ความคิดเห็นที่ 1 เข้าเรื่อง ผู้ชายที่มาจากประเทศมุสลิม (ยกเว้นไทยนะ  ไทยไม่นับเพราะไทยวัฒนธรรมหลากหลาย) กันเลยนะคะ หากคุณคิดว่า คุณมองเค้าเป็น “เพื่อน”  แค่นั้น ( ต่างเพศนะคะ ) คุณรีบถอนตัวก็น่าจะดีไม่น้อยนะคะ   หากไม่เชื่อ คุณลองอ่าน สิ่งที่ดิฉันจะเล่าให้ฟัง แล้วคุณก็เอาไปถาม เขาเหล่านั้น ได้เลย  อ้อ อันนี้ ยกเว้น พวกที่เคยไปใช้ชีวิตต่างชาติ นาน ๆๆๆๆ เค้าอาจมองโลกในแง่มุมที่กว้างขึ้นบ้าง แต่ สุดท้าย เค้าก็ต้องกลับมาเป็นอย่าง สังคมเค้า  หากคุณจริงจัง หรือเค้าจริงจัง  คุณก็ต้องเปลี่ยน ศาสนาไปเลย แล้วก็แต่งงานกับเค้า 1. สังคมมุสลิมไม่มีเพื่อนชาย เพื่อนหญิง  มนุดเพศหญิง เป็นสิ่งเร้นลับและหายาก (ในถิ่นของเค้า)  เพราะฉะนั้น เค้าจึงมาแสดงออกกับ คนชาติอื่นที่ไม่ใช่มุสลิม - มุสลิม แบ่งแยกเพศชัดเจน ตั้งแต่เด็กเริ่ม เข้าโรงเรียน โรงเรียนแยกเพศ  มหาวิทยาลัยแยกเพศ  (เป็นมหาวิทยาลัยเดียวกัน แต่มีรั้วสูงกันอาคาร ทางเข้าคนละทาง แต่มีข้อยกเว้นในประเทศที่เปิดแล้ว ๆ เช่น เอมิเรต หรือประเทศที่มี มหาวิทยาลัยอินเตอร์ )  ผู้ชายพวกนี้เวลาอยู่ที่สังคมตัวเอง ประเทศตัวเอง เค้าไม่มีหรอกแชท ไม่ทำ ( ถ้าจะทำก็แอบทำ เพราะถ้าพ่อแม่รู้ก็ไม่ดี ) ทั้งชีวิต ไม่มีเพื่อนผู้หญิง  ตั้งแต่ 6 ขวบ ก็ ห่างไกลจาก เพศ หญิงแล้ว  มีแค่ แม่ พี่สาว น้องสาว  เท่านั้น ไม่มีเพื่อน  ย้ำ ไม่มีเพื่อนหญิง  ทั้งชีวิต เป็นได้แค่คนรู้จัก เช่น คนนี้เป็นลูกสาวเพื่อนแม่ คนนี้เป็นลูกสาวญาติ  แต่ไม่มีคำว่า “เพื่อน” ระหว่างเพศ เพราะผิดหลักศาสนา มีไม่ได้ ( เอาไปถามได้ ) พอ เป็นหนุ่ม เริ่มถึงวัย แต่งงานพ่อแม่ ก็จะเริ่มหาผู้หญิงให้  หากชอบ ก็จะทาบทาม แต่งงานเลย ( ไปไหนสองต่อสองไม่ได้ระหว่างที่ดูใจกัน ต้องมีบุคคลที่สามอยู่ด้วย ) -  การที่เค้า หรือ คุณได้รู้จักกันทางอินเตอร์เน็ท  เป็นการที่พวกเค้าได้ปลดปล่อย ระบายความกดดันเรื่องเพศ  และเค้าก็จะมองว่า คุณง่าย และ อ่อย เค้า แม้ว่า คุณจะไม่คิดอะไรก็ตาม 2  ทัศนคติระหว่าง ชาย หญิง และ เพศ เค้าจะมองผู้หญิงในสังคมเค้าว่า ผู้หญิงไม่มีเหตุจำเป็นที่จะต้องคุยกับผู้ชาย ที่ไม่ใช่ พ่อ พี่ชายน้องชาย เพราะตามหลักศาสนา เค้าถือว่าผู้ชายทุกคน (ยกเว้นที่ พ่อ พี่น้อง ) มีสิทธิ์แต่งงานกับ ผู้หญิงคนนั้น ๆ ด้วย เพราะฉะนั้น ผู้หญิงของเค้า ต้องหลีกเลี่ยง ที่จะทำให้เกิน ปฏิสัมพันธ์  สัมผัสทั้งห้า จากผู้หญิง ( รูป รส กลิ่น เสียง ) เป็นสิ่งที่ยั่วผู้ชาย เพราะฉะนั้น ผู้หญิงก็ต้องซ่อนไว้ อย่ายั่ว ( ดิฉันคิดว่า เลยทำให้พวกนี้ ภูมิต้านทานต่ำเหลือล้น ) มีคำแนะนำแม้แต่ว่า “หากคุณเป็นคนเสียงหวาน โดยกำเนิด ก็จงหลีกเลี่ยง พูดกับเพศตรงข้าม หรื อพูดให้สั้นที่สุด” เพราะฉะนั้น เช่นเดียวกัน  ผู้หญิง ที่มาจากสังคมมุสลิม คนหนึ่ง ๆ (ปล  กล่าวถึงพวก ประเทศ ตามข้อหนึ่งและสอง ไม่รวมไทย เพราะสังคมไทย นั้น หลากลายวัฒนธรรม ) ทั้งชีวิต ก็จะมีแต่ครอบครัว ผู้ชายในชีวิต ก็จะมีแต่  พ่อ พี่น้อง ผู้ชาย และสามี เท่านั้น ไม่มีเพื่อนชายอย่างเด็ดขาด  มีได้แค่  “คนรู้จัก รู้จักชื่อ รู้จักหน้า”  คนนี้เป็นสามีคนนี้ เป็นลูกคนนี้  ห้ามแสดงความรู้สึกแบบ พูดถึงคนต่างเพศ แล้วยิ้ม หรือหัวเราะด้วยนะ  ห้ามแสดงความรู้สึกเวลาพูดเกี่ยวกับผู้ชายที่ไม่ใช่สามีตน เพราะจะกลายเป็นว่า ผู้หญิงคนนั้น แอบคิดอะไรอยู่ เนื่องด้วย สังคมเค้าเป็นอย่างนี้ คุณจะเห็นได้ว่า ผู้ชาย มุสลิม กลุ่มประเทศเหล่านี้ เมื่อได้โอกาสมาระริกระรี้ ตามประเทศ ที่ไม่ใช่ มุสลิม จึงแสดงสายตา “หื่น” อย่างเด่นชัด เวลาเห็นผู้หญิง จากคุณ : Freedom of Life - [ 5 มิ.ย. 51 22:24:37 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ส่วนในประเทศมุสลิม หากคุณเป็นคนต่างชาติ แล้วเผลอมาเดินตาม ที่สาธารณะ  แม้ว่าคุณจะไม่สวย อ้วน ขี้เหร่ แค่ไหน  แต่หากคุณเป็นแค่ เพศหญิงมีนูนหน้านูนหลัง สายตาเป็นร้อยๆ พัน ๆ คู่ ก็จะมองคุณ มอง ๆๆๆๆ  แม้ว่าคุณจะมากับเพื่อนชาย  หรือสามีก็ตาม มันก็ไม่ให้เกียรติคุณหรอก (นอกจากคุณจะเป็นผู้หญิงมุสลิมแต่งกายแบบเค้า)  เพราะเค้าจะดูถูกความสัมพันธ์ระหว่างหญิงชายที่ไม่ใช่สามีภรรยา ของทุกชาติ   เค้ามองว่าเป็นไปไม่ได้ ที่จะมีเพื่อนชายกับหญิง   เป็นไปไม่ได้เลย ( เป็นได้ แค่คนรู้จัก ห้ามเป็นเพื่อน ) หากคุณพูดว่าเพื่อน นั่น คือ คุณมีเซ็กส์กับเค้า ด้วยสัญชาตญาณอันหื่น หรือ อย่างไร ดิฉันก็ไม่อาจทราบได้  พวกนี้ เค้าจะคิดอย่างเดียวว่า  หญิงชาย หากอยู่ใกล้กัน สนิทกัน ต้องมีเซ็กส์แน่นอน  ( เพราะฉะนั้น สังคมเค้าจึงป้องกัน หากอยากอยู่ใกล้กัน ต้องแต่งงานเลย ห้ามเป็นเพื่อน )  คุณจะพูดอย่างไร เค้าก็ไม่เชื่อ  คุณจะบอกเค้าว่า เพื่อนจาก มหาวิทยาลัย จากที่ทำงาน  เค้าก็ไม่เชื่อ  เค้าจะคิดอย่างเดียวว่า คุณบ้าผู้ชาย และอาจจะมีเซ็กส์กับ ทุกคน  เพราะ ในความคิดเค้า ผู้หญิง ไม่มีความจำเป็นต้องมีเพื่อนชาย  หากผู้หญิง คนนั้น ชอบที่จะมีเพื่อนชายเยอะ ๆ แสดงว่า โหยหา เซ็กส์  เมื่อก่อน พวกเราก็ไม่รู้เรื่องนี้ เราก็เล่าให้คนที่ทำงานฟังว่า  เออ เราจะทำกับข้าวกินกัน คนไทย มากินกัน (แน่นอน ทั้งหญิงชายสิ แหม ก็เรามีกลุ่มกันแค่นี้ )  เราเล่าให้ฟังด้วยความซื่อ  แต่มีคนอียิปต์คนหนึ่ง มันถามกลับทันที ( ทั้งๆ ที่เราเป็นผู้หญิง ) “ ถามจริงๆ  เหอะ  ยูมีเซ็กส์กับเพื่อนชายยูหรือเปล่า” อธิบายยังไง มันก็ไม่เข้าใจ และจะไม่มีวันเข้าใจ และจะไม่มีวันยอมรับ  เพราะฉะนั้น หากคุณเผลอเล่าให้ฟังไปว่า โอย ชั้นมีเพื่อนเยอะ (ชาย)  โน่น เลย  มันก็มองคุณไปแล้ว ว่า คุณน่ะ ง่าย  คุยกับผู้ชายทุกคน 3 สิ่งแวดล้อมทางวัฒนธรรม ของสังคมมุสลิม ทำไม พวกนี้ถึง หื่น ประเทศเหล่านี้ ไม่มีสื่อทางโฆษณา สิ่งพิมพ์ใด ๆ ที่เกี่ยวกับ แฟชั่นเลย ( ยกเว้นเอมิเรต  ยังมี เพราะประเทศเปิดเยอะมาก ขืนปิดอยู่ก็ไม่เจริญดิ )   เช่น ผู้ชายพวกนี้ไม่เคยเห็น โฆษณา ชุดชั้นในของผู้หญิง ( พอมันมาเห็นรูปตามนิตยสาร มันก็ตาโตเลย ) ไม่มี คอสโมโพลิแทน แมกกาซีน ขาย   พวกนี้ เค้าจะคิดว่า ผู้หญิงที่แต่งตัวสวย (แม้ว่าจะไม่โชว์) คือผู้หญิงที่เรียกร้องให้ผู้ชายอื่น มามองตน (เพราะอยากมีเซ็กส์)   เค้าไม่มองว่า ผู้หญิงกับความสวยงามเป็นของคู่กัน หรือ เป็นเรื่องธรรมชาติ   คิดอย่างเดียว หาก อย่าง แต่งตัวสวยนัก แสดงว่า อยากให้ผู้ชายมอง (เพราะฉะนั้น มันก็มองเอา ๆๆๆ เวลามันเจอคุณน่ะสิ )  แม้กระทั่งเรื่อง ชุดชั้นใน (ปะทะคารมอย่างแรงมา เรื่องชุดชั้นในนี่แหละ ) ดิฉัน ปรี๊ดแตก และอยากจะด่าแรง ๆ เมื่อ มันบอกว่า ชุดชั้นในผู้หญิง นั้นที่ทำแบบเซ็กซี่  ๆ ก็ ทำมาเพื่ออ่อยผู้ชาย ทั้งนั้น  ไอ้เราก็เถียงว่า เฮ้ย ไม่จำเป็น  ผู้หญิงหลายคน ก็อยากสวยคนเดียวก็มี  มันก็บอกว่าไม่จริง ผู้หญิงที่ใส่จีสตริง แล้วโชว์ให้คนอื่นดู แสดงว่า ผู้หญิงคนนั้นอ่อย และอยากมีเซ็กส์  เราก็เถียงอีก ผู้หญิงหลายคนแค่อยากใส่สวย ๆ เอาไว้ดูเอง มันบอกว่า ผู้หญิง ไม่ควรพิศวาส เรือนร่างตัวเอง เพราะถ้าเช่นนั้น ก็เบี่ยงเบนว่าอาจะเป็นเลสเบี้ยนได้  ต้องให้ผู้ชายเท่านั้น (สามี ตามแนวคิดเค้า)  เราก็บอกว่า ผู้หญิงหลายคน ไม่มีแฟนนี่ เค้ายังใส่ชุดเซ็กส์ซี่ได้เลย มันก็บอกว่า “ก็นั่นแหละ  ผู้หญิงพวกนั้น ใฝ่ฝัน ที่จะมีผู้ชาย เพราะฉะนั้น พวกเค้าต้องทำตัวยั่วยวนให้ผู้ชายมาหาตัวเอง” เหล่านี้เป็นต้น คือ ความคิดของผู้ชาย ที่มาจากสังคมมุสลิม หาก ยังอยากจะเสวนา กับเค้าต่อ ก็ อย่ามาปรี๊ดแตกเหมือนดิฉัน หากวันหนึ่ง เค้าจะมองว่าคุณ  “โหยหาผู้ชาย”  ( เพราะผู้หญิงประเทศเค้าไม่เป็น  ขืนเป็นแล้วที่บ้านรู้โดนลงโทษ รุนแรงนะ ) ทำตัวไม่ต่างกับบิช วัน ๆ อยากจะแชท แต่กับผู้ชาย ตัวอย่างเช่น  บทลงโทษ ทางศาสนา หากผู้ชายคนหนึ่ง ได้สัมผัสหรือแตะต้อง ( เช่น กอด จูบ ก็ตาม ) หญิง ที่ไม่ใช่ภรรยาตน โดยไม่ได้มีเซ็กส์  จะถูกโบย 100 ครั้ง     แต่หาก มีเซ็กส์ ถึงขั้นล่วงเกินกัน  ผู้ชายคนนั้น ( หากชายแต่งงานแล้ว + หญิงโสด หรือ หญิงแต่งงานแล้ว + ชู้ ) คนคนนั้น จะต้องถูกฝังครึ่งตัว แล้ว ให้เคนเอาก้อนหินปา จนกระทั่งตาย แต่เนื่องด้วย ปัจจุบันสังคมเปลี่ยนไปมาก การลงโทษดิฉันก็ไม่แน่ใจว่ายังมีอยู่ไหมแต่พวกนี้ส่วนใหญ่ เค้าก็ไม่ทำหรอกในประเทศเค้า  เพราะหากสังคมรู้ ก็จะเป็นอะไรที่เลวร้ายมาก และ หรือ ครอบครัวชายหากรู้ว่า ลูกตนเอง ไปมีอะไรกับหญิงอื่น ที่ไม่ใช่มุสลิม แน่นอน เขาก็เข้าข้างลูกชายเขาอยู่แล้ว เพราะ ด้วยความที่คุณไม่เป็น “มุสลิม”  เค้าก็มีทัศนคติ ที่ไม่ดีกับคุณอยู่แล้ว อย่างน้อย เช่น “เป็นหญิงที่แต่งกาย โชว์เนื้อหนังมังสา เรียกร้องผู้ชายให้มาดูตัวเอง”   หากผู้ชายอยากได้คุณ จริงๆ คุณก็ต้องเปลี่ยนศาสนาไปอยู่กับเค้า แต่ คุณอาจจะเป็นเมีย สอง หรือ เมียสามก็ได้ (หากเค้ารวย มีตังค์เลี้ยงทั้งหมด ) อนึ่ง อิหร่าน เป็น มุสลิมชีอะห์ ( เป็นส่วนใหญ่ ) พวก ชีอะห์ นั้น มี  Marriage for Pleasure เช่น เค้าชอบคุณ อยากนอนกับคุณ เค้าก็จะชวนคุณไปศาลเพื่อจดทะเบียน  อยู่กับคุณซักพักจากนั้น ก็หย่า ได้  ไม่ผิดแต่อย่างใด หรือ เดี๋ยวนี้ อาจจะมีผู้ชายที่มักจะลักไก่ โดย เฉพาะ เจอผู้หญิงซื่อ ๆ หากเค้าอยากมีเซ็กส์กับคุณ เค้าจะบอกคุณว่า เค้าอาจจะคั่วคุณซักพัก แล้วอยู่ๆ  เค้าอาจจะบอกว่า  Will you marry me? แล้วหากคุณตอบว่า Yes   เค้าก็ถือว่า คุณกับเค้าได้เป็นสามีภรรยากันแล้ว โดยเบื้องต้น  แล้วเค้าก็ทำไม่ผิดหลักศาสนาหากจะมีเซ็กส์กับคุณ  (เค้าจะไม่รู้สึกผิด)  ไอ้ผู้หญิงก็ไม่รู้หรอก  ประเดี๋ยวจะคิดอย่างเดียวว่า “โอย สวีทจัง” ผู้ชายพวกนี้ เค้ามีแนวคิดอย่างนี้จริงๆ  เพราะฉะนั้น จะคุย หรือ เสวนา กับเค้าก็ระวังดี ๆ แล้วกันนะคะ จากคุณ : Freedom of Life - [ 5 มิ.ย. 51 22:26:26 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ไม่ชอบหนุ่มมุสลิมเพราะเรื่องสิทธิสตรีค่ะ เห็นผู้หญิงเป็นสิ่งของในครอบครอง และเป็นแค่เครื่องบำบัดความใคร่ ในเยอรมันมีข่าวผู้หญิงเยอรมันถูกสามีตุรกีทำร้ายร่างกาย หรือแม้กระทั่งฆ่าอยู่บ่อย ๆ หรือลูกสาวของครอบครัวมุสลิม ที่ต้องการใช้ชีวิตอิสระแบบเยอรมัน โดยไม่อยู่ภายใต้การปกครองของพ่อหรือพี่ชาย ก็ถูกพ่อกับสมาชิกครอบครัวที่เป็นชายฆ่า เพราะถือว่าลูกสาวคนนี้เป็นเสนียด และไม่ใช่มุสลิมที่ดี ดังนั้นจึงต้องฆ่าทิ้ง (Ehrenmord  - honor killing) เพื่อรักษาเกียรติของวงศ์ตระกูล จากคุณ : Sonnenschein - [ 5 มิ.ย. 51 22:56:13 ]

ความคิดเห็นที่ 4 อืมๆๆ เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย คิดว่าเจ้าของกระทู้อย่าใช้คำว่า มุสลิม เลยนะคะ เพราะมันครอบคลุมมากกว่าประเทศตะวันออกกลางเยอะ อย่างอินโดนีเซีย เพื่อนบ้านเรานี่ก็เป็นประเทศมุสลิมที่ใหญ่ที่สุดในโลกนะ ไม่อยากให้ความปรารถนาดีของจขกท ถูกแปลเป็นอื่น จากคุณ : Blissfully Yours - [ 5 มิ.ย. 51 23:08:39 ]

ความคิดเห็นที่ 5   "มีนูนหน้านูนหลัง" ^^ ^^ เข้ามาอ่าน และ เข้ามาขำประโยค "นูนหน้านูนหลัง" ขำแทบตกเก้าอี้   เต่ายักษ์แห่งหมู่เกาะกาลาปากอส เต่ากระดองนูน คลานตามๆ กันมา อยู่ข้างหน้าตัว อยู่ข้างหลังอีกตัว  "นูนหน้านูนหลัง" เลย   จากคุณ : Siamese Girl - [ 5 มิ.ย. 51 23:16:05 ]

ความคิดเห็นที่ 6 อ่านแล้วได้ความรู้เหมือนกันนะคะ เจาะลึกหนุ่มสาวชาวมุสลิมเลย... ถ้าไม่ใช้คำว่ามุสลิม แล้วควรใช้คำไหนดีล่ะคะ ก็สิ่งที่เค้าทำมันก็มาจากศาสนาที่เค้าเป็น ใช่หรือไม่ กลับมาคิดอีกทีว่า ถ้าเค้าไม่เป็นมุสลิม เค้าจะทำแบบนี้หรือเปล่า มันก็น่าคิดเหมือนกัน ส่วนตัวไม่ค่อยได้รู้จักมักจี่กับเพศตรงข้ามที่เป็นมุสลิมน่ะค่ะ จากคุณ : thaispicy - [ 5 มิ.ย. 51 23:18:29 ]

ความคิดเห็นที่ 7    "หรือ เดี๋ยวนี้ อาจจะมีผู้ชายที่มักจะลักไก่ โดยเฉพาะเจอผู้หญิงซื่อ ๆ หากเค้าอยากมีเซ็กส์กับคุณ เค้าจะบอกคุณว่า เค้าอาจจะคั่วคุณซักพัก แล้วอยู่ๆ เค้าอาจจะบอกว่า  Will you marry me? แล้วหากคุณตอบว่า Yes   เค้าก็ถือว่าคุณกับเค้าได้เป็นสามีภรรยากันแล้ว โดยเบื้องต้น   แล้วเค้าก็ทำไม่ผิดหลักศาสนาหากจะมีเซ็กส์กับคุณ  (เค้าจะไม่รู้สึกผิด)   ไอ้ผู้หญิงก็ไม่รู้หรอก  ประเดี๋ยวจะคิดอย่างเดียวว่า “โอย สวีทจัง” " ^^ ^^ ดีแล้วที่เอามาเล่าสู่กันฟัง ว่านอกจากจะชอบลักไก่แล้นนน พวกนี้ยังชอบได้ทีขี่แพะไล่อีก มากันทั้งไก่ ทั้งแพะเลย     ส่วนพวกสาวๆ ที่อ่อนโลก หลงคารม ถ้าเผลอตัวเผลอใจให้เขาไปแล้นนน ก็คงจะเข้าทำนอง ขี่หลังเสือแล้วลงยาก.....หรือ อาจจะต้องเจ็บกระดอง.....กระดองใจ กว่าจะทำใจลงมาจากหลังเสือได้   เฮ้อ......ป้าอย่างเรา อ่านแต่ละกระทู้แล้นนนก็เปนห่วงแทนสาวๆ ที่ชอบ Chat กับพวกหนุ่มต่างชาติมิได้ ก็ระมัดระวังตัวกันหน่อยเน้อ....... Best wishes.   แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 51 00:43:42 จากคุณ : Siamese Girl - [ 5 มิ.ย. 51 23:23:45 ]

ความคิดเห็นที่ 8 .....มาจอง แล้วจิกลับมาอ่านนะคร้า.... จากคุณ : ~น้ำตาล..หวานเยิ้ม~ - [ 6 มิ.ย. 51 00:27:13 ]

ความคิดเห็นที่ 9 น่ากลัวอ่ะ  ขอบคุณจขกท. นะคะ จากคุณ : Gigolina - [ 6 มิ.ย. 51 01:04:45 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ค่ะ ขอบคุณ คอมเมนต์นะคะ   งั้นเอาเป็นว่า พวกโซนตะวันออกกลางเป็นต้นไปนะคะ ไม่นับเอเชียค่ะ เพราะเอเชีย นั้น ยังมีวัฒนธรรมหลากหลาย (ทุกศาสนาอยู่รวมกันไม่ได้รู้สึกต่างอะไรมาก ) งั้นขอหมายรวมเฉพาะ ผู้ชายที่ประพฤติทำนองนี้ละกันค่ะ ไม่ได้หมายถึงทั้งศาสนานะคะ  คนที่ดี ๆ เคร่ง ๆ  ก็มีค่ะ จากคุณ : Freedom of Life - [ 6 มิ.ย. 51 01:38:11 ]

ความคิดเห็นที่ 11 คนตะวันออกกลางนับถือศาสนาคริสต์ก็มีมากนะคะ ไม่จำเป็นว่าเป็นตะวันออกกลางแล้วต้องเป็นมุสลิมเสมอไป สมัยเรียนหนังสือมีเพื่อนสนิทเป็นผู้ชายจากเลบานอน 2 คน นับถือศาสนาคริสต์ทั้งคู่เลยค่ะ อีกคนมาจากอิหร่าน นับถืออิสลาม นิสัยดีมากๆ ว่าไปแล้วไม่น่าจะขึ้นอยู่กับเป็นผู้ชายประเทศไหน ศาสนาอะไร เรื่องแบบนี้เป็นนิสัยส่วนบุคคลมากกว่าค่ะ จากคุณ : กุลธิดา (kdunagin) - [ 6 มิ.ย. 51 01:52:48 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ไม่เคยคิดจะยุ่งกับพวกนี้เลย น่ากลัวมากๆคะ จากคุณ : ................... (Pinky_th) - [ 6 มิ.ย. 51 02:49:52 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบคุณทุกความเห็นนะคะ คุณ คห สิบเอ็ด ที่ทำงานดิฉัน ก็พวกเลบานีส เยอะเช่นกันค่ะ เลบานีส นั้นส่วนใหญ่ เป็นชีอะห์ค่ะ แต่ว่าเนื่องด้วยมีทังคริสต์ และก็ทั้งสองนิกาย ( เลบานอนมีปัญหาการเมืองภายใน และ ก็มีปะทะกันอยู่บ่อย ๆ ) คนเลบานีส จึงต้องระหกระเหินไป อยู่ และตั้งถิ่นฐานตามที่อื่น ๆ โดยเฉพาะ ไปอัพ สัญชาติ เป็นแคนาเดียน กันเยอะมาก อาหรับ มีดารา นักแสดง ก็หาได้ จากเลบานีส นี่แหละค่ะ (แบบว่า ยังแต่งตัวได้ ร้องเพลงได้ )  พวกนี้เวลาเค้าดูหนังอารบิค กันนักแสดงก็เลบานีสนี่แหละ  ผู้หญิงแม้ว่าจะเป็นมุสลิม เค้าก็จะแต่งตัวธรรมดา บวกกับหน้าตาออกไปแนวฝรั่ง (ผมทอง ) พวกเลบานีส จึงถือตัวเองว่า อยู่ในชนชั้นสูงกว่าอาหรับ พูดได้คล่อง ทั้งอ้งกฤษ อารบิค บ้างก็ฝรั่งเศส ด้วย ในขณะที่อาหรับ ออริจินอล กำลังพัฒนาการเรียนการสอนภาษาอังกฤษในประเทศตัวเอง แต่ คุยกับพวกเลบานีส นี่รู้เลยนะคะ ว่า พฤติกรรม ของคนที่เป็นมุสลิม กับเป็นคริสเตียนจะต่างกันอย่างชัดเจน ( ทัศนคติต่อเพศตรงข้าม ที่ไม่ใช่ภรรยา ) คือ ที่ทำงานมีทั้งสองพวกน่ะค่ะ จากคุณ : Freedom of Life - [ 6 มิ.ย. 51 03:29:51 ]

ความคิดเห็นที่ 14 โนคอมเม้น มันมีรายละเอียดไรอีกมาก ขอบใจที่นำมาเตือนกัน ชักหวั่นๆๆ ละสิเรา จากคุณ : อชิรวัฑร์ - [ 6 มิ.ย. 51 04:56:22 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ดีใจที่เกิดเป็นชายไทยในภาวะแวดล้อมที่สอนให้เกียรติผู้หญิง (แต่ชายไทยใจหื่นก็มีเหมือนกันล่ะ) เรื่องการลงโทษคนที่ไปทำมิดีมิร้ายกับสตรีด้วยการโบยในสังคมมุสลิมนั้น   มองในแง่ดีผมก็ว่าดีนะหากเรารู้จักนำมาดัดแปลงประยุกต์ใช้ในสังคมไทย  ที่นับวันคดีและเรื่องราวข่มขืนเป็นข่าวรายวัน ความจริงแล้ว    สังคมไทยในยุคก่อนก็มีการทำโทษและปรับสินไหมผู้ชายไทยที่ไปจับมือถือแขนผู้หญิงที่ไม่ใช่ญาติตัวเองเหมือนกัน......แต่น่าเสียดายที่สิ่งเหล่านี้ได้ถูกกระแสค่านิยมตะวันตกอันเชี่ยวกรากพัดหนีหายไปจากสังคมไทย     การรับเอากระแสสังคมจากตะวันตกมา "ครอบ" สังคมไทยแบบโพล๊ะเดียว(แทนที่จะให้แบบค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป)มองในแง่ดีและแบบเป็นกลาง  ก็สามารถสร้างความภูมิใจต่อชนชั้นคนไทยที่อยู่แถวหน้าว่าประเทศไทยตามกระแสโลกทัน   แต่นั่นก็เป็นคงเป็นความภูมิใจแบบผิวเผินเพียงเปลือกนอก   มองในแง่ร้ายหรือผลกระทบที่ตามมา.....ก็น่าเป็นห่วงเหมือนกัน     สังคมไทยเป็นสังคมที่ซับซ้อนและมีความเหลื่อมล้ำระหว่างชนชั้นสูงมาก   ไม่ว่าเป็นวิถีชีวิต   ฐานะความเป็นอยู่   หน้าที่การงาน  หรือแม้กระทั่งกระบวนการทางด้านความคิด........ จะเป็นการเผอิญหรือโชคร้ายก็ว่าได้    ที่ชนชั้นสูงของสังคมไทยอ้าแขนรับเอากระแสค่านิยมจากโลกตะวันตกอย่างเต็มอกเต็มใจ   และคนจากชนชั้นเหล่านั้นแม่จะเป็นเพียงกลุ่มเล็กๆ เมื่อหากเทียบกับประชากรไทยทั้งหมด ...แต่พวกเขามีอิทธิพลและบทบาทต่อการเปลี่ยนแปลงในสังคมไทยอย่างสูงทั้งทางตรงและทางอ้อม  (ไม่เชื่อลองสังเกตุดูว่าพวกพิธีกร  ที่จีบปากจีบคอพูดไทยคำอังกฤษคำ    แต่งตัวหรือย้อมผมสีทอง   รวมไปถึงกิริยาท่าทางที่จะออกไปทางฝรั่งจ๋า)........ การอ้าแขนรับและปล่อยให้กระแสตะวันตกไหลทะลักเข้าสังคมไทยอย่างเมามันของชนชั้นแนวหน้าของสังคมไทย    ทำให้คนชนชั้นล่างได้แต่แหงนหน้ามอง   ที่กระโดดตามกระแสก็มีเยอะ   และที่ปักหลักต้านกระแสก็มีไม่น้อย   และที่ปล่อยเลยตามเลยก็มีพอสมควร    นั่นเป็นปรากฏการณ์ที่แทบจะไม่มีเลยในสังคมไทยยุคก่อน(ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะระบบการปกครอง) ที่นี้   ตีวงแคบมาที่ประเด็นเรื่อง "วัฒนธรรมการแต่งตัว" ของคนตะวันตกที่สังคมไทยรับเอามา    และขอร่วมถกกับเจ้าของกระทู้ที่ว่าการแต่งกายวับๆ แวมๆ ....ใส่จีสตริง  แหวกนู่น  แหวกนี่  เป็นการแสดงออกของการล่อ  หรือว่าเป็นความรักสวยรักงามของผู้หญิงอย่างที่เจ้าของกระทู้อธิบาย ......อันนี้ผมพูดโดยรวมนะครับ   ยังไม่เกี่ยกับหนุ่มอิสลามที่เก็บกด....แต่ผมจะพยายามสร้างภาพเปรียบเทียบให้เห็นภายหลังว่า   จะหนุ่มอิสลามหรือหนุ่มไทยแท้ที่จริงก็ไม่ต่างกันมากเท่าไหร่ จากคุณ : คนอุดรฯ (วัชรานนท์) - [ 6 มิ.ย. 51 05:43:18 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ทู้นี้น่าสนใจดี คนที่เก็บกดกับอะไรมามากๆ มักจะพูดหรือแสดงออกไปในทางก้าวร้าว ชอบเถียงหัวชนฝา ป่วยการพูดกับคนที่ดื้อรั้นไม่ฟังคนนะคุณ ส่วนตัวแล้ว ถ้าคิดว่าคุยกับใครได้ก็คุย แต่ถ้าเห็นท่ามันจะไม่ไหวก็ต้องลุกหนี จากคุณ : PatPDX - [ 6 มิ.ย. 51 05:54:12 ]

ความคิดเห็นที่ 17 แม้จะไม่เชื่อ 100% แต่ประดับความรู้ไว้ก้อไม่เสียหายค่ะ รู้ดีกว่าไม่รู้ จะได้ระวังตัวถูก ขอบคุณ จขกท ค่ะ จากคุณ : teddymaggie - [ 6 มิ.ย. 51 06:07:30 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เห็นด้วยกับเจ้าของกระทู้ว่า  ที่ผู้หญิงแต่งกายนั้นก็เนื่องจากความรักสวยรักงามตามธรรมชาติ   ไม่ใช่เรียกร้องหาผู้ชาย   อย่างหนุ่มอิสลามบางคนเข้าใจ การแต่งกายของหญิงไทยสมัยก่อนเรื่องวับๆ แวมๆ ก็พอมีอยู่บ้าง    แต่ยังไม่ถึงขั้นประเภทที่ว่า "ปลุกใจเสือป่า"   แต่ครั้นพอชนชั้นแนวหน้าของสังคมไทยรับเอาวัฒนธรรมการแต่งกายแบบฝรั่งจ๋าเข้ามา    กลุ่มคนที่งุนงงและเฝ้าสังเกตุด้วยความแคลงใจคือกลุ่มคนชั้นล่าง   และผมก็เชื่อว่าพวกเขาส่วนหนึ่งย่อมมีแนวความคิดไม่ต่างไปจากชายมุสลิมบางกลุ่ม(ที่คิดว่าพวกผู้หญิงที่แต่งตัวเช่นนั้นก็เพื่อล่อผู้ชาย)     เมื่อไม่นานมานี้   ข่าวใหญ่ที่ดาราสาวนางหนึ่งใส่ชุดแหวกทั้งตัวและแหวกไปถึงส่วนของลับของเธอถึงขั้นโชว์ "สาหร่าย" กรีดกรายไปงานสุพรรณหงส์ทองคำมาแล้ว.........ปรากฏการณ์เช่นนี้เริ่มจะเกิดถี่ขึ้นในสังคมไทย   อาจจะเป็นเรื่องธรรมดาๆ สำหรับชนชั้นแนวหน้าที่ชื่นชมวัฒนธรรมตะวันตก   แต่มันก็สั่นคลอนและกระเพื่อมไปถึงสังคมชั้นล่างของสังคมไทย    ผลที่ตามมาก็คือ   พฤติกรรมการมองผู้หญิงแบบลวนลามของชายไทยที่ยังตั้งตัวไม่ทันกับกระแสตะวันตก   ซึ่งเป็นพฤติกรรมไม่ต่างไปจากชายมุสลิมบางส่วน     และส่วนหนึ่งของสถิติการเพิ่มขึ้นของคดีข่มขืนในแต่ละปีในประเทศไทย  ก็มาจากตรงนี้เหมือนกัน ที่พล่ามมานี้ผมเพียงแต่มาร่วมแชร์ความเห็น   เข้าประเด็นบ้าง  แฉล่บออกจากประเด็นบ้าง    แต่ทั้งหมดก็ยังเกี่ยวเนื่องกันอยู่   หวังว่าคงมีประโยชน์    ดึกแล้ว...ไปนอนล่ะ   พรุ่งนี้จะมาอ่านต่อว่าตัวเองพล่ามอะไรไปมั่ง    เพราะนั่งพิมพ์ตอนดึกๆ นี่  สมองไม่ค่อยโปร่ง ชมเชยเจ้าของกระทู้ที่เอาสาระมาบอก  เอาข่าวมาเตือน ท้ายที่สุดแล้ว   ชายไทยนี่แหละดีที่สุด......ยิ่งได้ชายไทยที่ผ่านการบวชเรียนมาแล้ว......ถึงจะเสียทองเท่าหัว   สาวๆ อย่ายอมเสียผัวคนผ่านการบวชเรียนมาเป็นอันขาด.......... จากคุณ : คนอุดรฯ (วัชรานนท์) - [ 6 มิ.ย. 51 06:11:26 ]

ความคิดเห็นที่ 20 พวกนี้หน้าตาหล่อมาก ๆ สาวไทยหลงไหลได้ปลื้ัมกับการแชทกะพวกนี้มาก ๆ แต่พอแชทไปแชทมา ก็ออกลาย "หื่้น" จนได้ อย่างขอดูกล้อง อยากเห็นหน้าตา ต่อมาก็ลามปามอยากเห็นโน่น เห็นนี่ เวนจริง ๆ คนพวกนี้ จากคุณ : sa_bkk - [ 6 มิ.ย. 51 07:46:56 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ^ ^ ^ อีกฝ่ายอยากดู อีกฝ่ายอยากโชว์ ก็ว่ากันไป... เหอะๆ อย่ามัวระวังกันแต่ของนอกละ ของไทยใกล้มือนี่มีโอกาสเสียหายมากกว่าเยอะ แชทปุ๊บ ออกไปหากันได้ปั๊บ ของนอกยังใช้เวลาหลายวัน กว่าจะบินมาเจอ ก็มีเวลาทบทวนอีกเยอะนะ เตือนสาวไทย แชท (กับผู้ชายไม่ว่าชาติไหน ) ก็จงระวังให้หมดล่ะ จากคุณ : Das bin ich - [ 6 มิ.ย. 51 08:02:57 A:202.91.18.205 X: TicketID:177513 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เราก้อเคย chat กะ โซนอาหรับอ่ะ บางคนก้อคุยดี๊ดี บางคนก้อมีหื่นเล็กน้อยพอรับได้ อิอิ แต่รวมๆ แล้วโอเคค่ะ เพิ่มเติมค่ะ (กลับมาเล่าให้ฟังบ้าง อิอิ) เราชอบคุยกะเด็กอียิปต์อยู่คนนึง อายุ 15 ปี ปัจจุบันเค้า อายุ 17 ปีแล้ว เราชอบนิสัยของเค้านะ เค้าเป็นเด็กที่มีวินัย เคร่งครัดในเรื่องของศาสนามาก ต้องทำพิธีละหมาดวันละ 5 ครั้ง บางทีคุยๆ กะเราอยู่บอกว่าเดี๋ยวมานะไปละหมาดก่อน เราก้อเหวอดิ เค้าก้อเล่าให้ฟังถึงประพณี วัฒนธรรมของเค้านะ ก้อคล้ายๆที่ จขกท. เล่านะแหละ เค้าพูดถึงประเพณีแต่งานว่าสามารถมีภรรยาได้ 4 คน เราก้อถามกลับว่ามีคนเดียวไม่ได้เหรอ เค้าบอกว่ามีคนเดียวได้ ถ้าภรรยาคนนั้นสามารถมีลูกให้เค้าได้ เค้าก้อจะไม่มีภรรยาใหม่ เราก้อถามอีกว่าแต่งตัวแบบวัยรุ่นบ้านๆ เราได้มั้ยเช่นกระโปรงสั้นติ้ว เสื้อตัวจิ๋ว เค้าบอกว่าไม่ได้ใส่ได้เฉพาเวลาอยู่ในบ้านเท่านั้น เสื้อผ้าเวลาออกไปข้างนอกก้อต้องมิดชิดตั้งแต่หัวจรดเท้า ห้ามคุยกะชายอื่น ไอ้หย๋า เราก้อถามว่าเวลาไปงานเลี้ยงหล่ะ เค้าบอกว่าที่นี่ไม่มีงานเลี้ยง ไม่มีงานสังสรรค์ ปาร์ตี้อะไรก้อไม่มี คือว่าอยู่แบบสำรวมอ่ะ วันๆ ก้อทำแต่พิธีทางศาสนา แต่เด็กคนนี้เป็นคนที่รักเรียน มีความใฝ่ฝันอยากจะเป็นหมอ เรายังทึ่งเลยว่าอายุแค่นี้แต่มองอนาคตการณ์ไกล ภาษาอังกฤษเค้าก้อดีมาก เค้าเล่าว่าที่โรงเรียนของเค้าไม่ค่อยมีคนสนใจภาษาอังกฤษนัก มีน้อยคนมากที่พูดภาษาอังกฤษได้ แถมยังเรียนเก่งอีกตะหาก เวลา chat กะเค้าทีไรชอบให้เราตั้งคำถาม เค้าบอกว่าถามมาดิอยากรู้อะไร ถามมาได้เลย ชอบมาก ไอ่เราก้อนะถามจนไปหมดแล้วไม่รู้จะถามไรอีก เค้าก้อยังรบเร้าให้เราถามอยู่นั่นแหละ พอบอกไม่มีเค้าก้อถามเรากลับมั่ง เจอคำถามที่เหวอเลยอ่ะ เช่น ถามเกี่ยวกะวิชาทางการแพทย์ทั้งน้าน ใครมันจะไปตอบได้หล่ะ ถามยากอ่ะ, ถามเรื่องทำไมต้องมีเขื่อน คือสิ่งที่ถามจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับรอบๆ ตัวเรา แต่คำถามที่ถามมาแต่ละอย่างแทบหงายหลังเพราะเราก้อไร้คำตอบด้วย 555 เพิ่มเติมข้อมูลค่ะ แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 51 08:38:35 แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 51 08:36:52 จากคุณ : clubspanky - [ 6 มิ.ย. 51 08:04:41 ]

ความคิดเห็นที่ 23 @@@@@ ตัวอย่างเช่น  บทลงโทษ ทางศาสนา หากผู้ชายคนหนึ่ง ได้สัมผัสหรือแตะต้อง ( เช่น กอด จูบ ก็ตาม ) หญิง ที่ไม่ใช่ภรรยาตน โดยไม่ได้มีเซ็กส์  จะถูกโบย 100 ครั้ง     แต่หาก มีเซ็กส์ ถึงขั้นล่วงเกินกัน  ผู้ชายคนนั้น ( หากชายแต่งงานแล้ว + หญิงโสด หรือ หญิงแต่งงานแล้ว + ชู้ ) คนคนนั้น จะต้องถูกฝังครึ่งตัว แล้ว ให้เคนเอาก้อนหินปา จนกระทั่งตาย @@@@ ชอบบทลงโทษนี้เช่นกันค่ะ พวกหื่นไม่เลือกหน้า ชอบลักลอบร่วมประเวณีมีชู้ ผิดลูกผิดเมีย จะได้ยำเกรงกันซะบ้าง กระทู้นี้เตือนกันอย่างมีสาระ วิเคราะห์ให้เห็นถึงพื้นฐานทางสังคมของเขา ดีจัง จากคุณ : casidy - [ 6 มิ.ย. 51 08:32:42 ]

ความคิดเห็นที่ 24 อ่านแล้วทำให้รู้อะไรเยอะเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ ที่หาข้อกระทู้แบบนี้มาให้อ่าน (พี่สาวที่เอา url มาให้ด้วยนะจ้ะ) ต้องเอาให้เพื่อนอ่านซะหน่อยเพราะ ชีกำลังคบหาดูใจกะเพื่อนปากีฯ อยู่ น่ากลัว!!!! จากคุณ : Jingjai (JingJai_smile) - [ 6 มิ.ย. 51 08:39:11 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ไม่ต้องไปไกล อาทิตย์ที่แล้วไปเที่ยวกับเพื่อน ผู้หญิงกลุ่มเราจะแต่งตัวแบบเมืองนอกเพราะจบจากนอก/อินเตอร์มาส่วนใหญ่ ในสายตาเราจะดูเฉยๆอ่ะ ไม่โป๊ ไม่ได้โชว์อะไร ก็แค่เสื้อกล้ามสีสวยกับกางเกงขาสั้นสีเข้ากัน กระโปรงแซกยาวๆเท่าเข่า แล้วก็แต่งหน้าทำผมตามที่วัยรุ่นเค้าทำกัน ไปกินข้าวที่หัวหิน... เจอคนในร้านโต๊ะเยื้องๆมองขาอย่างแบบว่าหื่นมากๆ ทำเราอารมณ์เสียมากๆ จะเข้าไปชกมันอยู่แล้ว มองไปกินข้าวไป... จนทนไม่ได้ต้องเอาผ้าเช็ดตัวในรถมาคลุมขาเพื่อนเอาไว้... กางเกงมันไม่ได้สั้นขนาดนั้นนะ แต่พวกนี้หื่นมากๆ เพราะเพื่อนเราขาวๆทุกคน กางเกงก็ครึ่งขาท่อนบนอ่ะ... สำหรับเราเราว่าไม่สั้นอ่ะ เห็นกางเกง size นี้ได้ตามในทีวีตามละครทั่วไปหลังข่าว  ขนาดอีกคนที่ขาวมากๆใส่กระโปรงซะยาวเชียว มันก็ยังจะมองอีก... มองแบบจ้องตาจะหลุดอ่ะ จากคุณ : SFP (SFP) - [ 6 มิ.ย. 51 09:12:48 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ขอ'นุยาดคุณ จขกท. เข้ามาขำคุณ คห. 14 ที่เข้ามาทำเนียนอีกแล้นนนน และ โพสท์ภาพประจำตัวประกอบ   +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ ขอเตือนพวกสาวๆ ที่ชอบ Chat ทั้งหลายถ้าเจอพวกตามอินเทอร์เน็ท ที่ใจทราม จิตเสื่อม แถมปากก็ยังเน่าเสีย และ ยิ่งถ้าอายุเกิน 50 แล้ว ยังไม่มีความสำเหนียกในความเป็นผู้ใหญ่ พวกปากหวาน ก้นเปรี้ยวแบบนี้ ต้องจับมาถอนหงอกลูกเดียว   หรือ ปล่อยให้ข้อความที่ Chat หรือ เขียนมาหื่นใส่ "ประจานตัวเอง" ไป คริ คริ คริ       จากคุณ : Siamese Girl - [ 6 มิ.ย. 51 09:18:20 ]

ความคิดเห็นที่ 27 @@@@@ ตัวอย่างเช่น  บทลงโทษ ทางศาสนา หากผู้ชายคนหนึ่ง ได้สัมผัสหรือแตะต้อง ( เช่น กอด จูบ ก็ตาม ) หญิง ที่ไม่ใช่ภรรยาตน โดยไม่ได้มีเซ็กส์  จะถูกโบย 100 ครั้ง     แต่หาก มีเซ็กส์ ถึงขั้นล่วงเกินกัน  ผู้ชายคนนั้น ( หากชายแต่งงานแล้ว + หญิงโสด หรือ หญิงแต่งงานแล้ว + ชู้ ) คนคนนั้น จะต้องถูกฝังครึ่งตัว แล้ว ให้เคนเอาก้อนหินปา จนกระทั่งตาย @@@@ แนะนำให้ผังครึ่งบน เอาหัวทิ่มลงพื้นไปแล้วให้คนเอาหินปาท่อนล่างจนกระทั่งตาย... สะใจจริงหนอบทลงโทษนี้ ถ้าเอาเป็นเป็นกฏหมายที่ประเทศไทย รัฐคงต้องออกสำปะทานระเบิดภูเขาที่เหลืออยู่ทำให้มาขายให้คนซื้อไปปา... เกิดเป็นธุรกิจใหม่มาแทนที่ธุรกิจรับเหม๋าก่อสร้าง เชียร์ๆๆๆ จากคุณ : [7th Heaven] - [ 6 มิ.ย. 51 09:34:00 ]

ความคิดเห็นที่ 28 @@@@@ ตัวอย่างเช่น  บทลงโทษ ทางศาสนา หากผู้ชายคนหนึ่ง ได้สัมผัสหรือแตะต้อง ( เช่น กอด จูบ ก็ตาม ) หญิง ที่ไม่ใช่ภรรยาตน โดยไม่ได้มีเซ็กส์  จะถูกโบย 100 ครั้ง     แต่หาก มีเซ็กส์ ถึงขั้นล่วงเกินกัน  ผู้ชายคนนั้น ( หากชายแต่งงานแล้ว + หญิงโสด หรือ หญิงแต่งงานแล้ว + ชู้ ) คนคนนั้น จะต้องถูกฝังครึ่งตัว แล้ว ให้คนเอาก้อนหินปา จนกระทั่งตาย @@@@ จริง..คนอย่างนี้น่ารังเกียจ ต้องเอาให้ตายแหละดี จากคุณ : PatPDX - [ 6 มิ.ย. 51 11:25:44 ]

ความคิดเห็นที่ 29 มันจะวุ่นวาย ก็เพราะ คห19 นี่แหละ คห25 ครับ ก็คุณแต่งตัวตามสไตล์ของคุณ ในที่สาธารณะ เค้าก็มีสิทธิ์ที่จะมอง ก็ไม่แปลก อย่างที่ คห21 ว่า "อีกฝ่ายอยากดู อีกฝ่ายอยากโชว์ ก็ว่ากันไป... เหอะๆ" คุณบอกว่า แต่งตัวตามแบบเด็กจบนอก แต่ฝรั่งที่อยู่นอก เค้าไม่มานั่งแคร์สายตาคนรอบข้างหรอก รักจะใส่ ก็ต้องไม่กลัวถูกมอง มันอยู่ที่ วัฒนธรรม ของประเทศนั้นๆซะมากกว่า คุณพอใจที่จะรับเอาวัฒนธรรมตะวันตก หรือ เมกัน มาใช้ในไทยโดยไม่ใส่ใจประเด็นอื่น เค้าก็สิทธิ์ที่จะมองคุณโดยไม่ใส่ใจสายตาคุณเช่นกัน กรณีหนึ่ง ผมเคยเจอฝรั่งล้วงกันในร้านอาหารตอนเรียน+ทำงานอยู่ ตปท มันล้วงกันตรงโต๊ะอาหาร ควักนมเนิมหกออกมาจนเห็น nipple ผมมองแล้วได้แต่ส่ายหัว และก็หาวิธีจะไล่ออกจากร้านยังไง เพราะดึกมากแล้ว ลองมาทำอย่างนี้ที่ไทยสิครับ อ่อ ขอทิ้งท้ายว่า ไอ้เจ้าฝรั่ง 2 คนนั้นเค้าก็ไม่อายนะ เค้าก็ทำของเค้าไปไม่แคร์สายตาใคร รักจะทำ อย่ามาบ่น จากคุณ : LAPD21 - [ 6 มิ.ย. 51 11:43:42 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ขอบคุณมากค่ะ ที่ให้ความรู้ทำให้เราตาสว่างขึ้นมาก มีเรื่องจะเล่าให้ฟัง เมื่อก่อนตอนเรียน ปี สอง มีช่วงหนึ่งเราไปเรียนภาษาที่จีนตอนปิดเทอม อยู่กับญาติที่พูดได้แต่จีนกับรัสเซีย ช่วงนั้นเราแชท เพิร์ชทุกคืนเลย ( อยากหาคนพูดภาษาอังกฤษหรือไทยคุยด้วย ) ในแชท เจอคนมุสลิมตะวันออกกลางเยอะมาก เช่น โมร๊อกโค ( ตอนนั้นโง่นึกว่าคือโมนาโค ) คือที่บ้านเราพ่อแม่แยกกันอยู่แต่ตอนนั้นกลับมาอยู่ด้วยกันคืนดีกัน เราก็เลยเล่าให้คนที่แชทกับเราฟังว่าเรารู้สึกแปลกๆแฮะเพราะไม่คุ้นที่มีพ่ออยู่ที่บ้าน ( พูดแค่นี้จริงๆ) เพราะเราไม่ได้อยู่กับพ่อตั้งแต่เด็ก มันก็แบบหา ยูทำอะไรกับพ่อตัวเองทำนองว่าเราอดใจไม่ได้มีอะไรกํบพ่อเหรอ  เราฟังแล้วแบบว่าอึ้งค่ะ คิดได้ไงอุบาทว์มาก พอได้ฟังที่คุณเล่านี้ก็เข้าใจเลย ชอบอ่าย กท ของคุณค่ะ ตลกดี ตามอ่านตลอดเลย จากคุณ : cardiogenic - [ 6 มิ.ย. 51 12:05:13 ]

ความคิดเห็นที่ 31 จริงเห็นด้วยนะ เราว่า คุณ คห25 ถ้ากลัวถูกมอง ก็จะไปใส่ทำไมให้มันลำบากใจ ดิฉันก็เด็กนอก หัวนอก ปั๋วนอก อะไรๆก็นอก (นอกคอก นอกเมือง อะไรก็ว่ากันปายย...) จะคว้าอะไรมาใส่ ก็ไม่เคยกลัวคนจะมอง ถ้าอยากจะใส่ขึ้นมา ใครอยากมองก็ปล่อยเค้า เพราะเต็มใจโชววว์... จากคุณ : [7th Heaven] - [ 6 มิ.ย. 51 12:08:34 ]

ความคิดเห็นที่ 32 คำเตือน เรื่องเล่านี้อาจลามกได้ ถ้าใครไม่ชอบ ข้ามไป เคยคุยกับคนมาจากเคอร์กิชสถาน (อิรัก) เค้าถามผมว่า เห็นก้นของเพื่อนผู้หญิงอิรักที่เรียนด้วยกันมั้ย ผมก็งง เลยถามไปว่าทำไม เค้าก็บอก ไม่เห็นเหรอว่ามันใหญ่ สงสัยจะถูกแฟนเล่นข้างหลัง เวร งงมาก เค้าเลยอธิบายต่อว่า ตามประเพณีเค้า ถ้าเมื่อไรผู้ชายกับผู้หญิงมีอะไรกัน (ตามวิถีทางปกติ) ผู้ชายจะต้องแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้นทันที พวกเค้าเลยบิดเบือนหลักประเพณีนิดนึง เปลี่ยนไปเล่นข้างหลังแทน จากคุณ : ingenioer student - [ 6 มิ.ย. 51 13:11:50 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ^^ ^^ เข้ามาขำเรื่องเล่าของ คห. 32  เรื่อง "ศรีธนญชัยเคอร์กิชสถาน (อิรัก)" เข้าใจพูดนะ ปากดีพ่อศรีธนญชัย     แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 51 16:41:57 จากคุณ : Siamese Girl - [ 6 มิ.ย. 51 13:53:19 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ผู้หญิงในประเทศมุสลิมบางประเทศหากโดนข่มขืน แล้วเรื่องถึงศาล ผู้หญิงโดนลงโทษด้วยนะจ๊ะ ข้อหา "ไปอยู่กะชายสองต่อสอง" โดนโบยง่ะ จากคุณ : rainfull - [ 6 มิ.ย. 51 14:22:43 ]

ความคิดเห็นที่ 36 เพิ่งเจอหนุ่มโมรอคโค ...หื่น ยากจะบรรยาย..... จากคุณ : Miss.รดา - [ 6 มิ.ย. 51 14:27:07 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ข้าพเจ้าเข้ามาอ่านแล้ว ขอปรบมือดังๆ  ให้กับเจ้าของกระทู้ 35 ครั้ง  เป็นกระทู้ทางวิชาการว่าด้วยสังคมวิทยาในโลกของ  cyber ซึ่งเจ้าของกระทู้  คือคุณ Freedom  of Life  เธอมีความปราถนาดีต่อผู้คนในสังคมไทย  โดยเฉพาะหญิงสาวที่ชอบท่องเนต  หรือชอบ"เสี่ยงโชค online " ให้ได้มีความระมัดระวังตัว  ด้วยวิธีให้เธอเหล่านั้นได้มีความรู้เกี่ยวกับผู้คนในวัฒนธรรมอื่นๆมาประกอบการพิจารณา  ขอให้คำนิยมว่า  คุณเจ้าของกระทู้มีประสบการณ์ในเรื่องนี้เป็นอย่างดี  ที่สำคัญ  สามารถเรียบเรียง  และนำเสนอความคิด-คำแนะนำของเธอออกมาเป็นขั้นเป็นตอนเป็นระบบที่อ่านได้เข้าใจง่าย :---- ***  ตัวอย่างข้อความสำคัญ ๆ ที่เจ้าของกระทู้นำมาเสนอ เกี่ยวกับความคิด-ทัศนคติตามวัฒนธรรมประเพณีของผู้ชายในประเทศเหล่านี้*** 1. ในสังคมตามวัฒนธรรมประเพณีของพวกเขา  มีการแบ่งแยกเพศอย่างชัดเจน  คือต่างเพศก็ต่างแยกกันอยู่  ไม่มีคำว่า " เพื่อนต่างเพศ "  ( ไม่มีคำว่า  boy freind  -  girl freind แบบในโลกตะวันตก  หรือในประเทศไทย  หรือในบางประเทศ ) ดังนั้นคำว่าเพื่อนต่างเพศสำหรับผู้คนในสังคมนี้  คือคนที่เป็นหญิงและชาย(ไม่ใช่พี่น้อง)คบกันเมื่อใด  ก็ต้องหมายถึงต้องมีเซ็กซ์กันสถานเดียว 2.ชนพื้นเมืองในกลุ่มประเทศเหล่านี้  ไม่มีหรอกที่หญิง-ชายจะมา " แชท " กัน  เพราะตามประเพณีเขาไม่ทำกัน 3.... เค้าจะมองว่า ....  ผู้หญิงไม่มีเหตุจำเป็นอะไรจะต้องคุยกับผู้ชายที่ไม่ใช่พ่อ  ไม่ใช่ญาติ 4.การที่เขาได้รู้จักกับคุณทางอินเตอร์เนท  เป็นการที่พวกเขาได้ปลดปล่อย  ระบายความกดดันเรื่องเพศ (เนื่องจากคุณเป็นสตรีเพศที่กล้าทำในสิ่งที่ประเพณี/ศาสนาเขาห้าม) 5.ได้อธิบายตัวอย่างชัดเจนถึงทัศนคติของชายในสังคมและวัฒนธรรมแบบนี้ที่มอง " สตรีเพศ " อย่างไร ฯลฯ ข้าพเจ้าขอยืนยันเห็นด้วยกับข้อเขียนของเจ้าของกระทู้ทุกประการ  ด้วยเพราะเคยใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับกลุ่มผู้ชนเหล่านี้มามากกว่า 5 ปี  และ ข้าพเจ้าใครขอรับรองและยืนยันว่า  เจ้าของกระทู้ที่ออกมานำเสนอบทความในกระทู้นี้มิได้มีเจตนา  หรือส่อไปในทางดูหมิ่น  ดูถูกศาสนาอิสลามแต่อย่างใด คนละเรื่องกันเลย แเต่เนื่องจากบทความของเจ้าของกระทู้นี้  ถือเป็นบทความทางวิชาการว่าด้วยสังคมวิทยาของชายในกลุ่มประเทศมุสลิมที่มีประเพณีวัฒนธรรมและความเชื่อที่แตกต่างไปจากบ้านเรา หรือของชาติตะวันตก เจ้าของกระทู้ได้อธิบายถึง ความเชื่อ  ความคิด  ทัศนคติของ"ชายบุรุษเพศมุสลิม "  ที่มีต่อสตรีเพศโดยทั่วไป  ซึ่งมิใช่เป็นความผิดอันใดทั้งสิ้นที่ผู้ชายมุสลิม (คือชายผู้นับถือศาสนาอิสลาม)  จะมีความคิด  หรือมีทัศนคติเช่นนี้ต่อสตรีเพศ  เพราะศาสนาอิสลามสอนให้คนเป็นคนดี  ศาสนาอิสลามสั่งสอนผู้คนที่อยู่ในภูมิประเทศแบบนั้น ( ทะเลทราย  ความแห้งแล้ง) ให้มีชีวิตอยู่ภายใต้กติกาของศาสนาที่เหมาะสมที่สุดแล้ว  ผู้หญิง  สตรีเพศในบรรยากาศแบบนั้น  มีความจำเป็นต้องซ่อนรูป  ซ่อนหน้า(โดยใช้ผ้าคลุมหน้า ฮิย๊าบ  ซึ่งสถานเอกอัครราชทูตไทยในประเทศตะวันออกกลางหลายประเทศมีผ้าคลุมหน้าประเภทนี้เตรียมไว้ให้สตรีไทยใช้สรวม  เวลาออกไปนอกสถานทูต) และซ่อนตัวอยู่ภายใต้อาภรณ์ที่มิดชิด รวมทั้งสตรีต้อง " สำรวม " กิริยามารยาทแบบ " สงวนหญิง " อีกด้วย  มิฉะนั้น  หากเปิดเผยตัว  หรือมีกิริยารุ่มร่ามไม่สงวนหญิง  บุรุษเพศผู้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติแปรปรวนกลางทะเลทรายแห้งแล้งได้เห็นแล้วจะเกิดอาการ " หื่นกระหาย "  ซึ่งเท่ากับสตรีที่ไม่ปกปิดซ่อนตัวเองดังกล่าวกระทำการหรือก่อการยั่วราคะหรือส่อการเชื้อเชิญชวนชายมาเสพสมในประเภทเดียวกับหญิงแพศยา  ก็จึงสมควรถูกบุรุษเพศล่วงละเมิดทางกามได้ ประเพณีเหล่านี้ถือปฎิบัติกันมาในโลกมุสลิมนับตั้งแต่องค์นะบีมูฮำมัดท่านได้ประกาศพระศาสนาที่เมืองเมดินะ Medina    ซึ่งขอย้ำอีกทีว่า  เป็นประเพณีและการปฎิบัติตามหลักศาสนาที่เหมาะสมที่สุดแล้วสำหรับภูมิประเทศและสังคมของโลกมุสลิม   *** ส่วนในโลกของฮินดูชน  เช่นในอินเดีย ผู้คนที่นั่นก็เคร่งครัดในเรื่องนี้มาก  ครั้งหนึ่งข้าพเจ้าเคยไปเรียนหนังสือที่  BHU Banaras Hindu  University มหาวิทยาลัยแห่งเมืองพาราณสี  ริมฝั่งแม่น้ำคงคาในรัฐอุตรประเทศ UP  ได้พบเห็นนักเรียนสตรีไทยที่เพิ่งมาจากเมืองไทยใหม่ๆ  เธอไม่เชื่อคำแนะนำของคนไทยรุ่นเก่า โดยเข้าไปซื้อของในตลาดด้วยเครื่องแต่งกายกระโปรงสั้น  ที่นั่น  แขกฮินดูต่างมองดู  โดยเฉพาะผู้ชายตาแทบถลน  แล้วซุบซิบกัน  แล้วเธอก็เจอดีโดนแขกเอื้อมมือมาลูบเข่า  ลูบขาเธอแล้วหัวเราะ  ทั้งนี้เพราะสตรีอินเดียไม่มีใครแต่งกายโชว์เข่า  โชว์ขาอย่างนั้น  คือพวกเขาใส่เสื้อนุ่งผ้าหรือห่มส่าหรีให้เห็นพุงได้  แต่ต้องไม่ให้เห็นเข่า-เห็นขา  หากแต่งอย่างนี้เขาถือว่าเป็นหญิงแพศยาลักษณะยิ่งกว่าโสเภณียั่วยวนชายให้มาเสพสม  ก็สังคมเขามองอย่างนี้น่ะ  ว่าเขาไม่ได้  ต้องว่าคนของเรา   ********  กรณีหญิงไทย " แชท "  กับผู้คนชาวอาหรับ  หรือตะวันออกกลางที่นับถือศาสนาอิสลาม  ก็เช่นกัน  ผู้ชายเขามีสิทธิจะคิดว่าคุณเป็นอะไรนอกจากผู้หญิงดี  ก็ได้  ว่าเขาไม่ได้  ต้องว่าคนของเราเอง  เช่นกัน ***  ดังนั้น  สตรีอื่นใด  ที่ประพฤติออกนอกทางสังคมประเพณีที่ดีของชนมุสลิมย่อมได้รับการดูถูกจากบุรุษเพศมุสลิม    หากท่านทั้งหลายอ่านแล้วเข้าใจในบทความนี้ ท่านเห็นหรือไม่ว่า  ไม่ว่าเจ้าของกระทู้  หรือข้าพเจ้า  หรือผู้ใดที่เข้าใจในศาสนาอิสลามดีจริง  มิได้ " ดูถูกศาสนาอิสลาม " ในที่นี้แต่ประการใด  ทั้งไม่มีข้อความตอนไหนกล่าวล่วงล้ำถึงตัวคำสอนในศาสนาอิสลาม (พระคัมภีร์อัล กุรอาน)ว่าไม่ดีแต่อย่างไร   *** จึงใคร่ขอกราบเรียนท่าน(เฉพาะบางท่าน)ที่ได้อ่านแล้ว  หรือบางท่านที่กำลังจะเข้ามาอ่านที่ยังไม่เข้าใจแจ้ง  ได้โปรดทำความเข้าใจเรื่องการดูถูกศาสนาอิสลามในที่นี้ใหม่ให้ถูกต้อง โดยให้เริ่มต้นด้วยการมีเจตนาที่ดีเสียก่อน  ประการแรกท่านจะได้เห็นโลกกว้างขึ้น  ประการสำคัญต่อมาผู้คนในสังคมโลกจะอยู่กันด้วยความสงบสุข *** ขอขอบพระคุณทุกท่านมา ณ ที่นี้ แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 51 16:03:29 แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 51 15:42:43 จากคุณ : วันนี้ขอเป็นนักสังคมวิทยา (Detente) - [ 6 มิ.ย. 51 15:23:12 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ถูกอย่างที่ คคห 29 ว่าครับ ถ้าใครคิดว่าใส่เสื้อผ้าเริ่ดแล้ว   เกิดความรู้สึกเขินหรือโกรธที่คนอื่นเขามอง.....ผมเห็นว่าอย่าใส่ซะดีกว่า    สิทธิเป็นของทั้งสองฝ่ายครับ    คุณมีสิทธิ์ใส่  คนอื่นเขาก็มีสิทธิ์ที่จะมอง....แฟร์ดี! ......ถ้าเผอิญว่าคุณSFP (SFP) และเพื่อนๆ ใส่เสื้อผ้าตามที่ว่ามานั้นมานั่งโต๊ะอาหารใกล้ๆ ผม.....ผมก็คงจะมองเหมือนกัน   เชื่อเช่นกันว่าผู้ชายส่วนใหญ่ก็คงไม่แตกต่างกัน สังคมไทยซับซ้อนและละเอียดอ่อนเรื่องตรงนี้ครับ     ถ้าคุณรับวัฒนธรรมการแต่งตัวเช่นนั้นมาโดยไม่สนใจประเด็นอื่นอย่างที่คุณ LAPD21 ว่า   คุณก็คงต้องรับผิดชอบผลลัพธ์ของมันเต็มๆ เรื่องการแต่งตัววับๆ แวมๆ  หรือรัดตรึงจนเห็นส่วนเว้าส่วนนูนนั้น (จะตั้งใจหรือไม่ตั้งปลุกใจบรรดาเสือป่าก็แล้วแต่)   ก็ใช่ว่าจะเป็นที่ยอมรับในสังคมตะวันตกเสียทั้งหมด   เช่น  อย่างแม่วิคตอเรีย  แบคแฮม   ตกเป็นขี้ปากของเหล่าบรรดาแมงเม้าธ์และชาวบ้านไปทั่งคุ้งทั่วแคว   หรืออย่างแม่ Liz Hurley แฟนเก่าของพ่อ Hugh Grant ที่เคยแต่งตัวแหวกขาแหวกหน้าอก   ก็ตกเป็นขี้ปากนินทาของสังคมอังกฤษมาแล้วเหมือนกัน......นี่ขนาดสังคมอังกฤษที่ถือว่าเป็นแม่แบบของแฟชั่นประเภทนี้   เขายังด่าทอพวกแต่งตัวอย่างนี้........ป่วยการที่จะพูดถึงสังคมไทยที่หลากหลายและซับซ้อน     ผมว่าคุณSFP (SFP)  และเพื่อนๆ โชคดีด้วยซ้ำไปที่เจอประเภทแค่ใช้สายตาลวนลามมองเท่านั้น    ถ้าไปเจอไอ้หื่นบ้ากามที่ไหนเข้า.......ไม่รู้ว่าโชคจะเข้าข้างไหม......??? จากคุณ : คนอุดรฯ (วัชรานนท์) - [ 6 มิ.ย. 51 15:55:31 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ขอบคุณ ทุกความเห็นที่มาแชร์นะคะ เราไม่ได้มีเจตนา ที่จะว่าศาสนาแต่อย่างใด แต่ในเมื่อ ทุกประเทศ แถบนี้ก็เริ่มเปิดแล้ว เค้าก็ต้องรับให้ได้ด้วย ตัวเรานั้น ไม่เคยแต่งตัว โป๊ โชว์ หรือ รัดรูป อย่างใดเวลาออกนอกบ้าน เพราะมีคนเตือน เสมอ ครั้งหนึ่ง เราใส่กางเกงยีนส์ขาตรง ( เดฟ ห้าส่วนยังใส่ไม่ได้เลย เพราะใส่แล้ว สวย เป็นจุดเด่น นอกจากจะใส่เสื้อตัวยาว ๆ คลุม  กรู กลายเป็นคนท้องไปอีก ) และเสื้อแขนยาว ไม่รัด  ยืนดูโชว์ในห้าง อยู่ดี ๆ  และ อยู่ดีๆ  นั้นเอง ก็มีเด็ก อาหรับ อายุประมาณไม่เกินสิบห้า ผู้ชาย วิ่งมาจับเอว แล้วก็วิ่งหนีไป  เอ้อ ไอ้เด็กเวน  คือ คงจะหมั่นเขี้ยวไง  ประจวบกับ พวกนี้มีทัศนคติไม่ดีกับคนเอเชีย ( เพราะที่นี่มีฟิลิปปินส์ เยอะ )  แบบประมาณ เค้าก็สอนกันว่า พวกหัวดำน่ะ คลาสต่ำกว่าอยู่แล้ว พวกอาหรับที่นี่ไม่ทำงานบริการ เลย จะเป็นคนชาติ อื่นทั้งหมด ฟิลิปปินส์ (หญิง ชาย ) อินเดีย มั่ง  เอ่อ แล้วจะไปทำงานบริการได้ไง  อย่างร้านอาหาร ชีลลีส์  แขกเข้ามา ก็ต้องยิ้มให้ ( อย่างหยดย้อย ) ต้องไป อยู่ใกล้ๆ เพื่อ รับออร์เดอร์ และด้วยการอยากบริการอย่างจริงใจ ซึ่งผู้หญิงอาหรับทำไม่ได้หรอก ยืนใกล้ผู้ชายขนาดนั้น แถม ต้องยิ้มให้ด้วย เพื่อนคนไทย ด้วยกัน เค้าเดินไปซื้อของ ร้านใกล้ๆ ตอนเดินกลับ เค้าก็แต่งตัวธรรมดานี่แหละ แต่พอดีเป็นคนอึ๋ม ไง  โดน หนุ่ม ขี่ มอไซด์ ผ่าน แล้วเอาน้ำสาด (จากขวดน้ำ ) ซะงั้น เพราะ หมั่นเขี้ยว ( คิดว่างั้นนะ ) คือ ไอ้เราก็ ได้รับการแนะนำบ่อย  ๆ  "อย่าแต่งตัวที่ให้เห็นรูปร่างของหน้าอก หรือ ขา"  อ้าว ก็กรูผู้หญิงนี่  คือ เสื้อผ้าที่จะใส่ได้ คงประมาณ แบบ เสื้อนักกีฬาเตะบอล หรือเสื้อยืดของผู้ชายไซส์ ใหญ่ เพราะไม่เห็นอะไรเลย  เฮ้ย  พวกนี้มันภูมิต้านทานต่ำขนาดนี้เลยเหรอ เช่น กางเกง ห้าส่วน ก็ใส่ไม่ได้ เพราะมันทำให้เห็นรูปร่างขา ชัดเจน เราไม้ได้ จะพูดถึง การแต่งกาย แบบวัยรุ่นไทยเลย ไม่เคยจะมาเอาเปรียบเทียบกับสังคมแบนี้ เพราะเปรียบไม่ได้แน่นอน   แต่ ที่นี่เค้าก็เริ่มปรับแล้วนะ เพราะว่า ตอนนี้ ผู้หญิงเค้าคลุมหัว แล้ว เผยอให้เห็นผม ข้างหน้า นิดหนึ่ง  โอย เรานะดีใจ๊ ดีใจกับ เค้า คือ เข้าใจว่า เขาก็อยากสวย บ้าง เพราะ ตอนนี้ ผู้หญิงต่างชาติเยอะมากๆๆๆๆๆๆ เวลาไปห้าง แล้วเข้าห้องน้ำหญิง พวกผู้หญิงอาหรับ เค้าก็ บรรจง แต่งหน้าและ ผม ใหญ่เลยนะ ( วัยรุ่น ยังไม่แต่งงาน เพราะมาเป็นกรุ๊ป ) คิ้วนะ เขียนแล้ว เขียนอีก  ผม (ที่เผยอมาให้เห็นนิดหนึ่ง ตรงหน้าผาก ) ก็จัดแล้วจัดอีก อืม คงไม่มีใครเชื่อหรอก ว่าเค้าไม่รู้สึกอะไร  แต่มีผู้หญิงมุสลิมบางพวก ( เลบานีส อีกเช่นกัน ) ที่เค้า มิดชิดเช่นกัน แต่ แต่งแฟชั่นด้วย  เช่น ใส่เสื้อแขนยาว (รัด)ข้างใน และข้างนอกเป็นเสื้อแขนกุด ( ใส่สองชั้น ) และคลุมศีรษะ ไอ้ แบบนี้ก็ว่าไปอย่าง อย่างน้อย เค้าได้แต่งตัวบ้าง ไม่คลุมดำ แต่ ในขณะที่ผู้หญิงต่างชาติ ที่ยืนข้าง ๆ กัน ( ทุกชาติ อินเดีย ฟิลิปปินส์ ไทย เลบานีส ) ก็ส่องกระจกจัดเสื้อผ้าปกติ แต่งหน้าปกติ สังคมมันกำลังเปลี่ยน ทั้งของพวกเค้าเอง  ในขณะที่ประเทศเค้าเองก็กำลังพัฒนาเพื่อให้เป็นอย่างดูไบ ( หลายๆ  ประเทศแถบนี ก็จะเอาดูไบ เป็นแม่แบบ เค้ามีโครงการอะไร ก็จะทำเหมือนกันหมด เช่น อย่าง ที่ทุกคนรู้จัก คือ ดูไบ มีปาล์ม ทรี แต่ หากคุณอยู่บนเครื่องมองลงมา คุณก็จะเห็นว่า แถบ ใกล้ๆ กันก็มี ( กำลังก่อสร้าง ) แต่จะใช้ชื่อเรียก ต่าง ๆ กันไป ไอ้แต่งเรียบร้อยน่ะ เข้าใจ แต่ถึงขนาดที่ผู้หญิงต้องใส่เสื้อแบบนักบอลแขนยาว เพื่อที่ไม่ให้ไปกระตุกต่อม ของเพศตรงข้ามอ่ะนะ แต่  ก็อย่างที่เล่าให้ฟังค่ะ แก้ไขเมื่อ 06 มิ.ย. 51 16:25:22 จากคุณ : Freedom of Life - [ 6 มิ.ย. 51 15:56:23 ]

ความคิดเห็นที่ 40 เข้ามาสนับสนุน "วันนี้ขอเป็นนักสังคมวิทยา (Detente)" กะ "Freedom of Life" จากคุณ : clubspanky - [ 6 มิ.ย. 51 16:18:03 ]

ความคิดเห็นที่ 41   "ความคิดเห็นที่ 37 จากคุณ : วันนี้ขอเป็นนักสังคมวิทยา (Detente)   ^^ ^^ เย้.....เขียวใบตองมาแล้นนนน     +++++++++++++++++++++++++++++++++++++ ปล. เราอ่านแล้วก็เข้าใจเจตนาของ คุณ Freedom of Life ในการเขียนกระทู้นี้ จากประสบการณ์ตรงของเธอ ซึ่งเป็นผู้หญิงไทยที่อาศัย และ ทำงานอยู่ใน ตะวันออกกลาง มีเพื่อนร่วมงาน เป็นชาวตะวันออกกลาง และ ชาวอินเดียมากมาย ความรู้รอบตัว รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม และ ควรเปิดใจ เปิดสมองเรียนรู้ รู้เอาไว้ไม่เสียหลาย       ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ โพสท์ภาพนี้ปลากรอบ คห. 38 ของคุณ คนอุดรฯ (วัชรานนท์) ด้วย ภาพ Liz Hurley ในวันแต่งงานกับหนุ่มนักธุรกิจไฮโซอินเดีย Arun Nayar เด็กในภาพคือลูกของ Liz ชื่อ Damien ซึ่งเกิดกับ Steve Bing เศรษฐีชาวอเมริกัน   จากคุณ : Siamese Girl - [ 6 มิ.ย. 51 16:55:39 ]

ความคิดเห็นที่ 42 กระทู้นี้น่าสนใจ จากคุณ : jeejeeberry - [ 6 มิ.ย. 51 17:39:24 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ได้ยินข่าวบ่อยๆที่เยอรมันค่ะ เรื่องพ่อ พี่ชาย ฆ่าลูกสาว ล่าสุดก็ 3-4 อาทิตย์ที่แล้วนี้เองค่ะ จากคุณ : asita - [ 6 มิ.ย. 51 18:20:43 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ข่างไทยรัฐวันนี้ http://www.thairath.co.th/news.php?section=society&content=92483 จากคุณ : คนอุดรฯ (วัชรานนท์) - [ 6 มิ.ย. 51 18:51:16 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ข่าว ไทยรัฐวันนี้ http://www.thairath.co.th/news.php?section=society&content=92483 จากคุณ : คนอุดรฯ (วัชรานนท์) - [ 6 มิ.ย. 51 18:51:30 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ...ท่าเบิ่งเด้อ..เดี๋ยวก็ขึ้นธรรมเนียบแนะนำ... จากคุณ : ~น้ำตาล..หวานเยิ้ม~ - [ 6 มิ.ย. 51 21:20:41 ]

ความคิดเห็นที่ 47 คุณ Freedom of Life อธิบายมันส์มากๆค่ะ อิอิ จากคุณ : hi_tidty - [ 6 มิ.ย. 51 22:51:35 ]

ความคิดเห็นที่ 48 # 37 .....น้องติดตามอ่านเม้นท์ของคุณเป็นประจำเลยค่ะ ตั้งแต่ที่ยังไม่ได้เข้าวงการ (เป็นสมาชิก) ...เอ่ออออ....แระ ก็ เอออ... น้องขอความเป็นธรรมด้วยค่ะ ชอบอ่านเม้นท์ของท่าน อย่างมากเลย แต่สายตาเริ่มแย่แล้วค่า...ทางที่ดี ช่วยน้องด้วยนะคร๊า...าาา ช่วยพิมพ์ให้อ่านง่ายๆ หน่อยเถ้อ...สาธุ ๆๆๆ จากคุณ : ~น้ำตาล..หวานเยิ้ม~ - [ 6 มิ.ย. 51 23:26:27 ]

ความคิดเห็นที่ 49 สวัสดีคุณเบอร์ 34 ไม่ได้เจอกันนาน คิดถึงเสมอ ทำงานหนักมากๆ เงินทองเหลือกินเหลือใช้ก็เอามาโปรยๆแถวนี้บ้างก็ได้นะคะ จากคุณ : PatPDX - [ 7 มิ.ย. 51 01:25:49 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ท้ายที่สุดแล้ว   ชายไทยนี่แหละดีที่สุด......ยิ่งได้ชายไทยที่ผ่านการบวชเรียนมาแล้ว......ถึงจะเสียทองเท่าหัว   สาวๆ อย่ายอมเสียผัวคนผ่านการบวชเรียนมาเป็นอันขาด.......... จากคุณ : คนอุดรฯ (วัชรานนท์) ^ ^ มีใบรับประกันแบบตลอดชีำพไหมคะ จะได้ยิ่งเพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้า จากคุณ : Scooterella - [ 7 มิ.ย. 51 01:35:29 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ลงชื่อ อ่าน คะ ได้ความรู้เยอะเลย ทั้ง จาก จขกท และ คห อื่น ๆ ที่มา ร่วมออก ความเห็น จากคุณ : fiony - [ 7 มิ.ย. 51 02:50:01 ]

ความคิดเห็นที่ 52 แมงโม้บินว่อนเลยนะคะคุณ คนอุดรฯ (วัชรานนท์) แต่ก็แน่ใจว่าคนข้างตัวคุณคนอุดรฯเขาออกใบ QC ให้ได้ เอ้..เสียงใครลับมีดอยู่หลังครัวหว่า.. จากคุณ : PatPDX - [ 7 มิ.ย. 51 02:53:31 ]

ความคิดเห็นที่ 53 จริงๆแล้วเนี่ย เคยได้ยินว่า มันก็มีหญิงประเภทสำส่อนที่ ชอบมั่วเพศ มั่วผู้ชาย พอได้เผด็จศึกฝ่ายชายที่รู้จักกันทางเนตก็เอามาป่าวประกาศให้คนได้รู้ มีการทำเป็นสถิติแจกแจงด้วยนะ ว่าพิชิตหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่จากประเทศไหนมาบ้าง มีการมาเล่าอีกว่าของประเทศไหนแท่งสวย หัวสวย อีกแหน่ะ แหม...ทำไปได้ ที่เรากล่าวมาเนี่ย เราว่าหญิงประเภทนี้น่าจะส่งไปสนองตัญหาให้พวกแขกลงแขกนะ จะได้ win-win แถมฝ่ายหญิงก็ยังทำประโยชน์เพื่อส่วนรวมไม่ใช่แค่ความบันเทิงส่วนตัวอย่างเดียว ก็ได้เป็นจิตแพทย์ แผนกกามบำบัดไงคะ แก้ไขเมื่อ 07 มิ.ย. 51 05:27:33 จากคุณ : แค่ความเห็นของสมาชิกคนหนึ่ง (casidy) - [ 7 มิ.ย. 51 03:16:46 ]

ความคิดเห็นที่ 55 มาอีกแระ..และขอดอดข้อความสั้นๆ ""ใครจะ Fun กับใคร..ยังไงไม่สน"" ""แต่อย่าลืมห่วงก้นกันด้วย"" ""เพราะสมัยนี้เกย์..มันเยอะ..เด๋วซวย"" ""เด๋วสิห่องไห้.....ช่วยด้วยๆ ม่ายทัน"" ......... ระก๊าาาา...ไปแระ จากคุณ : ~น้ำตาล..หวานเยิ้ม~ - [ 7 มิ.ย. 51 05:07:08 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ขอยืมเนื้อที่ทักคูหา 54 หน่อยค่ะ ย่างหมูปิ้งไว้รอเลยนะ เดี๋ยวเราเอาข้าวเหนียวไปแจม หือ...มางวดนี้เสียงหัวเราะน่ารักจัง กิ๊ก...กั๊ก  กิ๊ก...กั๊ก.. แต่ของเราหัวเราะทีหลังดังกว่านะ กร๊ากกกส์...กรั่ก..กรั่ก...กรั่ก..กรั่ก.. จากคุณ : casidy - [ 7 มิ.ย. 51 05:25:57 ]

ความคิดเห็นที่ 58 เพิ่งมาเห็นกระทู้นี้น่าสนใจดีค่ะ ชอบหลายความเห็นที่เขียนวิเคราะห์เจาะลึกอย่างน่าอ่าน บางความเห็นก็ฮาดี เลยขอกดโหวตนะคะ จากคุณ : pixp - [ 7 มิ.ย. 51 09:56:22 ]

ความคิดเห็นที่ 59 เอ.... คห. ท้าย ๆ เค้าคุยเรื่องอะไรกันง่ะ เข้ามางงแระ ไปดีกว่า... ฮุฮุ ....................................... รักกันไว้เถิด.... เราเกิดร่วมแดนไทย.... จะอยู่ชาติไหน... ไหน ก็ไทยด้วย... เชื้อสายประเพณี.... ไม่มีกีดกั้น.... เกิดใต้ธงไทยนั้น... ปวงชนทุกคนคือ ไทย ...................................... จากคุณ : Das bin ich - [ 7 มิ.ย. 51 10:58:21 A:202.91.19.192 X: TicketID:177513 ]

ความคิดเห็นที่ 60 เป็นกระทู้ที่ดีมากค่ะ จากคุณ : แอบมาอ่าน (crinum) - [ 7 มิ.ย. 51 12:41:42 ]

ความคิดเห็นที่ 61 ยืนยันตามเจ้าของกระทู้เขียนเลยค่ะ ไม่ชอบพวกนี้มากๆ เจอแล้วไม่ตอบมัน มันด่ากลับแบบหยาบคายก็มี เซ็ง!!! แต่คิดว่ามันคงจะเก็บกดอ่ะ สมน้ำหน้ามัน เหมือนกันบางทีน่ะ จากคุณ : cant smile without u - [ 7 มิ.ย. 51 16:26:52 ]

ความคิดเห็นที่ 62 ทุกวันนี้การมีแฟน ต่างชาติต่างภาษา ต่างวัฒนธรรม  ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อีกต่อไปแล้ว แต่การเรียนรู้กันและกันและวัฒนธรรมของอีกฝ่ายเป็นเรื่องยาก เพราะอยู่ไกลคนละประเทศ  ถ้าเป็นโซนยุโรป usa uk จะมีให้อ่านเยอะ จากผู้ไปใช้ชีวิตทั้ง ไปเรียน ติดตามสามี ไปทำงาน ที่นำมาเล่าสู่กันฟัง นี่เป็นความรู้ใหม่จริงๆ กระทู้นี้รายละเอียดเยอะ ขอโหวตคะ เผื่อใครกำลังหาข้อมูลประเทศเหล่านี้ จะได้มีใว้อ่านคะ แก้ไขเมื่อ 07 มิ.ย. 51 17:06:42 แก้ไขเมื่อ 07 มิ.ย. 51 16:51:38 จากคุณ : fiony - [ 7 มิ.ย. 51 16:49:43 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ... -"- ไม่ได้เป็นแบบนั้นกันหมดหรอกนะ อาจจะเป็นส่วนใหญ่ก้อจริง แต่ที่ไม่ได้เป็นก้อไม่ใช่น้อยๆ คนอาหรับสมัยนี้ ไปเรียนยุโรปกันแล้วค่ะ บางคนที่เรารู้จัก สุภาพกว่าพวกอังกฤษอีก เอาเป็นว่า เราไม่พูดดีกว่า จากคุณ : นางมารนอกสังกัด - [ 7 มิ.ย. 51 20:38:40 ]

ความคิดเห็นที่ 64 สบายดีไหม จขกท คิดถึงเน้อ ชีวิตผ่านคลื่นมรสุม มัลดีฟ มา อยู่กับงานธุรกิจ เติบโตเป็นปีทอง . . . มุสลิมวันนี้ ยังไม่รู้ว่า มันจะรีเทิน หรือ ผ่านเลย ปลงหนอ ตั้งสติหนอ อยู่เฉยๆ เดี๋ยวมันก็ มันเอง แก้ไขเมื่อ 08 มิ.ย. 51 02:23:28 จากคุณ : kuddle - [ 8 มิ.ย. 51 01:13:07 ]

ความคิดเห็นที่ 65 หกสิบสี่ ก้ไข หน่อยได้ไหมจ๊ะ แหมไม่ต้องทักขนาดนั้นก็ได้ ไม่อยากเปิดเผยตัว จากคุณ : Freedom of Life - [ 8 มิ.ย. 51 01:54:01 ]

ความคิดเห็นที่ 66 บางความเห็นนี่ก็ตอบ ซะ เฮ้อ... จากคุณ : [7th Heaven] - [ 8 มิ.ย. 51 08:44:10 ]

ความคิดเห็นที่ 69 อ่านไปอ่านมาก็ งง สรุปใครสำส่อนอ่ะเนี่ย เง้อ ใครไขความกระจ่างให้หนูที ว่าแต่ ใครอ่า มีบอกด้วยเหรอแท่งไร หัวไรสวย ไหนๆ ไขความด่วน จากคุณ : AnCk-Su-NaMuN - [ 8 มิ.ย. 51 17:03:53 ]

ความคิดเห็นที่ 70 ^ ^ ^ กรี๊ดดด ได้เลขสวยค่ะ 69 เหอะๆ ดีใจนะนี่ที่ได้เลขสวย จากคุณ : AnCk-Su-NaMuN - [ 8 มิ.ย. 51 17:04:31 ]

ความคิดเห็นที่ 71 ขอบคุณค่ะ ความคิดเห็นที่ 67 ที่ชอบภาพที่ดิฉันเอามาแปะ... รูปหมาที่บ้านน่ะค่ะ ฮี่ๆๆๆ จากคุณ : [7th Heaven] - [ 9 มิ.ย. 51 08:56:32 ]

ความคิดเห็นที่ 74 อ่า เมล์ๆ ขอรู้เรื่องด้วยนะคะ เมล์หนูค่ะ แก้ไขเมื่อ 09 มิ.ย. 51 16:34:51 จากคุณ : AnCk-Su-NaMuN - [ 9 มิ.ย. 51 15:14:18 ]

ความคิดเห็นที่ 75 ปูลู.ถ้าพี่ส่งเมล์มาแล้วบอกดว้ยนะคะ จะได้ลบเมล์ออกค่ะ - -* จากคุณ : AnCk-Su-NaMuN - [ 9 มิ.ย. 51 15:21:35 ]

ความคิดเห็นที่ 76 มายืนยันว่าที่จขกท.เขียนเป็นความจริง เราเองก็ได้สัมผัสและรู้จักตัวตนของผู้ชายจากประเทศตะวันออกกลางมาไม่น้อย   เป็นเช่นนั้นจริงๆ   ในสังคมไม่มีเพื่อนต่างเพศ  ตั้งแต่เริ่มโต  ไม่เคยมีเพื่อนต่างเพศ เพราะถูกบังคับให้แยกกันออกเด็ดขาด  จนกระทั่งแต่งงานก็ยังมีเพื่อนต่างเพศไม่ได้ ขนาดสามีภรรยาจะจัดปาร์ตี้ที่บ้าน (ที่เมกานะ) เชิญครอบครัวเพื่อนๆมา  ยังแยกกันตั้งวงคนละห้องเลย  วงผู้ชาย วงผู้หญิง  เด็กๆอยู่กับวงผู้หญิง ภรรยาไม่มีวันรู้จักเพื่อนๆสามีเลย  สามีก็เช่นกัน ไม่รู้จักเพื่อนๆเมียเลย  อาจจะเห็นหน้าค่าตาแว๊บๆ  แต่ถึงขนาดสนทนาและรู้จักกันเป็นเรื่องเป็นราวนี่ไม่มี ส่วนเรื่องบทลงโทษเรื่องปาก้อนหิน  สมัยนี้ก็ยังคงมีอยู่ในหลายๆประเทศ  ซาอุนี่มีแน่ๆ  เพียงแต่ไม่เป็นข่าวออกนอกประเทศ  ยังทำกันเป็นเรื่องปกติ ส่วนตัวเราว่ามันซาดิสม์ เหี้ยมโหดผิดมนุษย์มากไปนิด เราว่าศาสนานี้ในตะวันออกกลางค่อนข้างจะบีบบังคับอะไรที่ผิดธรรมชาติมนุษย์มากเกินไป   ธรรมชาติคนที่ว่าก็คือ  เซกซ์น่ะแหละ  เซกซ์เป็นธรรมชาติ เหมือนการกิน ดื่ม หลับนอน  เพียงแต่ต้องควบคุมมันให้ถูกทาง  แต่เค้าเลือกที่จะควบคุมโดยตัดทั้งหมดแบบ ไม่ให้เห็นเลย  คนเราพอโดนบังคับขนาดนั้น  มันก็ต้องมีเก็บกดออกนอกลู่นอกทางเป็นธรรมดา ทำให้คน (ผู้ชาย) ออกแนววิปริต  เก็บกด ผิดมนุษย์เช่นกัน แก้ไขเมื่อ 09 มิ.ย. 51 15:32:53 จากคุณ : Queen of hearts - [ 9 มิ.ย. 51 15:30:03 ]

ความคิดเห็นที่ 78 อ่า ไม่ได้เมล์เลยค่ะพี่ แก้ไขเมื่อ 09 มิ.ย. 51 16:55:47 จากคุณ : AnCk-Su-NaMuN - [ 9 มิ.ย. 51 16:39:17 ]

ความคิดเห็นที่ 80 แก้ไขเมื่อ 09 มิ.ย. 51 18:03:16 จากคุณ : CoolDubaiChic - [ 9 มิ.ย. 51 17:59:35 ]

ความคิดเห็นที่ 82 ขออณุญาติ จขกท เอากระทู้ดีๆอันนี้ไปให้คนๆนึงอ่านนะคะ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : ich habe kein Geld - [ 9 มิ.ย. 51 19:21:34 ]

ความคิดเห็นที่ 83 เริ่มยาวแระ...เด๋วแวะมาใหม่ จากคุณ : ~น้ำตาล..หวานเยิ้ม~ - [ 9 มิ.ย. 51 21:24:45 ]

ความคิดเห็นที่ 84 เอามาเพิ่มเติมค่ะ ขอต่อเรื่องเพศ ที่สามในวัฒนธรรม ของคนเหล่านี้ เนื่องจาก ศาสนาเขาสอนว่า ในโลกนี้มีแค่ สองเพศ เท่านั้น  เพศ ที่สามจึงเป็นสิ่งที่รับไม่ได้ อย่างแรง เค้าขยะแขยง (จริงๆ ) เวลา เราพูดถึงเพศที่สามให้ฟัง (ก็เมืองไทย มันเปิดแล้วนี่ ก็เลยเล่าให้ฟังบ้าง) คนที่นี่จะ ขยะแขยงมาก  คิดได้แม้กระทั่งว่า พวกเพศที่สามน่ะ ปลอมตัวมา เพื่อที่จะได้มาอยู่กับผู้หญิงแล้วหาทางมีเซ็กส์กับผู้หญิง  โอ๊ย ๆๆๆ คิดได้ไงวะคะ (ในหัวคิดได้แต่อย่างนี้แหละ เอ กับ บี อยู่ใกล้กันเมื่อไหร่ ไฟช็อตต้องเกิดปฏิกิริยาทันที) เค้าบอกว่า ตราบใด ที่กระเทย ยังมีอวัยวะเพศชายอยู่ ก็สามารถมีอะไรกับผู้หญิงได้ทุกเมื่อ  เราจะเถียงยังไงก็ตาม  ( ก็ดันไปเล่าให้ฟังว่า ตอนอยู่มหาวิทยาลัย มีเพื่อนเป็น สาวประเภทสอง ) เราก็บอกแล้วว่า คนนี้ มันเป็นกระเทย เห็น ๆ  ใคร ๆ เค้ารู้กันทั้งตำบล รู้ทั้งหมู่บ้าน  มันก็ไม่เชื่อ ไม่เชื่อ ไม่เชื่อ ไม่เชื่อ จนกว่า ชีเมล เหล่านั้นจะแปลงเพศ (ตัดออก)  มันถึงจะเชื่อ ( สรุป เป็นผู้หญิงก็คุยกับกระเทย ก็ไม่ได้ )  แถมยังถามอีก ว่า ถ้าแปลงเพศแล้วจะ มีเซ็กส์อย่างไร ( ทั้งชีวิต คิดแต่เรื่องนี้ ) ไอ้เราก็อยากให้เค้าเปลี่ยนความคิดซักนิดบ้าง ก็ส่งพวกฟอร์เวอร์ดเมล์ เกี่ยวกับ เกย์ หรือ กระเทย ที่เค้าได้ดิบได้ดี เป็นตัวอย่างของสังคมไปให้ดู ก็พูดให้ฟังว่า เนี่ย พวกนี้เค้าทำงานด้านแฟชั่น งานฝีมือเก่งนะ (และอื่น ๆ ) และก็บอกว่าให้ไปดู ทิฟฟานี่โชว์ที่พัทยาสิ ก็ดันมาว่าเรา “ผิดปกติ”  จริงๆ มันว่าเราผิดปกติจริงๆ ไม่ได้พูดเล่น ซีเรียสมาก  มันมาว่าเราผิดปกติทางเพศ ที่นิยมชมชอบเพศที่พระเจ้าไม่ได้สร้างมา จนต้องหยุดพูดเรืองนี้ เพราะ มันจะไม่มีวันยอมรับ แล้วเราก็รำคาญ แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่มีนะ  มีสิ  ใส่ชุดขาวปกตินี่แหละ แต่เดินกรีดกรายเชียว  แต่ก็น่าสงสารนะ เพราะว่า เค้าจะโดนดูถูกจากเหล่าเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันมาก ( เพราะเข้าโรงเรียนหญิงไม่ได้ไง ยังไง ก็ต้องเข้าโรงเรียนชาย )  เคยเห็นพวกนี้ เป็นกลุ่มที่สนามบิน เห็นตั้งแต่แรก คิดในใจ มันไปเที่ยวบางกอก แน่ ๆ  มันไปไหนไม่ได้อยู่แล้ว ( เช่น ไม่ไปเที่ยวประเทศมุสลิม ชัวร์ ๆ ไป ก็ปลดปล่อยไม่ได้ดิ )  พอเช็คบอร์ดดิ้งเสร็จ  ก็เป็นดังคาด  แก๊งนี้ไป กทม จริงๆ ด้วย อืม  ด้วยความที่อาหรับพวกคนอาหรับจะตัวใหญ่  แก๊งค์นั้น ก็ เป็น ชีเมล แบบ บึก ๆ นิดหนึ่ง แต่ก็ ร่าเริงมากเลยแบบว่าจะได้ไปเริงร่าที่เมืองไทย มาคงมีความสุขมากน่ะ  ก่อนเครื่องแลนดิ้ง ก็ โบ๊ะหน้ากันใหญ่ ( ดันได้นั่งใกล้ๆ อีก )   เรื่อง ชีเมลในสังคมอาหรับพักไว้ก่อน....... ที่เขียนมาทั้งหมดนี้ เพราะว่าเคยได้ คุยกับสมาชิกพันทิพบางท่านที่เค้า คบกับคนที่มาจากสังคมแบบนี้  บางคนไม่รู้เลย แบคกราวน์เค้าเป็นยังไง (เข้าใจว่าชื่อประเทศดูดี) ผู้หญิงก็คุย ๆ ไป ก็ได้เล่าให้ผู้ชายทางโน้นฟัง ว่ามีเพื่อน เป็นกลุ่ม เลย  มีเพื่อนที่ทำงานคนนี้เป็นเกย์ มันก็ไม่เชื่อ แล้วก็ ด่าผู้หญิงเสีย ๆ หาย ๆ ด่าว่า คงจะไปมีอะไรกับ “เพื่อนแชท”  เหล่านั้น ของหล่อนไปทั่ว  ด่าแรงมาก (เค้าเซฟหน้าที่คุยเอ็ม แล้วส่งมาให้ดูด้วยล่ะ) ผู้ชายเป็นโมร็อกกัน (คนโมร็อกโค เค้าเคยเล่าเรื่องเค้าในพันทิพด้วย แต่อยู่ห้องอื่น)  ด่าแรงจริงๆ จนเราต้องบอกว่า เออ ปล่อยมันไปเถอะ ผู้หญิงก็ท้องด้วย   ตอนนี้เค้าก็เลี้ยงลูกคนเดียว แต่เค้าจะพูดว่า ลูกเค้าเป็น “ลูกครึ่งโมร็อคโค”  ไอ้เราฟัง ๆ ดูไม่รู้หรอก เห็นชื่อประเทศ มันโก้เก๋ ดี  แต่ว่าคงตัดขาดกับผู้ชายคนนั้นไปแล้ว ( เป็นไปตามข้อหนึ่ง )   บางท่าน ก็บอกว่า  แฟน โกรธ เพราะเล่าให้ฟังว่า คุยกับเกย์คนหนึ่ง แล้วเกย์มันกวนทีน  อารมณ์ผู้หญิงมีอะไร ก็อยากเล่าให้แฟน ฟัง วันนี้ไปทำอะไรมาก็อยากเล่าหมด   แต่เปล่า  ผู้ชาย ก็โกรธ ก็ว่าเสีย ๆ หาย  ๆ  ว่า ผู้หญิงนอกใจ ไป คุยกับชายอื่น  ผู้หญิงบอกว่า มันเป็นเกย์ บอกยังไง ผู้ชายก็ไม่เชื่อ  ( ปล ถ้ามาอ่านเจอ ขออนุญาต ยกตัวอย่างเคสนะคะ คุณทั้งสอง ) ผู้ชายแบบนี้ (ทำตัวเองมีแฟน ทั้งๆ ที่ผิดหลักศาสนา) ไม่น่าให้เกียรติเค้าเรื่องศาสนาเลย เช่น มาเที่ยวเมืองไทย มาหาแฟน (แค่นี้ก็ผิดแล้ว) แต่แอบไปมีผู้หญิงอื่น แถมมาบอกแฟนว่า ไม่กินหมูห้ามทำกับข้าวที่มีหมูมาให้กิน  แต่ขอโทษ เฮีย แก แอบสั่ง ไฮเนเก้น กิน ก่อนแอร์ เค้าจะเสิร์ฟ อะไรทั้งนั้น พอเครื่องเริ่มเทค ออฟ ก็สั่งเบียร์แล้ว  โธ่ น่าจะถอดชุดโต๊ปออกก่อนนะพ่อคุณ (ชุดขาวน่ะ) บนหัวน่ะ ก็หมวกที่เป็นสัญลักษณ์เกี่ยวกับศาสนามิใช่หรือ ถ้าเป็นแบบเอาผ้าพันเฉย ๆ ที่ไม่มีความหมายใด ๆ ก็ว่าไปอย่าง   แปลงกายก่อนสิ แล้วดิฉันจะไม่รู้สึกอะไรเลย เพราะเข้าใจว่า บางทีพวกคุณก็อึดอัดเหมือนกัน ( ส่วนตัวเราเข้าใจนะ ว่าบางคนก็อึดอัด ) จากคุณ : Freedom of Life - [ 10 มิ.ย. 51 01:06:32 ]

ความคิดเห็นที่ 85 พวกอาหรับจะมี stereotype เดียวกัน นั่นคือ ชอบโวยวาย  อันนี้ใครทำงานบริการ คงรู้ดี (ขอยกเว้นกลุ่มที่ไปเรียนเมืองนอก หรือไปใช้ชีวิตอยู่เมืองนอก) คอมเพลนเวลาไม่ได้รับเซอร์วิศ อย่างที่ตัวเองต้องการ  ถามกลุ่มคนที่ทำงานโรงแรมได้  ไม่ค่อยมีใครอยากได้แขกอย่างนี้หรอก     ทำไมอาหรับถึงชอบโวยวาย ก็อยู่ประเทศตัวเองไม่เคยทำงานบริการนี่เกิดมาไม่เคยรู้หรอกว่า เวลาบริการคนแล้วต้องทำหน้ายิ้มแย้มและต้องทำตัวต่ำต้อยว่าท่านเซอร์ทั้งหลายน่ะเป็นยังไง กลุ่มประเทศเหล่านี้ มีแต่คนอินเดีย เนปาล ฟิลิปปินส์มาทำให้ (และอื่น ๆ ก็ศรีลังกา ปากีสถาน)  ไม่รู้หัวอกคนอื่นหรอก ไม่เข้าใจหรอกว่าใจเขาใจเราเป็นยังไง    หนำซ้ำ ผู้หญิงยังพูดหวานๆ แบบสุภาพเรียบร้อยไม่ได้ ( พูดได้กับสามีคนเดียวเท่านั้น) จะไปหัวร่อต่อกระซิกในที่สาธารณะก็ไม่ได้ (เดี๋ยวคนเห็น)   ตะวันออกกลางคนอินเดีย เยอะ จริงๆ  แล้ว โดยวัฒนธรรมอินเดีย แต่ปางก่อน เค้าก็มีชนชั้นอยู่แล้ว พอมาอยู่นี่ ก็ ต้องอยู่อันเดอร์ อาหรับและ เลบานีส  (แขกขาว) เวลาจะพูดกับเจ้านาย ก็ต้อง เซอร์ ( Sir )  ทุกคำ เยสเซอร์ ทุกคำ เชื่อไหม ขนาดเค้าพูดถึงบุคคลที่สามกับเรา เค้ายัง มีเซอร์ตบท้ายชื่อคนคนนั้นเลย เช่น “ Miss,  ABCD Sir  said he would come back around 11.30 am”  มันเมม เชื่อเจ้านายในโทรศัทพ์ ยังเมม ว่า ABCD Sir เลยนะ ( ไปแอบเห็นมา )  แต่ดีนะ ที่ไอ้นาย คนนี้มันยังเอาของกินมาฝากลูกน้องมันบ้าง ( เอ่อ แต่ส่วนใหญ่จะเป็น ซื้อมาแล้วมันกินไม่หมดน่ะ มันถึงให้เมด มัน)   พอมาเจอคนเอเชีย ที่ตำแหน่ง “สูงกว่า” อาหรับ (เลบานีส) แต่ มีความเมตตา กรุณาต่อ เหล่าแรงงานพวกนี้มาก เค้าดีใจมากเลยนะ แบบหน้าตาเค้ารู้สึกปลาบปลื้มมากเลยที่ได้ฟังน้ำเสียงการสั่งงานอันสุภาพ ไม่ต้องตะคอก (คนญี่ปุ่นเป็นคนสั่ง) คงคิดไม่ถึงว่า จะมีเจ้านายเช่นนี้อยู่ในโลกด้วย ( เมด เป็นคนศรีลังกัน อินเดีย กับ เนปาล ) พวกคนไทยด้วยก็คุยกันได้  ไม่ต้องเยส เซอร์ เพื่อนคนไทยบางคนกลับเมืองไทย ก็ซื้อเสื้อยืด “ไทยแลนด์”  จากประตูน้ำไปให้  โอย พวกแก ดีใจมาก เพื่อนบางคนซื้อกางเกงยีนส์ตัว 199 ไปฝากคนขับรถ (อินเดีย) เค้าดีใจมากเลยนะ  น้ำตาจะไหลพราก ๆ  คือ ดีใจจนยิ้มไม่หุบไปสามวัน  ต่างจากอาหรับอย่างสิ้นเชิง  กับพวกอาหรับนั้น แทบจะต้องก้มหน้าตลอดเวลาคุยด้วย  ไม่เคยซื้ออะไรมาฝากพวกนี้หรอก ...............  คือ คนอินเดียนั้น ถ้าทรีท เค้าให้เป็น เค้าก็ดีนะ คือ บางคนพื้นฐาน จริงๆ เค้าซื่อมากเลยแบบว่าจิตใจดี ยิ่งเราให้เกียรติเค้าและไม่ดูถูกเค้า (แต่ให้รู้ที่ต่ำที่สูงด้วยนะ)  ก็เป็นคนดีคนหนึ่งเลย เหล่านี้เป็นเหตุให้ อาหรับ ไปไหน ก็ต้องคาดหวังว่า จะได้รับการ ทรีท แบบ ตอนที่ตัวเองอยู่ประเทศตัวเอง  เคยไปเจอ สองสามคนไปเที่ยวตลาดน้ำ (ราชบุรี ) เค้าให้ลงเรือแจว อันเล็ก ๆ เอ่อ มันทำหน้าแบบ ผิดหวัง ไง ( คงคิดว่า เรือน่าจะดูดีกว่านี้ ) อยู่บ้านตัวเองนั่งแต่รถคันใหญ่ ๆ (คนที่นี่ใช้แต่รถคันใหญ่ ๆ เช่น ฮัมเมอร์ ปาเจโร แลนด์ครูซ และอื่น ๆ)  เคยเจอสองผัวเมีย อิราเนี่ยน ( อิหร่าน ) ซื้อแพคเกจไปเที่ยว สวนช้าง แล้วเค้าให้นั่งรถตู้ไปกับลูกทัวร์คนอื่น ๆ เจ๊ แก ทำหน้า กระอักกระอ่วน อึดอัดไง ที่นั่งก็แคบ ( แถมเค้าตัวใหญ่ด้วย  ทั้งผัวเมีย ) คนที่นี่จะตัวใหญ่มาก  แหม ก็กินไก่กันทีละตัว อย่างนั้น ( จริงๆ ) ไปไหนก็ไม่ค่อยได้หรอก มาเที่ยวกรุงเทพ มาแต่ห้าง  ( แล้วมันจะรู้อะไรไหม )  ไม่รู้ว่า เมืองไทย มีน้ำตก มีภูเขา ( ทะเลน่ะ รู้ เพราะว่าภูเก็ตดัง ) อนึ่ง ที่เค้าไม่ค่อยได้เที่ยวที่ไหนมาก ในเมืองไทย เพราะว่า เค้ามาเป็นครอบครัว เนื่องด้วยวัฒนธรรมเค้า ยี่สิบ กลาง ๆ ก็แต่งงานแล้ว  พ่อแม่ แทบจะกราบขอร้องให้ลูกแต่งงาน แบบ ลูกไม่ต้องเสียค่าอะไรทั้งนั้น ผู้หญิงเดี๋ยวแม่ก็หาให้ เรื่องเงิน พ่อก็จัดการให้ ได้โปรดมาแต่ตัวก็พอ อ้าว แล้วจะเอาเวลาที่ไหนมาใช้ชีวิตโสดล่ะ ผู้หญิงเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ ก็แต่งงานแล้ว ( ดรอปเรียน แล้วมาแต่งงานได้ ) จะมาเที่ยวคนเดียว ก็ไม่ได้ ต้องพาลูกพาเมียมาด้วย  อ้าว แล้วจะไปไหนได้ล่ะ  เดี๋ยวคุณนาย จะลำบาก อายุไม่ถึงสามสิบ ก็ลูกสี่แล้ว ลูกก็ยังเล็ก อยู่ อย่างไรก็ตาม ที่เล่ามาทั้งหมดนี้ ยกเว้นพวกที่เค้าส่งลูกส่งหลานไปอยู่เมืองนอกนะ หรือว่า พวกที่ไปเรียนเมืองนอกนะ  พวกนั้น เค้าจะวิสัยทัศน์ กว้างไกลกว่า จากคุณ : Freedom of Life - [ 10 มิ.ย. 51 01:13:53 ]

ความคิดเห็นที่ 86 มาเล่าเรื่อง เกี่ยวกับคนอียิปต์บ้าง จริงๆ แล้ว ผู้ชายมุสลิมนี่เค้าจะถือเรื่องที่ว่า ผู้ชายต้องได้แต่งงานกับหญิงบริสุทธิ์ ไม่เคยมีอะไรกับชายอื่นมาก่อน  ผู้ชายอียิปต์สมัยก่อน (สมัยนี้ไม่รู้ว่ามีอยู่ไหม แต่ความเชื่อยังคงฝังอยู่)  เมื่อ คืนแรกที่แต่งงาน เจ้าบ่าวต้องเอาผ้าขาวเข้าไปในกระโจม (ห้อง) ด้วย  เช้ามาต้องเอามาโชว์ให้บรรดาญาติ ดูว่า มีเลือดติด ประมาณว่าได้เป็นคนแรก ที่เจาะไข่แดงผู้หญิง  แบบจะภูมิใจมาก (ญาติพี่น้องก็ต้องมาเป็นพยานด้วยนะ) ต้องได้สาวบริสุทธิ์เท่านั้น หากใครได้ผู้หญิงที่ไม่เวอร์จิ้น   นี่ก็เสียศักดิ์ศรีมาก ( ยกเว้นพวกที่เอาน้องสะใภ้ พี่สะใภ้มาเป็นเมียตน  เมื่อสามีของหล่อนตาย อันนั้นเป็นอีกเคส หนึ่ง)  คือสังคมมุสลิมนั้นเป็นเรื่องจริง ที่ว่า บรรดาสะใภ้ (เมียของน้องชาย หรือ พี่ชาย ) เมื่อสามีตาย  พี่ชาย หรือน้องชาย ของสามี ก็ เอามาเป็นเมียตนเอง อีกได้ เพราะว่า แนวคิดเค้า ผู้หญิงต้องมีคนดูแล ( เรียกว่า มะฮ์รอม เขียนผิดกราบขออภัย ) ไปไหนมาไหน ก็ต้องมีผู้ชายไปด้วย เช่น ซาอุ นี่ ผู้หญิงไปไหนมาไหนคนเดียวในที่สาธารณะ ไม่ได้เลย   ถ้าเค้าเห็นผู้หญิงเดินคนดียว เค้าก็จะมองว่า ใครกันเป็นสามีหล่อน ทำไมปล่อยให้หล่อนมาเดินคนเดียว สามี (หรือพ่อ หรือพี่ชายน้องชาย ก็ต้องรับผิดชอบ)  แต่ว่า ประเทศอื่นๆ  เช่น การ์ต้า เอมิเรต บาห์เรน ก็เห็นกันเยอะแล้วนะ เดี๋ยวนี้  ก็อย่างว่า คนเรามันก็ต้องมีการมีงานกันบ้างครั้นจะคอยสามีให้ไปส่งไปตลาด ทุกเพลา ก็คงช้าไม่ทันการ (ไม่ทันกิน)  เขาก็จะให้ไปกับสาวใช้ ( อินโด หรือ เอธิโอเปีย ที่เป็นมุสลิม ) หรือไม่ ก็คนขับรถ มาเข็นรถเข็นให้คุณนายซื้อของ เค้าไมีมีการสอนเรืองเพศศึกษามากนะ ( เวบที่เกี่ยวกับเซ็กส์ที่นี่ บล็อกด้วย  แต่ว่า คนที่นี่ถ้ามันจะหาดูจริงๆ ก็หาดูได้ ) ไม่มีการสอนเพศศึกษามาก คือ ความคิดที่ว่า ผู้หญิงทุกคนต้องมีเยื่อพรหมจรรย์ นี่ฝังหัวมาก  ( อย่าสงสัยว่า ทำไม ยัยคนนี้มันคุยกับเรื่องนี้กับพวกนี้ได้ )  ไอ้เราก็บอกว่า เฮ้ย เดี๋ยวนี้ ผู้หญิงทำกิจกรรม เล่นกีฬา อะไรเยอะนะ บางคนอาจจะไม่มีก็ได้  โดยไม่เคยมีอะไรกับผู้ชาย  แต่มันขาดไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้แล้ว  มันก็ทำท่าไม่ค่อยจะเชื่อ คือว่าโรงเรียนของเราเค้าสอนอย่างนี้แล้วไง  ผู้หญิงเดี๋ยวนี้ กระโดดโลดเต้น ไอ้เยื่อนั้นมันอาจจะขาดไปตั้งแต่ตอนไหนแล้วไม่รู้ก็ได้ เราก็ถามว่า แล้วยูคิดว่า นักยิมนาสติกหญิงมีเหรอ ( ยัยคนนี้พยายามยัดเยียดความคิดอย่างสุดฤทธิ์ ) มันก็ทำหน้าไม่เชื่อเท่าไหร่ เมื่อสองสามวันก่อน ( วันที่ 6/06/2008)  มีข่าว นสพ ท้องถิ่น ( อารบิค  มีคนอ่านแล้วเล่าให้ฟัง ) ลงข่าวว่า ผู้ชายอียิปต์คนหนึ่ง เพิ่งแต่งงาน แล้วก็ ฆ่าเจ้าสาวตัวเอง เพราะว่า โกรธที่พบว่าเจ้าสาวตัวเองไม่มีเยื่อพรหมจรรย์   คือ เค้าคิดว่า เจ้าสาวเค้าหลอกเค้า  ที่นี้ พ่อแม่เจ้าสาวก็ไม่เชื่อว่า ลูกตัวเองจะเป็นคนอย่างนั้น ( ปล ถ้าจริงๆอย่างที่เจ้าบ่าวพูด ครอบครัวเจ้าสาวก็ผิดเพราะหลอกครอบครัวเจ้าบ่าวว่า ลูกสาวตัวเองยังเวอร์จิ้น  แต่ ทำไมต้องฆ่าด้วยวะ )  ก็ส่งศพไปตรวจ ผลปรากฏว่า หมอ บอกว่า ผู้หญิงยังบริสุทธิ์อยู่ ( แบบเพิ่งถูกล่วงเกินมาหมาด ๆ ก็โดยไอ้เจ้าบ่าวน่ะแหละ)   เป็นไง เจ้าบ่าวอิยิปต์   หน้าจ๋อยไปเลย (อันนี้เติมเอง ข่าวไม่ได้เขียนมากหรอก)  ใครจะกล้าให้ลูกสาวมาแต่งงานด้วยอีกล่ะ  ความเชื่อเรื่องนี้ฝังหัวมาก คือฟังแล้ว  ไอ้เราก็ถึงได้คุยไอ้ที่เขียนข้างบนไง  เอ่อ พวกนี้ น่าจะซื้อพวก เยื่อพรหมจรรย์สังเคราะห์ให้มันซักโหลเนอะ ( เอ ไม่รู้มีหรือเปล่า )   แต่งงานได้ “สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าภรรยา” ได้มาตั้งหนึ่งคน  แค่คิดว่าเค้าไม่เวอร์จิ้น ถึงกับฆ่าเลย  เราก็บอกว่า Men they just want to feel that “it’s tight” when they do it, but he said it is “punching the tissue” is the theme of sex (for the new married). ที่คุยข้างบนนี่ เป็น Academic conversation นะ ไม่ใช่ เรท นะ   เออ ซื้อทิชชู่ ให้สักโหล ให้มันแทงเล่นถ้าจะดี จากคุณ : Freedom of Life - [ 10 มิ.ย. 51 01:16:11 ]

ความคิดเห็นที่ 87 คุณ Freedom of Life เล่าเรื่องแขกให้ฟังสนุกดีทีเดียว ของเราก็มีประสพการไม่ค่อยจะดีกับคนแขกขาวนี่เท่าไหร แต่โทษที ขี้เกียจจะเล่าตอนนี้ มีแต่อารมณ์อยากจะอ่านมากกว่า จากคุณ : PatPDX - [ 10 มิ.ย. 51 02:23:54 ]

ความคิดเห็นที่ 88 ....อยากเล่าเคอะ...แต่ บ่มี้เวลาจิ้ม.... .......... เอาเป็นว่าให้กำลังใจ จขกท แล้วกานน้า ไปเฮ็ดงานกอนเด้อ.. จากคุณ : ~น้ำตาล..หวานเยิ้ม~ - [ 10 มิ.ย. 51 04:51:27 ]

ความคิดเห็นที่ 90 ข้อความก่อนหน้าหายไปไหนอ่ะ งง แก้ไขเมื่อ 10 มิ.ย. 51 14:59:06 จากคุณ : AnCk-Su-NaMuN - [ 10 มิ.ย. 51 11:43:10 ]

ความคิดเห็นที่ 91 คุณ ความคิดเห็นที่ 89 คะ เรื่องที่ฆ่าเจ้าสาวตัวเองเพราะโกรธคิดว่าเจ้าสาวไม่ซิงแล้วเนี่ย.. มันเรื่องจริงหรอคะ... อืมมม... ไม่อยากจะคิดเรื่องขนาดของหนุ่มคนนี้เลย เดี๋ยวจะพากันหาว่าดิฉันทะลึ่งตึงตัง ฮี่ๆๆๆ จากคุณ : [7th Heaven] - [ 10 มิ.ย. 51 12:12:45 ]

ความคิดเห็นที่ 93 ไหนช่วยเล่านิสัย หรือสันดรของชายไทยบ้างได้ไหมคะ ที่ทั้งหื่น ทั้งฟันแล้วทิ้ง ทำท้อง สำส่อน อยู่กินกันแบบเปิดเผย มีข่าวข่มขืนให้เห็นบนหน้าหนังสือพิมพ์ทุกวัน คุณที่แชทนี่คงหนีจากชายไทยจำพวกประเทศบ้านเกิดของคุณไปหาชายแถบนั้นใช่ไหมคะ จากคุณ : iihuii - [ 10 มิ.ย. 51 13:14:46 ]

ความคิดเห็นที่ 94 ปาเข้าไป 90 กว่าความเห็นแล้วนะนี่ ขอเท้าความไปถึงความเห็น 4 ที่เราให้ไว้ ว่าไม่อยากให้ใช้คำว่ามุสลิม เพราะเราว่าศาสนาในแต่ละพื้นที่ แต่ละประเทศ ล้วนได้รับการตีความต่างกัน ดังนั้นข้อปฏิบัติจึงแตกต่างออกไป และไม่ใช่ว่ามุสลิมทุกประเทศจะมีทัศนคติเช่นที่จขกท.เล่ามา ถ้าใช้ว่า มุสลิมตะวันออกกลาง น่าจะเข้าข่ายมากกว่า ขอเสริมเรื่องพรมจรรย์ของสาว อันนี้ที่ตะวันออกกลางซีเรียสมาก ผู้หญิงอรับที่ไปใช้ชีวิตต่างประเทศมาก่อน ส่วนมาก ต้องไปทำศัลยกรรมติดตั้งเยื่อพรหมจรรย์กันใหม่ก่อนแต่งงานเลยทีเดียว แต่ก็นะ เรื่องวัฒนธรรมที่ปิดกั้นผู้หญิงก็เห็นจะมีอยู่ทั่วโลกล่ะค่ะ ทั้งไทยและแม้แต่ประเทศตะวันตกเอง สิทธิสตรีเพิ่งมีไม่กี่ร้อยปีนี่เองนะ จากคุณ : Blissfully Yours - [ 10 มิ.ย. 51 14:20:48 ]

ความคิดเห็นที่ 95 เสริม หากเจ้าบ่าวสงสัยว่า เจ้าสาวไม่บริสุทธิ์ เจ้าบ่าวมีสิทธิเอาเจ้าสาวไปคืนให้กับครอบครัวฝ่ายหญิงได้ (ถ้ามันไม่ฆ่าผู้หญิงก่อนนะ) และถ้าครอบครัวเจ้าสาวมีพี่น้องที่ยังไม่แต่งงานสามารถเปลี่ยนตัวได้ เหลือเชื่อไหม แต่จริง ทั้งนี้ทั้งนั้น การกระทำแบบนี้มักเกิดใน rural area ของประเทศนั้นๆ (ในตะวันออกกลาง) ในเมืองใหญ่ๆ มักจะไม่มี จากคุณ : CoolDubaiChic - [ 10 มิ.ย. 51 14:41:54 ]

ความคิดเห็นที่ 96 ขอยืนยันว่า คลีนิค ทำสาว (ติดตั้งพรหมจรรย์ ) นั้นมีจริงค่ะ แล้วก็ เป็นที่นิยมมากค่ะ จากคุณ : Freedom of Life - [ 10 มิ.ย. 51 22:03:35 ]

ความคิดเห็นที่ 97 ตอนเรามาเรียนภาษาที่นี่ ในคอร์สมีชาวอาหรับตะวันออกกลางหลายคน เราก็สงสัยแล้วว่า ทำไมผู้หญิงผู้ชายนั่งไกลกันจัง แล้วทำไมผู้หญิงผู้ชายแทบไม่คุยกัน มีเพื่อนผู้หญิงชาวตูนีเซียนคนหนึ่งค่ะ เธอเล่าให้ฟังลับๆ ว่า รู้จักชายตูนีเซียนคนหนึ่งในมหาวิทยาลัยในตูนีเซีย คุยกันถูกคอมาก และย้ำเราหลายรอบว่า แต่ไม่ใช่อย่างที่เธอคิดนะ เราก็งงว่า เรายังไม่ได้คิดอะไรเลย 555 ทำไมย้ำจัง มาอ่านกระทู้นี้เลยเข้าใจสังคมเขามากขึ้นค่ะ เพื่อนเราเล่าให้ฟังว่า ตอนเธอไปไหนกับชายคนนี้มีแต่คนมอง และเธอรู้สึกแย่มากที่รู้สึกดีกับผู้ชายคนนี้แบบไม่ใช่ทางชู้สาว จากคุณ : นู๋ ม. - [ 12 มิ.ย. 51 14:14:52 ]

ความคิดเห็นที่ 98 เคยมีคนมาแอด เป็นคนแถบนั้น หลายคนเป้นแบบหื่นๆ แต่มีอยู่คนหนึ่ง เป็นคนจอร์แดน เป็นนักข่าวภาคสนาม เขาก็คุยกับเราดี เราคุยกันถูกคอ แต่ก็ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวกับเพศเลยคะ เราคุยกันเกี่ยวกับการทำงาน เราว่า มันก็ไม่เสมอไปหรอกคะ ที่จะเป็นแบบนั้น เอาเป็นว่า คนส่วนใหญ่แล้วกันนะคะ (จะดีไหมคะ) จากคุณ : วิหคลม - [ 16 มิ.ย. 51 07:51:34 ]

ความคิดเห็นที่ 99 เอิ่ม กะลังจะบอกว่า ตอนนี้มีแขกขาวมาแอดเป็นจำนวนมาก แต่ละคนก้อมากันคนละแบบ แต่ส่วนมากจะมีสองแบบหลักๆ 1. ขอดูแต่ cam อยู่นั่นแหละ พอบอกว่าไม่มีมานก้อไม่คุยด้วยเลย 2. รักเราซะมากมาย แค่เรา nice นิดนึง ก้อชมเราซะเว่อร์ ปิดท้ายด้วยการขอเป็นแฟน อยากบินมาหา อยากแต่งงานด้วย แล้วก้อถามเราว่า are you virgin? ตอนแรกก้อคิดว่าคุยเล่น ๆ แต่ชักจะเริ่มกลัวซะแล้วซิ จากคุณ : oilly (oillyy27) - [ 16 มิ.ย. 51 22:01:07 ]

ความคิดเห็นที่ 100 กำลังปริ้นท์กระทู้นี้ไปอ่าน ขอบคุณมากค่ะ จากคุณ : My heart is in SF! - [ 24 มิ.ย. 51 09:58:27 ]

ความคิดเห็นที่ 101 อืม... ขอเสริมหน่อยแล้วกันนะ.. มิใช่ชาวมุสลิม ที่สาวๆขาแชททั้งหลายควรระวัง ชาวหนุ่มชาวฮินดู และหนุ่มหล่อชาวแขกขาวที่เป็น คริสเตียน... หนุ่มหล่อชาวฮินดู  หรือว่าแขกขาวเหล่ามีพิษสง ไม่ได้น้อยหน้ากันสักเท่าไร กับหนุ่มมุสลิม ประเภทแรก มาแบบมาดนิ่งเนียบ มาแบบหล่อ ฉลาด หน้าที่การงานดี คุยกันแบบวิชาการ คุยกันในเรื่องสนใจ, แต่นานไปก็เผยธาตุแท้ทั้งที่มีเมีย แถมลูก 2, ปากบอกว่ารักเมีย รักลูก. i want meet you at hotel, you can come meet i? ไม่บอกว่าอยากจะทำอะไรฉัน ไม่ไปหรือขัดใจคุณชายมีงอน นานๆไปเริ่มหายเพราะไปคั่วหญิงใหม่ บางคนโคตรแสบ เล่นเปลี่ยน user จับได้ไล่ทันก็แก้ตัวน้ำขุ่น เอาสีข้างเข้าถูก แหล่งที่สิงสถิต และข้อมูลเฉพาะ.. ชายจำพวกนี้ มักสิ่งตามเว็บหาคู่ทั่วไปที่ไม่การเสียค่าใช้ค่า และใช้เวลาช่วงพักเบรกมาคุยหรือ หากิ๊กออนไลน์ มักเป็นพวกซิติเซ็น มีงานทำเป็นหลักแหล่ง อายุประมาณ 30 ปี อัพ เวลาคุยกับสาวมักจะบอกแต่สัญชาติ ไม่ยอมบอกเชื้อชาติ ทำให้สาวไทยหลายคนเข้าใจผิด ไม่ค่อยเปิดเผยเรื่องส่วนตัว แต่มักจะชอบถามเรื่องส่วนตัวของเราแทน .... ประเภทที่สอง ประเภทหน้าด้าน ขอเอาดื้อ... คุยกันไม่ทัน 10 นาที ถามว่าโสดหรือเปล่า.. เป็นแฟนกันได้ใหม.. โชว์กล้องหน่อยอยากเห็นหน้า อืม..มามุขเดิมๆ วิธีการแก้เผ็ด อย่าไปเปิดให้มามันดู ให้มันเปิดให้เราดูก่อน เพราะพวกนี้ พอเปิดกล้องแล้วมักจะทำให้ภาพเบลอ หรือไม่มันล็อค ออฟออกไปเลย แหล่งที่สิงสถิต และข้อมูลเฉพาะ.. ชายจำพวกนี้มักสิงอยู่ใน Camfox และ เว็บหาคู่ที่ไม่มีการเสียค่าใช้จ่าย. มักมีจะเป็นวัยรุ่น อายุไม่เกิน 30 ปี ส่วนจะเรียน มากกว่าทำงาน ..... แสบจริงเลย..... จากคุณ : หนูมาลี (hamanda) - [ 5 ก.ค. 51 11:14:34 ]

ความคิดเห็นที่ 102 ปกติไม่เคยคุยจนโดนหลอก มีแต่ไปหลอกเค้าก่อนแล้วชิ่งหายเฉยๆ แห่ะๆ ^^" จากคุณ : BakedMonkey - [ 7 ก.ค. 51 01:54:18 ]

ความคิดเห็นที่ 103 อืม..เคยรู้จักผู้ชายโมร๊อคโค คนนึง ..เค้าดูเป็นเด็กที่ nice คนนึง..แต่พอได้คบจริงๆ แล้ว กลับรู้ว่า เค้าคิดว่าผู้หญิงไทยบูชาฝรั่ง( ส่วนมากเค้าจะเจอใน เวป หาคู่ ) เค้าบอกว่าได้เจอ สาวไทย หลายคน แต่ละคนก้ออยากจะมีอะไรกับเค้า เพราะว่าเค้าหน้าตาดีไง แต่ก้อรับไม่ได้กับความคิดของเค้ากับเพื่อนต่างเพศ โดยเฉพาะกับสาวไทย ..อยากให้ระวังตัวกันเหมือนกัน แต่บางคนก้อ นิสัยดีจริง ๆ ( เผอิญมีเพื่อนชาวเลบานิส อยู่หลายคน) ก้อเหมือนกับทุกประเทศ แล้วแต่นิสัยของคน .. จากคุณ : nana_syd (nana_syd) - [ 9 ก.ค. 51 20:16:10 ]

ความคิดเห็นที่ 104 อ่านแล้วทำให้นึกถึงหนังสือเรื่อง The bookseller of Kabul ค่ะเหมือนเดะเลยเศร้าใจจัง ส่วน Camfog นั้นขอบอกว่า100%ค่ะเจอบ่อยมั่กๆแต่เราไม่คุยเฉยๆ จากคุณ : mai (maistyle) - [ 10 ก.ค. 51 09:10:52 ]

ความคิดเห็นที่ 105 เคยคบแฟนปากีฯ เกือบเจ็ดปี โห อยากจะบอกว่าแม้จะพยามยามเข้าใจ วัฒนธรรม ศาสนา ประเพณีและแนวคิดเค้ามากแค่ไหนก็ไม่กระจ่างเท่าที่อ่านวันนี้ เค้าหึง หวง เกินมนุษย์ หยาบคาย คุยกับใคร ยิ้ม ทักทายคนเคยรู้จักไม่ได้ไปซะหมด เพื่อนมีไม่ได้ ทั้งหญิงชาย กระเทย ทอม มันหาว่าเราอยากไปนอนกับเค้า หรือเค้าอยากนอนกับเราซะหมด คนนั้นก็เลว คนไหนก็เลวไปหมด เลิกได้แล้วสบายใจโคตร วันๆ จำกัดเสรีภาพมาก อยู่แต่บ้านไปไหนก็ต้องรายงาน โทรบอกก่อน มาบ้านก็ต้องบอกรายงานหมดไปไหน ทำไรไปกะใครบ้าง ใส่ชุดอะไร มีใครมองป่าว มองใครไม๊ แล้วมันก็โทรเช็คตลอดจนกลับ งานบุญอะไรใครป่วย เจ็บตาย ทำบุญบวช แต่ง ฝันไปเถอะ ไม่ให้ไป อดหมด เหมือนยิ่งกว่าติดคุก เพราะความคิดก็ไม่มี เวลาฉลาดก็กลัวเรา เวลาเราโง่ก็ด่าทำไมโง่ มันจะเอาไงวะ แค้น ทำเราเสียเวลาชีวิต เจ็ดปี เราก็โง่ รักแทบตาย โดน ทั้งมือ เท้า ตบ ต่อย ถีบเตะ สารพัด ไม่ยั้ง พอมีเรื่องเสร็จตีเราจนตาบวมเขียวไรก็ว่าไปมันแทนที่จะขอโทษกลับไม่เคยเลย มันว่าก็พ่อแม่เราไม่สั่งสอนมันก็ต้องทำ และต้องการให้เราเป็นคนดี :-) :-) มันไม่เคยคิดว่าการตบตีด่าดูถูกหญิง เป็นเรื่องแย่ แต่กลับเป็นบุญคุณอีก อ้าววว งง เลย ทุกวันทั้งกริยาวาจา ต่ำทราม ด่า หยาบคาย มากทั้งที่เป็นต่างชาติ แต่พูดไทยได้ เอาภาษาเรามาด่าเรา เรียก เรากะหรี่ยังดีกว่าเรา เพราะแค่มันฝันว่าเรามีชู้เราก็โดนตื้บแล้ว หากเมียเพื่อนโกง หรือ เลิกกับเพื่อนมัน ก็มาเหมาว่าเราก็เหมือนยัยนั่น อ้าวววววววว เจออผู้หญิงที่ไหนแต่งตัวโป๊ มันก็มาด่าเรา หงุดหงิดใส่เราอีก ครอบครัวเราใครจะทำไร ถ้ามันไม่ชอบ ใครจะมีแฟนเพื่อนชายหรืออะไรมันก็ยุ่งเค้าไปหมด เฮ้อ วันนี้เลิกได้จะครบปีแล้ว บอกได้คำเดียวถึงยังไม่มีงานทำ ไม่มีเงินใช้ แต่มีความสุขอย่างบอกไม่ถูกเหมือนออกจากคุกเลย เราเลิกได้ปีที่แล้วมันไปเที่ยวเธคมาเมามันบอกหิวเราไปซื้อข้าวให้มัน ไปกับพี่สาว เพราะตีสองแล้ว ไปกลับไม่เกิน ยี่สิบนาที ยังไม่ทันจอดรถเลยมันเปิดประตูรถต่อยตาเขียวเลย เราเบลอพี่สาวเราตกใจก็กอดเราไว้เอาตัวเค้าบังแล้วก็พยายามสู้ มันมาทั้งมือเท้า เตะพี่สาวเราที่ปาก ฟันกลามคอน ต้องไปให้หมอถอนภายหลังต่อมา แม่ได้ยินเสียงมาช่วยมันตบแม่อีก แล้วชี้หน้าด่าแม่ บอกว่า นี่เมียกู เมียกู โห สำนึก ไม่มีเลย วันนึงเราบอกให้มันไปขอโทษแม่ และพี่สาว มันว่ามันไม่ผิด มันช่วยมันทำดีเราต้องขอบคุณมัน แม่พี่สาวเราไปตีมันได้ไง มีสิทธิ์อะไรมันอายเค้า อ้าวไอ้เวร ก็แกมาตี๊บลูกสาว น้องสาวเค้า เค้ามาช่วย ดันไม่หยุด เฮ้อ เราเลยบอกว่า งั้นขออวยพร หากคุณคิดว่าสิ่งที่คุณทำคือเรื่องดีงาม และถูกต้อง เราขอให้เค้ามีลูกเขย แฟนลูกสาวถอดแบบเค้าเป๊ะ ตบตีลูกสาวคุณเพื่อช่วยพ่อแม่สั่งสอนลูกสาวคุณ และทำทุกอย่างเหมือนที่คุณทำกับชั้น เป๊ะ เพราะคุณทำแต่สิ่งที่ดีให้เราตลอด สั่งสอนด่าทอ ฝันร้ายก็ตบ อะไรก็ได้ที่คุณทำกับเราขอให้ลูกสาวคุณได้แฟนแบบคุณไม่มีผิด สาธุ เรายิ้ม ทีนี้มันเถียงไม่ได้เพราะ หากเถียงมันผิด เพราะมันสอนให้เราเชื่อว่าเราต้องขอบคุณที่มันด่า ตบตี เอ้า รับไป ลูกใคร ๆ ก็รัก การที่มาตบตีเราต่อหน้าแม่เราหลายครั้งไม่มีใครรู้เราก็ไม่บอก กลัวครอบครัวเราเสียใจกับเราด้วย อะไรปิดไม่ได้ทำต่อหน้าแม่เรา พี่ชายเราเค้าโกรธเราก็ขอร้องอย่าให้ใครเกลียด หรือแจ้งตำรวจ เรารักเค้า แต่เค้าไม่เคยสำนึกเลยเลิกดื้อ ๆ ดีใจมากที่เลิกกับมันได้ และเป็นฝ่ายทิ้งมันเอง วันที่มันรู้ว่าเรามีแฟนใหม่ มันจะเป็นลมเลย เป็นไงมีชั้นอยู่ไม่เห็นค่า เราบอกแฟนใหม่จนมาก งกมาก หาเงินปีนึงยังไม่เท่าที่เค้าให้เราใช้บางเดือนเลย ไม่เคยซื้อไรให้เรา ไม่เคยให้เงินเรา ไม่มีเรื่องเงินเกี่ยวข้อง สะใจไม๊ เราเลิกเพราะอะไร เราอยู่กับคนเพราะรักไม่ใช่เงินบ้าบอ เหมือนขายชีวิตให้ ไม่เอา จากคุณ : น้ำ - [ 2 ส.ค. 51 19:34:42 A:124.121.190.78 X: TicketID:183348 ]

ความคิดเห็นที่ 106 เราเคยคุยกับ แขกคนนึงมาจากอียิป น่าจะอิสลามนี่แหละรึเปล่าทั้งๆที่เราอยากจะฝึกภาษาแค่นั้น แต่มัน ก็หื่นเหมือนกัน คุยไปคุยมา จะคุยเรื่องอย่าว่า ทุเรศมากๆ จากคุณ : cocoriko45 - [ 2 ส.ค. 51 22:23:29 ]

ความคิดเห็นที่ 107 รู้สึกโชคดีครับ ที่เกิดมาเป็นคนไทย จากคุณ : พวงน้อย - [ 7 ส.ค. 51 10:39:54 A:117.47.71.173 X: TicketID:137261 ]