ความคิดเห็นที่ 28
ดิฉันก็แต่งกับสามีลูกติดค่ะ คือ ดิฉันมาอยู่อเมริกาใหม่ ๆ นะคะ ลูกชายของแฟนก็อายุ ยี่สิบเอ็ดแล้ว พ่อกับแม่เขาแยกทางกันประมาณสามปีแล้วค่ะ คือเมียเก่าของสามีดิฉันนั้น เขามีชู้ค่ะเป็นสามีของชาวบ้านที่ผู้ชายเองก็ยังไม่ได้อย่าขาดจากเมียเขา แล้วตัวเธอเองก็มาขออย่ากับสามีดิฉัน แล้วก็ให้ชู้อย่าขาดจากเมียเขาแล้วไปอยู่ด้วยกันสองคน ส่วนลูกก็รักพ่อมาก แต่รักแม่มากด้วย ลูกเขาไม่โทรไม่ติดต่อกับแม่ ลูกเขาโกรธมาก ๆ สุดท้ายแล้วความรักแม่และลูกก็ติดต่อกันอีก พอดิฉันมาอยู่ ใหม่ ๆ ก็ดีค่ะ เขาก็พูดดีด้วยทุกอย่าง เมียเก่าก็มาบ้านนะคะ มาเคาะประตูหน้าบ้าน โดยดิฉันก็ไม่เคยเห็นหน้าเธอมาก่อนเหมือนกัน ก็พูดคุยกันดีค่ะ แต่ด้วยสายตาที่เธอมองดูดิฉันมันเป็นสายตาที่อิจฉา ไม่รู้เหมือนกันว่าคิดยังไง ตอนช่วงที่ดิฉันแต่งกับสามี เมียเก่าเขาโทรมาหาสามีดิฉันทุกวันเลย เป็นช่วงประมาณ สามโมงเย็น หรือไม่ก็โทรมาหกโมงเย็น เขามีลูกด้วยกัน สามคนค่ะ แต่พวกเขาโตแล้ว อายุก็ 21,28,30 ลูกชายสอง ลูกสาวหนึ่งนะคะ ตอนที่มาใหม่ ๆนะ พวกลูกเขาจะเอาภาพแต่งงานพ่อกับแม่เขานะคะ มาใส่ไว้ใต้ที่นอน ของดิฉันกับสามีเลยค่ะ และเอามาไว้ตามใต้โต๊ะ ห้องนั่งเล่นค่ะ และเวลามาบ้าน ก็จะชี้นิ้วใช้เราเลย ประมาณว่า บ้านทำใมมันรกอย่างนี้ ทำใมไม่ทำความสะอาดแหละ ก็พวกเขาอยู่ที่นี่ด้วยกันไม่มีใครทำความสะอาดบ้านเลย บ้านรกมาก ๆ ดิฉันมาถึงอเมริกาวันแรกไม่นอนค่ะ ทำความสะอาดสองวันกับอีกหนึ่งคืนค่ะ คืนที่สองถึงได้นอน เหนื่อยมาก ๆ เลย เอาขยะขนออกสิบถุงค่ะ คือเป็นถุงดำใหญ่ ๆ ค่ะ ช่วงแรก ๆ พวกเขาจะพูดดีด้วยนะคะ แต่พอประมาณหกเดือนต่อจากนั้นพวกเขาเริ่มพูดดีแค่ต่อ หน้าพ่อเขา เมื่อไม่มีพ่อเขาอยู่ พวกเขาจะทำตาขึงขังใส่ทันที มองด้วยหางตานะคะ ไม่พูดกับดิฉันด้วย ดิฉันก็เลยคิดในใจนะคะว่า พวกเขาคงเกียจดิฉันที่มาแต่งงานกับพ่อเขา เพราะลึก ๆในใจแล้วพวกเขาอยากให้แม่กับพ่อมาอยู่ด้วยกันอีก เมียเก่าเขาก็ช่างโทรมาตลอด จนดิฉันคิดไปเองค่ะว่า เอ้ อยากได้สามีเก่าคืนหรือไงนะ ช่วงที่ดิฉันแต่งงานที่เมืองไทยนะคะ สามีดิฉันพูดว่า เขาและเมียเก่าเขาไปเยี่ยมลูกชายอยู่ต่างรัฐ แล้วไปอยู่โรงแรมห้องเดียวกันด้วย แต่ดิฉันคิดไปไกลค่ะ ทำไมต่างคนต่างมีครอบครัวไหม่แล้วยังไปนอนห้องเดียวกันอีก สามีดิฉันบอกว่า ตัวเขานอนเตียง และเมียเก่าเขานอนโซฟาค่ะ และ บอกว่ามาเมืองไทยนี้ จะซื้ออะไรไปฝากเมืยเก่าดี เขาคิดว่าเป็นเพื่อนกันค่ะ แต่ดิฉันว่ามันแปลก ๆ นะคะ ไม่เชื่อใจเลย โดยที่สามีดิฉันบอกว่าห้ามบอกสามีใหม่เธอรู้เด็ดขาดนะ พวกลูกเขาก็เห็นแต่พวกเขาก็ยินดีพร้อมใจค่ะ คือเขายากให้พ่อแม่เขามาคืนดีกัน แต่ในเมื่อมีดิฉัน คือเมืยคนใหม่แล้ว ดิฉันก็สั่งห้ามสามีดิฉันเองว่าห้ามติดต่อได้แล้ว เธอมีสามีใหม่แล้ว ถ้ามีปัญหาอะไรก็ปรึกษาสามีเธอซิ เมื่อปีที่แล้วได้ขายบ้านหลังนั้นได้ ลูก ๆ เขาโทรมาหาพ่อเขาใหญ่เลยว่า พ่ออย่าขายเลย เอาไว้ให้คนเช่า แต่ดิฉันคิดถึงอนาคตค่ะว่า ถ้าขายแล้วเอาเงินไปซื้อคอนโดอยู่ดีกว่า ประหยัดตั้งเยอะ ถึงเอาบ้านไว้ พวกลูกเขาก็ไม่ช่วยเรื่องเงิน และมีพวกเรือ รถกระบะ สามคันของลูกเขา และรถเรา กับ รถของรอนอีก สองคัน รวมห้าคัน และ เรืออีกสองลำหน้าบ้าน และของในบ้านก็รกไปหมดเลย ห้องเก็บของดูไม่ได้ มีรถ ขับเล่นหิมะอีกสามคันในห้องเก็บของ เห็นแล้วหงุดหงิดใจ คือมันรกค่ะ แล้วดิฉันก็ซื้อคอนโดกับสามีค่ะ แต่บ้านหลังนั้นเป็นชื่อของสามีดิฉันกับเมียเก่าเขา ดิฉันอยากตัดปัญหาค่ะ คืออยู่แค่สองคน เอง แล้วบ้านหลังนั้นก็ใหญ่เกินไปสำหรับสองคน มีสี่ห้องนอน และสามห้องน้ำ สองห้องนั่งเล่น ห้องเก็บของ เก็บรถสองคัน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอะไรหลาย ๆ อย่างมันแพงจังเลยนะคะ ส่วนพวกลูก ๆ เขาก็ไปอยู่กับแม่เขาค่ะ ในช่วงนั้น ก็เลยคิดกันว่าซื้อคอนโดดีกว่า ตอนนี้ ลูกเขาก็ซื้อบ้านกันคนละหลังเหมือนกัน ตอนช่วงซ่อมแซมบ้านพวกลูกเขาก็ไม่มาช่วยค่ะ คือช่วยแบบ ช่วยไม่ดี เวลาเราทาสีนะคะ พวกมันมาเยี่ยมชมกัน ในบ้านแล้วพวกมันก็เอาสีอื่นมาทาทับอีกให้มันเป็นคนละสีกัน ทำอย่างกับดิฉันไม่รู้ว่ามันคิดยังไงกัน เวลาย้ายของออกนะคะดิฉันก็ถามว่า ให้ช่วยใหม มันไม่ตอบกัน แต่มันโยนของใส่หน้าเราเลย ดิฉันโกรธมาก ๆ มีหลาย ๆ อย่างค่ะที่พวกมันทำไม่ดีกับดิฉัน แล้วพอขายบ้านเสร็จพวกมันบอกกับพ่อมันว่า ให้ดิฉันช่วยไปทำความสะอาดให้หน่อย ดิฉันไม่ไปค่ะ คือไม่ได้โง่ให้พวกมันหรอกใช้ค่ะ แต่สามีดิฉันดีมาก เข้าข้างดิฉันมาก ๆ เขารักดิฉัน แต่ดิฉันก็ไม่ไว้ใจมากค่ะ เพราะยังไงเขาก็พ่อลูกกัน เวลามีปัญหาอะไรก็ปรึกษากัน แต่ดิฉันคิดในใจแล้วว่าตัดขาดจากกันไปเลย จะไม่ติดต่อกับพวกมัน เกียจมาก ๆ กับการกระทำของพวกมัน พวกมันก็เคยบอกดิฉันว่า ถ้าพ่อมันตายแล้ว ให้กลับไปบ้านเลยในไทยเลย พวกมันบอกล่วงหน้าไว้แล้วค่ะ ว่า อนาคตเราจะเป็นยังไง แต่เสียใจด้วยนะคะ คือพวกเขาคงคิดว่าเรามาแย่งสมบัติ หรือ ไม่ก็คงอยากให้เลิกกันไป คือคงไม่มีวันนั้นหรอกค่ะ ดิฉันจะอยู่ที่นี่ และสู้เพื่อตนเอง ยืนด้วยขาของตัวเอง เรียนหนังสือ ตอนนี้ดิฉันก็ได้เป็นซิติเซ่นอเมริกาแล้ว ถ้าลูกเขามาก็ไม่อยากจะมองหน้าด้วยซ้ำ ไม่อยากพูดด้วย เกียจพวกมันมาก ๆ แล้วก็เกียจเมียเก่าเขาด้วยที่สอนให้ลูกเขาทำกับเราแบบนี้ ตอนนี้ไม่อยากจะไปเหยียบบ้านลูกชายเขาแล้ว แต่สามีดิฉันเองชอบพาดิฉันไป ลูกเขาก็ไม่ต้อนรับด้วย มองด้วยสายตาค่ะ นี่คือเรื่องราวดิฉัน เป็นเรื่องจริงที่เผชิญปัญหาโลกแตกแบบนี้
จากคุณ :
แมว
- [
2 มิ.ย. 51 12:18:15
A:66.58.131.155 X: TicketID:177960
]
|
|
|