปเสียแล้ว คือขี่มอไซค์ช็อปเป้อร์ของแกดีๆที่ NV กับกลุ่มเพื่อน แต่ก็โดนลมหอบแกคนเดียวขึ้นไป แล้วก็หล่นตุ้ป เรียบร้อยซีคะ งานนี้จะเหลือเหรอ กับหมอฟันคนใหม่ของเรา เจ้านี้ก็ชอบๆแกอยู่ ยังนึกอยู่ ว่าดีแล้ว keep it that way ยูอย่ามาทำมือหนักกับไอเชียวนะ กะเดี๋ยวจะเล่าเรื่องหมอคนก่อนๆของไอให้ยูฟัง จากคุณ : PatPDX - [ 1 มี.ค. 51 09:11:20 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ไปๆมาๆ จะกลายเป็นเรื่องประหลาดเกี่ยวกับ "เรื่องผี" ไปซะแล้ว ไม่ได้เกิดช่วงเดือนตุลาคมถึงปลายธันวาคม และ ไม่คิดว่าเกิดวันพฤหัส (จำไม่ได้แล้ว) คิดว่าตัวเองเป็นคนจิตแข็ง แต่มีใจอ่อนแอกับสัตว์ๆที่ลำบาก เรื่องลึกลับนี่ ไม่อยากไปวุ่นวายเกี่ยวข้องด้วย... อยู่ห่างได้จะห่าง แต่ชอบดูหนังสยองขวัญ เลือดสาดกระจายได้ ถึงจิตแข็งก็เถอะ แต่พอไปเมืองไทย ไหงมีความกลัวในสิ่งลึกลับ...ตอนแม่มีชีวิตอยู่ ไปเมืองไทยทีไรต้องไปไหว้พระในห้องพระ... ไม่ชอบเลย ดูวังเวงพิลึก.. ประกอบกับห้องแม่กว้างๆ โล่งๆ เข้าไปห้องแม่ทีไร รีบเปิดไฟทุกดวงสว่างโร่... พอนอนห้องตัวเอง กลางคืนก็เปิดไฟทิ้งไว้... ไม่กล้าไปเข้าห้องส้วมตอนกลางคืน ฉี่ในกระโถนเอา... รู้สึกว่า เมืองไทยมีความลึกลับแฝงอยู่หลายแห่ง... หรือว่าคิดไปเอง... เคยนั่งแชททั้งคืนจนถึงสว่างที่บ้านคนรู้จักในกรุงเทพฯ ไม่เห็นมีอะไร.. มีแต่ยุง กับจิ้งจก... พอมาอยู่ต่างแดน ไม่คิดอะไร บางคืนไม่นอนเลย ทำงานจุกจิกไปจนเช้า คิดไปซะว่า ถ้ามีสิ่งลึกลับ เขาจะไม่มาหลอกหลอนเรา... ชีวิตในโลกนี้ก็วุ่นวายพอแล้ว... แล้วความลึกลับยังจะต้องมาเพิ่มความวุ่นวายกับเราอีกทำไม... เลยต้องมีจิตแกร่งไว้ป้องกันตัวเอง จากคุณ : JidNince - [ 1 มี.ค. 51 10:35:18 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ดิฉันมีญาติผู้พี่ที่สนิทกันมากๆตั้งแต่เล็กๆ พี่คนนี้จะคอยกันไม้เรียวเวลาเราโดนตี เป็นเพื่อนเล่น เป็นเหมือนพี่สาวแท้ๆคนนึงเลย รักกันมาก พี่คนนี้เคยพูดอยู่เสมอตั้งแต่เค้ายังเล็กๆ ว่าชาตินี้เค้าจะไม่มีวันมีลูกเด็ดขาด พอต่อมาเราก็แยกย้ายกันไป ดิฉันก็ไปอยู่อังกฤษ ยาติผู้พี่ก็อยู่เมืองไทย แต่เค้ามีแฟนนะคะ คืนวันนึงดิฉันฝันว่าพี่คนนี้ท้อง แล้วเค้าก็ร้องไห้ใหญ่เลย เพราะเค้าไม่ได้แต่งงาน ในฝันว่าแม่ของพี่เค้าไม่ยอมรับเด็ก เพราะพี่ไม่ยอมแต่งงาน เราก็ด้วยความรักพี่ก็ปลอบไปว่า ไม่เป็นไร ไม่ต้องร้อง เดี๋ยวจะเอาลูกเค้ามาเลี้ยงให้ ตื่นมาก็ยังขำๆ ว่าฝันเข้าไปได้ไง พี่เรามันไม่มีทางจะมีลูกหรอก เค้าพูดปาวๆๆ แล้วเค้าก็อายุ36 เกือบ37 แล้ว หลังจากนั้นก็โทรกลับมาคุยกับแม่ตามปรกติ ยังเล่าให้แม่ฟังเลยว่าฝันเห็นญาติผู้พี่ท้อง แม่ถามว่า "อ้าว !!แล้วแกไม่รู้เหรอ ว่าพี่แกเค้าท้องจริงๆ" นี่ก็ สี่ ห้าเดือนแล้วนะ ดิฉันก็แค่ได้แต่ช็อคค่ะ ว่าทำไมเราถึงฝันแม่นแบบนี้ ทั้งๆที่เราไม่ได้ติดต่อกับพี่คนนี้นานพอสมควรเพระเราอยู่ไกล แล้วพี่เค้าก็ยุ่งๆเรื่องงานตลอด ดิฉันว่ามันเป็นเรื่องของกระแสจิต มีเรื่องประหลาดอีกหลายเรื่องค่ะเกี่ยวกับกระแสจิตของดิฉันกับคนในครอบครัว และญาติมิตร โดยเฉพาะกับแม่ สื่อกันได้แบบน่าตกใจ นึกอยากกินอะไร ไม่ต้องโทรบอก แม่จะทำให้เลยแบบไม่ต้องพูด น่ามหัสจรรรย์ค่ะ แก้ไขเมื่อ 01 มี.ค. 51 10:57:54 จากคุณ : hamble pie - [ 1 มี.ค. 51 10:55:49 ]

ความคิดเห็นที่ 26 คห 3 คุณ jeejeeberry เกิดเสาร์ห้าเหมือนกันค่ะ  แม่เคยบอกเหมือนกันว่าดวงเกิดเราอ่ะ พระท่านบอกว่า เด็กเกิดเสาร์ห้า ถ้าดีก็จะเป็นนักปราชญ์(ดีสุดขั้ว)  ถ้าไม่ดีก็กลายเป็นมหาโจร(ประมาณว่าแย่กว่าโจรหลายขุม)  ชั่วสุดขีด แม่เลยบอกว่า พ่อแม่อยากให้ลูกอ่ะดีอยู่แล้ว ก็เลยเลี้ยงแบบระแวด ระวัง ระแวงไปซะหมด  แม่ยังดีใจที่ทุกวันนี้เรายังอยู่ในขั้นดี (แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงขั้นดีสุดขั้วนะคะ)  ไม่ได้เป็นมหาโจรอย่างที่พระท่านว่าไว้ เพิ่งรู้เมื่อไม่นานมานี้ว่า  เสาร์ห้าจึงเป็นวันที่ใช้สร้างวัตถุมงคล หรือพระต่าง ๆ ด้วยเพราะเป็นวันดีสำหรับสร้างพระ ปีที่แล้ววันครอบรอบเกิดเราก็จังเสาร์ห้าอีกเช่นกัน แม่ก็โทรมาอวยพรปกติ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ส่วนเรื่องคนเกิดวันเสาร์ดวงแข็ง จะมีสัมผัสเรื่อง ผี วิญญาณ หรืออะไรลี้ลับก็แล้วแต่เนี่ย  เราไม่อยากพิสูจย์นะ  กลัวเหมือนกันนนนนน จากคุณ : DEKZA..JA - [ 1 มี.ค. 51 11:01:52 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เมื่อตอนอยู่เมืองไทย น้องที่ทำงานแผนกเดียวกันชวนไปทำบุญ 9 วัดที่ต่าง จังหวัด เพื่อนที่ทำงานก็ไปกันหลายคน วันนั้นเลิกงานแล้วก็ไปรวมตัวกัน ที่บ้านน้อง เพราะว่ารถบขสจะจอดอยู่ทีตลาดใกล้บ้านน้อง วันนั้นก็ตระเวน ทำบุญที่วัดถวายเทียนเข้าพรรษา บางวัดยังไม่มีตัวโบสถ์เลยเป็นเหมือน อาศรมธรรมดา ก็อิ่มเอมบุญกันกลับมาถึงกรุงเทพ ตี 3 ก็เลยนอนค้างที่บ้าน น้อง บ้านเป็นกึ่งไม้กึ่งปูน 2 ชั้นแต่ข้างในบ้านจะดูอึมทึมแปลก ๆ นี่เป็นครั้ง แรกที่มาบ้านน้องก็ขึ้นไปนอนกันชี้น 2 มีห้องอยู่ด้านซ้ายและขวาข้างละ 2 ห้อง ตรงกลางเป็นทางเดินกว้าง เพื่อน ๆ ก็ตกลงนอนกันตรงนี้เพราะว่ามา หลายคน ก่อนนอนก็หันไปเห็นหิ้งพระ อยู่ตรงหน้าห้องก็ยกมือไหว้และกราบ และก็ล้มตัวลงนอนโดยหันหัวไปทางหิ้งพระ ดิฉันได้ที่นอนอยู่ริมสุดติดกับ ตู้เสื้อผ้า ซึ่งดิฉันเป็นคนกลัวผีและชอบจินตนาการว่าจะมีมือออกมาใต้ตู้มั้ย ระหว่างนั้นก็นอนยังไม่หลับ เพื่อนสนิทนอนติดกันก็ยังไม่หลับ ได้ยินเสียง เพื่อนอีกคนละเมอ ร้อง ฮือ ๆ ก็ตั้งใจฟังว่าพูดอะไรก็ยิ่งละเมอเสียงดังขึ้น จนต้องปลุกขึ้นมาเพื่อนเล่าว่าฝันว่ามีผู้หญิงแก่ใส่ชุดขาว มาไล่ไม่ให้นอน ตรงนี้ให้ไปนอนที่อื่น ไล่แบบน่ากลัวกระชากแขนด้วย เพื่อนก็ตกใจก็เลย ร้อง น้องก็เลยตระโกนเรียกแม่เค้า แม่ขึ้นมาพร้อมกับธูปกำใหญ่และมาไหว้ พระที่หิ้ง ตอนนี้ก็นอนกันแบบกระสับกระส่ายยังไงก็ไม่หลับ ดิฉันผล็อยหลับ ไปตอนไหนไม่ทราบ ฝันว่ามีมือมาบีบคอแน่นมาก ดิฉันคว้าได้ตรงข้อมือ พยายามดึงออก แขนแข็งแรงมากและเป็นแขนเหี่ยว ๆ ดิฉันถีบพื้นใหญ่เลย เพื่อนสนิทที่นอนติดกันปลุกดิฉันก็ไม่ตื่น จนต้องยกช่วงบนตัวขึ้นมาให้ตื่น ตอนนี้ทุกคนตื่นกันหมดเลย ไม่กล้าเล่าให้ฟังดูนาฬิกา ตี 5 ชวนกันกลับ บ้านดีกว่าระหว่างที่เดินออกมาขึ้นรถก็เลยเล่าให้ฟัง หลังจากแยกย้ายกัน กลับบ้านดิฉันก็ไปนอนต่อที่บ้านเพื่อนสนิท ซึ่งดิฉันไปค้างบ่อยมากเหมือน เป็นบ้านเราไปแล้ว บ้านเป็นตึก 4 ชั้น แต่แม่เพือนจะมีเตียงนอนทีชั้นลอย ดิฉันก็นอนเตียงนี้เคลิ้ม ๆ ผล็อยหลับไปและก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาเห็นหลานเพื่อน เดินผ่านเตียงไปกำลังจะถึงบันได ถามหลานว่าเมื่อกี๊มาจับขาหรือเปล่า หลานบอก เปล่านี่ ดิฉันก็ขนลุกค่ะ เพราะฝันเห็นผู้ชายแก่ผมขาวและเครา ขาวเอาเล็บทั้ง 5 นิ้วมาจิกและรูดที่ขาจนถึงข้อเท้า ตื่นมาแล้วเรายังมีความรู้ สึกนั้นอยู่เลย เหมือนจริงมาก ก็เล่าให้เพื่อนฟังแล้วก็กลับบ้านตัวเอง เพื่อนโทรมาบอกว่าที่เตียงเรานอนมีหิ้งพระอยู่แต่ไม่ได้บูชาพระ เป็นของ เจ้าของตึกคนเก่า บนหิ้งพระมีรูปฤาษีใส่ชุดขาวอยู่หนึ่งใบ ภายหลังดิฉัน ไปบ้านเพื่อนอีกก็ได้เห็นค่ะ เหมือนในฝันเลยค่ะ ยังคุยกันว่าภายในวันเดียว กันหลังจากทำบุญกลับมาทำไมเราถึงสัมผัสสิ่งลี้ลับหรือว่าเราฝันและคิดไป เอง แต่รูปฤาษีนี้ดิฉันไม่เคยเห็นมาก่อนเพราะว่าหิ้งอยู่สูงและรูปก็นอนอยู่ กับพื่นหิ้ง ส่วนบ้านน้อง เค้ามาเล่าให้ฟังที่ทำงานว่าบ้านเค้ามีเจ้าที่และมีพี่ ที่ทำงานบางคนเคยเจอมาบ้างแต่เค้าไม่กล้าบอกกลุ่มเรากลัวว่าจะกลัวไม่ กล้าไปนอนบ้านเค้า จากคุณ : coast girl - [ 1 มี.ค. 51 12:06:24 A:124.181.249.209 X: TicketID:163162 ]

ความคิดเห็นที่ 28 สนุกจังเลยครับ คุณ Isvasu ช่างตั้งนะ อ่านกลางคืนคนเดียวคงจะน่ากลัวกัน จริง ๆ ก็พอจะมีบ้างล่ะครับ เรื่องแบบนี้ แต่ตอนหลังก็รู้สึกว่ามันก็เป็นเรื่องธรรมดาแล้ว ถ้าหากเชื่อว่า จิตวิญญาณ โลกนี้ โลกหน้า เปรต อสุรกาย ผี เจ้าที่เจ้าทาง มีจริง ก็เป็นธรรมดาครับ ถ้าคนที่มีสัมผัสได้ ก็จะรับรู้ได้ (แต่อย่ามาให้รู้จะดีที่สุด) จากคุณ : Baby (เรื่องง่ายๆของรถถุง) - [ 1 มี.ค. 51 12:26:08 ]

ความคิดเห็นที่ 29 เรี่องของคุณ JidNince ลองไปติดต่อกับ ที่นี้ดูนะครับ http://www.nycacc.org/ สำหรับเต่าเอาไปปลอ่ยที่วัดนี้นะครับ Chuang-yen Monastery http://www.baus.org/baus/about_us/intro_cym.html From New York City: Take I-87 Major Deegan Expressway North. Take Exit 5 Route 100 (Central Avenue) North. Stay left until the second traffic light. Take Sprain Brook Parkway North which continues onto Taconic Parkway North, take the Route 301 East exit (towards Carmel). The Monastery is approximately 1.7 miles on the left side of the road. http://www.pbase.com/jevvi/chuangyen_monastery เข้าไปดูรูปได้ว่าบอ่ใหญ่มากสำหรับเต่าที่จะเอาไปปล่อย  ทั้งสระน้ำผมคิด ว่ามีเต่าแยะทีเดียว ถ้าหากว่าแม่ชีที่วัดนั้นจะไม่จับเอาไปกิน  ผมว่าคงจะมีอีกแยะ ผมเคยไปที่วัดนี้ ประมาณ 10 กว่าปีแล้วครับ จะนั่งรถบัสหรีอรถไฟไปลงที่ Putnum คงจะมีครับ แหะ แหะ กระทู้นี้  ประหลาดจริงๆ  หลังจากวันที่เราคุยกันแล้ว  ผมเกีอบจะลีมเรี่องความรักสัตว์ของคุณ JidNince ไปเสียแล้ว มานึกได้อีกครั้งเมี่ออ่าน เรี่องนกพิราปในกระทู้นี้ จากคุณ : hollywop - [ 1 มี.ค. 51 13:03:46 ]

ความคิดเห็นที่ 30 คุณ : hamble pie เรื่องอ่านใจคนในบ้าน บางทีก็เหลือเชื่อ บางทีผมอยากกินอะไรก็ได้กิน ไม่ต้องเอ่ย ช่างรู้ใจเสียเหลือเกิน หมาผมตัวหนึ่ง แค่คิดว่าจะจับอาบน้ำ เขาเข้าไปแอบใ้ต้เก้าอี้ ไม่ยอมออกมา มีคนรู้จักกัน มาที่บ้าน นั่งตกเก้าอี้ พอนอนกลางคืน นอนไม่หลับ พอตอนกลับเขาเล่าให้ฟังว่า รู้สึกว่าเหมือนมีคนมาถีบ พอนอนกลางคืนก็มีคนมาดึงขา ผมไปฟังคนเข้าทรง เจ้าแม่อุมา ที่อเมริกานี่แหละ ท่านบอกว่า ที่บ้านผมถ้าเป็นคนอื่นจะอยู่ลำบาก แต่ผมจะดี เรื่องเข้าทรงนี่อย่าคิดว่าตลกแต่ก็อย่างมงาย คุณอาาจจะประหลาดใจได้ในบางครั้ง คนปักษ์ใต้ใครรู้จัก ขันเพชร บ้างไหม จากคุณ : อิสวาสุ - [ 1 มี.ค. 51 13:54:01 A:71.114.84.246 X: TicketID:146114 ]

ความคิดเห็นที่ 31 อ่านเรื่องของคุณ CHISWICK แล้ว เหมือนอยากจะร้องไห้เลยค่ะ เพราะคนเราขนาดจากกันแบบเป็น ๆ บางทีนึกถึงยังมีอาการซึม ๆ เหมือนอยากจะร้องไห้เลย นี่จากกันด้วยความตาย ทุกครั้งเวลานึกถึงหรือคิดถึงนี่คงเกิดอาการเศร้า น้ำตาซึมได้ตลอดเวลา จากคุณ : JC2002 - [ 1 มี.ค. 51 19:35:40 ]

ความคิดเห็นที่ 32 สวัสดีค่ะ พี่สุ..มาแชร์ประสบการณ์ด้วย.. สองสามเดือนก่อน..จำได้ว่าคืนวันศุกร์เช้ามาเป็นวันเสาร์..ฝันว่าไปเดินริมน้ำ สักพักมีปลาตัวใหญ่ว่ายมาเหมือนเกยตลิ่ง..ในฝันก็บอกตัวเองว่า..อุ๊ย..เดี๋ยวปลาจะตาย ต้องรีบปล่อยปลาลงน้ำ..ปล่อยไปสามครั้ง เขาก็ว่ายมาเกยตลอด..พอตื่นมาก็เล่าให้สามีฟัง..เขาบอก อืมม์..แปลก..มาดีหรือร้ายละนี่..เค้าเชื่อหลังจากที่เคยบอกฝันบางอย่าง..แล้วก็จะมีเรื่อง ดี หรือ ร้ายตามมา..โดยมีส่วนไปเกี่ยวพันกับฝัน.. ตอนสาย..เขาบอก..ไปเดินตลาดนัด Up State FLea Market ดีกว่า..ไม่ได้ไปนานแล้ว..ตอนจอดรถก็ยังคุยกันว่า..วันนี้ไม่เดินตรงช่วงเปิดท้ายขายนะ..ขี้เกียจดูของเก่า..แต่พอเข้าเขตตลาดนัด เอ..ทำไมเข้ามาช่วงของเก่าอีกละ..เดินไปเรื่อยๆเงียบๆไม่ได้คุยกัน..เห็นว่าอีก5-6บูธก็จะหมดแถวนี้แล้ว..ขาก็ยังพาไปเรื่อยๆ ปกติ..ถ้าไม่อยากเดินโซนอะไรก็จะเลี่ยงออกไปเลย.. ปรากฏว่า..ที่บูธสุดท้าย..สองคน สามี ภรรยา พี่อามีโก้พากันจัดโต๊ะ..เราสองคน..เวลาเดียวกัน..สายตาพุ่งตรงไปที่โต๊ะท้ายบูธ..เจ้าแม่กวนอิมสูงยี่สิบสี่นิ้วตั้งยืนเด่นอยู่บนโต๊ะ..ห่มสไบสีเขียว ประทับยืนบนปลาสีส้มตัวใหญ่..ปกติจะเห็นแต่ปางดอกบัว หรือ ปางมังกร ..ไม่เคยเห็นปางปลามาก่อน..พร้อมใจกันจูงมือเข้าไป สอบถามราคา..พี่อามีโก้บอก..ทเวนตี้ดอลล่าร์..โอววว์..สามีรีบควักเงินจ่าย..กลับมาถึงบ้าน..เห็นป้ายราคาเก่าๆจากห้างสักแห่ง..แปะไว้..320$..สามีบอก..สบายใจละ..ฝันดี.. ตอนเป็นสาวๆ อยู่เมืองไทย..มีอาจารย์ท่านหนึ่งเคยบอกว่า..เธอหนะ..ต้องโฉลกกับเจ้าแม่กวนอิมที่มีสีเขียวนะ..ก็คิดว่า คงเป็นพวกหยกเขียว..ไม่มีปัญญาจะหาแน่ เพราะหยกราคาสูงมาก.. ความจริง..กับพระแม่กวนอิม..มีฝันแปลกๆอีกเรื่อง..ตอนคุณแม่เสียเมื่อสิบกว่าปีก่อน..ไว้เล่าวันหน้านะคะ..(แนบรูปมาให้ค่ะ) แก้ไขเมื่อ 01 มี.ค. 51 19:59:25 จากคุณ : Panissar - [ 1 มี.ค. 51 19:50:56 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ล่าสุด..สัปดาห์ที่แล้ว..ตอนไปเที่ยวปารีส..คืนหนึ่ง ฝันว่าได้พบพระสงฆ์ ในฝันก็บอกตัวเองว่า..ดีใจ อยากทำบุญ..ก็เดินเข้าไปหาท่าน..เดินเท่าไหร่ ก็ไม่ถึงสักที..ตื่นมา..บอกสามีว่า..ฝันแปลกอีกละ..สามีบอก..อืมม์ อาจจะเป็นเพราะเหนื่อยจากการเดินทาง..เดินทัวร์ละมั้ง..ทำใจให้สบายนะ.. พอสาย..ก็พากันไปขึ้น Metro ที่ฝั่งตรงข้าม De Louvre เพื่อไป China Town พอขึ้นจากอุโมงค์ Metro เจอตึกใหญ่เหมือนห้างสรรพสินค้า..ก็ยืน โอ้โห กับคนมากมายได้แป๊บนึง..ได้เห็นพระสงฆ์รูปหนึ่งเดินออกมาจากตึกนั้น..พร้อมกับข้าวของมากมาย..ก็ยืนช๊อคอยู่แป๊บเล็กๆ ในใจนึกถึงฝันคืนนั้น..พอได้สติ..รีบวิ่งตามท่านไป..นิมนต์ท่านให้หยุด..จึงได้ถวายปัจจัยเป็นการทำบุญสมใจ.. สามีบอก..Its miracle. (แนบรูปมาเช่นกันค่ะ) ป.ล. อยากทำบล็อคเรื่องปารีสจังค่ะ..แต่ไม่มีปัญญา..เปิดบล็อคไว้โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์..คิดว่ามันง่าย..ไม่ง่ายเลยยย แก้ไขเมื่อ 01 มี.ค. 51 20:22:49 แก้ไขเมื่อ 01 มี.ค. 51 20:20:04 จากคุณ : Panissar - [ 1 มี.ค. 51 20:14:05 ]

ความคิดเห็นที่ 34 คห33 เราเชื่อเรื่อง deja vu แต่ว่าเรื่องเจอพระ ที่เขต13 ไม่มิราเคิล เพราะมีประจำ....แง่ก!!! จากคุณ : c_la_vie - [ 1 มี.ค. 51 21:41:02 ]

ความคิดเห็นที่ 35 คุณคห.ที่ 26 DEKZA..JA (ชื่อคุณเขียนยากชะมัด แต่ก็แปลกดี) ยินดีที่ได้รู้จักพวกเสาร์ห้า ที่ว่าดวงแข็งน่ะ ไม่รู้หรอกว่าเป็นไง แต่ที่แน่ๆจงรู้เถิดว่า พวกนี้แหละ ปอดแหก กลัวผีที่สุดในโลก ว่าแล้วก็ขอเล่าต่อ ประสบการณ์ประหลาดอีกรอบ นอกจากชอบฝัน หรือบางครั้งครึ่งหลับครึ่งตื่น เห็นเสือเดินวนรอบตัวแล้ว ก็มักมี อะไร บางอย่าง มาเตือนเหตุ สมัยหนึ่ง เล่นของค่ะ เน้น เล่นของแบบ ไสยศาสตร์ทำเสน่ห์ เลยล่ะ นู่น ..เข้าไปในป่า หานักบวช ให้สีผึ้งนวดเอาไว้ทาปาก ทาลิ้น มีคาถาท่องด้วยนะ นัยว่าสามารถดึงสามีที่หอบผ้าไปอยู่กับเมียน้อย ให้กลับมาหาเรา ทั้งเชื่อถือศรัทธาแรงกล้า ยิ่งทา ยิ่งถู ปั๋วยิ่งหายหัว ยิ่งทำยิ่งร้อนรน พอเขากลับมาก็หาเรื่องด่า คืนหนึ่งฝันเห็นชายแก่ นุ่งขาวห่มขาวมาขอสีผึ้งนี้คืน บอกให้วางซะ แล้วเอาตำรานี้ไปอ่าน มองเห็นหนังสือเล่มหนา เป็นภาษาแปลก ชายแก่ผู้นั้นบอกว่า เจ้ามีปัญญาดี จะรู้ได้เอง วิ่งเข้าป่า ตามหานักบวชผู้นั้น ซักไซ้จนได้ความว่า ไอ้เจ้าสีผึ้งทาปากนั่นน่ะ มันทำมาจาก .. .. .. ลิ้นผีตายโหง จากคุณ : jeejeeberry - [ 1 มี.ค. 51 22:02:43 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ^ ^ ^ ว้ายยยยย.... จากคุณ : PatPDX - [ 1 มี.ค. 51 22:34:10 ]

ความคิดเห็นที่ 37 คคห ที่สามสิบสี่คะ มิราเคิลของสามีเขาหมายถึง..ฝันถึงพระสงฆ์เช้ามาก็ได้เจอพระสงฆ์หนะค่ะ.. เข้าใจค่ะว่าที่เขตสิบสามเป็นย่านคนไทยด้วย..คงคล้ายๆกับที่แอล.เอ.ย่านไทยทาวน์..ไม่แปลกสำหรับคนที่คุ้นตา ดิฉันอยู่นิวเจอร์ซี่ย์..จึงไม่เจอค่ะ..นอกเสียจาก ต้องไปตามหา.. จากคุณ : Panissar - [ 1 มี.ค. 51 22:36:51 ]

ความคิดเห็นที่ 38 เคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับลางสังหรณ์ค่ะ เมื่อสี่ปีที่แล้ว เพื่อนชวนไปเที่ยว ก็เลยนั่งจัดกระเป๋า จัดไปจัดมา มือก็หยิบไปโดนเสื้อสีดำ ก็เลยหยิบออกมาดู แล้วคิดในใจว่า เสื้อตัวนี้ซื้อมาใส่สำหรับไปงานศพ ยังไม่เคยใส่เลย คิดแล้วก็เก็บเสื้อกลับที่เดิม และจัดกระเป๋าเดินทางต่อจนเสร็จ เพราะต้องเดินทางเช้าวันรุ่งขึ้น ปรากฏว่า กลางดึกคืนนั้น มีโทรศัพท์มาที่บ้าน บอกว่าน้องชายประสบอุบัติเหตุ อาการหนักมาก ซึ่งต่อมาเค้าก็เสียชีวิต เราก็เลยได้หยิบเสื้อสีดำตัวนั้นออกมาใส่ไปงานศพน้องชายของตัวเอง จากคุณ : นิดหน่อย - [ 1 มี.ค. 51 23:39:13 ]

ความคิดเห็นที่ 39 จ๊ากคห.35 ลิ้นผีตายโหง ....... จากคุณ : quilt - [ 1 มี.ค. 51 23:52:18 ]

ความคิดเห็นที่ 40 อะจ๊ายยย แล้วรสชาติสีผึ้งมันเป็นยังไงบ้างค่ะคุณ jeejeeberry ? ดีนะเนี่ย เจ้าของลิ้นไม่ได้มาตามหา "อาวลิ้นของกรูคืนมาาาาาาา" บรึ๋ยสสสสส์ จากคุณ : Jennifer Lowclass - [ 2 มี.ค. 51 01:18:32 ]

ความคิดเห็นที่ 41 หวาดเสียวเรื่องของคุณ : jeejeeberry เพิ่งได้ยินนี้แหละครับ คุณ : Panissar โชคดีแล้วครับ จากคุณ : อิสวาสุ - [ 2 มี.ค. 51 05:22:51 A:71.114.84.246 X: TicketID:146114 ]

ความคิดเห็นที่ 42 เมื่อคืนนอนไม่หลับเลย นึกถึงเหตุการณ์แล้วขนหัวตั้งทุกที สยองจนทุกวันนี้เลยค่ะ เล่าถึงกรรมวิธีการทำซะหน่อย เดี๋ยวขอมองซ้ายมองขวาก่อนนะ อ้อ..เพดานและใต้โต๊ะด้วย เขาขุดผีตายโหง(ถูกยิง)มาตัดลิ้น แล้วนำมาเคี่ยวน้ำมัน จะน้ำมันอะไรไม่ได้ถาม เคี่ยวไปท่องคาถาไป เอาเหล็กแหลมๆมาจิ้มหลายๆที คงทำเหมือนหมูสับน่ะ พอเริ่มงวดแห้ง ก็นำขี้ผึ้งแบบที่ทำเทียนมาผสม เคี่ยวจนเข้าเนื้อเดียวกัน ระหว่างเคี่ยวก็ท่องคาถาอีก ได้มาเป็นหม้อดินแบบหม้อแม่นากเลย ยัง ยังไม่หมด เอายันต์มาแปะฝาหม้อ แล้วสวดอีก 7 อังคาร คือสวดเฉพาะวันอังคารเท่านั้น 7 ครั้งก็เดือนกว่าๆ ทีนี้ก็แจกให้พวกบ้ากามทั้งหลาย แต่เขาตรวชะตาก่อน ก็คงจะดูก่อนมั้งว่ามีแววจับไข้หัวโกร๋น หรือถูกหักคอตายหรือเปล่า แล้วเราก็ได้มากราบไหว้บูชา ทาปาก ทาลิ้น กินลิ้นผีลงท้อง ปลุกผีเข้าตัวเองนานเกือบเดือน จนของรักษาเผ่นราบเข้าป่า เดาว่าคงไปฟ้องฤาษีชีไพรที่ไหนล่ะมั้ง จนได้มาบอกด้วยตัวเอง โก่งคอรากแตกรากแตน กินอะไรไม่ลงไปเป็นอาทิตย์ ส่วนสามีก็ลับเข้ากลีบเมฆไปตามระเบียบ คำเตือน..ไสยศาสตร์มีจริง แต่อย่าริลองของ อวิชชามีแต่ทำให้ชีวิตตกต่ำ เจอมาแล้วกับตัว รอดมาถือว่ายังมีบุญรักษา อ้อ..ลืมตอบค่ะ ขี้ผึ้งผีมีสีเหลืองนวลปนดำคล้ำ ไม่มีรสชาติ แถมมีกลิ่นหอมอ่อนๆจากขี้ผึ้งแท้เสียด้วยสิ แก้ไขเมื่อ 02 มี.ค. 51 10:38:53 จากคุณ : jeejeeberry - [ 2 มี.ค. 51 10:34:39 ]

ความคิดเห็นที่ 43 คุณอิสวาสุ ที่ถามเรื่องระลึกชาติเพราะความอยากรู้น่ะค่ะ แต่ไม่ได้เจอกับตัวก็มีอ่านเจอในหนังสือแล้วก็ฟังเขาเล่าต่อๆกันมา ดิฉันเป็นคนใต้แต่ไม่เคยได้ยินเรื่องขันเพชรอะค่ะ คืออะไรเหรอคะ? คุณjeejeeberry เรื่องลิ้น...น่ากลัวๆๆๆๆๆ จากคุณ : Tabbie cat - [ 2 มี.ค. 51 12:18:26 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ไอ๊หยา..... เรื่องของคุณjeejeeberry คุณ : Tabbie cat ขันเพชร ผมจำได้ตอนเป็นเด็กมากๆ เขาจะเอาขันมาใส่น้ำมนต์ แล้วมีไม้เหมือนไม้เรียววางไว้บนขัน คนทรงจะเอาไม่นั้นมาถือและภาวนา ถ้าของหายภายในบริเวณใกล้เคียง ไม้นั้นจะนำคนทรงไปหาของมักจะวิ่ง ผมเคยวิ่งตามสนุกมาก วิธีนี้ใช้ขู่เด็กชอบโขมยได้ผลดีนัก ทำนองเดียวกับของจีนเวลาเขาทำพิธีล้างป่าช้า คนทรงจะชี้ไปว่าให้ขุดตรงนั้นตรงนี้จะเจอกระดูกให้เอาขึ้นมา จะเจอจริงๆ โดยไม่ต้องใช้ Radar Detector เรื่องขันเพชรนี้ศาสตราจารย์ชวนกำลังค้นคว้าอยู่ จากคุณ : อิสวาสุ - [ 2 มี.ค. 51 13:41:06 A:71.114.84.246 X: TicketID:146114 ]

ความคิดเห็นที่ 45 กระทู้นี้ยิ่งอ่าน ยิ่งมันส์ เรื่องที่คุณ jeejeeberry เล่า เล่นเอาเราคลื่นไส้เลยอ่ะตอนที่อ่าน Ps. ขอโทษนะคะคุณjeejeeberry  ที่ชื่อเขียนยาก (DEKZA..JA )คือไม่รู้จะใช้ชื่อไหนมันมีคนใช้ไปซะหมด เลยเอาชื่อนี้ล่ะ แล้วยืนยันว่าถึงจะดวงแข็ง  แต่เราก็กลัวผีสุดๆๆจริง ๆ ค่ะ  ขนาดดูหนังผีทีเนี่ย เพื่อนเต็มบ้าน ยังดูแบบเอาผ้าห่มปิดตา ฟังแต่เสียงเลย (เพื่อนยังแซว ว่าไม่ได้ดูละครวิทยุนะ...เล่นคลุมโปงทั้งเรื่อง)   เคยเอาหนังผีไทยมาดูกับเพื่อนที่บ้าน  เช้าอีกวันรูมเมทมาถามว่า ยูดูหนังอะไรเมื่อคืน Horror movie หรอ ได้ยินเสียงยูร้องตลอดเลย  มันน่ากลัวมากเลยหรอ? เพื่อนที่มาค้างด้วย บอก ไม่น่ากลัวหรอก(สำหรับคนอื่น) แต่ มัน(ตัวเรา)กลัวขนาดหนัก ตัวเองเคยเจอแบบผ่าน ๆ แต่เนื่องจากขี้กลัวเจอพยายามทำใจ (จริง ๆ แล้วพยายามเลี่ยง หรือโกหกตัวเองมากกว่า) ว่าตาฝาด หูฝาด แค่บังเอิญอะไรประมาณนี้อ่ะค่ะ อ่านเรื่องคนอื่น ๆ แล้วมหัศจรรย์เหมือนกันเนอะ โลกเราเนี่ย ขนาดวิทยาศาสตร์ก้าวไปไหนต่อไหนแล้ว  เรื่องอย่างนี้ก็ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ชัด จะพิสูจน์ได้ก้ต่อมเมื่อเจอกับตัวเองเท่านั้น  ซึ่ง..... ..... ..... เราไม่อยากเจอ จากคุณ : DEKZA..JA - [ 2 มี.ค. 51 15:20:03 ]

ความคิดเห็นที่ 46 เป็นกระทู้ที่ตั้งใจอ่านมาก เหมือนกะตอนอ่านหนังสือเตรียมสอบเลย อิอิ อ่านไปคิดตามไป เห็นภาพไป แล้วก็ขนลุกไป เหอเหอ จากคุณ : White River - [ 2 มี.ค. 51 15:31:39 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ผมประหลาดตัวผมมากกว่า ไม่เคยเจอ ไม่เคยคิด ไม่เคยฝันถึงเรื่องเหลือเชื่อประหลาดๆเหมือนใครเขาเลย ทั้งเรื่องผี เรื่องวิญญาน เรื่องความศักดิ์ศิทธ์ของคน หรือสถานที่ คือใจมันไม่ไปด้วยครับ ใครมาเล่าให้ฟังก็ไม่เชื่อ และเห็นเป็นขำซะอีก อยากเจอเองจังเลย จะได้เชื่อไปกับเรื่องเหล่านั้น ว่าจริงหรือไม่จริง จากคุณ : smartupid - [ 2 มี.ค. 51 16:03:08 ]

ความคิดเห็นที่ 48 เคยฝันตอนเด็กมากๆ สักสามสี่ขวบว่าตัวเองกำลังอยู่ในทุ่งหิมะ มองไปทุกที่มีแต่หิมะขาวโพลนไปหมด แล้วตัวเองก็ค่อยๆ เลื่อนไปข้างหน้าเรื่อยๆ จนมาเจอหลุมกว้างใหญ่มาก แล้วความรู้สึกก็เหมือนวูบดิ่งลงไปในหลุมนั้น ตกใจตื่นทุกคืน ฝันซ้ำๆ ซากๆ อยู่อย่างนั้น ฝันจนจำได้ว่าพอเห็นตัวเองอยู่กลางหิมะอีก ก็คิดในฝันว่าไม่อยากเลย เดี๋ยวกต้องตกลงไปในหลุมนั่นอีกแล้ว ที่แปลกคือตัวเองอยู่เมืองไทยมาตลอดตั้งแต่เด็ก และเมื่อสี่สิบกว่าปีก่อนก็ไม่น่ามีสื่ออะไรมีภาพเกี่ยวกับหิมะเหมือนปัจจุบัน  จนโตมาขนาดนี้ก็มีอันให้มาอยู่เมืองที่มีชื่อเสียงด้านสกีรีสอร์ท  บอกตามตรงว่าเพิ่งจำความฝันวัยเด็กได้ ไม่กล้าเล่นสกีเลย จากคุณ : แปลกดี (คนไม่หลับไม่นอน) - [ 2 มี.ค. 51 16:45:28 ]

ความคิดเห็นที่ 49 บางคนมีจิตสื่อวิญญาณ บางคนก็ไม่มี ไม่รู้ว่าพวกที่มีนั้นเป็นบุญหรือกรรมกันแน่ เขาเรียกสัมผัสที่ 6 ดูเหมือนประเทศพัฒนาแล้วก็ยังเชื่อถือเรื่องนี้ ที่ว่ากรรมก็อาจเป็นเพราะ เรายังเป็นปุถุชน เดินดินกินข้าวแกงข้างถนน ยังไม่หลุดพ้น ใจยังไม่ถึงธรรมะ แล้วต้องมาเจอกับเรื่องพิสดาร ฝันเห็นบ้าง เห็นจะๆกับตาบ้าง ประสาทจะกิน ที่ว่าบุญคือ ได้มีโอกาสช่วยเหลือวิญญาณสัมภเวสีที่อดหยาก เมื่อทำบุญไป จิตใจเราก็สบาย ได้โอกาสบอกเขาว่าไม่ต้องมาอีกเด้อ เดี๋ยวจะมาเล่าต่อนะ ว่าหลังจากทิ้งขี้ผึ้งผีนั่นไปแล้ว ต้องล้างอาถรรพ์กันอย่างไร แล้วเจออะไรบ้าง ไปเจียวไข่กินก่อน จากคุณ : jeejeeberry - [ 2 มี.ค. 51 18:48:14 ]

ความคิดเห็นที่ 50 เรื่อง ชาติที่แล้ว หรือกรรมเก่าของแต่ละคน อยากให้ดูในรายการตีสิบค่ะ ลองเข้า youtube.com แล้ว search กรรมเก่า แล้วคุณจะได้รู้อะไรอีกเยอะ...ว่างๆลองเข้าไปดูนะคะ อยากให้ดูจริงๆ จากคุณ : um... - [ 2 มี.ค. 51 20:13:21 A:74.76.194.56 X: TicketID:169185 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ตอนที่ผมยังไม่ได้มาเรียนหนังสือที่กรุงเทพ ผมเห็นคนเข้าทรง แล้วไม่เชื่อว่าเป็นจริง ผมก็ท้าทายว่าลองทำให้เป็นคนทรงซิแล้วผมจะเชื่อ มีการทำพิธี นุ่งห่มขาว เขียนยันตร์ตามฝ่ามือฝ่าเท้า แล้วให้ผมหลับตา นั่งจนง่วง ไม่มีอะไรเกิดขึ้น สมัยก่อนผมจึงไม่เชื่ออะไรเลย พออายุมากขึ้น น่าสนใจมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้ถึงกับเอาจริง หรือมองข้ามไปเสียทีเดียว เรื่องคาถาอาคม ก็เช่นเดียวกัน เคยท้าทาย เดี๋ยวนี้รู้สึกว่าน่าสนใจ และอีกอย่างหนึ่งคาถา ส่วนใหญ่คือคำสวดในพระพุทธศาสนา และแปลได้ ตามปกติ จะกลับมาอ่านเรื่องพิธีแก้อาถรรพ์ครับ คุณ : jeejeeberry จากคุณ : อิสวาสุ - [ 2 มี.ค. 51 20:14:28 A:71.114.84.246 X: TicketID:146114 ]

ความคิดเห็นที่ 52 เข้าไปดูเรื่องกรรมเก่า ใน youtube.com ที่คุณ um... #50 แปะไว้ ไปดูแล้วก็เข้าใจนะคะ แต่จะว่าไปตัวเองก็ยังทำตามไม่ได้อยู่ดีน่ะ เพราะบางทีเราต้องทำกับข้าวกับปลา ยังอาจจะต้องสร้างกรรมเรื่องการฆ่าอยู่ เช่น พวกปู ปลา ก็ว่ากันไป ยิ่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้วก็เพิ่งไปซื้อปูสดมาทำกับข้าวกินอยู่ด้วย แต่ยังดีหน่อยนะที่ปลาที่นี่เค้าฆ่าไว้แล้ว  แต่ปูนี่สิถ้าซื้อปูที่ตายแล้วก็คงไม่อร่อยแน่ ๆ ดีไม่ดีเจอปูเน่าอาจจะแย่กว่าอีก ทีนี้ก็นึกสงสัยไปอีกว่าถึงแม้เราจะไม่ได้เป็นคนฆ่าพวกเค้ามาทำอาหารโดยตรง แต่ถ้าเรายังกินพวกเนื้อสัตว์อยู่ ก็น่าจะบาปอยู่ดี เพราะถือว่าเป็นการสนับสนุนให้มีการฆ่าโดยคนที่เค้าทำกับข้าวขายให้เราซื้อมากิน แต่สุดท้าย ก็ยอมทำบาปต่อไป เพราะคงเลิกกินเนื้อสัตว์ไม่ได้แน่ ๆ เลย...ก็พูดไปในแบบของปุถุชนธรรมดาคนนึงน่ะนะคะ จากคุณ : JC2002 - [ 2 มี.ค. 51 21:40:19 ]

ความคิดเห็นที่ 53 กลับมาเล่าต่อค่ะ พี่อิส แต่นั่งเล่ากลางคืนนี่ จิตมันตกนะคะ คอยหวาดระแวงอยู่เรื่อย ขนาดหมาข้างบ้านเห่ายังสะดุ้งเลย ด้วยความกลัว รีบเอาขี้ผึ้งตลับนั้นโยนทิ้งน้ำเอาดื้อๆ ไม่รู้ว่าอาถรรพ์มันอยู่ในตัวเองแล้ว เท่ากับเลี้ยงผีในตัว มันร้อนรุ่มในอก ใจฮึกเหิมอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน หรือใจเราสั่งตัวเอง คิดไปต่างๆนาๆ แต่ฝันร้ายทุกคืน เห็นแต่ภูติผีปีศาจ ได้แต่เก็บความลับคับทรวงอยู่คนเดียว ไม่กล้าบอกใคร กลัวเขาจะสมน้ำหน้า หรือว่าเราเพี้ยนได้ เพราะปกติก็มักสัมผัสสิ่งเหล่านี้อยู่เสมอ แต่ไม่กล้าพูด คนไม่เชื่อก็มาก เพียงแต่คราวนี้แปลกไป เพราะมันน่ากลัวผิดปกติ ทุกข์ทรมานเหลือเกิน เล่าซะยืดยาว ถึงคราวแก้ไขเสียที ตอนนั้นเรียนป.โทมหิดล วันนั้นเรียนไม่รู้เรื่อง ร้อนในหัวอก จึงไปกราบองค์พระที่พุทธมณฑล ถ้าใครเคยเข้าในบริเวณลานพระไตรปิฎก ความใสของหินอ่อนที่จารึกพระธรรม จะเห็นเงาสะท้อนตัวเอง ..ดิฉันเห็นค่ะ เงาของตัวเองมีเงาผู้ชายสูงใหญ่อีกคนซ้อนทับอยู่ ! จากคุณ : jeejeeberry - [ 2 มี.ค. 51 22:42:23 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ^ ^ ^ ชักสนุก...แต่น่ากลัวจัง จากคุณ : PatPDX - [ 2 มี.ค. 51 23:13:34 ]

ความคิดเห็นที่ 55 หรือว่าเราตาฝาด สมองเบลอ ใจปั่นป่วนจนเพี้ยนไปแล้ว งานนี้เห็นทีต้องไปกราบหลวงตาให้ช่วยหลานนอกคอกคนนี้ซะแล้ว หลวงตาจำพรรษาที่วัดป่าทางภาคอิสาน ดิฉันนั่งสารภาพบาป สิ่งที่หาเรื่องใส่ตัว หลวงตาท่านพิจารณาสักครู่ ไม่พูดอะไร แต่สีหน้ากังวล ท่านสั่งให้นอนวัด 3 ราตรี แล้วไปหาของมาล้างอาถรรพ์ในตัว -ไข่ไก่ดิบใหม่ 2 ฟอง (แต่ดิฉันเอามาเป็นถาดเลย แบบอยากลองของอีกแหล่ะ) -ใบพลูเก็บใหม่เท่าอายุ (ตอนนั้นแค่ 37 ค่อยยังชั่ว ถ้าเป็นตอนนี้คงหมดต้น) -แป้งมัน/น้ำสะอาด 1 ถัง -เครื่องบัดพลีบูชา กระทงหน้าวัว / กระทงเหลี่ยม 9 ช่อง ข้าวเหนียวดำ แดง หมากพลูบุหรี่ อาหารหวานคาว เหล้าขาว อันนี้แม่ชีจัดการให้ -อื่นๆ จำไม่ได้แล้ว นี่ถ้าไม่ใช่คุณตาของตัวเองล่ะก็ จะคิดว่าถูกหลอกป่าวหว่า ทีนี้ก็นอนหงายสายสิญจน์มาล้อมตัว ใบพลูวางที่บริเวณอก แขน ขา มือกำไข่ไก่ กับแป้งมันปั้นเป็นก้อน หลวงตาก็สวดมนต์ นานมากจนเราเมื่อย หลวงตาเหงื่อแตก เสร็จสรรพ -ใบพลูไปล้างน้ำสะอาด อุ..แม่เจ้า ใบพลูเก็บสะอาด พอลงน้ำ กลับมีแต่หยากไย่ ใยแมงมุมเต็มไปหมด -ไข่ไก่ ใหม่สด 2 ใบที่กำในมือ ตอกมา กลับเป็นไข่เน่า มีเศษเนื้อ เศษผม (ขณะที่ไข่ในถาดเดียวกันยังใหม่สด) นี่หรืออาถรรพ์ในตัว ไม่เห็นกับตาไม่เชื่อเด็ดขาด ถ้าไม่ใช่ญาติผู้ใหญ่ของเราเอง คิดว่าเล่นกลหลอกตังค์แน่นอน นอนวัด 3 คืน วัดป่าติดภูเขาสูง วังเวง  หลวงตาบอกได้ยินเสียงอะไรให้นิ่งเสีย โอ๊ย..เสียงโหยหวนน่ะสิ ไม่ใช่ลม ไม่ใช่ใบไม้ แต่เสียงอะไรหรือใครไม่รู้ หวีดหวิว ครวญคราง แอบมองเห็นกุฏิหลวงตายังจุดเทียน เรารู้ว่า หลวงตาไม่ได้นอนทั้งคืน เราก็เช่นกัน กลัวจับขั้วหัวใจ 3 คืนแห่งความกลัวผีผ่านไปอย่างช้าๆ  วันสุดท้ายของการอยู่วัด หลวงตาสวดมนต์เชิญของรักษากลับคืนเพื่อปกปักคุ้มครองหลานตัวแสบ ลูกหลานทำบาปต่อหลวงตาแท้ๆ ขอขมาด้วยเถิด นับแต่นั้นไม่เคยข้องแวะกับเรื่องเหล่านี้อีกเลย ขอจบอย่างโล่งอก ความลับนี้เก็บไว้เกือบ 10 ปี ขอขอบคุณชาวไกลบ้านที่อ่านเรื่องราวและเข้าใจทุกอย่าง ไม่คิดว่าดิฉันเพี้ยนไปแล้ว จากคุณ : jeejeeberry - [ 2 มี.ค. 51 23:30:28 ]

ความคิดเห็นที่ 56 โอ้โห หวาดเสียว คุณjeejeeberry ใจแข็งมาก ขอชื่นชมที่คุณเปิดเผยเรื่องนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะมาเล่าให้ใครฟังได้ นับถือค่้ะ เล่าแล้วสบายใจขี้นมากไหมคะ ดีใจที่คุณพ้นทุกข์มาได้ด้วยดี หลวงตามีบุญคุณมาก ขอร่วมแสดงความศรัทธาด้วยค่ะ เราขออยู่ห่างค่ะ ไม่ลบหลู่ และไม่ท้าทาย จากคุณ : frechdachs - [ 3 มี.ค. 51 05:10:55 ]

ความคิดเห็นที่ 57 คุณอิสวาสุ ขอบคุณความรู้เรื่องขันเพชรค่ะ มีการค้นคว้าจริงจังแบบนี้ อีกไม่นานก็คงจะได้รู้ความจริงนะคะ ว่าเป็นไปได้ยังไง คุณjeejeeberryดีใจด้วยค่ะที่ผ่านมาได้โดยปลอดภัย คงต้องทำบุญเยอะๆนะคะ กระทู้อ่านสนุก ทั้งๆที่กลัว ผอ สระอี ก็สั่นสู้ค่ะ โหวตให้แล้วด้วยค่ะ ^_^ จากคุณ : Tabbie cat (Tabbie cat) - [ 3 มี.ค. 51 08:12:49 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ตั้งใจจะมาเล่าเรื่องประหลาดที่เจอ แต่หลังจากอ่านๆของคนอื่น คงต้องเก็บของตัวเองไว้ (มันธรรมดามาเมื่อเทียบกับของคนอื่น) จากคุณ : pixp - [ 3 มี.ค. 51 11:07:05 ]

ความคิดเห็นที่ 59 เพื่อนเป็นฝรั่ง เค้าเสียชีวิตแต่ว่า ตัวเองไม่แน่ใจว่าเวลาเราทำบุญไปให้ เค้าจะได้รับมั๊ยน่ะค่ะ เพราะเค้าไม่ได้นับถือศาสนาพุทธค่ะ และปกติทุกวันพุธ ที่ทำงานจะใส่บาตรกันค่ะ เวลาใส่บาตรให้เค้าก็จะนึกเสมอว่า "เธอได้มั๊ย ที่ชั้นใส่ไปให้ถ้าได้ก็มาบอกชั้นด้วยนะ"  พูดเป็นภาษาไทยบ้างอังกฤษบ้าง(กลัวเค้าฟังไม่ออก) คืนวันอังคาร(ก่อนวันใส่บาตร)ก็ฝันว่า เค้ามาหา หน้าตาสะอาดสะอ้าน ใส่ชุดสีขาว มายิ้มให้แต่ไม่ได้พูดอะไร พอตื่นเช้ามาเป็นวันพุธเลยใส่บาตรไปให้เค้า ก็เลยเดาเอาว่า เค้าคงมาบอกว่าเค้าได้แล้ววววว... (เย้ๆๆ.. กลัวมันหิวน่ะค่ะ) จากคุณ : ให้มันได้อย่างงี้เซ่ - [ 3 มี.ค. 51 11:10:15 ]

ความคิดเห็นที่ 60 เรื่องเหมือนเกิดขึ้นเมื่อวาน จำได้ว่านอนหลับกลางดึกที่ญี่ปุ่น ความรู้สึกเหมือนมีคนมากระชากตัวไป สถานที่ที่ถูกพาไปนั้นคือเมืองไทย บ้านเก่าที่เคยอยู่สมัยเด็ก คนที่ดึงตัวไปนี้เป็นชายหนุ่มเข้ามากราบที่เท้า เเละพูดคล้ายส่งจิตถึงกันว่า " มาขอขอบคุณพี่xxสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้รับ ผมไม่มีโอกาสได้ตอบเเทนพี่..เลย " เเค่นั้นตัวเราเหมือนถูกคว้างกลับ ตกใจร้องไห้ลั่นบ้านเมื่อต่อมาทราบข่าวว่า น้องซึ่งเป็นนักบินคนนี้ถูกผู้ก่อการร้ายยิงตกในระหว่างปฎิบัติหน้าที่ ถูกไฟคลอกทั้งตัว ใครไม่เชื่อเรื่องเเบบนึ้ ดิฉันคนหนึ่งค่ะประสบด้วยตนเอง จากคุณ : ศิริกัลยา (YUCCA) - [ 3 มี.ค. 51 11:29:35 ]

ความคิดเห็นที่ 61 อ่านของแต่ละเรื่องแล้วขนลุกเลยค่ะ บางเรื่องก็แบบแปลกมากๆ เพลินไปเลย เล่าของเมย์บ้างดีกว่า ไม่รู้ว่าพวกพี่ๆน้องๆห้องไกลบ้านจะเชื่อเรื่องร่างทรงมากแค่ไหน แต่ก่อนเมย์ก็ไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่หรอกค่ะ เพราะร่างทรงนั้นไม่ใช่ใครแต่เป็นม๊ามี๊เมย์เอง ม๊ามีองค์สามองค์ค่ะ พระศิวะ เจ้าแม่กวนอิม แล้วก็หลวงปู่ทวด แต่ก่อนเวลาเข้าทรง องค์ที่เข้าจะพูดเหมือนที่ม๊าเคยบอกเคยสอนเมย์ตลอด เมย์เลยคุยกับพี่ชายว่าเนี่ยม๊าทำเป็นร่างทรงเข้าแต่จริงๆแล้วไม่มีหรอกแหงเลย แค่อยากให้พวกเราเชื่อฟังม๊าก็เท่านั้น แต่ก็มีหลายเหตุการณ์เกิดขึ้นที่ทำให้ตอนนี้เชื่อมาก และขนลุกทุกครั้งที่พูดถึงค่ะ เรื่องแปลกเรื่องแรก ม๊าพาไปตำหนักทรงซึ่งเป็นตำหนักของลูกศิษย์เจ้าแม่กวนอิม คงเคยเห็นกันนะคะว่าเจ้าแม่กวนอิมจะมีเด็กผู้หญิงกับเด็กผู้ชายอยู่ข้างๆในบางรูป ร่างทรงนั้นเป็นเด็กผู้ชายค่ะ ม๊าก็เข้าไปนั่งฟัง สังเกตว่าตั้งแต่ม๊าเข้าไปนี่จะหาววอดๆๆๆอยู่ตลอดเวลา ในนั้นคนเยอะมาก เมย์ก็มองม๊าบอกม๊าเป็นไรเปล่า ม๊าบอกว่าหวิวๆ ทุกครั้งที่ร่างทรงจะเข้าม๊าจะหาววอดๆๆๆแบบหุบปากไม่ได้เลยค่ะ เมย์หันไปดูม๊าอีกที มือไม้ไปแล้ว ทุกคนหันมามองม๊าเป็นตาเดียว สรุปว่าวันนั้นเจ้าแม่กวนอิมเข้าม๊าคะ แล้วก็คุยกันกับลูกศิษย์เสียงดังมาก แต่...ไม่เปิดปากค่ะ พูดภาษาอะไรก็ไม่ทราบฟังไม่ออก ทุกคนที่อยู่ในตำหนักอึ้งหมดเพราะทุกคนได้ยินว่าคุยกันดังมากแต่ไม่เปิดปาก หลังจากวันนั้นเมย์ก็เริ่มเชื่อขึ้นมานิดหน่อย ครั้งที่สอง น้องสาวเมย์ไปนอนบ้านพี่ชายโดยเอากุญแจคอนโดที่เมย์กับม๊าอยู่ไปด้วย วันรุ่งขึ้นน้องจะกลับบ้าน โทรมาบอกว่าหากุญแจไม่เจอ กุญแจมอเตอร์ไซด์ของพี่ชายเมย์ที่มีกุญแจบ้านเค้าอยู่ด้วยก็หาย เมย์ก็ว่าใหญ่ว่าหาดีรึยัง ไปวางไว้ตรงไหน น้องก็บอกหาดีแล้ว หากันทั้งบ้านก็ไม่มี สรุปพวกกุญแจหายไปสองพวง มันจะหายไปได้ยังไง มีกันอยู่แค่นี้อ่ะ ออกไปหาหน้าบ้านตรงมอเตอร์ไซด์ก็ไม่มี ม๊ากังวลมากค่ะว่าใครเอากุญแจไป เพระอยู่กันแต่ผู้หญิงที่คอนโด ถ้าใครเอากุญแจไปแล้วเข้ามาขโมยของทำยังไง พี่ชายไม่มีกุญแจมอเตอร์ไซด์ก็ขับรถไปทำงานไม่ได้เป็นอาทิตย์ สรุปแล้วม๊าเลยเข้าทรงถามหลวงพ่อศิวะค่ะ ท่านเข้าทรงปุ๊บท่านหัวเราะใหญ่เลย เราทุกคนก็เหวอ ท่านบอกว่ากลัวงูดำกันละสิ ในใจก็คิด ใช่ เพราะในบริเวณบ้านมันมีงูดำตัวใหญ่มากอยู่สวนหลังบ้านค่ะเห็นกันบ่อยแต่ก็ไม่เคยมีใครโดนกัด ท่านบอกไม่ต้องกลัวหรอกเป็นบริวารของท่านเองมาปกป้องดูแลบ้าน ยังไม่ทันถามเรื่องกุญแจท่านก็บอกอีกว่า หาของอยู่ใช่ไม๊ พี่ชายเมย์ก็บอกว่าใช่ครับ กุญแจหายไป หาทั่วบ้านก็ไม่มี จำได้ว่าวางไว้บนโต๊ะ ท่านบอกว่าตอนเข้านอนน่ะไม่ได้ล็อคประตูบ้าน เพื่อนมาที่บ้านเห็นบ้านไม่ล็อคเลยเข้ามา เห็นกุญแจวางอยู่เลยหยิบไป บอกรูปพรรณสัณฐานเพื่อนมาหมดเลยค่ะ แล้วไปตรงกับเพื่อนคนนึงของพี่ชายจริงๆ ท่านบอกว่ามันเอากุญแจไปเพราะกะจะกลับมาขโมยรถ (พี่ชายเมย์ก็เป็นคนนอนขี้เทรา ไม่ได้ยินเสียงอะไร) แล้วท่านก็หัวเราะออกมาดังมากเลยค่ะ แบบเราทุกคนที่นั่งฟังอยู่ตกใจและกลัวกันมากกับเสียงหัวเราะ ท่านบอกว่าไม่ต้องห่วงหรอก เดี๋ยวท่านจะทำให้มันเอามาคืน แล้วก็หัวเราะอีกไม่หยุดเลย ดังและน่าเกรงขรามมาก วันรุ่งขึ้นแฟนพี่ชายโทรมาบอกว่าเจอกุญแจแล้ว อยู่ตรงที่วางขามอเตอร์ไซด์ ทุกคนเหวอเลยเพราะหากันทั่วแล้วทั้งในบ้าน ทั้งนอกบ้านและตัวรถ ขนลุกเลยค่ะ แล้วกุญแจมันวางอยู่แบบไม่ต้องหาก็เจอ เมย์ได้ยินแล้วกลัวเลยค่ะ จริงๆถ้าเมย์เป็นเพื่อนพี่ชายที่เอากุญแจไป เมย์ไม่เอามาคืนหรอก โยนทิ้งไปแล้ว เสี่ยงเอามาคืนให้โดนจับได้ทำไม ใช่ไม๊คะ หลังจากเรื่องนี้ทำให้เมย์ยิ่งเชื่อมากขึ้น มาเจอเรื่องที่สามดีกว่า ตอนเมย์ท้อง อัลตร้าซาวจนท้องได้แปดเดือน หมอบอกว่าได้ลูกสาว เมย์กับสามีก็เตรียมตั้งชื่อเรียบร้อยค่ะ ตอนนั้นเมย์อยู่ไทย สามีอยู่อเมริกา ลางานมาไม่ได้ แต่ก็โทรคุยกันตลอด เมย์ก็บอกเค้าเนี่ยลูกสาวแน่ๆ ม๊าเมย์ก็บอกลูกสาวท้องกลมๆงี้ลูกสาวชัวร์ ม๊าเมย์มีลูกมาสี่คน ชายสองหญิงสองก็เชื่อม๊าว่าลูกสาว แถมหมอบอกว่าลูกสาวค่ะ แต่เมย์ก็กังวลใจ ตอนม๊าเข้าทรงก็เลยถามเสด็จพ่อศิวะว่าลูกออกมาจะสุขภาพดีไม๊ จะปลอดภัยไม๊ ท่านก็หัวเราะแล้วบอกว่าเนี่ย ไอ้เจ้ากุมารทองเนี่ยจะนำโชคลาภมาให้ เลี้ยงเค้าดีๆนะ เมย์ก็งงๆ กุมารทองอะไรคิดในใจ ก็หมอบอกซาวแล้วเป็นผู้หญิง จนสามอาทิตย์ก่อนคลอดเมย์เปลี่ยนหมอค่ะ หมอคนนี้เป็นคนทำคลอดให้ม๊าเมย์ ให้เมย์เกิดขึ้นมา ม๊าบอกหมอคนนี้ดีกว่าหมอเก่าที่เมย์ไปหา ม๊ารู้สึกไม่ค่อยดีกับหมอเก่า เมย์เลยเปลี่ยนค่ะ หมอซาวปุ๊บหมอบอกเนี่ย ลูกผู้ชายนะ เมย์ก็เถียงบอก ผู้ชายได้ไงคะ หมอเก่าบอกผู้หญิง เตรียมของอะไรไว้แล้วด้วย หมอบอกเนี่ยเห็นไม๊ไข่สองฟอง ผู้ชายแน่ๆ สรุปลูกคลอดออกมาเป็นผู้ชาย เมย์ขนลุกอีกรอบ เพิ่งเอ๊ะใจกับที่หลวงพ่อศิวะบอกว่า "กุมารทอง" เรื่องต่อมาลูกคลอดออกมา เมย์ก็เดินเรื่องวีซ่าคู่หมั้นอยู่ค่ะ ใจก็ร้อนเพราะรอนานมาก ม๊าเข้าทรงให้อีกรอบ เมย์ก็ถามนู้นถามนี่ เสด็จพ่อศิวะบอกว่าไอ้ลูกชาย(แฟนเมย์ตอนนั้น) มันอยากจะมาใจจะขาดแต่มันลางานไม่ได้ เมย์ก็ถามว่าจะได้ไปอเมริกาเมื่อไหร่ เรื่องจะเสร็จรึยัง ท่านบอกว่าตอนนี้ติดอยู่ที่กระดาษแผ่นเดียว ถ้าไม่มีกระดาษแผ่นนี้ก็ไปไม่ได้ อีกไม่กี่วันต่อมาเมย์ได้รับเอกสารจากกงศุลบอกว่าต้องให้พ่อของเด็กเดินทางมาเซ็นรับรองความเป็นบุตรและต้องเดินทางมาเซ็นเองที่เมืองไทย เมย์อึ้งไปเลยค่ะ กระดาษแผ่นเดียวจริงๆ แล้ววันนั้นที่พระศิวะเข้าทรง อยู่ดีๆท่านบอกอย่าเพิ่งไปไหนนะ มีคนจะเข้ามาหา แล้วสักพักม๊าเมย์ก็เริ่มไอแค่กๆๆ นั่งขาข้างนึงชันขึ้นเอามือท้าวขา เมย์ก็งงเกิดอะไรขึ้น แล้วท่านก็เริ่มพูดภาษาใต้ ตอนนั้นเมย์ถึงบางอ้อเลยค่ะว่าองค์ที่เข้าใหม่คือหลวงปู่ทวด ม๊าเมย์เป็นคนจีนที่เกิดที่เบตง พูดภาษาใต้คอทองแดง แต่วันนั้นที่หลวงปู่ทวดเข้านั้นพูดใต้ปร๋อ เมย์ฟังท่านไม่รู้เรื่องเลยค่ะ จับใจความได้ว่าพวกโจรใต้ที่เข้ามาจะไปเผาวัดหลวงปู่พวกนั้น พวกทหารเมืองไทยมองกันไปผิดทาง เค้าไม่ได้มาทางรถหรือทางอากาศ แต่มากันทางน้ำ เมย์ก็เลยคิดว่าจริงด้วย แล้วครั้งนั้นเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่เมย์เคยเห็นหลวงปู่ทวดมาเข้าทรงม๊าเมย์ค่ะ ม๊าเมย์ไม่ได้เข้าทรงตามตำหนัก แต่จะเข้าทรงให้แต่คนในบ้านหรือเพื่อนๆลูกน้องที่มีปัญหา เรื่องหลายๆอย่างเกิดขึ้นอย่างที่เราคิดไม่ถึง ไม่เชื่ออย่าลบหลู่จริงๆค่ะเรื่องพวกนี้ ลูกน้องม๊าเมย์คนนึงอยากมีลูกมาก พยายามมาหลายปีไม่ท้องซักที จนมาหาม๊าเมย์ให้ช่วยเข้าทรงให้ พระศิวะบอกว่าไม่เกินสิ้นปีท้องแน่ๆ ถ้าไม่ท้องไม่ต้องมาคุยกัน แล้วพี่เค้าก็ท้องจริงๆค่ะ เดินธันวาก่อนสิ้นปีจริงๆด้วย จากคุณ : OtteR - [ 3 มี.ค. 51 12:13:08 ]

ความคิดเห็นที่ 62 อีกเรื่องค่ะ ก่อนเมย์คลอด เมย์ซื้อเต่าไปปล่อยที่วัดญาณสังวรารามกับม๊า เพื่อจะให้ลูกออกมามีสุขภาพดีตามคำเชื่อโบราณ โทรหาแฟนที่อยู่อเมริกาบอกว่าเนี่ยชั้นไปปล่อยเต่ามา เค้าบอกจริงเหรอ เค้าแบบตื่นเต้นมาก เค้าบอกอยู่ดีๆเค้าก็อยากไปสักรูปเต่าพอดีเลย เมย์เลยบอกทำไมเต่าอ่ะ เป็นอะไรที่แปลกมาก แฟนเมย์สักเต็มตัว ส่วนใหญ่จะเป็นพวกอินเดียนแดงค่ะเพราะเค้ามีเชื้ออินเดียวแดง แต่นี่อยู่ดีๆมาคิดสักเต่าได้ไง เหวอกันทั้งคู่เลย จากคุณ : OtteR - [ 3 มี.ค. 51 12:15:43 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ไม่รู้ว่าแปลก หรือว่าประหลาด เมื่อ 2 ปีกว่าที่แล้ว ดิฉันลงไปเยี่ยมบ้าน ไปเยี่ยมเตี่ย เพราะเตี่ยป่วยด้วยเบาหวานและความดัน ได้แต่นอน เดินไม่ได้มาหลายปีแล้ว  ก่อนไปตั้งใจอย่างแน่วแน่ จะให้เตี่ยถวายสังฆทาน โดยไปนิมนต์พระวัดแถวบ้านมา ที่บ้าน  ได้ปรึกษากับแม่ว่า จะไปหาซื้อสังฆทานชุดใหญ่ สักชุด (เลือกจัดเอาเอง แต่ต้องมีพระพุทธรูปสูงอย่างต่ำ 5 นิ้ว) อาทิตย์หน้าถ้าเสร็จธุระจะเอามาให้เตี่ยถวาย   ก่อนที่ดิฉันจะเสร็จธุระที่ต้องทำ แม่ก็ไปปรึกษา พระมา พระท่านบอกว่า ถ้าให้เตี่ยถวายสังฆทาน   เตี่ยก็จะหมดกรรม จะสิ้นอายุขัย   ดิฉันวันนั้นหอบของที่จะให้เตี่ยถวายมาบ้านเรียบร้อยแล้ว เจอแม่พูดแบบนี้  ก็เลยบอกกับแม่ว่า  ให้แม่เป็นคนตัด สินใจแล้วกัน  เพราะดิฉันทำได้อย่างดีก็แค่ส่งเงินมาให้ แต่คนที่ต้องดูแลคือแม่กับน้อง  (ในใจตอนนั้นยังอยากให้ เตี่ยได้ทำบุญใหญ่ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เตี่ยยังได้ทำบุญ เพราะดิฉันคิดว่า ใครทำให้ 100 ครั้ง ก็ไม่เหมือนเจ้าตัวทำเอง) แม่ก็เลยบอกว่า งั้นให้เตี่ยถวายสังฆทานแล้วกัน  วันรุ่งขึ้น น้องเขยไปนิมนต์พระที่วัดมาที่บ้าน  หลวงตาเข้ามาให้ห้องเตี่ย แม่จุดธุปไหว้พระที่บ้าน  ดิฉันบอกกับเตี่ยว่า พระมาแล้ว ทำบุญใหญ่ เตี่ยอาจจะสบายตัวขึ้น ตอนถวายของ ดิฉันจับมือเตี่ยให้เป็นคนถวาย ของให้หลวงพ่อ   ตอนบ่าย ดิฉันบอกเตี่ยว่าจะไปถวายโลงศพที่ ศาลเจ้า  เตี่ยอยากจะร่วมบุญไหม  เตี่ยก็ควักเงินออกมาร่วมบุญ นิดหน่อย  ตกเย็นดิฉันต้องเดินทางกลับบ้าน  ดิฉันเดินทางมาถึงบ้าน ได้ 3 วัน  ทางบ้านก็โทรศัพท์มาบอกว่าเตี่ยเสียตอนเช้า สำลักข้าวต้ม แล้วไปเลย... จากคุณ : Poo-Ma - [ 3 มี.ค. 51 14:23:33 ]

ความคิดเห็นที่ 64 เล่าบ้างๆ ประมาณหกปีที่แล้ว เจอมากับตัว เป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่เจอเรื่องแบบนี้ คือเป็นคนชอบเล่นเน็ตตอนดึกๆ เล่นจนตีหนึ่งตีสองแล้วค่อยไปนอน แล้ววันนั้นก็มาถึง ตอนนั้นเกือบๆตีสองแล้ว นั่งหน้าคอมพ์ตามปกติ แต่จู่ๆก็มีเสียงหวีดโหยหวนดังขึ้น เสียงหวีดดังนานมาก แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรนะคะ คือไม่รู้ไงว่าเสียงอะไร คิดแต่ว่า เสียงน่ากลัวดีนะ แปลกดี แต่พอเสียงนี้เงียบ เสียงที่น่ากลัวกว่าก็ตามมา คือหมาทั้งซอย (หลายสิบตัว) หอนกันกันอย่างสามัคคี เสียงโหยหวนพอๆกับเสียงแรก ตอนนี้แหละ ขนลุกซู่เลย เริ่มคิดแล้วว่าเสียงแรกมันต้องผิดปกติแน่ๆ เพราะอยู่บ้านนี้มาสิบกว่าปี หมาแถวนี้ไม่เคยหอนอย่างพร้อมเพรียงอย่างนี้มาก่อน หลังจากนั้น ก็ยังคงนั่งเล่นเน็ตดึกๆอยู่ตามเดิม คือก็กลัวเหมือนกันนะคะ เสียงนั้นอ่ะ แต่ปลอบใจว่า เจ้าที่บ้านเราแรง เค้าคงทำอะไรเราไม่ได้ แล้วก็คิดถูกจริงๆ เจ้าที่แรงมากๆ เพราะเวลาเล่นเน็ตดึกๆทีไร เจ้าที่มาอยู่เป็นเพื่อนทุกทีเลย คือรู้สึกว่ามีคนมองอยู่ เห็นเค้าทางหางตาว่าเป็นผู้หญิง ยังสาวอยู่ ใส่ชุดกระโปรงสีขาว แต่พอหันไปทีไรก็ไม่เจอทุกที เจ้าที่มาอยู่เป็นเพื่อนเป็นเดือนๆเลย จนกระทั่งวันนึงพูดออกมาดังๆว่า ขอบคุณที่มาอยู่เป็นเพื่อนนะคะ แต่เค้า (เจ้าของเสียงนั่น) คงไม่มาแล้ว เค้าคงทำอะไรหนูไม่ได้ เพราะว่าท่านมีคอยปกปักษ์รักษาบ้านนี้อยู่ (คือแบบ เกรงใจน่ะค่ะ เพราะอยู่ดึกทุกคืน ท่านก็มาเฝ้าทุกคืน) จากนั้นเจ้าที่ก็ไม่เคยมาให้เห็นอีกเลยค่ะ แต่หลังๆนี่ก็เหมือนมีใครไม่รู้เข้ามาอยู่ในบ้าน เพราะรู้สึกเหมือนมีคนมองๆตามมุมมืดๆน่ะค่ะ อาจจะเป็นเจ้าที่ที่คอยดูแล หรืออาจจะเป็นคุณตาก็ได้ เพราะน้องสาวเคยฝันว่าตากลับเข้ามาอยู่ในบ้านแล้ว จากคุณ : ...hamster... - [ 3 มี.ค. 51 17:00:22 ]

ความคิดเห็นที่ 65 อีกเรื่องนึง อันนี้เกิดที่บ้านเพื่อน คือไป dream world กันค่ะ (แก่ขนาดนี้ แต่ก็ยังไปเล่นเครื่องเล่นกัน) แล้วก็ไปแวะบ้านเพื่อนแถวๆนั้น บ้านเค้าเนี่ย พอเปิดประตูเข้าบ้าน จะเจอห้องเล็กๆ ฝั่งซ้ายเนี่ยเป็นบันไดขึ้นไปชั้นสอง ส่วนทางขวาเป็นประตูมาห้องรับแขก เราก็ไม่ได้คิดอะไร ก็นั่งคุยกันไปซักพัก เพื่อนคนนึงก็พูดเล่นๆขึ้นมาว่า "อ. (เจ้าของบ้าน) เมิงระวังดีๆนะ ทำงานดึกๆตอนกลางคืน ระวังมีเพื่อนมาอยู่ด้วย" แล้วก็อะไรอีกอย่างเกี่ยวกับตู้ที่อยู่ตรงข้ามประตูเข้าห้องรับแขก แล้วคนอื่นก็นั่งหัวเราะกัน เจ้าของบ้านก็ขำๆ เราก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะปกติชอบแซวเล่นกันแบบนี้ ไม่งั้นก็บลัฟกันไปบลัฟกันมา อะไรทำนองนี้ อยู่ไปซักสิบห้านาทีก็ได้เวลากลับบ้าน พอขึ้นรถขับออกมาจากหมู่บ้านเท่านั้นแหละ เพื่อนคนที่พูดเล่นๆนั่นก็เริ่มบทสนทนาทันทีว่า "แกๆ แกรู้สึกมะว่าบ้านอ.มันแปลกๆ" แล้วเพื่อนอีกสองคนก็ตอบรับกันขึ้นมาเป็นเสียงเดียวกันว่า "ใช่ แต่ชั้นน่ะไม่อยากจะพูด นึกว่ารู้สึกไปคนเดียว" คุยกันไปคุยกันมาคือ เพื่อนสามคนนั้นรู้สึกเหมือนตรงห้องเล็กๆนั่นจะมีใครซักคนอยู่ตรงนั้น แล้วที่น่ากลัวคือทั้งสามคน (โดยเฉพาะเพื่อนคนนึงที่มี sense เรื่องนี้) รู้สึกอึดอัดมากๆตอนที่เดินเข้าไปในบ้าน เหมือนเค้าไม่ต้อนรับเรา ที่คุยกันเนี่ย เพื่อนสามคนคุยกันนะคะ ส่วนเรานั่งฟังเฉยๆ เพราะว่าไม่รู้สึกอะไรเลย -_-' จากคุณ : ...hamster... - [ 3 มี.ค. 51 17:14:03 ]

ความคิดเห็นที่ 66 น่าสนใจตามเคย พูดถึงของฝรั่งบ้าง ผมรู้จักฝรั่งคู่หนึ่ง ไปมาหาสู่กันสามสิบกว่าปีแล้ว ทุกปี วันหนึ่งผมและเพื่อนๆคนไทย ไปนอนเล่นสุดสัปดาห์กันที่ ที่บ้านรุ่นสงครามกลางเมืองในฟาร์มของเขาที่เมือง Winchester Virginia. ตื่นเช้าขึ้นมาทุกคนมีเรื่องเล่าทั้งหมดยกเว้นผมคนเดียว พวกเขาได้ยินเหมือนเสียงเดินพาเพรดกันทั้งคืน ส่วนภรรยาผมมีความรู้สึกว่ามีผู้หญิงอายุค่อนข้างมากแต่งตัวแบบเก่าเดินผ่านประตูมีเสียงดัง กลับมาเล่าให้เจ้าของบ้านที่ Vienna Virginia เขาบอกว่าธรรมดามาก เขาเองก็เคยเจอบ่อยๆ เวลาไปพัก บ้านหลังใหญ่ที่ไปพักเป็นบ้านเก่าสมัย Civil War และมีทหารในสมัยมาพักมาพักที่นั่นครับ จากคุณ : อิสวาสุ - [ 3 มี.ค. 51 17:16:05 A:71.114.84.246 X: TicketID:146114 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ยิ่งเล่ากันยิ่งกลายเป็นเรื่องชุมนุมผอ สระ อี ซะเเล้ว  ไม่น่ากลับเข้ามาอ่านทู้นี้เลย  ต้องอยู่บ้านคนเดียวไปยันกลางเดือนซะด้วย หาเรื่องจริงๆเลยตรูนี่  ฮือ ฮือ  ลุกไปเปืดทีวีดังๆเป็นเพื่อนดีกว่า แก้ไขเมื่อ 03 มี.ค. 51 18:20:04 จากคุณ : Jennifer Lowclass - [ 3 มี.ค. 51 18:18:50 ]

ความคิดเห็นที่ 68 เข้ามาอ่าน กึ๋ยส์ๆๆๆ จากคุณ : zizzi - [ 3 มี.ค. 51 19:52:54 ]

ความคิดเห็นที่ 69 เหตุเกิดตอนบ่ายที่อากาศเย็นสบาย เรานอนบนโซฟาดูทีวี ดูไปดูมาก็เผลอหลับไปซะงั้น มารู้ตัวอีกที่ก็ งัวเงียลุกขึ้นนั่งสายตาเราก็ ปร๊าดด...มองเห็นตัวเราเองกำลังนอนอยู่ ตกใจมากก็มองดูตัวเองที่นั่งอยู่ เห็นจะๆเลยว่าตัวเรามันใสๆแล้วเราก็คิดได้ และมีสตินะคะ มองดูตัวเองแล้วก็นอนลงค่ะ นอนลงทับตัวเองนั่นแหละค่ะ แล้วเราหลับตา จากนั้นเราก็ลืมตาแต่ยังไม่ลุกนะคะ มองดูตัวเองค่ะว่า ้เป็นไง เราก็นอนอยู่ในท่าที่เราเห็นตัวเรานอนอยู่ก่อนที่เราจะนอนล้มทับตัวเองนั่นแหละค่ะ คือแขนขางขวางอพับเป็นตัวแอล ลำตัวเราเยียดตรง แขนซ้ายตรง หัวเอียงนิดหน่อย ไม่คิดว่าตัวเองฝันเพราะมันชัดและทั้งหมดนี้เกิดขึ้นอย่างเร็วแต่เราจำได้แม่นเลย ก็ประหลาดดี คิดว่า งี้มั้งที่เค้าเรียกว่าคนเรามีจิตแยกจากร่างกายได้ ปล. เรื่องของคุณจี้จี้แบรี่ นี่หลออนนมากค่ะ จากคุณ : Nbis - [ 3 มี.ค. 51 20:18:15 A:82.58.179.82 X: TicketID:168663 ]

ความคิดเห็นที่ 70 เข้ามาอ่านรอบที่สามแล้วเรา..หุหุ.. แต่ละเรื่องก็ตื่นเต้น ๆ น่ากลัวทั้งนั้นเลยค่ะ เราเชื่อเรื่องสัมผัสที่หกค่ะ เพราะเคยเห็นวิญญาณของตาตัวเองก่อนที่แกจะเสีย เห็นวิญญาณตาตอนเช้า ตอนเย็นแกก็เสีย และช่วงเวลาเดียวกันที่แกเสียนั้นเราไม่อยู่บ้าน แต่เราได้กลิ่นแป้งที่แม่ปะให้แกตอนที่แกนอนป่วยอยู่นั้น กลิ่นแรงมาก คือช่วง 2 ทุ่ม พอตอนเช้าพี่ชายไปรับจากค่ายยุวฯ บอกตาเสียแล้ว ร้องไห้ใหญ่เลย พอถึงบ้านแม่ก็เล่าให้ฟังว่าตาเสียตอน 2 ทุ่ม ตอนนั้นแกก็เรียกหาลูกหลานทุกคน ทุกคนได้เห็นลมหายใจสุดท้ายของแก ยกเว้นเรา แกเรียกหาชื่อเรา แม่บอกเราไปโรงเรียน และคิดว่าวิญญาณแกคงตามไปที่ค่ายยุวฯ เพราะช่วง 2 ทุ่มเราได้กลิ่นแป้งของแกอย่างรุนแรงมาก เลยเล่าให้แม่ฟังอีกว่าตอนเช้าเมื่อวาน ช่วงที่เรากำลังเตรียมตัวไปเข้าค่ายยุวฯ นั้น เห็นตานั่งมองเราอยู่ แกนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ในสวนหลังบ้าน เพราเข้าไปเอาอะไรบางอย่างในสวน แล้วรู้สึกเหมือนมีคนมอง พอมองกลับไปก็เป็นตานั่งมองเราอยู่ นั่งจ้องเลย เราหันกลับรอบสอง แกก็ยังนั่งจ้องอยู่ แต่ตอนนั้นด้วยความรีบ ก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก ลืมแม้กระทั่งว่าจริง ๆ แล้วตานอนป่วยอยู่บนบ้าน แบบลุกไม่ได้มาตั้งอาทิตย์กว่า ๆ แล้ว (แกป่วยด้วยโรคชรา เพราะตอนนั้นแกอายุ 97 แล้ว) ด้วยความรีบจัด ก็เดินออกมาและรีบไปโรงเรียน เพื่อไปเข้าค่ายยุวะฯ ต่อเลย พอตอนเย็นสองทุ่มก็ได้กลิ่นแป้งเหมือนที่เล่าข้างบน เรื่องนี้เกิดขึ้นนานมากแล้ว ตอนสมัยอยู่ ม. 3 (23 ปีมาแล้วนี่...อิอิ) แต่ภาพยังจำติดตาอยู่เลย ยิ่งภาพที่ตานั่งมองแบบจ้องตามหลังเรานี่ แบบลืมไม่ลงเลย ปล. เรื่องนี้เคยเล่ารอบนึงในห้องนี้ รู้สึกจะเป็นกระทู้ที่คุณ hample pie ตั้งมั๊ง ขอเล่าอีกรอบก็แล้วกัน..อิอิ.. จากคุณ : JC2002 - [ 3 มี.ค. 51 20:57:44 ]

ความคิดเห็นที่ 71 แง แง หลวมตัวเข้ามาอ่านแล้ว กลัวจังเลย ยิ่งขี้กลัวอยู่ด้วย แถมดันอ่านจบอีก แง ถ้าแฟนไม่อยู่ต้องอยู่บ้านกับลูก สงสัยต้องเอาลูกเป็นเพื่อน จากคุณ : mama ice - [ 3 มี.ค. 51 22:03:51 ]

ความคิดเห็นที่ 72 ไม่แน่ใจว่าเรื่องที่จะเล่าประหลาดมั๊ย...ลองอ่านกันดูนะคะ เมื่อประมาณ 4 ปีที่แล้ว อยู่คอนโดแห่งหนึ่งกับอดีตแฟน แฟนดิฉันเป็นคนที่นับถือหลวงปู่ทวด เค้าจะแขวนหลวงปู่ติดตัวตลอด จะถอดวางเมื่อกลับเข้าบ้าน วันหนึ่งดิฉันไปหยิบแก้วเซรามิคที่เคยใส่ดอกไม้วางไว้ในห้องน้ำของเจ้านาย เห็นว่าเค้าไม่ใช้แล้วทั้งที่ยังดูสวย เลยนำกลับบ้าน ดิฉันลยบอกแฟนว่า เวลาถอดสร้อยก็ให้ใส่ไว้ในแก้วเซรามิคนี้แหละ...โดยไม่ได้บอกที่มาของแก้วนี้ วันรุ่งขึ้นตื่นเช้ามา แฟนบอกว่า เมื่อคืนพี่ฝันเห็นหลวงปู่ ท่านมาบอกว่าใครเอากูมาทิ้งขยะ...ดิฉันฟังแล้วขนลุกซู่...ตอนเย็นหลังเลิกงานรีบซื้อพานแก้วมาวางท่านแทน...พร้อมทั้งกราบขอขมาท่านและขอโทษแฟนที่เราทำไปโดยไม่ทันคิดให้ถี่ถ้วนเสียก่อน.... ยังมีเรื่องแปลกๆ ที่เกิดอีกหลายอย่าง หรือเป็นเพราะ เราก็เป็นคนที่เกิดวันเสาร์ที่ 5 เหมือนกัน....ขอบคุณ คุณอิสวาสุ ที่ตั้งกระทู้นี้นะคะ จากคุณ : แม่ปุกปุย - [ 3 มี.ค. 51 22:14:42 ]

ความคิดเห็นที่ 73 มาต่ออีกรอบ... ที่บอกว่าอยู่คอนโดกับแฟนนั้นมีเรื่องนี้เกิดขึ้นค่ะ ห้องที่ซื้อนั้นเป็นแบบสตูดิโอ จะทำอะไรก็เห็นกันหมด...แล้วเราก็ตั้งชั้นบูชาพระ เสด็จพ่อ ร.5 และเจ้าแม่กวนอิม เราจะถวายสักการะเป็นประจำทุกวันพระ...สิ่งแปลกๆที่เกิดขึ้นคือ เวลาเราอยู่คนเดียวในตอนกลางวัน แล้วนอนหลับจะรู้สึกเหมือนมีใครมาแหย่จมูก แหย่หู หนักกว่านั้นคือเหมือนเค้าจะจูบเรา ต้องบอกตัวเองว่ารีบตื่นขึ้นสิ...แล้วเราก็จะหลุดพ้นจากภาวะนี้ (ในความรู้สึกที่จะถูกจูบนั้น เราว่ามันน่ากลัวค่ะ ไม่รู้จะบรรยายอย่างไร) และสิ่งที่สัมผัสได้คือ รู้สึกว่าเค้าเป็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ (บางครั้งไม่ใช่แค่ตอนนอนหลับนะคะ ตอนไม่หลับก็เหมือนเห็นแวบๆ บ่อยมากๆ) วันหนึ่ง...เพื่อนของแฟนมาที่บ้าน เค้าเป็นคนที่ศึกษาเรื่องเหล่านี้และมีประสบการณ์ตรงมากเหมือนกัน แฟนเราไม่เคยเล่าอะไรให้ฟังเลย และครั้งนั้นที่เค้ามาที่ห้อง รู้สึกจะเป็นการมาครั้งแรกด้วยซ้ำ เค้าเปิดฉากด้วยการถามเราว่า จุดธูปบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดด้วยเหรอ...เราก็บอกว่าใช่ เค้าบอกว่า ลักษณะของห้องแบบนี้ไม่ควรที่จะจุดธูป เนื่องจากไม่มีความเป็นสัดส่วน เรียกว่าสถานที่ไม่เหมาะสม เพราะเวลาเปลี่ยนเสื้อผ้า หรือทำอะไรก็ตามมันเหมือนไม่มีความเคารพ แล้วธูปคือสื่อ...แล้วก็พูดว่าสิ่งที่เราสัมผัสนั้นคือองครักษ์ของเสด็จพ่อ ร.5 ดังนั้นขอให้เราเลิกจุดธูป แต่ยังคงถวายสักการะได้เหมือนเดิม ยกเว้นจุดธูป ห้ามทำเด็ดขาด เพราะธูปคือสื่อเชิญเค้ามา หลังจากนั้น เราก็ทำตามคำแนะนำ แล้วก็แปลกที่เราไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนั้นอีกเลย... ยังมีอีกนะคะ...ถ้ายังไม่เบื่อเดี๋ยวจะกลับมาเล่าใหม่....หุหุ....ไม่ไล่ไม่เลิกค่ะ จากคุณ : แม่ปุกปุย - [ 3 มี.ค. 51 22:44:49 ]

ความคิดเห็นที่ 74 กระทู้เริ่มน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ คราวนี้มาแบบไม่น่ากลัวบ้างดีกว่า อันนี้แล้วแต่ความเชื่อนะคะ เพราะเป็นเรื่องของหมอดู คือที่บ้านเนี่ย จะมีหมอดูประจำอยู่สองคนค่ะ เป็นพี่น้องกัน เป็นคนมี sense แบบเค้าจะรู้คำตอบของเรื่องที่ถามโดยที่มีคนมากระซิบบอกข้างๆ (ไม่ใช่เข้าทรงนะคะ) คนนึงดูหมอ อีกคนนึงดูฮวงจุ้ย ตอนที่พ่อกับแม่ไปดูครั้งแรกกับอาอี๊ที่ดูหมอ อี๊เค้าบอกได้ตรงมากๆ พูดหลายอย่างค่ะ แต่ที่จำได้แม่นๆเลยคือ ลูกบ้านนี้สี่คนถือตะเกียงมาเกิดทุกคน ประมาณว่ามองไม่ค่อยชัดหรืออะไรทำนองนั้น แล้วก็จริงเพราะเรากับน้องๆใส่แว่นทุกคน อีกอันที่จำได้คือ อี๊บอกว่า ลูกสาวคนโตน่ะ (คือเราเอง) ทำใจเลยนะ มันตื่นเช้าไม่ได้หรอก ยังไงก็เปลี่ยนมันไม่ได้ 555+ พอแม่มาเล่าให้ฟัง ขำใหญ่เลย รู้ได้ไงว่านอนกินบ้านกินเมือง จากนั้นก็ทักอะไรอีกหลายอย่าง ซึ่งค่อยข้างตรงกับความเป็นจริง ทั้งหมดนี่คือดูจากเลขบัตรปชช.กับวันเกิดนะคะ ที่ทักเรื่องลูกๆเนี่ย วันนั้นไม่มีใครไปเลย รู้ได้ไงก็ไม่รู้ ส่วนอี๊อีกคนดูฮวงจุ้ย แรกๆก็ไม่เชื่อหรอกค่ะ จนกระทั่งเค้ามาที่บ้าน แบบมาดูผังบ้านแล้วก็บอกวิธีแก้น่ะค่ะ พอดูเสร็จ ก็ไปฟังเค้าพูด แล้วเค้าก็บอกว่า ตำแหน่งของเรา มันมีหัวลูกศรเหล็กดัดหลังบ้านทิ่มมา มันไม่ดี แล้วอี๊ก็หันมาถามว่า มีปัญหาเรื่องกระดูกใช่มั้ย โอ้โห ขนลุกซู่เลย รู้ได้ยังไงอ่ะ เรามีปัญหาเกี่ยวกับคอมาเป็นปีๆแล้ว ส่วนตำแหน่งของน้องสาวมองออกไปเจอเสาโทรศัพท์ (ของพวกเครือข่ายมือถือน่ะค่ะ) เค้าบอกว่า เด็กคนนี้มีปัญหาเรื่องตา แม่นอีกแล้ว เพราะน้องจะเจ็บตาบ่อยมาก อันนี้เป็นรุ่นน้องอีกคน (แม่เค้ารู้จักกับพ่อเรา) คนนี้เป็นร่างทรงเจ้าแม่กวนอิม น้องเค้ามาบ้านเพราะบอกว่าหน้าบ้านมีเสา ไม่ดี ต้องติดกระจกสะท้อนหรืออะไรซักอย่าง แต่หากันไม่เจอ เลยต้องให้น้องเค้ามาที่บ้าน แม่เราเลยถามเรื่องแฟนเรา (จะถามทำม๊ายยย) น้องเค้าบรรยายออกมาแบบ ถูกต้องเป๊ะๆเลย น่าแปลกดี เพราะว่าน้องไม่เคยเจอแฟนเรา ครั้งสุดท้ายที่เจอน้องคนนี้ก็เกือบสิบปีมาแล้ว ไม่รู้ว่ารู้ได้ยังไง (เค้าบอกว่ามีคนบอกเค้า) แต่แอบผิดหวังอยู่อย่างนึง คือเค้าบอกว่าเราจะเรียนจบเดือนกุมภา แต่นี่ยังทำงานไม่เสร็จเลย (หรือเค้าหมายถึงกุมภาปีหน้านะ... ฮือๆๆ) ที่จริงเมื่อก่อนไม่เชื่อเลยนะคะ เรื่องพวกนี้ แต่เจออย่างนี้เข้าไป ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อค่ะ จากคุณ : ...hamster... - [ 4 มี.ค. 51 00:26:33 ]

ความคิดเห็นที่ 75 เล่ามั่งๆ เรื่องเกิดที่ลอนดอนค่ะ ตอนนั้นเพิ่งย้ายเข้าบ้านเช่ากับเพื่อนคนไทย ตอนวันแรกที่ไปรับกุญแจ กุมภาก็ว่ามันแปลกๆ เช่นประตูหลัง เราเป็นคนล็อกเอง แล้วก็เดินมาทางหน้าบ้าน เพื่อนเดินสวนไปทางหลังบ้าน แล้วก็ไปล็อกประตูดังกริ๊ก เราก็ถามว่าล็อกทำไม เราเพิ่งล็อกไป เค้าบอกว่า มันไม่ได้ล็อกนี่นา... เรื่องจังๆเลย คือ วันนึง ตอนบ่ายๆ ยังมีแดดนะคะ กุมภานอนเล่นอยู่บนเตียงในห้องตัวเอง อยู่ๆก็ขยับไม่ได้ แต่เห็นว่ามีร่างลักษณะเป็นเงาสีดำโผล่มาจากเตียง ติดกับตัวเราเลย คือเค้าโผล่มาให้เห็นครึ่งตัว จากเตียงตันๆนี่แหละ แล้วก็หัวเราะ แฮ่ๆๆ จริงๆเหมือนเสียงงูเห่ามากกว่า แบบ กึ่งๆระหว่างงูฟู่ และ แฮ่ๆ แต่รู้ว่าเค้าหัวเราะใส่เรา เราก็ตกใจ ไม่เคยเห็นชัดๆแบบนี้่ค่ะ อย่างมากก็แค่เสียง ทำอะไรไม่ถูก ท่องนะโมก็ไม่ไป แต่พอท่องชินบัญชรเท่านั้น ชะยา สะนา กะตา พุทธา แค่นี้ ไปเลยค่ะ พอหลุดก็นอนรวบรวมสติอยู่แป๊บนึง แล้วก็ค่อยเดินไปนั่นเล่นที่ห้องเพื่อน (คุณกวี - จากห้อง around uk) นั่งซักพักก็เล่าให้ฟัง เค้าก็ตกใจ เค้าเล่าว่า มีเพื่อนเคยมาบ้าน แล้วง่วงเลยนอนพักบนที่นอนเค้า ก็โดนอำ แต่ไม่เห็นอะไร แค่ขยับไม่ได้ พูดไม่ได้ ตอนแรกเค้าไม่เชื่อเพื่อน นีกว่าคิดไปเอง แต่ตอนหลังก็เชื่อค่ะ อ้อ ลืมเล่าไปอย่างนึง คือตอนหลังมีคนทึ่นั่งทางในมาบอกว่าที่บ้านมีวิญญาณทหารสมัยโรมันค่ะ เค้าไม่ไปไหนเพราะอยู่เฝ้าสมบัติของเขาที่อยู่ใต้ดินลึกมาก แก้ไขเมื่อ 04 มี.ค. 51 07:23:30 จากคุณ : กุมภา - [ 4 มี.ค. 51 03:15:25 ]

ความคิดเห็นที่ 76 เคยแต่เจอผีที่เมืองนอกอ่ะดิ ไว้อยากฟังค่อยเล่าล่ะกัน เพราะไม่เกี่ยวกะกระทู้นี้หน่า อิอิ จากคุณ : chonlapat81 - [ 4 มี.ค. 51 04:13:28 ]

ความคิดเห็นที่ 77 อ่านแล้วขนลุกเหมือนกันค่ะ จากคุณ : ศรีธนา - [ 4 มี.ค. 51 04:35:40 ]

ความคิดเห็นที่ 78 เชื่อทุกเรื่องเลยค่ะ เพราะตัวเองก็เป็นคนที่มีประสบการ์ณเรื่องสัมผัสที่หกเหมือนกันค่ะ   ประมาณสอง-สามปีที่แล้ว เรานอนหลับแล้วฝันว่าน้องสาวเราเกิดอุบัติเหตุทางน้ำแล้วเค้าหาตัวน้องไม่เจอ เราตกใจตื่นมากลางดึก พอพยายามจะนอนต่อก็ฝันอีกค่ะ คราวนี้ฝันต่อเนื่องว่าเค้าเจอน้องแล้ว แต่ว่าสายเกินไป น้องเสียชีวิตแล้ว พอคราวนี้เราตกใจตื่นขึ้นมาเหงื่อแตกเต็มตัวเลย เรามองเวลาก็พบว่าประมาณตีสามกว่าๆค่ะ พอเรามองไปรอบๆห้อง (มีแสงจากพระจันทร์เข้ามาในห้องนิดหน่อย) ก็เห็นว่ามุมห้องตรงด้านปลายเท้าเราทั้งสองมุมมีเงาผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ยืนอยู่มุมละสองคน...บอกได้ว่าเห็นแล้วไม่รู้สึกกลัวนะคะ เพราะเรารู้สึกได้ว่าเค้ามาคุ้มครอง มาเตือน ไม่ได้มาทำร้ายเรา พอเห็นแล้วก็รู้สึกทันทีว่าเราต้องโทรบอกน้องสาวเรานะว่าให้ระวังตัว และอย่าเข้าไปใกล้น้ำ หรือทะเล ตอนโทรบอกน้องสาว น้องดันถามอีกว่า "แล้วห้ามไปทะเลนานแค่ไหน" อะแหม เราก็ไม่ได้ถามมาซะด้วยสิ แต่ก็บอกน้องไปค่ะว่าอย่าเพิ่งไปเที่ยวละกัน ไปทำบุญซะ แล้วก็อย่าไปเล่นน้ำทะเล จากนั้นเดือนกว่าๆน้องสาวโทรทางไกลมาเลยค่ะ บอก "พี่.... Jetski ชน" เราก็ดุไปว่าไหนห้ามแล้วว่าอย่าลงน้ำทะเล..คุณน้องเธอตอบกลับมาว่า "อ้าวก็เล่น Jetski มันอยู่บนน้ำทะเล ไม่ได้อยู่ในทะเลซักหน่อย" ดูคุณน้องเธอตอบสิคะ --------------------------- มีอีกเรื่องก็คือเรากับคุณสามีพยายามวางแผนเรื่องจะมีลูก แต่ด้วยความที่คุณสามีเกิดและโตที่เมืองนอก (ถึงจะเป็นคนไทยก็ตาม) ก็ได้คิดชื่อเตรียมไว้ สองสามชื่อทั้งชื่อเด็กผู้ชายและผู้หญิง พอคุณพ่อของคุณแม่ของคุณสามีทราบท่านก็บอกว่าทำอย่างนั้นไม่ได้ ต้องยกเลิกชื่อ เพราะถ้าเด็กที่จะมาเกิดไม่ชอบชื่อเค้าก็ไม่มาหรอก คืนนั้นก่อนจะนอนเราก็เลยพูดในใจว่าขอโทษนะคะที่เตรียมชื่อไว้ เอาเป็นว่าขอยกเลิกชื่อก็แล้วกัน ตอนนี้เรากับคุณสามีพร้อมที่จะสร้างครอบครัวแล้ว ถ้าอยากจะมาอยู่ด้วยเมื่อไหร่ก็มานะคะ   พอพูดเสร็จ ก็รู้สึกได้เลยค่ะว่ามีคนมายืนอยู่ข้างเตียง เหมือนกับว่าเค้ามาเพื่อให้เรารับรู้ว่าเค้ารับทราบสิ่งที่เราพูดแล้ว อยู่ดีๆ หมาที่นอนในห้องด้วยก็ลุกขึ้นมาเห่าอย่างดุเดือดเลยค่ะ ... คุณสามีเราตกใจตื่นขึ้นมาแล้วก็เลยอุ้มหมาขึ้นมานอนบนเตียงด้วย แต่เค้าไม่ยอมนอนค่ะ จะกระโดดลงจากเตียงอย่างเดียวเลย(ปกติจะขอนอนบนเตียงด้วยตลอด) ------------------------------- หลังจากนั้นประมาณอาทิตย์กว่าๆเรากำลังจะนอน ปิดไฟหมดแล้ว เรานอนคว่ำอยู่ก็มีมืออุ่นๆมาจับไหล่ด้านขวาเราค่ะ เราหันไปมองคุณสามีที่นอนอยู่ด้านซ้าย หลับกรนคร่อกๆ นับดูแขนเค้าก็อยู่ครบ... ไม่ใช่มือเค้าแน่ๆที่จับไหล่เราอยู่ วินาทีนั้น... ขี้ขลาดเกินที่จะหันไปมองค่ะ เลยพยายามที่จะนอนท่านั้น อยู่ดีๆไม่รู้ทำไมเราถึงได้คิดสงสัยขึ้นมาว่า เอ... วันนี้วันอะไร พอดูวัน และเวลาจากนาฬิกา (ใส่ที่ข้อมือซ้ายค่ะ) คิดย้อนกลับไป วันนี้ เวลานี้ หนึ่งปีที่แล้ว คือวันและเวลาที่คุณย่าเสียพอดี เราก็เลยแน่ใจว่าต้องเป็นคุณย่ามาหาแน่ๆเลย เราก็เริ่มพูดในใจคุยกับคุณย่าไปค่ะ ว่านี่บ้านเรานะ แล้วก็เล่าให้ย่าฟังว่าเราทำงานอะไร ทำที่ไหน ตอนนี้สุขภาพเป็นยังไง พอรู้สึกตัวอีกทีมือที่ไหล่ก็หายไปแล้วค่ะ วันรุ่งขึ้นเราโทรไปหาคุณพ่อ พอเราเล่าให้พ่อฟัง พ่อหัวเราะแล้วก็บอกว่า "ย่าเค้าไม่เคยไปอเมริกาลูก ย่าคงคิดถึงและอยากไปเที่ยวมั้ง ลูกพาย่าเที่ยวสิ.." จากคุณ : CaliGirl - [ 4 มี.ค. 51 09:44:24 ]

ความคิดเห็นที่ 79 อ่านของคนอื่นน่ากลัวๆดีค่ะ แต่ของเราจะเป็นอะไรที่น่าแปลกใจมากกว่าว่าทำไมถึงได้พอเหมาะกันขนาดนี้ เรามีพี่ชายทูนหัวที่อเมริกา ไม่ได้ติดต่อมากมายค่ะ แต่เคยไปเที่ยวที่เมืองไทย เจอกันสองครั้ง ตอนมาถึงใหม่ๆพี่ก็พาไปเปิดบัญชีที่ธนาคาร ขณะที่เรารอเปิดบัญชี พี่ชายก็กลับมาพร้อมกับมือถือ prepaid ของ Cingular พร้อมกับเบอร์โทรที่มีแต่เลขวันเกิดกับเดือนเกิดของเราซะส่วนใหญ่ รวมทั้งเป็นเลขที่สวยด้วยโดยที่พี่ชายไม่เคยรู้วันเกิดเราเลย อีกทั้งคิดว่าพี่เขาคงไม่ได้เลือกเบอร์โทรให้ด้วย จากนั้นก็ไปหาอพาร์ทเม้นท์อยู่ด้วยตัวเองเพราะพี่ชายทำงาน ด้วยความที่ชีวิตเราจะผูกพันกับเลขสาม แม้หาหลายที่แต่ก็ได้ห้องที่อยู่ชั้นสามในที่สุด (แต่ตอนแบกของขึ้นนี่ หนักน่าดูเลยค่ะ) จากคุณ : เลิฟ2ซี - [ 4 มี.ค. 51 10:02:14 ]

ความคิดเห็นที่ 80 วันนี้มีนัดหมอ เพื่อทำ อินเทอนอล อัลตร้าซาวด์ค่ะ ประมาณ สี่โมงเย็น เวลาที่มินเนสโซต้า ซึ่งหมอ ไม่เห็น ฮาร์ทบีทของเด็กค่ะ ก็สันนิษฐานว่า เราแท้ง แต่ก็นัดให้ไปทำ โซโนแกรมอีกครั้งวันพรุ่งนี้ ซึ่งเรามีแผนกลับเมืองไทย วันพุธ ที่ห้านี้ค่ะ ประมาณหกโมงเย็น ก็โทรกลับบ้านที่เมืองไทย ก็เป็นเวลาประมาณเจ็ดโมงเช้า แม่รับโทรศัพท์ พอรู้ว่าเราโทรไป เค้าก็ถามว่า เป็นอะไรหรือเปล่า เมือคืน ค่อนรุ่ง แม่ฝันไม่ค่อยดี ฝันว่าเรา ตกเลือด แค่นั้นแหละค่ะ น้ำตาร่วงเป็นเผาเต่าเลย น่าแปลกนะคะ แม่รู้ก่อนที่เราจะบอกซะอีก เวลาที่เราอยู่กับหมอ ตั้งแต่สี่โมงครึ่ง จนถึง ห้าโมงเย็น เป็นช่วงเวลา ที่แม่ฝัน พอดี แล้วฝันแม่นอีก น่าขอหวยแม่เน๊อะ จากคุณ : กบ - [ 4 มี.ค. 51 10:35:24 A:75.72.75.109 X: TicketID:169792 ]

ความคิดเห็นที่ 81 แวะมาอีกรอบ.. ขอบคุณพี่สุค่ะ..ที่ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา..เชื่อที่ทุกท่านเล่ามาหมดใจ.. คุณกบคะ..เสียใจด้วยนะคะ..เข้าใจความรู้สึกของคุณเป็นอย่างดี..ดิฉันก็เคยสูญเสียเหมือนคุณเมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้ว..เคยเสียใจมากมาย.. ตอนท้องลูกคนแรกได้หนึ่งเดือน..ก็ฝันว่า..เตี่ย(ซึ่งเสียชีวิตไปแล้วขณะนั้น)..มาหาพร้อมจูงเด็กผู้ชายมาหนึ่งคน..บอก..ลูกเธอ..ดิฉันร้องเสียงดังว่า..ไม่เอา ไม่เอา เกลียดเด็กผู้ชาย..เด็กคนนั้นวิ่งร้องไห้กลับไปหาเตี่ย..เตี่ยท่าทางโมโหแล้วจูงเด้กคนนั้นกลับไปด้วย..ต่อมาอีกสองวัน..แท้งลูกค่ะ.. พอท้องที่สองเมื่อยี่สิบปีก่อน..ฝันว่าผู้หญิงอ้วนๆอุ้มเด็กผมดกตุ้ยนุ้ยมาหนึ่งคน..ยื่นให้พร้อมบอก..เอ้า ลูกเธอ..เราก็รับมาเพราะเห็นเป็นเด้กผู้หญิงตุ้ยนุ้ย ผมดกดำ..ต่อมาอีกสองสัปดาห์ก็ทราบว่าตั้งท้อง..แต่ว่ามีอาการแท้งคุกคาม(หมอบอก)..ก็ไปตรวจอัลตร้าซาวน์..หมอบอก..ท้องแฝด..ให้ระวัง..ในใจก็นึกถึงฝันว่า เอ เห็นเด็กคนเดียวนี่นะ..ต่อมาอีกหนึ่งเดือนไปอัลตราซาวน์อีกที..คราวนี้หมอบอกว่า..รอดคนเดียวนะ..อีกคนฝ่อไปแล้ว..คลอดออกมาเป็นลูกสาว..หนักสี่กิโล..ผมดกดำยาวลงมาถึงต้นคอ..เมื่อสิบเก้าปีก่อน..ใครรู้จักห้องเด็กอ่อน รพ.พญาไทสอง จะได้ยินพยาบาลเรียก..เด็กหญิงตุ้มตุ้ย ตลอดหนึ่งอาทิตย์.. จากคุณ : Panissar - [ 4 มี.ค. 51 11:10:00 ]

ความคิดเห็นที่ 82 เข้ามารอบที่ 3  ชอบของทุกคนเลย จากคุณ : ให้มันได้อย่างงี้เซ่ - [ 4 มี.ค. 51 11:24:19 ]

ความคิดเห็นที่ 83 อ่า..น่ากัว เราเคยฝันเห็นลูกชายเจ้านายที่บริษัท ไม่ใช่เจ้านายเราโดยตรงหรอกค่ะ ก็แนวๆ ผู้บริหารของบริษัท น้องเค้าเสียไปได้ 6 เดือนแล้วมั้ง แล้วจู่ๆ เราก็ฝันถึง ไม่เคยรู้จักกันเลยนะ ไม่ได้ไปงานศพด้วย เคยแต่เห็นรูปจากหนังสืองานศพเมื่อ 6 เดือนมาแล้ว แล้วก็มาฝันถึง ฝันว่าเค้ามาบอกว่าอยากกอดแม่ ให้ไปกอดให้หน่อย เราก็หันไปมองหน้า พูดกวนๆ เค้าอีกแหน่ะ บอกว่า เฮ้ย ไม่อ่ะ เธอไปกอดเค้าเองดิ เรื่องไรให้ชั้นไปกอดแม่เธอ.. แบบว่าในฝันนั่นรู้ด้วยนะคะว่าเค้าลูกใคร.. น้องเค้าก็มากะเพื่อนอีก 2 คน บอกว่า ไม่อ่ะพี่ ผมอยู่ไกลกะแม่ พรุ่งนี้พี่ไปกอดให้หน่อยนะ บอกแม่ว่าผมฝากมา เราก็แบบ โอ๊ย อะไรของเธอเนี่ย.. แล้วในฝันก็ฝันต่อว่าไปงานศพ ไปได้ยังไงไม่รู้ ปรากฏว่าเป็นงานศพของน้องคนนั้นกะเพื่อนอีก 2 คนที่มากะเค้า ตื่นมาจำติดตาเลย วิ่งลงไปหาแม่ ถามหาหนังสืองานศพ (พอดีแม่เราเป็นเพื่อนพี่สาวเจ้านายเราคนเนี้ยะ แต่เราไม่เคยรู้มาก่อนจนเห็นหนังสืองานศพเมื่อตอนแม่ไปงานเผา) พอเปิดหนังสืองานศพดู รูปหน้าแรกๆ นี่ไม่คุ้นกะในฝัน แต่ดั๊นไปเจอรูปนึง เหมือนมาก แล้วในรูปนั้นหน่ะเป็นรูปถ่ายเค้ากะแม่ กอดกันอยู่.. เรารีบกดทอสับหาคุณอาที่เป็นหมอดูประจำบ้านเรา เค้าก็บอกว่า คุณอาบอกแล้วว่าหนูหน่ะมีเซ้นส์เรื่องนี้.. โอ๊ย คุณอาขา..ไม่อยากมีค๊า.. คุณอาบอกอีกว่า ก็ว่า ทำไมไม่เห็นซะที เห็นแล้วเหรอ แต่ไม่เป็นไรหรอก เค้ามาดีๆ ทั้งนั้นแหละ คงจะมาแค่ในฝัน คงไม่มาให้เห็นจริงๆ หรอก.. ไอ้เราก็ได้แต่นั่งงึมงำบ่นบ่นไป แล้วก็ไปทำงาน คิดอยู่สองสัปดาห์.. เอาไงดีว้า.. เอาก็เอาวะ.. ไปบอกนาย ไปถึงห้องนาย เคาะประตู นายมองหน้า ทำนองว่า ชั้นไม่รู้จักเธอ มีอะไร เราก็มองหน้า แล้วบอก พี่คะ หนูฝันเห็นน้องค่ะ น้องบอกว่าอยากกอดแม่ ให้หนูมากอดให้ค่ะ.. นายมองหน้า น้ำตาไหล แล้วก็ลุกมากอดเรา แล้วก็บอกว่า รู้มั้ย พี่ไม่เคยฝันเห็นน้องเลย มีแต่คนอื่นเห็นตลอด แต่ไม่เคยมาให้แม่เห็นเลย.. เราก็นึกในใจ.. แล้วมัยมาให้เราเห็นหล่ะเนี่ย.. เสร็จแล้วก็ขับรถบึ่งไปอยุธยา ไปถวายสังฆทาน ขับรถหาวัดที่มีพระ...แบบว่าเราอยากได้วัดที่ค่อนข้างเล็กๆ เก่าๆ หน่อย เลยขับรถวนหาวัดที่มีพระ เจอวัดนึงก็เลยบอกหลวงพ่อ ว่ามาทำบุญ ฝันเห็นคนตาย หลวงพ่อก็ถาม เอ้า ใครหล่ะ ญาติ เพื่อน เราก็บอก ไม่รู้จักค่ะ แค่ฝันเห็นคนตาย 3 คน ค่ะ แล้วก็ไปซื้อหวย.. ถูกหวยด้วย จากคุณ : ~~FrOm NoW oN~~ - [ 4 มี.ค. 51 11:53:05 ]

ความคิดเห็นที่ 84 ขอเล่าบ้างค่ะ  เรากับอาสองคน ได้ย้ายบ้านมาอยู่แถวพระรามสาม ตอนมาอยู่บ้านก็ไม่ได้ทำพิธีอะไร ก็คือมานอนอยุ่เลย ปกติ ส่วนตัวเราจะไหว้พระก่อนนอน แล้วทุกคืนที่เรานอนหลับพอดึกๆๆเราจะฝันว่าเราถูกข่มขืน จะมีเงาดำใหญ่ มาทับเรา พยายามจะจูบ พยายามเอาตรงนั้นเข้ามาสอดใส่ของเรา เราพยายามดิ้นพยายามท่องนะโม บางครั้งเราก็ไม่หลุดจากฝัน เราฝันทำนองนี้เป็นอาทิตย์​ จนเวลาเราเข้านอนเราจะแบบไม่อยากหลับไม่อยากฝันแบบเดิมๆ จากนั้นก็ไปนั่งคุยกับอา อาก็บอกว่านีไปทำบุญที่วัดหัวลำโพงมา แล้วก็ไปดูดวง เค้าถามอาว่า เคยไปทำแท้งที่ไหนมารึป่าว คือมีเด็กมาคอยตามอยู่นะ  เราก็เลยเล่าฝันให้อาฟัง อาบอกว่าฝันเหมือนกันเลยย เรากับอาก็เลยไปทำบุญ เราก็เล่าให้เพื่อนฟัง เพื่อนก็เอายันส์ เจ้าพ่อเสือ มาให้เรา เราก็เอาไว้ตรงหน้ากระจก จากนั้นเราก็ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้อีกเลยย  ครั้งแรกและครั้งเดียว จากคุณ : ugly bett - [ 4 มี.ค. 51 14:28:25 ]

ความคิดเห็นที่ 85 เรียนคุณแม่ปุกปุย คห ที่ 72 - 73   เสาร์ห้า คือ วันขึ้น 5 ค่ำเดือน 5 หรือ วันเเรม 5 ค่ำเดือน 5 ตามปฏิทินข้างขึ้นข้างเเรมของไทยค่ะ ถ้าเป็นวันที่เเบบสากล ถึงจะเป็นวันเสาร์ที่ 5 (วันที่แบบฝรั่ง) จะไม่ใช่เสาร์ห้าที่ทางโหราศาสตร์หมายถึงค่ะ จากคุณ : Jennifer Lowclass - [ 4 มี.ค. 51 17:13:56 ]

ความคิดเห็นที่ 86 มาเล่าบ้างมี 2-3 เรื่องให้ฟังนะคะ เคยมีคนบอกว่าเรามีเซ้นส์ ซึ่งตรงนี้คิดว่าตัวเองอาจจะมีกับเ้ค้าบ้าง เพราะเยอะมากในชีวิตที่เรารู้สึกก่อนจะเกิด แม้แต่ในชีิวิตประจำวัน มันก็เกิดจริง ..... **เรื่องแรกเลย ชมพูเองไม่สนิทกับแม่คือแม่เค้าเลิกกับพ่อมาตั้งแต่เรายังเด็กแล้วเค้าก็แต่งงานใหม่ มีลูกใหม่ ก็ไม่ได้สนิทกัน และพอเราโตขึ้นก็มีเรื่องที่ทำให้ไม่ได้คุยกันเป็นปีค่ะ จนเราแต่งงานมาอยู่ที่อังกฤษ ตอนกลับเมืองไทยเรารู้ว่าเค้าป่วยแต่ก็ไม่ได้ไปเยี่ยมเค้า พอกลับมาอังกฤษได้ไม่กี่เดือน มีอยู่คืนนึงรู้สึกกระสับกระส่ายและนึกถึงแม่ขึ้นมา รู้สึกว่าเราน่าจะโทร.ไปหา อย่างน้อยก็ถามอาการเค้าว่าเป็นอย่างไรบ้าง และึืคืนนั้นนอนไม่หลับเลย พอตอนเช้าเปิดอีเมลล์ (ซึ่งเมลล์นี้ไม่ค่อยได้ใช้ นาน ๆ เปิดที) ก็ได้รับเมลล์จากน้องสาว(ลูกของแม่กับพ่อเลี้ยง) เค้าเมลล์มาบอกว่าแม่เสียแล้ว ตอนนั้นรู้สึกขนลุก และรู้สึกผิดอย่างที่ไม่เคยมาก่อนในชีวิตจริง ๆ รู้สึกว่าอย่างน้อยเราควรจะติดต่อเค้าบ้างตอนที่เค้าป่วย แต่เพราะตอนนั้นไม่ค่อยเชื่อว่าเค้าป่วยหนัก เพราะมันมีเรื่องหลายอย่างระหว่างเรากับเค้าที่ทำให้ไม่พูด คุยกันหลายปีค่ะ แต่ตัวเองก็มานั่งนึกแล้วงง ๆ อยู่ว่า ทำไมคืนนั้นที่เค้าเสีย เราถึงได้รู้สึกนึกถึงเค้าขึ้นมา ** เรื่องที่ 2 นี่ คล้าย ๆ เรื่องแรกเลย คือมีเพื่อนสนิทผู้ชายคนนึงซึ่งเราชอบเค้า และเค้าชอบเรา แต่ตอนนั้นเรามีแฟนอยู่้ เราสองคนเลยต้องอยู่แค่เพื่อนสนิท....เรื่องนานน่าจะประมาณ 10 ได้แล้ว ตอนนั้นเรายังไม่มีมีถือ แต่เพื่อนเราคนนี้เค้ามี วันนึงเค้าบอกว่ามือถือเค้าเสีย แต่ไม่รู้จะเอาไปซ่อมที่ไหน ถ้าเรารู้ที่ซ่อม ฝากเอาไปซ่อมได้มั้ย เราก็รับมือถือมาแต่ก็ไม่เห็นว่ามันจะเป็นอะไรมากมาย แต่ก็บอกว่าจะเอาไปให้ช่างดูให้เค้าบอกไม่ต้องรีบ เค้าไม่ค่อยได้ใช้ เราก็โอเค รอวันหยุดละกันเดี๋ยวไปเช็คให้ ระหว่างที่มือถืออยู่กับเราเค้าก็โทร.เข้ามือถือนั้น 1-2 ครั้ง ก็แค่คุย 2-3 คำ 2-3 วันผ่านไป เรารู้สึกอยากโทร.หาเค้ามากกก แต่อีกใจก็แบบไม่อยากโทร.คือช่วงก่อนหน้านั้นเรากับเค้าได้คุยกันประมาณว่าเรา 2 คนจะคบกันแบบเพื่อน พยายามไม่ให้คิดเลยไปมากกว่านี้ เราปิดมือถือของเค้า ในใจก็คิดว่าเปิดมือถือดีมั้ย เผื่อเค้าโทร.มา หรือเราควรจะโทร.ไปหาเค้า แต่เราไปค้างที่บ้านญาติวันนั้นก็เลยไม่อยากเสียมารยาท เลยไม่ได้โทร.หาเพื่อนคนนี้ แต่หงุดหงิดมาก มีความรู้สึกว่าต้องโทร.หาเค้าให้ได้ จนในที่สุดก็ไม่ได้โทร. วันรุ่งขึ้นเรามาทำงาน ปรากฎว่าเค้าไม่มาทำงาน เราก็เอ๊ะ แปลก ๆ ก็โทร.ไปหาเค้าที่บ้าน คนในบ้านเค้ารับและบอกแค่ว่าเค้าปวดท้องตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล เราก็คิดว่าถ้าพรุ่งนี้เค้ายังไม่มาเราจะไปเยี่ยมที่โรงพยาบาล วันถัดมา ทันทีที่เราไปถึงที่ทำงานเพื่อนคนนึงวิ่งมาบอกเราว่า พี่สาวของเพื่อนคนนี้โทร.มาที่ทำงานบอกว่าเพื่อนอยู่ห้องไอซียู ไม่น่าจะรอดเกินวันนี้ ยังไงอยากให้เราไปดูเค้า ที่ทำงานก็อนุญาตให้ยกทีมกันไปเยี่ยม พอเราไปถึงพี่สาวเค้าเล่าว่า คืนก่อน(ซึ่งเป็นคืนที่เราอยากโทร.หาเค้า) เพื่อนคนนี้เค้าดื่มยาฆ่าหญ้าเข้าไป เรางี้ขนลุกเลย แต่ที่ขนลุกกว่า คือเวลาที่พี่สาวเค้าบอกว่าเค้าดื่มยานั่นตรงกับเวลาที่เรารู้สึกว่าหงุดหงิด กระสับกระส่าย (ทุกวันนี้ยังจำได้อยู่เลย) เราเข้าไปหาเค้าที่ไอซียู เราก็เข้าไปจับมือเค้าไว้ แต่เรารู้ว่าคงไม่รอดแน่ หมอบอกว่าอวัยวะข้างในเสียหมดแล้ว เพราะปริมาณที่เค้าดื่มเข้าไปเยอะพอสมควร แล้วเค้าก็จากเราไปบ่ายวันนั้น........ ** เรื่องที่ 3 นี่ ต่อจากเรื่องที่ 2 คือไม่กี่วัน หลังจากเพื่อนคนนี้เสีย หลังจากงานศพ เรากับ น้อง ๆ ของเค้าซึ่งเราก็ค่อนข้างสนิทเพราะเคยไปเที่ยวตจว. ด้วยกันมา ก็ไปทานก๋วยเตี๋ยวกันหลังงานศพ รวมแล้ว 5 คน พอไปถึง ร้านก๋วยเตี๋ยว เอาน้ำแข็งเปล่ามาให้ 6 แก้ว พวกเราก็มองหน้ากัน แต่ยังไม่พูดอะไร พอสั่งอาหารเสร็จ คนขายบอกอ้าวแล้วอีกคนไม่สั่งอะไรเหรอ พวกเรางี้ขนลุกกันหมด ได้แต่บอกว่าเค้าอิ่มแล้ว และไม่กล้าพูดอะไรกัน แต่พวกเราเลยรู้ว่าเพื่อนคนนี้คงตามพวกเรามาทานก๋วยเตี๋ยวด้วย ยาวหน่อยนะคะ จริง ๆ มีอีกหลายเรื่องเลย แต่กลัวเพื่อน ๆ จะเืบื่อก่อน แก้ไขเมื่อ 04 มี.ค. 51 18:14:22 จากคุณ : pinkychompoo - [ 4 มี.ค. 51 18:12:08 ]

ความคิดเห็นที่ 87 เอากะเค้าหน่อย ตอนนั้นอายุประมาณ 5 ขวบ ไปที่ไซด์งานกะพ่อ ก็ไปยืนซื้อส้มตำอยู่กะแม่ เป็นแบบรถเข็นขายข้างถนนอะค่ะ ตรงนั้นเป็นตึกที่กำลังก่อสร้างอยู่ระยะทางไม่ไกลกันมากกับตรงที่ซื้อส้มตำ อยู่ดีๆ แม่ก็มีสีหน้าประหวั่นพรั่นพรึงอะไรสักอย่าง แล้วก็เรียกให้มายืนข้างๆแม่ ขนาดตอนนั้นเด็กมากยังจำสีหน้าของแม่ได้ติดตา เราก็กำลังยืนอยู่แถวนั้นไกลจากแม่มาประมาณ 1 - 2 เมตร ก็ไปยืนข้างแม่ แม่จับมือไว้ แต่เราก็สะบัดมือออกไปอีก ทีนี้แม่ตีเลย แล้วเรียกด้วยเสียงเข้มๆว่ายืนอยู่ตรงนี้อย่าไปไหน สิ้นคำพูดแม่นับ 1 ไม่ถึง 10 โดยประมาณ มีกองไม้เป็นแผ่นๆหนาๆประมาณ 5 แผ่น 10 แผ่นได้ ตกลงมา ตรงที่เรายืนอยู่ก่อนที่แม่จะเรียก แม่ก็หันหน้าขึ้นไปมอง แล้วด่าคนงานที่โยนไม้ลงมา เขาบอกว่า ตะโกนบอกแล้วว่าให้หลบไป.... แต่ไม่มีใครได้ยินเสียงที่เขาตะโกนบอกเลย... และถ้าไม่ได้สันชาตญาณแม่ในวันนั้น เราคงแหลกเหลวอยู่ใต้กองไม้นั้นแล้ว จากคุณ : แก้วนพรัตน์ - [ 4 มี.ค. 51 18:32:18 ]

ความคิดเห็นที่ 88 ความบังเอิญของกระทู้นี้ที่เห็นคือ เมื่อคุณ ...hamster... #74  คุยจบถึงเรื่องเดือนกุมภา คุณกุมภา  #75  ก็มาเล่าต่อเลย ช่างบังเอิญจริง ๆ ครับ อ่านของหลาย ๆ ท่าน   อ่านไปก็ขนลุกตามไปด้วยครับ จากคุณ : xingto16 - [ 4 มี.ค. 51 18:48:50 ]

ความคิดเห็นที่ 89 สวัสดีนายสิงโตหัวฟูครับ เล่าให้ฟังต่อ แบบรวบรัด สาวฉิมเป็นคนโคราช จบนิติ พักอยู่ชั้นห้ากับสามีและลูกหนึ่งคน ที่หอพักแยกลำสาลี สามีขี่มอเตอร์ไซด์ไปถูกรถชนตาย ตั้งศพอยู่วัดศรีบุญเรืองตอนกลางคืน พอตอนเช้าวันรุ่งขึ้น มีเพื่อนๆมาคุยกันอยู่หน้าห้อง ถามสาวฉิมว่าหายไปไหนมา สามีมาคอยเมื่อสักครู่ บอกว่ากุญแจหายเข้าห้องไม่ได้ ปรากฏว่าทั้งตึกคนย้ายออกไปอยู่ตึกอื่น เหลือคนเดียวแต่เพื่อนสนิทของสามี เรื่องนี้เพื่อนผมเล่าให้ฟัง เพื่อนก็สงสัย เลยแวะไปคุยกับหมอสม (วิศวกร หมอดู) ซึ่งอยู่ที่โรงแรมที่ตลาดบางกะปิ ถามว่าหมอว่าเชื่อไหม หมอสมบอกว่า เชื่อ 100% เพราะเกิดกับตัวเอง เขาเล่าต่อว่า น้องชายเปิดร้านขายมอเตอร์ไซด์ที่พิจิตร เข้ามา กท บ่อยเพื่อเอาของไปขาย วันหนึ่งขณะนั่งดูทีวีกับครอบครัวอยู่หน้าราม น้องชายมาเรียกอยู่หน้าห้องราว 5 โมง เย็น เรียกให้เข้าบ้านก็ไม่เข้าแต่บอกว่าจะรีบกลับไปพิจิตร บังเอิญเขาโทรไปพิจิตรหลังจากนั้น คนที่บ้านบอกว่าน้องชายตายเมื่อตอนเก้าโมงเช้าเพราะอุึบัติเหตุมอเตอร์ไซด์ เช่นเดียวกัน จากคุณ : อิสวาสุ - [ 4 มี.ค. 51 19:53:09 A:71.114.84.246 X: TicketID:146114 ]

ความคิดเห็นที่ 90 ขยายนิดหนึ่งเรื่องวันเสาร์ห้า ตามเช่นคุณ Jennifer บอกค่ะ คือไม่ได้หมายถึงเกิดวันเสาร์ที่ 5 ของเดือน เสาร์ห้า หมายถึงวันเสาร์ ที่ตรงกับวันขึ้นหรือแรม 5 ค่ำ ทางปฎิทินจันทรคติ เกี่ยวกับการกำหนดฤกษ์ยาม ให้เป็นวัน สิทธิโชค ถือเป็นวันแข็งหรือวันดีวันหนึ่ง นิยมทำพิธีปลุกเสกสิ่งศักสิทธิ์ สำหรับเด็กที่เกิดวันดังกล่าวนี้ ถ้าจะดูว่าดวงแข็งหรือไม่ ต้องนำเวลาตกฟาก  และปีเกิด ประกอบการดูดวงชะตา เพราะบางคนเวลาและปีเกิดจะผ่อนความแรงลงไปได้ ถึงแม้จะเกิดเสาร์ห้าก็ตาม หลวงตาบอกดิฉันเกิด เสาร์ห้า เดือนดับ คาบเวลาเสือหากิน..เลี้ยงไม่ดีเป็นมหาโจรทันที แถมด้วยว่า ..ใครคิดฆ่ามัน คนนั้นตายก่อน.. ทุกวันนี้ต้องระวังใจ ไม่ใฝ่ทางชั่ว แก้ไขเมื่อ 04 มี.ค. 51 20:56:34 จากคุณ : jeejeeberry - [ 4 มี.ค. 51 20:21:13 ]

ความคิดเห็นที่ 91 ดิฉันก็มักพบเจออะไรแปลกๆอยู่บ่อยๆทั้งที่เมืองไทยและที่ต่างประเทศ ตอนที่อยู่เมืองไทยมักจะเห็นอะไรที่คนอื่นเขาไม่เห็นกัน แต่ด้วยความที่มักจะคิดว่าตัวเองคงตาฝาดไปหรืออะไรแบบนั้น ก็เลยไม่ได้ใส่ใจเก็บมาคิดกลัว เคยมีอยู่ครั้งที่เห็นเปรตแบบจะๆ ตอนนั้นเรียนอยู่ชั้นประถมที่ทางใต้ รู้สึกจะ ป. 4 ถ้าจำไม่ผิด ตอนเห็นนั้นเป็นตอนเช้าตรู่ ประมาณหกโมงกว่าๆเห็นจะได้ ปกติแล้วดิฉันจะนั่งรถรับส่งนักเรียนที่ทางค่ายมีไว้บริการลูกหลานทหาร แต่วันนั้นดิฉันนึกสนุกอย่างไรไม่ทราบ ก็เลยตามพี่ชายที่ตอนนั้นเป็นพลขับมีหน้าที่ขับรถยีเอ็มซีเข้าเมืองไปจ่ายกับข้าวกับเขาด้วย นั่งท้ายยีเอ็มซีอยู่คนเดียว ก็เลยเห็นอะไรที่ว่านี่อยู่คนเดียว ตอนเห็นก็ไม่รู้สึกกลัว แถมยังแปลกใจอีกด้วยว่า คนตัดยางอะไรกัน ทำไมตัวสูงกว่ายอดยางซะอีก แล้วเขาก็เดินของเขาดุ่มๆไป ไม่ได้หันมามองทางดิฉัน ไม่มีการหวีดเสียงโหยหวนแบบที่เห็นกันในหนังผี ตอนหลังมาเล่าให้พ่อฟัง พ่อบอกว่าเขาคงจะมาขอส่วนบุญมั้ง ก็เลยทำบุญกรวดน้ำไปให้ หลังจากนั้นมาก็มีแบบนี้มาอีกบ่อยๆ บางทีเห็นใกล้ๆชนิดที่ว่าเดินสวนกันแบบต่างคนต่างเดิน แต่ดิฉันมักจะมีอาการเอะใจว่า เอ๊ะ ทำไมคนๆนั้นเขามีอาการแปลกๆ หากว่าไม่หน้าซีดจนผิดปกติ ก็จะมีอาการแบบเขาไม่ได้เดิน แต่ว่าลอยวูบผ่านเราไป อะไรแบบนั้น พอสงสัยและหันไปมอง ก็หายไปแล้ว หาไม่เจอ ตั้งแต่เริ่มทำงานโรงพยาบาลยิ่งเจอบ่อยค่ะ โดยเฉพาะเวรดึกนี่จะมีอะไรแปลกๆบ่อยมาก บางทีหน้าต่างหรือประตูเปิดผึงออกเฉยๆ บางทีก็มาแต่กลิ่น บางวันเวลากลางวันแสกๆ หากมีคนไข้ใกล้ดับจิต โดยเฉพาะคนที่ยังไม่พร้อมที่จะลาจากโลกนี้ไป ดิฉันก็จะรับความรู้สึกของเขาได้ เพราะว่าจะมีอาการอึดอัดแน่นอกไปหมด เคยถามเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ บางคนเขาก็บอกว่าเขาเป็นเหมือนกัน แต่บางคนเขาก็ไม่รู้สึกอะไร แต่ดิฉันไม่เคยเจอเขาตั้งใจมาหลอก แต่เหมือนๆกับว่ามิติของเขากับมิติของเรามันบังเอิญมาตรงกันในช่วงนั้นๆ เราก็เลยได้รับรู้เห็นอะไรแปลกๆอยู่เรื่อย ที่เคยห็นนั้น หากมาแบบคนก็จะมาแบบธรรมดา อาจหน้าซีดมากหน่อยแต่ก็ไม่เน่าเฟะน่ากลัว (แต่ฝรั่งบางคนก็หน้าซีดมากจริงๆ บางทีเจอกันตามทางเดินใต้ดินของ รพ.เวลาดึกๆ นี่เล่นเอาดิฉันสะดุ้ง นึกว่าเจออีกแล้ว พอเดินมาใกล้ๆค่อยโล่งใจหน่อยว่าเป็นมนุษย์ ...) ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกันว่าจะเป็นเพราะดิฉันเกิดวันเสาร์หรือไม่ ถึงได้เจออะไรแปลกๆบ่อยจังเลย จากคุณ : Smilla - [ 4 มี.ค. 51 20:25:15 ]

ความคิดเห็นที่ 92 กลับมาอีกรอบ... ขอบคุณ คุณ Jennifer Lowclass นะคะที่ช่วยให้ความรู้ หลงเข้าใจผิดมาตั้งนาน...อิอิ งั้นขอถือโอกาสเล่าอีก 1 เรื่องนะคะ เราเป็นคนที่ชอบดูดวงมาก ที่ไหนบอกว่าแม่นขอพิสูจน์กันหน่อย วันหนึ่ง...เพื่อนพาไปตำหนัก (เค้าเรียกกันแบบนั้น) ที่มีร่างทรงเป็นผู้หญิง ในบ้านนั้นก็มีรูป ตลอดจนวัตถุมงคลต่างๆ มากมาย และหนึ่งในนั้นก็มีเจ้าแม่กวนอิม ร่างทรงได้พูดกับเราว่า เนี่ยเธอรู้มั๊ย เธอหน่ะมีองค์นะ นั่นไง...ชี้ไปทางรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม ตอนนั้นบอกได้เลยค่ะว่าไม่เชื่อ และก็ไม่เชื่อกระทั่งวันนี้ แต่มีเหตุการณ์แปลกๆ เกิดขึ้นคือ หลังจากร่างทรงบอกเราแล้ว อีกประมาณ 1 เดือนต่อมา เราไปลพบุรี เพื่อนบอกว่ารู้จักครูคนหนึ่ง ดูดวงแม่นมาก ครูท่านนี้ดูไพ่ป๊อก...ก่อนจะดูดวงเค้าต้องให้ถวายค่าครูและยกพานครูนั้นตั้งจิตอธิษฐาน เมื่อเราทำตามนั้น ครูท่านนั้นก็พูดว่า ขอให้ยกพานขึ้นใหม่อีกครั้ง เพราะเค้ารู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างที่ปะทะเค้า เราก็ทำตามที่ครูบอก...แล้วครูก็พูดว่า เนี่ย มีผู้หญิงที่ตำหนักคนหนึ่งบอกกับเธอใช่มั๊ยว่าเธอมีองค์เจ้าแม่กวนอิม เธอมีจริงๆนะ วันนี้ท่านก็ติดตามเธอมาด้วย.... อืมม เราก็แปลกใจซะเหลือเกิน ทำไมช่างพูดตรงอย่างนั้น อยู่กันคนละที่ละทางเลย หลังจากวันนั้นผ่านไป....มีวันหนึ่งเรากลับไปบ้านต่างจังหวัด พี่ชายเรานั่งคุยกับเพื่อนๆ เค้า เราก็เดินอยู่ในมุมหนึ่งของบ้าน ซึ่งเค้าไม่น่าที่จะมาสนใจอะไร แต่เค้าก็ตะโกนถามว่า ใครเดินอยู่ตรงนั้นหน่ะ....เราก็บอกว่าเป็นเราเอง...เค้าก็อ้าว......(ชื่อเรา)เองเหรอ...พี่นึกว่าเจ้าแม่กวนอิม อ้าวเพ่....ทำไมถึงพูดแบบนั้นหล่ะ เรานึกในใจ ทำไมต้องมาทักเราแบบนี้ด้วย...แต่เราก็ไม่ได้บอกอะไรใครหรอก เพราะรู้สึกว่ามันไม่จริง สิ่งที่สูงส่งไม่น่าที่จะมาอยู่กับเราได้ นี่หล่ะค่ะ เรื่องน่าแปลกของเราอีกเรื่องหนึ่ง....แล้วเพื่อนๆเชื่อเรื่องการมีองค์มั๊ยค่ะ จากคุณ : แม่ปุกปุย - [ 4 มี.ค. 51 21:00:40 ]

ความคิดเห็นที่ 93 ขอบคุณ คุณjeejeeberry ด้วยค่ะ ที่ได้มาช่วยอธิบายความเรื่องเสาร์ 5 จากคุณ : แม่ปุกปุย - [ 4 มี.ค. 51 21:03:29 ]

ความคิดเห็นที่ 94 มีองค์ประจำตัว เคยได้ยินนะ แต่ไม่รู้ว่าคืออะไร น่าจะเป็นเทพรักษาตัว แต่ที่ได้ยินบ่อยก็เรื่อง..องค์ลง.. เรื่ององค์ลงนี่ เคยตามเพื่อนเข้าร่วมพิธี แต่ไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ เพราะนึก สงสัยว่า เทพท่านเป็นผู้บริสุทธิ์ เสวยทิพย์ ท่านจะมาเข้าร่างมนุษย์เหม็นกิเลสหนาแบบเราได้อย่างไร และบ้านเช่าโกโรโกโส ก็ยังเรียกว่าตำหนักเสียอีกแน่ะ เปิดใจท้าทายฟ้าดิน เอ้า เทพเจ้าขา ลูกหลานมิได้ลบหลู่ แต่หากมีจริง เข้าร่างมนุษย์ได้จริง ขออัญเชิญแสดงอภินิหารเป็นขวัญตาข้าผู้น้อยด้วยเถิด ลูกช้างขอท้าพิสูจน์ ว่าแล้วก็จ้องไปยังร่างเทพที่กำลังฟ้อนรำ เลยเห็นร่างทั้งหลายหลบตาดิฉันเป็นแถว เลยไม่มีโอกาสเห็น แล้วก็ไม่ค่อยชอบไปดูอีก เพราะขำกลิ้งมากกว่าศรัทธา จากคุณ : jeejeeberry - [ 4 มี.ค. 51 21:27:40 ]

ความคิดเห็นที่ 95 ครับ  สวัสดีครับลุงอิส ฯ โดยปกติเป็นคนที่ไม่ค่อยเชื่อเรื่องพวกนี้ครับ แต่อ่านแล้วก็เสียวเหมือนกันครับ เรื่องที่เคยเกิดกับตัวไม่ค่อยมีครับ จะมีก็แค่เรื่องที่ว่า เวลาไปสถานที่ไหน ๆ  หรือเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น แล้วบางทีจะมีความรู้สึกเหมือนกับว่า เคยไปสถานที่นั้น ๆ มาแล้ว   หรือเหตุการณ์เหล่านั้น  เคยเกิดขึ้นกับเรามาแล้ว ทั้ง ๆ ที่สถานที่นั้น ๆ ก็เพิ่งเคยไปครั้งแรก และเหตุการณ์นั้น ๆ ก็ไม่เคยเกิดขึ้นกับเรามาก่อน เคยท้าทายอยู่ครั้งหนึ่งครับ ตอนนั้นเพิ่งบวชพระครับ เป็นพระใหม่  เห็นเขาชอบพูดกันว่า ระวังนะ  พระใหม่เนี่ย  ผีจะชอบมาขอส่วนบุญ  จะมาหา คืนแรกเลยที่บวช  ตื่นมากลางดึกประมาณ ตี 1 กว่า ๆ จะเข้าห้องน้ำ  แล้วก็นึกถึงคำพูดของคนเหล่านั้นที่เคยพูดให้ฟัง ก็เลยพูดกับตัวเองในใจ  ก่อนที่จะเข้าห้องน้ำข้าง ๆ กุฎฏิว่า ถ้ามีจริง  ก็ออกมาให้เจอหน่อยดิ  อยากเจอ... แล้วก็เข้าห้องน้ำไป   พอทำธุระเรียบร้อย ก็เปิดประตูห้องน้ำเพื่อที่จะออกไปยังกุฎฏิ . . . สิ่งที่ผมเจอเข้ากับตัวเองก็คือ . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . ต้นไม้  และบ่อปลา  ที่อยู่ด้านหน้าห้องน้ำ ( เสียววาบ ๆ กันเลยสิครับ  คริ คริ  ) เฮ้อ... อยากเจอ  แต่ก็ไม่ได้เจอ แต่ตอนนี้  ก็พยายามที่จะเชื่อเรื่องพวกนี้ดูบ้างนะครับ ไม่ใช่เพราะที่ได้อ่านจากที่นี่นะครับ แต่เป็นเพราะเรื่องอื่น... จากคุณ : xingto16 - [ 4 มี.ค. 51 23:10:51 ]

ความคิดเห็นที่ 96 Help me !!!!!! Hilfe !!!! จากคุณ : frechdachs - [ 4 มี.ค. 51 23:43:25 ]

ความคิดเห็นที่ 97 ตอนสมัยวัยเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ปี4    มีเพื่อนบ้านเป็นพวกพนักงานขายวิ่ง ต่างจังหวัด  ปกติเห็นไม่เคยสนใจเรื่องพระเรื่องเจ้า มีอยู่วันหนึ่งเห็นเขาขับรถกลับจากต่างจังหวัดวันอาทิตย์ แวะมาที่บ้าน  บอกให้ไปกับเขา  ก็OK  นึกว่าคงชวนไปนั่งกินเบียร์  แต่เขากลับพาเราไปที่วัด ไปจุดธูปกราบพระประธาน  ขากลับบอกอีกว่าพรุ่งนี้เช้าจะทำบุญใส่บาตร ก็แปลกใจถามว่ามีเรื่องอะไรหรือ?    เขาเล่าว่าเขาและเพื่อนขับรถไปจังหวัดเชียงใหม่เพื่อเสนอขายสินค้า  แต่มาถึงจังหวัดลำพูนร่วมสามทุ่ม  ก็ไปต่อไม่ไหวเพราะง่วงนอนกัน  แวะพักโรงแรมเก่าๆมีแค่สองชั้น ตัวเขาได้ห้องชั้นสอง ส่วนเพื่อนได้ห้องข้างล่าง   หลังจากลงชื่อเข้าพัก ก็นัดกันว่าล้างหน้าล้างตาเสร็จ จะไปกินข้าวร้านข้างโรงแรม  เพื่อนเล่าให้ฟังว่าเปิดไฟเข้าไปในห้องก็ไม่มีอะไร   เดินเข้าห้องน้ำที่มีกระจกและอ่างล้างหน้า ก็ล้างมือล้างหน้า ขณะที่หวีผมอยู่ก็มีหน้าผู้หญิงโผล่ในกระจกจ้องหน้าเขา  ก็หันหลังมาดูว่ามีใครยืนข้างหลัง ปรากฏไม่มีใคร   เมื่อหันกลับมาที่กระจก  หน้าผู้หญิงยังคงจ้องเขาอยู่   ก็รู้ตัวว่าโดนเข้าแล้ว  ยกกระเป๋าเดินทางที่ยังไม่ได้เอาของออกวิ่งลงชั้นล่าง  เจอเพื่อนอีกคนยืนหน้าตื่นรอเขาอยู่   ปรากฏว่าเพื่อนก็โดนแบบเขา ทั้งคู่เลิกพัก ขับรถต่อไปเชียงใหม่   เขาบอกว่าตอนแรกคิดว่าตาอาจฝาดเพราะขับรถจากกรุงเทพไม่พักกัน  แต่เพื่อนร่วมเดินทางก็เจอแบบเขา  ก็มั่นใจว่าเป็นผีแน่ อีกรื่องเกิดที่บ้านสิบกว่าปีมาแล้ว     วางแผนทำบุญบ้าน ก็ไปที่วัดที่คุ้นเคยกับเจ้าอาวาสซึ่งท่านอายุเก้าสิบกว่าแล้ว ปรากฏว่าท่านว่างที่จะไปที่บ้านอีกเดือนหนึ่ง  พอถึงวันที่นัด ก็ให้คนรถขับรถตู้ไปรับพระ ส่วนตัวเองก็ขับรถตามไป  เมื่อไปถึงก็ไปที่กุฏฏิท่านเจ้าอาวาส  ตั้งใจไปนิมนต์ท่านให้ขึ้นรถที่ขับมาเอง ส่วนพระลูกศิษย์ก็ให้นั่งรถตู้ไป  แต่ประตูกุฎฎิปิด  ก็เคาะขออนุญาตเข้าไป  พอดีมีพระรูปหนึ่งเดินมาบอกว่าท่านเจ้าอาวาสได้มรณภาพตอนตี  แล้วเปิดประตูให้เข้าไป  เข้าไปกราบเท้าท่าน แต่รู้สึกน้อยใจ  เลยพูดกับท่านว่าได้นัดท่านมาเดือนหนึ่ง  แต่วันนี้เป็นวันนัด ท่านไม่คอย ละสังขารไป    ก็ขอให้ท่านไปที่บ้านกับผมแล้วกัน   เมื่อกลับไปที่บ้านพร้อมพระ 9  รูป  ทุกอย่างก็เป็นปกติ   พระท่านก็สวดมนต์  เพื่อนบ้านและแขกที่มาก็นั่งพนมมือฟัง   คุณแม่ซึ่งอยู่อีกบ้านหนึ่งและต้องตื่นตอนตี 4 กับคนใช้เพื่อเตรียมอาหาร  เนื่องจากอายุมากแล้ว  เมื่อมาถึงก็บอกว่าจะไปงีบสักหน่อยเพราะง่วงนอน   แต่เนื่องจากผู้คนมาก  ได้ล๊อคห้องชั้นสองหมด  ยกเว้นห้องพระ เพราะต้องนำพระประธานลงมาข้างล่างทำพิธี   เมือ่แม่เข้าห้องไม่ได้และคงไม่อยากลงไปข้างล่างขอกุญแจ  ก็หลบเข้าไปห้องพระนั่งพิงกำแพงแบบจะหลับนก   สักครู่คงง่วงมากก็ดึงเอาหมอนอิง แล้วนอนราบกะจะนอนเลย  ทันทีที่นอนราบ ก็เห็นพระภิกษุรูปหนึ่งโดดออกจากหน้าต่าง   ก็ใจจำได้ว่าเป้นท่านเจ้าอาวาส  แม่ก็รีบลงไปชั้นล่างบอกเสียงดังว่า เห็นเจ้าอาวาสโดดออกทางหน้าต่าง   ทุกคนที่นั่งฟังพระสวดอยู่ ก็ทำหน้าตื่น  พระก็หยุดสวด  ทุกคนรู้ว่าท่านได้มรณภาพไปแล้ว  แต่แม่มาช้าไม่ได้รู้คำบอกเล่า   ส่วนผมนั่งขนลุก  แต่บอกแม่ว่าห้องพระไม่เคยให้ใครเข้าไปนอน ยิ่งผู้หญิงยิ่งไม่ยอมเด็ ดขาด นอกจากจะเข้าไปไหว้พระ  พร้อมกับบอกแม่ตาฝาด   แม่ก็ยืนยันว่าไม่ได้หลับไป เห็นจริงๆ จากคุณ : สัมผัสที่ 6 (LENTIYO) - [ 5 มี.ค. 51 01:38:22 ]

ความคิดเห็นที่ 98 I see dead people ( all the time ) จากคุณ : sixth sense boy - [ 5 มี.ค. 51 02:55:07 A:71.202.49.135 X: TicketID:161509 ]

ความคิดเห็นที่ 99 ขอแจมมั้ง.. หลายเรื่อง เรื่องแรก..สองปีก่อน.. ไปส่งเพื่อนที่สนามบินที่แอลเอฯ เสร็จก็เกือบเที่ยงคืน.. ขาออกจากสนามบิน.. ดันเลี้ยวผิดกลายเป็นต้องขับวนรอบสนามบินดูรันเวย์เล่นหนึ่งรอบ.. พอใกล้ๆ จะถึงทางออก ดันเลี้ยวผิดอีกเป็นรอบที่สอง.. เอ้า.. ขับวนรอบสนามบินอีก.. วนรอบสนามบินรอบที่สองเสร็จ.. ดันเลี้ยวผิดอีก.. เอ้า..ขับวนรอบสนามบินอีกเป็นรอบที่สาม.. ตอนนั้นรู้สึกว่าตัวเองเบอะหนัก  เพราะเลี้ยวผิดซ้ำๆ เข้าทางเดิมๆ สามรอบ  ผ่านทางเดิมซ้ำๆ กันสามรอบ.. ชักเอะใจ..มีอะไรแปลกแน่ๆ  มาบังเอ๋อตอนขับบนไฮเวย์  จู่ๆ รถข้างหน้าก็หยุดชะลอกระทันหัน  ดีที่ตามมาหลังๆ เลยเบรกทัน.. แล้วค่อยขับผ่านช้าๆ รถสี่ห้าคันที่เพิ่งชนกันเละกลางไฮเวย์.. เรื่องที่สอง.. เมื่อหลายปีแล้ว.. เช้ามืดวันหนึ่งฝันถึงคุณปะป๋าที่เสียไปมาบอกให้ระวังเรื่องรถ.. เช้าวันนั้นเลยขับรถไปทำงานอย่างระแวงตัวสุดฤทธิ์  และแล้ว ณ..ป้ายสต้อปซาย์ให้หยุดตรงสี่แยกแห่งหนึ่ง.. จู่ๆ ก็นึกถึงคำเตือนของคุณปะป๋าได้.. เลยขับแบบระแวงสุดขีด..เวลาออกตัวมองซ้ายทีขวาที.. ดีที่ออกตัวช้า.. มียัยบ้าขับฝ่าป้ายหยุดมาอย่างกระทันหัน.. กดแตรด่าแทบไม่ทัน.. ไม่งั้นโดนชนจะๆ เรื่องที่สาม.. เดเจวู.. ไปเที่ยวที่ Arches National Park ในยูท่าห์ นั่นเป็นครั้งแรกที่ไปเยือน.. แต่รู้สึกเหมือนคุ้นกับสถานที่นั้น เหมือนเคยไปมาก่อน.. บอกกับพี่สาวที่ไปด้วยว่า....เดินไปข้างหน้าจะเห็นลานหินที่มีผนังหินแบบไหน..ปรากฏว่ามีจริงๆ จากคุณ : * (โอ..ลาล้า) - [ 5 มี.ค. 51 03:13:39 ]

ความคิดเห็นที่ 100 ขอเล่าบ้าง   ตอนนั้นจำำได้แม่นว่าเรียนกำลังเรียน ม.1  บ้านเราเป็นบ้านปูนชั้นเดียวติดถนนใหญ่  หน้าบ้านด้านขวามือมีโอ่งน้ำขนาดใหญ่ไว้รองน้ำฝน  และข้างๆ โอ่งน้ำที่ติดกับรั้วนั้นก็จะมีต้นมะลิซ้อนอยู่ บ้านเรานั้นหันหน้าออกถนน  และหันออกทางทิศตะวันตก  สมัยก่อนฝั่งตรงข้ามเยื้องๆ กับบ้านเราไปทางทิศใต้  จะเป็นป่าละเมาะเล็กๆ มีต้นมะม่วงต้นใหญ่ตั้งตระง่านไม่ไกลจากถนน  และไม่ไกลจากบ้านเราอยู่ต้นเดียว เย็นวันหนึ่งช่วงประมาณระหว่างหกโมงเย็นกว่าๆ จะหนึ่งทุ่ม  วันนั้นเราทะเลาะกับพ่อเลี้ยง  จึงแอบมานั่งหลบอยู่ข้่างต้นมะลิ  ข้างโอ่งน้ำ  แล้วก็นั่งมองท้องฟ้าโพล้เพล้ไปที่ต้นมะม่วงต้นนั้น  แล้วเราก็มองเห็นดวงไฟดวงหนึ่งลอยมาที่ต้นมะม่วง  ลอยช้าๆ เชื่องๆ อยู่้ใต้ต้่นมะม่วง  เรากำลังสงสัยอยู่ว่าใครกำลังส่องไฟหาอะไร  หลังจากนั้นดวงไฟลูกนั้นก็ลอยขึ้นไปเกือบเหนือต้นมะม่วง  แล้วก็หยุดเชื่องๆ อยู่สักพัก  และขณะที่เรากำลังสงสัยอยู่ในใจว่า  ไฟลูกนั้นลอยอยู่บนกลางอากาศเกือบยอดต้นมะ่ม่วงได้อย่างไร ไฟลูกนั้นก็ล่องลงมาอยู่ใต้ต้นมะม่วงอีกครั้งอย่างรวดเร็ว  และก็ลอยเอื่อยๆ รอบๆ ต้นมะม่วง แล้วจึงเปลี่ยนลอยเข้าไปในป่าละเมาะ  ซึ่งเราเห็นได้ชัดเจนว่ารวดเร็วบ้าง  ช้าบ้าง  หยุดบ้าง  ขึ้นสูงบ้าง  ลงต่ำบ้าง  จนหายลับตาไป  ตอนนั้นไม่ได้รู้สึกกลัวเลยแต่ขนก็ลุกซู่  และบอกกับตัวเองว่า “นี่หรือเปล่า..ที่เขาเรียกว่าผีกระสือ”  พอนึกได้ถึงตอนนี้วิ่งแจ้นเข้าบ้านเลยอ่ะ   ถ้าดาวตกก็คือลักษณะของที่ตกจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ  ถ้าบอกว่าเป็นแสงไฟฉายต้่องหรือแสงจากแบตเตอรี่ (ที่สมัยนั้นยังไม่มี)  ก็ต้องไม่ใช่ลักษณะกลมๆ ที่มีรัศมีของแสงรอบดวง  และคนที่ไหนจะเคลื่อนไหวได้อย่างนั้น  แถมในป่าละเมาะมืดๆ รกๆ อย่างนั้่น? เพื่อนๆื คิดว่า  มันคืออะไร? จากคุณ : manao (monchen) - [ 5 มี.ค. 51 05:23:27 ]

ความคิดเห็นที่ 101 ขอเล่ามั่งครับ ผมเรียนหนังสืออยู่ที่อเมริกา สาขาที่เรียนก็คือชีววิทยา เพราะฉะนั้นแล้วก็จะมีแล็บให้ทำ และจะจบหรือไม่จบก็ขึ้นอยู่กับแลบเสียด้วยสิ ทีนี้เมื่อสามสี่เดือนก่อน ที่มหาวิทยาลัยเค้ามีจัดงานมหกรรมหมอดู ผมก็ไปกับเค้าด้วย เพราะว่ามันฟรีน่ะครับ หมอดูที่ผมดูด้วยเค้าใช้ลูกแก้วในการมองอนาคต ตอนที่ไปดูนั้นกลุ้มใจกับแลบมากเลยครับ เพราะว่าผลไม่ออกมาอย่างที่ต้องการซักที พอแม่หมอถามว่าต้องการรู้เรื่องอะไร ผมก็เลยบอกไปว่าอยากรู้ว่าจะเรียนจบไหม เมื่อไหร่แล็บจะออก ทำมาเยอะแล้ว ท้อใจ ว่าไปเรื่อยน่ะครับ แม่หมอก็เลยก้มหน้าลงแล้วก็เพ่งไปที่ลูกแก้วประมาณสามสี่นาที เสร็จแล้วก็เงยหน้าขึ้นมาเล่าให้ฟังว่า ผมจะเรียนจบแน่ๆ สำหรับเรื่องแล็บนั้นให้รอไปอีกซักพัก จะมีคนที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนเข้ามาให้ความช่วยเหลือ พาเดินไปในทางที่ถูกต้อง แล้วจากนั้นมาทราบไหมครับว่าเกิดอะไรขึ้น.... นี่ก็ผ่านไปสี่เดือนแล้ว ยังไม่มีแมวที่ไหนโผล่เข้ามาช่วยเลยครับ T_T จากคุณ : luckywinth - [ 5 มี.ค. 51 06:24:46 ]

ความคิดเห็นที่ 102 เมื่อหน้าร้อนที่ผ่าน เพราะเราฝันว่าตัวเองฟันร่วงหมดปาก ก่อนหน้่าที่เราจะบินกลับเมืองไทยแค่สองอาทิตย์ และตามทำนายฝันเขาบอกว่าจะเสียของรัก หรือไม่ก็จะเสียทรัพย์ เล่าให้แฟนฟังเขาก็ไม่สบายใจเพราะว่า ตำราของฝรั่งก็บอกไว้เหมือนกัน เราจึงโทรไปเล่ืาความไม่สบายใจนี้ให้แม่ฟังด้วย ตอนนั้นเรากลัวว่าจะทำเงินหายและ กลัวจะำัถูกโกงกำลังจะไปซื้อที่ดินพอดี จนทุกอย่างผ่านไปด้วยความเรียบร้อยดี เราจึงลืมเรื่องนี้่ไปเลย จนถึงวันเดินทางกลับต่างประเทศ ซึ่งการเดินทางขากลับนั้น ตั้งแต่ที่สนามบินเมืองไทยจนถึงบ้าน เราเจอปัญหาและเรื่องติดขัดมาตลอดการเดินทาง ทั้งๆ ที่พวกเราก็ชินกับการเดินทางแล้ว ที่ไม่น่าจะเกิดก็เกิด ที่ไม่น่าจะติดก็ติด ถึงบ้านในวันศุกร์ ก็รู้สึกเหนื่อยเพลียมาก ตอนนั้นคิดว่าเป็นเรื่องปกติเพราะ้เดินทางไกล พักผ่อนไม่เพียงพอและร่างกายต้องปรับตัว คิดว่าพักผ่อนอีก 1-2 วันก็คงหายเป็นปกติ จนวันอาทิตย์ อาการเหนื่อยเพลียก็ยังไม่หาย ตอนนั้นเริ่มรู้สึกแล้วว่าไอ้อาการที่เราเป็นอยู่นี้ ไม่เหมือนคนเหนื่อยเพลียทั่วไป เพราะบทจะมีแรงเราก็ทำโน่นทำนี่ได้ แต่บทจะเหนื่อยเราก็เหนื่อยหอบขึ้นมาในทันที หายใจไม่โล่ง เหมือนอะไรจุกอยู่ในอก วันนั้นเป็นวันอาทิตย์เวลา 13.10 น. ขณะที่นั่งหอบอยู่หน้าทีวี ในใจคิดว่าถ้ายังเป็นอย่างนี้ พรุ่งนี้คงทำงานไม่ได้แน่นอน ขณะที่ไม่แน่ใจว่าตัวเองเป็นอะไรกันแน่ ก็ให้นึกถึงเรื่้องที่เพื่อนเล่าให้ฟังก่อนจะกลับมาที่นี่้ ตอนที่ฟังเพื่อนเล่้านั้น ยังนึกขำในงมงายของเพื่อน แต่ตอนนี้กลับสะกิดใจให้หยิบโทรศัำพท์ขึ้นมาแล้วกดถามแม่ทันทีว่า แม่ไปบนบานศาลกล่าวอะไรที่ไหนให้เราหรือเปล่า สรุปว่า ตอนที่เราโทรไปเล่าเรื่องความฝันให้แม่ฟัง แม่ก็ไม่สบายใจจึงไปบนไว้กับหลวงปู่ที่วัด เราจึงเล่้าอาการที่เป็นอยู่ให้แม่ฟัง และบอกให้่แม่ไปแก้บนให้เดี๋ยวนั้น แต่แม่บอกว่าต้องรอพรุ่งนี้ เพราะตอนนี้ที่เมืองไทยเป็นเวลา 6 โมงเย็นแล้ว การแก้บนต้องทำตอนเช้า เราก็ยันว่้้ากับแม่ว่ารอถึงพรุ่งนี้ไม่ได้่ เพราะเราต้องทำงาน แล้วเราก็วางหูไปเพราะเหนื่อยมาก หลังจากที่วางหูแม่แล้ว เราก็นอนหอบอยู่บนโซฟา มีน้องคนไทยอีกคนนั่งอยู่โซฟาตัวข้างๆ กัน แล้วสักพัก ช่วงจังหวะหนึ่งของการหายใจออก เราก็รู้สึกว่าเหมือนอะไรสักอย่างหยุดออกไป รู้ว่าโล่ง เบาขึ้นมาืทันที ตอนนั้นเริ่มแปลกใจจึงลองหายใจดูอีกครั้ง จึงแน่ใจโล่งแล้ว จึงหันพูดกัีบน้องคนไทยว่า “เฮ้ย...ทำไมพี่ไม่เหนื่อยแล้วล่ะ” ว่าแล้วเราเลยลองลุกขึ้นเดิน น้องคนนั้นก็นั่งมองตาค้าง ปรากกฎไอ้ที่หอบพะงาบๆ เมื่อกี้ ไม่เป็นแล้ว แถมเหมือนไม่เคยเป็นมาก่อน เรากับน้องคนนั้นหันมองหน้ากันตาค้าง ก่อนที่จะหยิบโทรศัำพย์กดไปหาแม่อีกครั้ง จึงได้รู้ว่าหลังจากวางสายจากเราแล้ว แม่รีบไปหาดอกไม้ธูปเทียนจุดไหว้ขอหลวงปู่ เล่นเอาพวกเราิอึ้งกันไปเลย แล้วหันไปมองนาฬิกา 13.25 น, จากคุณ : manao - [ 5 มี.ค. 51 06:51:04 A:87.172.111.145 X: TicketID:169888 ]

ความคิดเห็นที่ 103 ฝันร้าย ผมฝันเห็นแม่ใส่ชุดดำ มีเลือดออกจากปาก นอนจมกองเลืิอด พอรุ่งเช้า ได้รับโทรเลข (เคยเห็นโทรเลขไหม) ให้กลับ้านด่วน พ่อเสียชีวิต จริงแล้วบางเรื่องอาจจะไม่ประหลาดก็ได้นะครับ ถ้าเราเป็นคนช่างสังเกต และจดจำ จากคุณ : อิสวาสุ - [ 5 มี.ค. 51 06:58:24 A:71.114.84.246 X: TicketID:146114 ]

ความคิดเห็นที่ 104 คุณความเห็นที่ 100 คะ อันนี้ขอออกตัวไว้ก่อนนะคะว่าก็เชื่อเรืองผีมากเหมือนกัน แถมมีเซ้นส์แปลกๆเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่มาก แต่ที่กำลังจะบอกนี้ ในกรณีของคุณอะคะ ดิฉันก็เคย เจอ แบบว่า ยืนออกนอกชานบ้าน มองอาทิตย์ตอนโพล้เพล้ พอดีเหมือนกันเลย แต่แล้วก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่างออกจากต้นไม้ใหญ่ แล้วก็ลอยไปลอยมา สูงบ้างต่ำบ้าง เคยวิ่งหนีเข้ามาในบ้าน แล้วก็ยังแอบดูตรงหน้าต่าง เพราะว่าคิดว่าเป็นผีกระสือ แต่แล้วก็แพ่งดูดีๆใหม่ ก็ยังไม่แน่ใจ วันต่อๆมา ก็ดูใหม่อีกที คราวนี้แสงวาบๆ ขึ้นๆลงๆ นั้นแตกกระจาย ไปทั่วบริเวณ คราวนี้ถึงได้รู้ว่า เป็นอะไรรู้ไหมคะ............มันเคยลอยมาใกล้ๆหน้าเราด้วย @-@ มันก็คือ .....................หิ่งห้อยเจ้าค่ะ ฮาๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ จากคุณ : aunty rain - [ 5 มี.ค. 51 08:34:58 ]

ความคิดเห็นที่ 105 ไม่รู้ว่าเรื่องนี้ประหลาดหรือเปล่า คือผมแอบชอบเพื่อน (แน่นอนว่าเป็นผู้หญิง ผมไม่ตั้งใจทำให้เรื่องประหลาดตั้งแต่ประโยคแรกหรอก) คนหนึ่งมาตั้งนานแล้ว แต่ก็นะเรามันผู้ชายขี้อาย อยู่มาวันหนึ่งในห้องเรียนจัดที่นั่นใหม่ ผมก็ได้นั่งข้างๆเธอ(แน่นอนว่าดีใจมาก) แต่วันนั้นเธอไม่มาเรียน วัดรุ่งขึ้นก็ยังไม่มา วันถัดไปก็ยังไม่มา่ . . . . . . . . . . . . . เธอย้ายโรงเรียนไปเรียบร้อยแล้ว วันเดียวกับที่ผมได้นั่งข้างเธอนั่นเอง เรื่องนี้ประหลาดพอไหมครับ? ^^ จากคุณ : Nexus - [ 5 มี.ค. 51 10:33:29 ]

ความคิดเห็นที่ 106 ม่ายเอาอ่ะ... ไม่อ่านละ กลัวคิดมากทั้งอาทิตย์... แต่ของเรา ของเล่าละกันนะ... เรื่องนี้เกี่ยวกับย่าของเรา แกเป็นคนที่ธรรมะธรรมโม มากๆๆๆๆ ตั้งแต่เราจำความได้ก็ได้ยินเสียงย่าสวดมนต์แล้ว แล้วแกก็บวชเป็นชีพรามณ์มาตั้งแต่สมัยพ่อเราเป็นหนุ่มๆ พอพวกหลานๆโตเป็นสาว แกก็บวชชีเป็นโกนผมไปเลยค่ะ ตอนนั้นประมาณ 10 ขวบ ป.5 ได้มั้ง ประมาณทุ่มกว่าๆเรานั่งเล่นอยู่หน้าห้องพระกับลูกพี่ลูกน้องเราอายุประมาณ 6-7 ขวบ เราจะชอบอ้อนให้ย่าชงโอวัลตินให้ก่อนนอน แต่วันนั้นย่าได้เข้าไปสวดมนต์ในห้องพระแล้ว เราถามปู่ว่าย่าอยู่ไหน ปู่แกบอก ย่าสวดมนต์อยู่ในห้องพระนี่ไง ด้วยความที่ไม่เชื่อ เพราะห้องพระมันเงียบๆ เรากับน้องเลยเปิดประตูห้องพระเข้าไปดูว่าย่าอยู่จริงหรือป่าว พอเปิดเข้าไป เราเห็นแต่ธูปกับเทียนจุดอยู่ แต่ไม่มีย่า เรากับน้องก็เลยปิดประตูห้อง แล้วนั่งขวางประตูห้องพระซะงั้น ประมาณว่า อารมณ์บ่จอย ทำไมปู้ต้องอำกันด้วย  ย่าไปไหนก็ไม่บอก ไม่ได้กินโอวัลตินซะที เลยนั่งเล่นกันอีกประมาณ 10 นาที ไม่ได้ลุกไปไหน ซักพักนึง ประตูห้องพระเปิด... ขนหัวลุกเลย ทั้งเราทั้งน้องกรี๊ดกันลั่นบ้าน ... ย่าเดินหลังค่อมๆออกมา แล้วบ่นๆว่าอ้าวพวกเองยังไม่นอนกันอีก..  ....   น้องกับเรามองหน้ากันแบบ งง ง งง งง งง  สุดๆๆค่ะ พี่น้อง ถามย่าแกว่าเข้าไปสวดมนต์ตั้งแต่เมื่อไหร่ แกบอกตั้งแต่หัวค่ำแล้ว ถามทำไม ... เราบอกเปิดประตูไปไม่เห็นย่าเลย แกบอก พวกเองเข้าไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ข้าไม่เห็นได้ยิน... บอกหน่อยเถอะ พี่น้อง... อะไรกันเนี่ย!!!!!!!! จำไม่เคยลืมเลยค่ะ เรื่องนี้  นี่ถ้าแค่เราคนเดียวอาจคิดว่าเราตาฝาดก็ได้นะ แต่นี่น้องเราก็อยู่ด้วย กิ๊สๆๆๆๆๆๆๆๆ   เคยได้ยินแต่ ผีบัง ไม่เคยได้ยิน พระบังอ่ะ ... จากคุณ : หญิงป้า - [ 5 มี.ค. 51 11:02:45 ]

ความคิดเห็นที่ 107 เรื่องของเราเป็นเรื่องฝันบอกเหตุคะ ตอนนั้นฉันอยู่ที่อเมริกา ก็ฝันไปว่า "ตาโต" น้องหมาตัวผู้พันธ์ปั๊ค ที่อยู่เมืองไทย มาฟ้องว่า แม่เอาหมาอื่นมาเลี้ยง (เอ๊ะ หมาพูดได้รึนี่?) ตอนแรกก็ไม่ได้คิดอะไรมาก คงว่าตัวเองคงคิดถึงตาโตมาก จนฝันถึง ก็โทรไปคุยกับแม่ เล่าให้แม่ฟัง แม่ก็หัวเราะและไม่ได้ว่าอะไร จนกระทั่งกลับมาเมืองไทย ก็เจอน้องหมาที่บ้าน ตอนแรกก็งง ๆ ว่าแม่เลี้ยงน้องหมาอย่างไร ให้ตัวมันหดเล็กลง สีซึดลงด้วย แล้วแม่ก็บอกให้ดูเพศมัน ปรากฎว่า หาจู๋หมาไม่เจอ งงอีกแล้ว นึกว่าแม่เอามันไปตอน ก็บ่นใหญ่ คงเป็นเพราะ jetlag ทำให้เอ๋อไปแป๊บหนึ่ง ก่อนจะดูว่ามันเป็นตัวเมียนี่หว่า แม่ก็เลยบอกว่า น้องหมาตาโต ตัวผู้นั้น ตายก่อนวันที่เราโทรไปหาได้สองวัน น้องชายเราถอยรถไปทับ (มีรูปตอนตายและงานฝังศพน้องหมาด้วย ดูแล้วน้ำตาไหล) น้องเรากลัวเราด่า เลยไปซื้อหมามาเลี้ยง คงกะว่าจะตบตาเรา (รึเปล่า) แต่หาหมาตัวผู้ไม่เจอ เลยต้องเอาตัวเมียมาให้แทน แม่เราบอกว่า ตอนที่เราโทรมาคุยเรื่องฝันถึงน้องหมา แม่เราขนลุกเลย น้องหมาดัวใหม่ชื่อ โตเล็ก (Tato Jr.) น่ารักมาก มีลูกแล้วชื่อ Chevy อีกเรื่องหนึ่ง เกิดขึ้นหลังจากฝันเรื่องน้องหมา กลับมาที่อเมริกาอีก เราฝันว่า พ่อเราไปทำงานออกท้องที่ ไปเจอกับเหตุการณ์ที่มีคนยิงกัน คราวนี้เรากลัวว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดกับพ่ออีก (กลัวฝันแม่น) เราเลยโทรหาพ่อ พ่อก็หัวเราะแล้วบอกว่า พ่อไม่เป็นไร แต่ว่าเพื่อนพ่อโดนยิงตายถึงในบ้าน จากนั้นเราเลยกลัวเวลาฝันอะไรแปลก ๆ ก็จะรีบโทรกลับบ้าน ความจริงเราจะฝันแล้วพอเกิดเหตุการณ์จริงจะรู้สึกเหมือนเคยเจอเหตุการณ์นั้นมาแล้ว เหมือน deja vu แต่ว่าเป็นเหตุการณ์สั้น ๆ ไม่ยาว ไม่อยากฝันบอกเหตุเลย อยากฝันบอกหวย อิอิๆ จากคุณ : daydreamer (full fool) - [ 5 มี.ค. 51 13:16:14 ]

ความคิดเห็นที่ 108 อ่านของคนอื่นมีแต่เรื่องน่าสนใจค่ะ สำหรับเรา ไม่เคยเจอเหตุการณ์อะไรทำนองนี้เลยกับตัวเอง แต่พอมีอยู่เรื่องหนึ่งที่พอจะเล่าให้ฟังคือ เป็นเรื่องเกี่ยวกะน้องหมา.... ที่บ้านตจว มีน้องหมาอยู่ตัวหนึ่ง ซึ่งเราี่อาสารับเอามาให้พ่อแม่ที่ตจว.ดูแลจากเจ้าของเดิมที่เค้ามีเหตุไม่สามารถเลี้ยงมันได้ ซึ่งพอหลังจากมาอยู่กะพ่อแม่เราที่ตจวนั้น น้องหมาตัวนี้ก็เข้ากะพ่อเราได้อย่างดี เรียกว่าเป็นองค์รักษ์พิทักษ์ปะป๊าได้เลย เพราะเค้าจะตามพ่อเราไปทำงานด้วยในทุกๆที่ ต่ิอมาพ่อเรามีเหตุไม่อยู่บ้านเป็นแรมหลายเดืิอน เพราะต้องเดินทางไปตามที่ต่างๆ ทีนี้ช่วงที่พ่อเราไม่อยู่นี้ เจ้าน้องหมาตัวนี้เกิดอาการป่วยไม่สบาย และตายไป ซึ่งตอนนั้นที่บ้านก็วุ่นๆเลยไม่มีใครบอกพ่อเรื่องนี้ พอพ่อกลับมาบ้านแล้วรู้เรือง แกก็เล่าให้ฟังว่าแกฝันเห็นน้องหมาตัวนี้มาหา ในวันที่มันตายพอดี น่าแปลกดีมั้ยหล่ะ ทีนี้มีเรื่องน่าแปลกกว่านี้ก็คือหลังจากที่น้องหมาตัวนี้ตายไม่กี่วัน เจ้าของเก่าของหมาตัวนี้ ก็โทรมาหาเรา แล้วถามถึงน้องหมาตัวนี้เหมือนกัน เพราะแกบอกว่าแกฝัน ฝันว่าหมามันมาหาแล้วไม่สบาย บ้านเราเลยสรุปว่าน้องหมามันไปลาพ่อเราและเจ้าของเดิม  ซึ่งจริงๆเราก็แอบเสียใจนิดๆว่า ทำไมมันไม่มาลาเราบ้างนะ ในวันที่เค้าจะจากไป ก็ได้แต่็ภาวนาให้เค้าไปสู่สุขคติอย่างที่เค้าว่ากันว่า All dogs go to heaven....... แก้ไขเมื่อ 05 มี.ค. 51 15:01:15 จากคุณ : AmyKo - [ 5 มี.ค. 51 14:59:30 ]

ความคิดเห็นที่ 109 คล้าย ๆ ที่คุณอิสวาสุเล่าค่ะ แต่เกิดกับตัวเอง คืนนึง ฝันว่าตัวเองยืนอยู่ลานวัดแห่งหนึ่ง ด้านขวามือเป็นโบสถ์ มีพระสงฆ์รูปหนึ่งยืนอยู่ ก็เดินไปกราบท่าน ท่านบอกว่า "ทำไมมาช้าล่ะโยม" ในฝันจำได้แต่เพียงว่า ชื่อวัดคือ "วัดต้นสน" หลังจากนั้นเล่าให้ที่บ้านฟัง แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นวัดที่อยู่จังหวัดอะไร ผ่านมาระยะหนึ่ง มีเพื่อนบอกว่าที่ จ.สิงห์บุรี  หรือ จ.อ่างทอง (ไม่แน่ใจ) มีวัดชื่อนี้ อยู่ ๆ วันนึง บอกคุณพ่อกับคุณแม่ว่าอยากไป เมื่อไปถึงก็ไปกราบเจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน แล้วเล่าเรื่องนี้ให้ท่านฟัง ท่านถามว่า "ใช่ท่านหรือไม่" ก็ตอบท่านว่า "ไม่ใช่" เจ้าอาวาสเลยบอกว่า งั้นเมื่อมาถึงแล้วให้ไปไหว้พระประธานในโบสถ์ ที่วัดมีพระองค์ใหญ่ของจังหวัดประดิษฐานอยู่ที่นั่น เมื่อออกจากโบสถ์ ดิฉันเจอรูปหล่อยืน ของท่านเจ้าอาวาสรูปแรกของวัด ตั้งอยู่หน้าโบสถ์ ลักษณะรูปร่างและหน้าตาเหมือนกับในฝันดิฉัน และสถานที่หน้าโบสถ์ก็เหมือนกับในฝันเช่นเดียวกัน.. ตัวเองเลยร้องไห้ออกมา คนขายของที่หน้าโบสถ์ถามกันใหญ่ว่าเป็นอะไร ก็เล่า ๆ ให้เค้าฟังแล้วก็บอกคุณพ่อกับคุณแม่่ว่า พระรูปนี้แหละที่ฝันเห็นท่านและตรงจุดนี้ด้วยที่ไปกราบท่าน สำหรับคำที่ท่านบอกว่ามาช้า คิดว่า ทุกปีจะมีงานเฉลิมฉลองของวัด ซึ่งในปีนั้นดิฉันไปช้า 2 อาทิตย์ แก้ไขเมื่อ 05 มี.ค. 51 18:05:39 จากคุณ : linzernia - [ 5 มี.ค. 51 15:01:55 ]

ความคิดเห็นที่ 110 อ่านแล้วหลอนค่ะ อยู่ในห้องคนเดียว...ไม่น่าเข้ามาอ่านเลย ยิ่งกลัวผีอย่างแรงอยู่ (อ่านไปสะดุ้งไป จิตหลอนแล้ว..) เกิดวันเสาร์เหมือนกัน แต่ไม่รู้ค่ำ แรม เดือนห้าไร งงค่ะ.. เราเห็นไรแปลกๆเยอะ แต่ก่อนนี้ร้องไห้เลย.แต่ตอนนี้โตแล้วก็ยังมีเหลือให้หลอนอยู่บ้าง แต่เราไม่ขี้กลัวเหมือนแต่ก่อน เอาแค่กลัวเป็นมารยาท อิอิอิ ที่เห็นจะๆนะ เห็นคนข้างบ้านตาย มาบ้านอ่ะ จะๆจริืงๆใส่ชุดที่ตายเลยอ่ะ..เวลานั่นเป็นช่วงเวลาเย็นๆ โหห หมาหอนกันไปหลายวัน มะมีใครเชื่อเราเลยว่าเราเห็นจะๆ เซ็งชมัด.... จากคุณ : c_la_vie - [ 5 มี.ค. 51 16:48:31 ]

ความคิดเห็นที่ 111 เอ๊ จำกันได้ไหม คุยเรื่องผีในไกลบ้านกันรอบที่แล้ว กำลังขนลุกซู่ๆ ได้บรรยากาศวังเวงจับใจอยู่ จู่ๆมีสมาชิกคนนึง เข้ามาเล่าเรื่อง "ผีถลกหนังหัว" ทำเอาพรรคพวกวงแตก หายกลัวมาขำกลิ้งกันแทน จำไม่ได้แล้วว่าเป็นสมาชิกคนไหน  แล้วนี่ไม่ทราบว่าเข้ามาแจมหรือยังคะเนี่ย จากคุณ : Jennifer Lowclass - [ 5 มี.ค. 51 17:37:54 ]

ความคิดเห็นที่ 112 อ่านมาตั้งแต่เช้า -_-" น่ากลัวกันทั้งนั้น ขอเล่าบ้างก่อนกลับบ้าน อันนี้ไม่น่ากลัว เมื่อประมาณปีที่แล้ว คุณยายเสีย พอดีเป็นคนที่สนิทกับคุณยายมากๆ เพราะเป็นหลานคนแรก เราก็รักเค้ามากเหมือนกัน ตอนก่อนตอนเด็กๆจะติดยายมาก นอนด้วยกันทุกคืน พอตอนประถมต้องย้ายบ้านออกมากนี่ทำเอานอนไม่กลับไปหลายวัน กลางปีที่แล้วคุณยายเสีย ญาติๆ+เพื่อนๆคุณยายก็มาวันสวด เค้าก้อมาถามหาเราที่เป็นหลานคนโตว่าคนไหน เนี่ยยายเค้ารักมากเลย ลาออกจากร.พ.เพื่อมาเลี้ยงหลาน (คุณยายเป็นหมอที่ศิริราช...มีเรื่องที่คุณยายเคยเล่าจากที่ร.พ.ด้วยละ เอาไว้ทีหลัง) แล้วเค้าก็เริ่มคุยกันว่าเนี่ยคุณยายมาหาบ้างรึเปล่า มาเข้าฝันบ้างไหม เราก็ตอบว่าไม่มี แล้วก็พูดประมาณว่า ถ้ามาก็ได้นะ ไม่กลัว คืนนั้นฝันเลย ฝันว่าไปงานศพ แต่งชุดดำ กำลังส่งแขก อยู่ๆพ่อก็เดินมาตามบอกให้มาลาคุณยายก่อน เราก็วิ่งไปกอด แล้วก็ร้องไห้ๆๆ เค้าก็ปลอบๆแล้วพูดแบบ ให้รักษาตัวเองดีๆนะ ไม่ต้องลดความอ้วนหรอก เสียสุขภาพ (ช่วงนั้นกำลังจะเรียนจบ ว่าจะไปสมัครแอร์ -_-") เราก็ยังร้องไห้อยู่ ร้องๆๆๆๆๆๆจนตื่นอะ ตื่นมาเนี่ยน้ำตายังไหลอยู่เลย ยัง ยังมีอีก พอวันสุดท้ายวันเผา เช้ามืดของวันนั้นก็เห็นอีก อันนั้นไม่แน่ใจว่าฝันหรือเห็นจริงๆ เพราะตอนนั้นหลับอยู่ แล้วก็สลึมสลือเห็นคุณยายยืนอยู่ปลายเตียงแล้วยิ้มให้ วันนั้นหลังจากเผาเสร็จ ก็พยายามถามคนอื่นๆ ลูกพี่ลูกน้อง พวกน้องๆที่ยังอยู่บ้านเดียวกับคุณยายว่าคุณยายมาหารึเปล่า แต่คนอื่นก็ไม่เจอ มีแต่แม่ครัวบ้านยายที่อยู่ด้วยกันมานานมากๆคนหนึ่งเค้าพอว่า เมื่อเช้าคุณยายมาหา มาลา แล้วก็ไป ไอ้แบบน่ากลัวก็มีนะ เคยฝันว่าเจอตุ๊กตา ไอ้แบบที่เป็นตุ๊กตาฝรั่ง ตาโตๆ ผมเป็นลอนๆ (แบบละครตอนเด็กๆที่มันเคยชอบพูดว่า "หนูอยากกลับบ้าน~"..)มายืนรอบๆหมอน คือยืนล้อมเลยอะ แล้วจ้อง ไอ้เราก็จ้องกลับ มาก็จ้องอีก สุดท้ายตอนนั้นง่วงมาก อยากหลับต่อ+ความปากดี เลยตะโกนกลับไปว่า "แค่ตุ๊กตาไม่กลัวหรอก!!!" แล้วหลับตานอนต่อ ก้อไม่เจออะไรนะ แต่ตอนนี้อยู่ที่ทำงานคนเดียว เริ่มกลัวละ หันมองข้างหลังตลอด -_-" กลับบ้านดีกว่า จากคุณ : chryst (chryst) - [ 5 มี.ค. 51 18:15:14 ]

ความคิดเห็นที่ 113 เข้ามาอ่านอีกรอบ เห็นคุณหญิงป้าเอ่ยคำว่า "ผีบัง" เลยทำให้นึกถึงเรื่องนึงได้ ไม่รู้ว่าคนจะเชื่อรึเปล่านะ มันอาจจะฟังดูเหลือเชื่อ ขอเล่าหน่อยก็แล้วกัน เหตุเกิดกับเด็กผู้ชายคนนึงในหมู่บ้านเรา(ที่บ้านนอก) คือเป็นเหตุการณ์นานแล้ว ตั้งแต่สมัยเรายังเรียนอยู่ประถมอยู่เลย ถึงแม้ตอนนี้พี่คนนั้นก็โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่คนก็ยังชอบเรียกแบบแซวแกว่า "ไอ้ไพรวัลย์ผีเสี่ยง" อยู่เลย (ผีเสี่ยง คือคำว่าผีบัง หรือผีซ่อน เป็นภาษาอีสานน่ะ) คือเด็กคนนั้น(ขอเรียกตอนที่แกยังเป็นเด็กนะ) ก็นอนอยู่นอกชานกับพ่อแม่พี่น้องเค้าน่ะ แบบว่านอนเล่นก่อนเข้านอนจริง ๆ ทีนี้ก็คงเผลองีบครึ่งหลับกันน่ะ อยู่ ๆ เด็กคนก็กระโดดลงจากนอกชาน แล้วก็วิ่งไปแบบเหมือนวิ่งตามใครเลย ตอนนั้นพ่อเค้าก็ตื่นเพราะได้ยินเสียงลูกกระโดดลงจากนอกชาน และวิ่งหนีไป ฝ่ายพ่อก็ลงจากบ้านวิ่งตามลูก ก็เห็นหลังลูกไว ๆ วิ่งไปเรื่อย ๆ ก็ร้องเรียกให้ลูกหยุดวิ่ง และกลับมา แต่ลูกก็ไม่หยุด วิ่งไปเรื่อย ๆ ตามเส้นทางไปไร่ของพวกเค้าน่ะ และอยู่ ๆ ก็เข้าไปหลบในกอไผ่ พ่อเค้าก็เห็นนะว่าลูกเข้าไปในกอไผ่นั้น ฝ่ายพ่อก็พยายามใช้ไฟฉายส่องเข้าไปในกอไผ่ หาลูก เรียกลูกออกมา ส่องไฟเข้าไปยังไงก็ไม่เจอลูก พ่อพยามหาลูกนานแล้ว ก็ไม่เจอ เลยตัดสินใจกลับเข้าหมู่บ้าน มาเรียกเพื่อนบ้านให้ช่วยกันไปช่วยหาลูกในกอไผ่ ชาวบ้านก็พากันไปช่วยหา ชาวบ้านกลุ่มใหญ่เลยนะ นำตะเกียงใหญ่ (ถ้าคนที่อยู่ ตจว. ตามบ้านนอกจริง ๆ คงจะนึกภาพออกนะ ตะเกียงแบบที่มีไส้ข้างใน มีแสงแบบไฟฟ้าน่ะ คนจะเอาไปใช้เวลาไปจับปลา จับกบ ก็ว่ากันไป) เรายังจำได้คืนนั้น เพราะกลุ่มคนต้องเดินผ่านเส้นทางบ้านเรา จำได้ว่าคนในหมู่บ้านก็ตื่นขึ้นมา มาคุยกันเลยว่าเกิดอะไรขึ้น และตอนที่กลุ่มคนนั้นไปถึงกอไผ่ ช่วยกันตะโกนเรียกชื่อเด็กคนนั้นก็ดังลั่นเลย เพราะไม่ได้ไกลจากหมู่บ้านเท่าไหร่ และบ้านเรานั้นจะอยู่เหนือสุดของหมู่บ้าน ก็ได้ยินเสียงคนเรียกชื่อ "ไพรวัลย์ ๆ ๆ " ก็หาวนอยู่ในกอไผ่นั้นแหละ เพราะพ่อเค้ามั่นใจว่าเห็นลูกเค้าวิ่งเข้าไปในกอไผ่นั้นแน่ ๆ หากันอยู่เป็นเกือบชั่วโมง ก็หาไม่เจอ แต่ซักพักก็มีคนเห็นเด็กคนนั้นนั่งอยู่หน้ากอไผ่ ไม่ได้นั่งอยู่ในกอไผ่เลย พอเจอ คนก็ถามว่าเองไปหลบอยู่ที่ไหนมา เด็กก็ตอบว่านั่งอยู่นี่แหละ ก็นั่งดูคนที่กำลังหาและเรียกชื่อเค้าอยู่ แต่คนที่นั่งอยู่กับเค้าบอกไม่ให้ตอบรับ เด็กเค้าบอกเค้าฝันเห็นคนมาเรียกเค้าและให้เค้าวิ่งตามไป เค้าก็วิ่งตามไปและไปนั่งอยู่ที่นั่นตั้งแต่แรกแล้ว ตั้งแต่ตอนที่พ่อเค้าพยายามค้นหาเค้าคนเดียวตอนแรกแล้ว คือรายละเอียดนั้น เราไม่ได้ยินจากปากเด็กคนนั้นนะ คนเล่าต่ออีกที แต่ที่เห็นคนกลุ่มใหญ่ไปตามหาเค้าผ่านบ้านเรานั้น และตอนคนกลุ่มใหญ่ตะโกนเรียกชื่อเด็กเค้าในกอไผ่นั้นเราจำได้แม่น เพราะตะโกนกันลั่นเลย เรียกว่าได้ยินกันเกือบทั้งหมู่บ้านเลย และจำได้ว่าตอนเด็ก ๆ จะกลัวเส้นทางนั้นมาก คือตั้งแต่มีเหตุการณ์นั้น คนจะรู้สึกกลัวกอไผ่กอนั้นและเส้นทางนั้นเลย ยิ่งต่อมาอีกไม่กี่เดือนก็มีป้าคนนึงไปผูกคนตายบนต้นมะม่วงที่ไม่ไกลจากกอไผ่นั้นเข้าอีก ยิ่งเพิ่มความน่ากลัวให้กับเส้นทางนั้นเข้าไปอีก จากคุณ : JC2002 - [ 5 มี.ค. 51 19:20:25 ]

ความคิดเห็นที่ 114 เข้ามาอ่านทุกวัน วันละหลายๆ รอบ กลัวก็กลัว แต่ก็ยังนั่งอ่าน อ่านไป คอยระวังหลังไป โอยเครียด อิอิ จากคุณ : White River - [ 5 มี.ค. 51 20:50:31 ]

ความคิดเห็นที่ 115 เรื่องที่ คุณ : JC2002 เล่า เหมือนกันเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์กับที่ปักษ์ใต้ครับ ต่างกันแต่สถานที่ ตัวบุคลที่เกี่ยวข้อง ทางใต้ใช้ทั้งคบเพลิงด้วย เป็นเวลาทั้งกลางวันต่อไปถึงกลางคืน รุ่งเช้าคนที่หายไปมาบอกว่าเขาเห็นคนที่ตามหาและเรียก แต่เขาพูดไม่ออก จากคุณ : อิสวาสุ - [ 5 มี.ค. 51 21:04:20 A:71.114.84.246 X: TicketID:146114 ]

ความคิดเห็นที่ 116 ดีนะที่ไม่ได้อ่านตอนกลางคืน...ขนาดตอนนี้มีแสงยังกลัวเลยค่ะ ขอเล่าบ้างนะ ตอนก่อนมาสวิตฯ แม่ป่วยอยู่โรงพยาบาล  แต่ก็ป่วยเรื้อรังมานาน ทรุด ๆ ทรง ๆ  ทีแรกก็คิดแล้วคิดอีกว่าจะไปดีหรือไม่  แต่เนื่องจากเป็นตั๋วที่แลกไมล์ไว้นานแล้วประการหนึ่ง  และอีกประการหนึ่งเพื่อจะไปหาแฟน (ซึ่งตอนนี้เป็นสามี) เพื่อจะได้ตัดสินใจขั้นสุดท้ายว่าจะแต่งงานด้วยหรือเปล่า ฯลฯ  ก็เลยตัดสินใจไป คืนหนึ่ง  ก็ฝันว่า  ตัวเองปวดฉี่  เลยเดินไปเข้าห้องน้ำ  ทีนี้ห้องน้ำชั้นบนนี่จะตรงกับบันได   ตัวเองก็เห็นแม่เดินขึ้นบันไดมาอย่างกระฉับกระเฉง ทั้ง ๆ ที่บันไดนี้เป็นแบบหักมุม  เดินค่อนข้างลำบากสำหรับคนซุ่มซ่ามอย่างเรา  แม่ใส่ชุดเสื้อกางเกงสีน้ำตาลเข้ม  เสื้อลูกไม้ลายปักตัวเก่ง ซักพักเสียงโทรศัพท์มือถือก็ปลุกเราตื่น  บอกว่าแม่ตายแล้ว... เราเลยปลุกแฟน  เล่าให้เค้าฟัง (เพราะคุยภาษาไทยกับคนทางเมืองไทย)  แล้วก็บอกว่า  แปลกที่ฝันเห็นแม่เดินขึ้นบันไดมาหาตอนไปฉี่ แฟนบอกว่า  เราไปฉี่จริง ๆ แล้วก็เพิ่งกลับมานอนได้แป๊บนึง  เค้าก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์ นั่นหมายความว่า  แม่มาหาเราถึงสวิตฯ หรือ.... ส่วนอีกเรื่อง  เกิดก่อนท้อง คืนแรกฝันว่ามีคนยื่นเด็กมาให้อุ้ม  แต่เราปฏิเสธไป คืนที่สองก็ฝันแบบเดิมอีก  จำได้แม่น  ว่ามีมือมายื่นเด็กให้  แต่เราไม่รับมา ยังนึกอยู่เลยว่า  ฝันอะไรฟระ...ซ้ำซากเหมือนเดิม  สงสัยใครจะมาเกิดเป็นลูกเรา แต่ยังไม่อยากมี ไม่พร้อม  ไม่รับซะอย่าง คืนที่สามดันฝันอีก  มือคู่เดิม  ยื่นเด็กมาให้  ทีนี้ดันทะลึ่งไปรับมา  ยังจำได้ว่าเด็กในฝันหน้ากลมชมพู  หน้าตาจิ้มลิ้ม  มีลักยิ้มบุ๋มน่ารักเพราะเค้ายิ้มให้เรา  ห่อผ้าสีชมพูด้วย ตกใจตื่น  ยังนึกในใจ...สงสัยท้องแน่ ๆ แล้วต่อมาก็ท้องจริง ๆ  แต่ไม่เคยคิดว่าจะได้ลูกสาว  เพราะตอนท้องเราหน้าตาน่าเกลียดมาก  ดูไม่ได้  โบราณว่าน่าจะได้ลูกชาย พอตอนท้องไม่ได้เห็นหน้าลูกเลย  เพราะผ่าตัด  เราก็ไม่รู้สึกตัว  พอเค้าเอาเด็กมาให้ดูเราก็เจ็บแผล  อาการไม่ดี  รอจนแข็งแรงขึ้นนิดเลยเดินไปให้นมลูกตามที่หมอสั่ง พอนั่งลง  พยาบาลส่งลูกให้ครั้งแรกนั่นแหละ   มองหน้าลูก  ลักยิ้มบุ๋ม  หน้าตาเหมือนเด็กในฝันยังกะแกะ  แถมห่อผ้าสีชมพูเหมือนกันด้วย... หมอไพศาลบอกว่าดวงเราเป็นยังงี้  มักเจออะไรลึกลับอยู่เสมอ  ดังนั้นเรื่องแบบนี้...เฮ้อ...เจอบ่อย จริง ๆ มีเรื่องเยอะกว่านี้อีกนะ  แต่เอาแค่นี้พอก่อนดีกว่า จากคุณ : Amber n the Gang - [ 5 มี.ค. 51 23:14:53 ]

ความคิดเห็นที่ 117 อ่านเรื่องของ แม่ปุกปุย เมื่อคืน แล้ววันนี้ไปบ้านช่างตัดเสื้อมาค่ะ บ้านเค้าก็เป็นบ้านการเคหะ เป็นห้องเล็กๆนะคะ แล้วบูชา ร.5 กับเห็นมีกระถางธูปจุดธูปแล้ว ก็เลยเล่าให้ช่างตัดเสื้อฟัง แล้วสำทับว่าถ้าอยากจุดธูปให้ออกไปจุดข้างนอกดีกว่า ซักพักลูกสาวช่างตัดเสื้อมา ก็เตือนอีกที ลูกสาวช่างเล่าว่า เธอถูกลวนลามขึ้นนั่งคร่อมเลยค่ะ จากสิ่งที่มองไม่เห็น แต่รู้สึกได้ขณะที่เพิ่งเคลิ้มหลับ แต่เธอขัดขืน ไม่ยอม และพยายามตื่นลืมตาขึ้นมา ทั้งช่างตัดเสื้อ (ที่เป็นแม่) กับลูกสาว ดูจะตกใจมากนะคะ เพราะตอนแรกแม่ไม่เชื่อที่ลูกพูด ทีนี้เค้าอยู่กันสองคนเอง แม่-ลูก (พ่อเสียแล้ว) แล้วไม่มีใครเข้ามาหรอกค่ะ ฝ่ายแม่เค้าเลยเชื่อว่า อาจจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ คืออาจจะเป็นองครักษ์ของ ร.5 มาลวนลามก็ได้ ของแบบนี้ ไม่เชื่อ ก็อย่าลบหลู่จริงๆ นะเนี่ย จากคุณ : ammy - [ 5 มี.ค. 51 23:24:35 A:58.10.222.138 X: TicketID:130376 ]

ความคิดเห็นที่ 118 เรื่องนี้ไม่ค่อยกล้าเล่าให้ใครฟัง ถ้าเค้าไม่เชื่อเค้าจะว่าเรางมงาย แต่ขอเล่าที่นี่แล้วกัน เมื่อหลายปีก่อนเราจะไปขอ Visa ของ USA แต่เราไม่เคยเดินทางเลย เงินในบัญชีก็ไม่มี แต่แฟนส่งหนังสือมารับรองให้ วันที่ไปสัมภาษณ์ก็ขับรถไปจอดที่ตึกออลซีซั่น เข้าทางซอยร่วมฤดี ขับผ่านศาล ก็เลยยกมือไหว้ แล้วบอกว่าถ้าวีซ่าผ่าน จะซื้อพวงมาลัย ผลไม้มาถวาย แล้วก็ขับผ่านไป โดยที่ไม่ได้ดูว่าศาลอะไร ผลคือวีซ่าผ่าน ได้มา 10 ปี ก็มัวแต่ดีใจเตรียมตัวเดินทาง แต่ไม่ลืม จนวันที่จะเดินทางก็บอกตัวเองว่า "ต้องไปแก้บน" แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้แก้ ไปถึงอเมกา นอนฝันแปลกๆทุกคืน เช่นฝันว่าเครื่องบินที่ครอบครัวเรานั่งมันระเบิด ตื่นมาก็โทรหาแม่ร้องไห้ใหญ่ แม่บอกว่าคิดมาก ต่อมาฝันอีก คราวนี้ฝันเห็น ผู้ชายตัวใหญ่ไม่ใส่เสื้อ ใส่โจงกระเบน ไม่เห็นหัว ถือดาบ มายืนอยู่ในห้องนอน(ที่อเมกา) ตื่นมาโทรหาแม่อีก คุยกันว่าหรือจะเกี่ยวกับที่บนไว้ แม่บอกว่าจะไปแก้ให้ เราบอกไม่ต้อง เราอยู่ไม่ได้ ยังไงก็จะกลับไปแก้บน(มาได้ไม่ถึง 10 วัน) ให้แฟนหาตั๋วให้ หลังจากนั้นพอได้ตั๋ว ก็อีก 2 อาทิตย์เราจะกลับ ฝันอีกว่าเห็นมือคนโดนฟันขาด ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยฝันอะไรแบบนี้ มั่นใจว่าต้องเกี่ยวกับที่บนไว้แน่ๆ แต่ยังมีข้อสงสัย???? กลับมาถึงไปแก้บนเลย ขับรถไปถึงจัดของหน้าศาล เงยหน้าไปดูศาล เข่าอ่อนเลย....เป็นศาลที่มีรูปปั้นอยู่ในศาลแต่ท่านตัวสุงมองไม่เห็นหน้า เห็นแค่แต่งชุดไทย และคนที่ไปแก้บนหลายคนก็เอาดาบไปถวาย คนที่มาแก้พร้อมเราเอาดาบยาวๆของจริงมาถวาย ทุกคนในครอบครัวเราอึ้งเลย แต่เราโล่งใจที่ได้มาแก้ด้วยตัวเอง จนตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าศาลใคร เดาเอาเองว่าเป็นพระยาพิชัย ใครรู้บอกที แก้ไขเมื่อ 06 มี.ค. 51 00:56:40 จากคุณ : cat552 - [ 6 มี.ค. 51 00:54:09 ]

ความคิดเห็นที่ 119 คห.118 หลอนมากค่ะ นั่งอ่าน ขนลุก สันหลังวาบๆๆๆ เพราะจำได้ตอนมาเรียนครั้งแรก นอนช่วงคืนแรกๆ ฝันร้ายเหมือนกัน ฝันเห็นแต่ผี มะรู้ เป็นไร แต่ไม่ได้ไปบนอะไรอ่ะค่ะ โอ๊ยยๆๆๆ กลัวก็กลัวแต่ก็เข้ามาจางงงงง กรู.... จากคุณ : c_la_vie - [ 6 มี.ค. 51 01:46:28 ]

ความคิดเห็นที่ 120 เรื่องฝันนี่ เมื่อเดือนมกราคมค่ะ ทั้งเดือนเลย ฝันเห็นแต่คนตาย เช่น มีผู้หญิงผู้ชายคู่นึง ทะเลาะกัน แล้วผู้ชายก็หยิบปืนพกมายิงกลางแสกหน้าผู้หญิง ไม่ก็เห้นคนถูกฟันแขน ฟันคอ ทำนองเนี้ยะค่ะ ฝันเห็นเป็นเดือนเลย ถ้าจะไม่ให้ฝันต้องทานยานอนหลับอย่างเดียว ทำให้ไม่อยากนอนด้วย เพราะกลัวฝันเห็นอีก นอนดึก ตื่นเช้ามาก ที่นอนดึกเพราะไม่อยากนอน ตื่นเช้ามาก เพราะไม่อยากนอนต่อ ฝันจนเหนื่อย เหมือนเคย เลยกดโทรศัพท์หาคุณอาที่เป็นหมอดู บอกไม่ไหวแล้ว ขนาดมาอยู่อเมริกา นึกว่า จะไม่ตามมาแล้ว ยังมาให้เห็นกันในฝันอีก จะไปวัดก็ลำบาก เล่นมาทุกคืนแบบนี้จะไปทำบุญยังไงไหว คุณอาก็หัวเราะ บอก ลูกเอ๊ย เค้าหน่ะ แค่นึกก็มาหาหนูถึงที่ได้ ก็สวดมนตร์ให้เค้าไปซะ แล้วอีกอย่าง เดือนนี้หน่ะ เป็นเดือนมรณะ (คุณอาพูดศัพท์ที่เราไม่เข้าใจอ่ะค่ะ แบบภาษาทางโหร ทางหมอดู) สรุปว่าเราจะฝันเห็นเรื่องพวกนี้ได้ในเดือนนี้ คุณอาบอก คืนนี้ (คืนที่โทรไป) เป็นคืนสุดท้ายแล้วลูก ก่อนนอนก็ไหว้พระซะนะ เราก็ค่ะ ไหว้ค่ะ ไหว้ทุกคืนก็ยังมาค่ะ เหนื่อยแล้วค่ะ คุณอาก็บอก ทนหน่อยลูก คืนสุดท้าย แล้วเค้าก็จะไม่มากันแล้ว.. เราก็แบบค่ะ ทนค่ะ สรุปว่าฝันเกือบทุกคืน เห็นคนถูกฆ่าตาย ให้คนตายเดินมา เห็นคนหามคนตายผ่านหน้า ทำนองเนี้ยะค่ะ แล้วก็หายไป แต่สองคืนมานี่เหมือนจะกลับไปฝันอีกรอบ ตื่นมาตอนเช้า เหนื่อยมากเลยค่ะ จากคุณ : ~~FrOm NoW oN~~ - [ 6 มี.ค. 51 02:38:16 ]

ความคิดเห็นที่ 121 เรื่องหมอดูนี่ เราค่อนข้างสนิทกะคุณอาคนนี้ค่ะ เค้าดูให้เรา ให้บ้านเรามานานมากแล้ว ทุกทีเราจะโทรหาคุณอาทุกวันเกิด เพราะถือเป็นการเปลี่ยนอายุ จะได้รู้ว่าควรระวังตรงไหนยังไงบ้าง วันเกิดปีที่ผ่านมา ลืมค่ะ ลืมสนิทเลย แล้วตั้งแต่หลังวันเกิดมา มีแต่เรื่องให้ปวดหัว มีปัญหาล้านแปด หนักๆ ทั้งนั้น ผ่านมาได้ 2 เดือน ก็โทรไป คุณอารับโทรศัพท์ พอรู้ว่าเป็นเราก็พูดเลย ว่า "หนูหายไปไหนมาลูก คุณอารออยู่ เห็นทุกทีโทรมาทุกวันเกิด ปีนี้เราดวงไม่ดีเลยนะ หลายเรื่องเลย" เราก็แบบ โหย เอาแล้วไง คุณอาพูดต่อ "เนี่ยเรื่องรถ ลา ม้า ช้าง ไม่ดีเลยนะลูก มีดวงต้องซื้อรถ ก็ดูดีๆ นะ" เราก็แบบ ซื้อแล้วค่ะ คุณอาก็บอก "สีอะไรลูก อย่าเป็นสีเขียว กะ สีดำ นะ นั่นสีไม่ดีสำหรับหนูมากๆ ซื้อมาก็มีแต่ปัญหา" เราก็หัวเราะ แล้วบอก "คุณอาขา สีดำค่ะ" เพื่อนๆ ทราบมั้ยคะ ตอนเราดูรถมีแต่สีเขียวกะดำ ไม่มีสีอื่นเลย ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน คุณอาก็ได้แต่ถอนหายใจ แล้วพูดต่อ เนี่ย จะมีเรื่องให้เสียเงินเพราะรถสีดำนะลูก.. เราก็หัวเราะ.. บอกว่า คุณอาขา หนูซื้อมาได้ 2 วัน ต้องซ่อมแล้วค่ะ เสียไป 500 เหรียญ แล้ว คุณอาถอดหายใจอีกรอบ แล้วก็บอก เอาหน่ะ ไหนๆ ก็แก้ไม่ทันแล้ว ก็ให้ระวังแทนแล้วกัน.. อ้อ ให้ระวังเรื่องเงินนะลูก ให้ระวังเงินหาย จากคนใกล้ตัว คนที่สนิท เค้าย้อนกลับมาทำร้ายเรา... เราก็หัวเราะอีกรอบ บอกว่า คุณอาขา หายแล้วค่ะ เพื่อนที่ทำงานที่ร้านค่ะ เอาเงินไป หนูคิดว่าผู้ชาย ตัวใหญ่ๆ ขาวๆ หน่อย คุณอาก็บอก อืม คุณอาเห็นเป็นผู้หญิงนะลูก ลักษณะนี้ นี้ นี้ แล้วสักพักคุณอาก็บอก.. จะเป็นผู้ชายก็ได้นะ หายวันไหน ถ้าวันพุธน่าจะผู้หญิง ถ้าวันอังคารน่าจะผู้ชาย คือดวงหนูกับสองคนนี้มันค่อนข้างขัดกัน.. เราก็เลยไปดูที่ตารางทำงาน เราทำวันพุธเช้า เงินหายอังคารกลางคืน ก็เลยคิดว่าน่าจะเป็นผู้ชายคนนั้นเอาไป เพราะเค้าไม่มาทำงานอีกเลย เสร็จ คุณอาก็บอก ให้ระวังเรื่องมีปากมีเสียง ถ้าเลี่ยงได้ให้เลี่ยงคนหน้าตาเหมือนแม่มด.. เราก็แบบ ใครอ่า หน้าตาเหมือนแม่มด นั่งนึกๆ ไม่มีน๊า.. แล้วก็ลืมเรื่องนี้ไปสนิท จ๊นนน มาเรียนต้องทำรายงานคู่ เพื่อนคนที่เราทำคู่ด้วย หน้าตาเหมือนแม่มดเลยค่ะ แฟนเราเห็นก็อึ้งๆ แล้ว เราก็เล่าให้แฟนฟังว่าเพื่อนคนนี้เค้าว่าอะไรเราบ้าง แฟนเราก็พูดขึ้นมาว่า โหย หน้าตาเหมือนแม่มดไม่พอ นิสัยยังแม่มดด้วย.. เราก็เอ๊ะ เธอพูดไรนะ.. เค้าก็บอก หน้าตากะนิสัยเหมือนแม่มด.. เราก็เอ้ย.. นี่ชั้นเคยเล่าเรื่องคุณอาหมอดูให้ฟังเปล่า เค้าก็บอกว่าเปล่า เราก็เลยเล่าให้เค้าฟัง เค้าก็แบบ เฮ้ยยย จริงอ่ะ คุณอาบอก นี่คบกะคนลักษณะนี้ นี้ นี้ อยู่หล่ะสิ หนูหน่ะ เราก็หัวเราะ บอก ค๊า.. คุณอาบอก เอ๊า เนี่ย เป็นสิ่งที่ดีในตอนนี้นะลูก ปีนี้หนูเจอแต่เรื่องร้ายๆ แต่ยังไงก็ยังมีคนดีๆ เข้ามา.. แถมยังกำชับอีกว่า ห้ามแต่งงานก่อนวันเกิดเรา ต้องรอให้วันเกิดเราผ่านไปก่อน.. แถมคุณอายังแซวอีกว่า โหย นี่เสียดุลย์ไปอีก 1 คนแระ.. เราบอก เด๋วหนูเอาเค้ากลับไทยค่ะ กลายเป็นว่าไทยได้ดุลย์ค่ะคุณอา.. จากคุณ : ~~FrOm NoW oN~~ - [ 6 มี.ค. 51 02:50:57 ]

ความคิดเห็นที่ 122 ชอบๆเดี๋ยวมาไล่อ่านนะคะ ยาววว จากคุณ : เนเวอร์แลนด์ - [ 6 มี.ค. 51 09:20:45 ]

ความคิดเห็นที่ 123 มาตอนตลาดจะวายซะแล้ว  มาช้ายังดีกว่าไม่มา หลายปีมาแล้วรอลูกมาเกิดเขาก็ยังไม่มาเกิดซักที แต่งงานเร็วมีลูกยากน่ะค่ะ  ตอนเพิ่งแต่งงานเริ่มสร้างตัวก็สร้างบ้าน 2 ชั้น ชั้นบนสร้างเสร็จสมบูรณ์ ชั้นล่างก็ปล่อยโล่ง ๆ มีฝาบ้าน ประตูหน้าต่าง เครื่องเรือนไม่มี พื้นเป็นหินขัดเฉย ๆ วันหนึ่งดิฉันงีบหลับกลางวัน (ชั้นบน) ฝันครึ่งหลับครึ่งตื่น รู้สึกเหมือนมีเด็ก ๆ หญิงชาย ประมาณ 7-10 คน วัยไล่เลี่ยกัน แต่งตัวธรรมดาของเด็ก ๆ นี่แหละ ไม่ได้หัวจุก โจงกระเบนอะไรทั้งน้าน อายุระหว่าง 2-7 ขวบ วิ่งเล่นเจี๊ยวจ๊าว กันข้างล่าง ดิฉันจำได้ว่าขมวดคิ้วแบบหนวกหู รำคาญ กวนใจการนอนประมาณนั้น  ลืมตาตื่นขึ้นมา อ้าวฝันไปนี่นา ก็แค่ขำ ๆ 7-8 ปีผ่านไป ที่บ้านดิฉันเป็นศูนย์กลางรวมญาติ ปีใหม่ สงกรานต์  งานบุญอะไรก็ตาม ต้องมาที่บ้านเจ๊นี่ทั้งนั้น แปลกแต่จริง จำนวนเด็ก ๆ เป็นฝูงไล่ เล่นกัน คล้ายมาก ๆ กับในความฝัน เด็ก ๆ เป็นลูกดิฉันและหลาน /ลูกของน้อง  ลูกพี่ลูกน้อง คุยกันกับคุณพ่อคุณแม่และน้อง ๆ ทุกคน ก็วิเคราะห์กันว่า เด็ก ๆ เขาอยากจะมาเกิดกัน  แต่มันมหัศจรรย์จริง ๆ  คลับคล้ายกะละครทวิภพเลย เอ้อ ..อย่าเข้าใจผิดนะคะ ตอนที่นอนงีบกลางวันน่ะดิฉันนอนคนเดียวค่ะ คุณพ่อของเด็ก ๆ ไปไหนจำไม่ได้แล้ว หุ หุ จากคุณ : น้านก (Aunti-นก) - [ 6 มี.ค. 51 14:27:13 ]

ความคิดเห็นที่ 124 เล่าต่อค่ะ เมื่อเร็ว ๆ นี้เองที่ LA อเมริกาดิฉันพาเพื่อนชาวอังกฤษไปตรวจที่โรงพยาบาล เธอป่วยกระเสาะกระแสะมานานแล้ว เรียกว่าทุพลภาพน่ะแหละค่ะ  ก็ขับรถผ่านสวนสาธารณะ เรียกว่า Milesquares Park คือปาร์คนี้จะมีถนนสี่สายสำคัญล้อมรอบ และแต่ละด้านจะยาวหนึ่งไมล์ กลับมาที่เพื่อนดิฉันซึ่งเดินไกล ๆ ไม่ได้ เธอก็อยากจะจ๊อกกิ้งได้บ้าง เธอชี้บอกดิฉันบอกว่า นี่เธอดูซิคนใส่ชุดฟ้าอ่อนน่ะผอมจังนะ เดินไม่ค่อยได้เลยยังมาเดินสูดอากาศบริสุทธิ์อีก ดีจังนะ ฉันอยากเดินบ้าง .....ดิฉันเป็นคนหูไว ตาไวอยู่แล้วดูปร๊าดเดียว ก็เห็นแล้ว (ปากไว) ก็พูดไปว่า นี่เธอนั่นมันคนที่ไหน อ่ะ หน้ากะมือเขียวจัง   ด้านที่เราเห็นคน(หรือผี) นั่นน่ะด้านใกล้โรงพยาบาลล่ะ  เพื่อนดิฉันอึ้งเงียบไปเลยค่ะ เป็นที่น่าเสียใจอย่างยิ่ง ที่เพื่อนดิฉันตอนนี้โดนโรคไตรุมเร้าเข้าไปอีก  เขาถึงว่าคนจิตอ่อนจะเห็นอะไรที่คนอื่นไม่ค่อยเห็น ดิฉันเป็นคนที่เห็นอะไรบ่อย ๆ แต่มักจะลืม จำไม่ค่อยได้ค่ะ มีบางครั้งยังไปต่อล้อต่อเถียงกะ"สิ่งนั้น" เข้าอีก ---- อีกเรื่องจำได้แล้ว  ตอนนั้นฮิตกะแต่งชุดสีดำ เรียกว่าเป็นติสท์ประมาณนั้น แล้วพาดผ้าพันคอขาวดำ คิดว่าตัวเองน่ะเก๋ซะเต็มประดา เพื่อนสนิทในกลุ่มสาว ๆ(ไม่น้อย) ก็จะแต่งตัวรสนิยมคล้าย ๆ กัน ก็ไปสังสรรค์ กินชา-กาแฟ-เค๊ก ที่ใกล้ ๆ เอราวัณ (จำชื่อไม่ได้แล้ว) แล้วก็ช๊อบปิ้งไปด้วย ทีตกแต่งสถานที่โอ่โถง  มีเปียโนบรรเลงเป็นช่วง ๆ  มีกระจก 6 ด้านตามเสาทั่วไปนั่นแหละ   มีครั้งหนึ่งดิฉันเดินช๊อบปิ้งอยู่ เห็นกระจกเต็มตัวก็ดูความเรียบร้อยของตัวเองซะหน่อยในกระจก  โอ๊ะ โอว ดูตัวดิฉันในกระจกซิคะ ดิฉันมีแต่ตัว ไม่มีหัวค่ะ ดิฉันดูอีกที ดิฉันก็ไม่มีหัวอีกนั่นแหละ  ใช้เวลา 3 วินาที สงบอารมภ์ ช่วงวินาทีนั้นนึกไปได้ต่าง ๆ นา ๆ  - นึกถึงว่าตัวดิฉันเองจะต้องตาย ตายแน่ๆ หัวไม่มี ย้ำตายโหง  - นึกถึงหนทางแก้ไขจะต้องให้ใครเอาผ้ามาคลุมหัวให้เห็นเงาในกระจก เพื่อเป็นการต่ออายุ   เพื่อนดิฉันก็ดึงแขนอยู่นั่นแหละจะให้เดิน ดิฉันก็อึ้ง ๆ ตลึงอยู่ ก็ภาวนาในใจว่าถ้าดิฉันยังไม่ถึงที่ตายก็ขอให้ภาพตัวของดิฉันสมบูรณ์มีหัวครบ  ใช้เวลาซักอึดใจ ดิฉันก็มีหัวขึ้นมาในกระจก   เพื่อนดิฉันถามว่าเป็นไรน่ะหน้าซีดจัง  ดิฉันไม่ได้ตอบอะไรเพื่อนไป  แต่มาบอกเพื่อนทีหลังจากนั้นอีกหลายเดือน  เพื่อนบอกว่าตอนนั้นทำไมไม่บอกซะเลย ดิฉันตอบว่าก็ฉันก็กลัวตายเหมือนกันน่ะซิ หลังจากนั้นดิฉันก็ไปหาหลวงพ่อดี ๆ  ดิฉันทำบุญสะเดาะเคราะห์  ทำทาน ฯลฯ  มีพระเกจิอาจารย์ท่านหนึ่งทักทายดิฉันโดยไม่ต้องเล่าไม่ต้องถาม ว่านี่เธอผ่านเคราะห์มาได้อย่างเหลือเชื่อจริง ๆ  เป็นเพราะชาตินี้เธอไม่ได้ทำชั่วขอให้เธอเพียรทำแต่ความดี แม้กระนั้นก็ตามดิฉันก็ทำการค้าเสียหายจำนวนมาก  แต่ก็ถือว่ายังดีที่ยังมีชีวิตอยู่ ขอบคุณคุณสุ ที่ตั้งกระทู้สนุก ๆ ขึ้นมา (แก้ไขคำสะกดผิด) แก้ไขเมื่อ 06 มี.ค. 51 15:51:13 จากคุณ : น้านก (Aunti-นก) - [ 6 มี.ค. 51 15:44:30 ]

ความคิดเห็นที่ 125 ยังไม่วายค่าน้านก หนูยังรออ่านอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เรื่องอื่นๆ ไม่รู้ ไม่เคยเจอไรเลย แต่เรื่องหัวหายนี่หนูพอมีประสบการณ์ เป็นสัปดาห์เลยที่หนูสังเกตเห็นหน้าลูกพี่ลูกน้องนี่ช่างหมองคล้ำ เหมือนเค้าอดหลับอดนอนมานาน หนูก็ได้แต่ทักว่าไปทำอะไรมาทำไมหน้าตาหม่นหมองหมดราศีอย่างนี้ เค้าก็บอกไม่ได้เป็นไร  หนูก็ไม่ได้เอะใจอะไร จนกระทั่งช่วงหัวค่ำวันหนึ่งลูกพี่ลูกน้องคนนี้เดินลงบันไดมา หัวหายค่ะ หนูถึงกะสะดุ้ง แต่ก็ไม่ได้เอะไจอะไรอีกนั่นหล่ะ ก็ได้แต่คิดว่ามันคงมืดมั้ง  ปรากฎว่าคืนเดียวกันประมาณ 4 ทุ่มพี่ชายคนนี้ก็ตายโหงอ่ะค่ะ  - -" คงจะจริงที่เค้าบอกว่าหน้าตาคนที่ใกล้ตายจะหมองคล้ำ หมดราศ๊ดูเคร่งเครียดอยู่ตลอดเวลา พูดแล้วก็คิดถึงพี่จัง :( จากคุณ : White River - [ 6 มี.ค. 51 16:36:56 ]

ความคิดเห็นที่ 126 แต่ละเรื่องน่ากลัวจังเลยค่ะ ตามอ่านจนปวดตาเลย หลอนด้วย เรื่องของเราก็มีอยู่นะ เกิดตั้งแต่เราม.4ค่ะ (ตอนนี้ปี2แล้ว) เรานั่งเล่นเอ็ม คุยกะเพื่อนอยู่ตามปกติอ่ะ แม่ไล่ให้ไปอาบน้ำนอน เราก็บอกเดี๋ยวๆ จนแม่ไม่รอแล้ว ไปนอนก่อน เราเลยอยู่คนเดียวชั้นล่าง ที่บ้านนะ ซักพัก ได้กลิ่นเหม็นเน่าโชยมาค่ะ ก็แบบตอนนั้นไม่คิดไร มันโชยมาแปบๆ ก็หายไป แล้วก็มาอีก 4-5รอบได้ พอเริ่มเอะใจ ก็เริ่มขนลุกแล้วอ่ะ แบบว่า เอ๊ะ กลิ่นไรเนี่ย เอ็มไม่เล่นแล้ว เพื่อนคุยมาถามว่า หายไปไหน (ในเอ็ม) ทั้งที่เรานั่งอยู่ตรงนั้นแหละ แต่ตัวแข็ง มือไม่กล้าเอาออกมาพิมพ์ แล้วเราก็วิ่งขึ้นไปหาแม่ ไปบอกว่า มันแปลกๆนะแม่ เหมือนมีไรซักอย่าง แต่แม่เราไม่เชื่ออ่ะ ก็ว่าใหญ่เลย แบบว่าเค้าบอกให้ไปอาบน้ำ ไม่ไปอาบซักที สมน้ำหน้า ประมาณนี้อ่ะ - -" เราก็เริ่มร้องไห้ล่ะ เรากลัวอ่ะ เหมือนเค้าตามมาอยู่ข้างๆเลย กลิ่นเหม็นเข้มข้นสุดๆ พอกลางคืน เค้าก็มาเข้าฝันเรา เป็นผู้ชายตัวสูงๆ หัวล้าน ยืนจ้องหน้าเราอ่ะ ตาแดงแจ๋เลย แล้วเราก็รีบตื่นมาเล่าแม่เลย เหอๆๆ พอตอนเช้า เราต้องไปเรียน ตอนแรกก็คิดว่า คงไม่มีไรแล้วมั้ง ก็ไปอาบน้ำ ตามปกติ แล้วพอเราเข้าไปในห้องน้ำ ไฟก็ดับทันทีเลยอ่ะ วิทยุที่พ่อเปิดไว้หน้าห้องน้ำ ก็ซ่าๆๆ แบบมีคลื่นไรมารบกวน เราก็วิ่งออกมาพูดคนเดียวกลางบ้าน ว่า สัญญาว่าเดี๋ยวไปทำบุญให้ แต่วันนี้ขอไปเรียนก่อน วันเสาร์ค่อยทำให้ รอก่อนนะ (วันนั้นวันพุธ) เค้าก็คงยอมมั้ง ไฟก็ติดขึ้นมาทันทีเลย  วิทยุก็ใช้ได้ พอวันเสาร์ เราก็ไปทำบุญให้เค้าอ่ะ เลยไม่มีไรแบบนี้อีก จากคุณ : Keep Holding On - [ 6 มี.ค. 51 19:48:18 ]

ความคิดเห็นที่ 127 เคยเจอเหตุการณ์ประหลาดในชีวิตเหมือนกันค่ะ ตั้ง 2 เหตุการณ์แน่ะ ครั้งแรก ตอนนั้นทำงานอยู่แผนก R&D บริษัทแห่งนึงแถวลพบุรี ตอนนั้นเวลาประมาณบ่าย 3 น่าจะได้นะ มีพี่ที่รู้จักกันขับรถเข้ามาที่หน้าห้องแล็บเพื่อมาส่งตัวอย่าง เราเองก็มองไปที่รถพี่เค้าก็เห็น เอ๊ะ มีผู้ชายใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวนั่งมาในแค็บรถกระบะด้วยแฮะ ใครหว่าไม่รู้จัก ก็เลยรอให้พี่เค้าลงมาส่งตัวอย่างที่ห้องแล็บแล้วกะว่าจะถามว่าใครอ่ะ พอพี่เค้าเดินเข้ามาในแล็บก็นั่งเม้าท์กันเรื่องชาวบ้านอ่ะนะ แล้วก็เลยถามพี่เค้าว่า "อ้าวพี่เพียวแล้วพี่คนที่นั่งในแค็บมาน่ะ เค้าไม่ลงมาเหรอ" คือ แบบว่ารถมันก็จอดกลางแจ้งอ่ะ กลัวคนนั้นเค้าจะร้อนเพราะนั่งรออยู่ในรถ พี่เพียวก็ตกใจอ่ะ หน้าซีดเลย บอกว่า "พี่มาคนเดียวนะแก" ทุกคนที่แล็บอึ้งกันหมดเลยค่ะ (รวมตัวเราเองด้วย) ตอนนี้ก็ยังไม่รู้เลยอ่ะว่าคนนั้นเป็นใคร ไว้มาเล่าต่อนะ จากคุณ : แจน (jan9723) - [ 6 มี.ค. 51 19:57:01 ]

ความคิดเห็นที่ 128 มีอีกเรื่องนึง ร.ร. เราตอนมัธยม เป็นโรงเรียนเก่าอ่ะค่ะ เจ้าของที่ตรงนั้นคือ ปู่ช่วง บุนนาค (น้าๆห้องนี้คงเคยได้ยินชื่อนะคะ) คือ วันนั้นพระเทพมาเปิดรูปปั้นของปู่ช่วงค่ะ เราได้ไปเข้าเฝ้า ไปนั่งอยู่รอบๆสนามน่ะค่ะ มีเด็กหลายคนนะ ก่อนหน้าที่พระเทพมา มีตำรวจมากันคนออกไปจากตึกเรียนทั้งหมด พอกะลังอยู่ในชช่วงพิธี เราเห็นมีผู้ชายใส่ชุดโจงกระเบนสีน้ำเงิน เสื้อสีขาว มายืนบนตึก คือยืนมองอยู่ข้างหลังพระเทพค่ะ ตอนนั้นเราก็เรียกเพื่อนดู เพื่อนก็เห็น (เห็นกัน2คนนะ) ก็แบบ คุยกันว่า อ้าว ขึ้นไปได้ไงเนี่ย เค้าไม่รู้หรอว่าห้ามยืนข้างบนนะ ไรเงี๊ยค่ะ พอซักแป๊บ เราก็หันกลับไปมองอย่างอื่น แล้วเราก็หันไปมองเค้าอีก สาบานได้ เราหันไปมองอย่างอื่นแค่3วิ เอง แปบเดียวจริงๆ พอเราหันกลับไปมองเค้า เค้าก็ขึ้นไปอยู่อีกชั้นนึงแล้วอ่ะ แต่ยืนจุดๆเดิม แค่ขึ้นไปอีกชั้นนึง ตอนนั้นเราก็งง ว่า อ้าวเฮ้ย ทำไมวิ่งขึ้นไปเร็วจัง โห วิ่งเร็วมาก นับถือๆ ประมาณนั้น - -" พอพระเทพเสด็จกลับ อาจารย์ก็ให้เด็กเข้าไปดูนิทรรศการเกี่ยวกะปู่ช่วง เรากะเพื่อนเห็นก็อึ้งเลยอ่ะ แบบว่า คนที่เห็นบนตึก กะคนในรูปคือคนเดียวกันเห็นๆเลย มีหนวด  หน้าดุๆหน่อย ใช่เลย!! หลังจากนั้น เราก็เอาพวงมาลัยไปสักการะอนุสาวรีย์ของท่านบ่อยๆ เพิ่งกลับไปล่าสุดเมื่อวานซืนเอง เราจบมา2ปีแล้ว จากคุณ : Keep Holding On - [ 6 มี.ค. 51 20:01:42 ]

ความคิดเห็นที่ 129 สนุกจังเข้ามารออ่านอย่างเดียว จากคุณ : my-kokoro - [ 6 มี.ค. 51 21:02:29 ]

ความคิดเห็นที่ 130 คุณ : Keep Holding On ตอนที่ผมเรียน ไม่เจอนะครับ แต่จะจำภาพของท่านได้ชัดเจนมาก รวมทั้งเรื่อนเก่าที่รื้อไปแล้ว ( สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ มีนามเดิมว่า “ช่วง” เป็นบุตรชายคนใหญ่ของสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ (ดิศ บุนนาค) กับท่านผู้หญิงจันทร์) จากคุณ : อิ สวา สุ - [ 6 มี.ค. 51 21:06:58 A:71.114.84.246 X: TicketID:146114 ]

ความคิดเห็นที่ 131 แิอบอ่านตั้งนานแล้วค่ะ ดิฉันก็มีเรื่องแบบนี้เหมือนกัน ทั้งกับตัวเองและคนรอบข้างค่ะ      ตอนที่สึนามิถล่มเกาะพีพี ดิฉันก็อยู่ในเหตุการณ์ ยังจำได้ดีค่ะ ตอนนั้นประมาณ สองทุ่มแล้วค่ะ  หลังจากที่ทุกคนหนีขึ้นภูเขากันหมดแล้ว ตกกลางคืนก็ได้ยืนเสียงหวีดร้องค่ะ หลายเสียงมากๆ ที่มั่นใจว่าไม่ใช่้คนเพราะว่า ตอนที่อยู่บนภูเขาจะมีทางเดินขึ้นวิวพ้อยกั้นกลาง คือคนที่รอดก็จะนั่งกันสองข้างทางเดินค่ะ หลังจากเสียงเงียบหาย  ฝั่งซ้ายถามฝั่งขวาว่าใครหวีดร้อง ฝั่งขวาก็ถามฝั่งซ้ายค่ะ สุดท้ายไม่มีทั้งสองฝั่งค่ะ  คนเฒ่าคนแก่ก็บอกว่าอาจจะเป็นเพราะว่าเค้าตายแบบไม่ทันตั้งตัว  อีกรายก็ึคือ พนง.เซเว่นค่ะ เค้าก็ตายเหมือนกันแต่หาศพไม่เจอ หลังจากนั้นไม่กี่เดือนเค้าก็ไปเข้าฝันเพื่อนร่วมงาน เค้าบอกว่าช่วยด้วยเค้าหนาวค่ะ สุดท้ายก็เจอศพเค้าค่ะ           พี่สาวดิฉันเค้ามีเซ้นส์เรื่องนี้มากๆ  ดิฉันเคยเจอด้วยระหว่างที่พัก กับพี่สาว คือเรื่องมันเกิดนานแล้วค่ะ ตอนนั้นพี่สาวทำงานกับน้าสาว แล้วอยู่ดีๆ เค้าก็ไม่สบาย น้าสาวก็พาไปหาหมอ หมอก็ไม่ทราบสาเหตุ หลังจากนั้นมี คนแก่เป็นคนอิสลามค่ะมาบอกกับน้าสาวว่า พี่สาวดิฉันโดนของ ปล.เหตุเกิดที่ ปัตตานีค่ะ  คนแก่คนนั้นไม่เคยรู้จักกับพี่สาวและน้าสาวค่ะ เค้าบอกว่าพี่สาวโดนแบบ ลมเพลมพัด ค่ะ อาการจะแบบเดี๋ยวดี เดี๋ยวร้ายค่ะ น้าสาวพาไปรดน้ำมนต์ ผูกสายสินญ์ ก็เอาไม่อยู่ค่ะ เพราะ ตกกลางคืนพี่สาวจะดึงทิ้งหมดค่ะ    ดิฉันเห็นกับตา ตอนเช้าก็ถามเค้าว่าทำไมถึงดึงออก เค้าก็บอกว่าเค้าไม่ได้ดึง และที่เด็ดสุด น้าสาวเคยพาพี่สาวไปร่วมฟังสวดภาณยักษ์ ที่วัดช้างไห้ ค่ะ ผลปรากฏว่า พี่สาวแหกปากตะโกนด่าพระลั่นวัดเลยค่ะ และวิ่งแหกวงล้อมออกมา จนปัจจุบันนี้ถ้าหากพี่สาวกลับไปปัตตานีเมื่อไหร่ก็จะมีอาการทันทีค่ะ             อีกเรื่องนึงเกี่ยวกับแม่ดิฉันเองค่ะ ท่านโดนของ จากญาติฝ่ายพ่อค่ะ ทำให้ท่านไม่สบายร่วม ๑๓ ปี ดิฉันเป็นคนที่เชื่อเรื่องแบบนี้ค่ะ เพราะเห็นจากคนใกล้ชิด อย่าง พี่สาว และ แม่ ค่ะ เรื่องของแม่ก็คือ โดนของ ( คุณไสย) พยายามแก้ก็ไม่ได้ผล เพราะคนที่ทำของใส่เค้าไม่ยอมแก้ใ้ห้ค่ะ แต่สุดท้าย หมอ (ผี) ก็ตายไม่ดีค่ะ เค้าตายก่อนแม่ดิฉันอีกค่ะ ส่วนคนที่บงการก็ตายไม่ดีเหมือนกันค่ะ มีคนบอกว่าเพราะว่าเค้าเล่นกับของสกปรกก็เลยตายแบบสกปรกค่ะ ( คือ เค้าจะชอบนั่้งโชว์ส่วนล่างและใช้มือจับส่วนนั้นตลอดเวลาค่ะ ) อ้อมีอีกอย่างนึงก็คือ ก่อนที่แม่จะเสีย ทางครอบครัวไ้ด้นิมนต์พระมาสวดต่ออายุให้แม่ค่ะ ดิฉันซึ่งเป็นคนท่องคำพระให้แม่ฟังตลอด ก็จะคอยบอกท่านว่าให้ีคอยพระก่อนนะ จะได้ไปถูกทางไม่ไปหลงทางอยู่  ท่านก็รอจนพระมาค่ะ จนสวดเสร็จแล้ว พระท่านก็มาที่แม่ บอกกับแม่ว่าให้ไปดีๆ เดินตามพระ จะได้ไม่หลงทาง จากนั้น พระท่านก็บอกกับทุกคนว่าตอนที่แม่กำลังจะไป ห้ามทุกคนยืนปลายเท้าของแม่ค่ะ  พระท่านบอกว่า ทุกสิ่งทุกอย่างของคนไม่ว่าของที่ดี หรือของที่ไม่ดี จะออกจากทางเท้าค่ะ    ยังมีต่อนะค่ะ เดี๋ยวจะมาต่อ จากคุณ : juneisland - [ 6 มี.ค. 51 22:06:11 ]

ความคิดเห็นที่ 132 ทีนี้ ตอนงานศพ:-)านศพจัดอีกอำเภอนึงค่ะ เป็นอำเภอบ้านเกิดของแม่ค่ะ แต่ปกติท่านจะพักกับพี่ชาย ที่บ้านพักข้าราชการค่ะ ทีนี้บ้านพักข้าราชการจะเป็นแบบบ้านไม้ติดกันประมาณ ๑๐ หลังค่ะ ห้องของพี่ชายจะอยู่ริมสุด คืนที่ ๓ ก็เกิดเรื่องค่ะ คือ เพื่อนของพี่ชายที่พักติดกันโทรมาถามพี่ชายว่า เมื่อคืน ( คืนที่ ๓ ) มีใครอยู่ที่บ้านหรือปล่าว พี่ชายก็บอกว่าไม่มีค่ะใครเลย ทุกคนพักที่บ้านตา ที่จัดงานศพ เพื่อนพี่ชายก็เล่าให้ฟังว่าเมื่อคืนมีคนเข้ามาจัดของในบ้าน เพราะได้ยินเสียงรื้อข้าวของ จำพวก กะละมัง หม้อ ( เมื่อก่อนแม่ทำขนมขายค่ะ ก็จะมีพวก กะละมัง หม้อใบใหญ่ ไว้ทำขนม)  เค้าก็คิดว่ามีคนกลับมาพักที่บ้าน พี่ชายก็เลยบอกว่าสงสัยแม่คงจะกลับไปเก็บของมั้ง จากนั้นมีอีกค่ะ หลังจากเ้ผาศพแม่เสร็จแล้ว รุ่งเช้าก็จะไปเก็บกระดูกกัน พระรูปนั้นก็บอกกับดิฉันว่า เค้าตามมาด้วยนะ ซึ่งตอนนั้นดิฉันรู้แล้วค่ะ เพราะได้กลิ่นน้ำหอม แต่ก็ไม่พูดอะไร จากนั้นก็ไปเก็บกระดูกกัน ซึ่งความเชื่อของทางใต้เนี่ย ถ้าหากใครเก็บเงินที่ใส่ไปพร้อมกับตอนเผา ให้เก็บใว้ และถ้าใครเก็บได้มากก็หมายถึงแม่เป็นห่วงคนนั้นมาก ซึ่งในความเศร้าก็มีเรื่องตลกนิดนึงตรงที่ว่า ดิฉันกับพี่ชายเก็บกันได้เยอะทีุ่สุด แต่พี่สาวคนที่ทะเลาะกับแม่บ่อยๆ ไม่ได้เลยสักกะบาท น้าสาวก็แซวเค้าว่า ขนาดแม่ไปแล้วยังไม่วายจะงอนลูกอีกนะ ่จากนั้น พระรูปนั้นก็เล่าให้ฟังว่า คืนที่สวดศพ คืนที่ ๓ นั้น แม่ได้เดินเวียนรอบศาลาตั้งศพ ตลอดเวลาที่พระสวด หลังจากนั้นได้เดินตามพระรูปนี้ไปจนถึงกุฏิท่านค่ะ พระท่านก็บอกกับแม่ว่าให้กลับไปไม่ต้องตามมาหรอกนะ แม่เค้าก็เดินกลับมา พระท่านเล่าเสริมให้ฟังหน่อยนึงเรื่องที่ มีคนเอาศพเด็กที่ทำแ้ท้งมาฝังหลังเมรุ ท่านจะได้ยินเสียงร้องทุกคืนเลยค่ะ หลังจากเก็บกระดูกเสร็จแล้วเศษกระดูกกับขี้เถ้า พระท่านให้ขุดหลุมฝังค่ะ ซึ่งแม่ได้อยู่ใกล้ๆ กับตา ค่ะ และได้ปลูกต้นไม้บนหลุมด้วยค่ะ ทุกปีก็จะกลับไปเยี่ยมท่านพร้อมกับรดน้ำใส่ปุ๋ยต้นไม้ด้วย เพราะว่าท่านเป็นคนที่รักต้นไม้มากๆๆๆๆ  หลังจากนั้นไม่นาน หลายชายก็เล่าให้ดิฉันฟังว่า ย่าพาเค้าไปที่วัดด้วย และตอนที่พี่ชายได้ลูกสาวคนแรก พ่อดิฉันฝันว่าแม่จูงเด็กผู้หญิงมาให้ที่บ้าน ซึ่งพี่สะใภ้คลอดได้ลูกสาวจริงๆ ด้วยค่ะ และมีอยู่ครั้งนึงพี่ชายเล่าให้ฟังว่า เพื่อนของพี่สะใภ้มาพักที่บ้านและได้หยิบผ้าถุงของแม่ไปใช้โดยไม่ได้บอกพี่ชายค่ะ ซึ่งทุกคนที่บ้านจะรู้ดีว่าแม่เป็นคนที่หวงผ้าถุงมากๆ ทีนี้เกิดเรื่องค่ะ เพราะหลังจากนั้นเพื่อนของพี่สะใภ้เล่าให้ฟังว่า เมื่อคืนมีคนมากระตุกผ้าถุงเค้าตลอดเวลา พี่ชายก็เลยบอกเค้าว่าคราวหน้าก็ให้บอกกล่าวขอกับแม่ก่อนที่จะใช้         สำหรับดิฉัน ถือว่าเป็นเรื่องปกติแล้วค่ะ เมื่อก่อนจะกลัวมากกับเรื่องแบบนี้ แต่บางทีก็มาคิดว่าเค้าอยากจะบอกอะไรเราก็ได้ หรืออยากจะเตือนเราให้ระวัง สำหรับกับแม่ ดิฉันจะเป็นคนที่โดนบ่อยที่สุดในบรรดาพี่น้องค่ะ ขนาดว่ามาอยู่แคนาดาแม่ยังมาเลยค่ะ ครั้งแรกเลย ดิฉันฝันว่าได้กลับเมืองไทยและได้ไปหาแม่ที่บ้าน ซึ่งในฝันดิฉันคิดว่าแม่ยังไม่ตายค่ะ ท่านก็บ่นกับดิฉันว่าให้บอกพี่ชายไปเก็บผ้าถุงมาให้แม่ด้วย จากนั้นดิฉันก็ตกใจตื่น โทรกลับไปบอกพี่ชายเรื่องที่ฝัน เชื่อมั้ยค่ะว่า ๒ วันต่อมาพี่ชายโทรมาบอกว่าเจอผ้าถุงแม่ตกอยู่ริมรั้ว ต้นไม้ขึ้นคลุมหมดแล้วก็เลยมองไม่เห็น  บางครั้งก็มาบอกว่าอยากกินแกงส้ม (แกงเหลืองปักษ์ใต้)     ดิฉันอยากจะถามหลังไมค์ คนที่สามารถทำนายฝันได้  เพราะถ้าโพสต์ในนี้กลัวโดนอุ้มค่ะ เพราะเกี่ยวกับเบื้องสูง จากคุณ : juneisland - [ 6 มี.ค. 51 22:44:11 ]

ความคิดเห็นที่ 133 เข้ามาอ่านหลายรอบมากค่ะ อ่านไปกลัวไป '-_- จากคุณ : Tabbie cat - [ 6 มี.ค. 51 23:57:02 ]

ความคิดเห็นที่ 134 เข้ามาเล่าอีก บ้านเพื่อนบ้านที่อเมริกานี่แหละค่ะ   บ้านติดกันกับบ้านดิฉันนี่เลย  เป็นเพื่อนบ้านทางซ้ายมือ เจ้าของเดิมแกรักบ้านของแกมาก ชอบทำสวนเอง  ล้างสระน้ำเอง แต่งบ้านเสียสวยงามกว่าบ้านใคร ๆ ในละแวกนี้  ตอนหลังแกป่วยเป็นมะเร็ง ค่ารักษาพยาบาลแพงมาก ๆ   ทำให้แกเสียบ้านนี้ไป  ธนาคารมายึดค่ะ  ความที่แกรักบ้านนี้มาก ๆ  แกตรอมใจตายก่อนที่จะโดนคำสั่งให้ย้ายออกจากบ้าน บ้านที่นี่ถ้าจะขายเปลี่ยนเจ้าของให้ได้ราคาดี ต้อง Remodel ใหม่หมดตามตลาดต้องการ  ฯ ล ฯ   ธนาคารเขาก็มาจัดการเปลี่ยนเจ้าของไปเรียบร้อย เจ้าของใหม่เป็นชายโสดก็ไม่ค่อยอยู่บ้าน แต่จะเปิดไฟหลังบ้านกะหน้าบ้านแบบอัตโนมัติไว้เป็นประจำ  เวลาเธออยู่หรือไม่อยู่จะไม่ค่อยรู้หรอกค่ะ เพราะรถเธอจะจอดไว้ในโรงรถปิด วันหนึ่งเพื่อนบ้านฝั่งตรงข้ามเป็นคนเกาหลี (เพิ่งย้ายเข้าบ้านใหม่เหมือนกัน) ก็เดินข้ามฟากมาคุยกะหนุ่มเจ้าของบ้าน ทักทายกันตามประสาเพื่อนบ้านที่ดี  ว่าไม่ค่อยอยู่บ้านเลยนะ อยู่แต่คุณพ่อหรือพี่ชาย เห็นนั่งที่ห้องอาหารบ่อย ๆ    ......เจ้าของบ้านชายโสดก็ ..เหวอซิคะ ก็แกอยู่คนเดียวนี่  เขาก็เดินมาสังสรรค์กะบ้านดิฉัน คุณซะมีดิฉันก็ถามว่าผู้ชายคนนั้นรูปร่างท่าทางเป็นอย่างไร  ใช่เลยค่ะ คุณเจ้าของบ้านเดิมที่เป็นมะเร็งตาย แกรักบ้านของแกมากแกคงวนเวียนอยู่ที่เดิม   ก็ไม่เห็นเพื่อนบ้านดิฉันเขากลัวหรืออะไรนี่คะ และเขาก็ไม่ได้ทำบุญอะไรด้วย ก็ลืม ๆ กันไป  ก็เปลี่ยนเจ้าของไปอีกบ้านละครั้งเป็นหมออินเดีย กะเป็นบ้านฝรั่งโว๊กเว๊ก ก็ไม่เห็นมีใครเห็นคุณลุงหวงบ้านนั้นอีกเลย จากคุณ : น้านก (Aunti-นก) - [ 7 มี.ค. 51 01:45:37 ]

ความคิดเห็นที่ 135 ของเราไม่ค่อยน่ากลัวค่ะ เรื่องมันมีอยู่ว่า ตอนจะจบม.6 สอบเอ็นทรานซ์วิชาฝรั่งเศส ตอนนั้นเป็นรอบสุดท้าย แล้วตั้งใจมากว่าจะเก็บคะแนนให้ได้เยอะๆ ก็สอบๆไป แล้วก็รอคะแนน คืนวันก่อนคะแนนออก ฝันว่าได้ 75 คะแนน ตื่นมาตอนเช้า แม่เอาซองคะแนนมาให้ แถ่นแทนแท๊นนนน  ได้ 75 ตรงตามที่ฝันเด๊ะ เมื่อหลายปีก่อนตอนอยู่มัธยม คุณทวดเสีย แต่เราไม่อยู่บ้าน ไปเข้าค่าย ตอนกินข้าวอยู่ที่ค่าย เผลอไปกัดปากตัวเอง เป็นแผลใหญ่ กลับบ้านมา หลังจากได้รับรู้ข่าวร้าย ก็ยังได้รู้ว่า พี่ชายและน้องสาว เผลอกัดปากตัวเอง วันเดียวกัน แผลที่เดียวกัน ทั้งสามคน จากคุณ : Little Love Bug - [ 7 มี.ค. 51 03:09:59 ]

ความคิดเห็นที่ 136 สวัสดีค่ะทุกท่าน พอดีเราข้ามมาจากกระทู้ผี  Episode VII  ที่ห้องสยามนะคะ   เนื่องจากคุณ eissee  เข้ามาบอกเราว่ากระทู้นี้น่ากลัวมาก ๆ  เราเลยต้องแวะมาอ่านสักหน่อย   น่ากลัวจริง ๆ ด้วยค่า  บรื๋อ ๆ ๆ   ปล...อยากเล่าเหมือนกันค่ะ  แต่ว่าไม่มีเรื่องผีใหม่ ๆ มาเล่าให้ฟัง   ครั้นจะไป copy จากกระทู้ผี Episode VII ที่เราเคยเขียนไว้ก็รู้สึกแปลก ๆ เพราะไม่อยากเอาเรื่องเก่ามาหากินเลย  แหะ แหะ  เลยขอทำตัวเป็นผู้อ่านที่ดีแล้วกันนะคะ บุญรักษาค่ะ . จากคุณ : ลาบไก่ใส่ตับหมู - [ 7 มี.ค. 51 03:18:00 ]

ความคิดเห็นที่ 137 ชอบทุกเรื่องเลยที่เล่ามา อ่านไปสยองไป ท่านใดมีอีกรบกวนเล่าต่อ ชอบอ่านมากๆเลยค่ะ^^ บางเรื่องก็แปลกดี เรื่องผีผีไทยว่าน่ากลัวแล้วนะ แต่เคยฟังจากเดอะช็อค 2-3 เรื่องที่เกี่ยวกับผีที่ญี่ปุ่นและเกาหลี เราว่าหลอนไม่แพ้กันเลย จากคุณ : /// - [ 7 มี.ค. 51 03:53:15 A:84.57.244.132 X: TicketID:133532 ]

ความคิดเห็นที่ 138 ขอด้วยคน เมื่อตอนเย็นที่ผ่านมาเลย ตอนนี้อยู่หอเอเชี่ยนเกมส์ในธรรมศาสตร์รังสิต สอบตอนกลางวันเสร็จกลับมาเล่นเกมส์ ง่วงเหมือนกันแต่รู้สึกไม่อยากนอน จนเข้าไปนอนได้ซักแปป รู้สึกว่าตัวเองเถียงกับผู้หญิงคนหนึ่งในห้องที่นอนอ่ะ T T เถียงด้วยถ้อยคำรุนแรงมาก ประมาณว่ากูไม่ไป กูบอกให้เมิงไป ... พิมพ์อยู่นี่ขนลุกเลย เถียงไปเถียงมาผมก็ตื่นมาเล่นเกมส์ต่อ... สงสัยผมฝันไปเอง.... อีกเรื่อง ผมคิดว่าเคยรู้สึกเหมือนเหตุการณ์ที่เกิดมันเหมือนในฝันที่เห็นเลย แบบที่นี่เคยไปมาแล้วนี่หว่า หรือไม่ก็ทำไมเราฝันเหมือนแบบนี้เลย เหตุการณ์มันคุ้นๆไรเงี้ย แต่สุดท้ายกลับจำรายละเอียดไม่ได้ ไม่งั้นคงจำแล้วไปตีเลขเด็ดแล้ว - - จากคุณ : V_Accy - [ 7 มี.ค. 51 05:54:02 ]

ความคิดเห็นที่ 139 ผู้ชายอกสามศอก ไม่สนใจเลยนะ หรือว่าเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเขา หรือไม่เกิดขึ้นกับเขา จากคุณ : อิสวาสุ - [ 7 มี.ค. 51 11:40:42 A:71.114.84.246 X: TicketID:146114 ]

ความคิดเห็นที่ 140 ตามอ่านมาหลายวันแล้วค่ะ ชอบอ่าน สนุกมากเลยค่ะ บางเรื่องก็ช่วยให้เราย้อนมองดูตัวเองได้ด้วย เลยอยากนำเรื่องตัวเองมาแชร์บ้างน่ะค่ะไม่น่ากลัวหรอกนะคะ เรื่องแรกค่ะ เราจำรายละเอียดไม่ค่อยได้แล้ว เพราะมันนานมากแล้วค่ะ สมัยเราอยู่ประมาณ ม.3 ค่ะ เราจำได้ว่าช่วงนั้นรู้สึกดวงตกมาก คือเราเป็นคนชอบอ่านหนังสือดวง กรรมเวร อะไรประมาณนี้น่ะค่ะ ตั้งแต่เด็กๆแล้ว ช่วงนั้นรุ้สึกว่าตัวเองทำอะไรก็ไม่ขึ้นเลย โชคไม่ดีไปซะหมดค่ะ คือแค่คิดน่ะคะ ว่าทำไมช่วงนั้นโชคร้ายจัง ทำแต่เรื่องไม่ค่อยดีน่ะค่ะ เช่น เราเดินขึ้นบันไดที่โรงเรียน แล้วไปเหยียบจิ้งจกตายค่ะ เป้นจิ้งจกตัวใหญ่เลยนะคะ ไม่ใช่ลูกจิ้งจกอ่ะ จิ้งจกตัวนั้น มันอยู่เหนือเราไปอีกประมาณ 2-3 ขั้นน่ะค่ะ ตอนแรกเราก็ไม่เห็น แล้วเพื่อนเราก็ตะโกนว่า จิ้งจกๆ เราก็เลยนึกว่า จิ้งจกอยู่ตรงขั้นที่เรายืนอยู่ ก็เลยกระโดดขึ้นบันไดใหญ่เลย เพราะกลัวมันจะมาเกาะขาน่ะค่ะ แต่กลายเป็นว่าที่เรากระโดดขึ้นบันไดไป ทำให้เราไปเหยียบมันตายซะงั้น ตอนแรกเราก็ไม่รู้ค่ะ ว่าเราเหยียบไปแล้ว เราก็ถามเพื่อนๆว่าไหนๆๆ จิ้งจกไปไหนแล้ว เพื่อนก็บอกว่า "อยู่ใต้เท้าแกงัย" เรางี้...ซีดเลย เพราะรุ้สึกว่าเป็นสัญญาณไม่ดียังงัยไม่รู้ ช่วงนั้นยิ่งทำอะไรไม่ค่อยขึ้นอยู่ จำได้ลางๆว่าก่อนหน้าจิ้งจก เราก็เคยไปเหยียบตัวอะไรตายมาก่อนไม่นานเหมือนกันค่ะ เราไม่สบายใจมากๆ ก็เลยไปใส่บาตร แล้วทำบุญให้จิ้งจกตัวนั้นด้วยอ่ะ -_-"" อีกตัวอย่างนึงที่ทำให้เราคิดว่าตัวเองดวงตก ก็คือ เมื่อก่อนเราชอบดูบอลค่ะ เราเป็นแฟนแมนยูอ่ะค่ะ ไม่รุ้ว่ายังมีใครจำได้รึป่าว ที่แมนยูแพ้ เซาธ์แธมป์ตัน 3-1 หรืองัยเนี่ยค่ะ ที่ลูกมันลอดขาผุ้รักษาประตูเข้าไปน่ะค่ะ คือแมนยูเป็นต่อกว่ามากๆในเกมส์นั้น แล้วก็ไม่น่าแพ้เลย แต่ดันแพ้แบบไม่น่าเชื่อ่อะค่ะ วันนั้นจำได้ว่า เราเชียร์อยู่ 2 คู่ คือแมนยู กับอีกทีม จำไม่ได้แล้วว่าใครค่ะ เราก็เปิดทีวี สลับช่องไปมาทั้ง2ช่องอ่ะ มันตลกมากเลย สมมติว่าวันนั้นเราเชียร์แมนยู กับ ลีดส์ ละกันนะคะ พอเราเปลี่ยนช่องไปดูลีดส์ปุ๊ป ลีดส์โดนยิงปั๊ปเลยค่ะ พอเราเปลี่ยนกลับมาดูแมนยู แมนยู ก็โดนยิงปั๊ปเหมือนกันอ่า เรางี้เซ็งมาก อะไรมันจะไม่เป็นใจขนาดนั้น แต่ที่ทำให้เรารู้ว่าตัวเองดวงตกจริงๆ ก็เพราะว่า เราฝันค่ะ แล้วฝันนี้เหมือนจริงมากๆ คือเราจะแยกออกน่ะค่ะ อะไรที่คือฝัน กับอะไรที่เรารู้ว่าไม่ใช่ฝันน่ะ คืนนั้นเห็นผู้ชายนุ่งโจงกระเบนสีแดงมีสายสะพานบนตัวอ่ะค่ะ เค้ามาที่บ้านเรา มาบอกว่าเราน่ะดวงตกน่ะ ให้ไปทำบุญซะ เค้าเป็นเจ้าที่ของบ้านเรา เค้ามาเตือนนะ แล้วเราเป็นคนจีนงัยคะ เจ้าที่บ้านเราก็จะเป็น ตี่จู่เอี๊ย ค่ะ เราเลยคิดตลอดว่าเจ้าที่บ้านเราต้องแต่งตัวจีนอ่ะๆ แต่นี่มาเป็นชุดไทยๆเลย เราจำไม่ได้แล้วว่าเค้าพูดอะไรบ้าง แต่จำได้ว่าต้องไปทำบุญค่ะ แล้วคืนนั้นพอตื่นขึ้นมา เราก็ยังคิดว่าน่าจะแค่ฝันร้าย ไม่ได้คิดไรมากค่ะ ก้เลยยังไม่ได้ไปทำบุญ กะว่าวันเสาร์-อาทิตย์ค่อยทำละกัน หลังจากนั้น เราเคยได้ยินรวมทั้งอ่านหนังสืออ่ะค่ะ มีแต่คนบอกว่า เจ้าที่จะสวมชุดขาวอ่ะค่ะ เราก็เลยงงๆ ว่าจริงๆแล้ว แต่คืนต่อมาเราก็ฝันอีกค่ะ ฝันเห็นคนเดิมเลย มาหาเราอีก บอกว่าทำไมยังไม่ไปทำบุญ เค้ามาเตือนแล้วนะ ว่าให้ไปทำบุญซะ ถ้าเราไม่ทำบุญน่ะ พญายมเค้าจะมาเอาตัวเพื่อนเราไปนะ แล้วเราก็เห็นเป็นภาพ เรากับเพื่อนคนนั้นค่ะ เป็นเพื่อนแถวบ้านน่ะค่ะ อยู่ด้วยกัน แล้วเพื่อนคนนั้นอยู่ๆก็ตายต่อหน้าต่อตาเราเลย เราตกใจมากค่ะ เลยรีบบอกเจ้าที่ไปว่า เราจะใส่บาตรให้นะๆๆ แต่ว่าขออีกวันนึง เพราะเราหาของไม่ทันจริงๆ พอตื่นมาวันนั้น เราก็รีบบอกป๊าว่า พรุ่งนี้ให้ป๊าปลุกเช้าๆนะ เราจะตื่นมาใส่บาตร แต่ก็ไม่ได้เล่าให้ใครฟังนะคะ ว่าเราฝันเห็นเจ้าที่น่ะค่ะ พอใส่บาตรเรียบร้อย ชีวิตเราก็ค่อยๆดีขึ้นจริงๆค่ะ อะไรที่เรารุ้สึกว่าไม่ดีๆ ก็ค่อยๆหายไปจากชีวิตน่ะค่ะ เราเลยเชื่อเลยว่า นั่นเราไม่ได้แค่ฝัน แต่เค้ามาหาจริงๆน่ะค่ะ หลังจากนั้น เราก็ไปอ่านหนังสือเจอบ้าง มีคนมาเล่าบ้าง ว่าเจ้าที่จะสวมชุดขาวน่ะค่ะ ซึ่งไม่เหมือนที่เราเห็นเลย เราก็เลยงงๆ ว่า หรือเจ้าที่บ้านเราแปลกกว่าที่อื่นรึป่าว แต่เราเชื่อมาตลอดเลยนะคะ ว่านั่นคือ เจ้าที่ บ้านเราจริงๆ เวลาเราจะไปทำอะไรสำคัญ เราจะไปขอให้ช่วยคุ้มครองให้เราโชคดี เราจะนึกถึงรูปลักษณะแบบที่เราเคยฝันถึงตลอดเลยค่ะ แล้วก็มักจะได้สำเร็จด้วยดีเสมอค่ะ อ่อ แล้วช่วงนั้น เราจำไม่ได้แล้วว่าก่อนที่จะฝันเห็นเจ้าที่รึป่าวน่ะค่ะ เราโดนผีอำอ่ะค่ะ ที่บ้านตัวเองเลย เราไม่เคยโดนนะคะ แต่คิดว่าครั้งนั้นน่าจะใช่นะ คือเราหลับอยู่ ตอนกลางคืนนี่แหละค่ะ อยู่ๆก็รู้สึกว่ามีเงาดำๆมาทับค่ะ ทับแบบให้หายใจไม่ออกค่ะ ตอนนั้นเรารู้สึกว่าหายใจไม่ออกเลย ขยับตัวไม่ได้ด้วย แน่นหน้าอกมากๆๆ เราพยายามจะสวดมนต์นะคะ แต่ท่องไม่ถูกเลยค่ะ แค่นะโม ตัสสะ เราก็ท่องไม่ได้อ่ะค่ะ จะแผ่เมตตาก็ท่องไม่ได้เลย ทั้งๆที่ปกติเราสวดมนต์ทุกคืนก่อนนอนนะคะ อยู่ๆก็ติดอยู่ที่ปาก พูดไม่ได้เลย เราพยายามอยู่นานมาก จนค่อยๆพูดบทสวดได้ทีละคำค่ะ พอเราเริ่มท่องได้ ความรู้สึกโดนทับก็ค่อยๆหายไปค่ะ โห....เล่าซะยาวเลยค่ะ แต่ยังมีอีก ไว้จะมาเล่าต่อนะคะ จากคุณ : MissUnDaZtooD - [ 7 มี.ค. 51 12:16:50 ]

ความคิดเห็นที่ 141 ขอเล่าบ้างนะครับ ตอนนั้นผมอยู่ประมาณป.6 ทุกๆวันศุกร์เสาร์อาทิตย์ ครอบครัวผมก็จะต้องไปบ้านตายาย ซึ่งก็จะเป็นลักษณะบ้านไทยๆครับ ที่มีโอ่งหน้าบ้าน ตอนนั้นก็ เลยอาบน้ำกันที่โอ่งหน้าบ้าน แล้วก็ปวดปัสสาวะครับ ผมก็ไม่คิดอะไรแถมขี้เกียจไปเข้าห้องน้ำบนบ้านด้วย นี่มันก็บ้านยายก็เลยจัดการซะตรงนั้นเลย ตกดึกผม ก็ฝันครับ ในฝันมีผู้ชายสองคน คนหนึ่งตัวใหญ่ ผิวดำ หน้าดุมากๆ นุ่งโจงกระเบน อีกคนก็จะดูใจดีกว่า ตัวเล็กกว่า คนที่ดูหน้ากลัวก็บอกผมด้วยเสียงดุว่า ไปฉี่ตรงนั้นได้ยังไง ยังไงเค้าก็จะเอาผมไปด้วย ในฝันคือผมตกใจมากๆ ยกมือไหว้ ร้องไห้ นั่งขอโทษ บอกว่าจะไม่ทำแล้ว อีกท่านหนึ่งที่ดูใจดีกว่า ก็บอกว่าปล่อยไปเถอะ ยังเด็กอยู่เลย แล้วเค้าก็หันมาบอกผมว่า ต่อไปต้องไม่ทำแบบนี้แล้วนะ ผมก็รีบรับคำใหญ่เลย บอกว่าจะไม่ทำแล้ว แล้วผมก็ตื่น ตอนนั้นคือตกใจมากครับ แล้วก็รู้สึกโชคดีมากที่รอดมาได้ จากคุณ : nickyagape - [ 7 มี.ค. 51 12:29:40 ]

ความคิดเห็นที่ 142 แง้..นั่งอ่านตอนกลางคืน..... กลัวก็กลัว แต่หยุดอ่านไม่ได้ค่ะ... แต่ละเรื่องสุดๆทั้งนั้นเลยอ่ะ.... อ่านแล้วก็นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับเราอีก ขอเล่าอีกนะคะ ประมาณเกือบสิบปีที่แล้วเราได้รู้จักกับพี่คนนึงที่เวลาเค้ากลับไปเมืองไทยเค้าจะไปทำบุญซื้อโลงศพทุกครั้ง พอเค้าเล่าให้เราฟังเราก็พูดขึ้นมาว่า "เออ ดีจังเลยนะทำบุญแบบนี้ เดี๋ยวเราทำบ้างดีกว่า" (ตอนที่พูดอยู่ที่อเมริกานะคะ) ประมาณหนึ่งอาทิตย์ก่อนวันเกิดเรา..เราป่วยหนักมาก อาการเหมือนเป็นหวัด วันๆคือตื่นมาทานข้าว ทานยา แล้วก็นอน พอนอนก็นอนไม่เต็มที่ ทรมาณสุดๆ จนกระทั่งวันก่อนวันเกิด... เราตื่นมาทานยาแล้วกำลังจะล้มตัวลงนอน อยู่ดีๆก็มีเสียงคนพูดอยู่ข้างหูเราว่า "สัญญาอะไรเอาไว้ ทำไมถึงไม่ทำ" (ตอนนั้นเวลาประมาณ 6โมงเย็นค่ะ) หลังจากที่เราได้ยินประโยคนั้น เราก็flashback ไปที่เคยพูดกับพี่คนนั้นเรื่องทำบุญโลงศพ.. เราก็โทรไปหาคุณพ่อที่เมืองไทยแล้วบอกให้ท่านช่วยไปทำบุญให้ค่ะ สองวันต่อมาอาการเราหายเป็นปลิดทิ้งเลย ... พูดถึงวันเกิด เราสังเกตุดูนะว่าส่วนใหญ่เราจะป่วยช่วงๆวันเกิดค่ะ ไม่รู้เพื่อนๆเป็นกันบ้างรึเปล่า... ================= อีกเรื่องเกิดขึ้นประมาณปลายปี2006ค่ะ.. ก่อนที่เราจะพาแฟนกลับไปเที่ยวเมืองไทย เรากับแฟนคุยกันไว้ว่าหลังจากกลับจากเมืองไทยควรจะคิดเรื่องมีลูกนะ เพราะเราแต่งงานกันมาสามปีแล้ว... สองวันก่อนเราจะเดินทางเราฝันว่ามีเด็กผู้ชายมาขออยู่กับเรา ตอนนั้นในใจคิดว่า ขอให้กลับไปเที่ยวเมืองไทยก่อนได้มั้ย แล้วกลับมาค่อยคิดอีกที จำได้ว่าเราอ้ำอึ้งตอนที่เค้าถาม แล้วดันตกใจตื่นก่อนจะตอบเค้า วันรุ่งขึ้นเราลองใช้ Pregnancy test ตรวจดู แล้วมันก็ขึ้นว่าท้องค่ะ เราโทรหาหมอเพื่อจะเข้าไปตรวจเพื่อความแน่ใจ พอเข้าไปตรวจที่คลีนิค หมอบอกว่าไม่ท้อง หมอยังแซวเลยว่าที่เทสนี่แม่น 97% เลยนะ.. เราดันเป็น 3% ที่ไม่แม่น ระหว่างที่เดินทางกลับเมืองไทยสองสามวันแรก ปจด เรามาเยอะมากๆเลยอ่ะ พอเราเล่าให้เพื่อนฟังเค้าก็บอกแปลกดี เพราะส่วนใหญ่ถ้าฝันถึงเด็กจะท้องทุกคน.... แต่ของเรากลับตรงกันข้าม นี่เรากลับมาจากเมืองไทยได้ปีกว่าๆแล้ว... ยังไม่ท้องเลยค่ะ ตอนนี้ก็ได้แต่ทำใจว่า ตอนที่เค้าอยากจะมา เราดันไม่พร้อม แต่พอเราพร้อม เค้าก็ไม่อยากจะมา... เอาเป็นว่า ถ้าพร้อมเมื่อไหร่ก็มาแล้วกันนะคะ..... จากคุณ : CaliGirl - [ 7 มี.ค. 51 13:12:54 ]

ความคิดเห็นที่ 143 มาเล่าต่อค่ะ เรื่องที่ 2 เรื่องนี้เกิดขึ้นที่เดิมอีกแล้ว(ก็คือห้องแล็บที่เราทำงานอยู่นั่นแหละ) ตอนนั้นได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ควบคุมเอกสาร เลยต้องอยู่ทำงานที่แล็บจนมือเพื่อเตรียมเอกสารแจกสำหรับการประชุม MR ซักประมาณทุ่มครึ่งเลยออกไปกินข้าวกับแฟน กะว่าจะกลับมาเก็บของที่ห้องแล็บทีหลังแล้วค่อยกลับบ้าน กินข้าวเสร็จประมาณ 3 ทุ่มได้ เดินลงมาจากรถ กำลังจะไขประตูเข้าห้องแล็บปรากฎว่า ได้ยินเสียงผู้หญิงกำลังฮัมเพลงอยู่อ่ะค่ะ แต่ตอนนั้นก็ไม่ได้กลัวอ่ะ ก็นึกว่าใครวะมาแกล้ง เดินไปดูตามซอกตึกด้านซ้ายก็ไม่พบใคร (แต่ได้ยินเสียงตลอดเลยค่ะ เหมือนเค้าเดินตามเราไปดูด้วยอ่ะ) พอเดินไปดูด้านขวา (ซึ่งปกติจะมีร้านเกะอยู่) ก็ไม่มีใคร แถมร้านเกะก็ปิดอีกต่างหาก ตอนนั้นก็เริ่มขนลุกนิดๆ แล้วอ่ะ เลยถามแฟนว่าเค้าได้ยินเสียงป่ะ เค้าก็บอกว่าได้ยิน เราก็เลยรีบเดินไปไขกุญแจเข้าแล็บเพื่อจะไปเอาของ ทีนี้ได้กลิ่นธูปหอมค่ะ เลยยกมือไหว้บอกเค้าว่าจะทำบุญไปให้ อย่ามากวนเราเลย ซักพักกลิ่นธูปก็หายไปค่ะ เราก็วิ่งเลยอ่ะ ไปคว้ากระเป๋า ปิดคอม แล้วเผ่นออกมาเลยอ่ะฃ เช้าวันรุ่งขึ้นก็เลยไปเล่าให้หัวหน้าฟัง พี่เค้าบอกว่าเคยมีคนเจอผู้หญิงมาเดินวิญญาณผู้หญิงมาเดินป้วนเปี้ยนรอบๆแล็บบ่อย คิดว่าคงเป็นเจ้าที่ของแล็บ เนื่องจากว่าแล็บเรา ไม่ได้ทำบุญให้เจ้าที่และสัตว์ทดลองมาประมาณ 2 ปี ติดกันแล้ว สงสัยว่าเค้าคงจะมาบอกเราอ่ะ จริงๆนะ ช่วงตอนนั้น เจอแต่เรื่องแบบนี้บ่อยมาก แต่หลังจากนั้นไม่เจออีกเลยค่ะ จากคุณ : jan9723 - [ 7 มี.ค. 51 13:54:50 ]

ความคิดเห็นที่ 144 ขอเเจมบ้างนะคะ เมื่อปีที่เเล้วฝันว่ามีเจ้าที่มาหาเป็นผู้หญิงผมยาวถึงกลางหลังเเนะนำตัวว่าเค้าเป็นเจ้าที่ที่บ้านนะ เคยเป็นนางพยาบาล บอกให้เรากลับมาทำความสะอาดด้วย เราเห็นว่าพื้นฝุ่นหนามาก เเต่ว่าเราไม่ได้อยู่เมืองไทยเลยโทรบอกเเม่เลยทำให้รู้ว่าเเม่ไม่ได้กลับบ้านสองเดือนเเล้ว คือตั้งเเต่พ่อเสียเรามาเรียนต่อที่เเคนาดา เเม่ย้ายไปอยู่บ้านพี่สาว ปล่อยบ้านตัวเองทิ้งไว้   วันหนึ่งเพื่อนของป้าอาจารย์สอนนั่งกรรมฐานมาที่บ้านพี่สาว เเม่โทรมาเล่าเรื่องน้าคนนี้ให้ฟังว่าน้าเค้านั่งทางในเค้าบอกว่าเจ้าที่บ้านเราเป็นผู้หญิง เราบอกรู้เเล้ว เเม่เค้าเลยเชื่อกลับไปทำความสะอาดบ้านเเม่บอกว่าฝุ่นหนามากๆเลย เราว่าเจ้าที่คงอึดอัดไม่ชอบเลยมาบอกเราถึงเเคนาดาเลย -------------------------------------------------- อีกเรื่องเป็นเรื่องของเเฟนเก่าที่มีเเผนจะเเต่งงานกันหลังเรียนจบ เเต่เค้าจบก่อนเค้าเลยกลับเมืองจีนไปก่อน ไม่นานกลับไปเค้าของเลิกกับเรา เสียใจทำใจไม่ได้นั่งเหม่อลอยเป็นเเบบนี้ทุกวันปีกว่าเเล้ว โทรไปหาเเฟนตลอดเลยเเต่เหมือนเค้าไม่ใส่ใจเรา เรานั่งเสียใจคิดไปเรื่อยเปื่อยว่าเราทำไมเเฟนเก่าเราเค้าต้องทำเเบบนี้ด้วย วันๆไม่ได้อ่านหนังสือเลย ถ้าช่วงสอบนะถ้าเเฟนเราทำให้เราเสียใจวันนั้นจะสอบตกทุกครั้ง เมื่อคืนก่อนยังบ่นกับเพื่อนทาง MSN ว่าถ้าเรายังคบกับเเฟนอยู่นะเราต้องเรียนได้ดีกว่านี้เเน่เลยเพราะมีกำลังใจ ตอนนี้ไม่มีกำลังใจเลย นอนหลับไปฝันว่าพ่อมาเข้าฝัน ในฝันโดนเเม่บ่นว่าเรียนยังไงให้ได้เกรด 0.99 เนื่องจากตัวเองโดนเเฟนบอกเลิกเลยสอบตก  พ่อหันมามองเเล้วบอกว่า " อย่าให้คนอื่นเข้ามามีอิทธิพลเหนือตัวเอง" พ่อพูดเสร็จตื่นเลย ยังคิดเลยว่าพ่อไม่ได้เข้าฝันนานมากเเล้ว ตอนพ่อมีชีวิตอยู่พ่อไม่เคยบ่นเราเลยจะบอกเเม่กับพี่เเค่นั้นว่าเราดื้อมาก ตกเย็นโทรหาเเม่ๆบอกขนลุกเลยเพราะเเม่จุดธูปไหว้พ่อทุกวันว่าห่วงเเต่เรา ไม่รู้จะคิดมากเรื่องเเฟนเก่าหรือเปล่าให้ไปดูลูกด้วย เเต่เมื่อวันที่พ่อเข้าฝัน เเม่เราไหว้พระเเต่ไม่ได้จุดธูปไหว้พ่อ เเม่บอกว่าสงสัยพ่อคิดว่าเเม่โกรธที่พ่อไม่ได้มาดูเราเพราะไม่ได้จุดธูปไหว้พ่อทั้งๆที่ทำทุกวัน พ่อเลยรีบมาสอนเราเพื่อให้เราจะได้บอกเเม่เเละเเม่จะได้ไม่ลืมไหว้พ่อ ตั้งเเต่เกิดมายังไม่เคยเจอผู้ชายคนไหนดีเหมือนพ่อเราเลย พ่อยอมเเม่มาก รักเเม่มากด้วย ตอนเราเป็นเด็กทะเลาะกับเเม่พ่อจะเข้าข้างเรา พอโตพ่อเข้าข้างเเม่ทุกครั้ง ทำให้เราเห็นว่าพ่อเรารักเเม่มาก เเอบคิดอยู่เลยว่าพ่อเข้าฝันเพราะว่าคิดว่าเเม่งอนหรือว่าเป็นห่วงเรา สิ่งที่พ่อสอนในความฝันมันเป็นความจริงในปัจจุบันเรายอมทุกอย่างเพื่อเเฟนเก่าเรา ยอมให้เค้ามีอิทธิพลเหนือตัวเราเองจริงๆ ที่ผ่านมาคิดว่าพ่อทิ้งเราไปเเล้ว เหลือเเต่เเฟนเก่าเราที่เป็นผู้ชายคนเดียวในชีวิตเรา เราเลยให้ความสำคัญกับเค้ามากถีงเเม้จะเลิกกันไปเเล้ว เเต่ตอนนี้รู้เเล้วว่าพ่อยังเฝ้าดูเราอยู่ ยังสนใจความเป็นไปในชีวิตเรา เข้าใจเเละมองเห็นในสิ่งที่เราเก็บไว้ในใจไม่ได้บอกใครเเม่กระทั่งเเม่ คิดถึงพ่อจัง จากคุณ : Cocochan - [ 7 มี.ค. 51 13:54:53 ]

ความคิดเห็นที่ 145 เราเคยเจอแต่เหตุการณ์ที่เรียกว่าผีอำค่ะ แต่ก็ไม่ได้บอกว่าอาการที่เกิดจะเป็นผีอำ 100% นะคะ เพราะจากทางวิทยาศาสตร์เค้าบอกว่าอาจจะเกิดจากการที่เส้นยึดหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่เราเป็นคนที่โดนผีอำบ่อยมาก ครั้งแรกๆก็กลัวท่องบทสวดมนต์ผิดๆถูกๆ แต่ที่โดนแล้วจำได้แม่นคือฝันค่ะ ฝันว่าไปอยู่ในคอนโดที่พัทยา(ของใครก็ไม่รู้ไม่มีคนสนิทอยู่ที่นี่เลยค่ะ) แล้วมีคนมารุมล้อมเราทำอะไรน่ากลัวๆใส่ แต่ก็มีเพื่อนเราอยู่ด้วยคนนึง ก็เลยบอกว่า บอย ช่วยกูด้วย  เพื่อนก็ยื่นมือมาค่ะ เราก็จับมือเพื่อน พอเราจับเท่านั้นจากหน้าเพื่อนเรากลายเป็นผีแล้วหัวเราะใส่เราดังมากๆ แล้วมันก็ไม่ปล่อยมือเรา เราขยับตัวไม่ได้ค่ะ ตอนนั้นบทสวดไม่ท่องแล้ว เลยด่าไปเลยค่ะ ไอ้เ-ย คนจะหลับจะนอนเว้ย กูไม่สวดมนต์ให้หรอก สักพักก็หายค่ะ บอกไว้ก่อนเลยนะคะว่าไม่ใช่คนที่จะลบหลู่อะไรง่ายๆ แต่เหมือนว่าเจอผีอำบ่อยมากแล้วก็อยากนอนมากๆยังจะมาโดนอำอีกก็เลยด่าไปซะ ป.ล.ขออภัยที่มีคำหยาบค่ะ จากคุณ : เดาสะดอก - [ 7 มี.ค. 51 14:57:14 ]

ความคิดเห็นที่ 146 ผมก็สนุกนะนี่ อ่านแล้วขำๆก็มี โดยเฉพาะเรื่องละเมอคำหยาบ ผมเคยล้อเลียนคนร้องเพลงบอก ที่ชาวปักษ์ใต้ชอบร้องกันตอนเดือนห้ากลางคืน มีหัวหน้าเพลงบอกฝีปากกล้าคนหนึ่ง แกชื่อ ปาน คอแคง อยู่บ้านใกล้ๆกันแต่คนละตำบล ไปร้องเพลงบอกตอนกลางคืน ที่บ้านนาเกิด ตำบลหนองหงส์ เจ้าของบ้านไม่ยอมต้อนรับคณะเพลงบอก ปิดประตูบ้านเงียบ หัวหน้าเพลง นายปาน ก็หาวิธี ก็สั่งให้ลูกคู่เตรียมรับเพลงให้ดี (จริงๆแกคิดในใจว่าให้เตรียมวิ่ง) แกก็ขึ้นเพลง ใหม่เลย "เย ทะแหม ไอ้พวกนาเกิด... " พอได้ยินเสียงเท่านั้นแหละ เจ้าของบ้านก็เปิดประตู เอาธนูคันมาด้วยแก สาดเอาๆ คณะเพลงบอกก็วิ่งกันไปคนละทิศคนละทาง "เย ทะแหม ไอ้พวกนาเกิด... " จึงกลายเป็น คำเล่าที่สนุกๆ ในวงเหล้า ผมก็จำฝังหัวแล้วเอามาร้อง ตอนเด็กๆ คืนหนึ่ง เมื่อไม่นานนี่เอง ที่อเมริกา ในขณะที่นอนหลับ รู้สึกเหมือนทะเลาะกับใคร ผมก็ "เย ทะแหม ....... " แล้วก็เตะไปโดนฝาบ้านเข้าอย่างแรง ตื่นขึ้นมา ภรรยาถามว่า อะไรของเธอ อิอิ จากคุณ : อิสวาสุ - [ 7 มี.ค. 51 19:22:50 A:71.114.84.246 X: TicketID:146114 ]

ความคิดเห็นที่ 147 ขอเล่าบ้างค่ะ เมื่อก่อนเราก็จะเจอเรื่องแปลกบ่อยๆ ขนาดให้ผีนอนกอดทั้งคืนยังเคยเลยค่ะ แต่ที่จะเล่านี่เป็นเรื่องที่น้องชายเจอที่บ้านเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว(ยาวหน่อยนะคะ) บ้านเราเป็นบ้านหลังหัวมุมของซอยหลัก ตอนนั้นป้าคนที่อยู่บ้านที่อยู่ในซอยข้างบ้านที่ติดกับหลังบ้านเราป่วยมาหลายเดือนแล้ว ก่อนที่แกจะป่วยเวลาแกเดินเข้าเดินออกซอย น้องชายเราก็ชอบไปแอบแกล้งแกบ่อยๆ มีอยู่คืนหนึ่งน้องชายเกิดปวดฉี่ ห้องน้ำบนบ้านอยู่ข้างหลังฝั่งติดกับซอย ห้องน้ำเป็นห้องเล็กๆ มีแค่อ่างล้างมือกับโถเท่านั้น ถ้ายืนหันหน้าเข้าโถจะมีหน้าต่างบานใหญ่มองออกไปเห็นบ้านป้าที่อยู่ข้างหลัง ตอนที่น้องชายเข้าไปน้องชายไม่ได้ปิดประตูห้องน้ำ ตรงหน้าห้องน้ำเป็นประตูเซี้ยมมองออกไปเห็นถนนซอยด้านข้าง น้องชายเล่าว่าตอนที่ฉี่อยู่เขาก็มองออกไปนอกหน้าต่างหลังบ้าน ตรงนั้นจะมีต้นไม้เขาก็ยังดูอยู่ว่าลมแรงเพราะต้นไม้ใบไม้นี่แกว่งไปมา พอเขาฉี่เสร็จยังไม่ทันชักน้ำ อยู่ดีๆ ทุกอย่างหยุดนิ่งหมดแม้แต่ต้นไม้ที่แกว่งลมอยู่ เขาบอกว่าตอนนั้นภาพทุกอย่างที่เขาเห็นเหมือนกับเวลาที่เรากด pause ที่เครื่องเล่นวีดีโอ สักพักเขาได้ยินเสียงเหมือนมีใครเดินจากปากซอยข้างบ้านเข้ามา(ซอยเป็นถนนโรยกรวด) เขาเลยหันไปมองที่ประตูเซี้ยม ก็เห็นคนนุ่งผ้าสีแดงไม่ใส่เสื้อขี่ควายเข้ามาในซอย ในมือถือไม้ยาวๆ มีง่าม เขาบอกว่าพยายามมองหน้าแต่มองไม่เห็น เสียงควายเดินไปหยุดตรงกับหน้าต่างบนบ้านของป้าที่อยู่หลังบ้าน คนที่อยู่บนหลังควายเอาไม้ในมือกวักที่หน้าต่าง 3 ครั้ง แล้วควายก็เดินเข้าไปในซอย ตอนนั้นเสียงหมาหอนรับเป็นทอดๆ ตามควายตัวนั้นไปทางท้ายซอย และต้นไม้ที่หยุดนิ่งก็กลับมาแกว่งเหมือนเดิม สักพักเขาก็เห็นมีอะไรมุดออกมาจากหน้าต่างบานนั้นและออกมายืนโงนเงนเดินข้ามรั้วบ้านมายืนที่ซอย พอเห็นชัดๆ ว่าเป็นเปรตน้องชายก็รีบวิ่งกลับเข้าไปในห้องและนอนคลุมโปง ห้องนอนน้องชายอยู่ทางหน้าบ้านเป็นห้องหัวมุมติดกับซอยที่ว่านี้(น้องชายนอนกับพี่ชาย)   เขาบอกว่าเขาได้ยินเสียงเดินออกมาปากซอย กลัวก็กลัว แต่ก็อยากดู ก็เลยค่อยๆ แง้มผ้าแอบดู พอเปรตตนนี้เดินผ่านหน้าต่าง เขาก็คิดอยู่ในใจว่าอย่าหันมามองตรูนะเฟ้ย เหมือนรู้ค่ะ...เปรตตนนี้ก็หันมามองที่น้องชาย และก็เอามือผลักหน้าต่างมุ้งลวดเข้ามา น้องชายนอนด้านในติดหน้าต่าง พี่ชายนอนด้านนอกของเตียง เขาก็กลิ้งตัวข้ามพี่ชายที่นอนอยู่มาตกอยู่หน้าเตียง กำลังจะลุกวิ่งออกนอกห้อง พี่ชายก็คว้าขาเขาไว้แล้วถามว่าจะไปไหน พอเขาหันไปมองกลายเป็นว่าเป็นหน้าของผู้หญิงผอมๆ แก่ๆ พอหันไปที่เสามุมห้องก็เห็นเจ้าที่ยืนหัวเราะอยู่ ความที่กลัวก็เลยสลบไปเลย (เขาชอบไปลบหลู่เจ้าที่ที่บ้านน่ะค่ะ) มารู้ตัวอีกทีตัวเขานอนอยู่บนเตียงตรงที่นอนอยู่ประจำ พี่ชายนั่งซ่อมหน้าต่างมุ้งลวด พลางบ่นไปว่านอนยังไงฟระ หน้าต่างหลุดออกมาทั้งบาน แม่ก็บ่นว่าเมื่อคืนใครเข้าห้องน้ำแล้วไม่ชักน้ำ พอลงมาข้างล่าง ได้ยินหน้าบ้านคุยกันว่ากี(เด็กแถวบ้าน)เห็นเปรต ก็เลยออกไปยืนฟังเขาคุยกันว่า กีตื่นมาตอนตี 3 มาอ่านหนังสือสอบ เห็นเปรตเดินผ่านหน้าต่างไป หัวหยิกๆ มันๆ ตาโปนแดงๆ เหมือนกับที่น้องชายดิฉันเห็นเมื่อคืนเลยล่ะค่ะ น้องชายแค่ฟังเฉยๆ พอจะเดินเข้าบ้าน ก็เห็นลูกบ้านป้าในซอยเดินออกจากซอยมา ในมือถือรูปป้าใส่กรอบเดินออกมา น้องชายช๊อกเลยค่ะ เพราะรูปที่เห็นนั่นเป็นคนเดียวกับที่เขาเห็นเมื่อคืนที่มาจับขาเขาแล้วบอกว่าจะไปไหน วันนั้นเขาเก็บเสื้อผ้าไปนอนบ้านเพื่อนไม่ยอมมานอนที่บ้านเดือนเลยล่ะค่ะ ตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เขาเพิ่งมาเล่าให้ฟังทีหลัง เขาก็แปลกใจที่ป้าคนที่เสียแกนับถือคริสต์แต่เขาเห็นคนที่มาเอาไปนุ่งผ้าสีแดง แต่พอตอนหลังเขาได้มีโอกาสคุยกับพระอาจารย์หลายๆ รูป ก็เลยรู้ว่าไม่ว่าจะศาสนาใดพอตายก็จะไปก็จะเป็นยมทูตเดียวกันที่จะพาไปตัดสินความดีความชั่ว จากคุณ : narellan - [ 7 มี.ค. 51 20:36:27 ]

ความคิดเห็นที่ 148 เล่าบ้างดีกว่า มีป้าอยู่คนไปคลอดน้องที่โรงพยาบาลเก่าแก่ ชื่อ ศ. อยู่ที่กรุงเทพฯ ไปคลอดสองครั้งได้อยู่ห้องเดิมทั้งสองครั้ง รู้สึกจะเตียงเดิมด้วย(ถ้าจำไม่ผิด) ป้าบอกไม่อยากได้เล้ย....เพราะหนแรกมาคลอด นอนตอนกลางคืนเหมือนมีกลุ่มคนมายืนล้อมรอบเตียง เป็นชายหญิงแต่งชุดผู้ป่วย มายืนไม่ยืนเปล่าเกาะเตียงปากก็คุยไปด้วย แบบ "ดูสิ ลูกเค้าตัวเล็กจังเลย น่าสงสารจัง " "แม่ก็หน้าซีด คงเหนื่อยหน่ะ" ประมาณเนี้ยแหละ ป้าเล่าว่าได้ยินเค้าพูดอย่างนั้นจะขยับก็ขยับตัวไม่ได้ ได้แต่พยายามสวดมนตร์ สักพักพวกเค้าก็ไป ไปจากป้าแต่หันไปแกล้งเด็กที่มาเฝ้าป้าแทน เดี๋ยวดึงผม เดี๋ยวดึงผ้าห่ม เล่นเอาเด็กที่เฝ้าไม่ได้หลับได้นอน เสร็จเหมือนออกจากห้องไปแล้ว แต่... แต่ได้ยินเสียงคน 3-4 คน ช่วยกันเข็นเตียงหน้าห้องแทน เข็นไปก็ได้ยินเสียงเฮละโล โห่ ไปด้วย เข็นจากทางมุมซ้ายไปทางขวา เรียกว่าเข็นไปทางเดียวกัน แต่ไม่มีการพักและก็ไม่มีการเข็นกลับ ตั้งแต่เกือบๆเที่ยงคืน ยันตีสามกว่าได้โดยประมาณ เป็นอย่างนี้ทุกคืนจนป้าพาน้องกลับบ้าน รพ.นี้นี่ก็ขึ้นชื่ออ่ะนะทั้งความที่มันทั้งเก่าทั้งแก่ อ้อ ป้าบอกว่าก่อนจะกลับก็เห็นเตียงเจ้าปัญหาที่ว่านี่ (เจ้าหน้าที่เค้าเข็นวางไว้หน้าห้องป้า) ป้าเลยลองไปก้มดูใต้เตียง เห็นปิดทองคำเปลวไว้ใต้เตียงเต็มไปหมด ไม่แน่ใจว่ามีพวงมาลัยเก่าๆด้วยหรือเปล่า รพ.นี้ยังมีเรื่องเกี่ยวกับห้องดับจิตอีก ฮู้ย....สยิวกิ๊ว จากคุณ : /// - [ 7 มี.ค. 51 21:48:39 A:84.56.228.236 X: TicketID:133532 ]

ความคิดเห็นที่ 149 เล่าเรื่องที่เกิดที่ชิคาโกบ้างดีกว่าค่ะ จะได้สมกับเป็นห้องไกลบ้านหน่อย อิ อิ อิ วันนึงตอนที่ยังเรียนภาษาก็มาช่วยพี่คนนึงย้ายบ้าน ห้องพี่เค้าอยู่ชั้น 3 แล้ว ammy ชอบตึกนี้มากๆ เลยค่ะ เพราะเป็นตึกเก่า แล้วแต่ละชั้นเพดานจะสูง(ประมาณสองเมตรครึ่ง) ห้องก็กว้าง แอเรียก็ดีใช้ได้ เลยบอกพี่เค้าว่า ถ้ามีห้องว่าง ช่วยโทรบอกด้วย พอขนของเสร็จเดินลงมาชั้น 1 ก็รู้สึกเหมือนมีคนมองอยู่ที่หน้าต่างของห้อง ammy มองตามไปก็เห็นเงาผู้ชาย กำลังนั่งมองออกมาข้างนอก ตอนนั้นก็ถามพี่ที่ย้ายบ้าน เค้าก็บอกว่า อ๋อ นั่น คุณลุงที่เช่าอยู่ชั้น 1 แกชอบนั่งมองออกมานอกหน้าต่าง ทุกวันเพราะแกแก่แล้วไม่ค่อยสบาย พอได้ฟังแล้วก็เลยโล่งอกว่า อืม ก็แค่คนมอง ammy เรียนภาษาจบก็กลับเมืองไทยมาเตรียมตัวสมัครเรียนโท พอยูตอบรับก็เตรียมเก็บของแต่ก็ยังมีปัญหาเรื่องที่พัก ยูจะเปิดเดือนมกราคม ตอนนั้นก็กลุ้มๆ อยู่ พอกลางเดือนธันวา พี่คนเดิมก็โทมาหาที่เมืองไทยบอกว่าที่ตึกมีห้องว่าง ยังสนใจมั๊ย ammy ก็ดีใจมากๆ ค่ะ เพราะชิคาโกอพาร์ทเม้นต์ดีดีหายาก ก็ถามพี่เค้าว่าห้องไหน ตอนนั้นไม่รู้คิดอะไร เลยพูดเล่นกับพี่เค้าว่า ชั้น 1 รึเปล่า พี่เค้าก็พอว่า เออ ห้องนั้นแหละ แต่ไม่ต้องกลัวนะ ลุงแกไปเสียที่โรงพยาบาล (ไม่รู้ว่าพี่เค้าพูดไม่ให้เรากลัว หรือมันเป็นเรื่องจริง ถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้ค่ะ) ammy บินไปชิคาโก เข้าอยู่กลางเดือนมกราคม คุณลุงทิ้งของใช้ทั้งหมดให้ จานชาม ตู้ โต๊ะ เตียง ข้าวของจำเป็นทุกอย่าง (ยกเว้นโซฟา) ใครๆ ก็รู้ว่าอพาร์ทเม้นท์ส่วนใหญ่ มักจะว่างงงงงงงง เราต้องซื้อของใช้เอง แล้วแลนลอร์ดแกก็คงขี้เกียจจะเก็บอะค่ะ ลูกๆ คุณลุงก็ไม่มีใครอยากได้ แต่นักเรียนไทยยากจน (ตอนนั้น อัตราแลกเปลี่ยน 56 บาทต่อดอลลาห์) อย่างเรา ก็ดีใจซะเหลือเกิน เพราะไม่ต้องฝ่าความหนาวเย็นออกไปซื้อ และด้วยความเป็นคนพุทธ เราก็จุดธูปไหว้เจ้าที่ บอกกล่าวขอให้ช่วยดูแลเราด้วย รวมทั้งขอบคุณลุง Ekman ที่ทิ้งของไว้ให้ แล้วก็อยู่สบายดีมาหลายเดือน (ไม่ใช่คนกลัวผีค่ะ แต่มี Sixth Sense ประจำ) วันนึง ตอนเย็น อ่านหนังสือเสร็จ แล้วก็เข้านอน แต่คืนนั้น นอนยังไงก็ไม่หลับ มันอึดอัด กระสับกระส่าย พลิกไปพลิกมาอยู่หลายรอบ แล้วเลยถอดใจ เออ ไม่นอนก็ได้ (วะ) และปกติเป็นคนเดินเสียงเบา ก็เดินออกมาจากห้องนอน เดินผ่านห้องน้ำ ก็รู้สึกเอะใจ เหมือนเห็นเงาอะไร ปกตินอกห้องน้ำจะเป็นระเบียง เลยระเบียงจะเป็น alley ซึ่งเป็นซอยด้านหลังตึกที่คนอเมริกาจะเอารถมาจอดไว้ในโรงรถหลังบ้าน แล้วตรงมุมตึกจะมีเสาไฟถนน ซึ่งจะส่องสว่างมาก แล้วส่องเข้าระเบียงบ้าน เพราะฉะนั้นถ้าใครยืนอยู่ตรงระเบียง เงาก็จะส่องเข้ามาให้เห็นทางหน้าต่างค่ะ จากคุณ : ammy - [ 7 มี.ค. 51 22:51:44 A:58.10.222.152 X: TicketID:130376 ]

ความคิดเห็นที่ 150 เล่าต่อนะคะ สิ่งที่ ammy หันไปเห็นคือ เงาหัวคนสองหัว อยู่ตรงหน้าต่างห้องน้ำ ด้วยความตกใจ ขาที่กำลังก้าวอยู่ มันหยุดอยู่กับที่เองค่ะ ก้าวไม่ออก นาทีนั้น ตาก็ยังมองเงาอยู่ แล้วเลยสังเกตว่า เฮ้ย หัวทั้งสองนั้นมันใส่ไนล่อนแบบที่ขโมยใส่ครอบหัวในหนังนี่นา แล้วใจก็คิดแว่บไปถึงหน้าต่างว่า เราไม่ได้ล็อคหน้าต่าง ไม่ได้ล็อคทั้งสองล็อค (คือหน้าต่างบ้านที่ชิคาโก จะเป็นแบบเลื่อนเปิดขึ้นด้านบน และปกติถึงจะเปิดหน้าต่าง แต่บนหน้าต่าง จะมีอีกล็อคนึงเอาไว้ ทำให้เราเปิดหน้าต่างได้แค่นิดเดียวประมาณคืบเดียว พอให้ลมเข้าได้เท่านั้น แต่ถ้าปลดล็อคที่สองนี้ จะสามารถสไลด์เปิดหน้าต่างได้จนสุดบาน เมื่อตอนบ่ายวันนั้น เปิดไว้เพราะทำความสะอาดห้องน้ำแล้วต้องการระบายอากาศ ตอนเย็นได้ปิดหน้าต่างลงมาทั้งบานแต่ดันลืมปิดล็อคทั้งสองล็อค) ทำยังไงดีหละเนี่ย ถึงตอนนี้ ขโมยเอามือมาวางที่หน้าต่างแล้วค่ะ ถ้า ammy ไม่ทำอะไรลงไป มันต้องเปิดหน้าต่างเข้ามาแน่ๆ จากคุณ : ammy - [ 7 มี.ค. 51 23:07:28 A:58.10.222.152 X: TicketID:130376 ]

ความคิดเห็นที่ 151 เห็นเงามือทั้งสองที่วางทาบหน้าต่างชัดเจน ตอนนั้นใจเต้นแบบว่าแรงมาก กลัวมากค่ะ ไม่รู้จะทำไงดี ในเสี้ยววินาทีนั้น ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น (แต่ที่แน่ใจคือ มีสติครบสมบูรณ์ และยังรู้สึกแปลกใจตัวเองมาจนถึงตอนนี้) ammy ตะโกนออกมาเสียงดังว่า HEY WHAT'S UP เสียงที่ตะโกนออกไป เป็นเสียงผู้ชาย เสียงใหญ่ๆ ดังๆ ดังขนาดที่ ขโมยสองคนนั้นคงตกใจกระโดดหนีกันกระเจิง จากนั้น ammy ก็เข่าอ่อน รีบวิ่งไปปิดล็อคหน้าต่างและวิ่งออกไปเรียกพี่ที่อยู่ชั้นสามให้มาอยู่เป็นเพื่อน ตอนนั้นคือ ตีสามกว่าๆ โทรศัพท์อะไรก็ยังไม่ได้ต่อ เพราะเพิ่งย้ายเข้าอยู่ เรื่องที่น่าแปลกนั้นคือ ammy เป็นคนเสียงเล็กๆ ที่เรียนภาษาไปสี่เดือน ก็ไม่ได้ช่วยให้สำเนียงดีขึ้นเหมือนฝรั่งมังค่า กับไม่ได้คุ้นเคยพอที่จะคิดว่าจะพูดคำนั้นออกไป ซึ่ง ณ ตอนนั้น ไม่ได้คิดอะไรด้วยซ้ำ ammy เชื่อเอาเองว่า คุณลุง Ekman คงมาช่วยดูแลแน่ๆ ค่ะ หรือไม่ก็อาจจะเจ้าที่เจ้าทางที่เราได้บอกท่านไว้แต่แรก หลังจากนั้น ก็ไม่เคยมีขโมยอีกเลย อยู่มาไม่นานหรอกค่ะตึกนี้ 9 ปีเอง ไม่เคยเล่าให้ใครฟังเลยนะเนี่ย มาหลงกลคุณอิศวาสุได้ไงก็ม่ายรุ อิ อิ อิ จากคุณ : ammy - [ 7 มี.ค. 51 23:23:59 A:58.10.222.152 X: TicketID:130376 ]

ความคิดเห็นที่ 152 เรื่องของเราไม่ค่อยน่ากลัวเท่าไรค่ะ แต่อยากเล่าค่ะ คือ ที่บ้านแม่จะเป็นคนที่ชอบดูดวงมาก เค้าว่าที่ไหนแม่นก็จะไปหมด พอแม่ชอบ แม่ก็จะชวนพ่อไปด้วย ทีนี้ก็ไปกันหมดทั้งบ้าน ตอนช่วงสองสามปีที่แล้ว พ่อเราเค้าลุ้นติดยศนายพลอยู่ พอดีเค้าได้ทราบว่า มีพระแถวๆอ่างทอง ท่านดูดวงแม่นมาก ท่านดูให้นายพลหลายคนแล้ว พ่อกะแม่ และน้องก็ขับรถไปกัน ตอนนั้นเราก็กะลังเรียนโทปีสุดท้ายอยู่ที่นี่   พอพวกเค้าไปถึงกัน หลวงพ่อท่านก็ดูดวงให้พ่อก่อน ท่านก็บอกว่า ปีนี้ไม่ได้หรอก จริงๆดวงจะติดนายพลนานแล้ว แต่มาเสียเรื่องผู้หญิง (แป่ว ตอนนั้นพ่อเค้าแอบมีกิ๊ก โดยที่แม่ไม่รู้ แต่เรากะน้องรู้ค่ะ) ท่านบอกว่า ต้องเลิกให้ได้ก่อน เพราะมีผู้หญิง ก็เหมือนมีลาภแล้ว เลยไม่ได้ยศ แล้วท่านก็บอกว่า ตอนนี้ดูให้พ่อได้คนเดียว ถ้าพ่อยังไม่ได้เป็นนายพลก็จะไม่ดูให้คนอื่น    เสร็จแล้ว ท่านก็ทักว่า เห็นมีเด็กตามมาด้วยเหรอ มีลูกอีกคนหรือป่าว เพราะจิงๆแล้ว ในดวงมีลูกสามคนนะ ไม่ใช่สองคน พ่อกะแม่ก็หน้าซีด(อันนี้น้องเล่าให้ฟัง) แม่ก็บอกว่า สงสัยเป็นลูกคนที่แท้งไป เป็นน้องต่อจากเราอีกที คือเป็นคนกลางระหว่างน้องเรากะเรา เท่านั้นแหละ น้องเราอึ้ง เพราะตลอดเวลาไม่เคยรู้กันเลยว่า แม่เคยแท้งลูก เค้าไม่เคยเล่า แต่ก็แอบสงสัยกันว่า ทำไมเราสองคนพี่น้องถึงห่างกันห้าปี พระท่านก็เลยบอกว่า ให้ทำบุญให้เค้าเยอะๆ เค้ายังวนเวียนอยู่กะเรา     เรื่องน้องคนกลางนี่ นอกจากหลวงพ่อท่านจะทักแล้ว ก่อนหน้านี้ น้าเพื่อนแม่เราเค้าก็เคยทักน้องเราว่า มีพี่อีกคนรึป่าว แต่น้องบอกว่าไม่มี คือประมาณว่า เค้าตามน้องเรามาตลอดอ่ะค่ะ    หลังจากนั้นหลายเดือนต่อมา ที่บ้านก็ยกขโยงไปกันอีก หลวงพ่อท่านก็ทักว่า ปีนี้พ่อติดนายพลแน่ แล้วพ่อก็ติดจิงๆ     สรุปว่า ไม่น่ากลัวอะค่ะ เกี่ยวกับเรื่องดวงมากกว่า ควรใช้วิจารณญานในการอ่านนะคะ อิอิ เด๋วไว้มาเล่าเรื่องอื่นใหม่ จากคุณ : หมีขาวน้อย (หมีขาวน้อย) - [ 7 มี.ค. 51 23:56:25 ]

ความคิดเห็นที่ 153 ไม่ใช่เรื่องผี แต่เป็นเรื่องแปลกค่ะ วันนึงแม่กับเราขับรถกลับจากบ้านย่า อยู่ๆ แม่ก็เปลี่ยนเลนจากเลนกลางมาเลนซ้ายสุด ทั้งๆ ไม่ได้มีรถตามหลังหรืออะไรทั้งสิ้น แล้วอีกแป้บเดียวก็มีเสียงปึ้ง ยางแตกค่ะ แม่ค่อยๆ ประคองรถมา จนจอดได้ข้างหน้าอู่รถพอดีมากๆๆๆ เลย ถามแม่ว่าทำไมเปลี่ยนเลน แม่ก็บอกว่าไม่รู้เหมือนกัน  อีกเรื่องคือ ตอนซื้อรถคันแรก มือ 2 รถมันเป็นเกียร์ธรรมดาค่ะ แล้วต้องขับในกทม. เราก็หงุดหงิดตลอดเพราะเหนื่อย บางครั้งก็ตะโกนในรถ ปรากฏว่าพอแม่เอารถไปขับตอนหลัง แม่มาถามว่า นี่ในรถนี่ ลูกตะโกนด่าเหรอ ไม่ดีนะ แต่รถคันนี้ดีมากๆ นะคะ เวลาจะเสียแบบขับต่อไปไม่ได้ จะเสียเฉพาะเราอยู่ในที่จอดรถที่ทำงาน ยังไม่ได้ออกไปถนนใหญ่ ทำให้เราไม่ต้องลำบากเลย จากคุณ : HoneyBugs (HoneyBugs) - [ 8 มี.ค. 51 06:26:43 ]

ความคิดเห็นที่ 154 เรื่องนี้เกิดหลายปีแล้วครับ มีวันนึงน้องชายผมกลับมาดึกมาก ยังไม่ทันเข้าบ้านก็เห็นไฟที่ชั้นล่างของเปิดอยู่ พอมองลอดรอยต่อของผ้าม่านเข้าไป ก็เห็นผู้ชายตัวสูงใหญ่ กำยำ นุ่งอะไรคล้ายกางเกงขาสั้นที่แดงเลือดนก มีสายเล็กๆ รัดแขน มีหนวด ถือดาบเล่มยาวยืนอยู่ในบ้าน น้องก็ตกใจผงะออกมา มองอีกทีก็หายไปแล้ว เมื่อไปถามคนที่มีพลังพิเศษ ท่านบอกว่าเป็นทหารของกรุงธนบุรี มาปกปักรักษาบ้านให้ เพราะว่ากระกูลทางคุณพ่อสืบสายเลือดมาจากเจ้าฟ้าองค์นึงในสมัยนั้นครับ จากคุณ : silane - [ 8 มี.ค. 51 10:08:28 ]

ความคิดเห็นที่ 155 เป็นความรู้เพิ่มเติมนอกห้องเรียนที่เหลือเชื่อมากค่ะ ส่วนตัวเราเองไม่เคยเจออะไรแบบนี้เลย แม้สักครั้งในชีวิตก็ไม่เคย จากคุณ : Tenjo_Utena - [ 8 มี.ค. 51 13:42:44 ]

ความคิดเห็นที่ 156 เราไม่เคยเจอเรื่องอย่างนี้เลยอะค่ะ (รึว่าเคยเจอแต่เราไม่เคยเอะใจ - -'') ยิ่งอ่านยิ่งขนลุกอะ จากคุณ : เจนิอุส (~GeNiuS~) - [ 8 มี.ค. 51 14:03:41 ]

ความคิดเห็นที่ 157 เข้ามาอ่านอีก เห็นคุณอิสวาสุ บอกว่าเคยมีเหตุการณ์ผีบังที่ปักษ์ใต้เหมือนที่ดิฉันเล่าด้วย ก็เลยค่อยยังชั่วหน่อย ตอนแรกก็คิดว่าคนจะคิดว่าเราเล่าอะไรเว่อร์ ๆ มั๊ยเนี่ย เพราะมันเหลือเชื่อจริง ๆ ถ้าคืนนั้น(สมัยยังเด็ก)ไม่ได้ตื่นมา และได้ยินเสียงกลุ่มคนที่ไปหาเด็กชายคนนั้น(พี่คนนั้น เพราะแกอายุมากกว่าดิฉัน 3 ปีค่ะ) ก็คงไม่เชื่อเหมือนกันค่ะ อ่านเรื่องอื่น ๆ ลงมาเรื่อย ๆ ก็ชักจะขนลุกแล้ว ตอนนี้ดึกแล้วด้วย ไหน ๆ ก็มาอ่านอีกรอบ เลยขอเล่าอีกก็แล้วกัน..อิอิ... คืออันนี้เป็นเรื่องของพี่สาวคนโตของดิฉันค่ะ (ก็เป็นแม่ดิฉันได้เลย เพราะหลานคนแรกที่เป็นลูกพี่สาวคนนี้ ก็อายุเท่ากันกับดิฉัน) จำได้ว่าตอนนั้นพี่สาวป่วยจากการแพ้อาหารทะเลอะไรประมาณนี้ รู้สึกว่าแกกินเนื้อปลากระเบนมั๊ง คือเหตุการณ์นี้เกิดนานแล้วเหมือนกัน ตั้งแต่เรายังเรียนอยู่แค่ ป. 2 มั๊ง ที่บ้านก็นำพี่สาวส่งโรงพยาบาลนึงในจังหวัดขอนแก่นเลย เพราะเป็นไข้รุนแรงมาก ไข้แบบหมดสติเหมือนขยับเนื้อตัวแทบไม่ได้เลย และก็กลายเป็นว่าได้นอนโรงพยาบาลอยู่อย่างน้อยเป็นเดือน (จำไม่ได้ชัดว่ากี่เดือนค่ะ เพราะนานแล้ว)  และที่สำคัญหมอบอกว่ายังไงก็ไม่รอดแน่ ๆ ค่ะ เพราะอาการพี่สาวครั้งสุดท้ายที่อยู่ รพ. ก็คือเหมือนศพเลย เรียกว่าอืดเลยค่ะ เพราะเห็นพ่อบอกก็เห็นหมอให้แต่น้ำเกลือ และเกิดแผลกดทับแบบเน่าเลย ตรงแก้มก้นสองข้างนี่เนื้อเน่าออกมาเลยนะคะ คงเกิดจากการนอนหงายแบบไม่พลิกเลย และหมอก็ยืนยัน 100% ว่าไม่รอดแน่ ๆ   แต่ตอนนั้นพ่อขอหมอบอกว่าถ้ายังไงก็ขอเอาลูกกลับบ้านก็แล้วกัน ตอนแรกหมอจะไม่ให้เอากลับบ้าน แต่พ่อดื้อว่าถ้าลูกสาวจะตายจริง ๆ ผมขอเอาลูกผมไปตายที่บ้านก็แล้วกัน ไหน ๆ หมอก็บอกไม่รอดอยู่แล้วนี่ ผมขอเอาลูกผมไปตายที่บ้านก็แล้วกัน หมอก็จะไม่ยอม แต่ในที่สุดพ่อก็เอาพี่สาวกลับบ้านมาได้ค่ะ ก็เหมารถเอาร่างพี่สาว คือเหมือนร่างไร้วิญญาณจริง ๆ ค่ะ เพราะตอนนั้นพ่อบอกว่าไม่ได้ยินเสียงหายใจด้วยซ้ำ คือเหมือนเอาศพกลับบ้านน่ะแหละ แต่ทีนี้ช่วงทางผ่านที่จะกลับบ้านเรานั้น จากขอนแก่น และก็เข้าเส้นทางอำเภอเรา แล้วก็เส้นทางเข้าหมู่บ้าน ก็จะผ่านอีก 4 หมู่บ้าน จึงจะถึงหมู่บ้านเรา ทีนี้ตรงหมู่บ้านที่ 3 จากอำเภอนั้นจะมีวัดป่า และตรงวัดป่านั้นจะมีป่าช้าด้วย และคนระแวกนั้นจะกลัวเจ้าที่และผีตรงวัดนั้นมาก ๆ และคนก็นับถือเจ้าที่ตรงนั้นด้วย และเรียกว่ามีคนเห็นอะไรแปลก ๆ ตรงจุดวัดนั้นบ่อย ๆ (ก็ผีน่ะเอง) อีกอย่างตั้งแต่รถเริ่มออกจาก รพ. ผู้คนบนรถก็จะเรียกชื่อพี่สาวตลอด เหมือนกับเรียกให้ขวัญกลับมาเข้าร่างอะไรประมาณนั้น (อันนี้พ่อเล่าให้ฟังนะคะ เพราะเราอยู่บ้าน จะมีแต่ผู้ใหญ่ที่ไปรับร่างพี่สาวออกจาก รพ.) ทีนี้พอถึงจุดวัดป่านั้นพ่อก็เริ่มอธิษฐาน คือภาษาที่บ้านก็เรียกว่า เว้าผีตาปู่ คือเป็นผีที่คนในหมู่บ้านแถบนั้นนับถือกับอะไรประมาณนั้น ก็คือพูดขอร้องกับผีหรือเจ้าที่เจ้าทางในสิ่งที่เราต้องการอะไรประมาณนั้น พอรถวิ่งผ่านจุดนั้นพ่อก็เริ่มพูดขอว่ายังไงก็ขอให้ลูกสาวไปถึงบ้านก่อนนะ ถ้าจะเอาเค้าจะไปด้วยจริง ๆ ก็ขอให้ไปถึงบ้านก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที และจากนั้นไม่กี่นาที  ร่างของพี่สาวที่เหมือนศพ แบบไม่มีลมหายใจแล้วนั้น เริ่มมีเสียงแผ่ว ๆ ของเสียงหายใจ เรียกว่าเล่นเอาคนในรถตกตะลึงเเลย (ตอนนี้พิมพ์ไปก็กลัวไปด้วย ได้ยินเสียงอะไรก็สะดุ้งเลย เพราะตอนนี้ดึกแล้วค่ะ) พอถึงบ้านเรายังจำได้ติดตา ตอนที่คนยกร่างพี่สาวขึ้นบ้านนั้นเรียกว่ายกศพเลยก็ว่าได้ คือเราคิดว่าพี่สาวตายแล้วจริง ๆ แต่ตอนนั้นพี่สาวมีลมหายใจแผ่ว ๆ แต่แผ่วจริง ๆ และต่อมาก็ใช้วิธีรักษากันโดยวิธีแบบวิถีชาวบ้านค่ะ ก็มีรำผีฟ้ารักษา ที่บ้านเรียกว่ารำทรงมั๊ง แบบพูดขอผีขอเจ้าที่เจ้าทางก็ว่ากันไป คือเราเองไม่อยากเชื่อเรื่องรำผีฟ้ารักษาคนนะ แต่มันก็มีหลาย ๆ เหตุการณ์ที่เค้ารำผีฟ้ารักษาคนแล้ว เมื่อพูดขอผีขออะไรแล้ว อาการคนป่วยดีขึ้น มันก็แปลก ๆ เหมือนกัน กรณีของพี่สาวก็เริ่มอาการดีขึ้นเรื่อย ๆ ค่ะ จากที่หมอบอกว่าตาย 100% ตอนนั้นพี่สาวก็อาการดีขึ้นเรื่อย ๆ และตอนนี้แกก็ยังมีชีวิตอยู่ แต่กลายเป็นคนพิการเท่านั้นเอง เพราะเส้นประสาทคงจะตายไปหลายที่ การพูดก็แบบพูดไม่ชัด จากคนที่เคยพูดเป็นต่อยหอย (ลูกสาวทั้งบ้าน มีคนนี้คนเดียวที่พูดเก่งที่สุด นอกนั้นจะออกเงียบ ๆ) ตอนนี้กลายเป็นคนครึ่งใบ้เลย เพราะเธอพูดได้แต่ต้องใช้เวลานานมากกว่าจะเข้าใจกัน คือเสียงทุกเสียงกลายเป็นเสียง อ. อ่าง หมดเลย เหมือนลิ้นไก่หายไปเลย และกว่าจะพูดได้แต่ละคำนี่ใช้เวลานานมาก  แต่ก็ยังดีที่เธอไม่เสียชีวิต ส่วนแผลตรงก้นนั้น ก็ต้องบอกว่าเป็นเรื่องแปลกมหัศจรรย์จริง ๆ ว่าทำไมน้ำมนต์จึงรักษาแผลเน่าที่ใหญ่ ๆ อย่างนั้นได้ อันนี้เราเห็นภาพแผลติดตาเลยนะคะ เพราะแผลตอนแรกนั้นเรียกว่าเน่าแบบเนื้อเป็นก้อนหลุดออกมาเลย และเหม็นมาก (ต้องขอโทษที่อาจจะแหวะหน่อยนะคะ) งานนี้ยกบุญคุณให้คนที่เป็นแม่จริง ๆ เหมือนกับว่าแม่เราต้องมาเลี้ยงมาดูแลลูกอ่อนอีกรอบเลย ยิ่งหนักกว่าดูแลเด็กอ่อนอีก เพราะพี่สาวตัวใหญ่ด้วย และอึดน้ำเกลือด้วย (พิมพ์ไปก็คิดถึงแม่ไปด้วยเลย) เพราะเรียกว่าแกเป็นไข้สูงแบบสลบไร้สติตั้งแต่วันแรกที่นำส่ง รพ. แล้ว และพออยู่ รพ. ก็นอนรับน้ำเกลือเดือน ๆ ไปเลย ก็เกิดแผลกดทับและเน่ากว้าง เน่าทั้งสองข้างเลย ทีนี้ตรงแผลเน่าจากน้ำเกลือนั้น พ่อกับแม่ก็ได้ไปหาลุงคนนึงที่หมู่บ้านใกล้ ๆ กันให้มาช่วยรักษา รักษาด้วยน้ำมนต์ที่แกท่องคาถาลงไป เรียกว่าน้ำเปล่าจากโอ่งของเรานี่แหละค่ะ ไม่ใช่น้ำประปาด้วย ตอนนั้นหมู่บ้านเรายังไม่มีน้ำประปาใช้ด้วย ทุกเช้าก็จะเห็นแกเดินมาบ้านเรา หมู่บ้านห่างกัน 2.5 กม. ทางฝ่ายเราก็เตรียมน้ำ 1 ขันใหญ่ ดอกไม้และก็เทียน ไว้ให้แก พอแกมาถึงแกก็ทำพิธีของแก ท่องคาถาและก็หยดน้ำตาเทียนลงน้ำ ก็กลายเป็นน้ำมนต์ และก็เทราดล้างแผลให้พี่สาว ทีนี้ตอนแรก ๆ ก็ยังไม่เห็นผล พอเริ่มหลาย ๆ วันเข้าก็เริ่มเห็นว่าเนื้อส่วนที่เน่าหลุดออก และก็แผลก็เริ่มมีเนื้อใหม่อ่อน ๆ เกิดขึ้น แกจะมาอย่างนี้ทุกเช้าเลย จนในที่สุดแผลเน่าใหญ่ ๆ นั้นก็เริ่มหาย และที่สำคัญแกรักษาแบบแทบจะเรียกว่าฟรี ๆ เลย เพราะเสียแค่ค่าครูของแกแค่ 10 บาท (สิบบาทถ้วนค่ะ) ที่แปลกใจก็คือทำไมน้ำเปล่า ๆ กับน้ำตาเทียนและคาถาที่ลุงแกท่องลงในน้ำ จึงสามารถรักษาแผลเน่าใหญ่ขนาดนั้นได้ หลังจากที่ล้างด้วยน้ำมนต์นั้นไม่เคยเห็นมีการติดเชื้อด้วยนะคะ และไม่ได้ใช้ยาฆ่าเชื้ออะไรช่วยเลย ก็น้ำมนต์ล้วน ๆ เลย เพราะตามครูของลุงแกนั้นห้ามใช้ยาอื่นร่วมด้วย ซึ่งด้วยน้ำมนต์นั้นก็ทำให้แผลเริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ จนหายเป็นปกติ แต่ก็กลายเป็นแผลเป็นแบบรอยบุ๋มขนาดใหญ่เหมือนกัน ซึ่งจริง ๆ แล้วแผลเน่าคงลึกมาก คงมากจนถึงกับไปทำลายเส้นประสาทตรงแถวนั้นด้วยมั๊ง เพราะหลังจากพี่สาวหายก็กลายเป็นเดินแบบกระโผกกระเผก เหมือนเส้นประสาทส่วนควบคุมการเดินเสียไปเลย ทีนี้พอพี่สาวเริ่มดีขึ้นจริง ๆ คือสามารถพูดได้แล้ว แต่พูดแบบคนพิการนะคะ พี่สาวก็เล่าให้ฟังว่า ตอนป่วยนั้นจะฝันตลอดว่าเดินไปในป่า เส้นทางแบบเหมือนทางเกวียน ก็เดินไปเรื่อย ๆ เหมือนมีคนเรียกให้เดินตามเค้าไป ก็เดินตามเค้าไปเรื่อย ๆ แต่พอดีกับไปติดที่มีขอนไม้ใหญ่กั้นทางนั้นอยู่ และได้ยินเสียงกลุ่มคนเรียกให้กลับมา ก็เลยเดินกลับ  นี่ถ้าพี่สาวข้ามขอนไม้ใหญ่นั้นได้ คงตายไปแล้วจริง ๆ ปล. ขอโทษทีนะคะ ยาวหน่อย แต่พอดีเข้ามาอ่านอีกเลยอยากเล่าเรื่องแปลก ๆ ของการพูดขอผีและกรณีน้ำมนต์รักษาแผลเน่าใหญ่ได้น่ะ และเรื่องที่เล่าเป็นเรื่องจริงทุกประการค่ะ แก้ไขเมื่อ 08 มี.ค. 51 15:51:31 จากคุณ : ดึกแล้ว แอบกลัวเหมือนกัน (JC2002) - [ 8 มี.ค. 51 15:48:12 ]

ความคิดเห็นที่ 158 เคยครั้งนึง ส่วนตัวไม่ใช่คนที่มี sixth sense อะไร แต่คืนนั้นเป็นเรื่องแปลกมาก เกิดขึ้นในห้องนอนที่บ้าน ห้องนอนที่บ้านเป็นห้องเล็กๆ มีเตียงสำหรับเรานอนคนเดียว มีด้านหนึ่งติดผนัง นอนอยู่ดีๆ ก็รู้สึกตัวตื่น ต้องลืมตาขึ้นมา ก็ตกใจมาก เพราะเห็นคน (ไม่ใช่คนแน่ๆ) ยืนอยู่ข้างเตียงสองคน อยู่ห่างตัวเราไปไม่ถึงฟุต เป็นผู้ชายคนผู้หญิงคน แต่งตัวดี สะอาดสะอ้าน ผู้ชายใส่เสื้อเชิ้ตไว้ในกางเกงเรียบร้อย ผู้หญิงก็แต่งตัวเป็นเสื้อเชิ้ตแบบคนแก่คนจีนใส่กับกางเกง พยายามมองหน้าก็มองไม่ชัด มีลักษณะเหมือนเราพยายามมองหน้าคนที่ถือหน้ากากกันสเปรย์ในร้านทำผม เคยเห็นกันมั้ยคะ ตลึง ณ จังงังอยู่อย่างงั้น ตกใจสุดๆ หลังจากนั้นมารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนตื่นขึ้นมา ก็แปลกใจตัวเองว่าทำไมมานอนติดผนังอย่างนี้ คือติดผนังจริงๆเลยค่ะ แล้วก็เริ่มจำได้ว่าเมื่อคืนฝันแปลก น่ากลัวมาก เสร็จแล้วก็เริ่มคิดว่า หรือว่ามันไม่ใช่ความฝัน เพราะตัวเองถอยติดผนังไปซะงั้น ไม่เคยตื่นมาตัวติดผนังแบบนี้เลย ก็เลยเล่าให้แม่ฟัง แม่บอกว่าสงสัยว่าเป็นเจ้าที่เจ้าทาง บ้านเราไม่ได้ทำบุญบ้านมายี่สิบปีแล้ว ส่วนเราก็ไม่แน่ใจ ตอนแรกนึกว่าอยากให้มาสวดมนต์ให้ฟัง เพราะช่วงนั้น ชอบสวดยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก แต่ก็สวดให้นะคะ เพราะคืนต่อมาเป็นวันพระพอดี จากคุณ : ยูเคย์ (youkay) - [ 8 มี.ค. 51 16:11:22 ]

ความคิดเห็นที่ 159 กระทู้นี้สนุกปนสยอง เชื่อมความสามัคคีของชาวไกลบ้านดีจัง นี่ถ้านั่งเล่าที่บ้านโบราณสมัยก่อน  คงนั่งกอดกันกลมที่ไม้กระดานแผ่นเดียว จากคุณ : jeejeeberry - [ 8 มี.ค. 51 19:24:49 ]

ความคิดเห็นที่ 160 กลับมาอ่านอีกรอบ กลายเป็นกระทู้ลึกลับ ห้องหว้ากอไปแล้ว (ฮา) ขอเล่าเรื่องที่ตัวเองเจอบ้าง ตอนนั้นเรียนมหาวิทยาลัยแล้วอยู่หอพัก ช่วงสอบก็จะอ่านหนังสือดึกๆ ตี 1 ตี 2 ประจำ ตอนนั้นอยู่ห้องคนเดียวด้วย ขณะอ่านอยู่เงียบๆ ก็ได้ยินเสียงคนเคาะไม้ป๊อก ป๊อก ป๊อก ตอนแรกไม่ได้สนใจอะไร พอหลายครั้งเข้าก็หันไปมองตรงนั้น (มองทำไมฟระ) ซึ่งเป็นหัวเตียงพอดี แล้วหัวเตียงเป็นไม้ชนข้างฝาห้อง ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไร คิดว่าเพื่อนห้องข้างๆ เคาะข้างฝา พอหันกลับมาอ่านหนังสือต่อก็ดังอีก คราวนี้เลยเดินไปห้องข้างๆ ถามว่าเคาะอะไรตั้งหลายครั้ง เพื่อนก็บอกไม่ได้เคาะอะไรเลย ถ้าจะเคาะเตียงห้องเพื่อนก็ไม่ใช่เพราะเสียงใกล้มาก เคาะข้างฝาก็ไม่ใช่เพราะข้างฝาเป็นปูน พอเรากลับมาที่ห้องเสียงเคาะก็เงียบไป ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรเลยเพราะกังวลเรื่องสอบ กลับมาวิเคราะห์ทีหลังยังงงอยู่ หรือว่าเพื่อนแกล้งจริงๆ เรื่องที่สอง อ่านหนังสือสอบอีกเหมือนกัน แต่คราวนี้ที่บ้านตอนตี 2 จำได้แม่น นั่งอ่านข้างล่างคนเดียว สักพักได้ยินเสียงคนกระโดดจากที่สูงลงมาบนพื้นเหนือหัวเราพอดี เราก็นึกว่าขโมยขึ้นบ้านรีบวิ่งขึ้นไปดู ปรากฏว่าทุกคนหลับสนิทไม่มีวี่แววว่าจะมีใครตื่น เราก็ยังกังวลอยู่เดินตรวจทุกห้องเผื่อมีคนแอบตามซอกหรือบนหลังคา (ดูหนังมากไปหน่อย) แต่ก็ไม่มีอะไร เลยลงมาอ่านหนังสือตามเดิมเพราะกังวลเรื่องสอบ ไม่ได้คิดอะไรตามเคยอีก หลังจากนั้นยังคิดอยู่เลยว่าอ่านหนังสือต่อได้ยังไงกับเหตุการณ์ทั้ง 2 ที่เกิดขึ้น จากคุณ : ศรีธนา - [ 8 มี.ค. 51 23:04:37 ]

ความคิดเห็นที่ 161 ถามลุงอิสเคยได้ยินเรื่องยาสั่งทางใต้ไหมคะ มีคนรู้จักเสียชีวิต เห็นคนเค้าว่าเพราะโดนยาสั่ง สงสารเค้ามากเลย แก้ไขเมื่อ 08 มี.ค. 51 23:24:03 จากคุณ : ศรีธนา - [ 8 มี.ค. 51 23:16:52 ]

ความคิดเห็นที่ 162 คุณ : ดึกแล้ว แอบกลัวเหมือนกัน (JC2002) น่าแปลกมากๆครับ เรื่องผีบังตา ที่ว่าทางอิสานไปเหมือนกับทางปักษ์ใต้ ทางปักษ์ใต้จะมีกสารตีฆ้องตามหาด้วย หลังจากที่เขาตามจนเจอแล้ว ผู้ที่หายไปกลับมาบอกว่า เขามองเห็นคนที่ตามหา ได้ยินเสียงฆ้อง เขาเรียกคนที่ตามหา แต่ไม่มีใครได้ยินหรือมองเห็นเขา เขาเล่ากันที่อำเภอทุ่งสงครับ คนที่หายไปผมก็เคยเจอตอนที่ผมยังเป็นเด็ก คุณ : ศรีธนา เรื่องยาสั่ง นี้มีจริงครับ แต่ผมไม่แน่ใจว่า มันเป็นยาสั่งจริงหรือไม่ แต่มีการตายจริงเพราะยาพิษ ที่ว่าสั่งก็คือ คนที่ประกอบยาจะสั่งว่า เมื่อกินยานี้แล้ว ยานี้จะออกฤทธิ์จนถึงตายถ้าหากผู้โดนยาไปกินอาหาีรบางชนิด เช่น แกงปลาดุก ถ้าผู้โดนยาสั่งไม่กินแกงปลาดุกก็จะไม่เป็นไรตลอดชีวิต อาหารที่แสลงนั้นแล้วแต่ผู้สั่งจะกำหนด แถวบ้านผมซึ่งอยู่อีกตำบลหนึ่ง ถ้าเขาไปงานศพแถวตำบลนาหลวงเสน อ ทุ่งสง เขาจะไม่กินอาหารเพราะกลัวยาสั่งครับ แม้เมื่อเร็วๆนี้ก็ตาม เมื่อมียาสั่งก็มียาแก้ครับ แต่รู้สึกว่ายาสั่งจะหาง่ายกว่ายาแก้ จากคุณ : อิสวาสุ - [ 9 มี.ค. 51 05:56:21 A:71.114.84.246 X: TicketID:146114 ]

ความคิดเห็นที่ 163 ขอเล่าด้วยคนค่ะ ตามอ่านมานาน (เอาเรื่องไหนก่อนดี มีหลายเรื่องมากๆๆ) เหตุการณ์ที่จะเล่า เกิดขึ้นมาประมาณแปดปีแล้ว เป็นเรื่องตอนที่ไปเฝ้าไข้พ่อในโรงพยาบาล ช่วงนั้นพ่อป่วยหนัก ต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลเป็นเดือนๆ เราก็ไปนอนเฝ้าอยู่หลายคืน บางคืนจะนอนกับพี่สาวอีกคน แต่วันนั้น นอนเฝ้าคนเดียวค่ะ ในห้องพัก เค้าจะมีโซฟายาวสำหรับญาติคนไข้ให้นอนเฝ้า ค่อนข้างใหญ่ นอนสบายมากๆ เราก็นอนที่โซฟาตัวนั้น ตั้งแต่เด็ก เป็นคนที่แอนตี้เรื่องเครื่องลางของคลัง หรืออะไรประเภทไสยศาสตร์มาก ๆ ตอนนี้ก็ยังเป็นอยู่แต่เริ่มมองและทำความเข้าใจในอีกรุปแบบนึงบ้างแล้ว เพราะฉนั้น ตอนที่ไปเฝ้าไข้พ่อ จะไม่มีพระ หรือ เครื่องลางอะไรติดตัวเลย ที่บ้านให้ไว้ แต่เฉยๆ วางๆเอาไว้ แล้วคืนวันนั้น ก็เช่นเคย กว่าจะเริ่มนอน ก็ดึก ปกติจะพยายามข่มตานอนดึก เผื่อว่าพ่อเค้าต้องการอะไร ก็นอนอ่านหนังสือไปเรื่อยๆ จู่ๆ ก็เหลือบไปมองนาฬิกา พบว่า ตีสามแล้วนี่ ในใจก็เอาแล้ว เริ่มหาเรื่อง คิดไปว่า นี่มันเวลาที่…นี่ (ลึกๆ แอบท้าทาย) โห แค่นั้นแหละ บรรยากาศรอบๆห้องนี่ เริ่มแปลกๆไปเลย ตอนนั้นขนลุกไปหมดเลยค่ะ กลัวขึ้นมาเฉยๆ แต่ก็ยังใจกล้าๆ คิดว่า นี่ไงเค้าเรียกว่าอุปทาน (จริงๆเรียกว่า วอน) แล้ว จู่ๆ พ่อเค้าก็พูดอะไรออกมา (คงตื่นมาแล้ว) แต่หันไปพูดที่ระเบียงห้อง (เรานอนด้านข้างฝาฝั่งตรงข้ามระเบียง แต่ข้างๆเตียงของพ่อ) พ่อเค้าพูดภาษาจีน ด้วยอารมณ์ทำนอง ตะเพิดๆ ไล่ๆ (ฟังไม่ออก แต่พยายามจำว่าพูดออกมาว่าอะไรๆ) แล้วบรรยากาศก็กลับมาเป็นปกติ แล้วพ่อเค้าก็หันมาทางเรา แล้วก็บอกว่า นอนได้แล้วๆ แล้วก็ไม่พูดอะไรอีกเลย เรางี้รีบนอนทันที (พ่อเค้าเป็นคนที่มีเซ้นส์เรื่องลึกลับอะไรๆอย่างนี้มากๆ ได้ยินมาตลอดว่า พ่อเค้ามองเห็นผีได้ และไม่กลัวด้วย คือพ่อเค้าดวงแข็งมากๆ แม่เค้าว่างั้น) วันรุ่งขึ้น พอแม่มาถึงโรงพยาบาล พ่อก็เรียกแม่มาคุยกันงุบงิบ งุบงิบๆกันสองคน แล้วก็หันมาทางเราเป็นระยะๆ ตอนนั้น แกล้งทำเป็นนอนขี้เซาต่อ ถามแม่แม่ก็ไม่ยอมเล่าว่าพ่อพูดว่าไง แต่เรามาถามพี่ ว่าคำที่พ่อพูดกับอะไรๆที่ระเบียงนั้น แปลว่าอะไร พี่บอกว่า น่าจะใกล้ๆกับคำว่า ออกไปๆ อย่ามายุ่งๆ อะไรแบบนี้ (ถามก่อนที่จะเล่าให้ฟัง) เรื่องในโรงพยาบาลยังมีอีกเยอะค่ะ อีกคืนนึง เราก็นอนอ่านหนังสือจนดึกอีกเช่นเคย(คือเวลาเฝ้าไข้ บางที พ่อเค้าจะตื่นมากลางดึกแล้วเรียกขอกินน้ำ กินนม เพราะหิวบ่อย ฉะนั้นไม่ควรขี้เซาและนอนเร็วก่อนคนไข้) จำได้ว่า มันดึกมากแล้ว และคิดว่าพ่อคงไม่น่าจะตื่นมาหิวอะไรอีกแล้ว เลยจะนอนละ โซฟาที่เค้าให้ญาตินอน จะอยู่ข้างๆกับเตียงผู้ป่วย เพราะฉะนั้น เวลานอนตะแคง จะเห็นผู้ป่วยนอนในระดับสายตาพอดี ทีนี่ ปกติ เวลานอน เราจะเป็นคนนอนตะแคง เวลาลงนอน ก็จะจัดท่าลงนอนตะแคงเลย ตอนที่ล้มตัวลงนอน ลำตัวตะแคงลงไปทางเตียงของพ่อ แล้วจังหวะนั้นแหละ ที่มองไปเห็นผู้หญิงคนนึง นอนอยู่ข้างๆพ่อ ตอนนี้ยังนึกหน้าออกอยู่เลย เป็นผู้หญิงสาว หน้าตาดีมาก จมูกโด่ง สวย ผิวขาว ใสชุดนอนแบบจีนๆสีขาว-แดง ดีนะที่เค้านอนนิ่งๆ หลับตา และที่สำคัญ ไม่ได้หันมาทางเรา ... ฮือ ฮือ นึกแล้วยังขนลุก ไม่น่ามาเล่าเลย เริ่มหลอนๆ ... คืนนั้น รีบหลับตาปี๋เลยค่ะ ตอนนั้นไม่ได้กลัวแบบขนหัวลุกอะไรแบบนั้น แต่มันวาบ วาบ อึ้งๆ รู้ตัวว่า บอกตัวเองให้ หลับๆๆ และไม่กล้าลืมตาอีกเลย คือโชคดีที่เป็นคนหลับง่ายมากๆ ปกติปิดตานอนแล้วจะหลับเลย อันนี้ถือว่าโชคดีจริงๆ ...ยังไม่จบค่ะ พอตอนเช้า ... คนที่บ้านก็จะเริ่มๆถยอยกันมาเยี่ยมพ่อ ที่บ้านมีคนเยอะ พี่น้องเยอะ ลูกหลานเต็มบ้าน ฉะนั้น เวลามาเยี่ยมพร้อมๆกันนี่ ห้องแถบแตก เลยต้องแบ่งๆกันเข้ามา ทีนี่ เซ็ตของพี่ชายคนโต ซึ่งไปรับแม่มาด้วย มาถึงทีหลังคนอื่น พอเค้ามาถึงหน้าห้อง แล้วเค้าก็มองเข้ามาทางช่องกระจกหน้าห้อง เค้ามองเข้ามา ก็เห็นว่าคนเต็มห้องแล้ว เลยรออยู่หน้าห้อง พอเรากับพี่สาวเห็นว่าพี่ชายกับแม่(และหลานๆอีกเซ็ต)มากัน ก็เลยออกไปหา และคุยกัน พี่ชายถามคำแรกเลยว่า อ้าว พี่...(พี่สาว)คนโต ยังไม่กลับเหรอ( คือพี่สาวคนโตเค้าแต่งงานแล้ว และย้ายไปอยู่อีกจังหวัดนึง เมื่อวานเค้ามาแล้ว และกลับไปแล้ว) ทุกคนก็งง พี่ชายบอกว่า ก็เห็นนอนอยู่ นอนที่โซฟาน่ะ ยัังใส่ชุดนอนอยู่เลยนี่ คราวนี้ก็งงกันอีก เพราะเมื่อกี้ตอนที่พี่ชายมองมาผ่านที่กระจกไม่มีใครนอนอยู่เลย ทุกคนนั่งกันที่โซฟา แต่นั่งกันแบบ ครึ่งก้น(อันนี้ไม่รู้ว่าทำไม ทั้งๆที่ไม่ชอบนั่งครึ่งก้นนะ ชอบนั่งเต็มแบบๆกึ่งนอนด้วยซ้ำ) แล้วพี่ชายก็เงียบไป เพราะรู้แล้วว่าไม่ใช่แน่ๆ ทีนี่ เรานี่แหละที่เริ่มเครียด เพราะหน้าผู้หญิงคนนั้นชัดขึ้นมาเลย(ตอนนี้ก็ยังชัด) เค้ามีโครงหน้า และความสวยแบบพี่สาวคนโตเลยค่ะ คือพี่สาวคนโตนี่สวยมาก จมูกโด่งผิวขาว แบบละเอียด ดูดีมีสกุล สวยมากๆ(ช่างแตกต่างกับน้องสาวจริงๆ -*-) จากคุณ : Lunarterrace - [ 9 มี.ค. 51 06:36:50 A:125.63.161.211 X: TicketID:123605 ]

ความคิดเห็นที่ 164 เรื่องในโรงพยาบาลยังไม่จบแค่นี้ค่ะ มีอยู่วันนึง วันนั้นเป็นวันที่หมอเค้าพาพ่อไปตรวจส่องกล้อง ซึ่งพอเค้าเข็นพ่อออกมาจากห้องตรวจ วันนั้นพ่อดูแย่มากๆ พ่อเค้านอนซมแบบเหมือนเพิ่งผ่านอะไรๆที่แย่มากๆ(ซึ่งมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ) แถมหมอที่นี่ใจร้ายมาก ไม่ค่อยพูดให้กำลังใจอะไรเลย ปากเสีย ทำนองนั้น บอกว่าคงไม่รอด ฯลฯ สภาพจิตใจคนเรามันก็แย่น่ะสิ(ตอนหลังพ่ออยู่ต่ออีกเป็นปีๆ นึกแล้วก็โกรธหมอในวันนั้นมาก ปากไม่ดี พูดทำร้ายจิตใจมาก) วันนั้นพ่อเค้านอนซม ซึมมากๆ เค้าบอกเค้าเหนื่อยมาก จำได้ดีว่าพวกเราทุกคนในบ้านยกโขยงมากันหมดทั้งตระกูล เต็มห้องไปหมด เด็กๆนี่วิ่งเล่นกันรอบเตียงอากง แบบพยายามสร้างบรรยากาศสนุกสนานเต็มที่ ทุกคนพยายามห้อมล้อมพ่อ แต่พ่อเค้าก็นอนนิ่งๆ ไม่พูดไม่จาอะไรเลย มองไปที่ระเบียงอย่างเดียว พี่สาว(อีกคน)เค้าก็ซื้อโจ๊กมาให้ ทีนี่ ด้วยความที่พ่อเค้ากินอะไรไม่ลง พี่สาวเลยแบ่งโจ๊กไปครึ่งถุง ใส่ถ้วยให้พ่อ อีกครึ่งถุงก็วางไว้มุมห้อง (ในห้องพักค่อนข้างใหญ่ มีมุมสำหรับเตรียมอาหารด้วย) พอพี่สาวเอาไปป้อนพ่อ พ่อเค้าก็กินแค่สองสามคำก็ไม่เอาแล้ว แล้วก็บอกว่า โจ๊กอีกครึ่งถุงที่วางไว้ตรงมุมห้องนั้นน่ะ เอาไปให้คนที่อยู่ข้างนอกด้วย เค้าขอ เอาล่ะสิคราวนี้ คือ ตลอดเวลา พ่อนอนตาเหม่อลอยไปทางระเบียงตลอด และถ้ามองมาจากเตียงก็คงไม่เห็นว่าใครทำอะไรตรงมุมเตรียมอาหารแน่นอน แต่ไม่สำคัญเท่ากับที่ พ่อบอกว่า เค้ารออยู่ที่ระเบียง ให้เอาไปให้เค้าด้วย ... เรื่องนี้ ตอนแรก เราไม่รู้เลย เห็นแต่ว่าพวกพี่ๆเค้าจู่ๆก็รวมตัวกันเดินจับไม้จับมือกันออกไปที่ระเบียงพร้อมกับถ้วยโจ๊กใบใหม่ และธูป ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก มัวแต่คิดว่า คนที่บ้านเค้าชอบทำพิธีกรรมอะไรแปลกๆอยู่แล้ว ก็เลยเฉยๆ จนมารู้เรื่องทีหลัง เหตุที่พวกพี่ๆเค้าไม่เล่าให้ฟังก่อน เพราะวันนั้น เราเป็นคนนอนเฝ้าพ่อนั่นเอง ..เหอ เหอ จากคุณ : Lunarterrac - [ 9 มี.ค. 51 07:05:08 A:125.63.161.211 X: TicketID:123605 ]

ความคิดเห็นที่ 165 ขอเล่าต่อนะคะ (เก็บไว้มานาน) หลังจากนั้นอีกปีกว่าๆ พ่อก็เสียค่ะ พ่อเป็นมะเร็ง แต่พ่อเค้าเหมือนเป็นคนมีบุญมาก ไม่มีอาการทรมานเหมือนคนที่เป็นมะเร็งอะไรเลย พ่อเค้าไปอย่างสงบมากๆๆ เรื่องในงานศพ เราทำพิธีกันแบบจีน ลูกหลานส่วนหนึ่งจะไปนอนเฝ้าศพที่ศาลาวัดจีน(เป็นเหมือนทั้งสมาคมและวัดสำหรับคนจีน ทำนองนั้น น่าจะเรียกว่าเสี่ยงตึ๊ง – อาจจะเรียกผิด ไม่มั่นใจค่ะ) ในพิธีกงเต็กแบบจีน จะมีการสวดร้องกันดังระงมไปทั้งคืน กว่าจะเลิกในแต่ละวันก็ดึกมากแล้ว คืนแรกที่เราไปนอนเฝ้า กว่าจะได้นอนก็ดึกมาก จำได้ว่าประมาณเกือบตีสองแล้ว บรรยากาศรอบตัวก็เงียบมาก พอล้มตัวลงนอน (ข้างๆพี่สาว) เราก็ได้ยินเสียงสวดกงเต็กอีก ก็งง ถามว่า แถวนี้มีสวดกงเต็กทีไหนอีกเหรอ ทำไมเค้ายังไม่เสร็จล่ะ พี่สาวก็หน้าอึ้งๆ แล้วถามย้ำว่า ได้ยินเสียงสวดอีกเหรอ เราก็อืม ไม่ได้ยินเหรอ พี่สาวก็เลยบอกว่า อืม ก็คงแถวๆนี้แหละ มีอีกที่นึง (ตอนหลังเค้ามาบอกว่า จะมีได้ไง แถวนั้นน่ะ และเค้าก็ไม่ได้ยินอะไรด้วย .. แต่ก็อาจจะเป็นไปได้ว่า เป็นเสียงที่ก้องในหู เพราะฟังมาทั้งวัน) ในช่วงที่นอนเฝ้าศพพ่อ จะฝันแปลกๆเสมอ ปกติในฝัน ตัวเองจะเป็นตัวเอก เป็นนางเอกเสมอ แต่คราวนี้ จะฝันเกี่ยวกับพ่อ และเรื่องแปลกๆ มีอยู่คืนหนึ่ง เป็นเรื่องที่จำได้แม่นมาก ฝันว่า มีคนรวมตัวกันอยู่เยอะมาก จู่ๆก็เข้าใจไปเองว่า เป็นเหตุการณ์การรวมญาติ(ที่ตายแล้ว) ของครอบครัวป๊า(พ่อ) มีอากง พ่อของอากง(ซึ่งเราไม่เคยเห็นหน้าเลย แต่รู้ว่าเค้าเป็นบรรพบุรุษเราแน่ๆ) ฯลฯ ยืนอยู่เต็มไปหมด และมีเสียงเรียกชื่อ ขานดังมาจากที่สูง เรียกชื่อพ่อภาษาจีน แต่เราฟังไม่ออก เสียงเรียกแปลกๆ ไม่เป็นภาษา แต่เราเข้าใจไปเองว่าเรียกชื่อพ่อ) เหมือนเรียกให้มารายงานตัว อะไรอย่างนั้น วันรุ่งขึ้น ก็เล่าให้แม่และพี่ฟัง แม่ฟังแล้วก็ร้องไห้ไปเลย (แบบน้ำตาหยดๆแต่ไม่ฟูมฟาย) พี่มาบอกทีหลังว่า วันนี้ (คือวันรุ่งขึ้น วันที่เล่าให้ฟัง) ในพิธีกงเต็กจะเป็นการเรียกรวมญาติ ให้พ่อไปอยู่รวมกับบรรพบุรุษอะไรแบบนั้น !!! อีกเรื่องในงานศพ เป็นเรื่องที่ไม่ค่อยน่าจดจำเท่าไหร่ คือในบ้าน ก่อนหน้าที่พ่อเค้าจะไม่สบาย ครอบครัวพี่ชายคนโตก็อาศัยรวมอยู่ในบ้านพ่อ บ้านเดียวกัน แต่ปัญหาคือ พี่สะใภ้ เค้าไม่ค่อยถูกกับพ่อกับแม่ ทั้งๆที่พ่อกับแม่เป็นคนแก่ที่ใจดีมากๆ คงเพราะใจดีไปหน่อย และกลัวลูกสะใภ้ไม่รัก เลยยอมไปหมดทุกอย่าง คุณพี่สะใภ้เค้าก็เป็นคนมั่นใจมาก รวมๆว่าเค้าไม่ค่อยถูกกันดีกว่า มีเรื่องทะเลาะๆกันอยู่เรื่อยๆ ทะเลาะกันแบบพ่อกับแม่เป็นฝ่ายยอมๆด้วยนะ เรื่องนี้ ที่บ้านทุกคนรู้เรื่องดี ลูกสาวคนอื่นที่แต่งออกไปแล้วจะโกรธไม่พอใจพี่สะใภ้คนนี้มาก แต่ก็ไม่ได้ทำอะไร เพราะพ่อกับแม่นี่แหละ ไม่ให้ทำอะไร ยอมๆกันไปว่างั้น ที่นี้ พอในงานศพ ในพิธีกงเต็ก เค้าจะต้องเผาหุ่นคนใช้ชาย-หญิง ไว้คอยรับใช้คนตาย แล้วก็แปลกอย่างไม่น่าเชื่อ คือ โดยในงาน เจ้าหน้าที่คนจัดงาน เค้าจะจัดเตรียมทุกอย่างให้เราทั้งหมด คือเราแทบไม่ต้องทำอะไรเลย นอกจากต้อนรับแขก ซึ่งรวมถึงหาหุ่นกระดาษที่เป็นคนใช้มาให้ เรื่องมันก็เกิดตรงนี้แหละค่ะ เพราะหน้าตาของหุ่นคนใช้ผู้หญิงนั้น หน้าตาเหมือนกับพี่สะใภ้คนโตมากๆ (เหมือนจริงๆ อย่างไม่น่าเชื่อ) ใครเห็นก็ยังอึ้งๆ เจ้าหน้าที่เค้าไม่รู้เรื่อง อะไรด้วยแน่นอน (จำได้ว่า พวกเราจะหมั่นเดินไปดูหน้าหุ่นตุ๊กตาตัวนี้กันบ่อยๆ ด้วยความข้องใจจริงๆ) ที่หนักไปกว่านั้น คือ จะมีเจ้าหน้าที่อาวุโสอีกคนของเสี่ยงตึ๊งจะเป็นคนกำกับพิธีต่างๆในงาน เค้ามีหน้าที่ตั้งชื่อให้คนใช้หุ่นกระดาษตัวนี้ด้วย แล้วไม่รู้ว่ามีเหตุผลกลใด ทำให้เค้าตั้งชื่อหุ่นตัวนี้(เป็นภาษาจีน) เป็นชื่อเดียวกับชื่อของพี่สะใภ้ ทั้งคำอ่านและตัวสะกดด้วย เรื่องนี้ ทำเอาพี่สะใภ้เต้นผาง เค้าโกรธมาก หาว่าพวกเรารวมหัวกันแกลังเค้า ซึ่งเราเองตอนนั้น เป็นพยานได้เลยว่า ไม่มีใครแอบไปกระซิบบอกใบ้อะไรกับอาแปะอาวุโสท่านนั้นเลย แถมพวกพี่ๆก็ยังอึ้งๆกันเองอยู่เลย (แอบสะใจกันสุดๆ) รู้มาทีหลังว่า พี่สะใภ้เค้าไปขอให้เปลี่ยนชื่อ(ก่อนเผา) แต่ไม่ทราบว่ามีการเปลี่ยนรึเปล่า ..จริงๆเรื่องในวันนั้นก็จบลงไปแล้ว ตอนนี้ พี่สะใภ้คนนี้ก็กลายเป็นคนดีแสนดีไปแล้ว เค้าดีกับแม่มากขึ้นๆอย่างน่ายินดีจริงๆ จากคุณ : Lunarterrace - [ 9 มี.ค. 51 08:16:40 A:125.63.161.211 X: TicketID:123605 ]

ความคิดเห็นที่ 166 (ขอต่ออีกเรื่อง) หลังจากที่พ่อเสียไปแล้ว พี่สาวคนนึง ตอนนั้นเค้ายังเรียนอยู่ที่นี่ (ออสเตรเลีย) เค้าก็จัดทัวร์พาแม่กับพี่ๆคนอื่นๆมาเที่ยวที่ออสฯกัน จริงๆ พวกเราอยากพาพ่อมามาก เพราะพ่อเค้าชอบเที่ยว และเค้าก็รักพี่สาวคนที่เรียนอยู่(ตอนนั้นมาก) แต่พ่อก็ไม่ได้มา พ่อเค้าเป็นคนชอบเที่ยวมากๆ ประเภทสถานที่ท่องเที่ยวแปลกๆนี่ ชอบมากๆ เที่ยวเก่ง ช่วงเวลาก่อนที่พ่อจะจากไป พ่อเค้าก็เตรียมตัวเตรียมใจดีมาก และไม่ลืมที่จะเตรียมเอกสารทางการฑูตสำหรับคนตาย (จริงๆนะ คนจีนเค้ามีใบอะไรไม่รู้ แม่บอกว่า เค้าให้คนที่จะจากไปถือเอาไว้ จะได้เป็นใบเบิกทาง จะไปไหนมาไหนก็ได้ สะดวก คงประมาณหนังสือเดินทางพร้อมวีซ่าถาวรทั่วโลกอะไรอย่างนั้นี) เป็นอันว่า เวลาลูกๆ หรือแม่จะไปเที่ยวไหน ก็มักจะจุดธูปชวนพ่อไปด้วย คราวนี้ก็เช่นกัน พี่เค้าเล่าให้ฟังว่า ตอนที่ไปเที่ยวที่ แคนเบอร์ร่า แม่เค้ามีอาการแปลกๆ เดินแปลกไป ปกติแม่เค้าจะเป็นคนค่อยๆเดิน หลังตรง แต่วันนั้น แม่จะเดินเอามือไพร่หลัง(พ่อชอบเดินมือไพร่หลัง) หลังค่อยๆงุ้มๆลง (แต่ไม่มากนัก) เหนื่อยง่าย ไม่ค่อยพูด ดูแปลกๆไป โดยเฉพาะเวลากิน ปกติแม่จะเป็นคนระวังเรื่องอาหารการกินมาก ห่วงสุขภาพ และกินอย่างเรียบร้อย ค่อยๆกิน แต่วันนั้น แม่จะรีบๆกิน กินเร็วๆ ในแบบและลักษณะท่าทางแบบที่พ่อเป็นไม่มีผิดเลยแม้แต่นิดเดียว พวกพี่ๆเล่าให้ฟังว่า ทุกคนได้แต่มองหน้ากัน เหมือนรู้กันว่าเกิดอะไรขึ้น และไม่มีใครกล้าทักอะไรขึ้นมาเลย นอกจากแอบดีใจที่ป๊ามาด้วย เมื่อก่อน จะฝันเห็นพ่อบ่อยมาก แต่ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ ไม่เคยฝันเห็นอีกเลย สงสัยเบื่อออสเตรเลียแล้ว จากคุณ : Lunarterrace - [ 9 มี.ค. 51 08:36:47 A:125.63.161.211 X: TicketID:123605 ]

ความคิดเห็นที่ 167 อ่านเรื่องใน คห ที่ 166 ของคุณ Lunarterrace ตรงที่ว่า "คงประมาณหนังสือเดินทางพร้อมวีซ่าถาวรทั่วโลกอะไรอย่างนั้น" แล้วอดหัวเราะไม่ได้ ที่หัวเราะคือเห็นด้วยและขำที่คุณ Lunarterrace เข้าใจเปรียบเทียบซะเห็นภาพชัดแจ๋วเลย คิดว่าน่าจะจริง เพราะถ้าวิญญานมาจากต่างถิ่น เจ้าที่ทางนี้หรือเทียบได้กับแผนก ต.ผ.ม คงต้องขอดูใบอนุญาต ไม่งั้นไม่ให้เข้า ฉนั้นวีซ่าน่าจะจำเป็น จากคุณ : Jennifer Lowclass - [ 9 มี.ค. 51 09:58:37 ]