PANTIP.COM : H6658596 ถามหน่อยครับ พวกฝรั่งเวลาแต่งงานเขาออกค่าใช้จ่ายกันยังไง [ชีวิตในต่างแดน]

ความคิดเห็นที่ 13

กระพริบตา "เมื่อคืนดูเรื่อง BrideZilla จาก True Vision
ส่วนมากผู้หญิงเมืองนอกจะเรื่องมากแบบสุดๆเลย น่ากลัวจริงๆ

แบบบางทีก็ทำท่าจะเลิกกันซะด้วยซ้ำ - -" เนื่องจากความคิดไม่ตรงกัน

ผมเห็นเหมือนเพื่อนเจ้าบ่าวจะพาแฟนมาด้วยคนนึงมั้ง ฝ่ายเจ้าสาวได้ยินแฟนคุย รีบบอกเลย No ๆๆๆๆ

เลยบอก ชั้นจะไม่จ่ายส่วนนี้ให้เด็ดขาด แล้วสุดท้ายก็ทะเลาะกันเละเทะ"

^^
^^
รายการพวกนี้ดูเอาบันเทิงได้ แต่อย่าไปถือเป็นสาระมากมาย

เขาต้องเว่อร์ๆ กันไว้ถึงแม้จะเป็นรายการ Reality Show เมื่อบวกกับดนตรีประกอบ และ การตัดต่อแล้วก็จะทำให้ดูเหนือจริงขึ้นไปอีกในสายตาของผู้ชม

จะได้มีคนตามดูเยอะๆ และ ทิ้งปัญหาเอาไว้ตอนท้ายๆ ของแต่ละตอนให้เป็นปริศนา ให้คนดูใจหายใจคว่ำเล่น

เพื่อที่คนดูจะได้ตามดูตอนต่อไปด้วยความใจจดใจจ่อ ว่าจะออกหัวหรือก้อย

ปล. เราเป็นคนที่ไม่ค่อยดูรายการประเภท Reality Show นะ โดยเฉพาะรายการจากทางฝั่งอเมริกา

เพราะมีความเห็นว่าค่อนข้างไร้สาระ ไม่ประเทืองปัญญา หลายๆ ครั้งชอบหลอกคนดู ชอบหักมุมเรียกเรทติ้ง เลยเลิกดูมาหลายปีแล้นนน

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ดอกไม้ ปล. 1 งานแต่งงานของฝรั่ง ส่วนใหญ่เขาจะเลือกแขกที่เขาอยากให้มาร่วมยินดีด้วยมาจริงๆ เพราะค่าอะไร ต่อมิอะไรที่เมืองฝรั่งมันแพงงงงงงจ้ะ

คนไหนที่ไม่จำเป็น หรือ ไม่อยากให้มา หรือ ไม่สนิทสนมพอ ก็ไม่ต้องเชิญ

ผิดกับงานในเมืองไทยส่วนใหญ่ ที่มักจะเน้นจำนวนของแขก เพื่อที่จะโชว์ว่าเจ้าภาพรู้จักคนเยอะ และ/หรือ มีคนจากหลากหลายวงสังคมมาในงาน ยิ่งทำให้รถติดได้เท่าไหร่ และ มีแขกมาสักสามพันคนเมื่อไหร่ ก็จะยิ่งตอกย้ำความสำคัญถึงสถานะภาพทางเศรษฐกิจ และ สังคมของครอบครัวของเจ้าภาพ

ยิ่งถ้ามีคนดัง หรือ คนใหญ่คนโต มาร่วมงานด้วย ก็จะเป็นการตอกย้ำได้อีกด้วย ว่าเจ้าภาพมีคอนเน็คชั่นที่ไม่ธรรมดา

ความคิดต่างกัน และ จุดประสงค์แท้จริงของงานต่างกันจ้ะ

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ปล. 2 เคยไปร่วมงานทั้งงานแต่งของคนไทย และ/หรือ คนฝรั่งและไทย ที่เมืองไทย

และ ทั้งงานแต่งของฝรั่งที่กรุงเทพฯ และ งานแต่งของฝรั่งที่ต่างประเทศ

จากสิ่งที่เราเห็น ขอบอกได้เลย ว่างานแต่งงานของพวกฝรั่งนั้นมีความศักดิ์สิทธิ์กว่า มีความจริงใจกว่า มากมาย

และ เจ้าภาพที่เป็นฝรั่งแท้ๆ เขาจะไม่มองแขกที่มาในงานว่าเป็นตัวช่วยทำกำไรจากเงินใส่ซองช่วยงาน เพราะเขาเชิญมาเพราะอยากให้คุณมามีส่วนร่วมจริงๆ มาเป็นสักขีพยานจริงๆ และ เพราะเขาให้เกียรติคุณถึงได้เชิญมา

บนโต๊ะ ในงานเลี้ยง จะมีชื่อแขกติดเอาไว้เลย ส่วนใหญ่จะมีป้ายวางเอาไว้บนจาน หรือ บนโต๊ะ หรือ ที่ไหนก็แล้วแต่ และ ในแต่ละโต๊ะ ทางฝ่ายเจ้าสาวเขาก็จะทำแผนผังเอาไว้ให้เลย ว่าอยากให้ใครนั่งติดกับใครบ้าง

ในบัตรเชิญของฝรั่งเขาจะมีระบุมาเลย ว่าให้ RSVP ตอบกลับด้วย เพราะทุกอย่างจะถูกกำหนดไว้แล้วล่วงหน้าตามจำนวนคน

ถ้าไปร่วมงานไม่ได้ หรือ ไปไม่ได้อย่างไร ก็ต้องแจ้ง ไม่ว่าจะเป็นทางโทรศัพท์ อีเมล หรือ เขียนการ์ดบอกมา

และ การที่จะไปงานแต่งงานของฝรั่งนั้น ยกตัวอย่าง ถ้าสมมติว่า คุณมีลูกสองคน แต่ถ้าในการ์ดเชิญ เชิญโดยระบุแค่ชื่อของคุณกับสามีหรือ ภรรยา คุณก็ไม่สามรถกระเตงลูกทั้งสองไปด้วยได้นะ

ต้องฝากลูกไว้กับคนอื่น หรือ จ้างคนมาเลี้ยงระหว่างที่คุณไปงาน เพราะทางเจ้าภาพไม่ได้เชิญลูกของคุณด้วย

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

แต่งงาน ปล. 3 เราขอยกตัวอย่างงานแต่งของคนไทยให้ฟังสักสาม-สี่เรื่อง จากประสบการณ์ตรงของเรา

*เรื่องแรก คนรู้จักที่ๆ ทำงานเก่า ที่รู้จักกันแค่ผิวเผิน เคยทักกันแค่สองสามครั้ง และ จริงๆ แล้วเธอก็ไม่ชอบเราเท่าไหร่นัก

ปรากฏว่า ตอนที่เธอแจกการ์ดแต่งงาน ก็แจกเราด้วย โดยที่ฝากมากับคนอื่น และ จ่าหน้าซองเป็นชื่อเล่นเรา และ เขียนชื่อตำแหน่งในที่ทำงาน และ หน่วยงานในบริษัทของเราก็ผิดๆ ถูกๆ

แค่เห็นหน้าซอง เราไม่เปิดดู แต่ฝากกลับไปคืน มาทางไหน ก็ส่งกลับทางนั้น

**เรื่องที่สอง...เรื่องเพื่อนที่ทำงานเก่าอีกแล้นนน คนนี้รู้จักกันดี แต่มีเรื่องปีนเกลียวกันในเรื่องงาน ก็ไม่พูดกัน

แต่จู่ๆ เธอก็มาทำดีกับเรา โดยที่เราไม่ได้ยินดียินร้าย เพราะสัมผัสได้ว่าไม่ได้ทำออกมาจากใจ

หลังจากที่เธอทำดีกับเราได้สองสัปดาห์ ก็เอาการ์ดงานแต่งงานมาแจกให้.....เราเลยบอกเธอไปตรงๆ ว่า เราไม่รับ และ เราจะไม่ไปร่วมงาน

และ บอกเธอไปด้วยว่า น่าเกลียดมากๆ ที่มาทำดีกับเราเพื่อหวังเงินใส่ซองช่วยงาน วิธีนี้อาจจะได้ผลกับคนที่ไม่มีจุดยืน แต่ใช้ไม่ได้กับเรา

***เรื่องที่สาม เป็นงานของน้องแท้ ๆ ของเราเอง....จัดใหญ่โต แบบตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ เพราะพ่อ-แม่ของทั้งสองฝ่ายอยากได้หน้า

เราไม่อยากไปร่วมเท่าไหร่ เพราะไม่สนิทกับน้องของเราคนนี้ และ ไม่สนิทกับแฟนของน้องเลย แต่พ่อ-แม่เราคาดคั้นว่ายังไงก็ต้องมา และให้พี่เราโทรมาบังคับอีกแรง เราเลยต้องลางานไป อย่างเสียไม่ได้ เสียเวลา ขาดงานไปสองวัน

งานนี้ทั้งเพื่อนๆ ของฝ่ายเจ้าบ่าวและเจ้าสาว ลงทุนลางาน มามุงดูสินสอดโดยเฉพาะเลย

เราเห็นแล้วอนาถมาก

++++++++++++++++++++++++++++++++++++

mad ****เรื่องที่สี่ เคยมีเพื่อนคนไทยของเราคนหนึ่ง กำลังจะจัดงานแต่งงานกับแฟนฝรั่ง มาขอให้เราเป็นเพื่อนเจ้าสาว และ คอยเทคแคร์ครอบครัวของเจ้าบ่าวแทนเธอ

เราตกปากรับคำ แต่พอเธอบอกเราว่า ห้ามไปบอกฝ่ายครอบครัวเจ้าบ่าวเด็ดขาด ว่าคนไทยที่มาในงานจะเอาเงินใส่ซองมาช่วย ขอให้ช่วยโกหกแทนเธอด้วย เพราะเธอไม่อยากให้ทางฝ่ายฝรั่งรู้ว่าเธอได้เงิน

ในรายนี้ ฝรั่งที่เป็นเจ้าบ่าว ไม่ได้อยู่เมืองไทย ไม่เคยใช้ชีวิตที่เมืองไทย และ เพื่อนของเราคนนี้ ไม่ค่อยอยากจะสอนแฟนของตนเองเกี่ยวกับอะไร อะไร ทั้งหลายแหล่ของเมืองไทย หรือ ของคนไทยให้แฟนฝรั่งทราบสักเท่าไหร่นัก

เธอบอกว่า ให้รู้มากไปไม่ดีหรอก เดี๋ยวจะมาฉลาดทันคนไทย แล้วเธอจะควบคุมสามียาก และ ไม่อยากให้แฟนรู้จักคนไทย ไม่คิดจะอยู่เมืองไทย เพราะกลัวแฟน/ว่าที่สามี จะมีผู้หญิงคนไทยคนอื่น

(ผิดกับเรานะ เราชอบสอนฝรั่งไม่ว่าจะเป็นคนที่บ้าน หรือ เพือนฝูงให้รู้จักประเทศของเรา และ คนของเรา.....

ฝรั่งที่บ้าน/พ่อบ้านเราเนี่ย รู้จักคนไทย มากพอๆ กับที่เรารู้จักเลย เรากับเขาอยู่กันมาจะสิบปีแล้นนนน......ตั้งแต่คบกัน เริ่มจากความเป็นเพื่อน เราไม่เคยหมกเม็ด

และ จำได้ไม่เคยลืม ว่าของขวัญชิ้นแรกที่เราซื้อให้เขา คือ หนังสือเกี่ยวกับ วัฒนธรรมไทย ประเพณีไทย และ หลายๆ อย่างที่เกี่ยวกับเมืองไทย

หนังสือชื่อ "The Thai & I : A Successful Living in Thailand."

เพราะเราอยากให้เขารู้จักเมืองไทยในทุกแง่ทุกมุม จะได้มีภูมิคุ้มกัน เอาตัวรอดได้ และ อยู่เมืองไทยอย่างมีความสุข ไม่เป็นฝรั่งที่เหลิง ไม่ดูถูกคนไทย ไม่ทำตัวประเภทเท้าไม่ติดดิน และ ถูกตามใจจากคนไทยจนเคยตัว

แต่โชคดี เขาเป็นคนฉลาด ติดดิน และ เดินทางมาแล้วมากมาย ก่อนที่จะมาอยู่เมืองไทย จึงไม่ต้องสอนกันมาก )

วกกลับมาเรื่องอดีตเพื่อนต่อ..........เราตัดสินใจตอนนั้นเลย ว่าเราไม่รับทำให้ และ เราบอกเธอด้วย ว่าถ้าจะให้เราเทคแคร์ครอบครัวของเจ้าบ่าวฝรั่งให้ เราถือว่าเป็นหน้าที่ของเรา ที่จะต้องให้ความรู้กับเขาเกี่ยวกับงานแต่งงานแบบไทยๆ เกี่ยวกับเบื้องหน้าเบื้องหลัง

ประวัติของพิธีการต่างๆ ว่ามีความเป็นมาอย่างไร ตั้งแต่สมัยโบราณ มาจนถึงสมัยปัจจุบัน ว่าแนวคิดเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง

ผลสุดท้ายกับเพื่อนคนนั้นกับเรา ก็โกรธกันไป จนกระทั่งบัดนี้

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

smile ที่เล่าให้ฟังเพราะอยากให้เห็นว่า ความแตกต่างเป็นอย่างไร และ ทำไมเจ้าสาวฝรั่งถึงได้ซีเรียสมากถึงเรื่องค่าใช้จ่าย

เพราะที่เมืองฝรั่งนั้น อะไร อะไร ก็แพงจ้ะ และ ส่วนใหญ่แล้วเขาจัดงานเพื่อพิธีกรรม มิใช่เพื่อมุ่งทำกำไร และ จำนวนแขกเหรื่อ

แต่เขาแคร์มากกับการที่จะให้ใครเป็นมาเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาว แคร์มากกับการที่จะเชิญใครมาบ้าง

แคร์มากกับทุกๆ ขั้นตอน เพราะเขาอยากให้ออกมา Perfect ที่สุด และ มี Theme แปลกที่สุด ให้แขกที่มาร่วมยินดีประทับใจ และ กล่าวขวัญถึงงาน ว่าแปลกใหม่สนุกสนาน เลี้ยงอาหารดี ไวน์ดี เค็กสวย อะไรทำนองนี้มากกว่า

แม้กระทั่งการเลือกโบสถ์ที่ใช้ประกอบพิธี การเลือกสถานที่จัดงานก็มีความหมายหมด

แม้กระทั่งการเลือกเพลงที่ใช้ในงานแต่งงาน รถที่บ่าวสาวต้องใช้ในการเดินทางมาที่โบสถ์ หรือ เดินทางออกจากโบสถ์

ทุกอย่างมีความหมายหมด

FYI flower

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

Seal นักร้องเสียงดีชาวอังกฤษ http://en.wikipedia.org/wiki/Seal_(singer) กับ Heidi Klum นางแบบแถวหน้าคนหนึ่งของโลกชาวเยอรมัน http://en.wikipedia.org/wiki/Heidi_Klum

คนคู่นี้แต่งงานกันมา 4 ปีแล้ว มีลูก 3 คน ซึ่งรวมทั้งลูกติดของ Heidi จากความสัมพันธ์ของเธอกับ Flavio Briatore http://en.wikipedia.org/wiki/Flavio_Briatore เจ้าพ่อ Formula 1 ชาวอิตาเลี่ยน ซึ่งลูกคนนี้ของ Heidi เกิดมาลืมตาดูโลกหลังจากที่เธออยู่กินกับ Seal แล้ว

Seal นักร้องเสียงดี จิตใจดี .........ทุกๆ ปี เมื่อถึงวันครบรอบแต่งงาน คนคู่นี้จะจัดพิธีแต่งงานขึ้นมาอีกครั้ง wink

ปล. มีกลับมาเพิ่มเติม และ มีสะกดตกหล่น ต้องเข้ามาแก้ไข

แก้ไขเมื่อ 31 พ.ค. 51 22:09:57
แก้ไขเมื่อ 31 พ.ค. 51 22:04:44
แก้ไขเมื่อ 31 พ.ค. 51 18:14:34
แก้ไขเมื่อ 31 พ.ค. 51 18:06:56

จากคุณ : คนกรุงเทพฯ บ้านอยู่เมืองไทย (Siamese Girl) - [ 31 พ.ค. 51 18:04:54 ]

ความคิดเห็นที่ 18

กระพริบตา "พิธีแต่งงานของ ฝรั่ง ดูให้ความสำคัญมากกว่า (แต่เราว่า ขาดการอุลุมอลวย ไปหน่อยรู้สึกว่า กะเกณฑ์ มันมากไป)"

^^
^^
ดิฉันว่าดีออกค่ะ เช่นการจำกัดจำนวนแขก เป็นต้น ดิฉันเคยได้รับเชิญไปงานแต่งงานของเพื่อนฝรั่งที่อังกฤษ ในงานนั้น เชิญแขกแค่ 50 คนเท่านั้น

และ ในงานนี้ ดิฉันกับฝรั่งที่บ้าน ได้รับแจ้งล่วงหน้าเกือบ 1 ปี ว่าจะต้องไปเป็นแขกในจำนวน 2 ใน 50 คนนั้น

เจ้าบ่าวเจ้าสาว แจ้งมาเลย ว่าต้องการได้บัตรของขวัญจากร้าน xxx และ ไปลงทะเบียนให้แขกซื้อของขวัญให้แล้ว ที่ร้าน xxx

ถึงเวลาทานอาหาร เจ้าบ่าวเจ้าสาว ก็ได้นั่งทานด้วย ไม่ต้องไปเดินตามโต๊ะ หน้ามัน หิวจะเป็นลม เดินแจกของชำร่วยแบบงานเลี้ยงแต่งงานโต๊ะจีนของคนไทย

งานแต่งงานของคนไทย.......ส่วนใหญ่จะไม่ทำรายการชื่อแขกก่อน แต่จะตั้งเป้าเอาไว้เลย ว่าจะสั่งพิมพ์บัตรเชิญสัก 1,000 หรือ 2,000 ใบ อะไรก็ว่าไป

แล้วหลังจากนั้นจะแบ่งๆ กันไป ระหว่างฝ่ายเจ้าบ่าว เจ้าสาว หลังจากนั้นก็จะเป็นการตามล่า ตามไล่แจกบัตรเชิญให้หมด

เพราะตอนพิมพ์การ์ด ได้มีการคำนวนเอาไว้แล้ว ว่าถ้าเชิญแขกได้กี่คน แจกการ์ดได้กี่ใบ

แล้วแต่ละซองต้องใส่จำนวนเท่าไหร่ ทางฝ่ายเจ้าภาพแต่ละฝ่ายถึงจะได้กำไร......บอกตามตรงเลยนะคะ ว่าเป็นความคิด เป็น Concept ที่น่ารังเกียจมากๆ เลยค่ะ

ในบางงานแต่งงานของคนไทยนั้น เจ้าบ่าวเจ้าสาว ยังไม่รู้จักแขกที่มาในงานหลายๆ คนเลย ว่ามาจากทางไหน และ มาได้อย่างไร ประเภทญาติของญาติห่างๆ

หรือ พวกเพื่อน ของเพื่อน ของเพื่อน และ ของเพื่อนอีกทีหน่ะค่ะ พวกที่ตามๆ เขามา มาผสมโรง Daaks ฟรีก็มี ฮ่าฮ่าฮ่า

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

จุ๊บๆ "ส่วนการแต่งงานแบบไทย อยากให้ลองมอง ในอีกแง่หนึง ของวัฒนธรรมประเพณีการแต่งงานของไทย ซึ่งบรรพบุรุษเรา สร้างไว้นั้น ท่านก็มีเหตุผลทั้งนั้น ไม่งั้นเขาคงไม่ดำเนินมาจนถึงปัจจุบัน"

^^
^^
เรื่องประวัติ และ ความหมาย และ สิ่งต่างๆ ของพิธีการแต่งงานดั้งเดิมของคนไทย ดิฉันทราบดีค่ะ

แต่ Point ของการออกความเห็นในกระทู้นี้ ในเชิงเปรียบเทียบให้ จขกท. เห็นถึงความแตกต่าง ก็คือ พอมาถึงสมัยนี้แล้ว มันเพี้ยนไปหมดค่ะ

ซึ่งตามที่ดิฉันได้ยกตัวอย่างจากประสบการณ์ตรงเอาไว้ให้แล้ว

และ ดิฉันเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า หลายๆ คนที่เข้ามาอ่าน ก็คงจะเคยเจอ หรือ เคยประสบพบพาน เรื่องราวแบบดิฉันมาก่อน

แล้วก็อยู่ที่ว่าคุณจะมองอย่างไร เช่นเลือกที่จะเอาคอนเน็คชั่นไว้ แล้วจำใจใส่ซองเสียภาษีสังคม ที่มิได้เต็มใจจะเสีย หรือ ไม่เต็มใจอยากจะไปร่วมงาน แต่ต้องไปตีหน้า จี๋จ๋ากับเจ้าภาพ เพราะเจ้าภาพรวย เจ้าภาพเป็นคนมีพาวเวอร์อะไรแบบนั้น

ส่วนดิฉันเลือกที่จะไปแต่เฉพาะงานของคนที่ดิฉันอยากจะไปจริงๆ เท่านั้นค่ะ และ ไปเพื่อที่จะแสดงความยินดี หรือ ให้เกียรติเจ้าภาพที่ให้เกียรติดิฉันอย่างจริงใจ มิใช่เห็นดิฉันเป็นแขกประดับงาน เอาไว้เป็นจำนวน หรือ เอาไว้เป็นตัวทำกำไรให้เจ้าภาพค่ะ

+++++++++++++++++++++++++++++++

"อยากลองให้มองดูว่า สิ่งไหนกันแน่ ทีทำให้ พิธีนี้ดูไม่ศักดิ์สิทธิ์ค่ะ"

^^
^^
ถ้ามาถามดิฉัน ว่าทำไมสมัยนี้พิธีการแต่งงานของคนไทยไม่ศักดิ์สิทธิ์

ดิฉันขอตอบจากสิ่งที่เคยประสบมาด้วยตนเอง และ สิ่งที่พบเห็นได้ทั่วไป เกี่ยวกับการแต่งงานของคนไทยในสมัยนี้

ว่าเป็นเรื่องของ ความโลภ, เรื่องของคอนเน็คชั่นในระบบอุปถัมภ์, เรื่องของอำนาจ, เรื่องของความเห็นแก่ตัว, เรื่องการประกาศความมั่งมี หรือ เรื่องของพวกที่จมไม่ลงค่ะ

ปล. ฝรั่งที่แต่งงานกันเพื่ออำนาจ เพื่อยกฐานะ หรือ เพือเหตุผลทางการเมือง เหตุผลของความมั่งคั่งก็มีมากมาย แต่ในที่นี้ดิฉันยกตัวอย่างแค่งานของคนธรรมดาๆ ที่แต่งงานกันด้วยความรักค่ะ

Cheers! & good night ค่ะ ดาว wink

จากคุณ : Siamese Girl - [ 3 มิ.ย. 51 00:44:23 ]