ความคิดเห็นที่ 1 คงไม่ใช่เหตุผลที่เราถือวีซ่าชั่วคราวอยู่หรอกค่ะ หางานไปเรื่อยๆ เมื่อถึงจังหวะ ก็คงได้งาน ตอนที่ดิฉันถือวีซ่าชั่วคราวอยู่นั่น หางานทุกวัน ทั้งหนังสือพิมพ์ เวปไซด์ต่างๆ ได้ไปสัมภาษณ์ แต่ก็ไม่ได้งาน เพราะอะไรนั้นก็ไม่ทราบเขาไม่ได้บอกเหตุผล จนท้อไปพักหนึ่ง ช่วงนั้นก็มีลงทะเบียนเรียนอะไรไปพลางๆ จนประมาณปีกว่าๆ ตัดสินใจทำงานในร้านอาหารไทย แต่ก็ไม่ชอบ ทำได้อยู่เดือนสองเดือนก็ลาออก แล้วก็ลงทะเบียนเรียนเพิ่มอีก จนเห็นใบรับสมัครงานที่เขาติดประกาศในวิทยาลัย ก็เลยสมัครจนเขาเรียกตัว งานอะไรเราก็ไม่เกี่ยง ขอให้ได้งาน สุดท้ายได้งาน แต่งานก็ไม่ได้เป็นอะไรที่เราร่ำเรียนมา งานออกจะแนวกึ่งโรงงานกึ่งออฟฟิศ แต่ก็ดีใจที่ได้งานนี้เป็นงานแรก ช่วงแรกก็ทำพาร์ทไทม์ก่อน หลังจากนั่นก็เป็นพนักงานชั่วคราว สุดท้ายเขาก็รับเราเป็นประจำ จริงๆ แล้ว งาน picker packer ก็อย่างที่เพื่อนคุณบอก บอกเขาไปเถอะค่ะว่าคุณมีประสบการณ์ เพราะเขาไม่มานั่งเช็คคุณหรอกว่าคุณเคยทำงานที่ไหนในประเทศไทยมาก่อน แต่เวลาคุณบอกเขาก็ต้องให้แนบเนียนหน่อยว่าคุณทำยังไง แพ็คของไม่ยากหรอกค่ะ ทุกคนก็ทำได้ สุดท้าย ถ้าเราสื่อสารกับเขารู้เรื่องไม่จำเป็นต้องพูดภาษาอังกฤษเพอร์เฟ็ค เขาก็อาจพิจารณาคุณเข้าทำงานค่ะ ขอเป็นกำลังใจให้คุณเจ้าของกระทู้ได้งานไวๆ นะคะ จากคุณ : ชงโค (chongkolee) - [ 2 มิ.ย. 51 16:46:17 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เรื่อง วีซ่า คิดว่าไม่เกี่ยวนะคะ เพราะ Temp ก้อทำงาน Full timeได้ รอผู้รู้เรื่อง วีซ่าจริงๆๆมาตอบดีกว่า เรื่องหางาน อันนี้เป็นประสบการณ์ส่วนตัวนะคะ จะให้ความสำคัญกับ cv ค่อนข้างมาก เพราะเป็นด่านแรกทีบริษัทจะรู้จักเรา แต่ไม่ได้บอกให้ทำ cv แบบสวยหรูนะคะ แต่ต้องให้รายละเอียด และใส่ใจ เวลาส่ง cv จะอ่าน job descriptions หลายๆๆรอบ แล้วเข้าไป ดูว่าบริษัทเค้าทำอะไร แล้วต้องคิดว่าเรามีประสบการณ์ อะไรที่ตรงตามที่เค้าต้องการบ้าง หรือ บางทีไม่ตรง แต่ประสบการณ์ของคุณเอื้อประโยชน์กับบริษัท ทุกๆ cv ที่ส่งออกไปต้องแน่ใจว่า ทำความเข้าใจกับ ตำแหน่งที่เค้าประกาศไว้ สรุปง่ายๆๆนะคะ ถ้าทำ cv มาหนึ่งอัน แล้วส่ง ไปพันบริษัท อาจมีบริษัทสนใจซัก สองหรือ สาม แต่ถ้าใส่ใจกับรายละเอียด ของแต่ละบริษัท แต่ละตำแหน่ง ส่งไป ห้าสิบบริษัท ยังไงก้อกลับมาซัก ยี่สิบห้าบริษัท ตัวเองมาออสอาทิตย์แรก นั่งทำ cv ทั้งอาทิตย์ แล้วก้อส่ง ไปซัก 25 ค่ะ อาทิตย์ที่สอง เรียกสัมภาษณ์ทั้งอาทิตย์เลยค่ะ ประมาณ 10กว่าแห่ง บางวัน สามที่ พอ cv ผ่าน ก้อมาลุยเรื่องสัมภาษณ์ต่อค่ะ สรุป อาทิตย์ทีสามก้อเริ่มทำงานค่ะ ( คิดว่า ดวงด้วยมั๊งค่ะ อิอิอิอิอิ ) ยังไงลองดูนะคะ มีไร ก้อโพสมาที่นี่แหละ เพื่อนๆๆ จะได้ช่วยกันเม้นท์ จากคุณ : annana - [ 2 มิ.ย. 51 17:29:26 ]

ความคิดเห็นที่ 3 W&H เหรอครับ เป็นเพราะว่า ระยะเวลามันสั้นด้วย? ลองพึ่ง centrelink? จากคุณ : g9h - [ 2 มิ.ย. 51 19:50:59 ]

ความคิดเห็นที่ 4 กำลังจะไปเรียนภาษา (อังกฤษพอมีพื้นฐานบ้างครับ) ประมาณ 5 เดือน แล้วจะต่อ cert ต่อครับ ตอนนี้ทำงานมา 7 ปีแล้ว ในไทย ... ใครมีตัวอย่าง CV ดีๆ บ้างครับ จะได้รบกวนขอดูเป็นตัวอย่าง ขอบคุณมากนะครับ nuuboy@hotmail.com จากคุณ : boyd - [ 2 มิ.ย. 51 22:16:20 A:124.120.72.39 X: TicketID:168981 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ก่อนอื่น ขอบคุณทุกคนมากค่ะ ภาษาอังกฤษเราค่อนข้างใช้ได้ค่ะ แต่ว่าเคยลองสมัครงานขายของ เขาก้บอกว่ายังไม่เชี๊ยะ ..อื่ม ก็เข้าใจเขาค่ะว่าจ้างคนทั้งทีเขาก้คงไม่อยากจะได้คนพูดได้แบบกะเหรี่ยง ประสบการณ์เมืองไทย ... บอกเขาไปแล้ว ... เขาบอกว่าประสบการณ์ต่างแดน .. ไม่รับจ๊ะ แป๊วววววว centrelink ก็สมัครไว้แล้ว แต่ไม่ยักกะจะช่วยอะไรมาก แต่เดี๋ยววันนี้จะออกไป ames ดูค่ะ ตอนนี้ก็หาไปเรื่อยๆ เดี๋ยวไปอาบน้ำแล้วจะออกไปหางานดีกว่า ... วันนี้โดดเรียนค่ะ เพราะอากาศหนาวตื่นไม่ไหวววววววว ขอบคุณทุกคนอีกครั้งนะค่ะ จากคุณ : mieba - [ 3 มิ.ย. 51 08:01:26 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ตัวอย่าง CV ของคนที่มีประสบการณ์ทำงานนะคะ ไม่รู้จะเรียกว่า "ดี ๆ " ได้หรือเปล่า แต่หัวหน้าเราก็ใช้อันนี้แหละ เป็นตัวอย่างให้กับเพื่อน ๆ เพื่อนที่ออฟฟิศ จะต้องส่ง CV ให้ลูกค้าดู เวลาที่จะไปทำงานให้เขา (บางที ลูกค้าจะขอ) ************************************************************ Consultant Profile <Full Name>, MS Position: Solution Integration Background <Name> graduated Master’s Degree in Telecommunication Management from <Univerisity> in <Year>, Bachelor‘s Degree in Telecommunication Engineering from <University> in <Year>. Since the <Date/Year>  , she was a system support engineer in <Product>  , the billing system from France Telecom, and also Data communication Engineer, DPN from Nortel and AS200 from JNA, in <Company>,  one of the telephone  operator in Thailand. Her responsibilities focus on Data communication (main in X.25 Network)  and Billing & Customer Care . Besides she had practical experience in data communication, AIX and SUN Unix. Experience Since <Year>, she had responsibilities to operate, maintain and support the Billing & Customer Care and Data communication system including installation and maintain Data communication Network Equipment. As a member of <Current company> in <Year>, she had acted as system support engineer and had responsibility to install and support whole customers for Line test system (SLMS 2.3), Charge and Duration Advise System (CDAS1.1). In <year> she acted as system integration and had also responsibility to install and support whole customers for Billing and Mediation Platform (BMP3.1), Billing and Customer Care (Progressor 4.0), Settlement system (SETTLER) and Transport Network system (SDH). She acted as TMS support specialist and had responsibility to install and implement the whole customers of (Company) SDH NMS (ETNA-NEM and ETNA-IMA).   In <year>, she had responsibilities to operate, maintain, install and commissioning OSS in SEA region as the first OSS Certify engineer in MU SEA. Technology Knowledge • Concept in Billing and Customer Care System. • Concept in Billing and Mediation Platform. • Concept in Transport network • Concept in Data communication • Concept in Line test system • Concept in GSM, GPRS and UTRAN network • HP and SUN UNIX Administrator • Database Administrator ( Oracle , Sybase, Sybase Replication, ingres ) • Business Objects • Network security • Veritas System Administrator and Veritas Cluster • High Availability Solution • WAN Stand-by .................... .................... Future Assignments/Interests • Increased Pre-Sales exposure • Increased Solution Management exposure .............. .............. Major assignments 2008 (GSDC/ Solution Integration) • OSS RC5.2/5.3 Service Driver – to deliver service quicker and smarter • OSS RC4.1 Operation readiness for Cadcomms, Cambodia • OSS RC4.1 Security level 3 implementation (3G nodes) in Cadcomms, Cambodia • 2005-2007 (GSDC/ Solution Integration) • OSS RC2 and RC3 Upgrade for several customers in APAC region • OSS RC3 HA Servers upgraded for Telstra in Australia • Remote Upgraded supported for several customers in APAC region • Designed end-to-end solution toward OSS and 3rd party software • HA Stability Project in Bangladesh • MSC in Pool FOA in Sweden ............. ............. Further Information For further information please contact <Name> on  <Phone number>  or <Email address> ************************************************************ แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 51 18:14:13 จากคุณ : NoiseN - [ 3 มิ.ย. 51 09:51:09 ]

ความคิดเห็นที่ 7 พอดีป้าดอสทักมา เลยมาเพิ่มเติมข้อมูลให้นิดนึง  ********** ปล. ไม่ต้องสนใจเนื้อหาในแบบฟอร์มมากนักนะคะ จุดประสงค์หลักเพื่อจะชี้ให้เห็นว่า ควรใส่อะไร และข้อมูลแบบไหน เข้าไปใน CV เท่านั้น ปล. 2 ในที่นี้ เราใช้สรรพนามบุรุษที่สามแทนตัวเอง เวลาเอาไปใช้ สามารถเปลี่ยนเป็นสรรพนามบุรุษที่หนึ่งได้ค่ะ ในฐานะคนที่ทำงานคนนึง เห็นการสัมภาษณ์งานมาก็เยอะ เราไม่เห็นด้วยที่จะใส่ข้อมูลอะไรที่เป็นเท็จ (ทั้งที่เป็นเท็จแบบจริง ๆ และบิดเบือน) เพราะไม่วันใดก็วันนึง เขาก็ต้องรู้ว่าสิ่งที่คุณใส่ ไม่เป็นความจริง บางคนอาจจะบอกว่า ทำยังไงก็ได้ ขอให้ได้งาน แต่คงจะลืมไปนะคะ ว่า "การหางานทำว่ายากแล้ว การรักษางานให้อยู่กับเรา ตราบเท่าที่เราอยากจะทำ ยากยิ่งกว่า" และที่ยากที่สุดคือ การรักษาความเชื่อถือ และเชื่อมั่นของเพื่อนร่วมงานและหัวหน้าของเรา เมื่อวันที่ความจริงเปิดเผย คุณยังคิดว่าเขาจะเชื่อถือคุณอยู่หรือเปล่า ถึงแม้ว่าคุณจะไม่โดนไล่ออก แต่การอยู่โดยที่ไม่มีใครเชื่อถือ หรือเชื่อใจน่ะ มันยิ่งกว่าตกนรกทั้งเป็นอีกนะ ขอให้ทุกคนโชคดีในการหางานทำ แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 51 12:33:55 จากคุณ : NoiseN - [ 3 มิ.ย. 51 12:24:11 ]

ความคิดเห็นที่ 8 อย่างที่คุณ NoiseN บอกน่ะครับแล้วก็ไม่เกี่ยวกับวีซ่าทั้งหมดหรอกครับ และใน Resume ก็ควรจะเป็นความจริง ความพยายามอย่างเดียวอาจจะไม่พอ ต้องบวกความพยายาม มากขึ้นไปอีก กับ เก็บรายละเอียดจุดเล็กจุดน้อยเอามาแก้ไขด้วยนะครับ โดยปกติแล้วถ้าสมัครงานเนี่ย ผ่านเอเจ่นต์ หรือจะทาง เวปไซต์ก็ตาม ถ้าเค้าไม่ติดต่อมา หรือติดต่อกลับมาบอกว่า application เราไม่ผ่าน เค้าจะไม่บอกเหตุผลเรา แต่โดยหลายๆ ที่ ถ้าเราโทรไปถามเค้าให้เค้าช่วยแนะนำว่าเราไม่ผ่าน เพราะอะไร เค้าจะบอก เรามานะครับ ก็ลองโทรไปถามไล่ถามดู บางบริษัทจะไม่บอก แต่ส่วนใหญ่ เค้าจะบอก ครับ 1. ส่วนใหญ่ถ้าส่ง Resume ไปแล้ว เค้าหายเงียบไปเลยเนี่ย หมายความได้ไม่กี่อย่างหรอกครับ คือ Resume ไม่ดีพอ หรือไม่ก็ประสบการณ์ที่เรามีไม่เกี่ยวกับที่เค้าต้องการ (ถ้าเราไม่ผ่านในข้อนี้ ก็ พิจารณาได้ Resume หรือ ประสบการณ์เราอาจจะไม่ตรงตามต้องการ ถ้าเราสงสัย เรื่อง วีซ่าเรา โทรไปถาม เค้าตรงๆ เลยครับ) 2. ถ้า Resume ผ่านแล้วคือเรามีประสบการณ์ตามที่เค้าต้องการ Resume อธิบายชัดเจน เค้าจะติดต่อกลับมาส่วนใหญ่จะทางโทรศัพท์ถ้าติดต่อได้นะครับ โทรมาถามรายละเอียดเพิ่มเติม ว่าเราเป็นยังไง มีประสบการณ์อะไรบ้าง ถ้าเค้าโอเคในขึ้นนี้แล้ว ถ้าเป็นเอเย่นต์โทรมาเค้าจะบอกเราเลยว่า เค้าจะ Forward Resume เราเนี่ยไปหาบริษัทแล้วนะ หรือถ้าเป็นบริษัทโทรมาเอง เค้าจะนัดเราไปสัมภาษณ์ (จุดที่ทำให้ไม่ผ่านในข้อนี้ส่วนใหญ่ คือภาษาไม่ดีพอ หรือเอเย่นต์สัมภาษณ์เราผ่านทางโทรศัพท์แล้วคิดว่าเราไม่ตรงตามที่เค้าต้องการ เราสามารถโทรกลับไปถามได้นะครับ ว่า ถ้าเค้าไม่ติดต่อเรากลับมาเพราะอะไรเราขาดอะไรไป ส่วนใหญ่ ในขั้นนี้ถ้าเราได้คุยกับเอเย่นต์ โดยตรงแล้วเค้ายินดีที่จะบอก เรามากๆ ครับ ผมเคยถามเค้าบ่อยๆ) 3. สัมภาษณ์ผ่าน ไม่ผ่านก็ขึ้นอยู่กับเรา และคุณสมบัติของเราเหมาะสมกับตำแหน่งงานหรือเปล่า คนเก่ง ไม่จำเป็นต้องผ่าน เสมอไปนะครับบริษัทจะดูความเหมาะสมด้วย และหลายๆ อย่างปนกัน (ถ้าเราไม่ผ่านข้อนี้ก็ประเมินคร่าวๆ ได้ว่า ความเหมาะสม ของเรา ความสามารถของเราที่จะเป็นประโยชน์ต่อบริษัท รวมถึงบุคลิก อาจจะไม่ตรงกับความต้องการของบริษัท แต่ละบริษัทจะมีเงื่อนไขต่างกันไปนิดหน่อย แล้วแต่ตำแหน่งและบริษัท ดังนั้นการศึกษาลักษณะของบริษัทที่เราจะไปสัมภาษณ์ก่อน ถือว่าจะช่วยเพิ่มความมั่นใจ และคะแนนในข้อนี้ได้ในระดับนึงนะครับ) จากคุณ : endless night - [ 3 มิ.ย. 51 15:39:07 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เห็นที่คุณ endless night ตอบแล้ว ก็รู้สึกว่าอยากจะเสริมนิด ๆ หน่อย ๆ นะคะ (รู้สึกเหมือนว่ามีแรงบรรดาลใจ ) เวลาที่เราจะเขียน Resume ส่ง ให้จำไว้อย่างนึงด้วยนะคะ ว่าที่ออสเตรเลีย เขามักจะสนใจคนที่มีความสามารถเฉพาะด้านที่เขามองหาค่ะ ถ้าเราทำได้หลายอย่าง ก็อย่าใส่ ๆ ไปหมดจน Resume ดูรกรุงรัง ให้ดูด้วยว่า งานที่เขาประกาศรับสมัครนั้น ต้องการอะไรเป็นหลัก แล้วเราก็มาปรับ Resume ของเราให้เหมาะสม อย่าลืมว่า Resume เป็นเหมือนใบเบิกทางใบแรกที่จะทำให้เขาเรียก หรือไม่เรียกคุณมาสัมภาษณ์ เขียนให้เขารู้สึกว่า เขาเริ่มรู้จักคุณจากกระดาษแผ่นเดียว แล้วก็อยากรู้จักมากขึ้นจนต้องเรียกมาคุย เวลาจะไปสัมภาษณ์ พยายามหาความรู้ใส่ตัวให้มาก ๆ หน่อย ไม่ใช่เฉพาะเกี่ยวกับเรื่องงาน ให้ศึกษาดูธุรกิจของบริษัทที่เราจะไปสัมภาษณ์ด้วย ว่าเขามีธุรกิจหลักอะไรบ้าง งานที่เราทำ จะไปอยู่ส่วนไหน มีประโยชน์อะไรกับบริษัท อย่างน้อย ในช่วงสุดท้ายของการสัมภาษณ์ เขาจะเปิดโอกาสให้คุณถาม ถ้าคำถามที่คุณถามออกไป ทำให้เขาประทับใจได้ คุณอาจจะได้งานอย่างไม่น่าเชื่อ เราก็เห็นมาหลายคนแล้วเหมือนกัน ที่เฉือนคู่ต่อสู้ด้วยคำถามสุดท้ายก่อนเดินออกจากห้องสัมภาษณ์ เราชอบและเห็นด้วยที่คุณ  endless night บอกว่าคนเก่ง ไม่จำเป็นต้องผ่านเสมอไป ของแบบนี้ มันต้องมีหลาย ๆ อย่างประกอบกัน อีกอย่าง ถ้าเราไม่ผ่าน ก็ไม่ต้องท้อใจ หรือสูญเสียความมั่นใจ มันเป็นเพียงแค่บทเรียนอย่างนึง ที่เราสามารถนำไปแก้ไขได้ในอนาคตเท่านั้น เมื่อไม่กี่อาทิตย์ที่ผ่านมา เราก็ต้องสอบ cert ตัวนึงของบริษัทพร้อมกับเพื่อน ๆ อีกแปดคน การสอบ ก็ทำเหมือนกับเราไปสมัครงานนี่แหละ คือต้องมีส่ง Resume และต้องมีหนังสือแนะนำตัวที่ให้รายละเอียดเกี่ยวกับงานที่เราทำ (เรียกว่า Evaluation form) ถ้าสองอย่างนี้ผ่าน ก็ได้เข้าสัมภาษณ์กับกรรมการสอบซึ่งมาจากที่อื่น แทบไม่น่าเชื่อว่า คนที่เก่งกว่าเรา (ทั้งประสบการณ์ และภาษาอังกฤษ) เขาสอบไม่ผ่านเฉยเลย (ได้ระดับ experience มาแทน senior ที่สมัครไป) มารู้ทีหลังว่าเขาไม่ผ่านส่วนที่เป็น business process พลาดอย่างน่าเสียดายมาก เพื่อน ๆ ที่เข้าสอบด้วยกัน ก็เสียดายแทนไปด้วย เตรียมตัวดี มีชัยไปกว่าครึ่ง ขออวยพรให้โชคดีอีกครั้งค่ะ แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 51 19:00:48 จากคุณ : NoiseN - [ 3 มิ.ย. 51 18:59:20 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ู^ เอ ข้างบนนี่ คุฯพี่น้อย หรือป่าวคับ แล้วบักแกง มันสิหายหัวไปบ่อนใดคับ จากคุณ : g9h - [ 3 มิ.ย. 51 19:30:29 ]

ความคิดเห็นที่ 11 อ๋อ บักแกงมันยะงานยะการอยู่ซิดนีย์ บ่มีเวลาว่างมาตอบฮื่อ จากคุณ : NoiseN - [ 3 มิ.ย. 51 20:01:31 ]

ความคิดเห็นที่ 12 กระทู้ดีๆ ขอเซฟโลดนะครับ ขอบคุณครับ :-) จากคุณ : Boyd - [ 3 มิ.ย. 51 23:09:31 A:124.120.91.146 X: TicketID:168981 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ส่งเมลมาสิ dosday@gmail.com แล้วจะบอกว่า หายหัวไปอยู่ไหน อิอิ จากคุณ : ดอส - [ 4 มิ.ย. 51 09:27:34 ]

ความคิดเห็นที่ 14 many thanks ka _/|\_ จากคุณ : MIEBA (mieba) - [ 4 มิ.ย. 51 18:17:55 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ขออนุญาตคุณ endless night เอาคอมเมนท์ไปแปะที่บล็อกนะคะ จะแปะชื่อให้เครดิตไว้ด้วยค่ะ จากคุณ : NoiseN - [ 5 มิ.ย. 51 19:41:48 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ขอเข้ามาให้กำลังใจว่าอย่าท้อนะคะ ขอเล่าประสบการณ์หางานให้เป็นกำลังใจด้วย ยาวนิดนึง:) ตอนแรกที่พี่มาที่นี่เริ่มสมัครงานจากเวบ www.seek.com.au กับเวบอื่นๆ ส่งไปร่วมๆ 300 กว่างาน เป็นตำแหน่งพวกโอเปอร์เรเตอร์ รีเซฟชั่น บริษัทไม่เรียก   เพราะคุณสมบัติไม่ตรงและใช้พวก MYOB, Book keeper ไม่เป็น ครั้งแรกมีบริษัทติดต่อมาให้ไปสัมภาษณ์ เป็นบริษัททำการตลาดให้พวกมือถือเทลสตาร์ คล้ายๆ เป็นงานเทเลมาร์เก็ตติ้ง คำถามแรกที่เจอ ให้ตอบว่าภาษาอังกฤษคิดว่าตัวเอง อยู่ระดับไหนจาก 1-10 ลองให้คะแนนตัวเอง เลยโม้ๆ ไปแบบคนอยากได้งาน ว่าอยู่ประมาณ 8 จาก 10 แต่ก็บอกเค้าไปว่าเราพูดติดต่อสื่อสารได้ แต่ถ้าเป็ฯการเขียนจดหมาย ธุรกิจหรือภาษาทางการ ยังด้อยกว่าเจ้าของภาษาแน่นอน สุดท้ายเค้าโทรมาให้ไปทำข้อสอบ และสัมภาษณ์ครั้งที่ 2 แต่ไม่ไปเพราะ ไม่ถนัดงานขายและกลัวว่าจะทำงานให้เค้าไม่ดีพอด้วย (ปอดไปเอง ว่างั้น)อีกอย่างตอนนั้นคิดว่าดวงคงจะหางานได้อีกแต่ผิดคาด กลับมาตั้งหลักใหม่สมัครงานโรงแรมตามเวบอีกประมาณร่วมๆ 200 กว่างาน ไม่ได้งานอีก จนไปทำร้านอาหารไทย แต่รู้สึกไม่ชอบ ก็วนแบบเดิมๆ หางานๆๆๆ ใครแนะนำไปไหน สมัครหมด จนได้งานโรงแรม จากสมัครรีเซฟชั่น เค้าให้เป็นแม่บ้านก็เอา เพราะเค้าว่าจะเลื่อนตำแหน่งให้ที่หลัง เชื่อฝรั่ง ลองทำดู ทำได้ 4 วัน ขอออกไม่ไหว ปวดหลังกับปวดขาสุดๆ มาคิดว่าเราไม่สู้งานรึป่าว แต่ถ้าสู้คงตายคาเตียงวันๆ ให้ปูเตียงทำความสะอาดคนเดียว 3 ชั้น ตั้งหลักใหม่ครั้งที่ 2 คราวนี้สมัครเยอะกว่าเดิม ไม่เจาะจง ไม่เลือก สมัครหมด รวมถึงติดต่อ ให้ Centrelink ช่วย ทั้งตำแหน่งแม่บ้าน, พนักงานต้อนรับ, งานโรงงาน, เก็บผัก-ผลไม้ เดินแจกใบปลิว, งานหลังครัว-หน้าครัว, ทำแซนด์วิช ไม่มีที่ไหนเรียกซักที่ พอว่างปุ๊ป จิตฟุ้งซ่านเลยไปลงเรียนพวกเซอร์ RSA, Food Handler, Retails Hospitality เรื่อยเปื่อยเผื่อหางานได้ เพราะเซอร์สั้นๆ พวกนี้เรียนจริงๆ ประมาณ 4 อาทิตย์ก็จบ มาได้งานระยะสั้นทำที่แรกคือ Melbourne Racing Club ทำช่วงแข่งม้าประจำปี   ที่ได้งานเพราะมีใบเสิรฟ์แอลกอฮอล์(RSA) ทำอยู่ 2 วัน แข่งม้าจบก็เริ่มหางานใหม่ ได้งาน แรกในออสเตรเลียมาลงในเรซูเม่ สมัครงานต่ออีก ไม่พ้นงานโรงแรม (มีประสบการณ์ทำที่ Hilton & Conrad และที่อื่นๆ มา 5 ปีในเมืองไทย เลยไม่รู้จะทำงานอะไรนอกจากงานโรงแรม) คราวนี้ได้สัมภาษณ์ 3 ที่ Stamford Plaza Melbourne, Birches Serviced Apartments, Seasons Hotel @ St. Kilda เรียกสัมภาษณ์ตำแหน่ง Sales Co-ordinator ไม่ได้งานสักที่ เค้าว่าประสบการณ์ดี แต่คงดีไม่พอ **ตรงนี้ขออ้างอิงความเห็นของ คุณ endless night และ คุณ NoiseN เขียนได้ดีและตรงมากๆ ค่ะ เพราะเราขาดการทำ การบ้านที่ดีพอ ทำให้พลาดงาน** ตอนนี้เป็นช่วงท้อที่สุดของที่สุด เพราะเงินก็จะหมด งานก็ไม่มี ไปสัมภาษณ์เหนื่อยแถมกดดัน เสียค่ารถ เสียเวลา ค่าข้าวด้วย มันท้อไปหมด กลับบ้านปาดน้ำตา ตั้งหน้าสมัครงานในเวบอีก คราวนี้หันมาสมัครงานคาเฟ่ กับ แซนด์วิช แฮนด์ จนมาได้สัมภาษณ์พร้อมกัน 2 ที่ คือ Sunny Ridge Strawberry Farm และ The Coffee Club Chadstone เราเลือกที่ TCC เพราะเดินทางสะดวกกว่า ตอนปีที่แล้ว TCC เปิดสาขาใหม่หลายที่ พนักงานไม่ต้องมีประสบการณ์ก็ได้ ขอให้เป็นคนมี ทัศนคติที่ดีในการทำงานส่วนเรื่องอื่นบริษัทเทรนให้ คราวนี้ดวงดีสัมภาษณ์ผ่านได้งาน เป็นพนักงานชั่วคราวทำได้ 2 เดือน คิดว่าชีวิตคงฝากผีฝากไข้ที่นี่... เหตุการณ์ผลิกผันกลายเป็นบริษัทแม่ขายเฟรนชายส์ให้เจ้าของใหม่ เมื่อเจ้าของใหม่มาดูแล เค้าลงทุนไปกับร้านเยอะ จำเป็ฯต้องลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออก พนักงานโดนปลดเกือบครึ่ง ตัวพี่ยังอยู่ในโผแต่โดนตัดเวลาทำงานเหลืออาทิตย์ละ 6-18 ชั่วโมง หักค่ารถ ค่ากิน ไม่เหลือ เงินใช้ ทีนี่ไม่รู้จะทำยังไงเลยโทรกลับไปขอร้องที่สตอเบอร์รี่ ฟาร์ม ให้ช่วยหาเวลาลงให้หน่อย เค้าปฎิเสธเพราะว่าได้คนทำแทนแล้ว กลับมาตั้งหลักครั้งที่ 3 หางานใหม่อีกเริ่มจากเดินตระเวนส่งเรซูเม่แถวๆ ที่เราอยู่ เอาแบบเดิน ทางสะดวก เสียค่ารถน้อยๆ หว่านทุกร้านกาแฟ ไม่มีป้ายประกาศรับพนักงานก็ฝากเรซูเม่ไว้ ฝากไว้ประมาณ 20-30 ร้าน ติดต่อได้งานมา 2 ร้าน คือ Starbucks Coffee และ ร้านอาหาร ก็ทำจนทุกวันนี้ รวมเวลาการหางานก็เกือบปีกว่าจะได้งาน เพราะอย่างนั้นอย่าท้อ ง่ายๆ นะคะ สู้ๆ สิ่งสำคัญที่จะทำให้ได้งานคือ เรซูเม่ เราต้องกลับมาพิจารณาเรซูเม่ ว่าเราเตรียมขายตัวเอง ผ่านกระดาษแผ่นนึ่งดีพอหรือยัง เพราะวันนึ่งๆ มีคนส่งเรซูเม่สมัครงานมากกว่า 200 คนต่อ 1 ตำแหน่ง คนคัดไม่สามารถนั่งอ่านได้ทุกบรรทัด เค้าจะเลือกที่เข้าตาที่สุดออกมาจาก 200 คน และเราจึงจะผ่านไปได้สัมภาษณ์ การสัมภาษณ์เป็นด่านที่ 2 อยู่ที่ตัวเราเองจะสร้างความประทับใจ ได้มากแค่ไหน เพราะบางครั้งเราเก่ง แต่ทัศนคติการทำงานเราแย่ เค้าก็ไม่รับ อยากฝากว่า... ประวัติส่วนตัวในเรซูเม่ -ใส่เฉพาะที่จำเป็น สั้นกระชับ เช่น ประวัติการศึกษาใส่การศึกษาสูงสุดพอ นอกนั้นใส่ใบเซอร์ที่เราเคยเรียนมาถ้ามี ประวัติการทำงาน - มีประสบการณ์การทำงานด้านไหน ใส่เฉพาะทางที่เราต้องการหางานนั้นๆ เช่น หางานโรงแรมใส่ประสบการณ์การทำงานโรงแรม หางานคาเฟ่, แมคโดนัลล์, ร้านกาแฟ ใส่ประสบการณ์การทำงานในร้านอาหารหรือ หากเราเคยช่วยงานที่บ้านทำร้านเล็กๆ ในเมืองไทย ใส่ลงไปว่าเราเคยทำ   - ความสามารถด้านอื่นๆ ที่จะเป็นประโยชน์ในการทำงานให้กับองค์กรนั้นๆ เช่น ใช้โปรแกรม คอมฯ ซ่อมคอมฯ ได้ หรือถนัดทำอาหารและเบเกอรี่ (หากหางานคาเฟ่หรือเบเกอรี่) - ถ้ามีเวลาว่าง และยังไม่เปิดเรียน ลองหาลงเรียนคอร์สสั้นๆ เช่น การทำกาแฟ การเสริฟ์ เครื่องดื่ม เผื่อหางานได้ง่ายขึ้น - หาเวลาว่างช่วยงานสังคม พวก คอมมูนิตี้ เช่น ร้าน Op Shop, Red Cross, ช่วยสอนหนังสือหรือพาคนพิการไปเดินเที่ยว เราสามารถใส่ลงเรซูเม่ ให้นายจ้างเห็นว่าเราใช้เวลาให้เป็นประโยชน์แก่สังคม และยังสามารถส่งผลในการหางานพวก ร้านรีเทลเสื้อผ้าต่างๆ ได้ด้วยนะคะ จากคุณ : แพนด้า ตาดำ (แพนด้า กะ ปลาทอง) - [ 6 มิ.ย. 51 17:45:02 ]

ความคิดเห็นที่ 17 คุณแพนด้าอึดและก็สู้มาก ๆ เลยอ่ะ ยกนิ้วให้เลย จากคุณ : NoiseN - [ 9 มิ.ย. 51 12:31:18 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ยินดีมากๆ เลยครับ คุณ NoiseN  :) แล้วก็ขอโทษทีนะครับที่ตอบช้า จากคุณ : endless night - [ 10 มิ.ย. 51 08:07:35 ]