Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    จบโทอเมริกา ตกวิชาทักษะชีวิต

    สืบเนื่องจากกระทู้ของคุณ"หลงผิด" ที่ฉันได้อ่านเรื่องราวของคุณแล้วรู้สึกว่า ฉันเห็นใจและอยากให้กำลังใจคุณในยามที่คุณท้อแท้และสิ้นหวัง

    ฉันเขียนเล่าเรื่องของฉันเพื่อให้คุณรู้สึกได้ว่า เรื่องแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับคุณเพียงคนเดียว มันได้เกิดขึ้นกับคนมากมายในโลกใบนี้ อยากให้คุณได้รู้ว่าฉันนี่แหละก็อ่อนเดียงสาในโลกของความรักและการอกหักมาเหมือนกัน และยังมีชีวิตอยู่รอด เมื่อมองย้อนกลับไป ฉันเห็นเพียงเงารางๆของวันเวลา ก็เท่านั้นเอง


    ชีวิตของฉัน(ในตอนนั้น) ยุ่งเยิง ทุกข์ระทม นอนจมน้ำตา เสียเวลาของชีวิต เพราะว่าฉันนั้นยึดเอาความรักเป็นใหญ่ในชีวิต คิดไปเองโง่ๆอยู่คนเดียวว่าการที่เราจะมีชีวิตที่ดีและมีความสุขได้นั้น คือการมีคู่ครอง คู่คิดที่ดี (คิดเองไม่ได้เลย ทำเหมือนว่าตอนเกิดหมอลืมทำคลอดสมองมาให้ด้วย) ได้แต่งงานถูกต้องตามประเพณี(แต่แอบถวายตัวมัดจำให้เขาไปก่อนนานแล้ว)

    นี่แหละที่ทำให้ฉันไม่สามารถอยู่ได้ด้วยตัวเอง แม้จะเป็นคนเรียนเก่ง ขยันทำงาน ในความเป็นจริงแล้วสามารถพึ่งพาตัวเองได้ (ซึ่งปัจจุบันก็อยู่ได้ด้วยดีเสียด้วย) แต่มัวแต่ไปหมกหมุ่นในเรื่องความรัก สร้างภาพให้ตัวเองเป็นนางเอก พบรักกับพระเอกที่เพียบพร้อม

    ซึ่งเมื่อมองภายนอกแล้ว ผู้ชายคนนั้นที่ฉันเคยรักก็จัดได้ว่าเป็นผู้ชายที่เพียบพร้อมจริงๆน่ะแหละ คนอะไรหนอจะรูปร่างหน้าตา เก๋ไก๋ น่าเอ็นดู เสียแต่ว่าไม่ค่อยยิ้ม พูดเพราะ พูดน้อย สุภาพ สูง186 เรียนหนังสือเก่ง นิสัยส่วนตัวชอบนอนฟังเพลงอยู่กับบ้าน เหล้าไม่กิน บุหรี่ไม่สูบ รักแม่รักครอบครัว ยิ่งน้องๆเขานี่รักกันมากมาย การศึกษาของเขาถือเป็นจุดขาย ดร.หนุ่มไฟแรง...เฮ้อ ไม่นึกว่าจะมาจีบฉัน

    ฉัน--เป็นเพียงผู้หญิงคนหนึ่งที่แอบวาดฝันชายในฝันเอาไว้ในใจ ตั้งแต่เด็กจนโตฉันเรียนพิเศษไม่มีวันได้หยุด ให้ไปสอบเข้าโรงเรียนประถม มัธยม มหาลัยที่ไหน บอกฉันมาได้เลย ฉันสอบได้หมด เรื่องชีวิตรักนี่สอบ(เกือบ)ตก ถ้าครูประสานรู้คงเรียกไปสอบซ่อม(ครูประจำชั้นของฉันตอนป.3 สอนวิชาสร้างเสริมประสบการณ์ชีวิต--ส.ป.ช.--จำกันได้ไม๊--ฉันจำไม่ยักได้ว่าครูสอนอะไร ถึงได้นั่งกินบ๊วยอยู่นี่ไง)

    นี่! เรื่องที่ฉันจะเล่านี่ พ่อกับแม่ไม่รู้เรื่องเลยนะ ถ้าท่านทั้งสองรู้ ฉันเดาไม่ออกว่า ท่านจะหัวเราะหรือร้องไห้--หัวเราะที่ลูกเอาตัวเองรอดออกมาได้ หรือ ร้องไห้--ลูกกูหรือนี่!! มันได้ยีนส์สะตึๆนี่มาจากไหน?

    ฉันเรียนจบมหาวิทยาลัยของรัฐมาด้วยเกรดเฉลี่ยเกิน3 เรียนจบปุ๊บ พ่อก็ส่งมาเรียนต่อที่อเมริกา ให้มาอยู่กับครอบครัวเพื่อนชาวอเมริกันของพ่อชั่วคราว จนกว่าจะปีกกล้าออกไปอยู่ได้ด้วยตัวเอง พ่อบินมาส่งฉันด้วยตัวเอง ซื้อรถให้เสร็จสรรพเพราะกลัวลูกสาวจะลำบาก ฉันได้ Acura สปอร์ตสองประตู เท่ห์ไปเลย

    ฉันเป็นคนขยันตั้งใจเรียน เรียนผ่านไปปีแรกอย่างไร้อุปสรรค ความที่มีชีวิตในต่างแดนที่อิสระจากทางบ้าน ฉันก็เริ่มมีหนุ่มเข้ามาจีบเป็นระยะๆ แต่ที่ฉันหมายตาไว้จริงๆก็คือเขาคนนี้นี่แหละ ตอนนั้นฉันยังอยู่กับบ้านเพื่อนชาวอเมริกันของพ่อ พอเริ่มมีหนุ่มมาจีบ ก็อยากจะออกมาใช้ชีวิตอิสระด้วยตัวเอง เดินไปบอกลุงกับป้าเจ้าของบ้านว่า
    ฉัน "หนูอยากออกไปอยู่อพาทเม้นท์เองแล้วนะคะ"
    ลุง-ป้า "หนูน่ะ พวกเราเห็นตั้งแต่ยังเล็กๆ ตอนที่พวกเราอยู่เมืองไทย คุณพ่อของหนูก็ช่วยเหลือดูแลพวกเราเป็นอย่างดี "
    (ลุง-ป้าเคยเข้ามาทำงานในเมืองไทยเป็นสิบปี ทำที่เดียวกับพ่อฉันนั่นแหละ)
    ลุง-ป้า "พวกเรารู้อยู่ว่าวัฒนธรรมการเลี้ยงลูกของคนไทยต่างจากอเมริกัน" "คนไทยจะดูแลลูกจนกว่าจะถึงคราวแต่งงาน อย่างหนูน่ะยังต้องอยู่ในอ้อมอกพ่อแม่ไปอีกนาน" "ถ้าหนูออกไปอยู่เองหนูจะทำให้พ่อแม่ห่วงหนูมากๆเลยนะ แน่ใจแล้วหรือ"
    (อยากบอกว่าลุง-ป้าอ่านขาดมากเลย ว่าอย่างฉันเนี่ยต้องเอาตัวไม่รอด)
    ในที่สุดฉันก็ดิ้นรนออกมาอยู่เอง พร้อมๆกับที่มีเขาเข้ามาในชีวิต ตอนนั้นเขาพึ่งย้ายเข้ามาในมหาลัยเดียวกับที่ฉันเรียน เขาเรียนจบโทมาจากมหาลัยอื่นแล้ว กำลังจะได้ทุนเรียนต่อเอก

    ครั้งแรกที่พบกันฉันก็ปิ๊งเขาเลย ก็แพ็คเก็จที่มากับตัวเขาน่ะ ฉันเทียบได้เลยว่าพอตัวกับพระเอกนิยายที่ฉันเคยอ่านมา เพียงแต่ฉันไม่ใช่ท่านหญิงรัตนาวดี!

    ในที่สุดเขาก็ตกหลุมรักฉัน แต่ช่วงโปรโมชั่นน่ะมันสั้นเพียงชั่วระยะเวลาสามเดือน หลังจากนั้น เขาก็เฉยชา อ้างว่าต้องเรียนหนักบ้าง ขอเวลาส่วนตัวไว้ทำธีซิส อ่านหนังสือ ทำวิจัยบ้าง ส่วนใหญ่แล้วคือฉันที่วิ่งตามเขา เพราะเขาจะมีโลกส่วนตัวทุกอย่างที่ไม่มีฉันเข้าไปเกี่ยวข้อง อย่างฉันหรือจะยอมแพ้.. ก็ได้เขามาแล้วนิ--เฮ้ย!!ไม่ใช่--ปล้ำเขา--เฮ้ย !!--เอาน่าเป็นที่รู้กัน....

    ฉันพยายามแทรกตัวทุกอย่างเข้าไปในตารางชีวิตของเขาโดยที่เขาไม่เคยเอ่ยปากเชื้อเชิญ เช่น ตื่นเช้ามาฉันก็เสนอเสียงไปตามสาย(ตอนนั้นยังไม่ได้อยู่ด้วยกัน)
    ฉัน--(ฝากเสียงไว้ในเครื่องตอบรับอัตโนมัติ) "ตื่นหรือยังคะ หิวหรือปล่าว นิ (สมมติว่าชื่อฉัน) ทำคะน้าน้ำมันหอยไว้ในตู้เย็นนะคะ เอามาอุ่นทานซะ ไข่พะโล้หมดหรือยัง พอทานหรือปล่าว เดี๋ยวตอนกลางวันนิเอาสปาเก็ตตี้ไปให้ที่คณะนะคะ"

    เขา--เมื่อพอใจเท่านั้นจึงจะรับโทรศัพท์ฉัน ไม่อย่างนั้นก็ปล่อยให้ฉันพูดไป จนกว่าเทปจะตัด เมื่อโทรไปอยากรับก็รับ ไม่อยากรับก็ปล่อย"มัน"(กูนี่แหละ)ไป

    ตอนกลางวันฉันบรรจงทำอาหารไปให้เพราะ(เดาเข้าข้างตัวเองว่า) เขาคงหิว และไม่ว่างที่จะโทรมาหรือมาหาด้วยตนเอง เขาจะไม่เคยอยู่รอพบฉันหรอก อ้างว่าไปห้องสมุดบ้าง ไปแล็ปบ้าง ไปช่วยงานอาจาร์ยบ้าง ฉันก็เอากล่องข้าวห่อผ้าเช็ดหน้าอย่างน่ารัก! พร้อมโน๊ตเล็กๆเขียนตัวหนังสือวัยรุ่นว่า " อยากให้รู้ว่าเอาใจใส่" วางไว้หน้าห้องแล็ปเขา แล้วก็เดินปัญญาอ่อนกลับไป ..เฮ้อ! โง่อย่างอ่อนโยนจริงๆเลย

    เขา--เป็นเพื่อนสนิทกับรุ่นพี่ผู้ชายคนหนึ่งที่เป็นประธานสมาคมนักเรียนไทยของมหาลัย เขากับเพื่อนจะได้พบกับนักเรียนไทยมากมายที่สับเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้ามา นักเรียนหญิงไทยน่ารักๆ จะได้เจอเขาอยู่เสมอ เขาก็เอาเวลาช่วงนี้แหละไปเทคแคร์สาวๆที่เขาหมายตา

    ส่วนฉันก็คอยเสนอตัว(พร้อมสมองกลวงๆ)ของฉันเมื่อเขากลับบ้าน ทุกเย็นฉันจะโทรไปถามเขาว่า "ทานข้าวหรือยังคะ เหนื่อยไม๊ อาจารย์เขี่ยวไม๊ ..บลา บลา บลา..." แล้วจบด้วยคำถามว่า "ให้ไปหาไม๊" --จริงๆแล้วอ้อนวอนขอ"อนุญาต"ไปหาเขา ถ้าเขาตอบว่า "อือ" แปลว่า(กู)ลิงโลดได้เลย เขาให้ไปหาได้--ถวายให้มันถึงเตียง-- ถ้าไม่ก็ "ฮื้อ ยุ่งจะทำงาน" จบ--ฉันก็นั่งน้อยเนื้อต่ำใจของฉันไป ร้องไห้กระซี้กระซิก (จะแน่ใจได้ไม๊เนี่ยว่าพ่อกับแม่จะไม่เข้ามาอ่าน เพราะถ้าท่านรู้เข้าละก้อ ฉันมีหวังโดนฆ่าแน่ๆ รู้เลยว่าท่านต้องฆ่าตัดตอนเชื้อโง่ไม่ให้แพร่พันธ์)

    ในระหว่างที่เขาเรียนอยู่ ทุกวันฉันจะต้องได้เห็นหรือแอบอ่านอีเมล์ของสาวๆที่เรียนด้วยกัน น้องๆผู้หญิงที่เพิ่งเข้ามาเรียนและต้องการให้เขาช่วยเหลือ แฟนเก่าและกิ๊กหลายคนที่เมืองไทย ยังไม่รวมVoicemailและแมจเสจบนโทรศัพท์มือถือ ถึงขนาดบางครั้งในระหว่างที่ฉันกับเขากำลังมีกิจกรรมเข้าจังหวะกันอยู่บนเตียง โทรศัพท์บ้านเขาดังขึ้น พร้อมกับเสียงเขาอัดผ่านเครื่องตอบรับว่าให้ฝากข้อความ ฉันก็จะได้ยินเสียงสาวๆเจื้อยแจ้วตามสายมาว่า "ทำไมวันนี้นอนเร็วจังคะ เมื่อเช้าปิ่นขอโทษนะคะ(นามสมมติ--ไม่ต้องไปค้นหานะคะ) ปิ่นไม่ได้โทรมาปลุก" กรี๊ดดดดดดด!!!! นี่มันอะไรกันว๊า--กรี๊ดกับตัวฉันเองนะ อย่างฉันนะเหรอจะกล้ามีปากมีเสียงกับมิสเตอร์เพอร์เฟ็ค ฉันได้แต่บ่นว่าน้อยใจ ทำไมเพื่อนเขาพูดกันหวานจัง เขาบอกว่าเพื่อนค๊า-- กิจกรรมเข้าจังหวะของฉันกับเขาเปลี่ยนเป็นทำนองธรณีกรรแสงขึ้นมาทันที

    ฉันได้แต่นั่งน้ำตาตกเผาะๆอยู่ข้างเตียง ในขณะที่เขาบอกว่า "นี่! ถ้าคิดจะมานั่งร้องไห้แล้วจับผิดกันล่ะก็ กลับบ้านเธอไปสงบสติอารมณ์ซะเถอะ" ง่ายๆ ห้วนๆ ได้ใจความเท่านั้นแหละ --ดาวพระศุกร์ ก็เลยเดินทอดน่องออกมาบนถนน12 ตอนเกือบเที่ยงคืน พยายามเดินให้ช้าที่สุด กลัวเขาจะต้องวิ่งมาตามไกล --เดี๋ยวเหนื่อย แล้วก็นั่งอยู่ข้างถนนอย่างนั้น ลังเลใจว่า ทำไมไม่มาซะทีว้า ว่าแล้วก็โทรศัพท์กลับไปหา ต้องรอให้โทรถึง6-7ครั้งจึงจะรับ เพราะเขาต้องโทรไปบอกปิ่นก่อนไงว่า "อ๋อๆ ยังไม่นอนหรอกจ๊ะ ยุ่งๆกับเปเปอร์อยู่น่ะจ๊ะ" ทำไมถึงรู้? ก็ฉันแอบฟังอยู่ที่ประตูด้านนอกน่ะซิ เดินออกไปเอง แล้วก็เดินกลับมาเอง แถมยังต้องทนรออย่างหนาวอยู่หน้าบ้านให้นานกว่าปรกติอีกหน่อยด้วย เพราะเขาจะได้จับไม่ได้ว่าเดินกลับมาถึงเร็วแล้วแอบฟังเขาคุยกับปิ่น ทำอะไรมันก็ต้องให้สมบทบาท คิดจะเป็นนางเอกแล้วนิ --สงสัยตัวเองว่าทำไม ไม่เล่นเรื่องนางเสือดาวแต่แรกวะกู-- มัวแต่โศกอยู่นี่แหละ
    พอกะเวลาเดินได้ที่แล้ว ก็เคาะประตูบ้าน วิ่งเข้าไปกอด แล้วขอโทษ เขา --เขาไม่กอดตอบหรอกนะคะ อาศัยกอดเขาฝ่ายเดียว แล้วเขาก็สำทับว่า ทีหลังอย่าได้มาหึงเพื่อนเขาอีก ฉันก็ร้อง มอ..มอ..คล้อยตามเขาไป อ๋อเหรอ อืมๆ แล้วจะไม่เป็นอีกแล้วค่ะ ตอนเช้ารีบตื่นไปซื้อดอกกุหลาบสีขาวมาปักแจกันบ้านเขา พร้อมกับโน๊ตเล็กๆ ขอโทษขอโพย

    โอ๊ย เมื่อยพิมพ์ นี่ต้องนั่งปัดฝุ่น มันหายไปนานแล้วกับกาลเวลา ที่อยากเอามาเล่าเพราะเห็นว่าอาจจะช่วยให้หลายๆคนขำได้

    ตอนต่อไปจะมาเล่าตอนที่ช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายในการเรียนของเขา
    เรื่องซื้อรถเบนซ์ที่เขาอยากได้
    เรื่องครอบครัวเขาที่มาเที่ยวอเมริกาทั้งครอบครัว แล้วฉันก็วิ่งแจ้นหน้าบานไปบริการ พร้อมกับ ของที่ระลึกแบรนด์เนมทุกชิ้นเพื่อสมาชิกในครอบครัวจากฉัน
    เรื่องการย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกัน
    เรื่องการเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อให้เขารัก และดึงเขาไว้
    และอีกหลายเรื่องค่ะ

    เรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นและจบลงเมื่อฉันมาเรียนและทำงานที่อเมริกา มันเป็นอดีตที่น่าเรียนรู้และจดจำ

    แต่ก่อนอื่นที่ขอย้ำไว้ว่า นี่เป็นการเล่าเรื่องที่ไม่ตำหนิพาดพิงถึงบุคคลอื่นนะคะ เป็นการเล่ามุมมองการเอาชนะความรักของผู้หญิงคนนึงอย่างฉันเท่านั้นเอง ซึ่งสุดท้ายแล้วฉันกับเขาก็ไม่ได้ลงเอยกัน

    จากคุณ : ชีวิตก็เป็นอย่างนี้ - [ 23 มี.ค. 51 12:42:45 A:71.212.18.79 X: TicketID:152913 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom