ความคิดเห็นที่ 1 ก่อนอื่นก็ขอแสดงความเสียใจด้วยนะคะ ใช่ค่ะ...เศรษฐกิจแย่มากๆๆๆ เรื่อง Layoff คนออกเนี่ยที่บริษัทของสามีเป็นบริษัทใหญ่ที่มีสาขาอยู่หลายแห่งทั่วประเทศก็เพิ่งจะผ่านพ้นไปค่ะ โชคดีว่าที่ไม่โดน เพราะคนที่โดนเนี่ยจะเป็นคนที่อยู่มานานมากๆ เงินเดือนสูงๆ และพวกที่เพิ่งเข้ามาใหม่ๆ ค่ะ ออกไปเป็นร้อยค่ะ ... ยังไงก็ขอให้คุณเข้มแข็ง ผ่านพ้นอุปสรรคไปได้ด้วยดีนะคะ ... จากคุณ : luvlyblossom - [ วันแรงงาน 20:13:07 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ใจเย็นๆนะคะ แล้วรีบเร่งวางแผน อย่างน้อยที่สุด คุณและสามีก็มีเงินก้อนโตก้อนหนึ่งอยู่ในมือแล้ว และยังมีเวลาที่จะจัดการกับมันอย่างเต็มที่ให้ได้ประโยชน์สูงสุด ชีวิตมีความไม่แน่นอนเสมอ ต้องเตรียมตัว เตรียมใจและเตรียมเงิน อย่าเครียดนานนักนะคะ รวบรวมพลังมาสู้ต่อไปดีกว่า จากคุณ : Sig.ra Colombo - [ วันแรงงาน 20:19:31 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ทำไมจะกลับไปเมืองไทยล่ะค่ะ ? สามีไปด้วยหรือเปล่า ถ้าสามีไม่ไป ทำไมคุณไม่อยู่ที่นี่ ช่วยกันหางานทำล่ะค่ะ ? เศรษฐกิจไม่ดี ก็ต้องช่วยกันประหยัด จากคุณ : Lilac Girl - [ วันแรงงาน 21:07:19 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ของสามี ก็ มี ข่าว ว่า จะ มี Lay off รอบ ที่ เท่า ไหร่ ไม่รู้..แต่ พวก อยู่นาน ไม่น่า จะโดน เพราะ มี ยูเนี่ยน คุ้ม หัว อยู่..พวก ที่มาใหม่ คงต้องเตรียมตัว.. แต่ ที่นี่ Lay Off แล้ว ก็ มี Recall บ่อยๆค่ะ..พวกพนักงานเลย เฉยๆ.. จากคุณ : BLACK BERRIES - [ วันแรงงาน 21:22:06 ]

ความคิดเห็นที่ 5 อยู่อเมริกาน่าจะหางานง่ายกว่าเมืองไทยนะคะถึงเศรษฐกิจจะตกต่ำก็เถอะ อย่างน้อยคนอเมริกันเค้าไม่ค่อยสนใจเรื่องอายุกันเท่าไหร่ ถ้าจะกลับไปทางเดียวก็คือต้องทำธุรกิจอะไรซักอย่างที่นั่นถ้าเงินที่ได้รับมามากพอที่ไปเริ่มต้นใหม่ได้ เศรษฐกิจเป็นแบบนี้ก็เพราะราคาน้ำมันโลกสูงขึ้นมากด้วย สามีเราทำงานต้องติดต่อกับทางยุโรปก็บอกว่าทางยุโรปก็เริ่มแย่เหมือนกัน ตอนนี้ที่ไหนก็เหมือนกันค่ะ เมืองไทยเองก็ใช่ว่าของจะถูก ยิ่งในกทม.ไม่ต้องพูดถึง ทุกอย่างขึ้นราคากระฉูด ตอนนี้ดูเหมือนว่าอยู่ที่ไหนก็ไม่ใช่จะสบายนักหรอกค่ะ ต้องตั้งสติให้ดีว่าจะทำยังไงถึงจะฝ่าวิกฤตนี้ไปได้ เราก็จะกลับไปใช้ชีวิตในเมืองไทยใน 4-5 ปีข้างหน้านี้เหมือนกันเพราะเราสองคนรักเมืองไทยมาก และคิดว่าจะทำธุรกิจอะไรซักอย่างที่พออยู่ได้ เราถึงไม่ยื่นขอเป็น US Citizen เพราะไม่คิดจะอยู่ตลอดชีวิต แต่ก็คงยังไม่ไปในตอนนี้เพราะสามียังต้องทำงานต่อที่นี่ ขอเป็นกำลังใจให้คุณก็แล้วกันนะคะ ชีวิตต้องดำเนินต่อไป อย่าท้อถอยและผ่านมันไปให้ได้ค่ะ แก้ไขเมื่อ 01 พ.ค. 51 21:57:08 จากคุณ : amskye - [ วันแรงงาน 21:46:08 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เข้ามาให้กำลังใจค่ะ อย่าท้อถอยนะค่ะ ไม่ทราบว่าได้มีการวางแผนเอาไว้หรือยัง จะทำอะไรที่เมืองไทย เงินก้อนที่ได้มาหากบริหารไม่ดีก็หมดไปเหมือนกันนะค่ะ แล้วสามีรักที่อยู่เมืองไทยหรือเปล่า คิดหรือไม่ว่าอาจมีปัญหาตามมาในภาพหลัง กรณีปรับตัวไม่ได้กับสังคมที่เมืองไทย อย่างเช่นภาษา วัฒนธรรม ประเพณี อากาศ และอีกหลายๆอย่าง จากคุณ : ฟ้าหลังฝน (กวนฐานฮวา ณ อเบอร์ดีน) - [ วันแรงงาน 22:07:04 ]

ความคิดเห็นที่ 7 สามีเราก็ทำบริษประกอบรถยนต์ในอเมริการ ปีก่อนก็มี buy out ปีนี่เห็นว่าจะมีทั้ง buy out และ buy down แต่สรุปไม่รู้ว่าเป็นยังงัย ดูข่าว บริษัทใหญ่ๆ ก็ lay off พนักงานเยอะเหมือนกัน. ถ้า สามีและ จขกท. อนาคตอยากกลับไปอยู่เมืองไทย ถ้าได้ซิติเซ่นก็จะได้ผลประโยชน์ตรงที่ว่า จะไม่กลับมาอีกก็ได้ และจะได้รับเงินรีไทร์ ไปตลอดค่ะ ต่างกับกรีนคาร์ด ถ้าออกนอกประเทศไปแล้วเกินกำหนด เค้าจะตัดสิทธิออกหมดค่ะ. จากคุณ : supitcha - [ วันแรงงาน 22:15:49 ]

ความคิดเห็นที่ 8   กลับมาอยู่เมืองไทยดีค่ะ เมืองไทยอยู่ง่าย อยู่สบายถ้ารู้จักอยู่ ถ้าอยู่อย่างพอเพียงได้ และ ทำตัว "จมลง" ได้ เรากับฝรั่งที่บ้าน คิดกันไว้แล้ว ถึงทุกวันนี้เราจะเที่ยวกันมาก แต่ก็ไม่ลืมสะสมเงินไว้ส่วนหนึ่ง และ นำเงินไปลงทุนบ้าง (เขาเป็นคนจัดการ และ จ้างบริษัทจ้างเจ้าหน้าที่ของบริษัทที่เกี่ยวกับเรื่องเงินๆ ทองๆ ทั้งที่ไทย ที่อังกฤษจัดการให้ เราเป็นคนที่ไม่มีหัวทางธุรกิจ) วันหนึ่งถ้าเขาเกิดตกงานขึ้นมา ก็จะอยู่เมืองไทยกันต่อไป เงินสะสมที่เก็บไว้ จะไม่แตะ แต่จะทำตัวจมลงยิ่งขึ้นไปอีก (ทุกวันนี้ก็ใช้ชีวิตอย่างติดดิน ไม่ประมาท ไม่ฟุ้งเฟ้อ ไม่ฟุ่มเฟือย จะซื้ออะไรก็คำนึงถึงประโยชน์ใช้สอย ความคุ้มค่า และ/หรือของที่สะสมเอาไว้ (เช่นผ้าเก่า เฟอร์นิเจอร์ไม้เก่าของไทย ของที่ต่างๆ ในเอเชีย) ว่าเอาไว้ขายเพิ่มมูลค่าได้หรือเปล่า ถ้าจำเป็น) เราคงออกไปทำงาน เขาหางานใหม่ที่ไหนก็ได้ไม่ว่าจะเป็นที่เมืองไทยหรือย่านนี้ (เราสองคนชอบอยู่เมืองไทย ชอบอยู่ในเอเชีย) อะไรก็ว่าไป อนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน ในโลกของทุนนิยม อะไร อะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ ขอแสดงความเสียใจกับคุณเจ้าของกระทู้ด้วยค่ะ ค่อยๆ คิด ค่อยๆ ตัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นออก ต้องประหยัดนะคะ (ถึงยามมีเงินใช้ไม่ขัดสนก็ต้องประหยัดค่ะ เพราะยังมีคนที่ขัดสนกว่าเราอยู่ในโลกนี้อีกมาก เพราะฉนั้นควรรู้คุณค่าของเงิน ) ถ้าจะกลับมาอยู่เมืองไทยจริงๆ เราขอเตือนว่า อย่าให้ทางครอบครัว หรือ ญาติที่เมืองไทยทราบ ว่าสามีของคุณ และ ตัวคุณมีเงินสะสมมีเงินก้อนอยู่เท่าไหร่ มิเช่นนั้นอาจจะมีรายการโดนปลิงดูดได้ (แต่ถ้ามิใช่เช่นนั้นก็ยินดีด้วยที่ไม่เหมือนกรณีที่เคยได้ยินได้เห็นมาทั่วๆ ไปในสังคมไทย และ ขออภัยค่ะ) Take care and best wishes.   จากคุณ : Siamese Girl - [ วันแรงงาน 22:28:12 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เมื่อโดน Layoff ก็หางานใหม่ซิคะ ไม่ใช่ว่าโดนออกมาแล้วจะหางานใหม่ไม่ได้ อย่างน้อยสามียัง Apply EDD ได้นะคะ EDD = เงินที่รัฐบาลจ่ายตอนตกงาน มันเป็นเรื่องปกติ เวลาเศรษฐกิจตกต่ำ บริษัทก็ต้องการ cut cost ก็ปลดแบบนี้เป็นเรื่องธรรมดาคะ กลับมาเมืองไทย ก็ไม่ใช่จะหางานได้ ง่ายเหมือนกันหรอกคะ แถมเงินเดือนได้ไม่พอยาไส้ด้วยซ้ำ ข้าวของเมืองไทยตอนนี้แพงพอๆ กับเมกา เลยก็ว่าได้แต่เงินเดือนน้อยกว่าโข จากคุณ : Scooterella - [ วันแรงงาน 23:59:59 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ขอบคุณที่เข้ามาเเชร์ความเห็นกันน่ะค่ะ คิดว่าที่สามีโดนเพราะเงินเดือนสูงส่วนหนึ่ง สามีชอบเมืองไทยมากค่ะแต่เขายังไม่อยากไปตอนนี้ ทีเเรกแปลนไว้ว่าอีกเจ็ดแปดปีข้างหน้าเพราะเขาต้องการเก็บเงินก่อน แล้วเกษียณตอนนั้นก็ใกล้เบิก 401k ได้พอดี แต่มันกะทันหันมากเลย เลยตอนนี้คิดแค่ว่ารอเราสอบซิติเซ่นก่อน เหตุที่ต้องสอบเพราะอาจจะไปอยู่นอกเมกานาน ไม่อยากมีปัญหากับตม.แล้วก็เผื่อวันข้างหน้าเปลี่ยนใจกลับเข้ามาอยู่ใหม่ ถ้าไปสามีก็ไปด้วยค่ะ เรื่องการใช้สอยเราสองคนไม่ค่อยฟุ่มเฟือยเเต่ไหนแต่ไรแล้วค่ะ เราใช้แค่ของปานกลาง ของแพงเเบรนด์ได้เงินเรายาก ส่วนเรื่องเงินคงไม่บอกในครอบครัวค่ะว่ามีเพราะพี่น้องบางคนก็เเย่ค่ะ ตอนนี้เราก็ทำงานที่นี่เเต่ได้นิดเดียว สามีก็คงหางานใหม่เเต่อาจจะได้ไม่มากเหมือนที่เดิม หรืออาจจะไม่ได้งานก็ได้ ไม่รู้ว่าเขาจะทำใจได้ไหม เห็นบอกว่าจะเรียนคอร์สเป็นครูที่นี่ แล้วอาจจะไปหางานสอนหนังสือ แต่ในความจริงยังไม่รู้หรอกค่ะว่าจะกลับไปทำอะไร คงหาธุรกิจอะไรทำ ไหนจะต้องคิดเรื่องวีซ่าสามีอีก วีซ่าคู่สมรสก็ต้องโชว์สี่หมื่นทุกเดือน ไม่รู้จะเอารายได้ที่ไหนมา วีซ่าอีกอย่างก็ต้องมีแปดแสนในบัญชี ฝรั่งแค่กลางๆก็เเย่เหมือนกันถึงจะมีโชว์เเต่มันก็เยอะ อยากเอาไว้ทำอย่างอื่นมากกว่า ของเมืองไทยก็เเพงตอนนี้ ชีวิตนี่ประมาทไม่ได้จริงๆ จากคุณ : กระถิน - [ 2 พ.ค. 51 01:04:03 A:24.26.146.172 X: TicketID:145360 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ขอแสดงความเสียใจเรื่องที่สามีตกงานนะคะ ยังไงก็ลองให้สามีหางานทำดูก่อน ถ้าไม่ไหวก็ค่อยกลับเมืองไทย ส่วนตัวเอง ก่อนแต่งงานก็ตั้งใจอยู่แล้วว่าคงจะไม่อยู่อเมริกาตลอดชีวิต คุยกับสามีก่อนที่จะแต่งงานว่า พอเกษียณจะกลับมาอยู่เมืองไทย บอกสามีไว้ก่อนเลยว่าถ้าเราจะใช้ชีวิตที่เมืองไทย เราจะอยู่แบบคนไทยกันนะ แบบเศรษฐกิจพอเพียงค่ะ ตั้งใจแบบนั้น ปกติเป็นคนประหยัดอยู่แล้ว ซื้อเท่าที่จำเป็น ไม่ซื้อของฟุ่มเฟือย ไม่เคยเป็นหนี้บัตรเครดิต คิดว่าเราสองคนคงจะพออยู่เมืองไทยได้แบบสบาย ๆ ค่ะ จากคุณ : หมูหวาน - [ 2 พ.ค. 51 01:52:41 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เสียใจด้วยนะคะ  ทั้งเราและสามีก็เสียวหลังอยู่วูบๆเหมือนกัน เพราะทำงาน retails ทั้งคู่ (เสื้อผ้า กับ หนังสืออ่ะค่ะ) จากคุณ : หญิงป้า - [ 2 พ.ค. 51 06:54:28 ]