ความคิดเห็นที่ 1 ที่ทำงานใช้ไฟแบบกระตุก โต๊ะใครโต๊ะมัน จะไปจะมาก็เปิดปิดเอง ประหยัดดีเหมือนกันนะ บางคนก็ไม่ปิดไฟหรอก ขนาดเชือกอยู่บนหัวตัวเองนะเนี่ย (มีแอบด่าเล็กน้อยพวกไม่ปิดไฟ) อิอิอิ จากคุณ : clubspanky - [ 3 ก.ค. 51 14:50:58 ]

ความคิดเห็นที่ 2 sdfsdfsfsdf จากคุณ : อมตะไทย - [ 3 ก.ค. 51 16:09:10 ]

ความคิดเห็นที่ 3    ไม่ทราบค่ะ ว่าจะช่วยอย่างไร เพราะดิฉันเองก็อยู่เมืองไทย แต่มีความสำนึกในเรื่องนี้มา 10 กว่า เกือบ 20 ปีแล้ว เพราะไปไหนเอาถุงผ้าไปใส่ของด้วยตลอด ท่ามกลางความงุนงง สงสัยของเหล่าพ่อค้าแม่ขาย และ พนักงานแคชเชียร์ตามห้าง มานานเปนแรมทศวรรษ หรือ ที่จริงเกือบ 40 ปีแล้วก็ว่าได้ เพราะพ่อ-แม่สอนให้ประหยัดไฟฟ้า ดับดวงที่ไม่ใช้ เพื่อเป็นการประหยัดพลังงาน และ ประหยัดเงินค่าไฟฟ้า พวกเราต้องยอมรับว่าคนไทยส่วนใหญ่ยังขาดจิตสำนึกในเรื่องสภาพแวดล้อม และ ในเรื่องการประหยัดพลังงานจริงๆ ค่ะ ถึงแม้ว่าตอนนี้หลายๆ คนที่เมืองไทย จะเริ่มตื่นตัวตามกระแส หรือ ตื่นตัวตามโปรโมชั่นของห้างร้าน หรือ หน่วยงานต่างๆ ที่เพิ่งจะเริ่มตื่นนอน หลังจากที่ภาพยนตร์เรื่อง An Inconvenient Truth http://www.imdb.com/title/tt0497116/ ออกมาฉายในเมืองไทย เมื่อสองปีก่อน แต่ก็ยังเป็นการตื่นตัวแบบฉาบฉวยไม่ยั่งยืนสำหรับคนหมู่มาก ขอยกตัวอย่างว่า ทุกวันนี้เวลาไปซื้อของ คนขายก็ยัง งง อยู่ดีว่าทำไม ไม่ยอมเอาถุง เมื่อกลางวันนี้สดๆ ร้อนๆ ออกไปซื้อผลไม้ ชั่งเสร็จ ก็หยิบผลไม้ใส่ถุงผ้า.....คนขายก็พยายามยัดเยียดถุงพลาสติกให้ เราก็ไม่พูดอะไร เฉยๆ จ่ายตังค์แล้วก็เดินออกมา หรือ อย่างเมื่อสอง-สามสัปดาห์ที่แล้ว ดิฉันไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต ก็ควักถุงผ้าออกมาใส่ของ......เอาของใส่ถุงเสร็จก็วางถุงผ้าเอาไว้ตรงเคาน์เตอร์แคชเชียร์ เพื่อที่จะหยิบสตางค์จากกระเป๋าสะพายออกมาจ่ายเงิน ระหว่างที่จ่ายเงินอยู่นั้น มีพนักงานอีกคนหนึ่งเดินเข้ามา แล้วคว้าถุง Shopping Bag ที่ดิฉันเอาสินค้าเอาของใส่ลงไปแล้ว ใส่ในถุงพลาสติกของทางร้านอีกทีหนึ่งค่ะ ดิฉันจึงบอกให้เขาเอาออก และ ไม่ต้องมาพยายามยุ่งเกี่ยวกับเรื่องที่มิใช่เรื่องของตนเอง และ ขอความกรุณาอย่าหยิบฉวยของๆ คนอื่นโดยที่มิได้รับอนุญาต และ โดยที่มิได้ไถ่ถามความสมัครใจ ของเจ้าของๆ สิ่งของนั้นก่อนค่ะ   พนักงานคนนั้น เขา งง มากเลยค่ะ ที่ดิฉันไม่ยอมเอาถุง พยายามจะหยิบถุงผ้าของดิฉันใส่ลงไปในถุงพลาสติกกลับเข้าไปอีกรอบ .....จนกระทั่งแคชเชียร์ต้องบอกให้เขาไป อย่ามายุ่งกับลูกค้า.....ถ้าลูกค้าไม่เอาก็คือไม่เอาถุง   (แต่แคชเชียร์คนนั้นก็บอกเพื่อนร่วมงานแบบ งง งง แบบตัดบทขอไปที ประมาณหน้าบาง....ไม่อยากให้คนมาเถียงกันตรงนั้นอ่ะนะคะ...ไม่ได้บอกแบบเข้าใจหรอก ว่าทำไมลูกค้าไม่เอาถุง) เรื่องจึ่งเอวัง....ด้วยประการละฉนี้แล ขออภัย....ที่ไม่ได้ช่วยคิดเท่าไหร่เลย แต่ขออนุญาตเข้ามาร่วมบ่น ร่วมแจม จะมามือเปล่าก็กะไรอยู่ จึงได้ลากกระทู้นี้มาฝากด้วยค่ะ เผื่อคุณ จขกท. หรือ ท่านอื่นๆ ยังไม่เคยอ่านผ่านตากัน เป็นกระทู้ของคุณป้าบัตรผ่าน ที่ใช้ชื่อว่า "ป้าเองค่ะ"  หรือ ตอนนี้คุณป้ามีอมยิ้ม มี Log-In แล้ว และ ใช้ชื่อว่า "ป้านี่เอง" กระทู้   "มาช่วยกันประหยัดพลังงานกันเถิด" http://www.pantip.com/cafe/klaibann/topic/H6705930/H6705930.html Best wishes.     จากคุณ : คนกรุงเทพฯ บ้านอยู่เมืองไทย (Siamese Girl) - [ 3 ก.ค. 51 17:56:45 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ปล. แวะมาอีกรอบ เพราะลืมบ่น และ ลืมแสดงความคิดเห็นไปอีกเรื่องหนึ่งว่า......อะไรที่ขึ้นชื่อว่าของฟรี หรือ ของสาธารณะแล้วไซร้ คนไทย "ส่วนใหญ่" จะให้ความสำคัญน้อย และ ไม่ช่วยกันรักษา หรือ จะไม่ค่อยช่วยกันประหยัดค่ะ   งานนี้คุณ จขกท. ท่าทางจะต้องเหนื่อยหน่อย ดิฉันขอเสนอให้ก็อปปี้ DVD ภาพยนตร์เรื่อง An Inconvenient Truth โดย Al Gore อดีตรอง ปธน. อเมริกา หรือ สารคดี เรื่อง Planet in Peril ของ CNN ก็อปปี้ แจกให้เพื่อนร่วมงานคนละแผ่นสองแผ่นค่ะ.....เผื่อจะตามกระแสกันขึ้นมาบ้าง.....หรือ พวกเขาอาจจะหมกใส่ไว้ในลิ้นชัก หรือ โยนทิ้งถังขยะก็เปนได้ค่ะ   เอเมน....   จากคุณ : คนกรุงเทพฯ บ้านอยู่เมืองไทย (Siamese Girl) - [ 3 ก.ค. 51 18:32:05 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ขอบคุณคุณ clubspanky ที่เข้ามาแจมค่ะ เออ คุณอมตะไทย เขียนว่าอะไรคะ ไม่เข้าใจค่ะ ขอบคุณคุณ Siamese Girl ที่เสนอแนวทางค่ะ เดี๋ยวพิมพ์เสร็จตามไปอ่านกระทู้ที่คุณลิงค์มาให้ เรื่องถุงพลาสติก ตอนที่อยู่ต่างประเทศ (ตอนนี้อยู่เมืองไทยค่ะ ทำงาน)เวลาไปช้อบปิ้งก็พกถุงผ้านะคะ ส่วนถุงพลาสติกที่มีอยู่แล้ว ก็นำอาใส่ขยะเปียกค่ะ แล้วคุณ Siamese Girl ทิ้งขยะ พวกเศษอาหารยังไงคะถ้าที่บ้านไม่มีถุงพลาสติก ช่วยชี้แนะด้วยค่ะ เพราะสามีเคยถามว่าถ้าเราไม่มีถุงพลาสติกแล้วเราจะเอาอะไรใส่ขยะเปียกในครัวดี เราก็ไม่ทราบเหมือนกัน ที่เมืองไทย บางครั้งเรื่องถุงพลาสติก กล่องโฟมก็เลี่ยงไม่ค่อยได้ ถ้าเลี่ยงที่จะไม่ใช้ได้ ดิฉันก็จะทำค่ะ อย่างยืดอกพกกล่องพลาสติกไปซื้ออาหารนะคะ แม่ค้าเค้าชอบอกชอบใจกันดีค่ะ แบบว่าประหยัดกล่องโฟมของเขา แต่บางอย่าง เช่นน้ำเต้าหู้ ก็ต้องใส่ถุงอ่ะนะ เรื่องแยกขยะ ทิ้งขยะลงคลอง ฯลฯ ดิฉันเหนื่อยใจค่ะ หลานๆดิฉันทิ้งทุกวัน จริงๆไม้อ่อนน่าจะดัดง่าย แต่พวกไม้อ่อนดันอยู่ใกล้ไม้แก่ๆ อย่างพวกผู้ใหญ่นี่ซิคะ ก็เลยดัดยากหน่อย ถ้าพูดแล้วจะยาวค่ะ เห็นคลองหลังบ้านตัวเองแล้วหดหู่ค่ะ เรื่อง copy ดีวีดี ก็เป็นความคิดที่ดีนะคะ แต่เขาไม่ดูกันหรอกค่ะ ทำไมดิฉันถึงคิดอย่างนั้นเหรอคะ ก็วันนี้ปริ๊นท์เรื่องเกี่ยวกับประหยัดพลังงานมา ให้น้องที่ทำงานดู และถามความเห็นเธอว่าเราควรจะทำอย่างไรกันดี ให้ทุกคนช่วยกันประหยัดไฟ เธอบอกว่า ต่อให้ดิฉันแจกให้ทุกคนไป เขาก็ไม่อ่านกันหรอก ขนาดหนังสือแจ้งประชุมสองสามบรรทัด เขายังไม่อ่านกันเลย เราก็แบบเหนื่อยใจนะ แต่ก็ปริ๊นท์ออกมา และวางไว้ที่ออฟฟิศ และเอามาติดหน้าห้องอีกชุด อีกเรื่องที่เหนื่อยใจจัง คือหลายๆคนจะสับสนกับคำว่า "ประหยัด" และ "ตระหนี่" คือพอเราบอกว่าควรจะประหยัดพลังงาน หลายคนก็จะพูดในทำนองคล้ายๆกันว่า ก็ต้องเปิดไฟ ทำงานนี่ ไม่งั้นมองไม่เห็น แอร์ก็ต้องเปิด ร้อนแล้วทำงานไม่ได้ เราก็พยายามอธิบายนะว่า ก็ไม่ได้บอกให้ตระหนี่นี่ ให้ประหยัดเฉยๆ เขียนแล้วอยากจะร้องกรี๊ดดังๆ ขอบคุณคุณ Siamese Girl อีกครั้งนะคะ ที่เข้ามาเล่าประสบการณ์และให้คำแนะนำค่ะ จะเขียนว่า "ยืดอกพกกล่อง" ดันเขียนผิดซะ แก้ไขเมื่อ 03 ก.ค. 51 19:41:58 จากคุณ : ยืออกพกกล่องค่ะ (Fresita) - [ 3 ก.ค. 51 19:41:02 ]

ความคิดเห็นที่ 6 K. Fresita, For some people there is a limitation to what you can do to convince them. Different people have different views so you just have to put your mind at ease about that. At least you are the one who has conscience in energy preservation and I'm sure you have a good feeling of what you do. จากคุณ : Thai Texan - [ 4 ก.ค. 51 00:37:52 ]

ความคิดเห็นที่ 7   "ทิ้งขยะ พวกเศษอาหารยังไงคะถ้าที่บ้านไม่มีถุงพลาสติก เพราะสามีเคยถามว่าถ้าเราไม่มีถุงพลาสติกแล้วเราจะเอาอะไรใส่ขยะเปียกในครัวดี เราก็ไม่ทราบเหมือนกัน" ^^ ^^ เป็นคำถามที่ดีค่ะ...... ที่จริงถุงพลาสติก ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเลย เพราะเวลาไปซื้อเนื้อสัตว์ หรือ ซื้ออะไรที่เปียกๆ มีน้ำซึมออกมาได้ ก็มีความจำเป็น ที่จะต้องเอาถุงพลาสติกใส่ของพวกนั้นเหมือนกันค่ะ (ขออภัย เล่าไม่ละเอียด คือ อาจจะไม่ 100% แต่เกิน 90% ไม่เอา ไม่รับถุงพลาสติกค่ะ) หรือ ถ้าเป็นถังขยะเล็กๆ ในห้องน้ำ จะใช้ถุงพลาสติกที่เขาใช้ห่อนิตยสาร ที่ติดมากับนิตยสารมา Reuse ใส่ในถังขยะเล็กอีกทีค่ะ ใบเสร็จรับเงินต่างๆ ดิฉันไม่ทิ้ง เพราะด้านหลังของใบเสร็จรับเงินจะเป็นกระดาษขาวๆ ว่างๆ  ก็เอามาจดโน๊ตต่างๆ ได้ เอามาทดเลข เอามาเขียนรายการซื่้อของ รายการจ่ายตลาดได้ น้ำตาลทราย....ที่บ้านไม่เคยซื้อ เพราะที่บ้านดื่มกาแฟ ดื่มชา ไม่ใส่น้ำตาล แต่เวลาไปดื่มกาแฟข้างนอก จะหยิบมาด้วย ตามที่มีสิทธิได้ หรือ เวลาเขาเสิร์ฟอาหารบนเครื่องบิน จะมีซองน้ำตาล เกลือ พริกไท ให้มาด้วย เก็บกลับบ้านหมดค่ะ ไม่ชอบทิ้งเอาไว้ข้างหลัง เสียดายของ ++++++++++++++++++++++++++++++++++++   "อีกเรื่องที่เหนื่อยใจจัง คือหลายๆคนจะสับสนกับคำว่า "ประหยัด" และ "ตระหนี่" ^^ ^^ ค่ะ คิดเหมือนกันค่ะ.....เพราะเห็นเหมือนกันว่าหลายๆ คนแยกไม่ออก แยกแยะไม่เป็นค่ะ อีกทั้ง คนเอเชี่ยนมากมาย มีความเห็นว่า ถ้าแสดงออกว่าประหยัด หรือ รู้จักใช้เงินให้เกิดประโยชน์สูงสุด ก็จะหมายถึง "ความตระหนี่ ขี้เหนียว" และ "ความตระหนี่ ขี้เหนียว" สำหรับหลายๆ คน.....เขาแปลว่า "การเสียหน้า" ค่ะ  เพราะฉนั้นต้องแสดงว่า ไม่สนใจ ไม่ว่าจะเปลืองแค่ไหน เพราะมีตังค์จ่ายอะไรประมาณนี้ +++++++++++++++++++++++++++++++++++++   ดิฉันรู้จักคนไทยคนหนึ่ง.....เธอไม่เคยใช้ชีวิตอยู่เมืองนอก ไม่ใช่นักเรียนนอก แต่เธอเคยไปเที่ยวเมืองนอก โดยเฉพาะเมืองหนาวๆ เวลาหน้า Winter หิมะตก เธอชอบไปมาก อยู่บ้านที่เมืองไทย เวลานอนเธอจะเปิดแอร์ประมาณ 8 องศา และ ห่มผ้าห่มขนเป็ดที่ซื้อมาจากเมืองนอกด้วยค่ะ เธอว่าห่มแล้วอุ่นดี   ส่วนที่บ้านดิฉัน มีเครื่องปรับอากาศทุกห้องแต่ไม่เคยใช้ค่ะ.....ใช้พัดลมเท่านั้น ไม่เปลืองไฟ ประหยัดเงินค่าไฟได้เดือนละหลายยยยพันบาท และ ไม่ทำให้โลกร้อนขึ้นด้วย ........คุณ Fresita คิดเหมือนกันไหมคะ ว่าโรงหนังในกรุงเทพฯ ชอบแข่งกันเปิดแอร์เย็นๆ อย่างกับขั้วโลกเหนือ เวลาไปดูหนัง ถ้าไม่ได้ใส่ Jumper หรือ Cardigan หรือ เอาผ้าคลุมไหล่ไปด้วย จะทนดูได้ไม่นาน หรือ ต้องเข้าไปทนหนาวดูหนังจนจบค่ะ   จากคุณ : คนกรุงเทพฯ บ้านอยู่เมืองไทย (Siamese Girl) - [ 4 ก.ค. 51 00:58:12 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ถึง คุณThai Texan คุณพูดถูกทุกอย่างค่ะ โดยเฉพาะเวลาเปฎิเสธไม่รับถุงหรือกล่องพลาสติกจะรู้สึกดีแบบว่า เราช่วยลดขยะไปได้บ้าง คนขายก็รู้สึกดีที่เขาประหยัดของๆเขา ถึงคุณ Siamese girl ดิฉันได้ไอเดียจากคุณอีกแล้ว เรื่องใบเสร็จเก็บไว้จดของ กับเรื่องถุงพลาสติกที่ใส่ของเปียกที่ซื้อมา เพราะถุงพวกนั้นดิฉันไม่ใช้ค่ะ ทิ้งไปเลย(แย่จังค่ะ) เรื่องน้ำตาลทรายดิฉันกับสามีก็ทำแบบคุณค่ะ จะซื้อถุงใหญ่ทีก็ตอนที่สามีจะทำขนมเค้ก แต่บางครั้งที่เขาแจกซองเกลือก็ไม่เอา ต่อไปจะเก็บมาให้หมดเลย เรื่องดูหนังในโรงเนี่ย ไม่ได้ดูนานแล้วค่ะ ไม่ชอบเข้าโรงหนัง และเป็นคนต่างจังหวัดด้วย แต่เห็นด้วยค่ะว่าสถานที่หลายแห่งในกรุงเทพและที่อื่นเปิดแอร์กันจนหนาวขนลุกเลย ถ้ามีอะไรเกี่ยวกับเรื่องประหยัดพลังงานหรือช่วยลดโลกร้อนก็มาแนะนำกันอีกนะคะ เท่าที่อ่านความเห็นคุณ Siamese girl ดิฉันยังเทียบไม่ได้เลย แต่ก็ได้ไอเดียดีๆไปหลายอย่างละ แล้วจะนำกลับไปปฎิบัติค่ะ จากคุณ : ยืดอกพกถุงผ้า (Fresita) - [ 4 ก.ค. 51 08:39:56 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ใช้เศษอาหารทำปุ๋ยหมักซีคะ ง่ายมากค่ะ ไม่ต้องทำใหญ่โตก็ได้ เลิกใช้ขวดน้ำพลาสติคกันนะคะ ใช้แบบนี้แทน: http://www.mysigg.com/ http://forums.gardenweb.com/forums/gogreen/ http://forums2.gardenweb.com/forums/soil/ http://www2.oprah.com/world/enviro/green/green_main.jhtml จากคุณ : ป้าเองค่ะ (ป้านี่เอง) - [ 4 ก.ค. 51 10:28:43 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ^^ ^^ ยินดีที่ได้คุยแลกเปลี่ยนความคิเห็นในเรื่องนี้กันค่ะ คุณ Fresita ถ้าอยากได้ไอเดียอื่นๆ หรือ อ่านความคิดเห็นดีๆ อื่นๆ เกี่ยวกับเรื่องการประหยัดพลังงาน หรือ เกี่ยวกับเรื่องการรู้จักจับจ่ายใช้สอย ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ก็ตาม Link ของกระทู้ของคุณป้าเองค่ะ ที่ดิฉันเอามาแปะไว้ที่ ท้าย คห. 3 ข้างบนเลยค่ะ ปล. ดิฉัน พกเหรียญสลึง เหรียห้าสิบสตางค์ด้วยค่ะ เพราะเวลาไปซื้อของ หรือ จ่ายค่าบริการต่างๆ หลายๆ ที่เขาชอบปัดเศษขึ้น อ้างว่าไม่มีทอน แต่ดิฉันมีให้พอดีค่ะ       หรือ บางที่มุมมิบไม่ทอน แต่ดิฉันทวงค่ะ สลึงเดียวก็ทวง เพราะมันเป็นของๆ เรา ในกระเป๋าสตางค์ดิฉัน ทุกวัน จะมีแบงค์ ทุกราคา และ เหรียญทุกราคาค่ะ เพื่อความสะดวกในการใช้จ่าย เวลาไปซื้อของตามร้านข้างถนน หรือ ร้านเล็กๆ ชอบให้สตางค์คนขาย พอดี พอดี ขึ้นรถเมล์ นั่งแมงกะไซค์รับจ้าง หรือ นั่งแท็กซี่ ก็จะเอาเงินย่อยให้คนขับค่ะ จะไม่มีการแตกแบงค์เอาเงินทอนเด็ดขาด สงสารเขาค่ะ เพราะพวกเขาไม่ใช่ร้านค้า เงินย่อยหมุนเวียนบางครั้งหายาก อะไรที่ช่วยได้ก็ช่วยๆ กัน โดยเฉพาะกับคนหาเช้ากินค่ำค่ะ   แต่เวลาไปซื้อของตามร้านใหญ่ๆ หรือ ตามห้าง ก็จะใช้แบงค์ใหญ่ แตกเงินย่อย เอาเงินทอนค่ะ และ ทุกเดือน เวลาไปทำธุระที่ธนาคาร จะเอาแบงค์พัน ไปแลกเป็น แบงค์ 20 และ แบงค์ 50 มาเก็บไว้ใช้ด้วยค่ะ ส่วนบัตรเติมเงิน ของรถไฟฟ้า หรือ รถไฟใต้ดิน ก็จะคอยดูว่า เงินในบัตรใกล้หมดแล้วหรือยัง ถ้าเหลือน้อยก็จะแวะเติม ในช่วงที่คนน้อยๆ เห็นบางคนไม่เตรียมตัวเลย บางทีนั่งรถไฟฟ้าบ่อยๆ แต่นั่งที ก็แลกตังค์ที เข้าคิวซื้อตั๋วที เสียเวลาค่ะ เพราะบัตรเติมเงินเนี่ย....ใบนึงมีอายุหลายปีทีเดียว ดีกว่าไปเข้าแถวยาวๆ ทีละหนค่ะ อย่างสถานีย่านสวนจตุจักรเนี่ย วันเสาร์-อาทิตย์ บางทีคนเข้าคิวซื้อตั๋ว หรือ แลกเงินกัน ยาวเป็นร้อยๆ เมตร ยืนรอกันนานนนนน เลยค่ะ Cheers!       จากคุณ : คนกรุงเทพฯ บ้านอยู่เมืองไทย (Siamese Girl) - [ 4 ก.ค. 51 10:28:43 ]

ความคิดเห็นที่ 11    สวัสดีค่ะ คุณป้า   คุณป้าเองค่ะ ป้านี่เองคะ คุณป้าสังเกตไหมคะ ว่า คห. 9 ของคุณป้า และ คห. 10 ของหนูหย๋าม ส่งเข้ามาเวลาเดียวกันพอดี ไม่มีขาดไม่มีเกินเลยค่ะ ที่เวลา 10:28:43  พร้อมกันเลย แต่ของคุณป้าอาวุโสกว่า เลยได้เบอร์เก้าไป ของเด็กกว่า ได้อยู่เบอร์ถัดมาค่ะ     Cheers! ค่ะ   จากคุณ : Siamese Girl - [ 4 ก.ค. 51 10:33:34 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ที่จริง เราว่า เรื่องนี้ ผู้คนยังไม่ค่อยตื่นตัวกันเท่าไหร่ ไม่ต้องไกลเลยคะ ที่บ้านเราเองก็เหมือนกัน เราอยู่กับพ่อ 2 คนคะ พ่อเราชอบเปิดทีวีทิ้งไว้ แล้วไปทำอย่างอื่น หรือเปิดพัดลมไว้ แต่ไม่ได้อยู่บริเวณนั้น เวลาปิดทีวี จะไม่ยอมปิดสวิทต์ แต่ใช้รีโมทปิดเอา เราต้องตามดึงปลั๊ก ปิดทุกอย่าง มีปัญหาทะเลาะกันเสมอคะ เรื่องนี่ พ่อคิดว่าเรางก แต่เราเสียดายเงินค่าไฟคะ เวลาไปห้างฯ ซื้อของ เราชอบหิ้วกระเป๋าผ้าใบใหญ่แบบสะพายข้างเสมอ บางทีของเล็กๆ เราก็ไม่เอาถุงคะ แต่ส่วนมากจะซื้อแบบพวกบ้าหอบฟาง แล้วเดี๋ยวนี้ตามห้างฯ เขาจะไม่ค่อยยอมซ้อนถุงให้ เวลาจ่ายเงินเสร็จ เราจะต้องเอาของบางส่วนใส่กระเป๋า แล้วเอาถุงที่ย้ายของใส่กระเป๋าซ้อนถุงอื่นเอาเอง เพราะโดยมากแล้วมันจะต้องเดินทางไกลคะ แถว ๆ บ้านเราไม่ค่อยมีของขายคะ ต้องนั่งรถออกไปไกล ๆ คะ จากคุณ : วิหคลม - [ 4 ก.ค. 51 10:34:35 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เมื่อวานว่าจะเข้ามาแจมกระทู้นี้ แต่เห็นคุณ MSG ลากลิงค์กระทู้เก่าของคุณป้าเองค่ะ เข้ามาแปะให้ จขกท เรียบร้อยแล้ว ก็เลยเห็นดีเห็นงามไปด้วยโดยปริยาย และจะได้ไม่ต้องเปลืองพลังงานตัวเองพิมพ์เองอีกครั้ง... แต่วันนี้อดไม่ได้ที่จะเข้ามาอีก เนื่องจากเมื่อวานได้รับบิลค่าไฟใหม่ และก็ได้รู้ว่าค่าไฟที่บ้านดิฉันลดลงมากถึง 50% มาเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว ทั้งๆที่ค่าไฟ้ฟ้าขึ้นราคาด้วยซ้ำ เมื่อคืนนี้เลยนั่งคุยกันกับสามีว่า เพราะอะไร..? 1. เนื่องจากเปลี่ยนหลอดไฟทั้งบ้านเป็นแบบประหยัดไฟ 2. ตั้งเวลาเปิด-ปิดไฟในบ้านบางจุดอัตโนมัติ 3. ใช้ไฟฟ้าเมื่อจำเป็น เมื่อเลิกใช้ปิดทันที 4. เครื่องไฟฟ้าทุกชนิดจะไม่อยู่ใน Stand by mode 5. ซักผ้าด้วยน้ำธรรมดาเท่านั้น ไม่ตั้งโปรแกรมให้เป็นน้ำร้อน-อุ่น 6. เมื่อค่าไฟ/แก๊ซขึ้นราคา เราต้องตัดการใช้ไฟฟ้าที่ไม่จำเป็นส่วนอื่นๆออก เพื่อรักษาบิลค่าไฟให้สมดุล คือ ไม่ให้สูงขึ้นกว่าเดิมจนน่าตกใจ แต่ผลที่ได้มันมากกว่าความสมดุลเพราะค่าไฟไม่ได้สูงขึ้นเลยแม้แต่น้อย แต่กลับลดลงเป็นอย่างมาก เพราะการเปลี่ยนลักษณะนิสัยในการใช้ไฟฟ้า/แก๊ซอย่างมีเหตุผล ไม่ใช่ตระหนี่ขี้เหนียวหากใครจะเรียกอย่างนั้น แต่รู้จักใช้ทรัพยากรของโลกอย่างมีเหตุมีผล และไม่เคยอายที่จะบอกใครๆว่าเราอยู่กันอย่างประหยัดและรู้ค่าของเงิน มากกว่าจะอยู่เพื่อรักษาแค่หน้าของตัวเอง...เพราะหากรักษาแต่หน้าซึ่งเป็นพื้นที่ๆเล็กมากๆไม่ได้ประโยชน์ค่ะ แต่หากรักษาโลกย่อมช่วยทั้งตัวเราเอง ครอบครัว เพื่อนฝูง และเพื่อนร่วมโลก ให้มีชีวิตอยู่ได้นานกว่ารักษาหน้าตัวเองเพียงอย่างเดียว เพราะหากรักษาโลกได้แล้ว ก็สามารถรักษาหน้าได้ทีหลังด้วยนะ..ขอบอก *-.-*-.-*-.-*-.-*-.-*-.-*-.-*-.-*-.-*-.-*-.-*-.-*-.-*-.-*-.-*-.-*-.-* อ้อ...อีกประเด็น เครื่องบดอาหารที่บ้านพึ่งเสียไป ดิฉันไม่ซื้อใหม่ ทั้งๆที่มันช่วยให้การทำอาหารเร็วขึ้นมาก แต่ดิฉันก็ซื้อ ครกหินขนาดใหญ่ มาใช้ตำทุกอย่างแทนเพราะคิดว่าใช้ได้นานและไม่ต้องใช้ไฟฟ้าแค่เพื่อทำให้อาหารละเอียด ซึ่งก็ทำให้ประหยัดไฟไปได้อีกทางหนึ่งเช่นกันค่ะ...ใช้ภูมิปัญญาชาวบ้านจริงๆ วุ๊ย...พูดไปชักยาว เอาอีกเรื่องแล้วกันค่ะ เรื่องน้ำผลไม้....เปลืองพลังงาน ! สูญเสียวิตามินไปเยอะหากผ่านการแปรรูปโดยเครื่องคั้นน้ำผลไม้ ไม่ว่าจากบ้านหรือจากร้าน ดิฉันจะใช้วิธี ซื้อผลไม้สดๆทุกๆชนิด แล้วทานจากผล ไม่คั้นเป็นน้ำ ค่ะ เครื่องคั้นผลไม้ก็ตั้งทิ้งให้ฝุ่นจับมานานหลายปีแล้ว เพราะไม่ได้คั้นน้ำผลไม้เลย เพราะเราทานจากผลมันโดยตรง...โดยเรียนรู้ว่าวิธีการทานผักผลไม้ให้เกิดประโยชน์โดยไม่ผ่านการแปรรูปนั้นทำได้อย่างไรจากการศึกษาจากหนังสือต่างๆมีให้อ่านมากมาย... เช่น ... ดิฉันชอบดื่มน้ำแครอทกับเซอเรอลี่มากๆ เดี๋ยวนี้ปรับเปลี่ยนวิถีการรับประทาน โดยทานผักผลไม้เหล่านั้นโดยไม่ผ่านการแปรรูปให้เป็นน้ำผลไม้ก่อนแล้วจึงดื่ม แต่เรียนรู้วิธีการรับประทานผักและผลไม้โดยให้เสียวิตามินน้อยที่สุดและได้ประโยชน์สูงสุดโดยการทานสดๆ อย่างเซอเรอลี่จะทานกับอาหารทะเล กัดทานสดๆเลยอร่อยมากๆ และอย่างแครอทจะไม่สามารถซึมซับได้ดีในร่างกายหากไม่ผ่านความร้อน ดิฉันก็จะใส่แครอทเข้าไปในไมโครเวฟซัก 2 นาที แล้วค่อยทานเพราะปกติจะชอบทานสดๆ หรือผัดกับน้ำมันน้อยๆหรืออบก็ตามแต่ความพอใจในแต่ละวัน และทานเป็นอาหารไป รวมทั้งผักผลไม้ชนิดอื่นอีกด้วยจะใช้วิธีเดียวกันค่ะ อย่างน้ำตะไคร้นี่ก็ชอบสุดๆ แต่เดี๋ยวนี้ก็เลือกทานตะไคร้ผสมลงไปในอาหารแทน ไหนๆเราก็ต้องทำอาหารทานเองอยู่แล้ว กระหน่ำใส่มันลงไปตามชอบ ได้คุณค่าและประโยชน์อย่างเต็มที่ คือ คนเราควรจะเลือกวิธีรับประทานให้เหมาะกับตัวเองและครอบครัว โดยไม่ผ่านกระบวนการแปรรูปโดยการคั้นน้ำจากเครื่องใช้ไฟฟ้า...ซึ่งก็จะลดทั้งขั้นตอนการใช้ทรัพยากรของโลก และได้สุขภาพที่ดีมากขึ้นอีกด้วย อันนี้ใครไม่ลองก็ไม่รู้นะคะ... เฮ้อ...ว่าจะไม่เข้ามาบ่นแล้วเชียว เพราะรู้ว่าต้องยาวทุกที นี่ขนาดเบาะๆนะเนี่ย ยังร่ายไม่หมดเลย... เฮ้อ...เหนื่อย (ได้ออกกำลังกายไปในตัวแล้ว ด้วยการพิมพ์... ไม่ต้องไป Gym ... เปลืองพลังงานโลก !) จากคุณ : กุศโลบายจากความจริง - [ 4 ก.ค. 51 16:44:40 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ผ่านมาอ่าน...   จากคุณ : ชายยอดนักทดลอง - [ 4 ก.ค. 51 17:00:45 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมาไปซื้อของตามร้านค้า ได้ใบเสร็จมา เกือบจะโยนทิ้งซะแล้ว ดีว่านึกถึงที่คุณ Siamese girl แนะนำ เลยเก็บไว้จดทดเลข คุณกุศโลบายจากความจริงไม่ขี้เหนียวหรอกค่ะ คุณรู้จักประหยัด อย่างที่ดิฉันแอบบ่นไว้ว่าบางคนเขาแยกไม่ออกระหว่าง "ตระหนี่" กับ "ประหยัด" ดิฉันว่าคุณประหยัดต่างหาก แล้วอีกอย่างค่ะ ดิฉันไม่เห็นว่าคุณจะบ่นอะไรเลย สิ่งที่คุณ(เรียกว่า) บ่นน่ะ มีประโยชน์ค่ะ แล้วดิฉันจะจำไปใช้บ้าง ขอบคุณทั้งสองท่านเลยนะคะ จากคุณ : Fresita - [ 6 ก.ค. 51 19:29:25 ]