PANTIP.COM : H6445897 ขอระบายหน่อยเถอะค่ะ แบบว่าทนไม่ไหวแล้ว [ชีวิตในต่างแดน]

ความคิดเห็นที่ 5

ปัญหามันมาตกอยู่ที่เรา ก็เพราะทางแบงค์เค้าต้องการงบการเงินโดยมี CPA ตรวจและเซ็นรับรอง ที่รู้กันนะค่ะว่า subprime ที่ำทำให้ทางแบงค์ต้องการเอกสารทางการเงินพวกนี้ เค้าจะเข้มงวดมากขึ้น ทางแบงค์บอกว่าถ้าไม่ได้ภายในสิ้นเดือนนี้เงินกู้จะถูกยกเลิก ก่อนหน้านี้ห้างหุ้นส่วนนี้เคยกู้ 12 ล้านเมื่อ 3 ปีก่อนทางแบงค์ขอแค่งบการเงิน ไม่ต้องให้ CPA ตรวจรับรอง

ถ้ามีข้อมูลครบมันก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอกค่ะ คนที่เป็น bookkeeper สมัยนายจอห์นอยู่ เค้าทำเรียบร้อยมาก เราเอาข้อมูลมาออกงบการเงินและทำภาษีอย่างไม่มีปัญหาเลย

ทางหัวหน้านี่ก็พยายามไปหาคนออกงบการเงินให้ เพราะคนออกงบการเงิน จะเซ็นชื่อตรวจไม่ได้ ปรากฎว่าไม่มี CPA คนไหนกล้าทำให้ แล้วทางแบงค์ก็เร่งรัดมา หัวหน้าก็เลยบอกว่าให้ เราออกงบการเงิน แล้วเค้าจะไปหา CPA คนอื่นมาตรวจงบแทน

เราก็มีข้อมูลแค่ 6 เดือนแรกจาก bookkeeper คนเก่า ส่วน 6 เดือนสุดท้ายนี่ข้อมูลกระจัดกระจายมาก เราดูแล้วจับผิดได้หลายจุดเลย ยกตัวอย่างเช่น แบงค์นี่เปิดใหม่หลายแบงค์มาก บางแบงค์เปิดแค่ 1 เดือนก็ปิด แล้วไปเปิดบัญชีใหม่ นับได้ประมาณ 6-7 บัญชี แล้วบางบัญชีเราไม่มีตัวแบงค์สเตนเม้นท์ตั้งแต่ต้น

ที่นี่หัวหน้าก็มาเร่งเราบอกว่า จะทำเสร็จไหม เราบอกว่า ข้อมูลไม่ครบจะทำเสร็จได้งัย วันนี้เพิ่งมารู้ว่า นายเจเก็บเอกสารเข้าในตู้แล้วล็อคไว้ แล้วถือกุญแจอยู่คนเดียว bookkeeper ก็หาข้อมูลให้ไม่ได้ แถมหัวหน้ามาบอกว่า CPA ของนายเจ เค้าไม่เซ็นชื่อตรวจให้แล้ว ให้ไปหาคนอื่นแทน

เมื่อตอนบ่าย หัวหน้าก็มาเร่งอีก เราแบบว่าอดทนไม่ได้ บอกว่า จะให้ฉันแต่งตัวเลขใช่ไหม ข้อมูลก็มีไม่ครบแล้วจะทำถูกต้องได้อย่างไร หัวหน้ากลับมาด่าเราว่า Are you stupid? I'm not gonna send that kind of statement to the bank. ที่เราพูดไปแบบนั้นเพราะก่อนหน้านี้ หัวหน้าเคยให้เราตรวจบริษัทหนึ่ง เรารู้ว่าข้อมูลมันผิดบอกหัวหน้าไปแล้ว เค้าก็ไม่ยอมเชื่อเซ็นตรวจงบไป ตอนนั้นเกือบต้องมีคดีขึ้นศาลเลย แถมเงินก็ไม่ได้ด้วย เรากลัวมาก ๆ ไม่อยากทำแบบนั้นอีกต่อไป

ตะกี้เราก็ทนไม่ไหวอีกรอบ เราทำงานของลูกค้าอื่น หัวหน้าก็มาบอกว่า เมื่อไรจะกลับไปทำงบการเงิน เราเลยบอกไปว่า หัวหน้าก็ว่าง น่าจะเอาทำเอง (เพราะเราเห็นว่า บางทีก็แอบหลับในห้อง แถมเล่นไพ่กับลูกค้าด้วย) แกมาบอกว่า ไม่ทำ จะให้เราทำ เราก็รู้อยู่แล้วว่าต้องได้คำตอบแบบนี้ เพราะตั้งแต่ทำงานมา ยังไม่เคยเห็นหัวหน้าออกงบการเงินด้วยตัวเองเลย ขนาดเช็คยอดกับบัญชีเงินสดยังทำไม่ลงตัวเลย ต้องให้เรามาแก้ให้ตลอด เรายังนึกเลยว่าเป็น CPA ประสาอะไรทำอะไรก็ไม่เป็น เพิ่งมารู้ตอนหลังว่าสมัยก่อนไม่ต้องสอบ เรียนจบก็ได้เป็น CPA เลย แถมมาพูดอีกว่า ถ้าตัวเองไปสอบ ก็คงตก เรางี้แบบว่าไม่อยากเชื่อถือเลย

หัวหน้าก็เรียกเราไปคุยที่ห้องแทน เพราะเราเถียงเค้าเสียงดังมาก เค้าคงไม่อยากให้เพื่อนร่วมงานได้ยิน มาบอกเราว่าให้ใจเย็น ๆ จะพยายามหาข้อมูลที่เหลือมาให้ ให้ทำเท่าที่ทำได้ ไม่รู้จะทำยังงัยดี ไม่อยากแต่งตัวเลขเลย เพราะเงินมันหลายไป 3 ล้าน

เพื่อนร่วมงานก็มาปลอบใจ แต่ก็ไม่รู้จะช่วยยังงัย หัวหน้านี่แบบว่าเห็นแก่เงินมาก ๆ ไม่เห็นความถูกต้องเลย

ขอจบแค่นี้ก่อนแล้วกัน ปวดหัวมาก ๆ

จากคุณ : MC_Sand - [ 22 มี.ค. 51 05:12:54 ]

ความคิดเห็นที่ 13

ขอบคุณทุกท่านนะค่ะ ที่มาให้กำลังใจ ไปปรึกษาทนายแล้วค่ะ เค้าบอกว่าเปลี่ยนงานใหม่ได้ ตอนนี้ก็นั่งอัพเดท resume อยู่ จริง ๆ แล้วตั้งใจว่าหลังจากได้กรีนการ์ดจะทำงานที่นี่ต่อ 1 ปี พอเจอเหตุการณ์แบบนี้เลยไม่อยากทำต่อแล้วค่ะ

จะบอกว่าทำงานที่นี่ต้องเรียนรู้ด้วยตัวเองทั้งนั้นเลย ไม่มีคนมาสอนงาน คนที่มาทำก่อนเรา เจอเค้าแค่แป๊ปเดียวเองเพราะเค้ามาเก็บของ เลยไม่ได้สอนงานอะไรให้ แต่โชคดีที่เค้าทำงานเป็นระเบียบ เราเลยไปศึกษาจากงานเก่าที่เค้าเคยทำไว้ เพิ่งมารู้ตอนหลังว่าที่เค้าลาออกก็เพราะ ก่อนหน้านี้ลูกชายหัวหน้าเป็นหุ้นส่วนกัน ลูกชายเค้าไม่อยากทำบัญชีแล้ว เลยไปเรียนต่อเป็นทนาย คนนั้นเค้าเลยคิดว่า มีหัวหน้าคนเดียวคงจะไปไม่รอด หัวหน้ายังยอมรับเลยว่าตอนลูกชายแกทำงานด้วย ตัวหัวหน้าไม่ค่อยได้ทำอะไรเลย หัวหน้าพูดอย่างภูมิใจมากเลยว่า คนนั้นพูดผิด ออฟฟิตยังอยู่ไม่ได้เจ้ง

ทำงานที่นี่ต้องทำทุกอย่างเลย เก็บขยะจากห้องน้ำ ห้องครัวไปทิ้ง เปลี่ยนหลอดไฟ (ต้องปีนบันไดขึ้น มีครั้งนึงโดนไฟดูดด้วย) เปลี่ยนโทเนอร์ของเครื่องพริ้นเตอร์ แฟกซ์ เครื่องถ่ายเอกสาร ก่อนกลับบ้าน (ส่วนใหญ่เราจะกลับเป็นคนสุดท้าย) ก็ต้องค่อยไปเช็คดูตามห้องต่าง ๆ ว่าปิดไฟ ปิดวิทยุ ปลั๊กเสียบกาต้มน้ำ ดึงออกหรือยัง ตอนมาทำงานใหม่ ๆ ก็ไม่รู้ว่าต้องไปค่อยปิดของพวกนี้ ห้องใครก็ควรรับผิดชอบ เราแค่ปิดไฟแล้วก็ล็อคประตูกลับบ้าน วันรุ่งขึ้นเมียหัวหน้ามาบอกว่า กลับบ้านเป็นคนสุดท้ายก็ควรจะเช็คทุกอย่างก่อนออกจากออฟฟิต ทำงานเหมือนแม่บ้านเลย มีครั้งหนึ่งเราต้องไปชงกาแฟให้ลูกค้า เราไม่ดื่มกาแฟเลยชงไม่เป็น ก็ต้องชงแบบมั่ว ๆ ใส่กาแฟผงเยอะมาก

งานในออฟฟิตนี่ก็ทำทุกอย่าง ซอฟแวร์ตัวใหม่เราก็ต้อง install เอง แบลคอัพข้อมูล บางครั้งคอมพิวเตอร์หัวหน้าหรือของเมียแกมีปัญหา เราก็ต้องไปดูให้ สอนวิธีส่งอีเมล์ เปิดไฟล์แนบอีเมล์ (อันนี้สอนไปหลายครั้งมาก ให้จดวิธีทำ ยังทำโน้ตที่จดหาย ตอนหลังก็มาบอกเรา ไม่ต้องสอนแล้วจำไม่ได้อยู่ดี มาส่งอีเมล์ให้หน่อย เปิดไฟล์ให้หน่อย) มีครั้งหนึ่ง เมียหัวหน้าแกไปถ่ายเอกสารบทความจากหนังสือพิมพ์มา แล้วมาบอกว่าให้อีเมล์ให้หน่อย เราบอกว่าจะอีเมล์ยังงัย เครื่องสแกนก็ไม่มี ตอนแรกเรายังนึกว่าเค้าจะให้ส่งแฟกซ์ซะอีก แต่เราไปเห็นกระดาษเขียนเบอร์อีเมล์ ก็เลยรู้ว่าจะให้ส่งอีเมล์จริง ๆ

คนเคยทำงานที่นี่ออกบ่อยมาก ไม่ว่าจะโดนไล่ออก หรือออกเอง เราต้องสอนงานให้ทุกคนเลย บางคนเพิ่งสอนไปได้อาทิตย์เดียว โดนไล่ออกแล้ว นับคร่าว ๆ แล้วประมาณเกือบ 15 คนได้ที่เคยสอนงานมา บางครั้งเราก็ต้องไปสัมภาษณ์คนที่มาสมัครงานด้วย

มีครั้งหนึ่ง คนที่เพิ่งมาทำงานได้ 2 สัปดาห์ เค้ามาถามเราว่า หัวหน้านี่ใจดีนะ อยากซื้อของขวัญวันคริสมาสต์ให้ เราจะร่วมแชร์ไหม เรารู้ว่าคนนี้เค้าจะโดนไล่ออกเพราะหัวหน้ามาบอกเราก่อน แต่เราไม่ได้บอกเค้า เราบอกเค้าแค่ว่า หัวหน้าเค้าเป็นยิว เค้าไม่ฉลองคริสมาสต์ เราไม่เคยซื้ออะไรให้เป็นของขวัญเลย วันรุ่งขึ้นก่อนคริสมาสต์ เค้าหิ้วกระเช้าผลไม้มา แล้วเข้าไปมอบให้หัวหน้า สักพักเค้าเดินออกมาแบบหน้าเสีย แล้วเดินออกจากออฟฟิตไปเลย เราไม่คิดว่าเค้าจะโดนไล่ออกวันนั้นเลย หัวหน้ายังมีหน้ามาบอกเราว่า แบ่งผลไม้ไปกินบ้างไหม เราบอกว่า ไม่เอาหรอก แถมรู้สึกผิดนิด ๆ ด้วยที่ไม่ได้บอกคนนั้นก่อน

ล่าสุดก็มีคนเพิ่งโดนไล่ออกไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เราไม่รู้เลยว่าเค้าโดนไล่ออก เราไม่เห็นเค้ามาทำงาน 2 วัน เราถามเพื่อนที่ทำงานอีกคน เค้าบอกว่า คนนั้นเค้าโทรไปคุยที่บ้าน บอกว่าโดนไล่ออกไปแล้ว วันสุดท้ายที่เค้าทำงานเรายังไปสอนงานเค้าอยู่เลย แอบสงสารเค้าเหมือนกัน เห็นบอกว่าต้องเอาลูกไปอยู่เดย์แคร์เพื่อมาทำงาน แล้วโดนไล่ออกแบบไม่ได้ตั้งตัวแบบนี้ เรื่องในออฟฟิตนี่เยอะมาก เล่าอาทิตย์นึงก็ไม่จบ

เคยเล่าเรื่องที่ทำงานให้แม่ฟัง แม่บอกว่า กลับมาทำงานที่เมืองไทยเถอะลูก จริง ๆ ก็อยากกลับ แต่กลัวหางานไม่ได้เพราะอายุใกล้เลข 4 แล้ว

จากคุณ : MC_Sand - [ 22 มี.ค. 51 13:19:59 ]