ความคิดเห็นที่ 1 ถ้าได้ที่ศศินทร์แล้ว เป็นเรา เราจะเลือกเรียนศศินทร์ เพราะจบแล้วก็ต้องกลับไปทำงานเมืองไทยอยู่ดี เพราะฉะนั้นถ้าเรียนศศินทร์ก็จะได้ connection จากเพื่อน และรุ่นพี่ ๆ รวมถึงอาจารย์ด้วย และศศินทร์ เป็นสถาบันที่ดีมาก จากคุณ : แดง - [ 17 เม.ย. 51 19:28:26 A:98.216.159.240 X: TicketID:141116 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ในอเมริกามี business program ที่ได้รับการรับรอง 4-500 โปรแกรม ได้ประมาณอันดับที่ 50 ก็ใช้ได้นะครับ ถ้า support เรื่องเงินได้ไม่เดือดร้อน ผมว่าไปนอกดีกว่าครับ อย่างน้อยภาษาก็ดีกว่าแน่นอน เพราะได้อยู่ใน English-speaking environment จริงๆ Facility ก็น่าจะดีกว่า แล้วถ้ามองยาวๆๆๆๆๆๆ มีดีกรีนอกยังไงก็เหนือกว่าอยู่แล้ว ส่วนเรื่อง connection แหมใจคอจะใช้ connection ไปตลอดชีวิตเลยเหรอครับ อย่างมากก็แค่ช่วงแรกๆ จากคุณ : คิดว่านะ - [ 17 เม.ย. 51 22:33:28 A:202.91.19.205 X: TicketID:172262 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ถ้าเป็นผมคงเลือกศศินทร์ครับ ผมคิดว่าการลงทุนไปเรียน MBA น่าจะต้องพิจารณาความคุ้มค่าให้มาก ๆ ครับ ถ้าเป็นไปได้น่าจะเลือกโปรแกรม(ในต่างประเทศ) ที่มีชื่อหน่อย เพราะลงทุนทางเวลากับเงินทองไปก็ไม่น้อยครับ  จริง ๆ U of Missouri-Columbia ก็ไม่ใช่โรงเรียนที่ไม่ดีนะครับ แต่ว่าถ้าได้ที่ดัง ๆ กว่านี้พวกโอกาสการหางาน โอกาสที่ดี ๆ ต่าง ๆ จะมีมากกว่าเยอะครับ โดยเฉพาะถ้าเข้าพวก top 10 ได้ ถ้าบอกว่าจริง ๆ เรียนไม่เก่งหรือคะแนนไม่ดี คงจะเข้าไม่ได้หรอก ผมคิดว่าสมัคร MBA นี่ค่อนข้าง tricky  นะครับ คือคนที่เข้าไปได้ไม่ได้หมายความว่าต้องเป็นคนที่เก่งที่สุด แต่ต้องสามารถแสดงคุณสมบัติอะไรบางอย่างให้เขาเห็นได้ ผมเชื่อว่าคนธรรมดา ๆ ถ้าหากมีการเตรียมตัวดี ๆ ก็สามารถเข้าโรงเรียนที่ดี ๆ ได้ทั้งนั้นครับ แก้ไขเมื่อ 17 เม.ย. 51 22:59:00 จากคุณ : เรื่องง่ายๆของรถถุง - [ 17 เม.ย. 51 22:40:59 ]

ความคิดเห็นที่ 4 MU-Columbiaเป็นยูดีครับ ล่าสุดเพิ่งขึ้นมาอยู่อันดับ52ของrank business school ในสหรัฐ และเป็นยูดาวรุ่งที่อันดับช่วงหลังเริ่มจะขยับขึ้นเรื่อยๆ ณวันนี้ชื่อเสียงอาจไม่ค่อยคุ้นหูคนไทยนักแต่อนาคตคงคุ้นมากขึ้นครับ ส่วนsasinก็เป็นตัวเลือกที่ดีมากในการต่อโทMBAในประเทศไทยสามารถทดแทนการจบยูเมืองนอกได้เช่นกันครับ ถ้าไม่ติดเรื่องเงินผมว่าMUน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีนะครับเพราะนอกจากปริญญา(ระดับเกือบtop50)คุณจะได้ประสบการณ์ชีวิตและมุมมองใหม่ๆจากที่โน่นคุณจะเติบโตขึ้นอีกครับ ส่วนภาษาถ้าคุณไม่เป็นคนเก็บตัวมากจนเกินไปคุณก็จะมีโอกาสได้เรียนรู้ภาษาได้มากกว่า แต่ถ้ามองว่าการไปเรียนทางโน้นแพงไปหน่อยsasin ก็เป็นตัวเลือกที่ดีมากๆเหมือนกันครับ จากคุณ : mod - [ 17 เม.ย. 51 23:18:26 A:124.120.131.189 X: TicketID:173510 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ต่อไปนี้ผมจะพูดโดยมีสมมติฐานว่า คุณมีความพร้อมเรื่องเงินนะครับ กล่าวคือ จะเรียน Sasin หรือ อเมริกาก็ได้ ก่อนอื่นอยากพูดเรื่อง MBA program rank ครับ ไม่ต้องถึงกับ top-10 มั้งครับ แค่ top-25 ฝรั่งเก่งๆที่นั่นก็แย่งกันแทบเป็นแทบตายแล้ว อย่าลืมนะครับว่า MBA เราต้องแข่งกับ คน native ที่เก่ง ที่จบ undergrad จาก U ดีๆดังๆที่นั่น ทำงานใน บ. ดังๆที่นั่น ไม่เคยได้ยินเหรอครับ คนที่นั่นบางทีถึงขั้นต้องกู้เงินมาเรียน เพราะผลตอบแทนหลังจากเรียนจบมันสูงมาก ถ้าจบ U ระดับ Top-25 นี่แทบจะการันตีเรื่องเงินเดือนหลังเรียนจบได้เลย ผมมีตัวอย่างข้อมูลของ U ที่ได้ MBA Rank ประมาณอันดับที่ 50 ซึ่งน่าจะใกล้เคียงกับ UM ของคุณ University of Iowa (Tippie) Avg GPA - 3.34 Avg GMAT - 652 Avg Starting Salary - $77,952 Graduates employed at graduation - 75.9% Employed 3 months after graduation - 89.7% จะเห็นว่า performace ก็ ok เลย คนที่นั่นถ้ามีปัญญาเรียนเค้าก็คงไม่ทิ้งโอกาสนี้หรอกครับ แล้วคุณจะทิ้งเหรอ ส่วนประเด็นที่ว่าคนไทยไม่คุ้นกับ UM เท่า Sasin ผมว่านั่นก็อาจจะจริงแต่ไม่ใช่ความผิดของ UM เพราะคณไทยก็รู้จัก U ในอเมริกากันไม่เท่าไหร่หรอก บางคนก็ไม่รู้จัก Brown หรือ Dartmouth ด้วยซ้ำ และผมก็มั่นใจว่าถ้าคุณสมัครงาน บ. ฝรั่งซึ่งมีเต็มไปหมดในกรุงเทพ เค้าน่าจะรู้จัก UM มากกว่า Sasin แน่นอน โดยไม่ต้องมีคำอธิบายเรื่องคุณภาพใดๆ ไม่ต้องอธิบายว่า professor จากที่ไหนมาสอน ใช้หลักสูตรของใคร เพราะคนอเมริกันเค้าเชื่อมั่นระบบการศึกษาประเทศเค้าเองอยู่แล้ว ผมเคยคุยกับฝรั่งที่ บ. ที่ผมทำงานอยู่ เค้าไม่เคยพูดเลยว่า U นั้นเป็น top นู่น tier นั้น tier นี้ โดยเฉพาะถ้าเป็น flagship public school เค้าพูดทันทีว่า good school เค้าบอกว่าเพื่อนเก่งๆของเค้าบางคนเรียน U ในรัฐบ้านเกิดเพียงเพราะมันใกล้บ้านและไม่อยากย้ายที่เพราะมันสิ้นเปลือง แน่นอนว่าถ้าได้เรียนใน program ระดับ top-25 มันก็ต้องดีกว่าอยู่แล้ว แต่ถ้ามันไม่ได้จริงๆ จะยอมเสียเวลาชีวิตไปเรื่อยๆเหรอครับ บางอย่างมันกลับไปแก้ไม่ได้แล้วเช่น ประวัติการทำงาน, gpa ทำได้อยากมากก็คือ toefl, gmat ซึ่งใครๆก็ทำได้ครับ ยังไงผมว่าคุณ จขกท ลองวิเคราะห์ดูว่า ที่ได้พยายามลงไปเต็มที่รึยัง ถ้ายัง จะลองดูอีกสักปีก็ได้ ทำทุกอย่างให้ดีขึ้น แล้วดูว่าจะได้ U ที่มี rank ที่ดีขึ้นมั้ย ผมไม่ได้มีอคติกับ Sasin นะครับ ไม่กล้าพูดว่ามันดีหรือไม่ เพราะไม่เคยไปเรียนเอง มีแต่คนรู้จักเรียน ซึ่งเท่าที่ฟังก็คงดีแหละ แต่มันเทียบการไปเรียนในประเทศที่เป็นต้นฉบับได้มั้ย ได้พบเจอกับเพื่อนหรือสิ่งแวดล้อมที่ไม่อาจหาได้ในเมืองไทย ต่อให้เอาอาจารย์จาก Harvard หรือ Stanford มาสอนที่นี่ก็เถอะ จากคุณ : แค่ลองช่วยคิด - [ 18 เม.ย. 51 00:26:06 A:202.91.19.205 X: TicketID:172262 ]

ความคิดเห็นที่ 6 I confirm and agree with all who say that U of Missouri is a better choice.  It is one of the "research-one" universities in America, and while it is not in the top 10 (and does it need to be?), I think it adds more to your skills than Sasin in terms of different business perspectives that you will obtain from your peers, your professors, and the learning environment. จากคุณ : texanprofessor (krisdauw) - [ 18 เม.ย. 51 00:29:15 ]

ความคิดเห็นที่ 7 if i were you i'll go to study at UM kha... because you have been spending too much time in Thailand already.. it is time to find new experience. จากคุณ : [7th Heaven] - [ 18 เม.ย. 51 00:30:29 ]

ความคิดเห็นที่ 8 แล้วถ้ามองยาวๆๆๆๆๆๆ มีดีกรีนอกยังไงก็เหนือกว่าอยู่แล้ว --> i totally agree with this comment. Some people may not know this. it is very interesting that Master's degree from thailand cant be used out of the country. You  may want to apply for a job aboard someday. For future use, i think a Master's degree from developed country will help you to get a better career parth. **spelling fixed แก้ไขเมื่อ 18 เม.ย. 51 02:47:04 จากคุณ : [7th Heaven] - [ 18 เม.ย. 51 02:46:29 ]

ความคิดเห็นที่ 9 คุณเอ้ยแค่ Top100 ก็ดีกว่า Sasin เป็นไหนๆแล้ว คุณไปดูแต่ละมหาลัยดิ เริดๆทั้งนั้น คุณภาพนักเรียนที่เรียนก็ห่างไกลกัน facilityก็ดีกว่ากันเยอะ ข้อมูลresearchก็ดีกว่า โอกาสฝึกงานหางานก็ดีกว่า จะได้เห็นโลกกว้างกว่าอยู่ไทย มหาลัยนี้นี่เฉียดๆ Top 50 ตีตั๋วไปเลยดีกว่า คิดทำไมให้เสียเวลา อย่าไปเอาแค่คุ้นไม่คุ้นหู คนไทยไม่ได้รูู้จักยูดีๆไปทุกมหาลัย Average undergraduate GPA (full-time) 3.45 Average GMAT score (full-time) 630 เลือก UMเลย อย่าให้เสียของ จากคุณ : โชคดี - [ 18 เม.ย. 51 03:09:23 A:124.120.128.228 X: TicketID:101679 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ขอบคุณสำหรับทุกคำแนะนำนะครับ แหมเสียงเชียร์ข้าง U. of Missouri ค่อนข้างเยอะนะครับ อย่างที่ทราบไปเรียนอเมริกาใช้เวลาและค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงต้องตัดสินใจให้รอบคอบ ทุกคำแนะนำมีส่วนช่วยในการตัดสินใจได้มากครับ จากคุณ : Aims Higher - [ 18 เม.ย. 51 03:12:43 ]

ความคิดเห็นที่ 11 Neither. Because I don't think that MBA is a good intellectual investment. For me, it's a waste of time and money. จากคุณ : amatuer translator - [ 18 เม.ย. 51 05:41:46 ]

ความคิดเห็นที่ 12 มาแชร์เรื่องconnectionครับ ดูจากที่คุณได้ตอบรับทั้งMU and sasin ผมว่าคุณจขกท.น่าจะจบจากสถาบันดังในประเทศมาก่อนแล้วคุณก็น่าได้connectionในประเทศจากตอนนั้นมาแล้วนิครับ ตอนนี้ไปเอาconnectionต่างประเทศก็ดีนะ ผมว่าต่อไปโลกแคบลงการมีเพื่อนอยู่ต่างประเทศคงช่วยเราได้เยอะ จากคุณ : ลองดูนะ - [ 18 เม.ย. 51 08:19:34 A:124.120.131.71 X: TicketID:173510 ]

ความคิดเห็นที่ 13 #11 ผมไม่เห็นด้วยครับ หุหุ เป้าหมายต่างกันเด้อครับ เป้าหมายหลักของการไปเรียน MBA คือ career ครับ (หน้าที่การงาน การเงิน ความก้าวหน้า โอกาสในอนาคต) ส่วนเรื่องอื่น ๆ ก็เป็นผลพลอยได้เฉย ๆ ถึงจะไม่ได้เป็น intellectual investment ก็เป็น monetary investment ที่ค่อนข้างจะคุ้มค่านะครับ (สำหรับบางคน บางโปรแกรม)โดยเฉพาะถ้าได้ไปเรียนโปรแกรมดี ๆ ได้สนทนากับผู้นำของวงการต่าง ๆ ได้แลกเปลี่ยนกับคนที่น่าสนใจ ผมค่อนข้างเชื่อว่าได้ intellectual และประสบการณ์ที่หาจากตำราหรือห้องแลปไม่ได้ครับ จากคุณ : เรื่องง่ายๆของรถถุง - [ 18 เม.ย. 51 10:18:34 ]

ความคิดเห็นที่ 14 Well, from a different perspective, for Thailand, I don't think that we can sustain ourselves socially, economically and technologically. In fact, I don't think we are competitive enough to survive as a nation. So that's why I intentionally used, "for me". If I ought to spend my limited resources into something in human resource sector, MBA is among the last prioritized. :) Well, my comment may be offensive to many, but it's just a thought from one ordinary person. No hard feelings on this field of study... Many people will be studying it anyway. Nobody cares much about what people should do to sustain others sustainably, do they? :) จากคุณ : amatuer translator - [ 18 เม.ย. 51 10:43:53 ]

ความคิดเห็นที่ 15 i agree with #14.. in this case, our thoughts are just pretty damn similar! จากคุณ : [7th Heaven] - [ 18 เม.ย. 51 10:55:16 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เราได้ที่ Tulane University กับ Sasin เหมือนกัน  แต่เราเลือก Tulane ไปแล้วจ้ะ จากคุณ : sri40 (sri40) - [ 18 เม.ย. 51 11:28:27 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ขอคุยกับคุณพี่ AT หน่อย... แต่ว่าปริญญานี้มันก็ sustain other people "in a sense" ไม่ใช่หรือครับ จากอีกมุมมองหนึ่ง  นั่นคือ ถึงแม้เรียนไปเพื่อหาเงินเป็นหลัก มันก็เอื้อประโยชน์ให้คนอื่นๆ เช่น เค้าพยายามจะสอนทำให้ทั้งผู้บริโภคและผู้ประกอบการ win-win ทั้งสองฝ่าย  และถึงแม้ส่วนใหญ่การทำธุรกิจคือการสร้างความไม่จำเป็นให้กลายเป็นความจำเป็น  (เช่น รถยี่ห้อนี้มีคุณสมบัติ A, B, C ในขณะที่จริงๆ รถคือสิ่งที่ทำให้ไปถึงจุดหมายเท่านั้น)  แต่ในขณะเดียวกันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าคนพวกนี้ (ผู้ประกอบการ) ทำให้สังคมขับเคลื่อนไปได้อย่างสะดวก นั่นคือ อาจจะทำหน้าที่เป็นคนกลางระหว่างผู้ผลิตและผู้บริโภคให้การติดต่อเป็นไปอย่าง smooth ที่สุด ฯลฯ มันก็เป็นการทำให้สังคม function ได้อย่างไม่ติดขัดใช่ป่ะครับ  (ถึงแม้ว่าเราอาจจะอยู่โดยปราศจากสิ่งเหล่านี้ได้ก็ตาม...) เพราะฉะนั้น ผมคิดว่าถ้าจะมองว่ามัน intellectual ก็คงได้ ในแง่ที่ว่า "ทำอย่างไรที่จะให้ของที่มันไม่จำเป็นกลายมาเป็นสิ่งจำเป็น (โดยเฉพาะต้องโฆษณา ต้องเปลี่ยนค่านิยม ต้องสร้าง brand loyalty)   ดังนั้น มันคง "challenging intellectually" ในแง่นั้นมั้งครับ  มันก็คือการ "เล่น" กับ human nature กับ human psychology ชนิดหนึ่งหรือเปล่า... ถ้าสาขาอย่างนี้มันเสียเวลา สาขาอื่นๆ เช่น การบัญชี คงจะเสียเวลาด้วย เพราะว่า เรียนไปก็เพื่อไปอำนวยความสะดวกให้คนหรือบริษัทห้างร้านใช่ป่ะครับ  (มันไม่ได้ "ค้นพบ" อะไรใหม่ๆ เหมือนปรัชญา สังคมศาสตร์ หรือวิทยาศาสตร์)  และ by extension, ปริญญาที่มันเป็นสายอาชีพทั้งหลาย (ซึ่งมันไม่มีการ "วิจัย" เป็นส่วนประกอบ) ก็คงไม่ challenging intellectually ด้วยหรือครับ   อันนี้คุยเล่นๆเฉยๆ เพราะผมก็ไม่ได้คิดจะเรียนสายนี้อยู่แล้วอ่ะครับ... จากคุณ : texanprofessor (krisdauw) - [ 18 เม.ย. 51 12:50:52 ]

ความคิดเห็นที่ 18 Well said k.krisdauw, I agree with you on that. My response to k. A.T: People with good MBA skills (management, organization, feasibility analysis and so on) can use their general skills in whatever projects they pursue. In terms of development (or sustainability), if the managers/CEOs/Moneymakers are interested in something socially responsible. They could make a lot of difference, perhaps no less than scientists or academics. A lot of MBA classes focus on social entrepreneurship or applying their skills in something worthwhile for society (such as microfinance, social innovation program etc). As administrators, people with a good training in MBA can shape/direct the policies of the country in positive ways. That is why the companies/governments like to send their senior/mid-level employees to attend short MBA programs. Sorry for this off-topic, maybe we should discuss the merit/waste of MBA degree in another thread to be considerate to the original poster. จากคุณ : เรื่องง่ายๆของรถถุง - [ 18 เม.ย. 51 13:33:21 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ประเด็นเรื่องความคุ้มค่าในการเรียน MBA นี้ผมก็คิดอยู่นานเหมือนกันครับ ผมจบทางด้านวิศวะมา ถึงตอนนี้จะเป็นระดับบริหารแล้ว(ระดับกลาง) แต่ก็พบกับอุปสรรคในการเปลี่ยนงานคือมันค่อนข้างจะแคบ ต้องทำใน field เดิม ๆ ที่ทำมา อยากจะหาความท้าทายใหม่ ๆ ในชีวิต จึงคิดว่าการเรียน MBA จะทำให้โอกาสในการหางานใหม่หลากหลายมากขึ้น จากประสบการณ์ที่ผ่านมาพบว่าคนที่ talk only, no action (พูดเก่ง เอาข้อมูลลูกน้องมาเสนอแต่คิดเองไม่ค่อยจะเป็น) จะเป็นคนที่มีความก้าวหน้าในด้านการงานค่อนข้างเร็วมาก ดังนั้น presentation skills จะหาได้ค่อนข้างยากในกลุ่มผู้ที่มาทางสายวิชาการ ทำให้ไม่ค่อยเจริญเท่าที่ควรจะเป็นตามความรู้ความสามารถ ผมเองก็ไม่ได้อยากจะเลียเจ้านายอย่างเดียวคิดว่าหากเรามีศาสตร์และศิลป์ในการพูด การสื่อสาร ผสานกับความรู้ที่ค่อนข้างจะแน่น จะทำให้เราสามารถเจริญก้าวหน้าในอาชีพการงานได้อย่างมั่นคง และสามารถชี้นำลูกน้องให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ นั่นคือสิ่งที่ผมตัดสินใจเรียนต่อ MBA แทนที่จะเรียนสายวิศวะครับ ไม่รู้คิดถูกคิดผิดนิ จากคุณ : Aims Higher - [ 18 เม.ย. 51 17:47:28 ]

ความคิดเห็นที่ 20 คิดถูกแระ เห็นด้วยนะคะ ที่คุณ Aims Higher จะฉีกแนวไปเรียนด้านอื่นเพิ่มเติม เหมือนพี่ชาย (พี่ชายจริงๆ) จบตรีวิศวะแล้วต่อโท MBA ตอนนี้เป็น ผอ.ส่วน...ซี 8 แล้ว ใช้เวลาไม่นานมาก ถ้าอยากเป็นผู้บริหารมากว่านักวิชาการก็น่าจะเรียนต่อ MBA นะคะ จะได้เพิ่มทักษะด้านนี้ ทำให้มีโอกาสก้าวหน้า อย่างที่อย่างจะเป็น จากคุณ : เห็นด้วย ^_^ - [ 18 เม.ย. 51 18:58:48 A:192.168.27.99 X:125.25.1.170 TicketID:173818 ]

ความคิดเห็นที่ 21 อยู่ที่จุดหมายของจขกทมากกว่าง่ะค่ะ ยิ่งถ้าพูดอังกฤษได้อยู่แล้วก็ดีใหญ่เลย เป็นเรา ถ้าไงต้องกลับมาเมืองไทยทำงาน เราเลือกศศินทร์ค่ะ เพราะว่า connection, alumni สำคัญจริงๆ ถ้าจะไป exchange ก็ไปได้ ยูดังๆทั้งนั้นด้วยค่ะ แต่ถ้าจขกทอยากทำงานต่างประเทศ หรืออยู่ตปท ก็ไปเรียนตปทดีกว่า เพราะจบตปทยังไงก็น่าเชื่อถือกว่า ก็แล้วแต่นะคะ จากคุณ : PoUpeE - [ 18 เม.ย. 51 19:46:41 ]

ความคิดเห็นที่ 22 คิดถูกแล้วครับที่ต่อ MBA .. ไม่ทราบว่าได้ GMAT เท่าไหร่ครับ พอดีคิดว่าคุณน่าจะมีโอกาสไปโรงเรียนได้เจ๋ง ๆ กว่านี้น่ะครับ น่าจะทำให้เต็มที่หน่อย ในฐานะผู้บริหารและวิศวกรฯ คุณลองคิดเรื่อง cost-benefit analysis ดูล่ะครับ ว่าลงทุนไปเรียนที่ไหนแล้วจะคุ้มค่าในระยะยาวกว่ากัน ต้นทุนที่ลงก็ไม่ได้ต่างกันเท่าไหรครับ ระหว่างยูกลาง ๆ กับยูดี ๆ แต่ผลที่ออกมาต่างกันมากทีเดียว ในกรณีนี้ยังคิดว่า SASIN น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าครับ ไม่งั้นก็ทำงานต่ออีกปี เตรียมตัวใหม่ เอาให้ได้ยูดี ๆ ไปเลย จะคุ้มค่ากว่าในระยะยาว จากคุณ : my 2 cents (เรื่องง่ายๆของรถถุง) - [ 18 เม.ย. 51 22:32:17 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ตอบอย่างไม่อายว่าตอนแรกที่ตัดสินใจจะเรียนต่อก็ตั้งเป้าไว้ที่ UC-Berkeley ถึงจะพยายามอย่างเต็มที่แล้วก็ไปไม่ถึงดวงดาว นอกจากนี้ถึงเค้ารับก็เกรงว่ากำลังทรัพย์ไม่แข็งแรงพอ ไม่อยากเป็นหนี้สินในระยะยาวครับ จากคุณ : Aims Higher - [ 19 เม.ย. 51 13:36:02 ]

ความคิดเห็นที่ 24 คงได้คำแนะนำพอแล้วแหละ  ขอให้จขกทโชคดีครับ จากคุณ : texanprofessor (krisdauw) - [ 20 เม.ย. 51 12:02:17 ]