Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    อุทาหารณ์ของการตามแฟนไปเรียนเมืองนอก เสีใจจนเป็นบ้า ถูกส่งเข้า รพ.บ้า{แตกประเด็นจาก H6410960}

    ค่ะจากครั้งที่แล้วที่เราบอกว่าเราเริ่มร้องไห้โดยไม่มีสาเหตุ

    แล้วช่วงนั้นเราเองก็ไม่ค่อยสบาย แล้วหาหมอที่นี่ก็แพง

    มากๆ เราก็เลยพยายามเสาะหาฟรีคลีนิค แล้วก็ได้เจอพี่

    คนไทยคนนึง เค้าก็บอกว่าให้ไปที่ T.H.E. Clinic เพราะที่

    คลีนิคนี้ฟรีทุกอย่าง แล้วก็มีคนไทยทำงานด้วย

    เราก็เลยไปปรึกษากับที่คลีนิคนี้ก็ได้เจอกับ

    พี่ศุภชัย ตรีบำรุง(อันนี้เป็นชื่อจริงของพี่เค้า เพราะพี่เค้า

    รู้เรื่องราวของเรามาตลอด แล้วเราก็ขออนุญาตพี่เค้าเอา

    ชื่อจริงมาลง คือเราอยากบอกว่าในบางครั้งตอนที่เราหมด

    หวังท้อแท้ จนคิดฆ่าตัวตายแล้วเนี่ย ยังมีคนที่ไม่ใช่ญาติ

    ไม่ใช่คนที่รู้จักมาก่อน ยังเป็นห่วงเราอยู่ คือหลังจากที่เรา

    ไม่สบาย เราก็ไปหาหมอ แล้วพอเราไม่สบายอีก ก็กลับไป

    ที่คลีนิคนี้ทุกครั้ง แต่พอเราร้องไห้โดยไม่มีสาเหตุนี่สิ

    เราก็คิดว่ามันคงไม่ใช่โรค คงเป็นที่เราเอง เราเองก็หาเหตุ

    ผลให้ตัวเองไม่ได้นะ เพราะบางครั้งแค่เราเกิดอารมณ์

    เศร้า หรืออยู่คนเดียวนานๆ ก็จะร้องไห้โดยไม่มีสาเหตุ

    บางครั้งเราคุยโทรศัพท์กับเพื่อนคุยกันสนุกสนาน พอวาง

    สายปุ๊บ เราร้องไห้โดยไม่มีสาเหตุ แล้วไม่ใช่ร้องแค่แป๊บ

    เดียวนะ ร้องมาราธอนค่ะ ครั้งล่าสุดก่อนที่จะเกิดเรื่อง

    เราร้องตั้งแต่ทุ่มนึงถึงตีสามเลยอ่ะ ร้องแบบหยุดแล้วก็ร้อง

    อีก จนเหนื่อยหลับไปเอง มันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม

    จนเราเห็นว่าไม่ไหวแล้ว เราก็เลยปรึกษากับพี่ศุภชัย พี่เค้า

    ก็แนะนำให้เราพบกับนักบำบัตจิต ซึ่งเราก็ได้คุยกับเค้า

    แล้วเค้าก็ส่งเราไปหาหมอนะ หมอก็คุย แล้วก็บอกว่าเรา

    เป็นโรคซึมเศร้า แล้วก็เครียด หมดก็ให้ยามาแต่

    ผลข้างเคียงของยานี้คือมีความเสี่ยงในการฆ่าตัวตายสูง

    ได้ผลค่ะ พอเราเริ่มกินยานี้ ผลที่ได้คือเศร้ากว่าเดิม

    ร้องไห้หนักกว่าเดิม แถมยังคิดฆ่าตัวตายตลอดเวลา

    เทอราปีส์ ที่นี่ก็เลยถามเราว่าเราอยากกลับเมืองไทยมั๊ย

    เราก็บอกเราคิดถึงครอบครัว เค้าก็แนะนำให้เรากลับ เราก็

    เลยตัดสินใจกลับ แต่ผลที่ได้กลับแย่กว่าเดิม เพราะพอ

    เรากลับไปอยู่บ้าน ความทรงจำเก่าๆ ก็กลับมาอีก เชื่อมั๊ย

    ว่าเราต้องให้น้องที่บ้านขนตุ๊กตาที่เค้าเคยซื้อให้วันเกิด

    ออกไปให้หมด น้องกับแม่ต้องเก็บรูปภาพของเรากับเค้า

    ออกไปให้หมด แต่เราก็ยังไม่หยุดฟุ้งซ่านค่ะ มีบางคืนลุก

    ขึ้นมากรีดร้องโดยไม่มีสาเหตุ นอนร้องไห้ แล้วก็ลุกขึ้นไป

    จะกระโดดตึก อาการหนักมาก แม่ต้องมานอนเป็นเพื่อนที่

    บ้านเรา นึกแล้วก็บาปนะ แม่เราขายข้าวแกงตอนเช้าไง

    ต้องตื่นตีสามทุกวัน(ไม่ยอมเลิก บอกว่าเคยทำมาตลอด)

    ต้องเดินจากบ้านเรากลับไปบ้านแม่ ตอนตีสามทุกวัน พอ

    หัวค่ำประมาณสามทุ่มก็เดินมาบ้านเรา แม่เราก็เป็นห่วง

    น้องก็สงสัยว่าเราเป็นอะไร อีกอย่างช่วงที่เรากลับมาเมือง

    ไทย เราได้ไปเยี่ยนเพื่อนๆ พี่ๆ ที่บริษัทเก่า พวกเค้าก็ดีใจ

    ที่เรากลับมานะ ยังมีไปกินข้าวกัน เราเองก็ไม่กล้าเล่าว่า

    เราเจออะไรมาบ้าง เพราะตอนเราจะไปพวกเค้าก็ช่วยเรา

    ทุกอย่าง ยิ่งเห็นบริษัทเดิม ที่ทำงานเดิม เรายิ่งเสียใจหนัก

    มากขึ้นไปอีก ก็เลยกระทำการโง่อีกครั้งด้วยการโทรไป

    หาพี่ชิตอีก บอกเค้าว่าเราอยู่เมืองไทยแล้วนะ เรายังคิด

    ถึงค้าอยู่นะ เค้าก็อือๆออๆ ไปตามเรื่อง สุดท้ายเราก็ให้

    เบอร์มือถือเรากับเค้าไว้ บอกว่าถ้าว่างก็โทรมาหาเราบ้าง

    นะ แต่เราอยู่เมืองไทยสองอาทิตย์ เค้าไม่โทรมาเลยค่ะ

    เราก็เลยถามแม่ว่า ถ้าลูกแม่เรียนอะไรก็ไม่จบ เจอผู้ชาย

    ทิ้ง เพราะไม่เชื่อแม่ แม่จะอายมั๊ย ถ้าหนูกลับมาอยู่บ้าน

    กลับมาเริ่มใหม่ แม่ตอบมาทำเอาเราน้ำตาไหลเลย

    แม่บอกว่า" แม่ไม่อายหรอกลูก แม่หน้าด้าน ลูกแม่จะ

    เป็นยังไงก็ยังเป็นลูกแม่ ถ้ามันอยู่ลำบากก็กลับมาอยู่บ้าน

    เราดีกว่า มีเงินเก็บแสนนึง ถ้าไม่ฟุ่มเฟือย ค่อยๆ ทำเอา

    ใหม่ แค่ผ่อนบ้านเดือนละหมื่นกว่าบาท ช่วยๆ กันก็ได้ลูก"

    เราก็คิดอยู่หลายวันนะ แต่สุดท้ายเราก็กลับมาที่นี่อีกครั้ง

    จำได้ว่ากลับมาวันตรุษจีนค่ะ แล้วที่นี่เค้าก็มีศาลเจ้านะ

    เราเองก็อยากไปไหว้พระไว้เจ้าบ้าง เผื่อจะสบายใจ ก็

    เลยนัดกับแมนแล้วก็พี่ที่ทำงานที่เดียวกับเราไปกัน ผล

    ปรากฎว่าเราไปเจอเค้าค่ะ เราไม่เห็นเค้าหรอก แต่แมน

    เรียกให้เรารู้ว่าเค้าก็มา มากับเพื่อนผู้หญิงของเค้า นาทีนั้น

    เราไม่เห็นเค้าหรอกนะ เราเดินออกไปเลย พี่ที่มาด้วยก็

    งงว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เราก็กลับมา พอมาถึงบ้านเราก็เริ่ม

    ร้องไห้อีก แล้วคิดอะไรไม่ออกเราก็โทรไปหาแม่เรา

    แม่บอกว่าแม่ก็ว่าจะโทรหาเรา เพราะเค้าโทรมาหาแม่เรา

    ซึ่งแม่ก็บอกว่าอะไรที่แล้วมาก็ให้แล้วไปนะ แต่เค้าบอก

    กับแม่เราว่าเราชอบหาเรื่อง แต่เค้าก็ยังรักเรา แล้วเค้าก็จะ

    แต่งงานกับเรา คิดดูเค้าจะทำยังไงกับเราๆ ไม่ว่า แต่นี่เค้า

    ไปพูดเรื่องแต่งงานกับแม่เรา แม่เราก็ดีใจนะ เพราะลึกๆ

    แล้วแม่ทุกคนก็อยากให้ลูกมีความสุข เราก็เลยโทรหา

    เค้าคืนนั้นเลย แล้วก็ถามเค้าๆ ก็บอกว่าจริง แล้วเค้าก็นัด

    เจอเราวันรุ่งขึ้น เราก็ไปนะ เพราะลึกๆ แล้วยังไม่เข็ดไง

    ยังรักยังคิดถึงเค้าอยู่ ถึงเวลาจะผ่านมาปีครึ่งแล้วก็ตาม

    ปีครึ่งที่ผ่านมาเราก็ตามเค้ามาตลอดนะ แล้วเค้าก็กลับมา

    คืนดีกับเราครั้งนึงแล้วด้วย แล้วเค้าก็เฉยๆ ไม่โทรหาไม่

    คุยกับเราอีก


    เราก็ออกไปเจอเค้าวันรุ่งขึ้น เค้าก็เข้ามานั่งในรถเรา เค้า

    ก็ถามเราว่าเรามาดีกันมั๊ย เราเองดีใจนะลึกๆนะ แต่ก็ยัง

    เจ็บอยู่ไง ก็ถามว่าจะไม่ถามบ้างเหรอว่าปีครึ่งที่ผ่านมาเรา

    เจออะไรมาบ้างช่างที่เค้าทิ้งเราไป เราก็บอกว่าให้เราลืม

    เรื่องทุกอย่าง เรามาเริ่มต้นกันใหม่ ฟังดูเหมือนจะหวานชื่น

    ใช่มั๊ยคะ ยังค่ะ ยังไม่จบแค่นั้น เค้าก็ชวนเราไปกินข้าว

    ไปดูหนังทำเหมือนเป็นคู่รักปกติค่ะ แต่ความสุขมักอยู่ไม่

    นานค่ะ เค้าเรียกชื่อเราเป็นชื่อผู้หญิงคนอื่นบ่อยมากค่ะ

    อย่างเช่นเค้าจะเรียกเรา แทนที่เค้าจะเรียกชื่อเรา เค้ากลับ

    เรียกชื่อกวาง(เพื่อนผู้หญิงของเค้า) ซึ่งไม่ใช่ครั้งเดียว เรา

    เองตอนแรกๆ ก็ยังทำตลก บอกนี่ๆ อย่าเปลี่ยนชื่อชั้น

    แต่บ่อยๆ เข้าเราก็โมโหนะคะ แล้วเหตุผลของเค้าก็คือ

    เค้าทำงานด้วยกัน ไปทำงานด้วยกัน กลับด้วยกัน สนิทกัน

    เลยชื่อติดปาก แต่ที่เราอภัยไม่ได้เลยคือ เราก็เถียงกับ

    เค้าเรื่องนี้อยู่ แล้วเราจะถอยหลังไปจะล้ม เค้าก็รีบคว้าข้อ

    มือของเราไว้ แล้วตะโกนว่า"กวางระวังล้ม" แล้วก็ดึงมือ

    เราขึ้นมาถามว่า "เป็นไงมั่งกวาง พี่เป็นห่วงนะ" เรานะจี๊ด

    เลย ตกลงนี่จะเอายังไงกับชั้น แล้วตอนนั้นเราก็คุ้มดีคุ้ม

    ร้ายไง โมโหง่าย แล้วก็พอโมโหแล้วเนี่ยก็อยากทำให้

    คนอื่นเจ็บ อยากทำร้าย เป็นอาการทางจิตชนิดนึงน่ะ

    เราก็เลยตบหน้าเค้า แล้วก็คว้าโทรศัพท์ของเค้าขึ้นมาโทร

    หาผู้หญิงที่ชื่อกวาง ถามเค้าเลยว่าตกลงเป็นอะไรกัน

    ทำไมเค้าเรียกชื่อเราเป็นเธอ ซึ่งกวางเค้าก็ไม่ตอบนะแต่

    วางสายไปเลย เราก็เริ่มร้องไห้อีก แล้วก็คิดว่าไม่เอาแล้ว

    ไม่อยู่แล้ว เค้าก็กดเราลงไปนอน แล้วก็เอาขากดหน้าอก

    เราไว้ ไม่ให้เราขยับ จนถึงเช้า เราก็กลับบ้าน แล้ววันนั้น

    พอเราไปเรียน ก็เริ่มร้องไห้อีก จนอาจารย์ทนไม่ไหวบอก

    ให้เรากลับไปหานักจิตบำบัดอีก เราก็เลยโทรหาพี่ศุภชัย

    พี่เค้าก็ให้เราเข้าไปวันรุ่งขึ้น แต่เราเองนี่แหล่ะที่เป็นตัวก่อ

    ปัญหา เพราะคลีนิคพี่ศุภชัยเนี่ย มันต้องผ่านบ้านเค้าไง

    เราก็ขับรถมาดีๆ อยู่ๆ ก็เกิดอาการคลั่งขึ้นมา นึกอยากฆ่า

    เค้ามากเลย ก็มองในลิ้นชักรถ เห็นมีคัดเตอร์อยู่ ภาพมัน

    ลอยมาเลยนะ นึกถึงตอนที่เราปาดคอเค้า แล้วเลือดพุ่ง

    ออกมาจากคอ แล้วเราปาดซ้ำอีก บอกตรงๆ ว่าเราคิด

    แบบนั้นจริงๆ แล้วเราก็ขับรถเข้าไปในบ้านเค้า นับว่าเค้า

    ยังโชคดี ที่วันนั้นเพื่อนญี่ปุ่นของเค้ากำลังจะกลับประเทศ

    อยู่กับเค้าด้วย เราก็เลยได้คุยกับเค้า แล้วเราก็สงบลงนิดนึง

    แต่เราก็บอกเค้านะว่าทำไมเราเป็นอย่างนี้ แล้วเราก็ถามว่า

    เรื่องที่บอกแม่เราว่าจะแต่งงานกับเรา จริงๆ แล้วพูดไป

    เล่นๆ ใช่มั๊ย ไม่คิดจะทำจริงใช่มั๊ย พูดทำไม เล่นกับเรา

    ได้นะ แต่ทำไมต้องไปเล่นกับแม่เราด้วย เค้าก็ตอบว่าเค้า

    ไม่ได้เล่น แค่เปลี่ยนใจ เพราะเราเป็นบ้าแบบนี้ เราก็เลย

    ถามว่าแล้วกลับมาหาเราทำไม เราเองก็กำลังดีขึ้นแล้ว

    เค้าก็บอกว่า กวางบอกให้กลับมาคุยกับเรา แล้วยังบอกอีก

    นะว่า เห็นมั๊ยว่ากวางเค้าดีนะ เค้าบอกให้กลับมาคืนดีกับ

    เรา มีแต่เราไประรานกวาง ทำให้เค้าโกรธ เพื่อนเค้าดี

    อย่างนั้นอย่างนี้ มีแต่เราที่เลว ขาวีน ไม่ดี เลยซักอย่าง

    ซึ่งตอนนั้นเองที่อาการเรากำเริบขึ้นมาอีก ภาพเค้านอน

    จมกองเลือดมันผุดขึ้นมาเลยนะ คิดอย่างเดียวจะฆ่ามันๆ

    ทีนี้ด้วยที่เรานึกได้ว่ามันจะเกินเวลาที่นัด นักจิตบำบัดไว้

    แล้วเราก็เลยล้วงไปหามือถือเพื่อจะดูเวลา แค่เค้าเห็นเรา

    ทำอย่างนั้น เค้าก็ร้องขึ้นมาให้เพื่อนเค้าได้ยินเลยว่า

    'Help me, she gonna kill me' เค้าร้องอยู่อย่างนี้ประ

    มาณสองสามครั้ง จนคนข้างบ้านโผล่มาดู ทั้งๆ ที่เราไม่ได้

    มีเจตนาจะทำอย่างนั้นนะ แล้วที่อเมริกาเนี่ย เวลาที่มีคน

    ร้องอย่างนี้เนี่ย เค้าไม่ได้ถือเป็นเรื่องเล่นนะ มันเป็นเรื่อง

    ที่ขัดกฎหมายของเค้า งานนี้เลยมีตำรวจมาเกี่ยวแล้วค่ะ

    เราเลยได้ประสบการณ์โดนใส่กุญแจมือ นั่งรถตำรวจไป

    รพ.บ้าค่ะ ยังไงไว้มาเล่าต่อนะคะ ต้องไปอ่านหนังสือ

    เตรียมสอบพรุ่งนี้อีกแล้วค่ะ ขอบคุณค่ะที่พยายามอ่านจน

    จบ

    จากคุณ : หลงผิด - [ 19 มี.ค. 51 10:40:45 A:75.16.32.97 X: TicketID:035483 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom