ความคิดเห็นที่ 1 ไปเรียนของกระทรวงสาธารณะสุขซิ มีใบประกาศพร้อมกับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพรับรองด้วย ราคาไม่แน่ใจอ่ะค่ะ ไม่น่าจะแพงมาก จากคุณ : Tree (jum_tree) - [ 1 มิ.ย. 51 18:30:54 ]

ความคิดเห็นที่ 2    วัดโพธิ์ คือคำตอบเดียว และ คำตอบสุดท้ายค่ะ เพราะโด่งดังไปทั่วโลก.........และตั้งแต่เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา วัดโพธิ์ เพิ่งถูกจัดอยู่ในทำเนียบของมรดกโลก ในสาขา "มรดกความทรงจำแห่งโลก" หมายถึงเป็นสถานที่ๆ มีการบันทึกข้อมูล ความทรงจำที่มีความสำคัญของโลกค่ะ ในอดีตนั้นวัดโพธิ์ถือเป็นแหล่งจารึก และ แหล่งเล่าเรียนในสาขาต่างๆ ของคนไทย โดยเฉพาะทางสาขาการแพทย์แผนโบราณ   ++++++++++++++++++++++++++++++++++++   Thailand's Wat Pho marble inscriptions given historic listing by Unesco http://www.thainewsland.com/?l=en&a=226443 The historic marble inscriptions in Phra Chetupon Wimolmangkhalaram temple, or Wat Pho, in Bangkok have been registered with Unesco's Memory of the World (MOW) for Asia and the Pacific region. Khunying Maenmas Chavalit, chairperson of Thailand's Memory of the World National Committee for the United Nations Educational, Scientific and Cultural Organisation (Unesco), confirmed yesterday that the 200-year-old marble inscriptions have been recognised as MOW documentary heritage. Registration was approved by Unesco's memory of the world regional committee for Asia and the Pacific at its meeting in Canberra last month. The committee will send an official letter notifying Thailand of the recognition, and the MOW national committee will present the letter to Wat Pho's abbot, Phra Thampanyabodi, on March 31, the anniversary of King Rama III's death. On that day, Wat Pho will hold a grand merit-making ceremony in honour of King Rama III, who commissioned the inscription of the country's religious and secular knowledge, including Thai ''hermit'' yoga postures, on 1,360 marble plates in the 1830s . Wat Pho was built during the Ayutthaya period on the orders of King Rama I. King Rama III commissioned a major renovation of the temple. FYI   จากคุณ : คนกรุงเทพฯ บ้านอยู่เมืองไทย (Siamese Girl) - [ 1 มิ.ย. 51 22:09:49 ]

ความคิดเห็นที่ 3  เว็บไซท์โรงเรียนนวดแผนโบราณวัดโพธิ์ http://www.watpomassage.com/ ปล. เมื่อสองปีก่อน เคยเจอฝรั่งชาวออสเตรเลี่ยน คนหนึ่งที่ลอนดอน และ มีโอกาสได้คุยกัน พอเราบอกว่ามาจากเมืองไทย เธอบอกเราว่า เธอเคยมาเมืองไทย และ มาเรียนนวดที่วัดโพธิ์ และ เมื่อประมาณ 6 สัปดาห์ที่ผ่านมาไปปท. เปรู ได้ไปเจอคนไทยคนหนึ่งโดยบังเอิญ ที่อาศัยอยู่ในเปรูมา 6 ปี เธอเปิดร้านอาหาร และ ร้านนวดอยู่ที่ Machu Picchu ค่ะ เธอเรียนนวดไปจากวัดโพธิ์   FYI   ฤษีดัดตน   จากคุณ : คนกรุงเทพฯ บ้านอยู่เมืองไทย (Siamese Girl) - [ 1 มิ.ย. 51 22:18:43 ]

ความคิดเห็นที่ 4 แนะนำให้คุณ จขกท. เรียนนวด เรียนประคบสมุนไพร สปาจากวัดโพธิ์ และ เรียนการทำสปาสมัยใหม่จากที่อื่นด้วยค่ะ   +++++++++++++++++++++++++++++++++++     นี่ค่ะ ภาพในร้านอาหารของพี่ผู้หญิงคนไทย ที่ดิฉันไปเจอเธอโดยบังเอิญที่ Machu Picchu, เมือง Aguas Calientes, ปท. Peru พี่เขาเป็นคนที่ยืนหันหลังใส่ชุดสีชมพู ที่กำลังนวดไหล่ให้ฝรั่งอยู่นั่นแหละค่ะ.....ฝรั่งกลุ่มนั้นเป็นครอบครัวชาวสวีเดน ที่เคยมาเที่ยวเมืองไทย ปัจจุบันมีคนไทยอาศัยอยู่ในเปรูทั้งหมด 12 คน โดยที่ 11 คนนั้นอาศัยอยู่ใน เมืองหลวง Lima และ พี่คนนี้เป็นคนไทยเพียงคนเดียวที่อาศัยอยู่ใน Machu Picchu ค่ะ   ใครผ่านไปทางนั้นแวะไปทักทายพี่เขาได้เลยค่ะ (คุณป้าเองค่ะ กับลูกชายของคุณป้า ก็กำลังจะไปเที่ยวที่นั่น......ก็ได้เล่าเรื่องนี้ให้คุณป้าเองค่ะฟังทางอีแมวเหมือนกัน) ตอนที่เราสองคนเจอกันนั้น....คุยกันอย่างกับญาติที่ไม่ได้เจอกันมาตั้งหลายปี.....เพราะต่างคนต่างก็ตื่นเต้นที่ได้เจอคนไทย ดิฉันเองก็ไม่ทราบมาก่อน จึงไม่ได้หาหนังสือ หรือ อาหาร หรือ ขนมไทยๆ ไปฝากพี่เขาด้วย มีมาม่า มีนิตยสาร ก็เอาทิ้งไว้ที่อังกรึด เสียดายจริงๆ ถ้าใครมีแพลนไปเปรู และ ไม่หนักหนาอะไร หิ้วหนังสือ หรือ ของกินไปฝากพี่เขาบ้างนะคะ พี่เขาอยู่เปรูมา 6 ปีแล้ว แต่งงานกับคนเปรู และ เคยกลับเมืองไทยแค่ครั้งเดียว   แก้ไขเมื่อ 01 มิ.ย. 51 22:55:09 จากคุณ : คนกรุงเทพฯ บ้านอยู่เมืองไทย (Siamese Girl) - [ 1 มิ.ย. 51 22:39:22 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ภาพหน้าร้านค่ะ.......ร้านอาหารของพี่เขาชื่อว่าร้าน "Chez Maggi" อยู่ติดกับโรงแรม Inti Inn ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นป้ายขาวๆ ที่หัวมุมร้านนะคะ........เขียนว่า "Thai Massage" และ ที่ตลก คือ มีเด็กวัยรุ่นในร้าน เป็นเด็กผู้ชายชาวเปรู......ทุกครั้งที่เขาเจอดิฉันที่ร้าน หรือ เดินสวนกันที่ถนนเขาจะพูดว่า ซาวาดีก้า........และ ลากอง  (สวัสดีค่ะ ลาก่อน)   แก้ไขเมื่อ 01 มิ.ย. 51 22:44:35 จากคุณ : คนกรุงเทพฯ บ้านอยู่เมืองไทย (Siamese Girl) - [ 1 มิ.ย. 51 22:44:06 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ดิฉันขอขอบพระคุณ คุณคนกรุงเทพฯ บ้านอยู่เมืองไทย (Siamese Girl)และคุณTree (jum_tree)มากๆ นะค้ะ ขอให้คุณมีสุขภาพดี และ have a beatiful moment.. always ค่ะ ดิฉันจะไปเรียนที่วัดโพธิ์ step by step คะ ขอบคุณที่ได้มีโอกาสได้เห็นภาพ จาก Machu Picchu คะ รู้สึกยินดีและดูอบอุ่นใจจังเลยคะ ขอบคุณเสมอคะ ปาระมิตา จากคุณ : ปาระมิตา - [ 2 มิ.ย. 51 00:16:55 A:124.157.216.40 X: TicketID:177869 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ไม่ทราบว่าอยู่จังหวัดไหนคะ? คือ ไม่ว่าเรียนที่ไหน หากไม่มีประสบการณ์ก็จะไม่มีความชำนาญน่ะค่ะ ยิ่งถ้าเป็นคอร์สรวบรัดระยะสั้นแล้ว  และไม่มีการฝึก ก็แทบจะไม่ได้อะไรเลยจริงๆ ค่ะ ถ้าเกิดยังไม่มั่นใจว่าชอบด้านนี้จริงๆ หรือเปล่า เราขอแนะนำว่าให้ไปลองเรียนโรงเรียนฟรี หรือราคาถูกดูก่อนค่ะ ที่เราเห็นมา ศูนย์ฝึกวิชาชีพ บางพลัด ก็สอนดีเหมือนกัน หลักสูตรไม่แน่ใจว่า ๑ หรือ ๒ เดือน  เขาจะมีคอร์สนวดไทย  นวดเท้า ฯลฯ รวมถึงคอร์สผลิตสินค้าจากสมุนไพรด้วย ที่นี่เรียนฟรีค่ะ เกิดเรียนไปแล้วคุณไม่ชอบใจ คุณก็ไม่ได้เสียค่าใช้จ่ายอะไร หรือถ้าเรียนไปแล้วชอบ เรียนจนจบเขาก็มีประกาศนียบัตรให้เป็นภาษาไทย แต่ไปแปลเป็นภาษาอังกฤษได้ แต่ไม่มีใบสมาคนแพทย์แผนไทยนะคะ ต้องไปสอบอีกทีมั้ง แล้วค่อยไปเรียนต่อยอดนวดอื่นที่รร.มีชื่อเสียงก็ได้ อีกที่มีคนแนะนำมาว่าสอนดี เราคิดว่าน่าจะเสียค่าใช้จ่าย ๑๐๐ กว่าบาท เป็นศูนย์สอนวิชาชีพ วัดอยู่แถวๆ ตลาดทางรถไฟ ตรงถ.จรัลสนิทวงศ์ อีกฝั่งนึง ไว้จะลองค้นข้อมูลมาให้นะคะ คือเราเรียนอย่างอื่นที่ศูนย์บางพลัดน่ะค่ะ แล้วเคยไปดูเขาเรียน แล้วศูนย์บางพลัด เขารับลูกค้าด้วย คือคนที่มาเป็นหุ่นให้น่ะค่ะ ก็คิดว่าเขาสอนดี แต่ว่าเรามีเวลาเรียนไม่พอที่จะไปลงคอร์สนวด ที่นั่น และจะไปเรียนที่วัด แห่งที่สองที่มีอาจารย์แนะนำมา ก็ไปสมัครไม่ทัน เลยอด ทางเดียวที่ได้ คือไปหาเรียนกับเอกชนเพียง ๗ วันเท่านั้น ตัวต่อตัวอีกต่างหาก เสียไป ๖๐๐๐ นวดไทย+อโรม่า บอกตามตรง ไม่ค่อยได้อะไรค่ะ  แต่เราได้ใบประกาศมา รวมถึงใบสมาคมฯ ด้วย -_-' (จริงๆ เราไม่ได้ใช้ใบนี้หรอกค่ะ เก็บไว้เฉยๆ) เอาเข้าจริงๆ มาได้จริงๆ จากเพื่อนเนี่ยค่ะ สอนให้ เธอจบคอร์สนวดของ ม.ช.มา เธอบอกว่าในคอร์สเธอได้เรียนพวกกายวิภาคมาด้วย (ไม่แน่ใจชื่อวิชานี้หรือเปล่านะคะ) ที่เรียนเกี่ยวกับ กล้ามเนื้อ และก็กระดูก อะไรพวกนี้น่ะค่ะ จัดว่าเธอเก่งมากๆ และเคยเป็นเธอราปิส โรงแรมห้าดาวมาจากเมืองไทยด้วย ถ้าไม่ได้เพื่อนคนนี้เราอาจจะไม่ได้อะไรเลย แต่ตอนเรียนนวดจริงๆ กับตอนที่มาเริ่มทำงาน บอกตามตรง จากเมื่อก่อนที่เคยคิดว่าชอบนวด เคยนวดให้ย่า ยาย ใครต่อใคร  เคยคิดว่าชอบนวด เริ่มรู้สึกว่าใจไม่ได้รักจริงๆ และไม่อยากทำ เลย ยิ่งเจอลูกค้าคอมเพลนว่าเรานวดเบา เหมือนไม่มีแรง(จริงๆ ตอนนั้นเราลงน้ำหนักไม่เป็นและก็กลัวด้วย) และเจอลูกค้าทะลึ่งๆ ด้วย ตอนหลังเราเลยไม่ได้ทำเลย ตอนหลัง มีคนรู้จักกันพึ่งมาใหม่ เห็นว่าเรียนจบจากโรงเรียนดัง ฟอร์มเธอดี เราก็เกร็งๆ มีครั้งนึงเราปวดหลังมาก ให้เธอลองนวดดู ยิ่งกว่าเราอีก -_-' เราเลยคิดว่าประสบการณ์นั้นสำคัญค่ะ หากไปหาฝึกเอง กับลูกค้าจริงอาจจะยาก ถ้าเป็นโรงเรียนที่เขามีฝึกด้วย ก็น่าจะดีกว่า จากคุณ : โดดเดี่ยวผู้น่ารัก - [ 2 มิ.ย. 51 00:59:24 ]

ความคิดเห็นที่ 8 อ๋า..นั่งรำลึกชาติ พิมพ์กระทู้นานไปหน่อย ไม่ทันเจ้าของกระทู้เลย เหอๆๆๆ จากคุณ : โดดเดี่ยวผู้น่ารัก - [ 2 มิ.ย. 51 01:00:36 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เรียนวัดโพธิ์ค่ะ เพราะเป็นที่รู้จักทั้งไทยและต่างประเทศ คุณภาพก็ดี ระยะเวลาสั้นพอดี แต่ดูเหมือนเค้าขยายระยะเวลามากชั่วโมงขึ้นนะ ซึ่งดีมากจะได้เรียนละเอียดกว่าเดิม ตอนดิฉันเรียนแต่ละครอสใชัเวลาแค่ห้าวันเอง นวดเท้าสามวัน เลยต้องอาศัยจำให้แม่นๆ ข้อเสียของวัดโพธิ์คือเค้าสอนเฉพาะวิธีการนวด เพราะฉะนั้นคุณต้องคอยถามอะไรก็ตามที่เราอยากรู้ เช่น กดน้ำหนักแค่ไหน คนเป็นโรค....นวดได้ไม๊ ถามเยอะๆ ดฺิฉันได้ความรู้เพิ่มเรื่องวิธิการนวดคนปวดหัวไมเกรนและรูปภาพจุดที่ต้องกดค่อนข้างละเอียดก็เพราะถาม ซึ่งเค้าไม่มีสอนในหลักสูตร เรียนวัดโพธิ์แล้วก็อยากให้เรียนที่กรมการแพทย์แผนไทย จังหวัดนนทบุรี 02-965-9626 นวดราชสำนักหลักสูตร 150 ชั่วโมง ระยะเวลาไม่แน่ใจว่า 20 วัน หรือหนึ่งเดือนครึ่งเพราะถามแต่ละคนให้คำตอบไม่ตรงกัน ดิฉันกำลังจะไปเรียนหลักสูตรนี้เดือนกรกฏาคม เรียนนวดแบบรักษาที่วัดโพธิ์ก็งั้นๆ เพราะไม่ได้ลองนวดกับคนที่มีอาการจริงๆ ตอนเรียนเลยได้รู้แค่จุุดที่จะกด แต่ไม่รู้ว่ามันได้ผลไม๊ ส่วนที่กรมการแพทย์หลักสูตรสามเดือนครึ่ง แต่ต้องเรียนหลักสูตร 150 ชั่วโมงก่อนนะ เรามีโอกาสได้ฝึกงานกับคนไข้จริงที่โรงพยาบาลที่เค้าจัดให้ด้วย อย่างไรก็ตามแนะนำให้ซื้อหนังสือที่กรมการแพทย์มาอ่านด้วย เพราะจะได้เรียนเพิ่มถึงประวัติ มารยาท ข้อควรระวังและเหตุผล การวิเคราะห์อาการว่าความเป็นไปได้ที่คนไข้หรือลูกค้ามีอาการอย่างนี้เป็นเพราะสาเหตุนี้ๆๆ ดูอาการเดินยืนนั่งและอื่นๆ เพื่อประกอบการรักษา และจากมูลเหตุเบื้องต้นนั้นๆ เราควรรักษาอย่างไร อันนี้เป็นข้อเสียทีหลายๆ โรงเรียนไม่มีสอน ข้อเสียอีกอย่างเกือบทุกโรงเรียนในประเทศไทยไม่มีสอนและเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ คือ ร่างกายมนุษย์ หน้าที่ และการทำงาน เพื่อเราจะได้รู้และทำการนวดได้เข้าใจ และอย่างปลอดภัย ดิฉันใช้วิธีการศึกษาจาก DVD และ หนังสือต่างๆ ซึ่งคุณก็ทำได้เช่นกัน เรื่องที่เรียนสปา ดิฉันไม่มีความรู้ค่ะเพราะดิฉันอยู่เมืองเล็กๆ ในอเมริกาและไม่มีใครสนใจสปาเพราะเป็นของฟุ่มเฟือยและเสียตังค์เปล่า ลูกค้าดิฉันเกือบทั้งหมดมาให้นวดเพื่อบำบัดและบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อและข้อ ส่วนใหญ่ก็ปวดคอกับบ่า คนแก่ก็ปวดตามข้อ อีกส่วนนึงก็อยากให้ช่วยดัดเพราะเค้ารู้สึกรัดไปทั้งตัว เคยแยบๆ ถามลูกค้าที่มาประจำหลายคนว่าถ้าชั้นจะเพิ่มนวดหน้า ขัดตัว ไว้ในเมนูยูสนใจไม๊เค้าตอบแต่ยูยังทำนวดไทยใช่ไม๊ ความหมายคือแล้วแต่เราแต่เค้าจะยังนวดไทยกับเราอยู่ดี สรุปว่าถ้าจะทำทีไทยก็เรียนนวดแบบสปาด้วยก็ได้ แต่ถ้าจะมาอยู่อเมริกาหรือเมืองนอก ฝึกฝีมือนวดไทยโบราณมาให้ดีแค่นั้นก็อยู่ได้สบายแล้วค่ะ เพราะคนที่นี่เค้าไม่ชอบไปหาหมอ หมอชอบจ่ายยาซึ่งสารเคมีจากยาก็คั่งค้างในร่างกายเราทำให้เกิดอาการเจ็บปวด หรือไม่หมอก็จะให้ผ่าตัด ซึ่งไม่มีใครอยากเจ็บตัว เคยสงสัยไม๊ว่าทำไมฝรั่งชอบทำโยคะ และกินยาสมุนไพรด้วยการรักษาแบบอินเดีย คิดในทางกลับกันทั้งคนไทยและคนต่างประเทศชอบนวดหรืออะไรที่แปลกจากที่เค้าเห็นอยู่เป็นประจำ อีกอย่างคนฝรั่งเค้ารักการอ่านและเรียนรู้ เค้ารู้ว่าการรักษาแบบธรรมชาติดีสำหรับตัวเค้าอย่างแท้จริง จากคุณ : นุชนันท์ - [ 2 มิ.ย. 51 03:12:12 A:75.134.153.234 X: TicketID:176891 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ผมเคยเรียนที่วัดโพธฺ์ิ..ที่วัดโพธิ์เป็นของเอกชนเช่าที่วัด ใช้ชื่อวัด เรียนวัดโพธิ์ก็อย่างพื้นฐานนวดให้สบายตัวเท่านั้นแหละ..วัดโพธ์10ปีที่ผ่านมาเป็นการค้าเท่านั้น ช่วงผมเรียนเรียนเต็มวันก็สามวันจบ เรียนครึ่งวันก้5-6วันจบ 1คอรส์ การนวดตัวมี2คอรส์..สมัยก่อนยุค40ปีก่อนแค่พื้นฐานก็ต้องเรียนหลายเดือน คนที่มาเรียนวัดโพธิ์ก็มีต่างชาติเยอะเพราะข้อมูลที่พามามีก็คงคล้ายๆกัน ส่วนคนไทยก็มี3ประเภทหลักคือ 1คนธรรมดาคุณหนูก็มีเรียนไปนวดคนในบ้าน.. 2พวกเรียนมาเพื่อไปหางานนวดรวมถึงE-หนูที่จะไปนวดแบบตู้กระจก 3สมศรีจากต่างประเทศ สาวใหญ่ชาวไทยที่บินกลับมาเรียนเพื่อจะเปิดร้านนวดบังหน้า ในต่างประเทศกลุ่มนี้กล้าพูดจาลามกในห้องเรียนแบบไม่เกรงใจใคร ที่มาเรียนเพื่อเอาใบประกาศไปทำอะไรในต่างประเทศเท่านั้น สำนักดังๆย่านท่าพระจันทร์ก็มีของอาจารย์นคร อดีตครูเก่าแก่ของวัดโพธิ์ขนาดมืออาชีพ จะเรียนเอาแผ่นกระดาษคุณวุฒิ เท่าที่ดูมาของกรมการแพทย์แผนไทยจะสอนละเอียดกว่า..แต่หลังจากจบมาได้ใบประกาศ ต้องหาคนที่เก่งแล้วขอฝึกงานต่อ..บางคนไม่สอนด้วยสาเหตุสอนคนนะไม่ใช่จะสอนง่ายๆ หลังจากจบหลักสูตรกรมการแพทย์แผนไทย ผมแน๊ะนําไปหาคุณจิระเดชสำหรับคนที่คิดจะเอา ดีทางด้านนี้ไม่ว่าจะไปต่างประเทศหรือเรียนแล้วจะเป็นเลิศในวงการ คือต้องแก้เส้นหรือรักษาคนที่เริ่มเป็นอัมพฤตได้..ถ้าคุณขับรถจากเฉลิมไทยไปนางเลิ้งพอลงสะพานนางเลิ้งให้เลี้ยวซ้ายทันที คุณจะเห็นว่าด้านขวามีบริษัทชื่อวิจิตรลายไม้ ข้างๆบริษัทจะมีซอยเล็กเป็นซอยตันให้เดินเข้าไป เป็นตึกแถว เดินเข้าไปนิดเดียวจะมีร้านนวดอยู่ด้านซ้าย คุณจิระเดชเรียนมาจากคุณพ่อของเขา ซึ่งเป็นศิษย์ครูชิต พันธุ์เดชหมอนวดในพระราชสำนักรัชกาลที่6..พ่อคุณจิระเดชเป็นหมดนวดระดับปรมาจารย์มีชื่อในวงการ ขนาดเจ้าของยาหม่องตราเสือเคยซื้อตัวในราคาหลาย10ล้าน แต่ต้องไปอยู่สิงค์โปร์..ไม่นานมานี่มีลูกชายดาราคนหนึ่งมาขอวิชาเพื่อเอาติดตัวไปอเมริกา ...ข้อควรระวังคนมีความรู้มักจะแปลกคนและพูดจาแบบชนิดที่เรียกว่าขวานฝ่าซาก.. พวกไฮโซรู้มากไปโดนสวนกลับมาเยอะ..ฉันรักษาที่สมิตเวช..หรือบำรุงราฎร์ จะโดนสวนว่า..แล้วคุณมาหาผมทำไม... เครื่องเพชรเยอะ..คุณมานวดจะใส่มาอวดใคร...นุ่งขาวห่มขาว..จะมาถือศีลที่บ้านผมเรอะ..เวอร์ วันหลังจะมานวดหัดอาบนํ้นสระผมมาบ้างตัวเหม็นจัง..ทุกวันนี้จิระเดชเดินสายพูดเรื่องด้านวิชาการนวดไทยช่นสภากาชาด..หรือผ.อแผนกนวด..เอเชี่ยนเกมส์และอีกมากมาย แค่วิชานวดของจิระเดช เขามีฐานะแบบสบายๆเอามากๆแม้กระทั้งอาศัยอยู่ในประเทศไทย จากคุณ : บอกไปก็งั้นแหละ - [ 2 มิ.ย. 51 11:27:23 A:58.136.52.20 X: TicketID:152058 ]

ความคิดเห็นที่ 11 คุณ คห. 10 "บอกไปก็งั้นแหละ" คุณจิระเดชเค้าเปิดสอนนวดหรือให้การบริการการรักษาคะ ดิฉันสนใจไปหาความรู้เพิ่มเติมจากเค้า จากคุณ : นุชนันท์ - [ 2 มิ.ย. 51 21:57:41 A:75.134.153.234 X: TicketID:176891 ]

ความคิดเห็นที่ 12 จิระเดชรับนวดครับ แต่การนวดของเขาไม่มีเวลามานวดคุณทั้งตัว ร้านเขานะคนไข้ประเภทหามเขามาเจ็บตรงไหนเดี้ยงตรงไหนแก้ที่ตรงนั่น การจะไปฝึก..ขอโทษครับที่กล้าบอกไปวันครูวันพฤหัสบดี..ถือดอกไม้ธูปเทียนไปขอไหว้ครู ขอวิชาคือถ้าเราว่างเมื่อไรขอมาเรียนขอมาเป็นลูกมือ..เจอลูกนี้เข้ารับรองใจแกต้องอ่อน คุณจิระเดชมีผลงานระดับเคสสตาท์ดี้อยู่..คือเดี้ยงจนปากเบี้ยวไปแล้วเริ่มหาย ไปขอดูผลงานกันเองได้ครับ.. ผมเอาเรื่องเขามาลงยังกลัวเขามาด่าเอา จากคุณ : บอกไปก้อย่างนั้นแหละ - [ 3 มิ.ย. 51 22:11:57 A:58.136.53.166 X: TicketID:152058 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบคุณค่ะคุณ "บอกไปก้อย่างนั้นแหละ" จริงๆ แล้วบอกไป ไม่ใช่อย่างนั้นแหละ หรือก็งั้นแหละนะ เพราะเป็นข้อมูลที่มีประโยชน์มากเลย อย่างน้อยก็สำหรับดิฉันคนนึงแหละ ดิฉันได้ยินชื่อของหมอชิด เดชพันธ์ บุตรชายคนเล็กของหมอินเทวดา สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ จากหนังสือนวดของกรมการแพทย์แผนไทย พอได้ยินจากคุณอีกก็ดีใจว่าไม่น่าเชื่อว่าเราเข้าใกล้หมอ(ลูกศิษย์หมอ)ระดับปรามาจารย์แล้ว ท่าทางคุณจะอยู่ในวงการนวดและมีความรู้เกี่ยวกับนวดไทยเยอะ อยากรู้จักคุณค่ะ ไม่ทราบบอกได้ไม๊คะว่าตอนนี้ทำงานอยู่ที่ไหน ถ้าไม่สะดวกไม่ต้องบอกก็ได้ค่ะ เพราะเข้าใจว่ากำลังใช้พื้นที่สาธารณะอยู่ ดิฉันตั้งใจจะไปเรียนหลักสูตร 150 ชั่วโมง ที่กรมการแพทย์ประมาณเดือนกรกฏา หรือ สิงหา แล้วแต่เค้าเปิดสอน จากนั้นจะเรียนตัวต่อตัวกับอาจารย์ท่านนึงที่สอนที่โรงเรียนนี้ ที่จริงอยากเรียนกับกลุ่มนักเรียนคนอื่นเพราะจะได้ฝึกกับคนหลายคนแต่โรงเรียนนี้เค้ามีตารางสอนไม่แน่นอนเพราะต้องรอจนได้จำนวนนักเรียนที่ต้องการ นี่ก็โทรติดต่อมาเป็นเดือนแล้วยังไม่รู้วันเรียนเลยค่ะ แล้วเราก็ไม่สามารถรอได้เพราะอยู่ไกล ก็เลยต้องเรียนตัวต่อตัว พอรู้จากคุณว่ามีหมอจิระเดชอยู่ในกรุงเทพฯ ด้วยยิ่งดีใจใหญ่เลยเพราะจะได้ไปขอรับความรู้ทางอ้อมๆ จากท่านบ้าง ถ้ามีอาจารย์ท่านอืนหรือนวดที่ไหนดีๆ อีกกรุณาแนะนำด้วยนะคะ จะคอยเข้ามาดูที่กระทู้นี้ ขอบคุณมากๆ ค่ะ จากคุณ : นุชนันท์ - [ 5 มิ.ย. 51 03:55:06 A:75.134.153.234 X: TicketID:176891 ]

ความคิดเห็นที่ 14 คนเก่งที่นวดมีอยู่2คนเป็นผู้หญิงทั้งคู่เป็นหมอนวดประจําตัวผม สมัยก่อนนะผมดูถูกวิชาไม่เคยคิดจะเรียนครับ..เนื่องจากผมเป็นคนที่พอจะมีฐานะ แล้วติดนวด..เคยทำลายสติถิโดนการนวดวันจะ3ช.มติดต่อกันเป็นเวลา6เดือนโดยไม่มีวันหยุด.. ราว18-19ปีก่อน สมัยนั้นวันโพธิ์ยังไม่สะอาดไม่มีห้องแอร์ การนวดแบบร้านเล็กยังไม่มี ใครจะนวดต้องไปถนอมใจอารีย์แถวดิโอสยามหรือโรงนวดแบบโบราณแถวปิ่นเกล้า ทีมีหมอนั่งตู้กระจก ที่ผมไปนวดทุกวันผมไม่เคยไปติดเด็กหรือไปจีบหมอนวดนะครับ ผมเดินเข้าไปในโรงนวดทั้งคนรับแขกและพนักงานจะรู้จักผมเข้ามาไหว้และต้อนรับผมอย่างดี จนเพื่อนๆแซวบอกว่า..ท่านอาจารย์ใหญ่มาตรวจโรงเรียน(มาตรวจเด็กนะ)ค่านวดผมสมัยนั้น คงซื้อทาวน์เฮาส์ได้เป็นหลังๆไปแล้วส่วนพวกนังหมอนวดสาวๆจ้องผมตาเป็นมัน.. แถมพูดว่ามีแต่แขกอยากจะฟันหมอ..แต่รายนี้หมออยากจะฟันกับแขกอย่างผมแต่แขกไม่เล่นด้วย ตอนที่ไปใหม่ๆผมจะบอกความจํานงว่า ผมนวดหนักต้องการแบบระดับครูฝึกหรืออาจารย์มานวด เข้าจัดให้โดนเอาหญิงสูงอายุให้..แต่ฝีมือนวดไม่เอาไหนจนกระทั้งผมปากเสียชอบประชดคนเชียร์แขก..ว่าพวกแก่ๆนี่ไม่ใช่จะเก่งเสมอไปแลเห็นว่าแก่ๆนึกว่าจะมีประสบการณ์หลายๆปี นึกว่าเป็นอาจารย์แต่ที่ไหนได้สงสัยสามีทิ้งตอนแก่.. เลยต้องมาหาอาชีพเลี้ยงตัวเองทำสงสัยเพิ่งเรียนนวดมาไม่กี่วันเอง คนที่นวดบ่อยๆแค่หมอนวดวางนํ้าหนักมือบนตัวขณะที่เริ่มนวดนะ นํ้าหนักมือจังหวะมันจะฟ้อง ระดับฝีมือได้ในทันที่..ต่อมาผมเจอหญิง2คนที่ผมกล่าวถึงคนหนึ่งไล่เส้นตามน่องเป็นคนธรรมดาต้องร้องจ๊ากไปแล้ว เดินไล่เส้นละเอียดเอามามาก คนนี้ได้ข่าวไปเป็นครูแถวมหาชัย ส่วนคนที่2เก่งคนละแบบกับคนแรก..ผมเกิดมายังไม่เคยใครโกยลมท้องแบบที่เธอโกยได้ คือพอโกยไม่กี่ที่ เธอจะบอกไม่ต้องอายนะพี่..คําว่าโกยลม..เขาเลยต้องผายลมแล้วไม่ใช่การ ผายลม1-2ครั้ง ขอโทษนะครับมันออกมา30-40ครั้งดังปุ้งๆๆไม่ต่างกับวีดีโอเกมส์ที่เด็กเล่นเลย ผมสนิทกับทั้ง2มาก จนถึงระดับเรียกมานวดที่บ้านโดยนวดคุณพ่อคุณแม่และภรรยาผมด้วย ต่อมาเนื่องจากนิสัยเธอเป็นคนดีมากๆมีภาระที่ต้องเลี้ยงดูบุตรเนื่องจากสามีรับราชการทหาร และเสียชีวิตในสมรภูมิ ผมจึงออกความคิดเห็นว่า..เมืองไทยเรานะมีโรงแรมที่ติดอันดับโลกอยู่ แขกที่มาพักก็ระดับทั้งนั้น ทำไมไม่ไปสมัครดู แค่เงินเดือนยังกระจอก เจอแขกต่างประเทศระดับ ไฮโซค่ายค่าทิปทีก็น่าจะสลบได้นะ..ไปนวดเมืองนอกไปทำไม แขกระดับโลกมาพักโรงแรมระดับ โลกในเมืองไทยนะ..หมูนั่งเครื่องบินมาให้กินถึงที่แล้วไม่ต้องถ่อสังขารไปเร่ร่อนถึงต่างประเทศ เธอก็บอกว่าภาษาอังกฤษเธอไม่แข็งแรง..ผมก็ตอบว่าแขกระดับนั้นเขามานอนสบายให้นวดนะ คุณไม่มีสิทธิชวนแขกคุยด้วยถ้าแขกไม่ถาม..และถ้าจะสมัครงานขอพบหัวหน้าแผนก แล้วขอทดสอบฝีมือโดยการนวดหัวหน้าแผนกท่านนั้นแทนคำที่เขียนในใบสมัคร ฝีมือคุณจะเป็นการตัดสินแทน..เธอเชื่อผมปรากฎว่าเธอได้งานหลังจากนั้น6เดือนผมได้ข่าวว่า เธอซื้อบ้านแทนที่จะเช่าแฟล๊ตอยู่...คุณนะเรียนพื้นฐานให้ได้เสียก่อนแล้วค่อยหาคนระดับครู มาต่อวิชาจะได้ไม่ข้ามขั้นตอน..อย่างจิระเดชสมัยที่ฝึกเรียนโยคะควบ ทำท่าสมาธิเพชร ใช้นิ้วมือทั้ง2ข้างยกตัวลอยขึ้นไปฝึกความแข็งให้นิ้วมือ ต้องไปเรียนโครงสร้างมนุษย์ที่ศิริราช เรียนจากศพอาจารย์ใหญ่..ถ้าคุณเรียนวิชาของจิระเดชได้..ชาตินี้ทั้งชาติคุณกินไม่หมดแล้วครับ จากคุณ : บอกไปก็อย่างนั้นแหละ - [ 6 มิ.ย. 51 16:22:18 A:58.136.53.184 X: TicketID:152058 ]

ความคิดเห็นที่ 15 จากแก้ม หรือ นุชนันท์นั่นแหละค่ะ เพิ่งโดนจับได้ว่าเป็นคนเดียวกัน! ถึงคุณ "บอกไปก็อย่างนั้นแหละ" ชอบอ่านเรื่องที่คุณเขียน ดิฉันเรียนที่วัดโพธิ์ปี 2544 ปัจจุบันทำธุรกิจนวดอยู่กับบ้านเพราะไม่อยากเสียค่าเช่าร้าน ไม่อยากทำใหญ่โต เพราะเราเดินทางบ่อย สัปดาห์หน้านี่ก็ไม่อยู่อีกแล้ว ที่นี่รับลูกค้าโดยการนัด ธุรกิจนวดที่นี่ส่วนใหญ่ก็ทำที่บ้านเป็น part time เวลาที่เหลือเค้าก็ไปรับ job เป็นลูกจ้างธุรกิจอื่นๆ บางคนก็ทำกับ chiropractors บางคนก็ทำที่โรงพยาบาล บ้างก็เป็นลูกจ้างที่สปา ที่เหลือก็ทำเองเลย แต่สปาเมืองที่ดิฉันอยู่ไม่มีค่ะ ถึงมีก็ไม่รู้ว่าจะมีใครมาใช้เพราะคนแถวนี้ใช้เงินกันอย่างระมัดระวัง แต่ถ้าเป็นเรื่องพัฒนาสุขภาพจ่ายได้สบาย ทำมาได้ 5 ปีกว่าแล้วค่ะ เมื่อตอนอยู่ไทยทำงานรับประกันการเดินทางระหว่างประเทศกับบริษัทต่างชาติแห่งหนึ่งในตึกธนิยะ สีลม ทำได้ 7 ปี แล้วก็มาแต่งกับสามีที่นี่ รัฐมินเนโซต้า อเมริกา ก่อนมาก็คิดว่าไม่อยากเป็นลูกจ้างอีกแล้วเพราะเหนื่อยและเครียดเหลือเกิน ก็เลยไปเรียนจัดดอกไม้ ทำขนมเบเกอร์รี่ แล้วก็นวด เป็นคนมือหนักเลยได้ดีอยู่กันนวดอย่างเดียว ตั้งแต่ทำธุรกิจมา นวดคนเป็นร้อยเป็นพัน ยังไม่เคยปวดหัวเพราะลูกค้าหรือเบื่อนวดให้คนอื่นหรือมีเรื่องให้ต้องไม่สบายใจเลย มีแต่ตอนทำภาษีแค่นั้นเองซึ่งสามีเป็นคนช่วยก็เลยแบ่งความปวดหัวไปเท่าๆ กัน ลูกค้าส่วนใหญ่ที่นี่มาด้วยอาการต่างๆ กัน ซึ่งเราก็ช่วยเหลือเค้าไปตามประสบการณ์และด้วยความรู้ที่เรียนรู้มา แต่ทีนี้อยากเรียนเพิ่มเพราะนวดรักษาเป็นที่ต้องการสำหรับลูกค้าทางนี้มาก ก็เลยจะกลับไปเรียนเพิ่มที่ไทย ปีหน้าก็ว่าจะไปลงเรียนนวดตามโรงเรียนที่เค้าสอนทางนี้อีกเหมือนกัน ไม่ได้สนใจนวดแบบฝรั่งเท่าไหร่ แต่อยากเรียนเรื่องร่างกายมนุษย์ที่เค้าบรรจุไว้ในหลักสูตรเรียนหนึ่งปี ถ้าโรงเรียนวดที่ไทยทำได้อย่างนี้จะช่วยนักเรียนได้มากเลย อ้อ..จริงๆ แล้วมีหนึ่งโรงเรียนที่เชียงใหม่ ชื่อ Thai massage school of Chiangmai. แต่ค่าเรียนโหดมากๆ เป็นแสนค่ะ สองสามปีก่อนได้รู้จักกับคุณพ่อของนักศึกษาคนนึงเป็นนักธุรกิจอยู่แถวสุขุมวิท สามีดิฉันเป็นทีปรึกษานักเรียนนานาชาติของมหาลัยเอกชนแห่งหนึ่งที่นี่ค่ะก็เลยได้รู้จักกัน คุณพ่อของนักศึกษาคนนี้เค้าเลี้ยงขอบคุณสามีกับดิฉันด้วยการเชิญหมอนวดระดับครูมานวดให้ที่บ้านเค้า นวดไปกันคนละสามชั่วโมงเหมือนคุณเลยค่ะแต่เสียดายมีโอกาสแค่ครั้งเดียว ทั้งสามีและดิฉ้นหลับสบายตลอดสามชั่วโมงเลย ฝีมือเค้าดีมากๆ รู้สึกโล่งตัวเป็นสัปดาห์เลยค่ะ หมอทั้งสองเป็นสามีภรรยากัน สามีเคยทำอยู่ที่ Health Center ถนนสาทรด้วย แต่ปัจจุบันไม่รู้ทำอยู่ที่ไหน ภรรยาสอนอยู่ที่กรมการแพทย์ซึ่งก็เป็นคนเดียวกับที่ดิฉันจะไปขอรับการสอนตัวต่อตัวนี่แหละค่ะ ประสบการณ์เค้าถ้าจำไม่ผิดก็เกือบยี่สิบปีได้แล้วมั้ง ทั้งคู่นวดหนักมาก คุณพ่อของนักศึกษาคนนี้เค้าเป็นคนชอบหนักๆ เหมือนกัน ครั้งนึงเค้ามาที่นี่ ดิฉันก็นวดให้เค้าแต่ดูเหมือนจะเป็นแบบมดไต่สำหรับเค้า! เพราะว่าเค้านวดหนักก็เลยนีกถึงคุณว่าคุณก็ชอบหนักเหมือนกัน ถ้าสนใจบอกได้นะคะ บอกก่อน 20 กรกฏาคม เพราะดิฉันกลับไทยหลังจากนั้น กลับสามเดือนกว่า ว่างๆ เข้าไปแสดงความเห็นที่กระทู้ดิฉันได้นะคะ กำลังหาข้อมูล (ส่วนหนึ่ง) สำหรับงานเขียนตำรานวดไทยของดิฉัน ไม่มั่นใจว่าจะเสร็จเมื่อไหร่เหมือนกัน ต้องมีการสัมภาษณ์อื่นๆ อีกเยอะแยะ http://www.pantip.com/cafe/klaibann/topic/H6675694/H6675694.html ยินดีที่ได้รู้จักคุณค่ะ แล้วดิฉันจะแวะไปหาหมอจิระเดชค่ะ จากคุณ : แก้ม / นุชนันท์ - [ 7 มิ.ย. 51 07:23:49 A:75.134.153.234 X: TicketID:176891 ]

ความคิดเห็นที่ 16 คุณนุชนันท์ และคุณบอกไปก้อย่างนั้นแหละ ที่นับถือ ขอโทษนะคะ สิ่งที่ดิฉันกำลังจะบอก มันไม่สำคัญอะไรหรอกนะค้ะ แต่ดิฉันเพียงอยากจะขอแสดงความขอบคุณในใจก็ยังดีค่ะ วันที่ดิฉันพร้อมทั้งเวลาและกำลังทุน และกำลังเดินทางขึ้นกรุงเทพเพื่อที่จะไปวัดโพธิ์ ทางบ้านแจ้งว่าประสบกับปัญหาค่อนข้างจะยุ่งยากใจที่ดิฉันต้องอาสา ดิฉันจึงต้องกลับลงมา และคลาดจากความตั้งใจแรกที่เตรียมจัดสรรเวลาไว้้ค่ะ ด้วยความรู้สึกที่เศร้าๆหน่อยกับอะไรหลายๆอย่าง ดิฉันกลับพบว่าจิตใจพร้อมและยินดีที่จะเผชิญกับสิ่งใหม่ๆ ..อื่นๆ อย่างที่คุณนุชนันท์และคุณบอกไปก้อย่างนั้นแหละ แนะไว้ค่ะ แม้ว่าจะนอกระบบ ศึกษาจากหนังสือ ทำให้ความเข้าใจขับเคลื่อนไปอย่างน้อยก็ได้สัมผัสกับความหลากหลายของการบำบัด การปรับสมดุลของชีวิตในช่วงเวลาหนึ่งนี้ค่ะ ดิฉันรู้สึกขอบคุณที่ได้อ่านข้อมูลและความคิดเห็นของคุณนุชนันท์ และคุณบอกไปก้อย่างนั้นแหละ เสมอนะค้ะ มีเว็บที่น่าสนใจเกี่ยวกับกลไกของการบำบัดที่ดิฉันเชื่อว่า อ่าน-วิเคราะห์-ทดลอง-สังเกต อาจจะพบว่า น่าสนใจทีเดียวค่ะ www.drbass.com www.drbass.com/sequential.com และคีเฟอร์กับสุขภาพก็ให้ข้อคิดที่ดีเกี่ยวกับ symbiotic relationship of life http://users.chariot.net.au/~dna/kefirpage.html ขอบพระคุณ คุณนุชนันท์ และคุณบอกไปก้อย่างนั้นแหละ นะค้ะ ปาระมิตา จากคุณ : ปาระมิตา - [ 7 มิ.ย. 51 20:49:25 A:124.157.220.119 X: TicketID:177869 ]

ความคิดเห็นที่ 17 วันนี้ผมขอเล่าเรื่องแบบรวมอย่างละนิดอย่างละหน่อย สำนักทางเชียงใหม่นะเริ่มมาจากฝรั่งนักท่องเที่ยวแบบสะพายเป้มาเรียนนานแล้ว แล้วเอาวิชากลับไปหากินที่ต่างประเทศทั้งนวดทั้งสอน.. ต่อมาดังเนื่องจากมีการเขียนการลงบทความบ่อยๆ ข้อมูลจากนิตยสารนวด..พิมพ์แถวรัฐโอเรกอน หนังสือพวกนี้จะวางขายตามร้านที่ขายสินค้า พวกอาหารชีวจิตหรืออาหารเพื่อสุขภาพในอเมริกา ต่อมาการพัฒนาในเชิงธุระกิจการทำตลาดหนักขึ้นถึงขั้นมีการเดินสายสัมนาและสอนการนวด แบบตระเวณเดินสายไปสอนหลายรัฐหลักโดยนําครูที่เป็นผู้หญิงชื่ออ.เล็กจากเชียงใหม่ไปเดินสาย ตระเวณสอนตามเมืองใหญ่ เขาจะโฆษณาและให้ลงทะเบีบยล่วงหน้า เพื่อให้ทราบจํานวน ของนักเรียน ถ้าครบจํานวนที่ต้องการเขาก็จะเปิดหลักสูตรให้ ผมเห็นมากับตาตัวเองในงานเปิดบ้านของมหาลัยมิชิแกน เมืองแอนอาเบอร์เมื่อ6ปีก่อน ที่ตึกหน้าตึกกายภาพ มีป้ายบอกนวดแผนไทยการนําการนวดแผนไทยมานวดให้คนที่สนใจ โดยเจ้าหน้าที่การแพทย์ฝรั่งเป็นคนนวด เพื่อนของเพื่อนผมคนหนึ่ง อาศัยอยู่ที่เมืองลอสแอลเจลิส เคยทำร้านอาหารเบื่อแม่ครัว เบื่อเด็กเสริฟ เบื่อเจ้าหน้าฝ่ายควบคุมของสาธารณสุขที่มาตรวจร้านผิด็โดนปิดชั่วคราว เบื่อที่จะมาทะเลาะกับพี่น้องตัวเองที่เป็นหุ้นส่วน เลยบินกลับมาเมืองไทยมาเรียนการนวด โดยมีลูกค้าตามสถานรับเลี้ยงคนชราและลูกค้าทั่วไป เขาไม่มีร้านใช้โทรศัพย์มือถือ โดยวิ่งบริการแขกตามบ้าน ผมได้ข่าวครั้งสุดท้ายเมื่อ21ปีก่อนว่าเขารับงานชั่วโมงละ60เหรียญ สมัยที่ผมไปเรียนเป็นช่วงฟองสบู่แตกปี40 ผมคิดว่าจะไปเปิดร้านนวดที่ต่างประเทศ ผมมีทุนที่จะเปิดร้านอาหารได้ แต่ชั่วโมงทำงานยาวเหนื่อยแล้ววันๆไม่ต้องไปไหนเหมือนเอาเวลา ที่เหลือในชีวิตไปทิ้ง..ช่วงนั้นเงินบาท40กว่าเกือบ50ขืนทำธุระกิจโดยเอาเงินจากประเทศไทย จํานวนสูงๆไปทำกว่าจะคืนทุนคงนาน.. ร้านนวดตกแต่งสวยงามไม่ต้องใช้ห้องครัวมาตรฐานที่มีราคาสูง การลงทุนจึงถือว่าไม่มาก คิดไปคิดมาต้องเลิกโครงการ เนื่องจากหมอนวดนั่นหายากเราไม่มีสิทธิจะเอาคนที่มีฝีมือ จากเมืองไทยไปได้..ไปสอนคนที่นั้นเป็นแล้วก็ออกไปแข่งกับเรา..เราลงทุนเขาไม่ได้ลงทุน เจอคนไม่ดีแอบขายบริการทางเพศแล้วโดนจับได้ เราโดนปิดร้านเราขาดทุนแต่เพียงผู้เดียว เขาเอานิสัยไม่ดีจากเมืองไทยไปใช้ เราก็ไม่เห็น เช่นชอบแค๊ะขี้มูก เรื่องแค๊ะนี่ผมเห็นทุกๆวัน ขนาดหน้าตาดีๆแต่งตัวดีๆยืนแค๊ะหน้าป้ายรถเมล์ เดินบนถนนก็แค๊ะสกปรก ไม่ชอบล้างมือเราก็พังแบบไม่รู้ตัว มีพี่ๆเล่าให้ฟังว่าในรัฐที่คนไทยอยู่เยอะๆ เดี๋ยวนี้วงการร้านอาหารไทยปั่นป่วน ขาดแรงงาน เนื่องจากคนในวงการเช่นหนีไปเป็นหมอนวดกันหมด..แล้วพวกไก่แก่แม่ปลาช่อนที่อยาก ได้เงินเเร็ว..ก็ไปทำไซด์ลายย์ พวก แฮนด์ จ๊อบบางรายเดินออกมาจากห้องนวดอมยาบ้วน ปากประเภทลสเตอร์ลีน.เขาใช้มือนวดแต่เธอล้างปากนะ.คงไม่ต้องเดาว่าจุดเสื่อมสลายทางทางชื่อเสียงของวิชานวดแผนไทยคงจะถึงจุดจบในเวลาไม่นาน.. คงจะเหลือแต่คนมีฝีมือประเภทศิลปินเดี่ยวที่มีแขกประจํา และได้ลูกค้าดีๆที่บอกต่อกันแบบปากต่อปาก เดียวนี้มีโรงเรียนสอนนวดที่แอลเปิด สอนเพื่อเอาใบอนุญาตนวดของอเมริกาหลักสูตร 500-600ช.ม มีทั้งของฝรั่งและของคนไทย ของคนไทยได้ข่าวมาว่าเสียเงินไม่ต้องไปเรียนก็ได้แล้วครับ ส่วนที่เมืองไทยร้านนวดเล็กๆตามหมู่บ้านจัดสรรหรือเป็นตึกแถวเล็กๆยังนวดจริงอยู่ นอกนั้นก็การเป็นสถาณบริการทางเพศไปแล้วทั้งนั้น จากคุณ : บอกไปก็อย่างนั้นแหละ - [ 8 มิ.ย. 51 09:15:38 A:58.136.52.18 X: TicketID:152058 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ลืมไปมีผู้หญิงคนหนึ่งชื่อพี่อึ่งระดับอาจารย์อยู่ชั้นล่างของคอนโด หน้าสำนักงานที่ดินหนองแขม ธนบุรี.แต่ร้านนี้ปิดไปแล้ว เขามีอีกร้านหนึ่งอยู่ใกล้กัน ต้องไปถามเจ้าของคอนโดจึงจะทราบเพราะที่ร้านนวดทั้ง2แห่งนั้น ทางเจ้าของคอนโดเปิดให้ เนื่องจากเขาเคยเดี๊ยงเป็นอัมพฤษต์ แล้วพี่อึ๋งนวดหาย จึงเป็นรายการสมนาคุณกัน ผมเอารถไปเข้าศูนย์บริการทางศูฯญ์บอกว่า3ช.มได้รถ จะกลับบ้านก็ไกล ไปกลับค่าแท๊กซี่คงไม่หนี600กว่าบาท ผมจึงเรียกมอเตอร์ไซด์รับจ้างแล้วถามว่ามีร้านนวดแถวนี้หรือไม่ มอเตอร์ไซด์รับจ้างจึงพาไปส่งร้านที่กล่าวถึง.. ผมไปบอกว่านวดหนักกลายเป็นต้องเปลี่ยนเป็นนวดเบาแทน..เจ็บแทบตายขนาดเราก็เซียนแล้ว มีระดับอาจารย์อีกคนเป็นชายชื่อคุณเทียนและลูกศิษย์ฝึกงานอีกคน สำนักนี้นวดหนักทุกคน สืบสายวิชามาจากหมอนคร ท่าพระจันทร์ เล่นของด้วยวันไหนไม่ได้นวดใครจะครั่นเนื้อครั่นตัว เหมือนกับไม่สบายถ้าได้นวดใครตัวจะโล่งนวดยังไงกำลังไม่มีตก ใครผังผืดหนาจะรู้ทันที คนที่มานวดมาจากที่ไกลพวกเสี่ยเจ้าของโรงงานก็มาก พวกชาวบ้านที่เป็นอัมพฤษต์มีทุกระดับ ตั้งแต่เดินขเยกมากับต้องหามมา..เท่าที่เห็นใช้เวลาไม่นาน มีคุณลุงคนหนึ่งมาตายคามือหมอนวดก็มี คือหมอบุญของเหลวออกทวารทั้ง9 โดยลูกๆแบกมาให้นวด..ที่เล่าให้ฟังเพียงแต่จะสื่อถึงความดีของคน.. ที่ไม่รังเกียจสภาพเพื่อนมนุษย์ด้วยกันครับ จากคุณ : บอกไปก็อย่างนั้นแหละ - [ 8 มิ.ย. 51 09:57:07 A:58.136.52.18 X: TicketID:152058 ]