PANTIP.COM : H6448574 เศร้าใจจัง ไม่ได้เงินคืนไม่ว่า แต่อย่านิินทา []

ความคิดเห็นที่ 14

ไม่แน่ใจว่าจขกท. อยู่ที่ประเทศไหน ถ้าอยู่อเมริกา จริงๆ แล้วถ้าอยากได้ security deposite คืน สามารถฟ้องเอาได้นะคะ การฟ้องสามารถทำได้ที่ small claim court ของแต่ละ city small claim court คือ court ที่มีการฟ้องร้องเอาเงินไม่เกิน 7500 เหรียญ สามารถทำได้ด้วยตัวเองไม่ต้องใช้ทนาย แต่ว่าเราต้องมีหลักฐาน แน่นหนาหลายอย่าง ถ้า จขกท. ย้ายไปอยู่ที่ใหม่ที่อยู่ใน city เดียวกัน (เพราะต้องเดินทางมา court) และอยาก give them a hard time ก็ทำได้เลย เรื่องไรจะมาเอาเงินเราไปฟรีๆ แถมถ้าชนะก็ได้เงินกลับมาด้วย แต่วิธีการเก็บเงินอาจยุ่งยากเล็กน้อย เอหรือถ้าเป็นแบบกรณีเราก็อาจไม่ได้เงินกลับมา

ว่าแล้วก็ขอเล่าประสบการณ์ small claim court ของเราให้ฟังนะคะ เรามาอเมริกาตอนแรกด้วยวีซ่าทำงานต้องมาอยู่คนเดียว ที่แคลิฟอร์เนีย เราหาบ้านเช่าจาก craigslist.org เราก็ไปเจอบ้านหลังนึงดูโอเค เราเลยตัดสินใจเช่า เจ้าของบ้านเป็นชายอเมริกันอายุประมาณสี่สิบกว่าๆ เราได้ทำสัญญาเช่าบ้านเป็นแบบรายเดือนและจ่าย security deposite ไป 1075 เหรียญ ราคาเท่าค่าเช่าห้อง จ่ายเป็นรายเดือน ไม่มี lease ส่วน utilities หรือค่าน้ำค่าไฟค่าแก๊สจ่าย 1/3 สัญญาเช่านี่สำคัญมากนะคะเราต้องดูให้ดี ถ้าเป็น lease เราต้องอยู่ให้ครบตามที่เซ็น ถ้าเซ็นหนึ่งปี ถ้าเราย้ายออกก่อน เราต้องจ่ายค่าเช่าจนครบหนึ่งปี และดูว่าเค้าคิดเราค่าอะไรบ้าง บางที่อาจไม่คิดค่าน้ำ คิดแต่ค่าไฟกะแก๊ส บ้านที่เราเช่ามีทั้งหมดสองห้องเช่า แต่อีกห้องยังไม่มีคนมาเช่า

เราอยู่มาได้สี่เดือน เราไปเจอที่ใหม่อันนี้เป็นอพาร์ตเม้นท์แบบมีห้องนั่งเล่นและมีครัว แถมราคาถูกกว่า เราเลยตัดสินใจจะย้ายออกจากที่เดิม เราเลยเขียนจดหมายบอก landlord ล่วงหน้าหนึ่งเดือนว่าเราจะย้ายออกเดือนหน้า ย้ำนะคะว่าเราต้องเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรและต้องทำ copy ไว้ด้วย ถ้าให้เค้าเซ็นรับรู้ได้ยิ่งดี แต่ตอนนั้นเราไม่รู้ เราเลยไม่ได้ทำ copy ไว้

ก่อนเราย้ายออกหนึ่งเดือน มีชายหนุ่มคนหนึ่งมาเคาะประตูหน้าบ้านแล้ว ถามหา landlord ว่าอยู่มั้ย landlord ค้างเงินเค้าอยู่ 850 เพราะเค้าจ่ายค่า deposite ไว้แล้วแต่ว่าจะไม่ได้ย้ายมาอยู่เพราะได้งานทำที่อื่น เลยจะมาเอาเงินคืน เค้าบอกว่าโทรมาหลายรอบ แต่เจ้าของบ้านไม่เคยโทรกลับเลย และหายเงียบ เป็นอย่างนี้มาหลายเดือนแล้ว เราก็เลย อ้าวซวยสิ คราวเราจะเป็นยังงี้รึป่าวนะ

สองอาทิตย์ก่อนเราย้ายออกเจ้าของบ้านบอกเราว่าจะไปเที่ยวเมืองไทย ประมาณสองอาทิตย์และถามเราว่าพอเค้ากลับมาจากเมืองไทยแล้วค่อยจ่ายเงิน deposite เราคืนได้ไหม เราก็ไม่รู้เรื่องอะไรก็บอกว่าได้ จากนั้นเราก็ขนของย้ายออกมาเข้าอพาร์ตเม้นท์ใหม่เรา เราก็เซ็นสัญญาใหม่ เรารู้สึกว่า ถ้าเช่าบ้านธรรมดา เจ้าของบ้านจะไม่ค่อยรู้เรื่องกฎหมายและสัญญาเท่าไรนัก เพราะสัญญาที่เราเซ็นเป็นกระดาษแผ่นเดียวและไม่มีรายละเอียดมากนัก แต่สัญญาที่เซ็นกับอพาร์ตเม้นท์ มีรายละเอียดเยอะมาก และมีการเช็คของก่อนย้ายเข้าว่ามีรอยเสียหายอะไรก่อนย้ายเข้าหรือเปล่า ดู professional มากๆ

หลังจากผ่านไปหนึ่งเดือนกะหนึ่งสัปดาห์เจ้าของบ้านคนเก่าก็ไม่กลับมาซะที เราก็โทรไปหาทั้งที่บ้านและมือถือบ่อยมากๆ ฝากข้อความไว้เป็นสิบ ก็ไม่เคยได้ตอบกลับมา ในที่สุดเราก็เลยคิดว่า เค้าคงจะเบี้ยวเงินเราแล้วแน่แท้ ตอนนั้นก็กลุ้มใจเหมือนกันเงินเป็นพัน แต่พอดีว่าเรามีแฟนเป็นหนุ่มอเมริกัน แล้วพ่อของเค้าเป็นเจ้าของอพาร์ตเม้นท์building อยู่ แฟนเราเลยขอคำปรึกษาจากพ่อเค้า พ่อเค้าเลยบอกว่าเราฟ้องได้นะ เพราะกฎหมายแคลิฟอร์เนีย บอกไว้ว่า landlord ต้องคืนเงิน deposite เต็มจำนวน หรือถ้าไม่เต็มจำนวน หรือยึดไว้บางส่วนต้องเขียนรายละเอียดให้ชัดเจนว่าซ่อมอะไรอยู่ และใครเป็นผู้ซ่อม และส่งให้ tenant ภายใน 21 วัน แต่นี่เลยมานานมากแล้วเค้าไม่ติดต่อเรามาเลย เราเลยเขียนจดหมายและเอาไปแนบไว้ที่หน้าปัดรถเจ้าของบ้านว่าถ้าไม่ยอมคืนเงินเราเราจะฟ้อง

วันรุ่งขึ้นเจ้าของบ้านก็เต้นเลย มาที่ทำงานเราพร้อมยื่นจดหมายให้เราว่า เราไม่ได้คืนกุญแจเค้า เค้าถือว่าเรายังเช่าบ้านเค้าอยู่ ถ้าเราฟ้องเค้าเค้าจะฟ้องกลับและคิดค่าเช่า และหาว่าเราทำพรมเสียหาย มีรอยกรีดต้องเปลี่ยนใหม่ ตอนนั้นก็กังวลเหมือนกันว่าถ้าฟ้องไปจะชนะไหมเนี่ย เพราะกุญแจไม่ได้คืนจริง เพราะเจ้าของบ้านเค้าบอกเราเองว่าให้คืนตอนเค้ากลับมาก็ได้ แต่พอกลับมาก็ไม่ยอมติดต่อกลับไม่ให้พบ ใครจะคืนได้ล่ะเนี่ย แต่เรื่องพรมนี่สะตอสุดๆ เพราะเราอยู่แค่สี่เดือน แถมเรารักษาอย่างดี เราก็เป็นคนรักษาของดีทีเดียว ก็กลับมาคิดปรึกษาแฟนว่าทำไงดี แฟนก็บอกว่า he broke the law --21 days ถ้าจะโกหกจะไปได้ซักกี่น้ำ เราเลยตัดสินใจยื่นฟ้อง

จากนั้นสองวันก็ได้รับจดหมายจากศาลว่าเค้าฟ้องกลับ หรือ counter claim เค้าฟ้องเราค่าของเสียหาย(ที่เราไม่ได้ทำ)และค้างค่าเช่า(ซึ่งไม่ได้ค้าง)ประมาณ สองพันกว่าเหรียญ เราก็ค่อนข้างเครียดนะ มาอยู่นี่ยังไม่ถึงปีทำเก่งจะขึ้นศาล ตอนนั้นเราค้นข้อมูลทุกอย่าง google เลย "california landlord tenant law" ไปหาทนายฟรีที่เค้ามีบริการจัดให้ที่ห้องสมุดของศาล และทั้งจากเพื่อนร่วมงาน ถามว่าใครเคยมีประสบการณ์บ้าง ก็มีสองคนที่เคยมีประสบการณ์ เค้าให้คำแนะนำดีว่าต้องเตรียมเอกสารหลักฐานให้พร้อม จัดเอกสารให้เป็นระเบียบหาแฟ้มมาใส่ ทำก๊อปปี้ให้ judge ชุดนึงเราชุดนึง และบุคคลสำคัญด้านข้อมูลของแท้ก็คือเจ้าของอพาร์ตเม้นคนใหม่เรา เราถามเค้าว่าเค้าเคยขึ้น small claim court มั้ย เค้าบอกว่าเคยสิ หลายครั้งด้วย เพราะมี tenant แย่ๆ หลายคนอยู่ เราเลยให้เค้าช่วยดูเอกสารและหลักฐานให้ เค้าก็บอกว่าเราชนะแน่ ฝ่ายนั้นแค่ทำผิดกฎ 21 วันก็แพ้แล้ว เราก็เลยสู้ตาย

จากคุณ : Jellybean - [ 24 มี.ค. 51 09:40:58 A:66.215.12.107 X: TicketID:171688 ]

ความคิดเห็นที่ 15

หลักฐานที่เราเตรียมใส่แฟ้มก็มีดังนี้
1. หลักฐานว่าเราแจ้งเค้าว่าเราจะย้ายออกล่วงหน้าหนึ่งเดือน ตามกฎหมายที่นี่ แต่อย่างที่บอกเราลืมทำก๊อบปี้ไว้ ตอนนั้นไม่รู้จะทำไง แต่เรามาคิดได้ว่า เค้าโพสต์ห้องว่างในบ้านเค้าไว้ใน craigslist เสมอ เราก็ subpoena (อ่านว่าสุพีนาค่ะ) craiglist ก็คือยื่นขอให้เค้ามอบเอกสารที่เราต้องการ มาใช้เป็นหลักฐานในศาล ซึ่งอันนี้ต้องขอแบบฟอร์มจาก clerk ของ small claim ปรากฏว่า craigslist ก็ส่งโพสต์ทุกอันที่เจ้าของบ้านคนเก่าโพสต์ไว้มาให้ทางอีเมลค่ะ เราก็ปริ๊นท์เลย เค้าโพสต์ว่าห้องจะว่างอีกหนึ่งเดือนข้างหน้าในคืนที่เรายื่นจดหมายว่าเราจะย้ายออก

2. สัญญาเช่า

3. หลักฐานว่าเราพยายามติดต่อเค้าหลายคร้ังมากๆ แต่ไม่เคยได้รับการตอบกลับ เป็นบิลโทรศัพท์ของเรา

4. หลักฐานว่าเราไม่ได้ทำข้าวของเสียหายในห้องที่เราเช่า อันนี้ให้แฟนและเพื่อนที่ช่วยขนของย้ายมาเป็นพยานให้ บางคนที่มาไม่ได้เราพิมพ์เอกสารและให้เค้าเซ็นให้ จริงๆ ถ้าเรามีรูปหลักฐานเราจะแน่นมาก แต่เราไม่รู้ว่าจะเป็นยังงี้เลยไม่ได้ถ่ายไว้ ขอแนะนำให้ทุกคนที่เช่าบ้านหรืออพาร์ตเม้น ถ่ายรูปก่อนเข้าอยู่ไว้ว่ามีรอยตรงไหนบ้างแล้วเก็บไว้เป็นหลักฐาน และแจ้งเจ้าของอพาร์ตเม้นท์ด้วย เวลาย้ายออกก็ถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐานด้วย สำคัญมาก

5. หลักฐานว่าเราไม่ได้อยู่บ้านเค้าแล้ว เป็นสัญญาเช่าอันใหม่

6. สำเนาเช็คทั้งหมดที่เราจ่ายค่าเช่า และ ค่า deposite

แล้ววันขึ้นศาลก็มาถึง ถ้าใครเคยได้ดูทีวีที่มี judge judy หรือรายการประมาณนั้นที่มีคนสองคนมายืนให้การต่อหน้า judge โดยไม่มีทนายแล้ว ก็ตัดสินกันภายในสิบยี่สิบนาที บรรยากาศจริงก็ประมาณนั้น ใครจะเข้ามาดูก็ได้แต่ว่า ของจริงเครียดกว่าต้องให้ความเคารพต่อ judge มากๆ และห้ามด่ากัน ห้ามส่ายหน้าทำหน้าเบะถ้าไม่เห็นด้วย ห้ามพูดแทรกถ้าไม่ได้รับอนุญาตให้พูด และเอกสารทุกอย่างต้องแลกกันดูทั้งสองฝ่าย ไม่มี surprise พอเจ้าของบ้านเก่าเห็นหลักฐานเราแค่นั้นแหละมือสั่นเลย จริงๆ เราก็สั่นนะ เพราะตื่นเต้นมาก

เราเป็นคนฟ้องเราได้เริ่มก่อนเราก็พูดเนื้อหาของเรา ว่าเราเช่าอยู่จากวันไหนถึงวันไหน บอกเค้าว่าเราจะออกวันไหน เราได้ยื่นแฟ้มที่เราเตรียมไว้ให้เจ้าหน้าที่ยื่นให้ judge พอ judge เห็นก็ยิ้ม ประมาณว่าเตรียมมาดีจริงๆ ส่วนเจ้าของบ้านมีแต่เอกสารไม่เป็นระเบียบเลย เรารีบเน้นใหญ่ ว่าเค้าไม่ได้คืนเงินเราภายในยื่สิบเอ็ดวัน และไม่ได้ให้รายละเอียดข้าวของเสียหายที่กำลังทำการซ่อมอยู่ ใบเสร็จก็ไม่มี เพราะกฎหมายระบุชัดเจน

เจ้าของบ้านพยายามเล่นว่าเราไม่คืนกุญแจ และทำพรมเสียหาย มีรูปถ่ายด้วย แต่ไม่ชัดมากๆ มองไม่ออกเลยว่าไปเอามาจากไหน จริงๆ กฎหมายบอกว่าถ้าเราไม่คืนกุญแจ เค้าจะมาถือว่าเรายังเช่าห้องเค้าอยู่และให้เราจ่ายค่าเช่าไม่ได้ถ้าเราไม่ได้อยู่ แต่สามารถหักค่าเปลี่ยนกุญแจได้ อีกอันตลกมาก คือเจ้าของบ้านไม่ได้ส่งบิลค่าน้ำไฟเรามาสองเดือนเราเลยยังไม่ได้จ่าย เค้าก็ต้องการให้เราจ่าย เรายอมรับกะศาลว่าเราไม่ได้จ่ายจริงเพราะเค้าไม่ได้บิลเรา แต่เรายินดีจ่าย แต่ในใบที่เจ้าของบ้านคิดค่า utilities เค้าคิดหารสองง่ะเราสำรวจอย่างดีตอนที่แลกหลักฐานกันดู แต่ในสัญญาเขียนว่า 1/3 เราเลยบอก judge ว่าเค้าคิดไม่ถูก มันต้องเป็นไปตามสัญญา เจ้าของบ้านยังดื้อบอกว่าก็อีกห้องไม่มีคนมาเช่าอยู่กันสองคนก็ต้องหารสองสิ judge ไม่สนใจบอกว่าต้องคิดตามสัญญา

ผลสรุปหลังจากพูดให้การประมาณยี่สิบนาที judge ตัดสินว่า ให้เราชนะได้เงิน deposite คืน เพราะเจ้าของบ้านไม่ได้ให้เหตุผลเราว่าทำไมไม่คืนเงินหรือไม่ได้ให้รายการของเสียหายที่กะลังซ่อมอยู่ภายใน 21 วัน แต่ให้หักค่า utilities ไป เจ้าของบ้านโกรธน่าดู เดินหัวฟัดหัวเหวี่ยงออกจากศาล

แต่ไม่กี่วันต่อมาเจ้าของบ้านคนเก่า เค้าก็ทำเรื่อง appeal นั่นก็คือขอให้ยกเลิกคำตัดสินครั้งที่แล้ว จาก small claim court และไปให้ศาล superior court ตัดสินใหม่ เราเลยต้องไปศาลอีกรอบ แต่คราวนี้อยู่ที่ superior court ซึ่งคราวนี้สามารถใช้ทนายได้ เพราะไม่ใช่ small claim แล้ว แต่เราไม่ได้ใช้เพราะค่าทนายแสนแพงชั่วโมงละ 350 เหรียญ ถ้าเราจ้างเงินที่ได้ไม่คุ้มเสีย และเรารู้ว่าเจ้าของบ้านคนเก่าไม่จ้างทนายแน่ๆ ซึ่งก็จริง ส่วนเราก็เตรียมแฟ้มและพยานเพืยบเหมือนเดิม ทุกอย่างเริ่มต้นใหม่ แต่คราวนี้ง่ายกว่าเดิมเพราะ judge คนนี้แก่กว่าคนแรก และดูมีประสบการณ์สูง judge ก็ถามรายละเอียดแบบครั้งแรก พอjudge รู้ว่า เค้าทำผิดกฎหมายที่ไม่ได้แจ้งรายการของเสียหายที่กะลังซ่อมอยู่ทำให้ไม่สามารถคืนเงินได้ภายในยี่สิบเอ็ดวัน เค้าก็ให้แพ้ทันที และตัดสินเหมือนเดิม เราก็เลยชนะอีก

พอเราชนะเราก็มาศึกษาว่าเราจะเก็บเงินจากเจ้าของบ้านเก่ายังไง อันนี้สนุกมาก ถ้าเค้าไม่คืนเงินเราภายในสามสิบวัน เราสามารถไปศาลแล้วขอมีสิทธิ์เป็นเจ้าของร่วมของบ้านเค้าได้ในจำนวนเงินที่เค้าติดเราไว้ และก็มีอีกสองอย่าง แต่ไม่ขอกล่าวถึงเพราะกลัวยาว แต่แล้วเราก็ไม่ได้ทำเพราะว่า

หนึ่งอาทิตย์ต่อมา เราได้รับจดหมายจาก bankruptcy court ว่าเจ้าของบ้านเก่าเรา file bankruptcy หรือล้มละลายพอเค้าทำอย่างนี้เราจะต้องหยุด ห้ามทำอะไรกะลูกหนี้เราเลย เราก็เลยไปที่ขอดูรายละเอียดที่ศาล เพราะถ้า file bankruptcy แล้วข้อมูลที่ได้ยื่นต่อศาลไปเป็นข้อมูลที่เป็น public ไปขอดูได้ แต่ว่าต้องดูที่ศาลเท่านั้น เราเลยไปดูมาแล้ว ปรากฏว่ามีเจ้าหนี้ประมาณยี่สิบห้ารายได้ และเป็นธนาคารและสถาบันการเงิน บัตรเครดิตเยอะเลย เราก็เลยรู้เหตุผลว่าทำไมเค้าไม่คืนเงินเรา ตอนนี้เราก็รู้สึกว่าเราคงจะไม่ได้เงินคืนแล้วล่ะ แต่เราภูมิใจมากเลยที่เราสู้แล้วชนะคดี เรียกร้องสิทธิความชอบธรรมของเราได้ แต่ขั้นตอนการทำ bankruptcy มันยาวนาน เค้าอาจจะไม่ได้รับ approve ก็ได้ แต่เราได้ประสบการณ์และได้ความรู้ด้านกฎหมายอย่างมาก ซึ่งหาจากไหนก็ไม่ได้

อันนี้เราไม่ได้แนะนำว่าฟ้องอย่างเดียวเลยนะ เราต้องมั่นใจว่าเราถูกจริงและหลักฐานครบ แต่ถ้าเราไม่อยากยุ่งยากไปขึ้นศาลหรือว่าไม่แคร์กะเงินเราไม่ต้องทำก็ได้

แต่การรู้กฎหมายด้านที่อยู่อาศัยมากขึ้นทำให้เรารู้สิทธิ์ของเรามากขึ้น แต่ทั้งนี้ขึ้นกะรัฐที่เราอยู่ เพราะกฎหมายก็จะต่างกันไป ที่แคลิฟอร์เนียจริงๆ landlord มีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบหลายอย่าง เช่นต้องดูแลสถานที่ให้น่าอยู่ กรณี จขกท. ดูเหมือนบ้านจะไม่ค่อยน่าอยู่ แถมพรมก็เก่าเกินสิบปีอย่างนี้ถ้าเค้าจะคิดค่าพรมเสียหายเค้าทำไม่ได้นะเนี่ย เพราะอายุพรมเก่าเกินไป รายละเอียดมีเยอะมาก landlord จะเข้าห้องเราไม่ได้ถ้าเราไม่อนุญาต ยกเว้นกรณีฉุกเฉิน เราสามารถทำอะไรก็ได้กับห้องเราในตอนที่เราเช่าอยู่ เค้ามาว่าเราไม่ได้ แต่ตอนย้ายออกถ้าเราทำของเสียหายจริง เราต้องรับผิดชอบ

มาอยู่ต่างประเทศอย่างนี้อย่าไปยอมมากค่ะ ยิ่งยอมเค้ายิ่งได้ใจ เราต้องสู้คืนด้วยเหตุผล คนไทยขี้เกรงใจ ถ้าเค้าไม่เกรงใจเราอย่าไปเกรงใจเค้า

จากคุณ : Jellybean - [ 24 มี.ค. 51 09:45:40 A:66.215.12.107 X: TicketID:171688 ]