ความคิดเห็นที่ 1 สำหรับบางคน ก็ต้องการเรียนต่อ ป เอก เพื่อเป้นใบเบิกทางเท่านั้นก็มี "แต่พื้นฐานทฤษฏีที่แม่นยำ ความรู้พื้นฐานที่แน่นปึ๊ก เป็นสิ่งที่จำเป็นหรือไม่คะ?" เท่าที่เห็น ไม่เสมอไปทุกคนค่ะ จากคุณ : yuy - [ 11 มี.ค. 51 18:40:14 A:124.121.19.65 X: TicketID:124751 ]

ความคิดเห็นที่ 2 การอยากได้วิชาการความรู้เพิ่มเติมก็ เป็นส่วนหนึ่งค่ะ  เพราะตอนจบโทใหม่ๆ รู้สีกว่าไม่อยากต่อเอกแล้ว รู้สึกเหนื่อย แต่เมื่อต้องมาทำงานในสายงานที่ หน้าที่การงานบังคับว่า จะต้องมีวุฒิการศีกษา เพื่อความก้าวหน้าในสายงาน (กึ่งบังคับ ก็ ต้องเรียน แบบเต็มใจค่ะ)          การจบปริญญาเอก ไม่ได้ แสดงว่า พื้นฐานทฤษฏีแน่นหรอกค่ะ จากคุณ : GenUSA (Sugar Berry) - [ 11 มี.ค. 51 19:38:38 ]

ความคิดเห็นที่ 3 นักวิจัย นอกจากอ่านเปเปอร์แล้วเพื่อเบิกแนวทางวิจัยเรื่องใหม่ๆ ยังต้องทำวิจัยค่ะ เอาผลมาวิเคราะห์ แล้วก็เขียนเปเปอร์กันต่อไป เท่าที่เห็นบางคนก็ชอบที่อ่านหนังสือ อ่านเป็นงานอดิเรก เหมือนติดนิยายอย่างไรอย่างงั้น ดังนั้นถ้าคุณชอบอ่านหนังสือเป็นงานอดิเรก ชอบวิเคราะห์ ช่างสังเกต ชอบทำการทดลองละก้อ คุณก็น่าที่เป็นเป็นนักวิจัยได้ ส่วนการได้ปริญญาเอก บางคนเค้าชอบเรียนจริงๆค่ะ เรียนแล้วสนุกมั้ง อีกแง่นึงก็คือ ไม่อยากทำงานก็ได้ เรียนแล้วภาระน้อยกว่าทำงานค่ะ ส่วนใบเบิกทางนั้นก็เป็นผลพลอยได้ค่ะ ถ้าคุณถามคนจบปริญญาเอกในเรื่องกว้างๆ เค้าไม่รู้หรอก การเรียนปริญญาเอกนั้น เป็นการเรียนเน้นเฉพาะทางจริงๆ เค้าอาจจะรู้แต่ทฤษฏีด้านนั้นๆๆเท่านั้น แน่นอยู่ด้านเดียวค่ะ จากคุณ : ลิงน้อย - [ 11 มี.ค. 51 21:08:07 A:216.206.197.131 X: TicketID:145647 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เรียน Ph.D. เหมือนคุณเอาเข็มเย็บผ้าเจาะไปบนเรื่องๆ นึง ที่ลึกซึ้งขึ้น ศึกษาอะไรที่ลึกซึ้ง ถ้าในทางวิศวกรรมศาตร์ คุณต้องทำ modeling ด้วย ซึ่งก็คือเอาผลจาก lab มา interpret ครับ ไม่จำเป็นหรอกว่า "พื้นฐานทางทฤษฎีต้องแน่น" สำหรับทุกคนครับ แต่ที่สำคัญต้องรู้จริงในเรื่องที่ทำครับ จากคุณ : Attjoe - [ 11 มี.ค. 51 21:26:38 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เห็นด้วยกับทุกความเห็นค่ะ จากคุณ : หมีขาวน้อย (หมีขาวน้อย) - [ 11 มี.ค. 51 22:05:03 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ความรู้พื้นฐานที่แน่นปึ๊ก เป็นสิ่งที่จำเป็นหรือไม่คะ? ยิ่งแน่นยิ่งดีครับ แต่ถ้าไม่แน่น แล้วเขารับคุณเข้าไปเรียน แล้วความรู้คุณมาแน่นพอผ่าน preliminary exam ก็ไม่เป็นไรหรอกครับ (อันนี้ผมพูดถึงในการเรียนเอกแบบมีcoursework ก่อนนะครับ) อยากรู้ว่าคนที่ก้าวเข้า ph.d. พี่ๆมีความรู้แน่นปึ๊กก่อนตัดสินใจเรียนต่อหรือเปล่าคะ? ผมคนหนึ่งล่ะ ที่ไม่เลย เพราะเหมือนเปลี่ยนสายเรียนนิดๆ ปอโทเรียน Financial Economics ปัจจุบันเรียนStatistics and Applied Mathematics to Economics ทุกวันนี้มานั่งเรียนอะไรที่ไม่เคยเรียนมาก่อนหลายวิชามาก แต่ก็มีความสนใจสิ่งเหล่านี้มาก่อนอยู่แล้วถึงได้มาสมัครเรียนเอกนะครับ อ่านเปเปอร์รู้สึกมีความสุขเหมือนเวลาดูละคร series รึเปล่า? เหอๆ แล้วแต่ครับ ถ้าอ่านตอนเช้า เพิ่งตื่น สบายใจ ไม่เร่งรัด อาจจะสนุกกว่าดูทีวีนะครับ แต่ถ้าเวลาเร่งรัด งานต้องส่ง แต่ยังอ่านหนังสือไม่ทันตามที่กำหนด อันนี้ไม่สนุกแน่ครับ หรือว่าถ้านั่งอ่านเช้ายันมืด เพราะมีเวลาจำกัด อย่างนี้ไม่สนุกครับ อะไรๆที่เราคิดว่าน่าสนุก ถ้ามันมากเกินไปก็ไม่สนุกทั้งน้ันล่ะครับ เหมือนอาหารนั่นล่ะครับ ถึงจะอร่อยแค่ไหน ถ้าคุณกินเหมือนกันสามมื้อ เจ็ดวันติดกัน มันก็ไม่อร่อย แล้วถ้าไม่ได้ทำงานภาครัฐ โอกาสเรียน Ph.D. โดยได้รับทุนมีมากน้อยแค่ไหนหรือคะ? มีไม่น้อยเลยครับ คุณสามารถขอทุนได้จากมหาลัยโดยตรง ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับประวัติและความสามารถของคุณด้วย และมีทั้งทุนเต็ม และทุนที่ให้บางส่วน นักวิจัย เค้ามี routine ยังไงหรอคะ? ตอนนี้ผมยังเรียนคอสเวิคอยู่นะครับ แต่เรียนน้อย สัปดาห์ละสองถึงสามวัน เรียนน้อย แต่งานเยอะนะครับ ถ้าไม่ได้ไปเรียน เช้าก็ตื่น ไปเล่นเวท อาจหนังสือ เขียนการบ้าน กินข้าวเที่ยง เขียนการบ้าน อ่านหนังสือ กินข้าวเย็น ทำเหมือนเดิม ดูpantipหน่อย แล้วก้อนอน โชคดีครับ จากคุณ : บุ้ง (B Oprysk) - [ 12 มี.ค. 51 02:36:04 ]

ความคิดเห็นที่ 7 นักวิจัย เค้ามี routine ยังไงหรอคะ? เราเรียนแค่โทสายวิทย์ค่ะ พอจบแล้วคงไม่เรียนเอก เพราะที่นี่(เยอรมัน)เท่าที่สังเกตในแล็บ พวกป.เอกทำงานกันหนักมาก ป.เอกที่นี่ไม่มี coursework  มันคือการทำงานเลย  แต่ละคนมากันแต่เช้า กว่าจะกลับกันก็ทุ่มสองทุ่ม  เช้ามาก็มาทำแล็บใหม่  มืดก็กลับ paper ก็ต้องอ่านไปเรื่อย ๆ เพื่อเป็นแนวทางในการวิจัยค่ะ  routine เป็นอย่างนี้ 4-5 ปี  เราไม่ไหวค่ะ เราคงไปหาอะไรทำที่มันบันเทิงรื่นเริงใจดีกว่า หรือทำงานเก็บเงิน เพราะใช้เงินพ่อแม่มามากแล้ว การเรียนเอกคุณต้องชอบด้านนั้นจริง ๆ  ไม่งั้นจะเป็นการทรมานตัวเองค่ะ แก้ไขเมื่อ 12 มี.ค. 51 03:36:43 จากคุณ : Sonnenschein - [ 12 มี.ค. 51 03:34:25 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ^ ^ เพราะอยากเป็นอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัยครับ จากคุณ : Coconut Dance : - [ 12 มี.ค. 51 04:29:07 ]

ความคิดเห็นที่ 9 งานแต่ละด้านก็ต่างกันนะครับ แม้กระทั่งสายวิศวกรรม แค่คอมพิวเตอร์กับวัสดุศาสตร์ การทำงานในช่วงทำ ป เอก ก็ต่างกันสิ้นเชิงแล้ว ส่วนเรื่องการอ่าน เปเปอร์ ถือเป็นกิจลักษณะของนักวิจัยครับ ต้องเปิดหูเปิดตาอยู่เสมอ เพื่อนผมบางคนพาเริ่มทำได้ปีแรก บางคนก็เลิกครับ (ในกรณีที่ไม่ได้รับทุนนะครับ) เพราะรู้สึกว่าไม่เหมาะกับตัวเอง และออกไปอยู่กับบริษัทเอกชนแทน จากคุณ : La Voile - [ 12 มี.ค. 51 04:37:08 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เท่าที่เห็น ดร. (เป็นส่วนใหญ่) แล้วก็งั้นๆ ไม่ได้เก่งไปกว่าเราเลย แค่เรียนจบปริญญาเอกก็เท่านั้นเอง จากคุณ : + - [ 12 มี.ค. 51 09:08:59 A:58.8.127.100 X: TicketID:012743 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ขอบคุณทุกๆความเห็นมากนะคะ ได้แง่คิดมากขึ้นจริงๆ ยังไงขอเป็นกำลังใจให้ Ph.D. Candidate ทุกท่านนะคะ จากคุณ : จขกท - [ 12 มี.ค. 51 09:09:58 A:124.212.154.46 X: TicketID:146695 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ต่อไปนี้ถ้าจะเป็นอาจารย์สอนมหาวิทยาลัย จะต้องจบเอกแล้วนะ สมัยก่อนจบโทก็สอนได้ตรี อะไรพวกนี้ ส่วนพวกเขียนหนังสือ เป็นที่ปรึกษาโทก็พอ มีอาจารย์ที่ปรึกษาบางคนเป็น ผศ. รศ.แล้ว ทำงานมาก็นาน มีวุฒิโท มีเครื่องราชต่าง ๆ นานา มีคนนับหน้าถือตา อายุ 40 นิด ๆ ก็เริ่มไปเรียนเอก กัน เขาบอกว่า มันจำเป็น ไอ้เราก็ต้องรีบเพราะไม่งั้นแก่แล้วจะลำบาก ยังไงก็ต้องเรียนอยู่ดี ถึงอยาก จะสอนแค่พาร์ทไทม์บางตัว ก็ต้องเรียน ปริญญาเอกไม่ได้รู้ทุกอย่าง คนไทยเข้าใจผิดมาก บางทีเอาไมค์ไปจ่อปาก คนจบวรรณคดี ถามเรื่องเศรษฐกิจ ดร.ตอบไม่ได้ก็ผิด (จริง ๆ แล้วเขาไม่ได้ จบเศรษฐศาสตร์ หรือการเงินแต่ก็ยังไปถาม) ผมสบาย ๆ ยังไงคณบดีเขาก็มีวิชาให้สอนแน่นอน จริง ๆ อยากเรียนโทอีก สองสามใบมากกว่า ไม่ได้อยากเรียนเอกอะไรหรอก อยากจะสอนแบบวิชา ปีสาม หลาย ๆ วิชามากกว่า แบบบัญชีมั่ง การตลาดมั่ง โลจิสติกมั่ง แบบ สอนวิชาเดียวกันหลายปีแบบบางคนไม่ได้ (รู้สึกเซ็ง) วันเดียวสอนเรื่องเดิม สามครั้ง เป็นแบบนี้แค่ปีเดียวก็ไม่ไหวแล้ว ป.ล. คิดว่าน่าจะวิ่งรอกดีกว่า รายได้ดีกว่าด้วย (คิดเป็นชั่วโมง) สบายใจ เลือกวิชาได้ ป.ล. อีกอย่างผมคิดว่า จากที่ทำงานกันมา สังคมอาจารย์เป็นสังคมที่เรามี ความสุขที่สุดแล้ว (ถ้าไม่เป็นพวกผู้บริหารมหาวิทยาลัยอะไรแบบนั้น) ยิ่งถ้า ได้คณบดีหรือคนให้อำนาจเราสอน เลือกตำราเรียน (แค่ให้มีบางอย่างครบ ตามที่กำหนดก็พอ) แบบนี้ยิ่งดีเข้าไปใหญ่ เพราะจะให้อิสระเต็มที่ Autonomy สูง ปรับได้ตามความเหมาะสม เนื้อหาก็ทันสมัย เด็กก็เรียนผ่านด้วย จากคุณ : ฟ้าลั่น - [ 12 มี.ค. 51 09:11:59 A:58.181.152.146 X: TicketID:091427 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เราเรียนเอกเพราะอยากเป็นอาจารย์ และที่สำคัญเราได้ทุนให้ถึงปริญญาเอก มีโอกาสแล้วก็ควรเรียนให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ จากคุณ : แพนด้าหน้าใส - [ 14 มี.ค. 51 11:55:32 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เรียนโทควบเอกเคมีอยู่ค่ะ ต่างจากตอนเรียนตรีสุดขั้ว เมื่อก่อนตอนเรียนตรีเคยคิดอยากเป็นนักวิจัย สนใจ และอยากเรียนมากๆ ตอนนี้มาทำวิจัยแล้วเริ่มเปลี่ยนความคิดแล้วค่ะ เพราะเครียดมากๆ ทุกคนในแล็บทำกันแต่งานแบบไม่มีชีวิต ไม่ร้องเพลง ไม่อะไรเลย เราก็กดดันไปด้วย ชอบนะ ยังชอบเคมีอยู่ แต่ไม่อยากอยูในสภาพแบบนี้ไปตลอดชีวิต นี่ยังไม่รู้เลยจะตัดสินใจยังไง แต่จบเอกจะทำอะไร ....งานมีให้ทำเยอะค่ะ แต่ไม่รุ้ว่าอยากทำหรือเปล่า เพราะทุกวันนี้รู้สึกเหมือนกับว่าแทบจะไม่มีชีวิตอยู่แล้ว ตอนนี้อยู่ในช่วงตัดสินใจค่ะ อย่างหนึ่งที่อยากบอกไว้คือ PhD doesn't mean $$$$$. จากคุณ : อีฟ เคมี - [ 14 มี.ค. 51 21:51:41 A:66.57.185.190 X: TicketID:162406 ]