ความคิดเห็นที่ 2
เท็ด บุญธนากิจ ไปถึง 'ฮอลลีวู้ด'
คงไม่แปลกอะไร หากชื่อ "เท็ด บุญธนากิจ" จะไม่คุ้นหูชาวไทย แต่สำหรับแวดวงฮอลลีวู้ดแล้ว ชื่อของผู้ชายไทยคนนี้กลับไม่รู้จักไม่ได้ หากว่าคุณกำลังมองหาคนเขียนสตอรี่บอร์ดชั้นเซียนเพื่อเนรมิตตัวหนังสือออกมาเป็นภาพสดสวยที่เล่าเรื่องได้
หลายคนอาจสงสัย ว่างานเขียนสตอรี่บอร์ดนั้นสำคัญมากน้อยเพียงใด ในงานถ่ายทำหนังภาพยนตร์
"เท็ด บุญธนากิจ" คนไทยแท้ๆ ซึ่งคร่ำหวอดในแวดวงฮอลลีวู้ดมานานถึง 25 ปี โดยมีหนังอย่าง The Spider-Man 2, Ronin, The Punisher การันตี สรุปอย่างย่อเกี่ยวกับอาชีพนี้ โดยเปรียบว่าไม่ต่างอะไรกับการเป็นผู้กำกับภาพยนตร์
เพียงแต่เปลี่ยนวิธีการถ่ายทอดจากแผ่นฟิล์มมาลงบนหน้ากระดาษเท่านั้น
จะเป็น "เท็ด บี." ของวงการฮอลลีวู้ดได้ แน่นอนว่าเรื่องของพื้นฐานทางศิลปะต้องมีอยู่ล้น
เท็ดบอกว่า ตัวเองรักที่จะวาดรูปมากเป็นพิเศษ แต่คุณพ่อซึ่งเป็นนักการทูตไม่สนับสนุนนัก เพราะมองว่าเอาไปทำมาหากินอะไรได้ยาก ทำให้ยังได้แต่เป็นความฝัน
โตขึ้นเท็ดนำตัวเองเข้าไปในแวดวงศิลปะ โดยเข้าร่วมกับงานละครเวที ที่เปิดโอกาสให้ได้เรียนรู้งานโปรดักชั่นหลังฉาก จนถึงงานแสดงหน้าฉาก บัลเล่ต์ แจ๊ส เขาก็เคยเต้นมาแล้ว
แต่ก็ยังเป็นแค่งานอดิเรกชั่วครั้งชั่วคราว ที่ทำให้เท็ดเข้าใกล้อาชีพในปัจจุบันนี้ที่สุด ก็เมื่อย้ายตามคุณพ่อมายังสหรัฐอเมริกา เท็ดตัดสินใจเลือกเรียนในสาขา Visual Communication Advertising ส่งผลให้เริ่มได้งานวาดสตอรี่บอร์ดให้กับหนังโฆษณา
พร้อมกับยังฝันอยู่ลึกๆ ถึงหนทางไปให้ถึงฮอลลีวู้ด
"อยู่ดีๆ โอกาสก็เดินมาถึงตัว ตอนนั้นมีกองถ่ายหนังเรื่อง ฟราย กรีน โทเมโทส์ เข้ามาถ่ายทำที่จอร์เจีย แล้วต้องการคนเขียนสตอรี่บอร์ดที่เป็นคนท้องถิ่นเพราะเป็นหนังทุนต่ำ ก็มีการแนะนำกันต่อๆ จนมาถึงเรา ก็ลองติดต่อไปดู"
ทั้งๆ ที่เจ้าตัวไม่เคยผ่านงานหนังใหญ่มาก่อน สเต็ปการสร้างงานสตอรี่บอร์ดให้กับหนังใหญ่เหมือนหรือต่างจากงานโฆษณาอย่างไร เจ้าตัวก็ไม่ทราบ แถมยังโทรไปบอกเนียนๆ ว่า เคยผ่านงานสตอรี่บอร์ดของหนังใหญ่มาแล้ว
ที่บอกไปอย่างนั้น เท็ดให้คำตอบง่ายๆ สั้นๆ ว่า "ผมเชื่อว่าผมทำได้"
ทันทีที่วางสายจากกองถ่าย เท็ดก็ติดต่อเพื่อนทุกคนที่รู้จักในแอลเอ ให้ช่วยหาข้อมูลทุกอย่างที่เกี่ยวกับการทำสตอรี่บอร์ดสำหรับหนังใหญ่ ทั้งขั้นตอนการทำงาน การโค้ดราคา
คืนนั้นทั้งคืน ผมไม่ได้นอนเลย นั่งวาดรูปจนเสร็จ แล้วก็ไปเจอผู้กำกับ เอางานไปให้ดู แล้วผมก็ได้งานในเช้าวันนั้นเลย และพอจบจากเรื่องนั้น ก็มีการแนะนำต่อๆ กันไป จนทำมาต่อเนื่อง ตอนนี้ก็ 30 เรื่องแล้ว"
นอกจากฝีมือที่ทำให้ขึ้นมาจนเป็นนักวาดสตอร์รี่บอร์ดชั้นหัวแถวของฮอลลีวู้ดได้ เท็ดบอกว่ายังมีเรื่องของความรับผิดชอบ สามารถส่งงานได้ทันเวลาในคุณภาพที่เป็นมาตรฐานของฮอลลีวู้ด เป็นใบเบิกทางชั้นดีให้เขาอยู่ในวงการได้นานขนาดนี้ โดยเรื่องของเชื้อชาติ หรือ สีผิว ไม่เป็นอุปสรรคใดๆ เลย
"ฮอลลีวู้ด ไม่แคร์ว่าเราจะเป็นชาวอะไร ขอให้ทำงานได้จริง และสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดี ก็ไม่มีปัญหา"
แม้เส้นทางสู่ฮอลลีวู้ดของเท็ดจะดูเหมือนง่าย แทบไม่ต้องฟันฝ่าอะไร แต่เท็ดก็ไม่รับประกันว่าเรื่องเช่นนี้จะเกิดขึ้นกับทุกคน โดยเขาเชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเขานั้น ต้องเรียกว่า อยู่ถูกที่ ถูกเวลา จะเหมาะสมกว่า
โชคดีที่อยู่ถูกที่ ถูกเวลา แล้วก็รู้จักถูกคน ทำให้มีเส้นทางเดินที่อาจเรียกได้ว่า ทางลัด
แต่สำหรับคนรุ่นใหม่ที่ฝันอยากจะทำงานแบบนี้บ้าง เท็ดแนะว่า แทนที่จะนั่งรอโอกาส ที่ไม่รู้จะเข้ามาหรือเปล่า สู้เอาเวลาไปนั่งสร้างพอร์ตโฟลิโอของตัวเองให้ดีที่สุด จะดีกว่าv ที่สำคัญ คือ อย่ากลัว ถ้าอยากทำจริง ก็ต้องกล้าโชว์ของ และขอให้รู้จักคนที่จะเป็นช่องทางไว้ให้มาก เพราะวงการนี้ไม่ใหญ่ การจะได้งานอย่างต่อเนื่อง ส่วนมากก็เกิดจากการแนะนำต่อๆ กันไปทั้งสิ้น
หลายคนอาจจะคิดว่า "วาดรูปเก่ง" คือคุณสมบัติที่จำเป็นที่สุดสำหรับอาชีพนี้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว เท็ดบอกว่าเซนส์ในการสื่อสารสำคัญกว่า คนที่จะมาทำตรงนี้ได้ ต้องเข้าใจเรื่องของมุมกล้อง มีความรู้เรื่องการถ่ายภาพ แล้วก็วาดออกมา ให้ "ง่ายต่อการเข้าใจ" เพื่อให้ทีมงานจากทุกๆ ฝ่ายใช้ดูประกอบการทำงานให้ไปในทางเดียวกัน
และแม้ว่าหลักการของงานสตอรี่บอร์ดจะเน้นที่การสื่อสารมากกว่าความสวยงาม แต่เท็ดก็ยังใส่ใจในรายละเอียดที่มากกว่าคนอื่นๆ อยู่ดี โดยมักจะใช้เวลาในการวาดมากกว่าคนอื่น ด้วยเหตุผลง่ายๆ ว่าv "ผมทำงาน ผมก็อยากเอ็นเตอร์เทนตัวเองไปด้วย เวลาวาดเลยชอบใส่รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ใส่อารมณ์ของตัวแสดงเข้าไปด้วย ทำให้เราเพลินกับการทำงาน เหมือนกำลังวาดรูปเล่น แต่ได้เงินด้วย"
ทุกวันนี้ ด้วยวัยเฉียดๆ จะ 50 เท็ดใช้เวลาหนึ่งสัปดาห์ไปกับการทำงานทั้งสิ้น 6 วัน โดยทำงานวันละไม่ต่ำกว่า 12 ชั่วโมง ด้วยค่าตอบแทนที่ไม่น้อย (4,000-4,500 เหรียญต่อสัปดาห์)
และด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมานาน เขาจึงเริ่มมองถึงโอกาสที่จะขยับตัวไปทำหนัง เพราะงานทำสตอรี่บอร์ดนั้นต้องทำงานคู่กับผู้กำกับอย่างใกล้ชิด รู้ทุกขั้นตอนว่างานกำกับต้องมีอะไรบ้าง ทำให้เท็ดมั่นใจว่าไม่น่าจะเกินความสามารถ
ผมกำลังคิดอยากจะทำหนังของตัวเอง เพราะอายุก็มากขึ้น จะทำอย่างนี้ไปจนแก่ก็ไม่ไหว เหนื่อยไป ปล่อยให้เป็นงานของเด็กๆ ดีกว่า ตอนนี้ก็คิดพล็อตได้แล้ว 2 เรื่อง"
ยิ่งเมื่อต้นปีเท็ดมีโอกาสกลับมาเมืองไทย พร้อมโปรเจคหนัง สตรีท ไฟเตอร์ ที่จะมาถ่ายทำในไทย ทำให้เท็ดมองเห็นศักยภาพของคนทำหนังในไทยว่า มีความเป็นมาตรฐานสากลเทียบชั้นฮอลลีวู้ดได้ไม่อายใคร
ยิ่งตอกย้ำความถึงโอกาสที่จะได้ทำหนังของตัวเอง โดยใช้ไทยเป็นฐานในการผลิตงาน โดยฝีมือคนไทยจากฮอลลีวู้ด
..........................................................
จากคุณ :
Explorer
- [
25 เม.ย. 51 01:39:05
]
|
|
|