ความคิดเห็นที่ 1 เข้ามาบอกว่า ไม่มีที่ไหนยากเกินความพยายามของเราเอง แต่สำหรับมหาลัยที่คุณตั้งคำถามมานั้น ไม่เพียงแต่มีมันสมองและความตั้งใจจริงเท่านั้น เงินในกระเป๋าต้องหนาอย่างยิ่งยวด สองมหาลัยที่ถามมา ไม่มีที่ไหนแกร่งกล้ากว่ากัน แต่ต้องถามว่า อยากเอาดีทางด้านไหน เพราะก็ต่างเด่นดังและแน่จริงในชื่อเสียงทั้งคู่ เข้าไปแล้ว ไม่ใช่ว่าจะจบมาง่ายๆได้ หัวแทบฟู ปากฉีกถึงหู (เพราะต้องไปรบ รากับบรรดานักวิจัยทั้งนั้น) รู้ไม่จริงอย่าแหยม จบมาได้ ยกนิ้วให้ค่ะ ระบบการเรียนที่นี่ มีมาแต่ดั้งเดิม มีระบบแบบแผนที่ดี แต่หากอยากรู้จริงๆรอผู้ศึกษาที่ใดที่หนึ่งมาตอบดีกว่าน่ะค่ะ และมีทุนวิจัยดีระบบเงินถุงเงินถังให้ด้วยนา( แต่ก็ต้องฟันฟ่าอีกนั่นและ) เอาใจช่วยค่ะ อยากให้คนไทยจบที่นี่เยอะๆ มาช่วยกันสร้างชาติให้เจริญหน่อย ตัวอิช้าน นี่ก็จะบรรลุอีกไม่กี่ปีนี่ล่ะ (ตั้งเป้าไว้ปีครึ่ง) สำเร็จเมื่อไหร่ได้กลับไปสุมหัวสร้างคนแน่ๆค่ะ สำหรับอิชั้น แล้วเพื่อนร่วมงาน จบจากมหาลัยทั้งสอง รวมไปถึงยูระดับท้อปทั้งนั้น ร่วมงานกันที ตีกันตาย ต่างคนต่างอีโก้ แฝงดีเอ๊นเอ ต่างคนต่างมีเหตุผล สรุปไม่ลงตัว เลยจบด้วยขวดเหล้า เอ๊ะ ยังงัย แฮ่ะๆ แก้ไขเมื่อ 05 พ.ค. 51 05:22:02 จากคุณ : ตัวลีป ปลิวลม คอตก เซงจิต (Nada Sousou) - [ วันฉัตรมงคล 05:16:44 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ฮาๆ ขำประโยคนี้ ของ #1 "เอาใจช่วยค่ะ อยากให้คนไทยจบที่นี่เยอะๆ มาช่วยกันสร้างชาติให้เจริญหน่อย" จริงเหรอครับ ไม่ใช่เพราะอีโก้ ของพวกคนเก่งทั้งหลายเหรอ ที่ทำให้ประเทศชาติย่ำต๊อกอยู่อย่างนี้ ฮึๆ จากคุณ : kanoomtan - [ วันฉัตรมงคล 07:26:32 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เอ่อ ผมว่าด้านวิทยาศาสตร์ทั้งสองที่ ล้วนถือว่าอยุ่ในระดับท๊อปของอังกฤษ เรื่องคำถามที่ว่า oxon หรือ cantab นั่นใครเก่งกว่า ผมขอไม่ตอบนะครับ เพราะสำหรับผมแล้วผมว่า มันเป็นคำถามที่ขึ้นกับมุมมองมากกว่า (subjective question) เรียนต่อที่ oxford ไม่ได้ยากมากมายนัก แต่ก็ไม่ได้บอกว่า ง่ายนะครับ แต่ถึงกระนั้น โชค และโอกาสก็เป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องด้วย อย่างเช่น ในปีนี้ เราอาจจะได้ออฟเฟอร์ที่ oxon แต่ภาษาไม่ผ่าน แต่ปีหน้า ภาษาเราดี กว่าเดิม อาจจะไม่ได้ offer ก็เป็นได้ ผมเลยคิดว่า การไปเรียน ที่ oxford จึงไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้เสียทีเดียว(ในความคิดของผม นะครับ) สำหรับคำพูดที่ว่า "ที่นั่นจะมีคนเรียนไม่เก่ง หรือคนธรรมดาเดินดินไหม" ออกซ์ฟอร์ดผมไม่รู้ครับ เพราะผมไม่ได้เรียนที่นั่น แต่ถ้าเคมบริดจ์ก็ยังคงมีอยู่บ้างครับ แม้จะส่วนน้อย (แต่ใช้ความพยายามเยอะพอควร) ยังไงก็ขอเอาใจช่วยนะครับ สำหรับความคิดเห็นที่หนึ่งผมรู้สึกว่า มันอาจจะมาจากประสบการณ์จริง ของคุณก็ได้ แต่สำหรับผม ผมว่ามันคงไม่ได้โหดร้ายขนาดนั้น มั้งครับ แต่อาจจะเป็นเพราะผม ไม่ได้ เรียนที่ oxon และผมยังเป็นเด็กอยู่ ผมอาจจะยังไม่ได้ เจออะไรที่ขนาดนั้น ก็ได้นะครับ จากคุณ : Jiojo (Jiojo) - [ วันฉัตรมงคล 08:26:39 ]

ความคิดเห็นที่ 4 จะไปเรียนด้านไหนล่ะครับ โดยทั่วไปก็พูดได้ว่า ถ้าจะเรียน science and technology ก็มาที่ cambridge แต่ถ้าเน้นทางด้านศิลป์ก็ไป oxford แต่กระนั้นก็ต้องดูกันเป็นสาขาไปครับ คนที่นี่(cambridge)ส่วนใหญ่ humble และน่ารักครับ อาจเพราะคนไทยที่นี่ส่วนใหญ่เรียน science และ engineer เลยไม่ค่อยมีพิธีรีตรองมากมายทางสังคม ส่วนพวก undergrad เค้าเรียนกันหนักจริงๆ แต่ถ้าไม่ขี้เกียจก็รอดได้ เพราะระบบจะมีให้นักเรียนได้รับการ supervised โดย tutor เกือบทุกวัน ถ้าเรามีการวางแผนแบ่งเวลาดี เราก็เรียนได้โดยไม่จำเป็นต้องเป็นพวกฉลาดเวอร์ๆก็ได้ คุณจะเรียนให้เครียดหรือให้สนุกก็คงจะขึ้นกับลักษณะนิสัยของตัวคุณเองด้วย ถ้าไม่ขี้เกียจหรือไร้ความรับผิดชอบ ก็ฝ่าฟันได้แน่ครับ แก้ไขเมื่อ 05 พ.ค. 51 09:33:04 แก้ไขเมื่อ 05 พ.ค. 51 09:31:09 จากคุณ : TimeS-To-Enjoy - [ วันฉัตรมงคล 09:19:54 ]

ความคิดเห็นที่ 5 พอดี กำลังจะไปเรียนที่ oxon แต่เป็นระดับ ป. เอก แต่อยากจะตอบคำถามของคุณน้องอายุ 19 ปี ก่อน ถึงเรื่อง ความอยากจะไปเรียน คือ คุณน้องไม่ได้บอกว่า อยากไปเรียนที่นั่นเพราะอะไร เพระมีสาขาที่เราอยากจะเรียน เพราะต้องการไปหาประสบการณ์ที่ต่างแดน เพราะสถานที่ที่ไปเรีนน่าสนใจ เพราะชื่อเสียงของมหาวิทยาลัย หรืออะไร อื่นๆ ต้องตอบโจทย์ให้ชัดซะก่อน ถ้าถามว่าที่ไหนเก่งกว่าที่ไหน มันก็คงจะเถียงกันไม่จบ เราก็เห็นจากกระทู้แถวๆนี้บ่อยๆ ซึ่งมันก็ไม่ใช่ประเด็นที่จะต้องมานั่งเถียง แล้วก็ไม่เกิดประโยชน์ คนที่จะไปเรียนแล้วได้สิ่งที่คาดหวัง แล้วนำความรู้ ความสามารถที่ได้รีบมาแล้วกลับมาทำให้เกิดประโยชน์กับตัวเอง และครอบครัว ประเทศชาติ ต่างหากที่สำคัญที่สุด ไม่ใช่เพื่อให้ได้ปริญญา ที่ลงท้ายด้วย คำว่า oxon หรือ cantab ที่นั่นมีคนที่เรียนไม่เก่ง หรือ คนเดินดินธรรมดาไหม คำตอบก็คือ มีแน่ๆ ว่าคนทุกคนก็เป็นคนเดินดินธรรมดา ไม่ได้วิเศษวิโส เป็นเทวดามาแต่ไหน ต่อให้จบจากที่นี่ ก็ไม่ได้ออกไปเป็นเทวดา ที่ไหน เป็นคนเป็นๆ คนธรรมดา ที่มีความมุ่งมั่น เท่านั้นเอง ถ้าถามว่าคนที่ไม่เก่ง มีไหม ก็ต้องถามว่าเก่ง ด้านไหน คนที่จะเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย ไม่ว่าที่ไหนในโลก มันก็ต้องมีความเก่ง ระดับหนึ่ง ด้านใดด้านหนึ่ง ที่เขารับ เพียงแต่ตามมาตรฐานของแต่ละที่ ก็ต้องแสดงออกให้เห็นว่าคุณสามารถจะเรียจบที่นั่นได้ อย่างคุณอายุ 19 นี่ ยังอยู่ในประเทศไทย หรือ เปล่า ถ้าอยู่ที่นั่น ถ้ายังอยู่ การเรียนจบ ป. ตรีที่นี่ แล้วไปต่อที่นู่น อาจจะง่ายกว่าในความคิดของผม เพราะถ้าเราจะไปเริ่มที่ ป. ตรีเลย เราก็ต้องไปเรียน ปรับพื้นฐาน แล้วไหนจะภาษา เพื่อไปแข่งกับครีมของประเทศเขาอีกที ซึ่ง โอกาสมันก็น้อยลงตามระเบียบ แต่ถ้าเราเรียน ป. ตรีที่นี่ แล้วจะไปต่อโท ต่อ เอก แล้วเรามุ่งมั่นตั้งใจ ทำให้ดี เรามีคะแนนไปอวดเขา โชว์ความมุ่งมั่น บวก จดหมายคำแนะนำที่ดี มีทุน (หรือ บ้านรวย) ก็น่าจะมีโอกาส อย่าคิดว่าเราไม่เก่ง ไปตลอด ถ้าเรามุ่งมั่น ตั้งใจ เราก็ประสบความสำเร็จได้ แต่ถ้าคิดว่าเพื่อโก้เก๋ ก็อย่าไปเลยครับ เอาใจช่วยครับ จากคุณ : แพทย์ - [ วันฉัตรมงคล 17:49:52 ]

ความคิดเห็นที่ 6 แล้วแต่สาขาและก็ดวงล่ะครับผมว่า เห็นหลัง ๆ คนไทยจบจากเมืองไทยก็บินตรงไปเรียนที่ Oxford ในระดับ graduate กันพอสมควร ปัญหาหนึ่งของ Oxford หรือ มหาลัยอังกฤษอื่น ๆ คือเรื่องทุนที่ไม่ค่อยมีมากเท่าไร ถ้าไม่ได้มีทุนติดตัวมาก่อน ก็ลำบากครับ เรื่องเข้ายากง่าย เก่งไม่เก่ง ก็ subjective ครับ แต่โดยรวมผมก็คิดว่าเข้ายากมาก ทีเดียวล่ะ (แต่ก็ต้องแล้วแต่ว่าจะเทียบกับที่ไหน) จากคุณ : เรื่องง่ายๆของรถถุง - [ วันฉัตรมงคล 23:01:55 ]

ความคิดเห็นที่ 7 grad school Engineering เทียบกับ top 10 ของอเมริกาอันไหนเข้ายากกว่ากันครับ จากคุณ : volta - [ 7 พ.ค. 51 09:38:47 ]

ความคิดเห็นที่ 8 อืมม ผมว่า US นะ แต่ก็ไม่มีสถิติที่ชัดเจน แต่สังเกตุว่าคนเก่ง ๆ จากพวกวิศวกรรมศาสตร์เมืองไทย จะมาเรียนต่อที่อเมริกามากกว่า หรือไม่ก็เคมบริดจ์ / อิมพีเรียล แต่ถ้าพวกเก่งสุดยอดก็คงไปพวก MIT/Stanford/Berkeley/CMU (computer)/Austin,UIUC (โยธา) ทำนองนั้นมั้งครับ แต่สายพวกกฎหมาย สังคมศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ คนไทยที่ไปเรียนที่อ๊อกฟอร์ด ก็เก่งใช้ได้แหละ ส่วนใหญ่ก็จบระดับต้น ๆ ของชั้น แต่เศรษฐศาสตร์ก็ยังเข้าง่ายกว่า ร.ร.ท๊อป ของอเมริกาพอสมควร ยังพอเป็น reach school ของคนที่จบจากเมืองไทยได้ (ในขณะที่ รร ในอเมริกา ค่อนข้างจะคล้าย ๆ impossible ไปแล้ว) จากคุณ : เรื่องง่ายๆของรถถุง - [ 7 พ.ค. 51 10:11:44 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ^ ^ ^ ความเห็นที่ 8 ข้อมูลไม่ตรงกับที่เป็นอยู่ที่นี่ (Cambridge) เยอะนะครับ ผมยกตัวอย่างคนไทยที่ผมรู้จักนะ เช่นกฏหมายที่เห็นกับตาเองเนี่ย 3 ปีีล่าสุด ก็เหรียญทอง/เกียรตินิยมอันดับ 1 จุฬา/มธ  มาอยู่นี่กันนะครับ ปีการศึกษาที่จะถึงนี้ผมได้ข่าวว่าก็ประมาณมาตราฐานนี้  โดยเฉพาะกฏหมายนี่ LLM เข้ายากนะครับ แต่ เอก เนี่ย ยังคงเป็น impossible อยู่นะครับ 30 ปีแล้วที่คนไทยยังไม่ถูกตอบรับเข้าไปเรียน IR และ Education ก็เหรียญทองจุฬานะครับ Econ ที่กำลังเรียนเอกอยู่ ก็เหรียญทองจากจุฬาเช่นกัน วิศวะที่เห็นนี่ก็เหรียญทองเชียงใหม และ่ เกียรตินิยมอันดับ 1 จุฬา และก็เหรียญทองโอลิมปิค !!! วิทยา ก็มีครบหมด ไม่ว่าคนที่ได้ทั้งเหรียญทอง หรือเิงิน ทองแดง โอลิมปิค ก็เรียนอยู่ที่นี่กัน เรียนคละๆกันไปในแขนงต่างๆ เช่น เลข ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ รวมแล้วก็ 7-8 คนได้ นอกจากนี้ก็มี พวกทุน อนันต์ ทุน King อีก 4-5 คน รวมๆแล้วคนระดับเก่งสุดยอด(ตามที่ผมเข้าใจ) เรียนอยู่ที่นี่ประมาณ 20 คน เยอะโคตรๆครับ แล้วยังมีพวก พสวท อีก 10 กว่าคน อืม จริงๆไม่อยากจะเอาข้อมูลเหล่านั้นออกมาเล่าให้คนอื่นๆฟังเลย เพราะมันพาดพึงถึงคนที่นี่หลายคน แต่คิดว่าเป็นการกล่าวถึงในทางที่ดี แล้วก็อยากให้คนเข้าใจข้อมูลที่ถูกต้องด้วย (เพื่ออะไรว่ะเนี่ย เฮ้ออ!!!) ปล. จริงๆยังมีข้อมูลคนไทยที่เรียนวิศวะที่ Imperial บางส่วน ก็บอกเลยไม่หนีจาก Cambridge เท่าไหร่หรอกครับ จากคุณ : TimeS-To-Enjoy - [ 7 พ.ค. 51 15:01:20 ]

ความคิดเห็นที่ 10 อ่อ ยังไม่ได้กล่าวถึง Judge business School นะครับ อยากพูดถึง social บ้าง แม้ว่ายังจะไม่ใช่ที่ 1 ของโลกหรือแม้แต่ที่อังกฤษเองทางด้านนี้ แต่ความเป็น cambridge มันดึงดูดคนเก่งๆสุดยอดมาเรียนได้นะครับ MBA ที่เห็นมาเรียนแต่ละคนก็ไม่ธรรมดา เกียรตินิยมอันดับ 1 จุฬากันซะเยอะ ปีการศึกษาหน้า คนที่ได้เหรียญทองเคมีโอลิมปิคที่ไปเรียนจบจาก MIT ก็กำลังจะมาเรียนที่ Judge ครับ จากคุณ : TimeS-To-Enjoy - [ 7 พ.ค. 51 15:07:12 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ก็ยอมรับนะว่าคนเก่งก็เยอะน่ะครับ แต่ถ้าหากเทียบกับฝั่ง top ของอเมริกาแล้ว อืมม ก็ถือว่ายังน้อยกว่าครับ แต่ไม่อยากจะลงมาก (เดี๋ยวจะกลายเป็นประเด็นอวดเรื่องสถาบันกันอีก อายคนอ่าน ปล่าว ๆ ) อย่างที่คุณยกมา ผมไม่แน่ใจว่าข้อมูลแม่นทั้งหมดหรือเปล่า เพราะเท่าที่รู้คนนึง ก็ไม่ตรงนะครับ เพราะเขาเป็นเพื่อนผมเอง  คนที่เรียน PhD Econ ที่เคมบริจนะ สนิทกัน ปัจจัยหนึ่งที่สำคัญที่ Cambridge ได้คนเก่ง ๆ แบบเกรดดี ๆ ไปเยอะ ก็เพราะว่าทุน Cambridge-Thai Foundation ที่มักจะให้กับคนที่ได้ที่หนึ่งของคณะต่าง ๆ ในไทย พวกจุฬา ธรรมศาสตร์ ไปเรียนต่อระดับ ป.โท ที่นั่น นอกจากนั้นก็มีทุน Shell scholarship ที่ให้พวกเกรดดี ๆ ไปเรียน ป.โท เลยไม่ค่อยแปลกที่จะเห็นพวกที่ 1 คณะต่าง ๆ จากไทยไปเรียนกันเยอะครับ (แต่หลายคนก็ไปเรียน ป.เอก ที่อื่นนะ ประมาณว่าเอา MPhil เป็น stepping stone ที่ดีมาก ๆ ) เพื่อนผมมีหลายคนครับ ที่จบเคมบริจ คนที่กำลังเรียนก็มี ที่กำลังจะมาเจอกันก็มี ก็เก่ง ๆ ทั้งนั้นแหละครับ รู้ฝีมือกันดี เดี๋ยวจะหาว่าไม่ยอมรับว่าไม่เก่ง :) เพียงแต่ผมยังมองว่ามันยังเข้าง่ายกว่า ยูในอเมริกาครับ อย่างน้อยก็ยังเป็นไปได้สำหรับคนจบจากมหาลัยในไทย แต่โปรแกรมในอเมริกาหลาย ๆ แห่ง (พวกยูระดับ top มาก ๆ ของอเมริกา) ถ้าหากไม่ได้จบจากต่างประเทศมา โอกาสมันน้อยจริง ๆ ส่วนใหญ่คนที่เข้า ป.โท-เอก ได้ มักเป็นเด็กไทยที่จบโรงเรียนดัง ๆ มา (หรือว่า จบตรีไทย แล้วมาต่อโท เมืองนอกที่ดีๆ) .. อันนี้ไม่ได้บอกว่าดีหรือไม่ดีกว่ากัน เพียงแต่เปรียบเทียบเรื่องความ"ยากง่าย" สำหรับโอกาสในการเข้าเรียนครับ จากคุณ : เรื่องง่ายๆของรถถุง - [ 7 พ.ค. 51 22:50:03 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ปัจจัยสำคัญที่คุณก็คงรู้ ก็คือเรื่อง Finance นั่นแหละครับ อิอิ ขอบอกว่าถ้าหาก Oxbridge ให้ทุนได้เหมือน ๆ กับ U ในอเมริกา ก็จะเป็น มหาลัยที่เข้ายาก ๆ มากขึ้นกว่านี้เยอะครับ เพราะชื่อชั้นอะไรก็ดีมากอยู่แล้ว ตึกอาคารก็สวยงาม มันมีความ exotic อยู่  แต่ปัจจัยเรื่องเงินทุน มันทำให้คนเก่ง ๆ หลายคน ไม่ค่อยอยากที่จะสมัครไปเรียนกันเท่าไรน่ะครับ ยกเว้นคนที่มีทุนมาแล้ว  เปรียบเทียบกับมหาลัยในอเมริกาหรือที่อื่น ๆ ที่มีทุนให้เยอะ  Competitiveness มันก็เยอะกว่าน่ะครับ นั่นก็คือสาเหตุที่ว่าทำไม ผมถึงคิดว่ามหาลัยในอเมริกาสมัครเข้าไปได้ยากกว่า แต่ถ้าเรียนจบจากอังกฤษได้ ผมก็ถือว่าเก่งครับ อาจจะเก่งกว่าคนจบแบบอเมริกาด้วยซ้ำไป จากคุณ : เรื่องง่ายๆของรถถุง - [ 7 พ.ค. 51 22:59:02 ]

ความคิดเห็นที่ 13 Just come by to give a responce to K. เรื่องง่ายๆของรถถุง. One thing I should say that I was trying to give an empirical data to you, well it may not be exact but it should be very close to what it really is, yet you still response by trying to generalise everything. And that makes it harder to continue the conversation. For example ''ยอมรับนะว่าคนเก่งก็เยอะน่ะครับ แต่ถ้าหากเทียบกับฝั่ง top ของอเมริกาแล้ว อืมม ก็ถือว่ายังน้อยกว่าครับ'' Well, if your statement was true, that means there must be a university in the US where there are more than at least 40 Thai  brainy students studying. I really like to hear where that is. But if the term เยอะ you were intending to refer to was the total amount of the Top students studying in the US, then I could not see why that is not possible. Because the number of university in US are alot more than that in UK. Or this ''อืมม ผมว่า US นะ แต่ก็ไม่มีสถิติที่ชัดเจน แต่สังเกตุว่าคนเก่ง ๆ จากพวกวิศวกรรมศาสตร์เมืองไทย จะมาเรียนต่อที่อเมริกามากกว่า หรือไม่ก็เคมบริดจ์ / อิมพีเรียล แต่ถ้าพวกเก่งสุดยอดก็คงไปพวก MIT/Stanford/Berkeley/CMU (computer)/Austin,UIUC (โยธา) ทำนองนั้นมั้งครับ''  See that it is your own opinion. U see the point I am trying to make that you are trying to be elusive. Please say things clearly, to be more beneficial to the readers. I have not done with my comment yet. Stiil need to go back to the lab work. Will be coming back later. แก้ไขเมื่อ 08 พ.ค. 51 06:26:39 จากคุณ : TimeS-To-Enjoy - [ 7 พ.ค. 51 23:43:59 ]

ความคิดเห็นที่ 14 อืมม จริง ๆ จะว่า elusive ก็ได้ครับ เพราะในกระทู้นี้ผมไม่ได้ต้องการจะมาแสดง empirical evidence แบบชัดเจน เอาตัวเลขอะไรมาแสดง แค่มาแสดงความเห็น จาก "ทัศนคติของผม" เฉย ๆ คนอ่านจะเห็นด้วยหรือไม่ก็ไม่เป็นไรครับ จริง ๆ คำว่ามากผมหมายถึงในเชิงคุณภาพด้วยครับ ไม่ใช่แค่ปริมาณ ถ้าจำเพาะแค่ปริมาณ โรงเรียนในอเมริกาที่คนไทยเก่ง ๆ อยู่เกิน 40 ก็มีหลายแห่งนะครับ MIT,Stanford, Berkeley, Georgia Tech/UIUC พวกนี้ เกิน 40 ทั้งนั้นแหละครับ แต่ที่ผมต้องการสื่อคือ คนที่เก่งระดับแบบเหรียญทอง หรือพวกทุนต่าง ๆ ที่มีในเคมบริจน์ มหาลัยอเมริการะดับชั้นนำก็มีไม่น้อยครับ ไม่ใช่เรื่องน่าตื่นเต้นมากนัก มหาลัยหลาย ๆ ที่ก็เป็นที่รวมหัวกะทิของคนไทยอยู่แล้ว แต่เรื่องเก่งไม่เก่ง มันก็เป็น subjective อีก อย่างไหนเรียกว่าเก่งไม่เก่ง ก็ถกเถียงกันได้ มหาลัยที่เด็กทุนต่าง ๆ เรียนอยู่เยอะ ถือว่าดีกว่า มหาลัยที่เด็กทุนเรียนอยู่น้อย หรือเด็กทุนส่วนตัวเรียนอยู่เยอะ? มาตรฐานพวกนี้ ก็ไม่มีใครตัดสินหรอกครับ มันเป็นเรื่อง subjective น่ะ เพียงแต่สำหรับผม (ก็ subjective อีกนั่นแหละ) ส่วนเรื่องที่จะเป็นประโยชน์ต่อคนอ่านหรือไม่ ก็ต้องให้คนอ่านเขาตัดสินล่ะครับ :) จากคุณ : เรื่องง่ายๆของรถถุง - [ 8 พ.ค. 51 00:22:36 ]

ความคิดเห็นที่ 15 มีวิธีหนึ่งวิธีง่าย ๆ ในการจัดอันดับว่าอันไหนดีกว่าหรือไม่ดีกว่า ทางเศรษฐศาสตร์เรียกว่า "Revealed Preference" (เป็นหนึ่งในหลาย ๆ วิธี) คือให้ลองไปถามเด็กต่าง ๆ ที่เรียน ว่าตอนสมัครเรียน เขาเข้าได้ที่ไหนบ้าง ไม่ได้ที่ไหน เช่น สมัครเข้าโรงเรียน A,B,C แต่เข้าโรงเรียน B, C ได้ แต่โดน A reject เวลาจัดอันดับจะถือว่า โรงเรียน A ดีกว่า B,C หรือว่า ถ้าหากเขาเลือก ที่จะเข้าเรียนที่ B ก็แสดงว่า B มีอันดับที่ดีกว่า C ทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ  เก็บข้อมูลของเด็กทุกคน ผลก็จะออกมาว่าโรงเรียนไหนอยู่ในอันดับไหน เป็นเหมือนการเปรียบเทียบไปเรื่อย ๆ ก็เป็นวิธีหนึ่งครับ ไม่รู้ว่าจะมีคนไทยลองเอาไปทำวิจัยดูบ้างไหม อาจจะได้ผลที่เป็น empirical ในระดับหนึ่งได้ ผมเห็นคนไทยที่เรียนอังกฤษหลายคนก็เคยสมัครมหาลัยในอเมริกา ก็อาจจะได้เห็นภาพ empirical ที่ชัดเจนขึ้นครับ ว่าแต่ละที่อยู่ในอันดับไหนเมื่อเทียบกับที่อื่น ๆ เขียนแล้วก็รู้สึกว่าเป็น project ที่น่าลองเอาไปทำน่ะครับ น่าสนุกดี แก้ไขเมื่อ 08 พ.ค. 51 01:21:53 จากคุณ : เรื่องง่ายๆของรถถุง - [ 8 พ.ค. 51 00:32:19 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ^ ^ ^ แต่ถ้าทำวิธีนั้น (จากที่คุณอธิบายมา)  ปัจจัยต่างๆที่ไม่ได้เอามารวม เช่น เด็กไม่เลือกโรงเรียน เอ (แต่จริงๆอยากเข้ามากๆๆๆๆๆๆ) ไปเลือกโรงเรียน บี แทน เป็นเพราะโรงเรียนบี ให้เงินมากกว่า...หรือ เป็นเพราะโรงเรียนบี อยู่ใกล้บ้านมากกว่า หรืออะไรก็แล้วแต่ที่มันเป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลทำให้การตัดสินใจบิดเบือนไป...การจัดอันดับก็ใช้ไม่ได้สิครับ  เพราะว่า hidden preference มันเยอะมากกว่า...(และยังมี hidden preference จากทางฝั่งโรงเรียนอีกต่างหาก...นั่นคือ เค้าอาจจะมีเหตุผลบางอย่างที่คัดเราเข้า หรือคัดเราออก...ที่ไม่เกี่ยวกับความ"เก่ง"ของนักเรียน...) วิธีนี้ใช้ไม่ได้คนที่เค้าไม่สมัครข้ามทวีป เช่น ไม่เคยคิดว่าจะไปเรียนที่อังกฤษเลย  จะด้วยสาเหตุอะไรก็แล้วแต่  อย่างนี้เราก็เปรียบมหาลัยของสองประเทศไม่ได้  หรือถึงแม้ว่าจะมีคนที่สมัครเข้าสองประเทศเอง...มันก็ยังมี hidden preference ที่จะเลือกประเทศหนึ่งประเทศใดอยู่ดี  (เช่น ชอบเมือง เอ มากกว่าเมือง บี  หรือแม้กระทั่งชอบแนวความคิดของอาจาร์ เอ มากกว่าอาจารย์โรงเรียน บี ฯลฯ)   ออกนอกเรื่องมามากแล้ว...ผมว่าจขกท ก็ควรจะลองดูเองว่ามันยากหรือเปล่า...ถ้าคุณดีจริง (ขอพูดแบบรวมๆว่า "ดี") มันก็คงไม่ยาก...ถ้าคุณไม่ดีจริง (แต่อยากจะไป) ก็คงจะยาก.. จริงๆ ผมว่าจะเอานักเรียนไทยเหรียญทองที่ได้รับการตอบรับ มาเป็นตัวตัดสินว่าที่ไหนเข้ายากหรือเข้าง่าย เป็นปัญหา...เพราะว่าเราถือเอาว่านักเรียนพวกนี้ "เก่ง" ที่สุด หรือเปล่าครับ...(ไม่ใช่ผมดูถูกพวกนี้เค้านะ)  แต่ว่าบางที การตอบรับเข้าของนักเรียนเหรียญทองพวกนี้...มันก็มาจาก หลายๆปัจจัยไม่ใช่หรือครับ เช่น  การมีทุนจากฝ่ายไทยช่วยสนับสนุน (ทำให้รับง่ายขึ้น เพราะว่าทางมหาลัยไม่ต้องช่วยมากเท่าไร)  และมี "ตำแหน่ง" มากันรันตีว่า "นักเรียนเหรียญทอง"  การมีผู้แนะนำเขียน research proposal ให้แน่นๆ (สำหรับผู้ที่เรียนฝั่งยุโรป)  การที่มี recommend ดีๆจากอาจารย์หรือผู้ใหญ่อื่นๆ   ส่วนถ้ามองมุมกลับกัน การที่นักเรียนเหรียญทองไม่ได้รับการตอบรับจากมหาลัยเอ บี หรือซี ก็อาจจะไม่ใช่เพราะโรงเรียนนั้นเข้ายาก  แต่อาจจะเป็นเพราะโรงเรียนไม่เห็นว่าจะรับนักเรียนเหรียญทองเหล่านั้นไปทำไม  เช่น บางคนเขียน research proposal เกี่ยวกับประเทศไทย ทั้งๆที่มหาลัยนั้นๆ ไม่มีอาจารย์ที่เชี่ยวชาญบริบทเอเซียตะวันออกเฉียงใต้อยู่  หรือโรงเรียนอาจจะไม่สนใจ proposal นั้นๆ (ถ้าเทียบกับอันอื่นๆ)    ซึ่งผมว่า "ไม่สนใจ" มันเป็น subjective... เพราะฉะนั้น ผมคิดว่าปัญหาของเรื่องคือ การเอาอะไรมาเป็นตัววัดว่าโรงเรียนไหนเข้ายาก  ผมไม่คิดว่านักเรียนไทยเหรียญทองหรือทุนอานันท์ ฯลฯ จะเป็นตัววัดที่ดี...ส่วนจะใช้อะไรเป็นตัววัดที่ดีนัน้  ผมตอบไม่ได้ครับ (ฮา...)  เพราะไม่คิดว่ามันจะวัดกันได้...ผมคิดว่าทางออกคือ อย่าคิดว่าอะไรเข้ายากกว่าอะไร  แต่ควรจะคิดว่าที่ "เข้ายาก" คือ การที่ผู้สมัครคนหนึ่งๆ ไม่ fit in กับ criteria ของผู้คัดเลือกกลุ่มหนึ่งที่ได้รับมอบหมายให้มาคัดเลือก ณ ปีหนึ่งๆ เท่านั้นเอง  (โดยเฉพาะเมื่อไปเปรียบเทียบกับคุณสมบัติของผู้สมัครอื่นๆที่ fit in มากกว่า)  เพราะฉะนั้น จะพูดลอยๆแบบ timeless truth (present simple tense!!) ว่า อะไรเข้ายากกว่าอะไร โดยใช้นักเรียนทุนเป็นตัววัด ผมว่าไม่ได้อ่ะครับ ปล.  นอกเรื่อง...ยังไม่เคยเห็นนักเรียนเหรียญทอง กับทุนมาเรียนทางด้านอักษรศาสตร์ด้านภาษาอังกฤษในมหาลัยที่คุยๆกันข้างบนสักที...เคยเห็นแต่ u of warwick, u cal berkeley, u of colorado, tulane, u of oregon, u of nebraska....ยังไม่เห็น oxford, cambridge, MIT แก้ไขเมื่อ 08 พ.ค. 51 02:21:32 จากคุณ : texanprofessor (krisdauw) - [ 8 พ.ค. 51 02:20:22 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ฮาๆ ก็ฟังขึ้นครับ ถ้าถามผม ผมว่า Revealed Preference ที่มันค่อนข้างจะเชื่อถือได้ (อย่างน้อยก็ตาม conventional wisdom) ว่าที่ไหนเป็นที่นิยมมากกว่าที่ไหน เพราะมี assumption หนึ่งว่า นักเรียนแต่ละคน ย่อมต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง และก็มีข้อมูลในการตัดสินใจมากพอ.. ส่วนเรื่อง funding ก็ถือว่าเป็น factor ภายในอยู่แล้ว (การที่นักเรียนเลือกที่นี่ เพราะเงินมากกว่า ทั้ง ๆ ที่อยากไปอีกโรงเรียน นั่นก็แสดงว่าเขาได้ calculate ทุกปัจจัยและก็เห็นว่า รร.ที่เงินมากกว่าดีกว่า ฯลฯ) เพราะถ้าหากเห็นว่าดีจริง ๆ ถึงจะให้เงินน้อย แต่ยังไงก็ไป จริง ๆ มีแค่เปเปอร์เดียว ที่เคยทำเรื่องนี้ (Avery et al, 2005) คือทำเฉพาะ ranking ของ U.S. College เพราะว่าต้องสัมภาษณ์ ต้องมีข้อมูลของนักเรียนกลุ่มใหญ่ ซึ่งยุ่งยากกว่าแค่ เอาปัจจัยบางอย่างของโรงเรียนมาคิด ๆ แบบพวก U.S. News หรือ อะไรพวกนั้น ซึ่งทำไม่ยากเท่าไร แต่อย่างที่บอกครับ ว่าเป็นแค่หนึ่งในแนวทาง ไม่ใช่ว่าเป็น methodology ที่ดีกว่าหรือดีที่สุด แค่บอกค่านิยมของคนในกลุ่มที่ต้องตัดสินใจ ว่าชอบอะไรมากกว่าอะไร แค่นั้นเอง ( โดยเฉพาะถ้าเปรียบเทียบแบบข้ามประเทศ ก็ยิ่งยากใหญ่) เขียนแล้วก็ชักมึน ๆ ผมว่าวิธีนี้มาใช้กับไทยก็ไม่ยาก เพราะเมืองไทยการเลือกมหาลัยเป็นแบบ จัดอันดับอยู่แล้ว นักเรียนก็ย่อมเห็นว่า รร ที่เขาเลือกเป็นอันดับบนกว่า มันดีกว่า รร ที่เขาเลือกเป็นอันดับล่าง เมื่อเอาทุกอย่างมารวมกัน มี error อะไรบ้าง บวกลบหักล้างกันไป แต่รวม ๆ แล้ว ผมว่าก็ยังสามารถจะบอกอะไรบางอย่างได้ไม่มากก็น้อย =================== ส่วนประเด็นเปรียบเทียบมหาลัย.. ผมก็ลืมคิดไปว่ามันก็เป็นประเด็นอ่อนไหว เลยคิดว่าไม่อยากจะเน้นมากแล้ว  แต่ยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาไม่ดีหรือ look down on ใครหรือยกย่องใครเก่งเหนือใคร แค่เขียน ๆ ตามที่รับทราบมาบ้างเท่านั้น ว่าที่ไหนเป็นยังไง เล่าได้ก็แค่เรื่อง admission ครับ เพราะว่าเพื่อน ๆ ก็เรียนมาด้วยกัน ก็รู้ว่าคนเก่งขนาดไหนไปเรียนที่ไหน เข้าไหนได้ เข้าไหนไม่ได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ข้อมูลพวกนี้ก็ไม่สามารถบ่งบอกถึงคุณภาพสถาบันได้ เช่น มหาลัยที่เข้าง่ายกว่า ไม่ได้หมายความว่าจะจบง่าย หรือคุณภาพดีน้อยกว่า หรือว่าอาจารย์เก่งน้อยกว่ามหาลัยที่เข้ายากกว่า อันนี้ ขอให้เข้าใจตรงกัน ปล1. ผมลองส่งให้เพื่อนอ่านดู ใน #9 เขาบอกว่า คนไทยที่เรียน ป.เอก กฎหมาย Cambridge ก็มีมากกว่าหนึ่งคนนะครับ (international public law) ที่เพิ่งจบไปไม่นานก็มี ปล2. จริง ๆ เรื่องนี้น่าสนใจนะครับ ประเด็น ที่คุณ krisdauw ยกมา ไว้อนาคตคงได้คุยเรื่องนี้กับละเอียด ๆ อีกที อาจจะมีประโยชน์สำหรับคนที่กำลังตัดสินใจเรียนต่อ หรือเลือกมหาวิทยาลัยด้วย ปล 3. ทั้งหมดนี้เป็นแค่ความเห็นของผมครับ อาจจะถูกหรือผิดก็ได้ ห้ามเอาไปอ้างอิงใด ๆ ฮาๆ Best Wishes to All จากคุณ : เรื่องง่ายๆของรถถุง - [ 8 พ.ค. 51 03:41:28 ]

ความคิดเห็นที่ 18 กลับมาแล้วครับ พิมพืไทยได้แล้ว จะได้ขอกล่าวได้ชัดเจนหน่อย 1. ผมว่ามีคมหลงประเด็นคิดว่าผมเอา profile ของคนที่ cambridge มาลงให้ดูเพราะผมต้องการจะบอกว่า cambridge เข้ายาก  อันนี้ขอบอกว่าไม่ใช่นะครับ ที่เอามาให้ดูเพราะเนื่องจาก คุณเรื่องง่ายๆของรถถุง ได้กล่าวไว้ใน คห. 8 ว่า คนเก่งๆสุดยอดจะไป US กัน ซึ่งตามความเข้าใจผมและเห็นอยู่เนี่ย คนเหล่านั้นที่มี profile ดังที่เล่าให้่ฟัง คือคนเก่งระดับสุดยอดของประเทศแล้วในสายตามผมทางด้านวิชาการ ซึ่งพบว่าก็ยังมาเรียนที่ cam ถึง 20 กว่าคน ผมเข้าใจว่านี้เป็นตัวเลขที่เยอะมากสำหรับกลุ่มนักเรียนชั้นหัวกะทิที่มาร่วมตัวกันในที่แห่งเดียว ถ้าคุณ เรื่องง่ายๆของรถถุง คิดว่าที่ US มี U ไหนที่มีจำนวนเด็ก profile ประมาณนั้น ก็สามารถบอกมาได้   แต่พอมาใน คห 14 คนกลับใช้วิธีการพูดกำกวมอีกแล้ว ที่บอกว่า บางอยู่ใน US มีคนเก่งๆมากกว่า 40 คนแน่ๆ อืมผมต้องถามว่าคนเก่งๆของคุณนิยามยังไงด้วยครับ   สิ่งที่ผมทำคือได้นับจำนวนนักเรียนที่มี profile ที่คิดว่า สุดยอด ในกรอบของความสามารถทางวิชาการให้คุณเห็นแล้ว แต่จู่ๆ คุณกลับใช้วิธีการพูดแบบรวมๆโดยช้ำคำว่า ''เก่ง'' แล้วคุณก็ลากประเด็นคำว่าเก่งเป็น subjective ไปเองอีกด้วย ดังนั้นถ้าพูดกันไม่ชัด ประเด็นนี้ก็จะวนในอ่างครับ ผมต้องการให้พูดอะำไร พูดออกมากจากสิ่งที่เห็นจริงๆ คลาดเคลื่อนไปบ้างก็เข้าใจได้ แต่ไม่ใช่ออกมาจากความรู้สึก หรือเคยชินกับการรับรู้อย่างใดอย่างหนึ่งจนเชื่อมาก ซึ่งพบว่ามันขัดแย้งกับสิ่งที่ผมเห็นอยู่ ขอให้เข้าใจว่า ผมไม่ได้พยายามจะปกป้องชือ่เสียงของ cambridge หรืออะไร ผมแค่พูดในสิ่งที่มันเป็นจริง ณ เวลาปัจจุบัน นั่นคือ เด็กระดับสุดยอดของประเทศ ยังคงเเลือกมาเรียนที่กันเยอะ (เยอะในที่นี่คือ มาร่วมกันอยู่ที่ที่เดียว) มันไม่ใช่ว่า ข้าสุดยอดแล้วต้องไป US แต่ถ้าไป US ไม่ได้ต้องมา UK มันไม่ใช่เลยครับ เพราะเลือกคือการเลือกไงครับ เลือกจะมาที่นี่ไงครับ แต่มันจะเกี่ยวกับ cam เข้ายากหรือง่ายกว่า berkeley, standford หรือ MIT ไหม ผมไม่รู้เลยครับ และนั้นแหละครับที่เป็น FACT ที่ผมพยายามจะบอก ถึงตรงนี้ ยอมรับแล้วใช่ไหมครับ (อ่านความเห็นคุณใน 14 ก็เหมือนจะยอมรับแล้ว) ว่า คนหัวกะทิจำนวนไม่น้อยที่เลือกที่จะมา UK เช่นใน cambridge มันไม่ใช่เป็นแบบที่คุณพูดที่ว่า ถ้าสุดยอดแล้วจะเลือกไป US ถ้าคุณพูดง่ายๆแบบนั้น มันจะให้อารมรณ์เหมือน ไป US ไม่ได้ค่อยไป UK แล้วกัน ซึ่งผิดความจริงไปมากครับ   แค่นี้แหละครับคือทั้งหมดในประเด็นนี้้ ส่วนเรื่องเข้ายากง่าย ผมบอกตรงๆเลย ถ้าคุณเข้าใจระบบการรับสมัครของมหาลัยจริงๆแล้ว ใช่ว่า U หนึ่งๆที่ว่าเข้ายากจะยากจริง หรือเข้าง่ายจะง่ายจริง มันมีหนทางอยู่ครับและนี้คือ subjective ของแท้ครับ 2. เรื่องข้อมูลที่คุณคิดว่าผมให้มาผิด นั้น เช่นคนที่เรียน Phd econ ที่เป็นเพื่อนคุณ ท่าจะเป็นคนละคนที่ผมพูดถึงนะครับ ลองถามเพื่อนคุณดูว่า Phd econ อีกคนเป็นอย่างที่ผมได้บอกไปหรือเปล่า 3. เรื่อง ป. เอก กฏหมาย ถ้าจริงดังที่คุณว่า คุณไม่คิดหรือว่าคนไทยที่เรียนที่นี่กว่า 60 คน น่าจะต้องเคยเจอเค้าคนนั้นบ้าง ทุกวันนี้เวลาเจอคนเรียน LLM ก็ยังถามอยู่เลยว่ามีคนไทยคนไหนอีกไหม มันก็มีกันแค่นี้ หรือเค้าอาจหลบไม่เข้าสังคมหรือเปล่า อันนี้อาจสุดปัญญาผมที่จะตามหา เพื่อนคุณที่บอกถ้าเค้าเรียนที่นี่และเป็นคนเข้าสังคม ผมน่าจะรู้จัก และไม่น่าพลาดที่ผมและคนไทยที่นี่จะไม่รู้ว่ามีคนทำเอก law อยู่ 4. สิ่งที่คุณคิดและรู้สึก เหมือนมีึความขัดแย้งกันนะครับ เรื่องที่คุณว่า cambridge ดึงคนเก่งได้เพราะมีทุน  ผมอยากจะบอกว่า มันแทบไม่ค่อยมีหรอกครับทุนน่ะ แต่ละคนเกือบ 100% ที่ได้ทุนเต็มก็ทุนประเทศเราเองทั้งนั้น นอกนั้นได้แค่บางส่วนกันครับ ต่างกับ US ครับที่หว่านเงินล่อคนเก่งไม่ใช่เหรอครับ ดังนั้น ขณะที่ cambridge ไม่มีเงินแจกเยอะขนาดนั้น แต่ยังมีคนระดับสุดยอดประประเทศมาเรียนได้เยอะขนาดนี้ มันเป็นเรื่องของความรู้สึกและความภูมิใจที่จะได้มาเป็นส่วนหนึ่งที่นี้ล้วนๆครับ พุดมาทั้งหมด ผมไม่ได้เถียงว่า US ไม่ดีกว่า UK แต่ผมเห็นด้วยเป็นอย่างมากซะด้วยซ้ำว่า US มีที่เรียนดีๆ เยอะมาก UK มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ และนั้นทำไมจึงมีคนเก่งสุดยอดไปที่นั่นกันเยอะๆ เพราะตัวเลอืกมากมายเหลือเกิน เงินก็เยอะ อีก แต่ทั้งหมดก้ไม่สามารถแปลได้เลยว่า คนเก่งสุดยอดจะ always เลือกไป US ก่อน UK เสมอ เพระา U ดีๆ อย่าง cambridge ยังคงมีเสหน่ห์ที่จะดึงดูดคนเก่งๆทัวโลกมาได้ แม้ว่าจะจนกว่า Harvard 10 เท่า ก็ตาม เขียนยา่วไปหน่อย  ต้องอ่านไม่รู้เรื่องแน่เลย :( จากคุณ : TimeS-To-Enjoy - [ 8 พ.ค. 51 05:43:19 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ขอบอกก่อนว่า นี่ความคิดผม (subjective เห็น ชอบใช้นัก เวลาเริ่มพูดไม่ออก หรือโต้แย้งแบบไม่มีหลักฐาน) ผมรู้สึกว่า ความเห็นของคุณ "เรื่องง่ายๆของรถถุง" แรก ก็มีพอยนท์ที่ชัดเจนดี ประโยชน์ต่อผู้อ่าน แต่หลัง ๆ รู้สึกเลื่อนลอย แล้วก็เอาความรู้สึกขจงคน ที่ "Pro America" มาเถียง พอสักพัก อีกด้านเริ่มมีข้อมูล ก็เริ่มจะพูดอะไร ค่อนข้างหาสาระแก่นสารโดยปราศจากอารมณ์ ไม่ค่อยจะได้ (เพื่อนผม เรียกว่าเพ้อเจ้อ??? O_o ผมไม่ได้พูดนะครับ ไอ้เพื่อนผม นี่ พูดอะไรก็ไม่รู้แย่จริง) "แต่ถ้าพวกเก่งสุดยอดก็คงไปพวก MIT/Stanford/Berkeley/CMU (computer)/Austin,UIUC (โยธา) ทำนองนั้นมั้งครับ" แล้วก็มีการยกตัวอย่าง จากฝั่งอังกฤษมา ตามที่ได้กล่าว ผมสงสัย ว่า คนที่เค้ายกตัวอย่าง มานี่ มันไม่ใช่สุดยอดหรือ เช่นเหรียญทองโอลิมปิกวิชาการ แล้วคุณก็บอกว่า เก่งไม่เก่งเป็น subjective ตกลง มันขัดแย้งกันยังไงไม่รู้ เพราะตอนแรกคุณพูดขึ้นมา ว่า เก่งสุดยอด อีกฝ่ายก็ไปหาหลักฐาน หรือสำรวจมา คุณก็มาบอกว่า "เก่งไม่เก่งเป็น subjective" ก็ตอนแรก คุณเองไม่ใช่หรือที่เปิดประเด็น ด้วยคำพูดคุณ รู้สีกว่า มันเหมือนไร้จุดยืน(เลื่อนลอย!!!???) แล้วก็หลงประเด็นไปพอควร อีกทั้งรู้สึกเหมือนกับเป็นแค่คนที่ "Pro America" มาพูดแบบไม่มีหลักฐานอะไรมากนัก อีกอย่าง ผมไม่แน่ใจว่าพี่คนนั้น เค้า มาเรียน econ ที่นี่ทำไม หรือเพราะว่า เค้าไม่ได้ "เก่งสุดยอด" เหมือนที่คุณบอกหรือเปล่าครับ เลยไปเรียนอเมริกาไม่ได้ อันนี่ผมถามเล่น ๆ นะ แต่ผมว่าธรรมศาสตร์อีคอน? นี่ก็ไม่ธรรมดาแล้วนะครับ อีกอย่างผมว่า เค้าเก่งนะ มาเรียนที่เคมบริดจ์ได้ (subjective) อ่อ อีกอย่างทั้งหมดเป็นความคิดส่วนตัวผม ซึ่ง subjective แล้วก็ผมมีความหวังอย่างยิ่งว่า นี่คงไม่ใช่ความเห็นสุดท้าย และคำถามที่ผมสงสัยยังคงค้างเติ่งอยู่อย่างนี้นะครับ รบกวนและขอบคุณมากครับ แก้ไขเมื่อ 08 พ.ค. 51 07:21:00 แก้ไขเมื่อ 08 พ.ค. 51 07:19:08 จากคุณ : ยอมรับผิดดีกว่าเฉไฉไร้จุดยืน (Jiojo) - [ 8 พ.ค. 51 07:13:17 ]

ความคิดเห็นที่ 20 อ่านไปอ่านมารู้สึกประเด็นมันกลายพันธุ์ไปรึเปล่าเนี่ย... แต่ว่าความคิดเห็นข้างต้นก็น่าสนใจทั้งนั้น... ต้องวิเคราะห์หน่อย... โดยรวม เห็นด้วยสุดกับ คคห. 5 :-) จากคุณ : Usquebaugh - [ 8 พ.ค. 51 14:17:30 ]

ความคิดเห็นที่ 21 เท่าที่รู้ปีนี้มีเหรียญทอง วิศวะจุฬาโดน MIT Stanford Berkeley หลายคนอยู่ จากคุณ : volta - [ 8 พ.ค. 51 20:11:16 ]

ความคิดเห็นที่ 22 คห.18 เอาเป็นว่าผมเข้าใจ point of defense ของคุณก็แล้วกัน ส่วนเรื่องที่ว่าสุดยอดแล้วจะไป US หรือ UK ผมว่าทางที่ดีที่สุด ก็ลองไปถามนักเรียนที่เรียนที่เคมบริจตอนนี้สิครับ ว่าเขาได้เคยสมัครโรงเรียนในอเมริกาบ้างหรือเปล่า แล้วได้ที่ไหนบ้าง ไม่ได้ที่ไหนบ้าง ถึงจะรู้ว่าคนที่เก่งสุดยอดเขาไปเรียนที่ไหน หรือผมพูดผิดไปตรงไหน (อาจจะมีหลายคนที่เข้า MIT, Harvard, Stanford etc ได้ แต่เลือก Cambridge ก็ได้ ..ผมไม่ทราบ อยากทราบเหมือนกัน)  แต่ที่ผมทราบจากทัศนคติแบบโลกแคบ ๆ ของผม คือถ้าหากว่าเก่งสุดยอด เข้าพวก มหาลัยชั้นนำในอเมริกาได้ ส่วนใหญ่ก็จะเลือกที่อเมริกา (จะเป็น fact หรือไม่ ก็ต้องลองถามนักเรียนที่เคมบริด ดูครับ this perception could be totally wrong ก็ได้) คนที่เก่งมาก ๆ ในเคมบริจด์พวกเกียรตินิยมเหรียญทองอะไร ก็อาจจะไม่ได้หมายความว่า เขาจะเก่งขนาดเข้าพวก Top U.S. grad school ได้ อย่างเหรียญทองวิศวะ ฯ โดนมหาลัยใน U.S. reject ก็ไม่น้อย (เหมือนที่ #21 ว่า)   หรืออย่างทางเศรษฐศาสตร์ อันนี้เป็น fact ว่า Oxbridge เข้าง่ายกว่า top school ของ U.S. มากอยู่ แต่ทั้งนั้น ผมก็ยอมรับว่าเป็นมหาลัยที่มีคนเก่ง ๆ เรียนอยู่เยอะครับ จริง ๆ ก็เก่งทุกคนนั่นแหละ แต่จะเก่งมากเก่งน้อยก็อีกเรื่อง ส่วนเรื่องคนที่เรียนจบ ป.เอก กฎหมายมีจริง เดี๋ยวผมหลังไมค์ ไปบอกชื่อให้แล้วกัน แปลกมากที่คุณไม่รู้ แถมยังออกมานั่งยัน นอนยัน ว่าไม่มี (ถ้าได้ตรวจทานแล้วช่วยโพสต์ยืนยันด้วยครับ คนจะได้ไม่หาว่าผม"มั่ว") ... ส่วน คห.19 นี่ ออกจะคุยแบบไม่ค่อยสร้างสรรค์ล่ะครับ มาแนวประชด เข้าใจว่าไม่ค่อยพอใจเรื่องที่มีคนมาพูดถึงมหาลัยของตัวเอง แบบไม่ค่อย respectful (ทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็ถือว่าสุดยอดของประเทศอยู่) ผมไม่ตอบโต้ดีกว่า ====== ความเห็นเรื่องนี้อาจจะผิดก็ได้ครับ ถือว่าเราคุยกันเล่นเพื่อการแลกเปลี่ยนทัศนะ และมุมมอง ทางวิชาการ ก็แล้วกันครับ ความขัดแย้งอาจจะมีได้ เพราะเป็นมุมมองที่ต่างกัน แต่ถ้าไม่ใส่อารมณ์ก็โอเคครับ จากคุณ : เรื่องง่ายๆของรถถุง - [ 8 พ.ค. 51 23:15:25 ]

ความคิดเห็นที่ 23 I dont know how could you become so angry like that, judging from what you wrote. I was trying to give you the facts yet still you keep on eraborating on your fantasy. Now I have come to realise that we are not taking on the same jubjects. I am wondering if you really understand my point of view. U said u understood my point of defense. Oh No.... I was not defending anytihng at all, what I did was pouring the facts in to you so that you know the real scene here. It seems to me that you are really obsessed by the thought of who is better than who, which school is tougher to get in. I am surprised since I have never associarted myself with that aspect of argument, how come you keep discussing with me on totally different subject, thowing back to me with irreverent. -_-! ''ผมว่าทางที่ดีที่สุด ก็ลองไปถามนักเรียนที่เรียนที่เคมบริจตอนนี้สิครับ ว่าเขาได้เคยสมัครโรงเรียนในอเมริกาบ้างหรือเปล่า แล้วได้ที่ไหนบ้าง ไม่ได้ที่ไหนบ้าง ถึงจะรู้ว่าคนที่เก่งสุดยอดเขาไปเรียนที่ไหน หรือผมพูดผิดไปตรงไหน'' Why woud I do that? also why would you do that? its very silly really. What answer do u really expect fromt doing that ??????  U think there will be only YES in one side and No on the other side always?  This gives me a real good laugh. :) :) :) Please allow yourself to have enough time to think about what you just said, you will find it regretful for what you did, suggesting me to do that silly thing. จากคุณ : TimeS-To-Enjoy - [ 9 พ.ค. 51 00:51:18 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ในฐานะ ที่อยู่ เคมบริดจ์ เรื่อง ที่ไหน ดีกว่าที่ไหน มัน เป็นอัตวิสัย น่ะ ครับ มีคนที่ได้ มหาลัยเมกาท็อปของเมกาเเล้วเลือกมาเรียนที่เคมบริดจ์ ก็มี ที่เลือกไปเมกา ก็มี น่ะ คับ มันไม่มีถูกผิด ว่าเเต่พูดกันไปมา นายกไทย จบ จปร เยอะสุด  เคมบริด มีหนึ่งคน อ๊อกฟอร๋ดมีสองคน จบรามก็มีน่ะ คับ เเต่ว่ายูท็อป เมกา ยังไม่มี อ่ะ คับ ฮาฮา subjective ไหม criteria นี่ อิอิ จากคุณ : ขำๆ (Aus Biotechnologist) - [ 9 พ.ค. 51 01:44:26 ]

ความคิดเห็นที่ 25 อ๋อ มี จบจากเมกา คนนึง คือเเก่จบจาก  sam houston น่ะ ครับ ไม่รู้ว่า ยูท็อป รึป่าว อิอิ จากคุณ : Aus Biotechnologist - [ 9 พ.ค. 51 01:48:27 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ต้องขอทำการแก้ไขข้อมูลผิดพลาดเรื่อง Phd Law ก่อน เป็นตามที่คุณเรื่องง่ายๆของรถถุง บอกจริงๆครับ คุณเรื่องง่ายๆของรถถุงไม่ได้มั่วนะครับในเรื่องดังกล่าว มีคนมาเรียน Phd law จริงๆที่ cambridge และจบไปเมื่อ 5 ปีที่แล้ว จากคุณ : TimeS-To-Enjoy - [ 9 พ.ค. 51 02:31:08 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ผมไม่ได้ประชดครับ แต่พูดตามเนื้อผ้า อีกอย่างผมไม่ได้ต้องการให้คุณตอบโต้ ผมถามคำถามครับ ก็บอกว่าไม่ขอตอบก็จบ หุหุ คิดว่าไม่น่าจะมีอะไรอีกอย่าง ผมไม่แคร์หรอกครับ ว่าคุณจะไม่ respectful กับมหาวิทยาลัยผมหรือไม่ เพราะคิดไปก็ไม่ทำให้ชิวิตผมดีขึ้น อีกอย่างการที่ผมมาอ่านเองก็คิดว่าแลกเปลียนทางวิชาการกัน แต่การพูดที่ใช้ความรู้สึก แล้วไม่มีหลักฐาน หรือ หลงประเด็น ผมคิดว่านี่คงไม่ใช่การแลกเปลี่ยนทางวิชาการแล้วมั้งครับ ผมไม่ได้ต้องการเถียงด้วย แค่ชี้แจง ผมเองก็ไม่คิดจะเถียงต่อ ถ้าอยากจะคุยก็ยินดีครับ แก้ไขเมื่อ 09 พ.ค. 51 02:46:06 จากคุณ : Jiojo - [ 9 พ.ค. 51 02:43:24 ]

ความคิดเห็นที่ 28 เรื่อง การจัดอันดับมหาวิทยาลัย นี่เถียงกันไม่สิ้นสุด  ผมคนหนึ่งที่ไม่เคยเชื่อเรื่องพวกนี้่ แล้วก้ไม่เคยเห็นคนที่จบมหาวิทยาลัยชั้นนำ สร้างผลงานโดดเด่นเป็นประโยชน์ในทางวิชาการ ฯลฯ ต่อประเทศไทยอย่างชัดเจน  ด้วยเหตุนี้ ไม่ว่าใครที่อ้างว่า จบสถาบันชั้นนำแล้ว ดีเลิศกว่าใคร จึงเป็นเรื่องที่น่ารังเกียจอย่างมาก หลายคน รวมทั้งผมด้วย ไม่เคยคิดจะสมัครมหาวิทยาลัยที่เรียกว่าชั้นนำ  เป็นเพียงเหตุผลเดียว คือ ไม่มีตังค์อยู่เมืองใหญ่ และไม่สามารถใช้ชีวิตหรูหราแบบนักเรียนร่ำรวยได้  ด้วยเหตุนี้ ผมก็เชื่อว่า นร. หลายคน เลือกมหาวิทยาลัย ก็ด้วยหลายเหตุผล ในลักษณะเดียวกัน  ไม่ใช่ว่า ไม่สามารถจะเข้าได้ หรือมีคุณสมบัติไม่ถึง ฯลฯ เอาเป็นว่า ไว้ผมจะรอดูผลงานของท่าน ๆ ที่จบมหาวิทยาลัย  "ชั้นนำ"  ที่ชาวโลกเขามองกัน ว่าจะทำประโยชน์ให้ประเทศไทยอันเป็นที่รักของเราได้มากน้อยเพียงใด  คงไม่ว่ากันนะครับ จากคุณ : POL_US - [ 9 พ.ค. 51 03:46:00 ]

ความคิดเห็นที่ 29 เสร็จจากงานแล้วมานั่งคุยต่อ เข้าเรื่องนะครับ ตอนแรกผมคิดๆว่าจะไม่คุยต่อแล้ว เพราะเห็นว่าสิ่งที่คุณพูดมานั้น มันไม่ใช่ประเด็นที่ผมกำลังเถียงกับคุณเลย อีกทั้งในขณะที่ผมพยายามเอาสิ่งที่เห็นจริงๆที่นี่มาเล่าให้คุณฟัง แต่คุณกลับใช้จินตนการและความเข้าใจส่วนตัวของคุณมาตอบโต้โดยไม่มีอะไรที่อ้างอิงได้เลย <---พยายามคิดนะครับว่าผมพูดจริงไหม ดังนั้น ถ้าเราจะมาเถียงกันโดยใช้ความรู้สึกส่วนตัวเป็นตัวตั้ง บอกเลยครับว่าไม่มีวันจบ สรุปนะครับว่าเรามาถึงไหนกันแล้วในตอนนี้ 1. เรื่องที่เกี่ยวข้องระหว่างผมกับคุณเกิดขึ้นเริมจากคุณพูดผิดที่ว่า ถ้าคนเจ๋งๆแล้วจะเลือกไป US เสมอ ผมเห็นว่าไม่ใช่ แล้วผมก็เอา profile คนเจ๋งๆของที่นี่มาให้คุณดูรวมๆแล้วก็ประมาณ 20 คน profile เหล่านั้นประกอปไปด้วย เหรียญทอง,เงิน,ทองแเดงโอลิมปิค เหรียญทองเกีรตินิยมอันดับ 1 ของมหาลัยต่างๆในไทย เด็กทุน king, อนันต์ เนี่ยดูเอาเถอะครับ ถ้าคุณบอกว่าคนเหล่านี้ไม่ใช่คนเจ๋งจริงๆ โปรดบอกผมด้วยการพูดให้ชัดๆซิครับว่า คนเจ๋งสุดยอดของคุณต้องเป็นอย่างไร ตอบแบบไม่ต้องกำกวมนะครับ ตรงไปตรงตามง่ายๆไม่อ้อมค้อม แล้วมี U ไหนบ้างใน US ที่มีเด็ก profile ขนาดนั้นเกิน 40 คนเรียนใน U เดียวกัน (เน้นว่า profile ต้องอย่างต่ำคือประมาณนั้นด้วยนะครับ ไม่ใช่นับเด็กไทยทุกคนที่เรียนใน U นั้น)  เนี่ยครับ ขอร้องเถอะ ตอบและพูดออกมาให้ชัดๆเลยครับ 2. ผมว่าคุณไม่สามารถหาข้อมูลมาโต้ตอบในประเด็นข้างต้นได้ คุณก็เลยใช้วิธีที่คุณเองทำให้เกิดความ subjective เข้าไปใหญ่ คุณเป็นคนแบ่งแยกคนเป็นกลุ่มเองนั้นคือ เก่งและเก่งสุดยอด แต่คุณเองกลับเป็นคนเดียวกันที่กลับหลังหันแล้วพุดได้หน้่าตาเฉยว่า  เก่ง คือ subjective แปลกไหมครับคนที่มองเรืองความเก่งเป็น subjective กลับสามารถแบ่งชนิดควาเก่งออกได้เป็นอย่างน้อย 2 แบบ ???? นีก็เล่นเอาผม งง ไปเลยหละครับ  แต่เข้าใจได้ว่าคุณใช้วิธีสร้างความสับสนเพื่อให้ผลประโยชน์ในแง่ของการสร้างความสงสัยแต่กลุ่มบุคคลที่ผมได้นำเสอน profile ให้คุณดู แล้วคุณก็ไปกันใหญ่ถึงขนาดให้ผมไปถามชาวบ้านเค้าดูว่า ได้มาเรียน cambidge เนี่ยเคยไปถูก reject ที่ US มาก่อนหรือเปล่า คุณเล่นเอาผมทั้งขำทั้ง งงเลยเมือเรื่องดำเนินมาถึงตอนนี้ เอางี้แล้วกัน เพราะผมยงัสับสนกับจุดยืนและความเห็นเหตุเป็นผลของคุณ ผมอยากให้คุณพูดให้ชัดๆก่อนเลยครับว่า กลุ่มตัวอย่าง 20 คนที่ผมเอามาเล่าให้ฟังนั้น คุณจัดพวกเค้าอยู่ในเก่งแบบไหนในนิยมคุณครับ คุณต้องกล้าปักธงบอกจุดยืนตรงนี้ของคุณให้ชัดก่อน อย่าวกวน แล้วจากนั้นก็ตอบผมว่า คนที่เก่งหรือเจ๋งกว่ากลุ่มบุคคลเหล่านั้น เค้ามี profile แบบไหนกัน ไม่เช่นนั้นแล้วผมจะหา logic คุณไม่เจอเลยว่าทำไม คุณถึงสงสัยหรือกังขาว่าคนที่ผมเข้าใจแล้วว่าเจ๋งจริง ถึงยังไม่เจ๋งในสายตาคุณอีก แหม่ ที่พูดๆไปก็พูดถึงแต่คนอื่นๆ ไม่ได้พูดถึงตัวเองเลยว่ามาเรียน cambridge ด้วยเหตุผลใด ผมมาเรียนที่นี่เพราะเห็นแล้ว่า ทาง field นี้ไม่มีที่ไหนในโลกจะล้ำหน้ากว่าที่ cambridge หรือ UK หรอกครับ ไม่เชื่อละซิ อ่ะไปค้นหาดูเลยครับ protein x-ray crystallography ค้นคิดพัฒนา crystallographic program ไม่ว่าจะ Mosflm, CCP4 (สุดยอดแล้ว) ที่ใช้กันแพร่หลายก็อยู่ที่ cambridge, เจ้าพ่อ structural biologist ก็อยู่ที่ cambridge ในแง่ประวัติศาสตร์เทคนิคนี้ก็ถูกพัฒนาที่ cambridge แหม่...ทั้งหมดนี้ตามรสนิยมผมคือ the world best ครับ แต่โชคดีจริงเลยที่ cambridge เข้าง๊ายง่าย ผมเลยได้มาเรียนเลยดูซิ (อัตตะนิยม นิดๆ) แก้ไขเมื่อ 09 พ.ค. 51 06:20:45 จากคุณ : TimeS-To-Enjoy - [ 9 พ.ค. 51 06:19:38 ]

ความคิดเห็นที่ 30 พยายามอ่านและคิดว่า คำว่าเก่งสุดยอดของคุณนี่คือะไร และต้องเป็นยังไง ผมสกัดความจาก comment ของคุณได้ว่า เก่งสุดยอดของคุณคือ 1. profile เยี่ยมยอด (ประมาณที่ผมเขียนไปให้ดูอาจพอได้) แต่ต้องมีข้อ 2 คือ 2. ต้องไม่ถูก reject จากที่ไหนเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าถูก reject จาก U top ใน US จะถือว่าไม่ใช่สุดยอดในทันที แม้่ว่า profile จะ hi so หรูหราแค่ไหนก็ตาม แม้ว่าจะเป็นที่ 1 จากไทยมาก็ตามจะไร้ความหมายทันที ในทางตรงข้ามถ้าถูก reject โดย U ใน UK แต่สามารถไปเรียน U top ใน US ได้ อันนี้คงยอมอนุโลมให้จัดเป็นสุดยอดได้เฉพาะกิจ 3. แต่ถ้าตรงไปเรียนใน U top ของ US เลย โดยไม่จำเป็นต้องไปทดลองสมัคร U ที่ UK ว่าจะถูก accept หรือ reject อันนี้ให้ถือว่าเจ๋งสุดยอดอย่างไม่ต้องกังขา   แหม่ ผมต้องใช้ความพยามและอดทนในการค้นหาสาระในข้อเขียนคุณมากๆเลย เกือบหาไม่เจอแนะ แก้ไขเมื่อ 09 พ.ค. 51 06:49:46 จากคุณ : TimeS-To-Enjoy - [ 9 พ.ค. 51 06:48:30 ]

ความคิดเห็นที่ 31 เอ่อ...คืออยากจะบอกว่า คนที่เข้ายู Top ของเมกาหรือUKบางคนก็เส้นเข้าไปอะโดยเฉพาะ MBA คืออยากให้มองว่ามหาลัยไหนสอนหนังสือดี มีอาจารย์ดีๆดังๆดีกว่าไม๊ สอนออกมาแล้วเด็กโง่กลายเป็นเด็กเก่งได้ อันนั้นน่าเรียนที่สุด นี่เล่นเอาเด็กเก่งๆเข้าไปเรียนมีเหรอมันจะไม่เก่ง คือมันไม่เรียนมันก็เก่งอะ มหาลัยที่เข้ายากที่สุดก็ไม่ได้หมายความว่าดีที่สุดอะ จะเถียงทำไมว่ามหาลัยไหนเข้ายากกว่ากัน คนที่ได้Gmat800 บางคนก็ยังไม่ได้เข้า Harvardเลยอะ จะบอกว่าเค้าไม่เก่งเหรอ ก็ไม่ใช่นะ อยากจะบอกว่ามหาลัยเมกาการตลาดมันดีคนก็เลยคิดว่ามันดีที่สุด บริษัทเมกันมันเยอะมันก็เอาแต่พวกมันก่อน ประเทศนี้มันจะโม้คำโตไปก่อน ดีไม่ดีค่อยว่ากัน ถ้ามันเก่งจริงคงไม่เกิดSubprimeหรอก น้ำมันก็ฮั้วกับอาหรับปั่นราคากันไปจนชาวบ้านเจ็บกันเป็นแถบๆ ดันมาว่าๆเราเอาที่ดินไปปลูกพืชพลังงานทดแทน แทนที่จะเอาที่ไปปลูกข้าว ทำให้ข้าวแพง ทีน้ำมันขึ้นราคามันไม่ด่าโอเปคมั่ง ดีเนอะประเทศนี้พิมพ์แบงค์เองได้เรื่อยๆ โดยไม่ต้องมีทองค้ำ เอาไปถมที่อิรักได้เรื่อยๆ จากคุณ : เซ็ง - [ 9 พ.ค. 51 16:53:50 A:124.120.136.184 X: TicketID:101679 ]

ความคิดเห็นที่ 32 "อยากจะบอกว่ามหาลัยเมกาการตลาดมันดีคนก็เลยคิดว่ามันดีที่สุด" เห็นด้วยครับ หลายคนตกเป็นเหยื่อของความความเข้าใจ โดยการตลาดอย่างรุนแรง หาดูตัวอย่างได้คนนึงในกระทู้นี่ หึหึ จากคุณ : Jiojo - [ 9 พ.ค. 51 21:19:08 ]

ความคิดเห็นที่ 33 แก้ไขเมื่อ 09 พ.ค. 51 22:10:48 จากคุณ : แค่อยากรู้ (luck me) - [ 9 พ.ค. 51 22:10:21 ]

ความคิดเห็นที่ 34 "อืมม ผมว่า US นะ แต่ก็ไม่มีสถิติที่ชัดเจน แต่สังเกตุว่าคนเก่ง ๆ จากพวกวิศวกรรมศาสตร์เมืองไทย จะมาเรียนต่อที่อเมริกามากกว่า หรือไม่ก็เคมบริดจ์ / อิมพีเรียล แต่ถ้าพวกเก่งสุดยอดก็คงไปพวก MIT/Stanford/Berkeley/CMU (computer)/Austin,UIUC (โยธา) ทำนองนั้นมั้งครับ ที่เค้าไปเมกานี่เพราะเค้าอยากไปด้วยเหตุผลส่วนตัวว่าอยากไป หรือเพราะว่า มันสุดยอดกว่าที่อังกฤษ หรือเป็นคำพูดที่คุณเอามาจากสิ่งที่คุณเห็นแล้วสรุปเอา โดยไม่ได้ ถามใครหรือเปล่าครับ จากคุณ : Jiojo - [ 10 พ.ค. 51 01:34:23 ]

ความคิดเห็นที่ 35 คือเราสังเกตจากรุ่นเรา ในสาขาวิชาเราที่ "เคย" ฮอตฮิต มีที่มาต่อเมืองนอกได้สักประมาณ 200-300 คนได้มั้ง คือรู้สึกได้ว่าคนเก่งจริง ๆ จะ pro เมกามากกว่าอังกฤษ เพื่อนเราที่เข้า oxbridge ได้ มี profile กลาง ๆ เรียนเกียรตินิยม ก็เก่งแต่ไม่ถึงที่สุด เพื่อนที่เก่งกว่ามากเข้า Austin/MIT/UIUC/Berkeley กัน ทำให้รู้สึกว่า top ฝั่งอเมริกาแข็งกว่ามาก สาขาอื่น ๆ ไม่รู้ คุยกับเพื่อนที่เข้า oxbridge ได้เค้าก็บอกเองว่าถูก reject จาก top school ของ us ตอนหลังเรามาเรียน mba รู้จักเพื่อนกลุ่มใหม่จากทุนแหล่งเดียวกัน จากที่เรียนภาษาอังกฤษ ทุกคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าฝั่งเมกาเข้ายากมาก ถ้าเป็น top 5 เนียะ คนละเรื่องกับฝั่งอังกฤษ เพื่อนเราที่ไป unc-kf ก็ได้ offer จาก said/judge/lbs การไป said/judge/lbs ดูจะไม่ยากเท่า top 20 ของเมกาด้วยซ้ำ เพื่อนเราเข้า said/judge ได้แต่ถูกปฏิเสธจาก yale, fisher, olin ซึ่งทุกคนก็ไม่ได้สมัครเข้า top ten ของ us เลย เพราะรู้สึกว่าเกินเอื้อม บอกตรง ๆ ว่าเป็นความรู้สึกล้วน ๆ เพื่อน ๆ ในแผนกหลายคน ตอนเลือกไปเรียนอังกฤษ เหตุผลนึงคือรู้สึกว่ามันไม่โหดเท่า เรียนเอกอย่างมาก 3 ปี รวมทั้งประสบการณ์ที่รุ่นพี่มาเล่าให้ฟังโดยตรง ทำให้รู้สึกว่าฝั่งเมกาแข็งกว่า ยากกว่า โหดกว่า (ในระดับ top ด้วยกัน) เพื่อนที่ไปเรียนอังกฤษ จะด้วยทุนเชฟฟิลด์ ทุนรัฐบาล ต่อที่ oxbridge แล้วเรารู้สึกเฉย ๆ แต่ฝั่งเมกา u top เนียะ ดูเก่งกว่ามาก ๆ มีเพื่อนสมัยม.ปลาย 3 คนที่ไปต่ออังกฤษ เรียน oxbridge ไม่เก่งเลย ไม่มีความเป็นคนเก่งเลยด้วยซ้ำ แต่อาจขยันทำเกรดตอนป.ตรี ช่วยให้เข้าที่นี่ได้ง่ายขึ้น เพื่อนที่ทำงานเก่าจบ D.Phil ทาง com science ไม่เก่งเท่าที่คาดคิดไว้เลย ส่วนนึงคงมาจากระบบรับเข้าของอังกฤษด้วย อย่าง standardized test อะไรพวกนี้ มีการศึกษาของ gmac เองว่าสัมพัทธ์กับความสามารถในการเรียนรู้ของคนมากกว่า gpa เสียอีก หลัง ๆ bschool ของอังกฤษจึงหันมาพิจารณา gmat กันเป็นแถบ อย่างที่บอกเป็นความรู้สึก แค่อยากเข้ามาแชร์ ของแบบนี้บางทีตอบเพื่ออธิบายปรากฏการณ์ คงไม่สามารถสร้างเป็นทฤษฏีอะไรมาสรุปครอบได้ ทุกคนคงเข้าใจมั้งเนอะ จากคุณ : Wanton Boy - [ 10 พ.ค. 51 15:54:26 A:125.24.125.100 X: TicketID:137537 ]

ความคิดเห็นที่ 36 อ่านกระทู้แล้วเห็นๆเลยว่านักเรียนโรงเรียนไหนมีกึ๋นกว่ากัน ผมพูดตรงๆเลย แปลกใจว่านักเรียนจากสำนักนักเลงโตขาใหญ่เค้าเลิกใช้เหตุผลกันแล้ว โดยเฉพาะศิษย์เอกรถถุงถือวิสาสะไปวิจารณ์คนอื่นก่อน แล้วพอเจอหมัดฮุกสวนตรงเข้าที่หน้า ทำไรไม่ถูกนอกจากบอกว่า ก็อั๊วคิดของอั๊วแบบนี้ี่ ผิดตรงหน่ายยยยย ที่อั๊วงมงายยยยยยมันผิดตรงหนายยยยยยยย แง่วแง่ว""""" หวังว่าศิษเอกท่านนี้คงไม่ได้กำลังร่ำเรียนวิชา กบและกะลา อยู่ในสถาบันอังทรงเกรียรตจากที่กล่าวมาิแห่งใดแห่งหนึ่งในอเมริกา แบบนั้นเสียชื่อเค้าแย่ แก้ไขเมื่อ 11 พ.ค. 51 17:06:18 แก้ไขเมื่อ 11 พ.ค. 51 17:05:20 จากคุณ : OLE-DB - [ 11 พ.ค. 51 17:02:50 ]

ความคิดเห็นที่ 37 นิดเดียวน่ะค่ะ จากข้อความของคุณ เรื่องง่ายๆ ของรถถุง ที่ว่า "โรงเรียนในอเมริกาที่คนไทยเก่ง ๆ อยู่เกิน 40 ก็มีหลายแห่งนะครับ MIT,Stanford, Berkeley, Georgia Tech/UIUC พวกนี้ เกิน 40 ทั้งนั้นแหละครับ" พอดีไม่ค่อยมีความรู้เรื่องนี้นะค่ะ แต่อยากจะถามว่า สรุปมหาวิทยาลัยมีชื่อเหล่านี้ เข้าไม่ยากมาก? ถึงได้มีคนเข้าไปได้ +40 กันทั้งนั้นอย่างที่คุณว่าคะ ? จากคุณ : booboo - [ 11 พ.ค. 51 21:01:23 A:124.120.129.189 X:203.144.160.251 TicketID:176084 ]

ความคิดเห็นที่ 38 อย่าไปว่าคุณรถถุง เค้าอย่างนั้น สิครับ เค้าเรียนถึง stanford university แต่ผมไม่รู้เหมือนกันว่า เรียนอะไรผมไม่ทราบ แต่คิดว่า คงไม่ใช่ education หรอกนะครับ ไม่ธรรมดา นั่นนะยูทอปของอเมริกาทีเดียวนะครับ เข้ายาก(ตามคำพูดคุณ?) ถ้าผมบอกผิดไปต้องขออภัย แก้ไขเมื่อ 11 พ.ค. 51 22:43:43 แก้ไขเมื่อ 11 พ.ค. 51 21:54:34 จากคุณ : ถ้าผมบอกผิดไปต้องขออภัย (Jiojo) - [ 11 พ.ค. 51 21:41:08 ]

ความคิดเห็นที่ 39 รู้ว่า มีหมอไทย เรียนอยู่ที่นู่นcambridge เมื่อ ประมาณ 18 ปีที่แล้ว แล้วก็มีอีกท่าน เรียน Imperial col. London ทั้งสองท่านเก่งมาก ปัจจุบัน ท่านก็ยังทำงาน ให้ชาติของเราอยู่  เรียนที่ไหนก็ตาม ท่านกลับมาทำงานให้ชาติ หรือ ทำอะไรให้คนอื่นหรือยังอ่ะ โดย ส่วรตัว ชอบ UK มากกว่าอ่ะ เพราะ พ่ออยู่ที่cambridge หลายปีอยู่ (อันนี้ ส่วนตัวจริงๆ) จากคุณ : Vodka-tonic - [ 18 พ.ค. 51 19:11:04 ]

ความคิดเห็นที่ 40 โอ้ล่ะพ่อ !!!! IP ของเจ้าของกระทู้มาจา่ก University of Oxford, UK. จากคุณ : TimeS-To-Enjoy - [ 23 พ.ค. 51 03:25:46 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ฮืมมม เจ้าของกระทู้มาจาก St Antony's College, University of Oxford. เอาหละผมขอเพิ่มความเห็นผมละ (มันเป็นความเห็นผมและอาจจะไม่เหมือนกับหลายๆคนนะครับ) ผมไม่ได้อยากจะเปรียบเทียบให้ฟังหรอกครับว่าที่ใหนดีกว่ากัน แต่ผมว่าที่แตกต่างกันมากเนี่ยก็คือ ระบบหลายๆอย่างของมหาลัยแต่ละประเทศครับ ดังนั้นในการที่เราจะเลือกเรียนมหาลัยที่ประเทศใหนเนี่ยเราก็ควรคำนึงถึงหลายอย่างครับ อย่างแรกคือการให้ preferential treatment กับลูกหลาน alumni ในมหาลับในอเมริกา สิ่งนี้ไม่มีในอังกฤษนะครับ เช่นพ่อ Bush เรียน Yale, Bush เรียน Yale และลูก Bush เรียน Yale.. ตัวผมเองเมื่อปีสองปีที่แล้วผมก็ได้สมัครมหาลัยหลายๆที่ในอเมริกา แต่ว่าที่แรกเลยที่ตอบรับผมภายในสามวัน คือมหาลัยที่ทั้งพ่อและแม่ผมเรียนจบครับ (ซึ่งเป็นหมาลัยหนึ่งที่ได้มีการกล่าวถึงก่อนหน้านี้แล้ว) ผมเชื่อว่าการฝากเข้่าด้วยเส้นเป็นไปได้ยากมากครับที่ Oxford และ Cambridge วิธีที่มหาลัยให้ offer admission ก็ไม่เหมือนกันครับ ที่อังกฤษนี้เมื่อทางมหาลัยตอบรับเด็กแล้วเนี่ย จะให้เป็น condition มาครับ คือเช่น A Level ต้องได้ AAA หรือ AAB และ IELTS 7 ขึ้นไปเป็นต้น แต่ว่าที่อเมริการับแล้วรับเลย คุณจะเรียนแย่ขนาดใหนหลังเค้าตอบรับแล้วก็ไม่เป็นไร อันนี้ผมไม่แน่ใจนะครับว่า grad เป็นอย่างนี้หรือเปล่าแต่นี่คือ case ของ undergrad (มันเลยทำให้มีการใช้อเมริกาเป็น backup สำหรับมหาลัยอังกฤษครับ ขอยกตัวอย่างนะครับ ผม confirm ได้ว่ามีเด็กที่ Cambridge หนึ่งคน accept offer Stanford แต่ในที่สุดก็มา Cambridge ครับ, ส่วนตัวผมเองผม accept offer CMU ไปแต่ก็ไม่ได้ไปครับ เพราะตอนนั้นก็กลัวว่าจะพลาด offer ครับ) ต่อมาคือวิธีการสอนครับ อังกฤษมักจะสอนให้เด็กค้นคว้าเองกว่า ดังนั้นเนี่ยการเรียนที่อเมริกาอาจจะรู้สึกว่าทางมหาลัยเค้า spoon feed เรามากกว่า ในอังกฤษเนี่ยการสอบจะยังสอบปีหนึ่งไม่กี่ครั้งเมื่อเทียบกับระบบอเมริกาที่สอบกันบ่อยๆ คือสอบแล้วทิ้ง สอบแล้วทิ้ง; Christmas กับ Easter holiday ในระบบอเมริกาก็มักจะเป็น holiday จริงๆกว่าครับ เมื่อเทียบกับในระบบอังกฤษที่เอาไว้ใช้อ่านหนังสือเตรียมสองเทอมสุดท้าย การเรียนที่อเมริกาในระดับ undergraduate นั้นจะมี flexibility มากกว่าครับ คือเราเข้าไปแล้วไปลงเป็น moduleๆ เอาว่าอยากจะเรียนอะไร แต่ว่าที่อังกฤษนั้นการเรียนจะ fix กว่านะครับ ไปนอนละครับ ต้องตื่นมาอ่านหนังสือต่อ อาทิตย์หน้าสอบแล้ว (เซ็งมากเลยนี่ไง เพราะสอบปีละครั้งเดียว!!) ถ้าภาษาฟังดูแปลกๆก็โทษที ง่วงแ้ล้วมาพิมพ์ตอบเร็วๆฮ่าๆๆ จากคุณ : MrP - [ 24 พ.ค. 51 08:42:21 A:87.194.210.84 X: TicketID:177166 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ในที่สุดทำไมผมเลือกมาอังกฤษ: - ผมสมัครมหาลัยอังกฤษส่วนใหญ่เพราะผมเรียน high school จบมาในระบบนี้ - ผมคุ้นเคยกับประเทศมากกว่า - การไปเรียนที่อเมริกาต้องสอบ SAT ขี้เกียจเตรียม - ผมสอบ SAT II ได้มากสุดสองตัว เพราะสองปีสุดท้าย high school ผมเรียนแค่ Maths, Physics และ Econ ครับ (ไม่มี Chem, Bio, etc) - เพราะว่าเพื่อนผมมาเรียนที่ลอนดอนสามสิบคนได้ ดังนั้นรู้จักคนเยอะแล้ว (เห็นมั้ยครับมันเป็นเหตุผลส่วนตัวเยอะเหมือนกันว่าทำไมคนๆหนึ่งถึงเลือกที่ที่เค้าเรียนครับ) ค่่า่อยู่อาศัยที่อังกฤษจะแพงกว่าเมกาหน่อยครับ แต่ว่าค่าเล่าเรียนเมกาแพงกว่า ดังนั้นออกมาๆเท่ากัน (ยกเว้นเรียนมหาลัยรัฐ เช่น UC ทั้งหลาย; Stanford, Harvard, etc ไม่ใช่ครับ) ปล แต่ขอบอกว่าเรียนหนักมาก ไม่ว่าจะไปมหาลัยดีๆที่ใหน จากคุณ : MrP - [ 24 พ.ค. 51 08:49:25 A:87.194.210.84 X: TicketID:177166 ]

ความคิดเห็นที่ 43 สรุปเจ้าของกระทู้ อยู่อ็อกฟอร์ดแล้วใช่มั้ยครับ แล้วมาตั้งกระทู้นี้เพื่ออะไรครับ เพื่อปั่นกระทู้เล่นๆเหรอ จากคุณ : จอมมารบูรพา - [ 24 พ.ค. 51 16:58:43 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ก็คงจะประสบความสำเร็จไปในการปั่นกระทู้ของ จขกท แต่ก็ไม่แน่นะครับ อาจจะแค่กำลังเดินไปเดินมาในออกซ์ฟอร์ด ก็เป็นไปได้ ดังที่เรียนชี้แจงไปในความเห็นข้างต้นแล้วว่า การมานั่งถกเถียงว่าที่ไหนดีกว่า ที่ไหนเก่งกว่า หรือที่ไหนเข้ายากกว่า อันดับเท่าไร ไม่น่าจะเป็นประเด็นที่ก่อให้เกิดประโยชน์มากนัก อาจจะมีบ้าง เช่น มหาวิทยาลัยนั้นได้พัฒนาตนเองให้ดีขึ้น เพื่อแข่งขันกัน ส่วนประเด็นว่าใครจบจากที่ไหน แล้วทำประโยชน์ให้ประเทศชาติ หรือ ชาวโลก มากกว่ากัน ก็ไม่น่าจะเป็นสาระใดๆ ทั้งสิ้น ถ้าจะมองกันในแง่พัฒนาตนเอง มันน่าจะดีกว่าสิ่งอื่นใด มากกว่าไปมองคนอื่น หรือเพิ่มมูลค่าให้ตัวเอง หรือ สถาบัน ด้วยการกดผู้อื่นไว้ การพัฒนาตนเองด้วยการศึกษา เป็นหนึ่งในการพัฒนาตนเอง การศึกษาในมหาวิทยาลัย ไม่ว่าจะในระดับใด การเลือกสถาบันมักเป็นเรื่องแรกๆที่เราต้องคิด แต่เมื่อเข้าไปเรียนแล้ว ต่อให้สถาบันวิริศสมาหลาเพียงใด ก็ไม่เห็นว่ามันจะเกิดประโยชน์อะไร ถ้าคนเรียนไม่ได้ใช้โอกาสที่มีเหล่านั้น ในการตักตวง ความรู้ ประสบการณ์ ทั้งในห้องเรียน และนอกห้องเรียน แล้วนำความรู้นั้นกลับมาพัฒนาตนเอง พัฒนาผู้อื่น และพัฒนาประเทศชาติ ผมเป็นคนหนึ่งที่เลือกสถานศึกษาแห่งหนึ่งในประเทศอังกฤษ ด้วยปัจจัยหลายๆอย่าง และมีทั้งผู้ที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย มาให้ความเห็นต่างๆ กับผมมากมาย ซึ่งผมได้ศึกษาข้อมูลต่างๆ ที่ทราบ และคิดไตร่ตรองไว้แล้ว จึงเลือกสถานศึกษานั้น ผมคงไม่สาธยายล่ะว่ามันคืออะไรบ้าง แต่ตัวอย่างก็มีให้เห็นอยู่ข้างบน ว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ประเด็นเดี่ยวๆ แค่ว่ามหาวิทยาลัยนั้นจะเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำกว่ากัน มีประเด็นที่ผมพอจะจับจากผู้มาแสดงความคิดเห็นในนี้ และที่ผมพยายามสืบเสาะ และค้นหามาบ้าง หลายอย่างก็คงไมได้มีประจักษ์พยาน หลายอัน ผมก็ค้นดูจากงานวิจัยมา อันที่น่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ตัดสินใจมากกว่า 1. การจัดอันดับมหาวิทยาลัยทั่วโลก มหาวิทยาลัย ที่ติดท็อปของอเมริกา มากกว่า อังกฤษ แน่นอน เพราะอเมริกา เป็นประเทศกว้างใหญ่ พลเมืองมากกว่า มหาวิทยาลัยมากกว่าอย่างมาก ประเทศทั้งสองนี้เป็นประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก จึงไม่แปลกว่าถ้าถือเกณฑ์เกี่ยวกับผลงานตีพิมพ์ หรืออะไรก็ตาม การใช้ภาษาอังกฤษ ย่อมได้รับการเผยแพร่มากกว่า ได้คะแนนสูงกว่า ทั้งที่มหาวิทยาลัยในญี่ปุ่น ในจีน ในยุโรป ก็มีระบบการศึกษา และผลงานที่ไม่น้อยหน้ากว่ากัน แต่ไม่ได้อยู่ในรูปแบบภาษาอังกฤษ แล้วลองคิดอีกทีว่า แล้วขนาดไม่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก แต่กลับลอยหน้าอยู่ในท็อป 20 ได้ เรื่องที่เราควรจะตอบคำถามก็คือ ประเทศไทยของเราทำไมจึงโหล่ ไม่ติดท็อป 100 เลยต่างหาก จะโทษเรื่องภาษาอย่างที่ชอบๆ พูดกันอยู่อีกไหม สรุปก็คือ การจัดอันดับ เป็นภาพคร่าวๆ ของ การแข่งขันในเชิงวิชาการ และการผลิตผลงาน และคุณภาพบัณฑิตที่ออกไปในสายตาผู้จ้างงานต่างๆ แต่อาจจะต้องดูลึกลงไปในสาขาต่างๆ ย่อยลงไปอีก ให้ตรงกับสาขาที่เราต้องการเรียน ลงไปอีก ถึงกระนั้น ก็ตามปัจจัยเรื่องอันดับมหาวิทยาลัย ก็คงไม่ใช่เรื่องเดียวในการเลือกที่เรียนของเราทั้งหมด 2. ถ้าพูดเฉพาะอังกฤษกับอเมริกา คงต้องยอมรับในเรื่องต่อไปนี้    ทุน ที่ทางอเมริกา มีมากกว่ามาก    สิ่งอำนวยความสะดวก facilities ทางอเมริกา มีมากกว่ามาก    ระยะเวลาการเรียน ของ อังกฤษสั้นกว่า แต่เดี๋ยวนี้ เริ่มปรับตัวไปคล้ายกันมากขึ้น    ระบบอเมริกา gradute มี course work ต้องเรียนอะไรมากมาย ต้องสอบนู่น นี่ แล้วถึงเข้าสู่ candidate หรือทำงานวิจัย ส่วนอังกฤษ ไปถึงก็ทำ thesis ให้ได้เสร็จก็จบเลย เพราะฉะนั้นต้องใช้ความพยายามมากกว่าอย่างมาก โดยเฉพาะไม่มีพื้นมาก่อนเลย แต่เดี๋ยวนี้ ก็เริ่มมีแบบที่มี course work เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เป็นการปรับตัว เพราะถ้าคนที่มาเรียนแบบอังกฤษ แล้วไม่ขวนขวายพอ ก็จะไม่รู้เรื่องอะไรอย่างอื่นเลย นอกจากงานที่ตัวเองทำๆอยู่ แต่การเรียนแบบ coursework ก็ไม่ได้รับประกันว่าคุณจะเรียนรู้อะไรที่เขาให้มาได้หมด และมีศักยภาพ จะติดตามความรู้ซึ่งเกิดขึ้นใหม่ตลอดเวลา สรุปแล้ว ถ้าคุณเป็นคนที่พร้อมในเรื่องทุน แต่มีข้อจำกัดของเวลา และมีความกระตือรือร้น ขวนขวายเป็นอย่างมาก ผมว่าระบบอังกฤษก็น่าจะเหมาะกับคนนั้น แต่ถ้าต้องการหาทุนได้ง่ายกว่า ไม่มีข้อจำกัดเรื่องเวลา มากนัก และชอบระบบที่อำนวยความสะดวก ทุกสิ่งทุกอย่างเพียบพร้อม ระบบอเมริกาก็น่าจะเหมาะกับคนนั้น จริงๆ ถ้าเป็นไปได้ และมีเวลามากพอ ผมก็อยากจะเรียนทั้งสองระบบให้มันรู้ไปเลย ว่าเป็นยังงัย แต่ sequence จะมีผลหรือเปล่า อันนี้ผมก็ไม่แน่ใจ ส่วนตัว ผมยังคิดว่า ระบบก็สำคัญ แต่คนเรียนที่จะปรับตัวให้ได้ประโยชน์เต็มที่กับระบบน่าจะสำคัญกว่า 3. เหตุการณ์บ้านเมือง ทัศนคติต่อนักเรียนต่างชาติอย่างเราๆ ความปลอดภัยในชีวิต ค่าครองชีพ ครอบครัว เพื่อน และคนรู้จัก อาจารย์ที่ปรึกษา connection กับมหาวิทยาลัย ก็เป็นเรื่องสำคัญในการพิจารณาที่เรียน สถาบัน อาจจะทำให้เราดูดี ได้บ้าง แต่ที่สุด แล้วตัวเราเอง ผลงานของเราจะเป็นเครื่องตัดสินที่ดีว่าเรามีค่าหรือไม่ ผมมีรุ่น พี่ รุ่นน้อง หลายๆคน ที่จบมาจากต่างสถาบันกัน แต่ผมไม่ได้ดูว่าเขาจบจากไหน แต่ดูสิ่งที่เขาแสดงออกมา ความสามารถ และความคิด ซึ่งเพชรแท้อยู่ที่ไหน ก็ยังเป็นเพชรแท้อยู่ดี ไม่ต้องพึ่งสถาบันหรอกครับ เห็นด้วยกับคุณความเห็นยี่สิบแปด ว่า คนจบจากที่ไหน ก็ไม่มีใครวิเศษไปกว่ากัน แล้วมันก็น่ารังเกียจจริงๆ ในการคิดเช่นนั้น แต่การที่บอกว่า "แล้วก้ไม่เคยเห็นคนที่จบมหาวิทยาลัยชั้นนำ สร้างผลงานโดดเด่นเป็นประโยชน์ในทางวิชาการ ฯลฯ ต่อประเทศไทยอย่างชัดเจน" อันนี้ออกจะเกินไปนิดนึง ผมจะขอยกตัวอย่าง อาจารย์หมอ ทุนอานันท์ จากมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก ที่ทำประโยชน์ให้ประเทศชาติอย่างมหาศาล เหลือคณานับ แต่ผมไม่ได้บอกนะครับว่าหมอที่จบที่อื่น ไม่ได้ทำประโยชน์ ท่านเสียสละ ไปอยู่ในชนบทบ้าง เสียสละ ทำงานสาธารณสุขบ้าง เสียสละทำงานวิชาการบ้าง ทุกคนทำดีได้ทั้งสิ้นครับ ไม่ว่าจบจากที่ไหน ศาสตราจารย์นายแพทย์ จรัส สุวรรณเวลา ประสาทศัลยแพทย์ ปัจจุบัน นายกสภา จุฬาลงกรณ์ Wake Forest University =111 ศาสตราจารย์นายแพทย์ประเวศ วะสี โลหิตแพทย์ ปัจจุบัน ราษฎรอาวุโส Colorado University, University College of London =25 ศาสตราจารย์แพทย์หญิงท่านผู้หญิง ศรีจิตรา บุนนาค อายุรแพทย์โรคต่อมไร้ท่อ และผู้สูงอายุ University of Chicago=11 ศาสตราจารย์นายแพทย์ ไพบูลย์ สุทธิวรรณ์ ศัลยแพทย์เด็ก University of Texas=32 ศาสตราจารย์นายแพทย์ มานิตย์ ลิมปพยอม ศัลยแพทย์กระดูกและข้อ Harvard University=1 ศาสตราจารย์ นายแพทย์สมศักดิ์ โล่หเลขา กุมารแพทย์โรคติดเชื้อ นายกแพทยสภา University of Illinoise =77 ศาสตราจารย์ยแพทย์เกษม วัฒนชัย อายุรแพทย์โรคหัวใจ ปัจจุบัน องคมนตรี University of Chicago =11 ศาสตาจารย์ นายแพทย์ ปรีดา พัวประดิษฐ์ อายุรแพทย์ระบบประสาท Imperial College of London =9 ศาสตราจารย์แพทย์หญิง ดวงใจ กสานติกุล จิตแพทย์ University of Southern California=101 ศาสตราจารย์นายแพทย์ วีระ กสานติกุล ประสาทพยาธิแพทย์ Vanderbilt University =53 ศาสตราจารย์แพทย์หญิงบุญมี สถาปัตยวงศ์ อายุรแพทย์โรคติดเชื้อ University of Bristol =64, University of Tulane= ศาสตราจารย์นายแพทย์ นิพนธ์ พวงวรินทร์ อายุรแพทย์ระบบประสาท University of Newcastle =133 ศาสตาจารย์นายแพทย์ วันชัย วนะชิวนาวิน โลหิตแพทย์ University of Southern California ศาสตราจารย์นายแพทย์ เยื้อน ตันนิรันดร University College of London =25 ท่านที่ไม่ได้เป็นแพทย์ อาจจะไม่รู้จักท่านเหล่านี้ มากนัก ยกเว้น อาจารย์ หมอประเวศ แต่ผมมีโอกาสได้เรียนกับท่านเหล่านี้หลายท่าน และพบว่า สุดยอดจริงๆ ครับ ในแง่วิชาการนะครับ ผมก็หวังว่า ผมคงจะนำความรู้กลับมาสร้างผลงาน เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ และชาวโลกได้เช่นกัน เรามาทะลายกำแพงระหว่างสถาบันกันดีกว่านะครับ ทุกท่าน จากคุณ : แพทย์ - [ 27 พ.ค. 51 04:52:24 ]

ความคิดเห็นที่ 45 To P'P' who kindly gave above comments. I am this kratoo's owner krap. Firstly, I would sincerely like to thank you everybody who gave your comments and experiences na krap. Secondly, I am very sorry if I created any misunderstanding krap. I am a language student in a language school is Oxford city, but now I am sharing a flat with some current Oxford university students krap. As I am using the same LAN line with my flatmates, so this may appear that I am a student of this university krap. I hope P'P' will not take me wrongly na krap. In fact, I used to speak to the current students of Oxford (my flatmates) krap. But I also wanted to hear many suggestions from other people to listen to different point of view krap. Therefore, I wrote this kratoo krap. Again, thank you (and sorry) everybody krap. I hope that the content of this kratoo will benefit many friends who wants to study abroad like me as well krap. จากคุณ : 19y-o - [ 28 พ.ค. 51 09:18:00 A:163.1.235.247 X: TicketID:174739 ]

ความคิดเห็นที่ 46 แล้วเราก็มาเห็นกระทู้เดือดนี้ตอนกำลังจะปิด (?)  พอดี เห็นด้วยกับหลายๆ ท่านที่บอกว่า เรียนอะไรที่ไหน ไม่สำคัญเท่าทำอะไร จบยูชั้นยอดระดับโลก แต่ จบมาฉ้อราษฎรนี่.. แต่ประเด็นที่ทำให้เราอยากมาตอบคือเรื่องเลือกยูค่ะ ทำไมคะ คนเลือกยู uk โดยไม่ได้มอง us เลยก็มีนะคะ อย่างเช่นเรา เหตุผลไม่ใช่อะไรมาก  ชีวิตความเป็นอยู่น่าหวาดกลัวน้อยกว่า มีญาติอยู่ เป็นต้น แบบนี้จะนับเราเป้นพวกโดน reject จาก us รึเปล่า หรือบางคนที่มองแต่ us โดยไม่สน uk เลยก็มีถมไป จะเอาเรื่องนี้มาวัดระดับยูเหรอคะ เอ..หรือเรามันไม่ใช่คนสุดยอด จะโดน reject ไม่โดน reject หรือจะเลือกเพราะชอบก็ไม่เอามานับเป็นสถิติ ไม่ค่อยเข้าใจเลย.. เราก็ต้องว่าที่ที่เราเรียนน่ะ ดี แต่ว่าจำเป็นด้วยเหรอคะ ที่ต้องเบียดบังคนอื่น สถาบันอื่นน่ะ จากคุณ : natty_bear - [ 28 พ.ค. 51 10:15:28 ]